CH13
กว่าที่โค้ชฮันนาห์จะมาถึงทีมที่สองก็เริ่มการแสดงไปแล้ว ทีมPenguin Pitchขึ้นเป็นทีมที่สาม ที่จะต้องแสดงในอีกห้านาทีข้างหน้า แต่ไม่มีใครรวบรวมสมาธิได้เลย โดยเฉพาะแดเนียลที่นั่งกัดเล็บจนสภาพออกมาไม่สู้ดี
“แดเนียลหยุดได้แล้ว” โค้ชสาวกระชากมือที่นิ้วโป้งถูกกัดจนเล็บไม่เป็นรูปออกจากปากเด็กชายที่วิตกกังวลจนหน้าซีด แดเนียลชอบเคเลปมากเธอรู้ แต่ไม่อยากให้คิดกันในแง่ร้ายแบบนี้
“ฟังนะทุกคน” ฮันนาห์ว่าพลางดึงเด็กๆให้มารวมตัวกัน “นี่เป็นรอบสุดท้ายแล้ว อย่าลืมสิเป้าหมายของพวกเธอคืออะไร ถ้าเธอพลาดครั้งนี้ สิ่งที่พวกเธอพยายามสร้างมามันจะพังทลายลงทั้งหมดเลยนะ ส่วนเรื่องเคเลป พวกเธอไม่เชื่อใจวิลกับเรย์โนลด์รึไง”
“ก็เชื่อ.. ค่ะ” แคลร์พูดเสียงแผ่ว เธอไม่ได้สนิทอะไรกับวิลแต่ก็รู้ว่าเป็นคนเก่ง บวกกับเรย์โนลด์ที่เป็นคนฉลาดระดับท็อปของรุ่น ยังไงก็คงหาทางช่วยโค้ชของพวกเธอกลับมาได้แน่ แต่การที่ไม่ได้ยินข่าวคราวก็ยังน่าหวั่นใจอยู่ดี
“ถ้าเชื่อ ก็ต้องทำให้เต็มที่เผื่อเคเลปด้วย หมอนั่นคงดีใจหรอกที่ทุกคนนั่งซึมกันแบบนี้”
ยังไม่ทันที่กำลังใจจะกลับคืนมา เด็กๆก็ถูกเรียกให้ขึ้นไปยังเวทีเสียแล้ว ทั้งห้าคนต่างตัวสั่นอย่างไม่มั่นใจ ซึ่งตอนนี้โค้ชฮันนาห์ก็ทำได้แค่ตบบ่าให้กำลังใจ และคาดหวังว่าพวกเขาจะเจิดจรัสบนเวทีได้
“เอ่อ.. โค้ชฮันนาห์ครับ” เสียงเล็กๆเรียกเธอให้หันไปมอง เป็นอีวานเด็กน้อยที่ยืนตัวสั่น เธอจึงดึงเด็กหนุ่มมากอดให้กำลังใจ
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกังวลเลย เคเลปไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว”
“เปล่าครับ ไม่ใช่เรื่องนั้น” อีวานผลักโค้ชสาวออกเบาๆ แววตาสั่นระริก “คือว่า…”
“ทำอะไรอยู่น่ะอีวาน มาได้แล้ว” เสาหลักสาวของวงรีบเดินกลับมาดึงรุ่นน้องที่ยังโอ้เอ้ อีวานจึงไม่มีโอกาสเอ่ยอะไรไปมากกว่านั้น เพราะเพียงแวบเดียวก็ถูกดึงให้มายืนใต้แสงสปอตไลต์แล้ว
เด็กน้อยเหลือบมองโจที่ยืนหน้านิ่ง ภาวนาไม่ให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้น…
หลังจากที่เด็กๆเดินขึ้นเวทีไปไม่ถึงนาที โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของโค้ชฮันนาห์ก็สั่นขึ้น เธอรีบหยิบมันขึ้นมาทันที และแทบกรีดร้องออกมาเมื่อคนที่โทรเข้ามาคือคนที่เธอรอคอย ในที่สุดก็ได้รับรู้ข่าวว่าเคเลปปลอดภัยดี แต่สิ่งที่พวกเด็กๆขอให้เธอทำนั้น… หรือว่าบนเวทีนั่นจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะ?
“เรย์โนลด์ ขี่มอเตอร์ไซด์เป็นใช่มั้ย?”
เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ แต่ก็ยังงงๆว่าวิลจะถามทำไมกัน จนกระทั่งคนตัวโตโยนกุญแจรถให้ก็ยังงงอยู่ดี
“ขับพาเคเลปไป ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการไอ้คนที่นอนอยู่ในบ้านนี้”
“หา เรียกตำรวจเลยเหรอ!” เรย์โนลด์ถามอย่างตกใจ เขารู้ว่าเรื่องครั้งนี้มันร้ายแรงแต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนั้น ถ้าตำรวจรู้เรื่อง อนาคตของชาร์ลอาจไม่เหลือ…
“จะเห็นใจคนที่ทำแบบนี้เหรอ ไปได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันการพอดี” พอโดนเร่งมาอย่างนั้นเรย์โนลด์ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่พยุงเคเลปให้ขึ้นมอเตอร์ไซด์ก่อนที่ตัวเองจะขึ้นไปเป็นคนขับ เขากระชับแขนเคเลปไว้ที่เอวอย่างดีเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายตก
“ไปแล้วนะครับ” เรย์โนลด์บอกลาวิลแล้วบึ่งรถออกมาทันที เคเลปที่ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงซบลงกับหลังเด็กหนุ่มคล้าย ดวงตาใกล้ปิดลงเต็มทีเพราะแสบตากับแรงลมเนื่องจากวิลไม่ได้พกหมวกกันน็อกมาเผื่อคนซ้อน พอหลับตาลงก็คล้ายสติจะหลุดลอย มีเพียงคำพูดเบาๆที่เอ่ยออกมาด้วยความเป็นห่วงเด็กๆจับใจ
“ทุกคน…”
“แดเนียล…”
โค้ชฮันนาห์ยืนมองเด็กๆบนเวทีอย่างหวั่นใจ เธอสังหรณ์ใจไม่ดีเลยเมื่อพวกเด็กๆพูดกันแบบนั้น เธอมองเด็กๆในชุดสูทที่ก้มหน้านิ่งรอการเริ่มต้นจากอีวาน ที่เธอรู้สึกว่าเด็กน้อยดูเป็นกังวลอย่างไรชอบกล ถึงได้ไม่ยอมขึ้นต้นสักที
“อีวาน” แคลร์ที่ยืนอยู่ข้างๆดึงไมค์ออกห่างจากปากแล้วพูดเสียงเบาๆให้พอแค่อีวานได้ยิน เด็กน้อยมองหน้าพี่สาวอย่างชั่งใจ เขารู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นจึงไม่อยากร้องออกไป
คนดูในงานเริ่มสงสัย พอๆกับโค้ชฮันนาห์ที่เริ่มกระสับกระส่าย เธอจ้องไปที่อีวาน ส่งสายตากดดันให้เด็กหนุ่มร้องออกมา เพราะหากไม่ทำอะไรตอนนี้ ทางงานอาจจะตัดสินใจตัดสิทธิ์ของทีมได้
อีวานกลืนน้ำลาย เขามองไปที่โจที่ก็ส่งสายตามาว่าให้รีบๆร้องเสียที เด็กหนุ่มยกไมค์ขึ้นจรดปาก ก่อนจะเริ่มให้จังหวะอย่างไม่ผิดเพี้ยน
พี่ๆทั้งสี่คนต่างลอบถอนหายใจ แดเนียลที่ต้องร้องคนแรกมองตรงไปข้างหน้า พยายามข่มความเป็นห่วงโค้ชของทีมและตั้งใจทำโชว์ให้ดี ใช่แล้ว เขาต้องเชื่อใจวิลและเรย์โนลด์ และทำสิ่งที่เคเลปจะดีใจมากที่สุด
“I’ve been here before
But always hit the floor…”
ช่วงของแดเนียลก็ดีเป็นปกติอยู่หรอก ถึงแม้จะกังวลแต่ก็กลบมันมิดมากจนอดที่จะชื่นชมไม่ได้ ห่วงแต่ท่อนต่อไปที่เป็นของโจ อีวานให้จังหวะไปกังวลไป ถึงแม้ตอนนี้ที่โจทำคอรัสให้อยู่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในท่อนโซโล่… อาจจะทำให้พังก็เป็นได้
แต่มันกลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย…
อีวานตกใจจนลมหายใจเกือบสะดุดไปแล้วหลายครั้ง เริ่มหวั่นว่าตัวเองนี่แหละจะเป็นคนทำให้โชว์ล่มเสียเองหรือเปล่า พอมองไปที่โจ อีกฝ่ายก็ดูจะอินกับเพลงและทุ่มเทดี นี่มันยังไงกันนะ?
“ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้” โค้ชฮันนาห์ว่าแล้ววางสายโทรศัพท์ เรย์โนลด์เพิ่งโทรเข้ามาบอกว่ามาถึงแล้ว ไม่รู้เหยียบไปเท่าไรถึงได้มาเร็วขนาดนี้ ถึงเด็กหนุ่มจะบอกว่าจากบ้านชาร์ลมันใกล้ แต่คนโตกว่าก็หวั่นใจอยู่ดีว่าหลังจากนี้จะได้รับใบสั่งอะไรให้เดือดร้อนหรือเปล่า
“เป็นไงบ้าง” หญิงสาวเห็นเคเลปยืนโดยมีเรย์โนลด์พยุงอยู่ก็แทบลมจับ เทพบุตรของชมรมที่มักดูดีเสมอครั้งนี้กลับเสื้อผ้าหลุดลุ่ยผมเผ้ายุ่งเหยิงแถมหน้ายังโทรมสุดๆ เรียกได้ว่าถ้าแฟนคลับของหมอนี่มาเห็นคงใจสลายกันหมด
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เคเลป ทำไม…”
“ยานอนหลับ ไอ้บ้าชาร์ลมันมอมผมจนมึน”
“ไปโรงพยาบาลก่อนดีมั้ย” โค้ชสาวถามด้วยความเป็นห่วง แต่เคเลปกลับเอาแต่ส่ายหน้า แถมเพราะส่ายหน้าจนปวดหัวจนต้องกุมหัวอีกต่างหาก
“ผมไม่เป็นไร พวกเด็กๆเป็นไงบ้าง”
“กำลังแสดงอยู่ นี่.. มันมีอะไรงั้นเหรอ ทำไมพวกเธอต้องบอกให้ฉันรั้งพวกเขาไว้ด้วย” โค้ชฮันนาห์ถามอย่างไม่เข้าใจ แต่เคเลปไม่ตอบในทันที กลับพยายามลากตัวเองและเรย์โนลด์ให้เดินหน้า รวมถึงดึงโค้ชฮันนาห์ให้ตามมาด้วยกันอีกด้วย เขาดูร้อนรนจนหญิงสาวต้องช่วยหิ้วปีกอีกข้าง
“ไอ้ชาร์ลบอกว่า.. โจจะรับทุนของเซนต์เมลลี..”
“หา!” หญิงสาวหยุดเดินกะทันหัน อ้าปากค้าง เธอมองหน้าเคเลปทีและมองเรย์โนลด์ที่พยักหน้าซ้ำที นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
“รีบเถอะครับ…”
พวกเขามาที่หลังเวทีกันอย่างร้อนรน เดินผ่านกลุ่มTiger Blastที่ดูจะมีสีหน้าตกใจ เรย์โนลด์หันไปมองพวกนั้นแวบนึงซึ่งทั้งกลุ่มต่างก็มองเมินไปอีกทาง ทั้งๆที่ปกติจะต้องพูดจาแย่ๆหาเรื่องกันแท้ๆ แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นคงเพราะกำลังตกใจที่เคเลปมาที่นี่กันอย่างนั้นสินะ
“พวกนั้นดูจะตกใจกันนะครับ” เรย์โนลด์กระซิบที่ข้างหูของเคเลป ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้า จากที่มองโลกในแง่ดีนิดหน่อยว่าพวกนั้นก็อาจจะแค่ใช้ชื่อโจหลอกเขา แต่ตอนนี้กลับคิดว่ามันต้องเป็นจริงแน่ๆ
“แสดงถึงไหนกันแล้ว…”
“กำลังจะถึงท่อนบริดจ์” โค้ชฮันนาห์ตอบเคเลปขณะที่กำลังจะเดินไปหยุดดูที่ข้างเวที เคเลปเดินไปหยุดด้วยความกังวล แดเนียลกำลังจะร้อง ต่อด้วยโจ…
“If I risk it all
Could you break my fall?”
เคเลปที่ประสานมือไว้ที่หน้าอกคลายมือออกเมื่อแดเนียลร้องท่อนสำคัญผ่านไปด้วยดี เด็กชายกำลังจะหันหลัง หมุนให้โจออกมายืนเบื้องหน้าแทน ตอนนั้นเองที่สายตาของสองคนประสานกัน
แดเนียลตาเบิกกว้างเมื่อเห็นเคเลปยืนอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มเกือบยิ้มออกมากว้างแต่ก็หุบไว้ทันเมื่อเจอสายตาดุๆของโค้ชฮันนาห์ เคเลปเองก็เกือบเผลอหลุดยิ้มออกมาเหมือนกัน มันเป็นความรู้สึกที่สบายใจและรู้สึกดี ที่เห็นแววตาของแดเนียลเป็นห่วงเขาถึงขนาดนั้น
แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะสนใจแดเนียล เพราะปัญหากำลังจะเกิดขึ้นแล้ว โจกำลังร้องท่อนถัดไปอย่างจริงจังและไม่ผิดเพี้ยน แต่มันก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะโจอาจจะตั้งใจทำให้ผิดพลาดในคำสุดท้ายเลยก็ได้
เคเลปกวาดตามองไปทั่วเวที อลันกับแคลร์อยู่ไกลหน่อยเลยมองเห็นไม่ชัดนัก แต่เขาเห็นอีวานกำลังมองมา เด็กนั่นไม่ได้มีความดีใจที่เขาโผล่มาเลยสักนิด กลับกัน เด็กน้อยกลับมีสีหน้าตื่นตระหนก เห็นได้ชัดเลยว่าแววตากำลังหวาดหวั่น ถึงแม้ปากจะขยับให้จังหวะแต่กลับกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เขานึกถึงตอนที่อีวานที่เดินมาหาแล้วพูดเสียงกระซิบราวกับมีอะไรในใจ จากนั้นก็โดนโจลากคอออกไป แปลว่าเด็กคนนั้นรู้อยู่แล้วสินะว่าต้องเป็นแบบนี้! เคเลปกัดฟันกรอด โมโหตัวเองที่มองอะไรไม่ออก จนปล่อยให้มาถึงวันนี้
“For you I have to risk it all
Cause the writing’s on the wall”
สามคนที่ยืนอยู่ข้างเวทีหลับตาปี๋ด้วยความลุ้น แต่ท่อนร้องไฮไลต์ท่อนนั้นกลับจบลงอย่างงดงามเสียอย่างนั้น น่าตกใจถึงขนาดที่ว่าอีวานเผลอหยุดทำการแสดงไปสองวินาที และไม่ใช่แค่พวกเคเลปหรอกที่ตกใจ เพราะว่าพวกTiger Balstเองก็ดูท่าจะตกใจไม่แพ้กัน
“เฮ้ย ทำไมวะ”
“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย”
เสียงซุบซิบแบบตื่นๆของหลายคนตรงนั้นทำให้เรย์โนลด์รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอัดวิดิโอ เขาไม่รู้หรอกว่ามันจะเอาไปใช้อะไรได้รึเปล่า แต่มีไว้กันเหนียวก็ดีกว่า
การแสดงจบลงหลังจากนั้นไม่นาน เสียงปรบมือดังกึกก้องพร้อมๆกับเด็กทั้งห้าคนที่ฉีกยิ้มกว้าง โค้งให้ผู้ชมอย่างยินดี ก่อนจะพากันลงมาจากเวที
“อ๊ะ คุณเคเลป” อลันทักขึ้นอย่างดีใจ จะเดินเข้าไปหาแล้วแต่ก็ไม่ไวเท่าแดเนียลที่จ้ำเข้ามาคว้าชายหนุ่มเข้าไปกอดเสียอย่างนั้น
“ผมเป็นห่วงคุณมากเลยรู้มั้ย” ว่าแล้วก็ซบหน้าลงกับลาดไหล่พร้อมกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม หัวใจเคเลปกระตุก มันเริ่มเต้นดังโครมครามหลังจากอีกฝ่ายสวมกอด ชายหนุ่มยกมือขึ้นกอดตอบ
“ขอบคุณนะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เคเลปดันตัวอีกฝ่ายออกห่างแล้วก้มหน้า รู้ตัวว่าถ้ามองหน้าจะมีสีหน้าแบบไหนออกมา ถึงได้เฉไฉเดินไปกอดคนอื่นๆเสียอย่างนั้น
“เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย จู่ๆก็หายไปแบบนั้น”
“เป็นเพราะคนแถวนี้รึเปล่าคะ” อลันถามด้วยสีหน้าเป็นห่วงก่อนที่แคลร์จะถามซ้ำพลางปรายตาไปยังทีมTiger Blastที่เริ่มอยู่ไม่สุข
“กลับห้องพักกันก่อนเถอะ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” เคเลปจะดันตัวแคลร์ที่โอบเมื่อครู่ให้เดินหน้า แต่จู่ๆโจที่กำลังหอบแฮ่กกลับมายืนขวางทางอย่างน่าแปลกใจ จะว่าไป เมื่อกี้พอลงเวทีมาโจก็หายไปเลย ถึงจะแค่แป๊บเดียวแต่ก็น่าสงสัย
“มีอะไร ไปคุยกันข้างในมั้ย ฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ”
เคเลปว่าพลางพยายามถลึงตา เขารู้มาว่าโจจะทรยศก็จริงแต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้โชว์เสีย ความรู้สึกจึงค่อนข้างครึ่งๆกลางๆจนไม่สามารถทำตาดุเชิงข่มขู่ได้ดั่งใจ
“ผมก็ว่างั้นแหละ เพราะงั้นถึงให้รออยู่ตรงนี้กันก่อนไง”
โค้ชหนุ่มหรี่ตาอย่างจับผิด ก่อนจะยอมพยักหน้า เชื่อเด็กนี่สักครั้ง แม้ว่าเรย์โนลด์กับอีวานจะคอยกระตุกเสื้ออยู่ด้านหลังว่าทำแบบนี้ดีแล้วแน่เหรอ แต่เคเลปก็ยังยืนอยู่กับที่ไม่เปลี่ยน สร้างความงงงวยให้กับคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์อย่างแดเนียล อลัน และแคลร์เป็นอย่างยิ่ง
“มีเรื่องอะไรกันน่ะ” แคลร์ถามเมื่อรู้สึกไม่สบายใจ ทั้งๆที่เมื่อครู่ยังยินดีร่วมกันอยู่แท้ๆ แต่ทำไมเคเลปถึงทำกับโจเหมือนเป็นศัตรู คนอื่นๆก็ด้วย เธอหันหน้ามองแดเนียลที่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้เรื่องเช่นกัน
เสียงประกาศเรียกทีมTiger Blastขึ้นแสดงเรียกความสนใจจากทุกคนได้เป็นอย่างดี ทีมเพนกวินทุกคนต่างหันขวับไปมองกลุ่มคนที่กำลังเดินผ่าน และดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกตัว ว่าสายตาพวกนั้นมันมองมาที่โจอย่างอาฆาต แต่คนถูกจ้องกลับเพียงแค่ยิ้มกลับไปเท่านั้น
“อะไรกันน่ะ ทำไมพวกนั้นต้องมองนายด้วย” อลันถามขึ้นมา ซึ่งโจก็ทำแค่ยักไหล่
“เดี๋ยวก็รู้” โจว่าแล้วเสมองทีมTiger Blastที่ยืนประจำตำแหน่งกันเรียบร้อยแล้ว ทว่าก่อนที่จะได้เริ่มร้อง กลับมีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบร้อนเดินขึ้นเวที สร้างความงงงวยและความตกตะลึงแก่ทีมบนเวที รวมถึงกลุ่มเพนกวินที่อยู่ด้านล่างด้วย
“ต้องขออภัยแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะคะ แต่ทางเราต้องขอระงับการแสดงของทีมTiger Blastก่อนนะครับ เนื่องจากตรวจพบการทุจริตของทีม สมาชิกทุกคน โปรดตามผมลงไปด้วยครับ”
สมาชิกทีมเริ่มอยู่ไม่สุข ยึกยักไม่กล้าลงจากเวทีจนผิดสังเกต เจ้าหน้าที่อีกสองสามคนจึงต้องขึ้นมาช่วยมาต้อนไป หลังจากเจ้าหน้าที่คนแรกกล่าวขอโทษแขกในฮอลล์เสร็จก็เดินมาหากลุ่มเพนกวินที่ยังงงอยู่ และหยุดที่โจ
“เธอตามมาด้วยนะ เพื่อนๆเธอด้วย”
“คร้าบ”
ถึงจะยังงงๆแต่ทุกคนก็ยอมเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังห้องๆหนึ่งในฮอลล์ที่มีคอมพิวเตอร์กับจอโปรเจคเตอร์ขนาดใหญ่ ทีมTiger Blastถูกบอกให้นั่งด้านหน้า ขณะที่โจถูกเรียกให้ไปยืนข้างเจ้าหน้าที่คนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ด้านหน้า ส่วนทีมเพนกวินที่เหลือถูกบอกให้นั่งด้านหลัง
“นี่มันอะไรกันเนี่ย…” แดเนียลเอ่ยขึ้นอย่างงงวย รวมถึงทุกคนที่ต่างก็แสดงปฏิกิริยาเดียวกัน ในขณะที่โจยิ้มออกมาน้อยๆขณะยืนเคียงข้างเจ้าหน้าที่ที่ตรงคอมพิวเตอร์ เจ้าหน้าที่หนุ่มจ้องมองไปเบื้องหน้าก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
“เราได้รับแจ้งมาว่าทางทีมTiger Blastทำการทุจริตในการแข่งขันนี้ โดยการเสนอให้คนของทีมPenguin Pitchกระทำการหักหลังเพื่อนร่วมทีม”
“เดี๋ยวนะ เดี๋ยวๆ” เจ้าหน้าตกกระบรูโน่เอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินข้อกล่าวหา “ใครจะหักหลังอะไรมันก็เรื่องของทีมนั้น จะมากล่าวหาพวกผมไม่ได้ ที่สำคัญหมอนั่นยังไม่ได้ทำอะไรด้วย”
ด้วยความใจร้อนทำให้เผลอพลั้งปากและชี้หน้า‘หมอนั่น’ที่ว่าไป มาร์โคกัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจที่เอ่ยห้ามเด็กในทีมของตนไม่ทัน สมาชิกคนอื่นเองก็รู้ตัวถึงสิ่งที่บรูโน่พูดแล้ว
“คุณเจ้าหน้าที่ยังไม่ทันบอกเลยว่าเป็นโจที่จะหักหลังพวกเรา” เรย์โนลด์เอ่ยขึ้นและนั่นทำให้บรูโน่หน้าซีด ทันใดนั้น โจยิ่งซ้ำไปด้วยการเปิดคลิปเสียงที่ตนอัดไว้ยามคุยกับมาร์โคให้ดังออกลำโพง แม้ยังไม่ได้มีการตรวจสอบ แต่แค่ฟังก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าโจกำลังคุยกับใคร
อีวานเอ่ยเบาว่าเป็นแบบนี้เองงั้นหรือ ให้พี่ๆในทีมต่างรุมล้อมถามว่ารู้ได้ยังไง ตั้งแต่เมื่อไร แต่อีวานก็จนใจจะตอบคำถาม เพราะเขารู้แค่ว่าโจตกลงจะรับทุนทางนั้น ไม่ได้รู้เรื่องที่โจทำในวันนี้ เพราะงั้นเด็กน้อยจึงได้หันหน้าไปทางโจ ให้รุ่นพี่ที่ยืนจ้องทีมTiger Blastด้วยแววตาสะใจอธิบายแทน
“ตามที่ทุกคนได้ยินนั่นล่ะครับ คุณมาร์โค โค้ชของทีมTiger Blastเข้าหาผมโดยใช้ทุนมาล่อให้ผมทำทีมแพ้ อย่างนี้แล้วมันไม่ใช่เรื่องของผมที่คิดจะหักหลังทีม แต่เป็นทีมนั้นสั่งมา อย่างนี้นับว่ามีความผิดได้ใช่มั้ยครับ?” โจถามเจ้าหน้าที่ที่พยักหน้า แล้วจึงกล่าวต่อ “น่าเสียดายที่ผมไม่คิดหักหลังทีมผม แล้วก็ไม่ต้องการทุนของคุณด้วย”
มาร์โคที่นั่งฟังกัดฟันกรอด สมาชิกในทีมคนอื่นเริ่มลุกลี้ลุกลน ความกลัวความผิดเริ่มครอบงำในสมองโดยที่ไม่รู้จะแก้ต่างยังไง ทั้งยังนึกไปถึงบทลงโทษที่ทีมอาจจะได้รับด้วย
“แล้วยังเรื่องมอมยาโค้ชของPenguin Pitch...” เสียงทุ้มจากทางประตูเอ่ยขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมอง เป็นวิลที่เดินเข้ามาพร้อมกับตำรวจสามนาย “ชาร์ล สมิธ รับสารภาพหมดแล้ว”
เสียงอื้ออึงของเด็กในทีมดังขึ้นจนมาร์โคแทบประสาทกิน เขาจะกดมือถือหาแมตต์ ผู้เป็นนาย แต่โค้ชฮันนาห์ที่ไปยืนอยู่ข้างๆตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ได้ยั้งมือนั้นไว้
“จะโทรหาแมตต์เหรอ ให้เขาได้ข่าวจากตำรวจดีกว่า”
เจ้าหน้าที่ที่เงียบมานานแล้วสบโอกาสจึงได้พูดขึ้น “จากตอนนี้ทีมTiger Blastคงได้รับทราบความผิดของตัวเองแล้ว ทางเราจะขอประกาศบทลงโทษโดยการตัดสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งทั้งหมดสามปีรวมปีนี้ ส่วนเรื่องที่เป็นคดีความนอกเหนือจากนี้ ทางกองประกวดจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว”
สิ้นคำนั้นๆ เด็กทุกคนของTiger Blastต่างจำยอมก้มหน้า มีเสียงสบถลอยมาเป็นระยะแต่ก็ยอมเดินออกจากฮอลล์ตามที่เจ้าหน้าที่คนอื่นนำทาง ส่วนมาร์โคถูกตำรวจพาตัวไปในฐานะผู้เกี่ยวข้อง ซ้ำจะยังติดต่อแมตต์ผู้ซึ่งเป็นคนต้นคิดในภายหลัง ทำเอาโค้ชฮันนาห์ยิ้มร่าเมื่อเสี้ยนหนามของการแข่งถูกกำจัดโดยใสสะอาด แม้จะสงสารเด็กอยู่บ้าง แต่สิ่งที่ทั้งแมตต์ทั้งมาร์โคเคยทำไว้มันสมควรได้รับผลตอบแทนเช่นนี้จริงๆ
“ไชโย!” จู่ๆร่างอ้วนๆของอลันที่นั่งเงียบมาตลอดก็ยกมือขึ้นกู่ร้องท่ามกลางความตกใจของทุกคน แต่เพียงพริบตามันก็กลายมาเป็นเสียงหัวเราะด้วยความยินดี
“ทางเราขอเชิญตัวคุณเคเลปด้วยนะครับ” นายตำรวจนายหนึ่งเดินเข้ามาหาเคเลปพร้อมกับวิลขณะที่ทุกคนกำลังเฮฮา เคเลปพยักหน้ารับ รู้ตัวว่าตัวเองเป็นหนึ่งในพยานเนื่องจากเป็นผู้ถูกกระทำ จึงคิดจะเดินตามนายตำรวจหนุ่มผู้นั้นไป แต่กลับมีแรงบรบที่แขนมายั้งไว้เสียก่อน
“คุณเคเลป.. ผม..” แดเนียลเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาเป็นห่วงเคเลปมากที่สุดและยังไม่มีโอกาสได้แสดงความจริงใจนั้นเลย แต่เคเลปก็ทำแค่แตะแขนเบาๆแล้วบอกว่าเดี๋ยวเจอกันเท่านั้น ทิ้งให้แดเนียลยังจมจ่อมกับความรู้สึกภายในใจ
“ว่าแต่… ที่ว่าไม่รับทุนของที่นั่นแล้วนายจะเข้าเรียนอะไรน่ะ” แคลร์ที่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ถามโจอย่างสงสัย พวกเธอสามคนถูกส่งชื่อในโควตาทุนของมิดเดิลตันไปแล้ว แล้วโจที่ไม่ได้รับทุนนั้น รวมถึงทุนของเซนต์เมลลีจะมีอนาคตอย่างไร
“อ่า.. ถึงเวลาต้องบอกจนได้สินะ.. คือ” โจนิ่งเงียบไปอย่างรู้สึกอึดอัด ก่อนจะถอนหายใจแล้วตัดสินใจพูดออกมา “ครอบครัวฉันต้องย้ายกลับไปอยู่จีนน่ะ ไม่ยอมให้ฉันอยู่ที่นี่คนเดียว เพราะงั้นก็เลยจะต้องไปเรียนที่นั่น.. น่ะ…”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบหลังพูดจบ ไม่มีใครรู้มาก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่าเพื่อนคนนี้จะต้องจากกับทุกคนไป โดยเฉพาะแคลร์ที่นิ่งอึ้งไปก่อนจะตรงเข้ากระชากไหล่ทั้งสองข้างของคนตรงหน้า
“แล้วทำไมไม่เคยบอกฉัน!” เธอตะคอกแต่น้ำเสียงกลับสั่นเครือ เพื่อนๆต่างรู้กันดีว่าสองคนนี้รู้สึกต่อกันเช่นไรแต่ไม่มีใครเคยพูดอะไรออกมา แม้แต่เจ้าตัวเอง เพราะฉะนั้นจะเรียกว่ามารู้ตัวเอาตอนที่สายไปก็ไม่ผิด
โจลูบหัวอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ย “ขอแค่สี่ปีนะแคลร์ แล้วฉันจะกลับมาทำงานที่นี่ รอฉันได้ใช่มั้ย”
“แล้วฉันมีทางเลือกเหรอ..” หญิงสาวตอบเสียงแผ่ว ยังไม่ยอมปล่อยมือที่กำเสื้ออีกฝ่ายไว้แน่น โจหันไปมองคนอื่นๆ
“แล้วจะรีบกลับมานะเว้ย”
“อืม..” อลันกับแดเนียลตอบรับเสียงเบา พวกเขาเดินตรงเข้าไปกอดคนทั้งคู่ นิ่งกันอยู่อย่างนั้น จนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่มาตาม
“จะได้เวลาประกาศผลแล้วครับ”
ทุกคนจึงต้องจำใจออกจากห้องนั้นไป