รักพอเพียง : ตอนที่ 5
“เออนี่ เดี๋ยวคุณอาบน้ำไปก่อนนะ ผมจะไปรับเเจ้าแฝดก่อน”
“ฮื่อ จะให้ผมอยู่คนเดียวหรือ? ไม่เอาอ่ะ ผมไปรับเจ้าแฝดด้วยแล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาอาบ”
“นี่มันค่ำแล้วนะ ถ้าคุณไม่รีบอาบเดี๋ยวก็หนาวหรอก” รัชพลเงยหน้าขึ้นมอง ท้องฟ้ายามค่ำเริ่มมืดครึ้ม อีกอย่างบ้านเขาไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเสียด้วย
“คุณจะทิ้งให้ผมอยู่บ้านคนเดียวเนี่ยนะ?”
“อย่าบอกนะว่าคุณกลัว?”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม?” โกเมนยืดอกรับชนิดทิ้งความมาดแมนไม่เหลือเค้า รัชพลอ้าปากค้างก่อนจะตัดสินใจไปรับสองแฝดช้าอีกหน่อย
“งั้นเดี๋ยวผมรอคุณอาบน้ำเสร็จก่อนก็ได้”
“ผมไม่อาบน้ำในห้องน้ำได้ไหม?”
“ห้ะ อะไรอีกล่ะคุณ”
“ก็เดี๋ยวคุณแอบหนีไปตอนผมอาบน้ำ”
“จะบ้าเรอะ!”
“ไม่รู้แหละ” คนตัวโตทำท่าสะบัดสะบิ้ง
สุดท้ายรัชพลเลยจัดการให้โกเมนมาอาบน้ำตรงชานหลังบ้าน ลมเย็นช่วงหัวค่ำโชยพัดจนต้องห่อไหล่
“มันหนาวอ่ะ”
“น้ำในโอ่งนี่ตากแดดมาทั้งวันมันยังอุ่นอยู่ รีบๆอาบเถอะ” รัชพลโยนผ้าขาวม้าให้อีกฝ่ายใส่อาบน้ำก่อนจะทำท่าหันหลังกลับเข้าบ้าน
“เฮ้ย คุณ ยืนเฝ้าด้วยซิ เกิดมีผีโผล่มาจะทำยังไง”
“ไม่มีผีหรอกน่า แล้วรีบๆอาบได้แล้ว!”
“อ้ากกกก!”
“เกิดอะไรขึ้น?” รัชพลวิ่งกลับมายังชานหลังบ้านทันทีที่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของโกเมน
“มันหนาวอ่ะ”
“……”
รถเครื่องคันเก่าแล่นไปตามทางลาดยางสายเล็ก นานๆทีจะมีเสาไฟให้ความสว่างสักต้น ด้านข้างส่วนใหญ่เป็นต้นไม้สูง อากาศเย็นยะเยือกพัดมาเป็นระลอก
“นี่คุณ มันจะมีผีออกมาไหมอ่ะ?” คนขี้กลัวเริ่มอยู่ไม่สุข มือใหญ่ที่ตอนแรกจับท้ายเบาะเปลี่ยนมากำชายเสื้อคนขับแน่น
“บ้าเรอะ! มันจะออกมาก็ตอนคุณทักเนี่ย!” รัชพลไม่ใช่คนขี้กลัวแต่มาอยู่กับคนกลัวผีหนำซ้ำยังมาพูดคำว่าผีกรอกหูทุกห้านาทีมันก็อดรู้สึกหวาดๆขึ้นมาไม่ได้
“นี่ แล้วรถยนต์เมื่อคราวก่อนไปไหนเสียแล้วล่ะ?”
“นั่นไม่ใช่รถผมหรอก ผมยืมเขาขับไปรับคุณน่ะ พอรับคุณเสร็จถึงต้องไปส่งคนงานให้เขาที่ไร่ไง”
“แล้วคุณมีแต่รถเครื่องแก่ๆคันนี้เนี่ยนะ”
“ใช่”
“แล้วนี่จะนั่งกลับกันสี่คนหมดเหรอ?”
“ก็ผมบอกให้คุณรออยู่ที่บ้านก็ไม่ยอมเองนี่ แล้วนี่ถ้าเกิดซ้อนสี่แล้วยางแบนกลางทางคุณมาเข็นรถเลยนะ”
“โธ่~”
รัชพลยกยิ้มมุมปาก รู้สึกเอ็นดูคนขี้กลัวขึ้นมานิดหน่อย แต่ส่วนใหญ่คือความหมั่นไส้เสียมากกว่าเขาเลยแกล้งขับให้ช้าลงอีก แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าตอนขากลับเพราะน้ำหนักที่มากขึ้นเลยได้ขับช้าๆตามที่แกล้งเอาไว้จริงๆ
เด็กแฝดพอถึงบ้านก็ล้างเท้าแล้ววิ่งเข้าที่นอนทันที โกเมนยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู มันบอกเวลาสองทุ่มทั้งๆที่ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทจนเขานึกว่าตอนนี้ดึกมากแล้ว
“เด็กๆจะนอนกันแล้วหรือ?”
“ใช่ พรุ่งนี้วันจันทร์ตา-ยายของสองแสบจะมารับไปโรงเรียน”
“โรงเรียน? สองคนนั้นอายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย”
“หกขวบ”
“หกขวบก็ให้ไปโรงเรียนแล้วหรือ?”
“ที่จริงก็ไม่เชิงโรงเรียนหรอก เป็นศูนย์เด็กเล็กของโรงพยาบาลน่ะ”
“อ้อ แล้วนี้เด็กๆต้องเข้านอนแต่หัวค่ำอย่างนี้ทุกวันหรือ?”
“ก็ถ้าไม่นอนแล้วจะทำอะไรล่ะ?” รัชพลห่มผ้าให้ลูกสาวลูกชายพลางเหลียวมองร่างสูงที่ยืนพิงกรอบประตูห้อง
“ดูทีวี ดูละครไง เออ จะว่าไปบ้านคุณนี่เงียบๆนะ”
“บ้านเราไม่มีโทรทัศน์หรอก”
“หือ อยู่กันได้ยังไงโดยไม่มีทีวีน่ะ”
“ก็อยู่กันมาได้นี่” รัชพลเหน็บชายมุ้งเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นยืน “อยากฟังเพลงฟังข่าวก็ใช้วิทยุ ค่ำมากินข้าวเสร็จก็มานั่งคุยว่าวันนี้ไปทำอะไรมาบ้างได้เจอใครบ้าง ฟังสองแฝดเล่าถึงวีรกรรมที่โรงเรียนแค่นี้ก็สนุกแล้ว” รัชพลเอียงคอมองคนที่ทำคิ้วขมวด
“แต่ผมว่ามันก็ยังเงียบเหงาเกินไปอยู่ดี”
“มานี่ซิ” รัชพลเดินนำร่างสูงไปยังแคร่ใต้ต้นกาสะลอง ตะเกียงจ้าวพายุที่ใช้นำทางถูกหรี่แสงให้จางลงจนรอบด้านแทบมืดสนิท อากาศเย็นชื้นทำให้โกเมนอดยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองเป็นระยะไม่ได้ เจ้าของบ้านเหลือบมาเห็นก่อนปลดผ้าขาวม้าที่เคียนเอวส่งให้ “เอ้านี่ คลุมไหล่เสียซิ”
“ขอบคุณ” โกเมนรับมาถือไว้หากไม่คลี่ออกคลุม ร่างสูงทรุดนั่งลงบนแคร่ตามอีกคน
ผ่านไปเกือบสิบนาทีที่ไม่มีบทสนทนา โกเมนขมวดคิ้วอ้าปากแล้วก็เงียบอยู่หลายหนจนในที่สุดก็ทนไม่ไหว
“คุณเรียกผมออกมาจะคุยอะไรหรือ?”
“เปล่านี่”
“ห้ะ แล้วเรียกผมออกมาทำไม หนาวก็หนาว” รัชพลหันมามองคนบ่น เหลือบมองผ้าขาวม้าในมือใหญ่แล้วคลี่ออกคลุมไหล่
“ผมพาคุณออกมาดูดาวต่างหาก”
“ออกมาดูดาว?”
“ใช่ ก็คุณถามนี่ว่าค่ำมานอกจากคุยกันแล้วพวกเราทำอะไรกันบ้าง”
“คุณก็เลยพามาดูดาว?” ชายหนุ่มถามย้ำ เจ้าของบ้านพยักหน้าแล้วล้มตัวลงนอนหนุนแขนตัวเอง ใบหน้าสีผึ้งในเงามืดแหงนมองท้องฟ้าด้านบน โกเมนที่ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยนอนลงบนแคร่เคียงเจ้าของบ้าน
คืนนี้เป็นคืนเดือนแรม ท้องฟ้าปลอดโปร่งโล่งไม่มีเมฆเลยสักนิด เปิดโอกาสให้หมู่ดาวพากันส่องแสงแข่งความสว่างไสว รัชพลไม่ได้ชวนอีกฝ่ายคุย โกเมนเองก็ขมวดคิ้วมองดาวบนท้องฟ้าเงียบๆ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คิ้วยุ่งเหยิงของโกเมนค่อยๆคลายออก มือขาวยกขึ้นชี้บนท้องฟ้า เสียงทุ้มอุทานอย่างตื่นเต้นดีใจเมื่อเห็นแสงสว่างวูบผ่านท้องฟ้าสีราตรี
“นั่นดาวตกนี่!”
“สวยใช่ไหม?”
“สวยมาก” โกเมนยิ้มกว้างหันมามองอีกคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวิบไหวท่ามกลางแสงตะเกียงเบาบาง พลันลมหายใจของเขาติดขัดขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ ชายหนุ่มกระแอมไอแล้วหันกลับไปจ้องดวงดาว
“เขาบอกว่าเวลาดาวตกให้อธิฐานขอพร”
“คุณเคยอธิฐานไหม”
“เคย อธิฐานขออยู่สองสามครั้งมั้ง”
“แล้วเป็นจริงหรือเปล่า?” หลังจัดการความรู้สึกแปลกให้สงบลงโกเมนก็หันมาพูดคุยกับอีกฝ่ายต่อ
“อืม ไม่รู้ซิ คงต้องรอดูอีกสักระยะ แล้วเมื่อกี้คุณทันอธิฐานไหม?”
“ไม่”
“อ๊ะ นั่นตกมาอีกดวงแล้ว รีบอธิฐานเร็ว!” โกเมนยกมือขึ้นประกบหลับตาปี๋ตามสัญชาตญาณทันที รัชพลหัวเราะเสียงเบา จ้องมองใบหน้าจริงจังด้านข้างของโกเมนอย่างอารมณ์ดี
“นี่ ผมขอถามได้ไหมว่าทำไมคราวนี้คุณถึงกลับมาที่นี่อีก” ถ้าไม่ได้กลับมาตามเรื่องขายที่อย่างที่เจ้าตัวอ้างน่ะนะ
“ก็อย่างที่บอก ผมหนีข่าวมา”
“หนีข่าว? คุณเมาแล้วขับรถชนคนตายหรือไง?”
“เฮ้ย คุณนี่เดาอะไรไปเรื่อย ผมหนีข่าวคาวมาต่างหาก”
“ไปทำลูกสาวเขาท้องเหรอ?”
“คุณเลิกเดาไปเลยนะ แต่ละอย่างที่พูดมามีแต่เรื่องเสียหาย โว๊ะ!”
“อ้าว ก็บอกว่าข่าวคาวนี่นา”
“จะหยุดให้ผมเล่าหรือจะเดาเองไปเรื่อยๆ?”
“เล่าเลยจ้า” โกเมนค้อนตาแทบกลับใส่อีกฝ่าย
“ผมกำลังจะทำให้คนคนหนึ่งเสียหาย ผมไม่อยากให้เขามายุ่งยากและเดือดร้อนเพราะผม”
“….เขาคงสำคัญกับคุณมาก”
“ก็คงใช่”
“…….” รัชพลไม่ได้ถามต่อ ความรู้สึกวูบโหวงในอกมันแล่นขึ้นมาให้แปลกใจ หรือเขากำลังป่วยอีกแล้ว?
“เป็นอะไร?” โกเมนถามคนที่ทุบอกตัวเองเบาๆด้วยความเป็นห่วง
“เปล่า”
โกเมนนิ่งเงียบ เขานึกถึงเรื่องที่เป็นสาเหตุให้เขาหลบมาอยู่จังหวัดติดตะเข็บชายแดนอย่างที่นี่ เมื่อเดือนก่อนหลังออกงานประกาศรางวัลที่ทางช่องจัดเขาก็ได้รับความสนใจจากสื่อมากมาย ละครหลายเรื่องต้องการตัว งานอีเว้นท์ติดต่อมาสายแทบไหม้ หากแต่เขาเลือกรับบางงานเพราะเกรงใจอภินันท์ ถึงเขาจะไม่ได้เซ็นสัญญาเป็นดาราในสังกัดของฝ่ายนั้นแต่ก็แทบจะถือว่าเป็น เพราะอภินันท์เป็นคนหยิบยื่นโอกาสต่างๆมาให้ วันเสาร์อภินันท์เรียกให้เขาไปหาที่บริษัทเนื่องจากมีบทภาพยนต์มาเสนอ จากนั้นก็พาเขาไปทานอาหารที่โรงแรมหลังตกลงใจว่าจะรับบทที่อีกฝ่ายคัดสรรมาแล้วอย่างดี พวกเขาดื่มไวน์นิดหน่อยคุยกันจนเกือบเที่ยงคืน อภินันท์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำกลับมาดื่มต่ออีกเล็กน้อยครู่เดียวก็มีทีท่าเหมือนไม่สบายจนต้องเปิดห้องบนโรงแรม มีพนักงานสองคนพยุงอภินันท์ขึ้นไป เขาเดินตามไปส่งที่หน้าประตูห้องเพราะเป็นห่วง จังหวะที่หันหลังเตรียมตัวกลับเขาก็หมดสติ…
ตื่นเช้ามาพร้อมหนังสือพิมพ์ที่ถูกโยนใส่หน้าด้วยแรงโมโหของใครสักคนที่ยืนล้อมรอบเตียง โกเมนขยี้ตา บรรยากาศเย็นยะเยือกทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าของเหล่าผู้บริหารในบริษัทของอภินันท์จ้องมองเขาอย่างไม่พอใจ บางคนยกมือปิดหน้า โกเมนก้มลงมองร่างเปลือยเปล่าของตัวเองแล้วขมวดคิ้ว แรงยวบจากด้านข้างยิ่งทำให้เขาตกใจ
“ทุกคนมาทำอะไรในห้องผม?” อภินันท์ขยี้ตาเอ่ยถามคนที่ยืนข้างเตียง
“ห้องแกเหรอตานันท์ แหกตาดูซะบ้างว่าที่นี่มันที่ไหน” เสียงโกรธเกรี้ยวของผู้เป็นแม่ดังลั่น
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” อภินันท์สะดุ้งแทบตกเตียงตอนที่หันมาเห็นว่าโกเมนอยู่บนเตียงด้วย พวกเขาสองคนไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น หนังสือพิมพ์ฉบับที่สองถูกโยนใส่หน้าอภินันท์ ชายหนุ่มคลี่มันออกอ่านพลันสีหน้าซีดเผือด ส่วนโกเมนคว้าฉบับบนตักตัวเองมาคลี่ออก
ภาพของเขากับอภินันท์ซึ่งไร้เสื้อผ้าปกปิดนอนกอดก่ายกันชนิดแทบไม่มีช่องว่างกินพื้นที่หน้าหนึ่งไปเกือบครึ่งหน้า พร้อมข้อความว่าโกเมนได้กลับเข้ามาวงการอีกครั้งเพราะเป็นคู่ขาของอภินันท์
“ดูก็รู้ว่านี่มันเป็นการจัดฉาก” เขาเงยหน้าขึ้นบอกทุกคน
“นายน่ะหุบปากไปเลยนะ” หล่อนตะคอกใส่โกเมนก่อนหันไปทางอภินันท์ “พวกเราบอกแล้วใช่ไหมว่าการที่เธอเลือกเขามามีแต่จะสร้างปัญหา”
“ตอนเขาสร้างชื่อเสียงและซีรี่ส์ได้รับความนิยมพวกแม่ไม่เห็นพูดกันอย่างนี้นี่! และอีกอย่างนี่มันเป็นการจัดฉากอย่างที่โกเมนว่าจริงๆ” อภินันท์เถียงกลับ
“แล้วยังไง จัดฉากหรือไม่จัดฉากภาพในหนังสือพิมพ์มันก็โผล่ไปทั่วประเทศแล้ว!”
“พวกคุณออกไปก่อน ผมกับโกเมนขอจัดการตัวเองให้เรียบร้อยแล้วจะไปคุยต่อ” อภินันท์ไล่คนทั้งหมดออกไป โกเมนเดาะลิ้นพลางเงยหน้ามองเพดาน
“นี่ผมทำความเดือดร้อนให้คุณแล้วจริงๆ”
“คุณเองก็เดือดร้อนเหมือนกันนั่นแหละ”
“…...”
“คุณพอรู้ไหมว่าฝีมือใคร?”
“ก็พอเดาได้อยู่” เสียงมือถือขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองคน โกเมนกดรับสายเมื่อเห็นว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวโทร.มา “ข่าวนั้นไม่ใช่เรื่องจริง พี่ตุ่นหาทางช่วยหน่อยนะครับ ขอบคุณ”
“ใครหรือ?” อภินันท์เงยหน้าขึ้นมองเมื่อโกเมนลุกออกจากเตียงทั้งๆที่ไม่มีผ้าติดตัว เรือนกายสูงใหญ่มีกล้ามเนื้อสวยงาม ผิวขาวจัดยิ่งขาวเจิดจ้าเมื่อกระทบแสงแดดยามเช้าที่ลอดเข้ามา ผมหยกศกยุ่งเหยิงทิ้งตัวเคลียบ่ากว้าง แผ่นหลังแกร่งได้รูปสวยงาม สะโพกสอบรับกับเรียวขายาว
“คนที่ทำให้ผมกลายเป็นดาราตกกระป๋องเมื่อสี่ปีก่อนไง”
“แน่ใจหรือว่าเป็นเขา?”
“ก็สักแปดสิบเปอร์เซ็นต์นั่นแหละ คุณรีบไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกไปคุยกับพวกผู้บริหารเถอะ”
“ผมจะจัดงานแถลงข่าว”
“คุณคิดว่ามันจะได้ผลหรือ?”
“ทำไมล่ะ?”
“เขามีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้ผมตกกระป๋องนะคุณนันท์”
“…..”
“ปล่อยให้ทุกอย่างมันค่อยๆเงียบไปน่าจะดีที่สุด”
“คุณกำลังเดือดร้อนนะโกเมน!”
“…...”
“ผมเป็นคนเบื้องหลังปล่อยทิ้งไว้มันไม่เป็นปัญหาหรอก แต่คุณเป็นดารานะ”
“จุดประสงค์เขาก็คงต้องการเล่นงานผมนี่แหละ”
“เราต้องทำอะไรสักอย่าง”
“ผม...จะหนีไปหลบข่าวสักพัก”
“โกเมน?”
“คุณจะหาว่าผมขี้ขลาดหรืออะไรก็ช่างเถอะ แต่ผมว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุด ยิ่งเราตอบโต้เขาก็ยิ่งชอบใจและคงหาทางมาทำให้คุณเดือดร้อนไปกับผมเพิ่มอีกแน่ๆ”
“เรามาช่วยกันแก้ปัญหาก็ได้นี่”
“...ผมไม่ได้รังเกียจเกย์หรือรักร่วมเพศและไม่ได้รู้สึกแย่กับการที่ต้องเป็นข่าวกับคุณด้วย” ร่างสูงหยิบกางเกงและเสื้อมาสวมอย่างไม่รีบร้อน “แต่อย่างที่บอกว่าเป้าหมายครั้งนี้คงเป็นผมมากว่าคุณ”
“งั้นให้ผมช่วย”
“คุณนันท์ ผมขอบคุณมาก คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอตั้งแต่เข้าวงการนี้มาเลย”
“เพื่อน?” อภินันท์รู้สึกคล้ายตกจากที่สูง วูบหนึ่งจึงตั้งสติได้ เขาจ้องมองโกเมนแล้วฝืนยิ้ม
“ในบอร์ดบริหารเองก็คงมีคนจ้องเล่นงานคุณอยู่เรื่องมันถึงได้แพร่เร็วขนาดนี้”
“ใบบริษัทน่ะหรือ?”
“คุณปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาซะ บอกไปว่าไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผม ผมเคยเป็นดาราตกกระป๋องมาแล้วครั้งหนึ่งจะดับอีกสักครั้งก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว”
“หมายความว่ายังไง?”
“เอาตามนี้แหละ”
หลังจากนั้นเขาหมกตัวอยู่ที่บ้านพี่ตุ่นไม่ยอมออกไปไหนร่วมสัปดาห์ เมื่อเห็นว่าอภินันท์ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาตามที่เขาสั่งจึงถอนหายใจโล่งอก แล้วสื่อก็หันมาโจมตีเขาอย่างที่คาดไว้ เขาเก็บเสื้อผ้ากระโดดขึ้นรถทัวร์มาที่นี่ด้วยความรู้สึกสงบนิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาแค่หาข้ออ้างในการกลับมาที่นี่อีกครั้ง
*********
เสียงนกเจื้อยแจ้วแข่งกับเสียงไก่ขัน ต่อให้เขาอยากนอนต่ออีกสักหน่อยก็คงนอนไม่หลับ โกเมนพลิกซ้ายพลิกขวา เขาได้ยินเสียงเจ้าของบ้านเดินไปด้านหลังตัวบ้าน ได้ยินเสียงตักน้ำ จากนั้นตามด้วยเสียงเรียกสองแฝดเบาๆ ครู่ใหญ่เสียงตึงตังจนพื้นบ้านสะเทือนก็เคลื่อนมายังห้องที่เขานอน
“อาโกเมน อาโกเมน ตื่นเถอะๆ” ฟักแฟงแข่งกันตะโกนจนลั่นบ้าน เขาได้ยินเสียงรัชพลเอ็ดลูกๆมาจากนอกตัวบ้านว่าอย่าเสียงดัง
“ตื่นแล้วๆ มีอะไรหรือ?”
“ไปเก็บไข่กัน”
“หืม?”
“ไข่ไง ไข่ไก่ลูกใหญ่ๆเอามาทอดหอมๆกินกับข้าว อร่อย” เด็กหญิงรั้งแขนขวาเด็กชายรั้งแขนซ้ายให้คุณอาตัวใหญ่ลุกจากที่นอน ลากแขนไปยังเล้าไก่ข้างตัวบ้าน
“เดินเข้าไปหยิบเลยหรือ แล้วแม่ไก่ไม่ไล่จิกเอาหรือไง” เมื่อวานเขาเห็นรัชพลเดินเข้าไปหยิบมาเหมือนกัน ไม่รู้ว่าโดนจิกมาหรือเปล่า
“ไม่ๆ เราต้องรีบมาเก็บตอนเช้าๆแบบนี้เพราะแม่ไก่กำลังออกไปหากิน”
“อ้าว แล้วถ้ามันกลับมาไม่เจอลูกมันล่ะ มันจะทำยังไง”
“จริงด้วย! แฟง ทำยังไงดีล่ะ”
“แต่...ถ้าเราไม่เอาไข่ไปแล้วเราจะกินอะไรล่ะ?” เด็กหญิงเริ่มลังเลเพราะอยากกินไข่ทอดมาก โกเมนเหงื่อตก นี่เขาสร้างเรื่องลำบากให้เด็กเสียแล้ว เอาไงดีวะ
“อ่ะ นี่เป็นไก่ไข่นี่” โกเมนเหลือบมองแม่ไก่บางตัวที่ไม่ยอมออกจากรัง
“ไก่ไข่คืออะไรเหรออาโกเมน”
“ก็ไก่ที่ออกไข่ทุกวันไง”
“ไก่ที่ออกไข่ทุกวัน?”
“ใช่ เพราะงั้นเราก็เก็บไข่ได้ทุกวันโดยแม่ไก่ไม่รู้ไง”
“ถ้าเราเอาไข่ไปแล้วแม่ไก่มาไม่เจอลูกล่ะ?”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวแม่ไก่ก็เบ่งออกมาอีกไง”
“ว้าววววว” เด็กแฝดทำตาโตแล้วหยิบไข่ในรังออกมาอีกสามสี่ลูก โกเมนถอนหายใจโล่งอกแล้วเดินตามเด็กทั้งสองคนไป รัชพลกวักมือเรียกลูกชายที่ออกวิ่งนำหน้า ฟักวางไข่ลงในตะกร้าที่พ่อถืออยู่แล้วแหงนหน้ามองลูกตำลึงที่ห้อยโตงเตงละลานตา
“พ่อ ฟักอยากกินลูกตำลึงเชื่อม”
“แฟงด้วย!” เด็กหญิงยกมือสนับสนุน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฟักกับแฟงเก็บลูกตำลึงลูกใหญ่ๆไปนะ เดี๋ยวพ่อเก็บยอด เช้านี้จะต้มจืดให้กินกัน”
“ผมไม่ยักรู้ว่าลูกตำลึงกินได้ด้วย เคยกินแต่ยอดมัน” โกเมนเท้าเอวมองเด็กสองคนที่ช่วยกันเด็ดลูกตำลึงสนุกสนาน
“ทุกอย่างในนี้กินได้หมดแหละ ผมปลูกไว้กินนี่นา”
“คุณนี่เก่งจัง”
“….มันไม่ได้เกี่ยวกับความเก่งอะไรหรอก” รัชพลหยุดมือหันกลับมามองร่างสูงที่ยืนยิ้มอยู่ด้านข้าง “นี่น่ะบ้านไหนเขาก็ปลูกกัน คนสมัยก่อนเขาสอนๆกันมาว่าอะไรทำกินยังไง แถวนี้ไม่มีร้านขนม ไม่มีร้านสะดวกซื้อเหมือนอย่างในเมือง เวลาเด็กๆอยากกินขนมพ่อแม่ก็ต้องหาอะไรอย่างนี้มาทำให้ลูกกิน”
“ผมก็ยังจะชมว่าคุณเก่งอยู่ดีนั่นแหละ”
“หืม?”
“เก่ง ที่เลี้ยงลูกมาแบบนี้ไง ไม่มีทีวี ไม่ร้านสะดวกซื้อ เด็กๆก็ไม่เห็นเดือดร้อนแถมยังมีความสุขดีเสียด้วย”
“แล้วคุณล่ะ เมื่อคืนไม่ได้ดูโทรทัศน์แล้วนอนหลับไหม”
“หัวถึงหมอนก็หลับเลยแหละ” โกเมนยักไหล่ เพราะเมื่อคืนเขาได้ระบายความอึดอัดใจให้อีกฝ่ายฟังหรือเปล่าไม่รู้ถึงได้รู้สึกผ่อนคลายแล้วหลับลึกจนถึงเช้า
“ดีแล้ว แล้วนี่ไม่หนาวหรือไง?” รัชพลมองเสื้อนอนผืนบางที่อีกฝ่ายออกมาก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ตอนลุกออกจากที่นอนก็หนาวอยู่ แต่พอวิ่งตามเจ้าสองแสบตอนนี้กลายเป็นร้อนแล้ว” รัชพลพยักหน้าก่อนจะหันไปเด็ดยอดตำลังต่อ “ให้ผมช่วยไหม?”
“อืม คุณไปเก็บผักบุ้งตรงแปลงนั้นนะ เดี๋ยวผมจะได้ไปดูหม้อข้าวสักหน่อย” รัชพลยื่นตะกร้าให้ร่างสูง ในนั้นมียอดและลูกตำลึงที่เด็กๆช่วยกันเด็ด
“เอาเยอะไหม?”
“คุณกินแค่ไหนก็เก็บมาเท่านั้นแหละ”
อาหารเช้าวันนี้มีต้มจืดตำลึง ไข่ทอดและผัดผักบุ้งไฟแดง รัชพลตักแบ่งใส่ปิ่นโตเถาเล็กแยกไว้ มีน้ำขวดเล็ก ดอกไม้เด็ดจากหน้าบ้านและธูปเทียนเสร็จสรรพ
“นี่จะไปวัดกันหรือ?” คนที่ยังอยู่ในชุดนอนถาม
“เปล่าหรอก นี่น่ะเตรียมใส่บาตรพระ นั่นไง มาพอดี” รัชพลกวักมือให้ลูกชายลูกสาวก่อนจะหันไปเรียกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่ในครัว “มาเร็ว มาใส่บาตรกัน”
“…...” โกเมนยกยิ้มมุมปาก ในใจสงบนิ่งอย่างไม่เคยเป็น เขาเหลือบมองเจ้าของบ้านที่จับมือลูกชายลูกสาวให้วางดอกไม้ธูปเทียนบนฝาบาตร
“ไปเถอะ ไปกินข้าวกัน อ๊ะ จริงซิ เดี๋ยวกรวดน้ำก่อนละกันนะ เจ้าตัวแสบไปเอาน้ำมาให้พ่อกับอาโกเมนหน่อยเร็ว” ฟักแฟงวิ่งไปหยิบขันน้ำใบเล็กมาให้ผู้เป็นพ่อและโกเมนคนละใบ
“ผมด้วยหรือ?”
“อื้ม กรวดน้ำให้ตาคุณหน่อยเถอะ พวกเจ้ากรรมนายเวรของคุณด้วยจะได้หมดเคราะห์หมดกรรมเสียทีไง” โกเมนทำตามอีกฝ่ายเงอะงะเพราะไม่เคยทำมาก่อน
หลังอาหารมื้อเสร็จสิ้นรัชพลคว้าหมวกสานมาสวมพร้อมเสื้อคลุมแขนยาว โกเมนรีบลุกขึ้นตาม โบราณว่าอยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย นี่เขากินข้าวบ้านนี้มาหลายมื้อจะไม่ช่วยงานเลยก็กระไรอยู่
“คุณจะไปไหนน่ะ?” เจ้าของบ้านหันมาถาม
“คุณเข้าไร่ไม่ใช่หรือ ผมจะไปช่วยไง”
“เปล่า ผมไปแค่หลังบ้านนี่เอง”
“แล้วไร่คุณล่ะ?” โกเมนชี้มั่วไปทางนอกบ้าน
“ผมไม่มีไร่สวนอะไรหรอก มีแค่ที่บ้านเท่าที่คุณเห็นนี่แหละ”
“หืม? แล้วคุณอยู่ยังไง ผมหมายถึงจะเอาอะไรกิน เอาเงินที่ไหนใช้” โกเมนงงหนัก ชายหนุ่มเงยหน้ามองรอบบ้านหลังเล็ก ถึงแม้ว่าพื้นที่โดยรอบจะกินบริเวณกว้างก็เถอะ แต่เขาเห็นเจ้าของบ้านปลูกผักนู่นนิดนี่หน่อยแล้วมันพอขายหรือไง
“ก็ขายผักที่ปลูกอยู่นี่ไง”
“มันจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเชียว?” ชายหนุ่มเท้าเอวถาม
“งั้นคุณมาลองนับดูไหมว่าแต่ละวันผมขายผักพวกนี้ได้เท่าไหร่?”
“?”
“เด็กๆ!” รัชพลร้องเรียกสองแสบที่เพิ่งช่วยกันล้างจานเสร็จ
“จ๋าพ่อ/จ๋าพ่อ”
“วันนี้พวกลูกไล่เด็ดลูกตำลึงนะ เอามาเยอะๆเลย”
“เอาเต็มตะกร้านี้เลยไหมคะ?”
“ให้พูนเลยจ้ะคนสวย” รัชพลขยิบตาให้สาวน้อย
“ไปกันเล้ย!” สองแสบคว้าตะกร้าจากมือพ่อแล้วจูงมือกันวิ่งไปทางริมรั้วด้วยท่าทางสนุกสนาน
“ผมต้องช่วยอะไรบ้าง?” โกเมนชี้หน้าตัวเองพร้อมรอยยิ้มกว้าง
“อยู่เฉยๆ แล้วดูก็พอ”
“เอ๊ะ?”
รัชพลใช้ให้โกเมนแบกเข่งหวายใบใหญ่คอยเดินตามเวลาที่เขาไปหยุดตรงแปลงผัก เพียงแค่ชั่วประเดี๋ยวผักหลากหลายชนิดก็เต็มเข่งไปหมด โกเมนคงยังคงขมวดคิ้ว ผักพวกนี้แทบไม่ได้กลิ่นยาฆ่าแมลงเลยสักนิดแต่กลับสดและสวยมาก
“ผักพวกนี้เราไม่ได้ใช้ยาฆ่าแมลงแต่ใช่น้ำส้มควันไม้แทน”
“น้ำส้มควันไม้?”
“ใช่ เป็นน้ำมันที่กลั่นตัวจากการเผาถ่านน่ะ” โกเมนก้มลงดมผักในเข่งหวายจึงค่อยได้กลิ่นเหมือนควันไม้ไหม้ไฟอย่างที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ พวกแมลงถ้ากลิ่นควันไม้ก็จะไม่มาตอมแทะกินผักเพราะคิดว่ามีไฟ
“แล้วถ้าเรากินเข้าไปจะไม่เป็นอันตรายหรือ?”
“ไม่หรอก พวกนี้น่ะเป็นกลิ่นเฉยๆ เอาไว้ไล่พวกแมลง ไม่มีพิษกับมนุษย์” ชายหนุ่มพยักหน้าเมื่อได้ฟัง มองอีกฝ่ายใช้มีด ตัดขั้วลูกฟักทองลูกโตมาสามสี่ลูก
หลังได้ผักเต็มเข่งรัชพลเรียกเด็กแฝดกลับเข้าบ้าน แก้มของเด็กน้อยแดงกล่ำเรียกสายตาเอ็นดูจากโกเมน รัชพลสอนให้ชายหนุ่มล้างผัก แยกตามแต่ละชนิดใส่ตะกร้าไว้ ส่วนตัวเองไปล้างลูกตำลึง ควักเอาเม็ดในออกออกแล้วแช่น้ำไว้
“พ่อแช่สารส้มไว้ ตอนบ่ายจะกลับมาเชื่อมให้กินนะ”
“เย้!”
“ให้ผมไปด้วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก คุณเล่นอยู่กับเด็กๆที่บ้านเถอะ อีกเดี๋ยวตากับยายเขาคงมารับแล้ว” รัชพลยกตะกร้าผักใส่รถเข็นแล้วผูกที่จับกับท้ายรถเครื่องให้แน่นก่อนใช้ผ้าบางๆชุบน้ำพอชุ่มคลุมตะกร้าผักไว้ ข้างๆกันมีฟักทองลูกโตที่เพิ่งเด็ดมา
โกเมนมองรถเครื่องที่ลากรถเข็นผักไปตามทางช้าๆ ก่อนจะก้มลงมองสองแฝดที่กุมมือเขาคนละข้าง ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปค้นกระเป๋าหาลูกอมกับช็อคโกแลตที่เตรียมมายื่นให้เด็กๆ
“จริงซิ หนูเล่นกันสองคนแค่นี้ไม่เหงาหรือ”
“ไม่เหงาหรอกค่ะ บางวันพ่อก็พาไปส่งที่บ้านตายายเล่นกับเด็กคนอื่นๆ”
“แต่เมื่อก่อนพวกหนูชอบไปเล่นที่บ้านตาปั้น”
“บ้านตาปั้น?”
“ตาปั้น พ่อบอกว่าตาปั้นเป็นตาของอาโกเมน”
“บ้านตาปั้นอยู่ใกล้ๆนี่หรือ?”
“ครับ เดินไปนิดเดียวก็ถึงแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นฟัก-แฟงพาอาไปดูหน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับ / ได้ค่ะ”
เด็กแฝดจูงมือเขาเดินออกนอกรั้วบ้านไปทางขวามือ เดินไปไม่ไกลอย่างที่เด็กๆบอกก็เห็นบ้านทรงสูงหลังหนึ่ง ขนาดไม่ใหญ่มาก ที่นี่ก็ดูสะดวกสบายกว่าเพราะเขาเห็นเสาไฟฟ้าและจานรับสัญญาณทีวี โกเมนขมวดคิ้วมุ่น
หนอย หมอนั่นไม่เห็นบอกเขาสักคำว่าบ้านตาเขาอยู่แถวนี้
“เราเข้าไปดูได้ไหม?”
“ไม่ได้หรอก กุญแจอยู่กับพ่อ ถ้าอาโกเมนอยากเข้าไปดูต้องรอพ่อกลับมาก่อน”
ได้! นายรัชพล ฉันจะย้ายออกจากบ้านนายวันนี้เลย คอยดู!
โปรดติดตามตอนต่อไป
สวัสดีค่า หายไปนานเลย แหะๆๆ ช่วงติดนิยายค่ะบวกกับต้องคอยเลี้ยงหลานค่ะ
เช่นเคยนะคะ มีตรงไหนผิดพลาดแนะนำกันได้เสมอค่ะ