- ไปค่ายตอนที่สิบสาม : สุราเป็นเหตุให้คนจีบกัน -
ผมว่าวันนี้แก๊งดอกไม้ดูแปลกๆ
แต่จะแปลกยังไงก็ช่วงพวกมันก่อน ผมแค่มองพวกสาวสุมหัวซุบซิบก่อนจะผ่านเลยสิ่งที่เห็นไปอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะตอนนี้ความสนใจทั้งหมดอยู่ที่สนามกีฬาซึ่งเทปูนจนใกล้เสร็จเป็นรูปเป็นร่าง เห็นแล้วอดรู้สึกภูมิใจไม่ได้ว่าตัวเองเป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดภาพเหล่านี้ ใครจะไปคิดว่าจากความรู้สึกครั้งแรกที่ถูกชวนแกมบังคับมาที่นี่ ในส่วนลึกผมปฏิเสธมันมาตลอดแต่เวลาผ่านไปผมเหมือนเริ่มจะชินกับผู้คนและวิถีชีวิตของคนที่นี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะใช้ชีวิตอยู่ในชนบทไร้สีแสงก้าวย่างเข้าสู่กลางสัปดาห์ที่สองแล้ว
เหมือนเวลาที่นี่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นชีวิตในแต่ละวันพบเจอกับเรื่องราวตื่นเต้นสนุกสนานมากมาย การออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านครั้งแรกของบ้านเป็นประสบการณ์ที่ไม่เลวนัก จะพูดให้ถูกคือมันดีมาก จากเด็กที่ไม่ชื่นชอบการทำกิจกรรมในอดีตตอนนี้ผมกลับชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่
ผมควักเอาโทรศัพท์มือถือที่ไร้สัญญาณโทรศัพท์ขึ้นมากดบันทึกภาพสนามกีฬาที่ค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างเพราะความร่วมมือของชาวค่ายและชาวบ้านบางส่วนที่แวะเวียนผลัดเปลี่ยนหน้าตากันมาช่วย ดังนั้นจากพื้นดินราบเรียบเมื่อวันวานตอนนี้กลายเป็นสนามปูนขนาดใหญ่ที่รองรับการทำกิจกรรมของโรงเรียนและชุมชน
ภาพตรงหน้าทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว
“อ้ายคับ” (พี่ครับ)
เด็กน้อยลูกชายแม่บุญธรรมของผมวิ่งมาเขย่ามือด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะยื่นถุงขนมพื้นบ้านยัดใส่มือแล้ววิ่งปรู๊ดไปเตะบอลกับเพื่อนต่อ ผมยิ้มขำมองขนมในมือที่ได้กินมาได้อาทิตย์กว่าๆ แล้วเพราะแม่บุญธรรมทำมาฝากทุกวันเรียกว่าได้ว่ามันทำให้ผมลืมขนมเมืองกรุงไปเลย
ขณะที่กำลังแกะใบตองซึ่งข้างในบรรจุขนมพื้นบ้านอย่าง “ข้าวต้มหัวหงอก” ลักษณะคล้ายๆ กับข้าวต้มมัดขนมไทยที่คุ้นเคยกันดีเพราะในตัวข้าวเหนียวนั้นมีไส้กล้วยอยู่ด้านใน แต่ที่ต่างออกไปคือพอนำออกมาจากใบตองตอนนึ่งเสร็จใหม่ๆ แล้วจะนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วจึงนำมาคลุกกับมะพร้าวขูด ปิดท้ายด้วยการโรยด้วยน้ำตาลทราย รสชาติอร่อยอย่าบอกใครเชียว ผมนี่กินรสมือของแม่บุญธรรมทุกวันจนจำได้ เพียงแค่เปิดใบตองที่ห่อมากลิ่นหอมก็โชยมาน่าลิ้มลองแล้ว
โคตรฟิน!
ผมเคี้ยวขนมในมือตุ้ยๆ ระหว่างนั้นรับรู้ถึงสายตาอิจฉาของไอ้เบิร์ดกับไอ้เขมที่ลอบกลืนน้ำลายเสียงดัง ผมยิ้มขำก่อนจะยื่นขนมดังกล่าวให้พวกมัน และไม่กี่นาทีต่อจากนั้นข้าวต้มหัวหงอกที่แม่บุญธรรมเอามาให้สี่มัดก็หมดไปในพริบตา ได้แต่อ้าปากค้างมองพวกกินล้างกินผลาญแล้วเบ้หน้า โธ่เอ้ย กินไปได้มัดเดียวเองก็ถูกปล้นเอาส่วนที่เหลือไปกินต่อหน้าต่อตา
“พวกมึงนี่แม่ง”
“อ่ะๆ กูคืนให้”
ผมเหล่ตามองของในมือไอ้เขมแล้วยิ้มกริ่มมันคือขนมโอรีโอ้ซึ่งถูกแบ่งใส่ถุงร้อนนับได้ประมาณสี่ห้าชิ้น เห็นของกินในมือมันแล้วผมถึงกับตาวาว ถึงแม้จะบอกว่ากินขนมพื้นเมืองจนลืมขนมในเมืองแต่ให้ตายสิ ผมซึ่งชอบกินขนมจุบจิบแบบนี้มาจนติดนิสัยพอเห็นของกินที่เคยชอบถึงกับคว้ามันมาอย่างไว
อย่าว่าผมตะกละนะ ก็แหม! ถึงจะเป็นเวลาเลิกงานแล้วแต่อีกชั่วโมงกว่าถึงจะได้กินข้าวเย็น มันย่อมต้องหิวเป็นธรรมดา ก็ใครใช้ให้ไอ้ห่าพวกนี้มาแย่งขนมที่แม่บุญธรรมผมฝากมาให้หมดล่ะ
โอรีโอ้ไส้ครีม
บิ...ชิมครีม...และจุ่มนม
“กร๊อบ”
“แหวะ”
“อ้วก”
ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ขนมในปากถูกคายออกแทบไม่ทัน โอรีโอ้ไส้ยาสีฟัน ไอ้เหี้ยบัดด๊อกแน่นอน ผมสำลักปาดน้ำลายทิ้งหน้าดำหน้าแดงต่างจากไอ้เพื่อนห่าสองตัวที่มันกุมท้องขำผมจนน่ายันสักที
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“พวกมึงแกล้งกู”
พอมันขำกันเสร็จแล้วถึงได้ยึดขนมในมือผมไปพิจารณาอย่างสงสัย พวกมันบิส่วนสีดำแยกออกจากกันก่อนจะใช้นิ้วแตะๆ ส่วนเนื้อครีมขึ้นมาดมแล้วพูดพร้อมกันว่า
“ยาสีฟัน”
ทำซะเนียนเลยนะไอ้ห่าบัดด๊อก มันปาดไส้ครีมที่แท้จริงออกแล้วเอายาสีฟันสีขาวมาใส่แทน ฮึ้ม!
“เออสิ”
ผมหัวเสียแม่งยาสีฟันสูตรเย็นด้วย นี่เผลอกลืนไปตั้งคำหนึ่งเย็นตั้งแต่ปลายลิ้นถึงลำไส้ใหญ่เลยห่าเอ้ย คิดแล้วก็แค้นใจ ผมว่านี่ต้องเป็นฝีมือไอ้บัดด๊อกแน่นอน นี่อุตส่าห์นิ่งนอนใจมาหลายวันว่ามันจะไม่แกล้งผม ทีไหนได้พอวางใจเข้าหน่อยมันเอาทันทีเลย
อย่าให้รู้นะว่าใครคือบัดด๊อกผม ไม่งั้นล่ะมีเฮแน่!
“พวกมึงเอามาจากไหน”
“ได้มาอีกที เค้าฝากบอกแค่ว่าบัดด๊อกฝากมาให้มึง”
“แล้วทำไมไม่เตือนกูให้เร็วกว่านี้วะ”
ผมแยกเขี้ยวใส่พวกมัน
“ก็มึงอ่ะรีบยัดใส่ปากกูยังไม่ทันพูดอะไรเลย”
“เหอะ!”
“โอ๋ๆ อย่าโกรธพวกกูนะไอ้น้องแรก”
“น้องแรกพ่อง”
ผมเบ้ปากมองพวกมันขบขันผมอย่างอาฆาต ผมว่าไอ้เพื่อนชั่วพวกนี้แม่งต้องมีเอี่ยว ได้แต่ใช้สายตาคาดโทษพวกมันก่อนจะผละออกไปป้วนปาก แต่ยังไม่ทันถึงห้องน้ำก็เห็นเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งกำลังผลักไหล่กันไปมาก่อนจะใครคนหนึ่งจะเปิดปากร้องไห้โฮ ขณะที่คิดว่าจะขยับไปห้ามปรามแต่ก็ช้ากว่าใครบางคนนี่กระโจนเข้าไปในวงเด็กๆ อย่างว่องไว
“พอๆ หยุดทะเลาะกัน”
พี่ปืนรวบตัวหัวโจกที่เริ่มผลักเพื่อนไว้ ขณะที่แก๊งสี่โจรคนอื่นไปห้ามเด็กที่เหลือซึ่งถูกรังแกจนโมโหจะเอาคืน ภาพความวุ่นวายนั่นทำเอาชายค่ายบางส่วนที่เตะบอลกันอยู่แถวนั้นถึงกับหยุดชะงักหันมาสนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากผมที่ขยับเข้าไปใกล้ๆ
“มันยะผมก่อน” (มันผลักผมก่อน)
ฝ่ายโน้นเปิดปากฟ้องทันที
“มึงนะว่ากูก่อน” (มึงนั่นแหละด่ากูก่อน)
“มึงนั้นนะหาเรื่องหมู่กู” (มึงนั่นแหละหาเรื่องพวกกู)
“โหะ ไอ้แห้งนิ” (อ้าวไอ้แห้ง)
“มึงน่ะนิสัยบ่ดี” (มึงมันนิสัยไม่ดี)
เด็กน้อยฝ่ายโน้นที่จำได้ว่าเป็นลูกชายของแม่บุญธรรมผมโกรธหน้าดำหน้าแดง ไม่นับมุมปากที่ม่วงช้ำเดาว่าก่อนหน้านี้คงมีลงไม้ลงมือกัน
“หยุดเลยทั้งคู่” พี่ปืนพูดเสียงเฉียบ
“เรื่องมันเป็นยังไงมีใครจะพอเล่าให้พี่ฟังได้มั้ย”
พี่ปืนกวาดตามองไปรอบๆ มีเด็กตัวแห้งฝั่งโน้นยกมือขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ จนพี่ปืนพยักหน้าน้อยๆ เด็กเลยยอมเปิดปากเล่าเป็นภาษากลางติดสำเนียงพื้นบ้าน
“ไอ้ต๊อดมาว่าไอ้พงษ์ก่อน ว่าไอ้พงษ์ตัวแห้งขี้โรค ท่าทางเหมือนตุ๊ดไม่ใช่ผู้ชายครับ”
“.......”
“ไอ้พงษ์โมโหเลยว่ากลับ ไอ้ต๊อดเลยผลักไหล่”
เด็กนั่นชี้ไปมาทางเด็กอ้วนที่พี่ปืนยึดไหล่อยู่ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายแม่บุญธรรมโมโห ซ้ำยังใช้กำลังกับเด็กพวกนั้นก่อนด้วย เด็กอ้วนหน้าเสียรีบก้มหน้าหรุบตามองต่ำ พี่ปืนก้มมองเด็กที่ตัวเองจับอยู่แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกวักมือเรียกเด็กที่เหลือเข้ามาใกล้ๆ
“พวกเรารู้ใช่มั้ยว่าผิดด้วยกันทั้งคู่”
“.......”
“เราไปหาเรื่องเพื่อนก่อน” ขยี้หัวเด็กอ้วน “เพื่อนโมโหเลยว่ากลับ”
“พวกเราเกลียดเพื่อนมั้ยครับ?”
เด็กฝั่งโน้นหน้าปฏิเสธ “ไม่เกลียดครับแค่โกรธที่โดนว่า”
ถามเสร็จแล้วพี่ปืนก็หันมามองเด็กอ้วนที่ทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ มือหนาลูบศีรษะทุยเบาๆ
“เรารู้ตัวมั้ยว่าเราทำผิด?”
เด็กอ้วนพยักหน้ารับหงึกๆ เริ่มมีน้ำตา
“ถ้ารู้ตัวว่าทำผิดควรทำยังไงครับ?”
“ขอโทษ”
พี่ปืนหันไปถามเด็กฝั่งโน้น “ถ้าเพื่อนยอมรับผิดและขอโทษแล้วพวกเราพอจะให้อภัยเพื่อนได้มั้ยครับ”
เด็กๆ ยิ้มกว้างก่อนจะพยักหน้ารับหงึกๆ “ได้ครับ”
เด็กอ้วนร้องไห้โฮ พอเห็นเพื่อนร้องไห้เด็กๆ ที่เหลือซึ่งก่อนหน้านี้ยังโมโหอยู่ถึงกับเปลี่ยนท่าทีเดินเข้าตบบ่าตบไหล่เพื่อนเพื่อปลอบโยน
“ลูกผู้ชายที่แท้จริงไม่ใช่เพราะมีพละกำลังมากกว่าคนอื่น ไม่ได้ตัวโตกว่าคนอื่น หรือเก่งแต่การหาเรื่องคนอื่นนะ” เด็กอ้วนพยักหน้ารับคำหงึกๆ ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าพี่ปืนแววตาเป็นประกายเหมือนมองฮีโร่ของตัวเองไม่ต่างจากเด็กคนอื่นๆ
“เพราะลูกผู้ชายที่แท้จริงคือคนที่จะพร้อมดูแลคนที่อ่อนแอกว่าเรา รู้จักให้เกียรติผู้หญิง และโตขึ้นมาดูแลพ่อแม่และครอบครัวได้” “ผมจะโตมาเป็นแบบที่พี่พูด”
“พี่ปืนเท่ห์จัง”
“ผมจะโตขึ้นมาเป็นทหารเพื่อดูแลครอบครัวและปกป้องประเทศ”
“ผมอยากเก่งเหมือนพี่ปืน”
พวกเด็กๆ พยายามพูดภาษากลางเหมือนพี่ปืนถึงแม้จะติดสำเนียงพื้นบ้าน ก่อนจะขยับไปรุมล้อมพี่ปืนเป็นภาพที่น่ามองสุดๆ จากเหตุการณ์เด็กๆ ทะเลาะกันกลายเป็นทุกคนรุมล้อมไอดอลของตัวเอง แววตาที่เด็กพวกนั้นมองพี่ปืนเต็มไปด้วยความรักและศรัทธาจนอดตื้นตันแทนไม่ได้ พี่ปืนยิ้มน้อยๆ ลูบศีรษะเด็กๆ ที่มะรุมมะตุ้มอยู่รอบกาย
“สักวันหนึ่งพวกเราจะได้เป็นในสิ่งที่พวกเราอยากเป็น”
“อีกนานมั้ยอ่า”
“ไม่นานหรอกขอให้พวกเราตั้งใจเรียน เป็นเด็กดีของพ่อแม่ ตอนนี้แค่รับผิดชอบหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมายมาก็พอแล้ว”
“โตขึ้นผมจะรักแฟนให้มากๆ”
เด็กตัวแห้งโพล่งขึ้นแล้วยิ้มกว้างทำเอาชาวค่ายที่นิ่งฟังอยู่ถึงกับพากันหัวเราะร่วนอย่างขบขัน
“มันเกี่ยวมั้ยเนี่ย”
เด็กหัวเราะๆ สดใส
“แต่เอาเถอะ อย่างนั้นให้จำไว้ว่านอกจากรักแฟนมากๆ แล้ว ควรดูแลเขาให้ที่สุด และเรียนรู้ที่จะเสียสละเพื่อคนที่รักให้ได้”
เด็กทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจจนพี่แกต้องโยนหัวกันคนละที
“โตขึ้นเดี๋ยวก็เข้าใจเอง”
“ครับ”
พี่ปืนกระตุกยิ้มมุมปากเช่นเคยแต่ครั้งนี้มันทำให้หัวใจของผมไหววูบ ยิ่งรอยยิ้มนั้นถูกส่งไปให้เด็กน้อยที่กำลังเห่อฮีโร่คนใหม่ของตัวเอง ผมคงจะยิ้มกว้างเกินไปมันเลยทำให้คนที่ผมแอบมองอยู่หันมองมาทางนี้แวบหนึ่ง
รอยยิ้มของพี่ปืนแม่งโคตรดาเมจ!
*****************************************
หลังจากล้างหน้าบ้วนปากออกมาจากห้องน้ำ ทันเห็นแก๊งดอกไม้กำลังทำตัวลับๆ ล่อๆ พวกมันมองซ้ายมองขวาก่อนจะผละไปทางหลังวัด ผมเลยเดินมาไปแตะไหล่พวกมันจนสะดุ้งโหยง
“ว้าย”
“จะไปไหนกัน”
“โอ้ย อีแรกกูตกใจหมด” ไอ้หมวยค้อนใส่ผมทีหนึ่ง
“อย่ามาเนียนตกใจ พวกมึงจะไปไหน?”
พวกมันทำหน้าตกใจก่อนเหลือบซ้ายแลขวาแล้วกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบที่ข้างหูราวกับมีลับลมคมใน
“กูจะไปดูชาวบ้านต้มเหล้ากันหลังวัด”
“หา? เหล้าเถื่อนเหรอวะ”
“ไม่ใช่ มึงก็พูดไป”
“เหล้าพื้นบ้านเว้ย ที่จะใช้ในงานแต่งบ่าวสาวอาทิตย์หน้านี้ไง”
“อ๋อ”
“แล้วพวกมึงจะทำลับๆ ล่อๆ ทำไมวะ”
“ก็แหม...” ไอ้หมวยพูดยิ้มๆ “มึงก็รู้ว่าถ้าพี่ปีสามรู้ พวกกูไม่มีทางได้ไป”
แน่สิวะ!
ผมได้ยินมาเหมือนกันเพราะพี่ปิงปองเคยเปรยๆ ว่าสัปดาห์หน้าจะมีงานแต่งงานของหนุ่มสาวในหมู่บ้าน ซึ่งในงานนั้นชาวค่ายทุกคนถูกเชิญให้ไปร่วมเฉลิมฉลองด้วย แต่ก่อนหน้านั้นมีการจัดเตรียมงานหลายอย่างซึ่งหนึ่งในนั้นมีการต้มเหล้าพื้นบ้านซึ่งจะใช้ในพิธีผูกแขนวันแต่ง ก่อนหน้านี้ลุงภารโรงเคยมาชักชวนให้พวกเราไปร่วมชิมร่วมทำกัน
มันน่าสนใจอยู่หรอกถ้าหากนี่ไม่ใช่การละเมิดกฎค่ายที่ว่า
“ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และใช้สารเสพติดทุกชนิดในค่ายเด็ดขาด” แต่ให้ตายเถอะ! การไปดูกระบวนการผลิตเหล้าพื้นบ้านมันก็น่าสนใจไม่น้อยเลยวะ
“ไปด้วยกันมั้ย?”
“ก็น่าสนนะ...แต่ว่า”
ถ้าพี่ปิงปองหรือพี่ปีสามรู้ล่ะก็ตายแน่!
งั้นก็อย่าให้ใครรู้สิวะ!
ผมยิ้มกริ่มให้พวกมันที่แสยะยิ้มราวกับนางมารที่มีแผนชั่ว ให้ตายเถอะ ไอ้หมวยขยับตัวเป็นคนแรกมาตบบ่าผมแล้วพวกมันจะผละออกไป
“ถ้ามึงอยากไปอีกสักครึ่งชั่วโมงค่อยตามไปหลังที่โรงเก็บฟืนนะ จะได้ไม่มีใครสงสัย”
“อืม”
ผมวนกลับมาที่บริเวณหน้าห้องน้ำอีกครั้งก่อนจะหันซ้ายหันขวาเพื่อมองว่าปลอดคนรึเปล่า ก่อนจะตัดสินใจเดินผ่าเข้าไปในเขตวัดแต่ยังไม่ทันได้ไปถึงไหนผมก็มีอันได้เบรกจนตัวโก่งเมื่อไอ้เบิร์ด ไอ้เขมยืนเต๊ะท่าพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ข้างหน้า
“จะไปไหน?”
“เอ่อ”
“พวกกูได้ยินที่มึงคุยกับแก๊งดอกไม้”
“ฉิบหาย!”
ผมพ่นลมหายใจแรงๆ ได้แต่พยักหน้าเออออให้พวกมัน ไม่ต้องบอกจุดประสงค์ก็รู้ว่าผมมีผู้ร่วมทีมในการไปดูกระบวนการผลิตเหล้าพื้นบ้านแล้ว หลังจากนั้นเราทั้งสองก็มุ่งหน้าไปยังโรงฟืนตรงกำแพงติดกับตัววัด ที่นั่นเต็มไปด้วยชาวบ้านทั้งหญิงชายวัยกลางคนแล้วกำลังขะมักเขม่นทำอะไรสักอย่าง อีกมุมหนึ่งมีแก๊งดอกไม้ ลุงภารโรง และรุ่นพี่ปีสองผู้ชายอีกคนกำลังนั่งล้อมวงพิจารณาไหเหล้าอย่างสนอกสนใจ รอบๆ นั่นมีลุงๆ ป้าๆ กำลังเชียร์คนเหล่านั้นให้ลองชิม
“พี่กลม”
ฝ่ายนั้นยกจอกสีใสขึ้นพิจารณาแล้วกระดกเข้าปากก่อนจะยิ้มให้ผมจนหยี โอโห มาถึงก่อนผมอีกให้ตายเถอะ พอเห็นพี่กลมกล้ากินพวกแก๊งดอกไม้ต่างพากับจิบตามทันทีก่อนจะทำหน้ายิ้มระรื่นอย่างพออกพอใจ
ไหนบอกว่าแค่มาด้วยกระบวนการผลิตไง
ฉิบหายแล้ว!
“กฎค่ายข้อที่2....ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และใช้สารเสพติดทุกชนิดในค่ายเด็ดขาด” “เอาน่ามึงนี่อยู่นอกค่ายแล้ว”
ไอ้เบิร์ดตบไหล่เบาๆ ก่อนจะปรี่เข้าไปในวงนั้นทันที ไม่ต่างจากไอ้เขมที่ยิ้มระรื่น โอ้ย พวกมึงนี่หาเรื่องแล้วมั้ยล่ะ ผมได้แต่ยืนทึ้งหัวตัวเองมองทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ชิมสุราพื้นบ้านแก้วแล้วแก้วเล่า
“เอ่อ”
“......”
“กลับกันได้แล้วมั้งพี่ ออกมานานเดี๋ยวพี่ปีสามสงสัย กลับกันเหอะ” สะกิดพี่กลมที่ชักติดลมแล้ว ให้ตายเถอะ พี่แม่งเพิ่งหายไข้นะโว้ย ไหงดอดมาเปิดก่อนพวกผมอีกวะ ชวนกลับแล้วยังจะมายิ้มเรี่ยราดอีก เดี๋ยวเถอะถ้าเรื่องนี้รู้ถึงหูพี่ไกด์พี่ตามแน่พี่กลม
“ลองชิมมั้ยแรก”
“ไม่เอาพี่”
“ลองสักหน่อย เหล้าพื้นบ้านนี่รสชาติดีนะโว้ย รสชาติหวานละมุนเหมือนผลไม้หมักเลย ไม่บาดคอด้วย” ก็เพราะหวานชวนจิบน่ะสิถึงได้ยกเอาๆ จนตาปรือกันแบบนี้
“ลองจิบสักหน่อยสิมึง”
“......”
ผมส่ายหน้าปฏิเสธพยายามสะกิดไอ้เพื่อนสองตัวนี่เริ่มจะเมามันเกินไปแล้ว ไม่ต้องพูดถึงแก๊งดอกไม้ที่ยกเอาๆ เพราะเสียงเชียร์ของพวกลุงๆ ป้าๆ
“กลับกันเถอะ”
“มึงกินสักจอกสิวะเดี๋ยวกูกลับเลย”
ไอ้เบิร์ดยื่นน้ำสีขาวกลิ่นหอมชวนกินมาตรงหน้า
“เอาสิ”
“แต่ว่า”
“ลอง”
เอาวะ!
...กรึ๊บ...
เชี่ยรสชาติหวานละมุนลิ้นมาก ผมเผลอยิ้มออกมาไม่ต่างจากสีหน้าไอ้เบิร์ดที่ยิ้มขำๆ เท่านั้นแหละผมเลยถูกลากเข้าไปในวงเหล้านั่นทันที
...หนึ่งชั่วโมงผ่านไป...
“ไอ้แรกกลับเถอะ”
“หือ?”
“มึงเมาแล้วไอ้ห่าแรกกลับเถอะ”
“ใครเมา กูไม่มาวเว้ย”
ผมหรี่ตามองไอ้เบิร์ดกับไอ้เขมที่พยายามฉุดผมลุกขึ้น
“ไอ้ห่าเตี้ย มึงอ่ะเมาแล้วไปๆ กลับไปล้างหน้าล้างตา ขืนพวกพี่มาเจอพวกเราตอนนี้ ตายห่าแน่ไม่ต้องถามเลย”
“อะไรว้า”
ผมทำสีหน้ารำคาญเสียงพวกมันแล้วเกาไปตามแขนและลำคอที่รู้สึกว่าคันยุบยิบ
“แม่งคันวะ คันอะไรวะ”
“เชี่ยนี่มึงแพ้เหล้ารึเปล่าวะ”
ไอ้เบิร์ดร้องถาม
แพ้เหรอ ไม่รู้สิหรือว่าแพ้วะ ผมก้มมองแขนตัวเองที่ผื่นขึ้นเต็ม มองไปมองมาทำไมรู้สึกว่าแขนข้างนี้มันแยกเป็นสองส่วนวะ ผมสะบัดศีรษะตัวเองแรงๆ ไปมา แล้วกวาดตามองไปรอบๆ เห็นแก๊งดอกไม้ยิ้มเหมือนคนบ้าแต่พวกมันแค่กึ่มๆ ยังไม่เมา ส่วนพี่กลมนั่นนั่งหลับกอดไหเหล้าไปเรียบร้อยแล้ว โธ่ พี่กลม!
“กลับกันเถอะมึง”
“ยังไม่อยากกลับ”
“กลับเหอะ”
“ไม่เอา”
พวกมันพยายามฉุดผมให้ลุกขึ้น อย่าเขย่าแรงสิวะกูยิ่งทั้งคันทั้งตัวแล้วยังจะรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากอ้วกด้วยเนี่ย โอ้ย อย่าเขย่ากูแบบนี้
“เชี่ย”
“มึงว่าใคร?”
“พี่ปืน” พวกมันร้องลั่นทำเอาผมสะดุ้งโหยงตาสว่างทันที ภาพตรงหน้าเหมือนเห็นผี ผมอ้าปากค้างมองใบหน้าถมึงทึงของพี่ปืนที่ยืนจังก้าอยู่ตรงหน้า พวกไอ้เบิร์ดไอ้เขมเข่าอ่อนทันทีเพราะนอกจากพี่ปืนแล้วยังมีแก๊งสี่โจรคนอื่นและพี่ปิงปองที่ยืนกอดอกยิ้มๆ ไม่ใช่ยิ้มธรรมดาแต่แสยะยิ้มอยู่ตรงหน้า
แก๊งดอกไม้สะดุ้งทำทีไปคว้ามาผ้าถุงชาวบ้านที่แขวนไว้แถวนั้นมาถือไว้ประหนึ่งว่ากำลังจะไปซักผ้า ส่วนพี่กลมที่หลับอยู่ก็สะดุ้งพอตื่นรู้ตัวก็คว้าไหเหล้าออกวิ่งทันที แต่ช้าไปหน่อยเพราะพี่ไกด์คว้าไหล่ไว้ทัน อย่างว่าละคนเมาที่ไม่ค่อยมีกำลังจะสู้อะไรได้กับคนไม่เมาที่ไม่ไร้ฝีมือ
สั้นๆ ง่ายๆ ตรงนี้เลยว่า ‘ตายแน่นวล...แบบไม่ต้องสืบความ’
“มาทำอะไรกันที่นี่เหรอ?”
พี่ปิงปองเปิดปากถามคนแรกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่แววตากดดันดูแล้วโคตรสยอง
“มา เอ่อ มาดูเขาผลิตเหล้าพื้นบ้านครับ”
ไอ้เบิร์ดใจกล้าตอบ
“แหม ถ้าน้องเบิร์ดสนใจทำไมไม่บอกพี่ดีๆ ละจ๊ะ พี่จะได้พามาโดยไม่ต้องแอบลักลอบออกจากค่ายซ้ำยังทำผิดกฎค่ายแบบนี้อีก”
ท้ายประโยคพูดเสียงนิ่มๆ เย็นๆ แต่ทำเอาคนฟังสะดุ้งเย็นสันหลังวาบๆ
“เอ่อ”
“กลับค่ายได้แล้วนะน้องๆ เราจะไป
‘เคลียร์’ กันที่ค่าย”
...เคลียร์!...
แค่คิดก็สยองแล้ว ผมเหลือบตามองพี่ปืนที่มองผมนิ่งมันยิ่งทำให้อาการคลื่นเหียนอาเจียนยิ่งรุนแรงขึ้นจนทนไม่ไหว
“อ้วก”
ฉิบหาย!
เสื้อพี่ปืนเลย เสื้อตัวที่ผมซักเมื่อวานก่อนเลย เต็มๆ เสื้อพี่เขาเลย ผมอ้าปากค้างมองคราบอ้วกตัวเองที่โดนแผ่นอกคนตรงหน้าเต็มๆ แววตาดุดันของพี่ปืนมีประกายเรืองรองขึ้นก่อนที่มุมปากจะกระตุกขึ้น แต่ไม่ใช่ภาพที่น่ามองเลยไม่เลยสักหน่อย
มึงต้องชิ่งหนีแรก ต้องหนีจากสถานการณ์นี้ ทำไงดีวะ ทำไงดี ผมทำหน้าซีดเผือดก่อนจะกลั้นใจและหลับตาพริ้ม....แกล้งเป็นลมแม่ง
คร้อกกกกกก
ผมหรี่ตามองแผ่นหลังพี่ปืนที่มองตามพยาบาลไป ก่อนหน้านี้มารู้สึกตัวที่อนามัยแต่ต้องเนียนหลับเพราะยังไม่อยากเผชิญหน้าตรงๆ กับพี่ปืน นั่นแหละระหว่างนั้นผมเลยได้ยินชัดว่าอาการที่ผมเป็นตอนนี้คือแพ้แอลกอฮอล์ในระดับไม่มากแต่ต้องนอนให้น้ำเกลือสักขวดแล้วรอดูอาการสักคืนก่อนถึงจะกลับค่ายได้ เห็นสภาพตัวเองตอนนี้แล้วนึกถึงคนอื่นๆ ที่ถูกพากลับค่ายไปสำเร็จโทษแล้วรู้สึกผิดขึ้นมาจริงๆ
ความรู้สึกตอนนี้โคตรอยากกลับค่ายเพราะการอยู่อนามัยกับพี่ปืนสองต่อสองตอนนี้ ถึงแม้จะมีเจ้าหน้าที่อยู่ผมก็รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัยหรอก เพราะท่าทีนิ่งเงียบไม่พูดไม่จานั่นโคตรน่ากลัว ก็ยอมรับว่าสิ่งที่ทำนั้นเป็นความผิดร้ายแรงและไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเลยจริงๆ ก็สมควรแล้วที่จะถูกลงโทษให้สมกับความผิดที่ก่อขึ้น
...ในเมื่อกล้าทำผิดก็ต้องพร้อมจะรับโทษทุกอย่าง... พี่ปืนเดินกลับมาอีกครั้งทำให้ผมต้องรีบปิดตาลงอย่างรวดเร็ว ผมรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเนิ่นนานยิ่งเสียงฝีเท้าพี่มันใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
“ถ้าตื่นแล้วก็ลืมตา”
“.......”
“กูรู้ว่ามึงเนียนเป็นลม”
ฉิบหายเสือกรู้ทันไปอีก
ผมค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองใบหน้าคมคายที่ยืนกอดอกมองผมนิ่ง
“ผมขอโทษ”
“รู้ตัวด้วยเหรอว่าทำผิด?”
ผมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
“ละเมิดกฎออกจากค่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต ดื่มแอลกอฮอล์และก่อความวุ่นวายในค่าย”
“.......”
ผมเงียบกริบยอมรับทุกข้อกล่าวหา
“เรื่องนั้นประธานค่ายจะจัดการลงโทษมึงเอง”
ผมเผลอถอนหายใจเอาวะอย่างน้อยพี่ปิงปองคงไม่โหดเท่าไหร่
“อย่าเพิ่งดีใจไป ปิงปองมันโหดกว่าที่มึงคิด” พี่ปืนแสยะยิ้ม “กฎก็คือกฎ ทำผิดกฎก็ต้องโดนทำโทษ กูรับรองว่ามึงไม่มีวันลืมบทลงโทษที่จะได้รับนี้ได้หรอก แล้วก็อีกเรื่อง”
“อะ อะไร?”
“มึงด่ากู อ้วกใส่ตัวกู เนียนให้กูอุ้มมาจนถึงอนามัย ลำบากให้กูมาเฝ้ามึงที่นี่อีกมึงต้องรับผิดชอบ”
‘ซวย’ คำสั้นๆ แต่ฟังแล้วไม่สบายใจเอาซะเลย
“ผมไม่ได้ตั้งใจ”
“มึงต้องเป็นเบ้กูจะกว่าจะจบค่าย”
“ฉิบหาย”
ผมทำหน้าเหวอจนมันขยับมาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้
“มึงมีปัญหา?”
มีแน่นอน ปัญหาอ่ะมีแน่นอนเลย ขยับตัวเอาไกลๆ ผมเลย เอามือที่วางเท้าที่หว่างขาผมไปออกด้วยแล้วหน้าเนี่ยไม่ต้องใกล้ขนาดนี้มั้ยล่ะ สรุปคือขยับออกไปไกลๆ จากตัวผมเลยและที่สำคัญหยุดยิ้มสักทีเถอะ
ผมว่าอาการแพ้แอลกอฮอล์ของผมต้องกำเริบอีกแน่ๆ ต้องใช่แน่ๆ
“ขยับออกไปเลย พี่แม่งทำไมชอบแกล้งผมจังวะ”
“ทำไมน่ะเหรอ”
พี่ปืนยิ้มมุมปากแล้วค่อยๆ ขยับตัวออกห่าง
“เคยมีคนบอกว่ามันมีคนประเภทหนึ่งที่ชอบแกล้งคนที่ตัวเอง ‘ชอบ’ แล้วกูก็รวมอยู่ในคนประเภทนั้น” วิ้ง! เหมือนหูจะดับว่ะ!
ร้อนหูร้อนหน้าก็ว่าแย่แล้วเสือกร้อนผ่าวกลางลำตัวจนรู้สึกอึดอัดอยากระบายไปอีก ฉิบหายแล้ว นั่นเหล้าหรือยากระตุ้นอารมณ์ทางเพศวะ ห่าเอ้ย ร้อนไปหมด ผมขยับตัวยุกยิกไปมาจนอีกฝ่ายสังเกตได้พี่ปืนเลยทรุดตัวลงนั่งที่ปลายเตียงของผม
“รู้สึกเหรอ?”
ถามเฉยๆ ก็พอมั้งยิ้มหาพ่อพี่เหรอวะ
“เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรอก ผมไม่ได้กามเหมือนพี่นะ”
นึกถึงเรื่องไส้กรอกของพี่มันแล้วผมอดหน้าแดงไม่ได้ คนห่าอะไรพูดจาสัปดนได้หน้าตายเฉย
“เหมือนกูคือไม่กินเหล้าก็มีอารมณ์ได้น่ะเหรอ” ...อะไรซิ...
กลับมาก่อนเลย กลับมาอธิบายผมก่อนสิเว้ย ห่าเอ้ย ไอ้พี่ปืนมึงแม่งเลวมากพูดเสร็จแล้วเดินหนีออกไป แล้วยังไงคืนนี้ผมต้องนอนดูอาการที่อนามัย แล้วยังไงถ้าพี่ปืนมันนอนเฝ้าผมคืนนี้ แล้วยังไงหัวใจกู ยังไงดี...
“เคยมีคนบอกว่ามันมีคนประเภทหนึ่งที่ชอบแกล้งคนที่ตัวเอง ‘ชอบ’ แล้วกูก็รวมอยู่ในคนประเภทนั้น”
ผมตลบผ้าห่มผืนบางคลุมหัวตัวเองเพราะไม่อยากให้ใครเห็นว่ามือกำผ้าห่มแน่นมาก หน้าตาไม่ต้องพูดถึงว่ามันกำลังแดงมากถึงมากที่สุด
ที่สำคัญผมหยุดยิ้มไม่ได้เลยโว้ย!!!
ผลข้างเคียงจากเหล้าพื้นบ้านแน่นอน เชื่อผมสิ
โดนสำเร็จโทษแน่นอน ฮ่าๆๆๆ
การทำผิดกฏค่ายข้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่ดีนะคะ อย่าลอกเลียนแบบกันน้า
หวีดในทวิตติด #ค่ายสร้างรัก และ #ทีมเมียพี่ปืน