-ประชุมครั้งแรก...
"ก็อย่างที่ได้ประกาศให้ทราบกันแล้วนะครับ สำหรับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกนอกจากจะได้เป็นตัวแทนของคู่จิ้นคู่ใหม่แล้ว โครงการของเรายังมีกิจกรรมย่อยๆเพื่อปลุกระดมให้ชาวศรีตรังฯทั้งหลายรักโลก, รักมอ.และสามัคคีปรองดองกัน
เป็นหนึ่งเดียว ภายใต้แกนนำของนำการ ชักชวนของพวกคุณนะครับ"ไอ้ตุลย์เริ่ม อธิบายวัตถุประสงค์หลักของโครงการอย่างแท้จริงให้ทุกคนได้ฟัง
"แล้วกิจกรรมย่อยที่ว่านี้มีอะไรบ้างครับ น้องตุลย์"พี่ไทม์ยกมือขึ้นถาม
"กิจกรรมย่อยก็จะมีดังนี้ครับ
1.ฐานรักษ์โลก เช่น ปลูกป่า,บิ้กคลีนนิ่งมหาลัย ฯลฯ
2.ฐานรอยยิ้มของโลก เช่นดนตรีบำบัด,การละคร หรืออะไรก็ได้ที่ทำให้สร้างรอยยิ้มขึ้นมาได้นะครับและสุดท้าย
3.ฐานรวมใจเป็นหนึ่งเดียว อันนี้จะเป็นแนวการทำกิจกรรมหมู่คณะนะครับ เช่น กาลเล่น,กีฬาหรือสร้างสรรค์กิจ
กรรมเพื่อนน้องก็ได้ครับ"ผมอธิบายต่อก่อนไอ้สกายจะมาเสริม
"ทุกๆกิจกรรมจะมีการร่างโครงการ มีเกียรติบัตรให้และมีชั่วโมงกิจกรรมของการจัดอีกด้วยครับ"
"แล้วอย่างนี้ใครจะเป็นคนร่างโครงการล่ะครับ?"เหมือนจะเป็นพี่วันไนท์ที่ถามขึ้น
"แน่นอนครับ พวกเรามีแบบฟอร์มให้อยู่แล้ว พวกคุณแค่เปลี่ยนเป็นกิจกรรมของพวกคุณแค่นั้น"มีเสียงโห่เข้าแทรก ทันที พอทีแบบนี้ล่ะเซ็งขึ้นมาเลย อันที่จริงความคิดของผมกับไอ้ตุลย์ ไอ้สกายก็แค่เฟ้นหาคู่จิ้นคู่ใหม่แค่นั้น แต่พวกพี่ๆคู่จิ้นรุ่นก่อนมีโพลสำรวจกันว่า คู่จิ้นรุ่นใหม่นอกจากจะต้องมอบความฟินแล้ว จะต้องมีปลูกจิตใต้สำนึกให้ศรีตรังทั้งหลายรักมอ.เราอย่างแท้จริงๆ และกิจกรรมทุกอย่างก็มาจากพวกคู่จิ้นรุ่นก่อนๆนั้นเอง ซึ่งผมก็ไม่เห็นว่าพวกพี่ๆแกจะรักมอ.กันมากมายอย่างที่เสนอกันมา พวกผมเองเมื่อผ่านการพิจารณาจากพี่พีเจ้าของเพจตัวจริงว่าเห็นชอบ พวกเราจึงต้องทำตาม ก็แค่นั้น!!
"หากแต่ไม่ต้องห่วงนะครับ เราจะมีสต้าฟให้คู่ละคนในการช่วยงานเรื่องโครงการครับ"เหมือนวิญญาณที่กำลังจะหลุดลอยไปกลับเข้าสิงคืนมา
"ถามหน่อยได้ไหมครับ?"จินถังยกมือขึ้นถาม
"ครับ ว่ามาเลยครับ?"ไอ้ตุลย์อนุญาต
"เราต้องทำกิจกรรมแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไรครับ แล้วเมื่อไรเราจะรู้ว่าใครคือคู่จิ้นของเรา?"
"อ้อ กิจกรรมจะมีแค่ครั้งเดียว วันเดียวนะครับ คู่ไหนจัดก่อนก็ถือว่าผ่านกิจกรรมวิชาการก่อนหลังจากนั้นก็จะเป็น การฟิตติ้งถ่ายแบบเพื่อจัดหาคู่จิ้นแต่ละคู่ครับ งานฟิตติ้งจะมีในอีก 24ชั่วโมงนะ เราจะเริ่มกันพรุ่งนี้ 9 โมงเช้าที่สตูฯคณะวสส.ครับ คงไม่มีใครเลทเกินเที่ยงนะครับ"ไอ้สกายพูดติดตลก ขืนเลทเกินเที่ยง ผมว่าตัดสิทธ์ออกไปเลย
"และโปรดจำไว้ด้วยนะครับต่อจากนี้ไป เราจะปั้นพวกคุณเป็นสตาร์ที่เฟรชเพื่อนิวเวิร์ล"เอิ่มมม ไอ้สกายมันหมายถึง
เราจะปั้นพวกคุณเป็น... 'ดวงดาวที่สดใสเพื่อโลกใบใหม่' นะครับ ไอ้นี่ก็เว่อร์ตลอด ทุกคนดูจะหน้าเออกันหมดกับคำพูดของมัน ฮ่าๆ
หลังทุกคนกลับกันหมด พี่ริทมารับไอ้ตุลย์กลับ ผมกับไอ้สกายเลยแวะมาหาอะไรกินรองท้องก่อนกลับหอ ระหว่างนั่งรอข้าวที่สั่งไป ไอ้สกายก็ดูดน้ำชาเขียวแก้วใหญ่ดูละครที่ใครก็ไม่รู้ใครเปิดทิ้งไว้ราวกับเหนื่อยล้า ผมจับมือมันแล้วยิ้มอย่างมีความสุข ไอ้สกายหันมามองผมด้วยความแปลกใจ
"มึง วันนี้ขอบคุณนะ"ผมพูด
"อื้ม"ไอ้สกายพยักหน้าตอบแล้วก็สนใจละครต่อ
"มึง ขอบคุณที่ทำฝันกูเป็นจริงนะ"ผมบอกอีก ยังมีอีกหลายคำที่อยากพูดมันตื่นตันที่ไอ้สกายยอมเพื่อผมทุกอย่าง มันไม่รู้หรอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่เจอมัน และมันก็คงไม่รู้ตามเคยว่าผมชอบมันเกินเพื่อนจริงๆ
"อื้ม"
"และก็มึง...!!"
"..."อะไรของมันอีกว่ะ มึงๆๆๆอยู่นั้นแหละ ผมจะดูละครก็ไม่ได้สักที วันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน
"กูรักมึงนะเพื่อน"ไอ้บลูบอก
"อื้ม..กูก็รักมึง!"ผมรักมันจริงๆนะ
แต่บางทีการที่เราเป็นเพื่อนกัน มันอาจ ยาวกว่าการที่เราเป็นแฟนกันก็ได้ ผมยังอยากมีไอ้บลูข้างกาย ยังไม่อยากห่างหายไปไหน และยังสนุกกับการช่วยสานฝันให้ฝันของมันเป็นจริง
"แล้วความฝันของมึงล่ะ มีอะไรบ้าง กูจะได้ช่วยมึงด้วยไง?"ไอ้บลูถามผมอีกครั้ง วันนี้มันพูดมากจริง แต่ผมเสียง
แหบไปแล้ว ผมแค่ยิ้มไม่ได้ตอบอะไรมัน
ฝันของผมนะหรอ?
“มึงแม่ง ถามเยอะแยะ กูเจ็บคอเว้ย หิวด้วย”แกล้งเหวี่ยงไปอย่างนั้นล่ะครับใจจริงอยากดูละครเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนไอ้คนข้างกายจะไม่ได้ชอบละครที่ผมเบิ่งตาดูทั้งที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน
“เออ กูไปเร่งป้าให้!”ว่าไปพร้อมลุกขึ้นเดินไปบอกป้าที่ทำอาหารตามสั่ง มันงอนผมแล้วแน่ ช่างเถอะค่อยง้อที่หอล่ะกัน ผมหันไปสนใจละครที่ตัวเองอยากดูต่อ รอบกายมีผู้คนมากมายที่นั่งกินอาหาร พูดคุยหรือแม้แต่ประชุมกลุ่มงาน ผมดูจนละครจบไปตอนเดียวซึ่งใช้เวลาไปแค่ 3 นาทีเท่านั้นแต่ทำไมไอ้บลูไม่ยักจะเดินมานั่งด้วยกัน สองตาเหลือบไปมองหาเพื่อนรักและเห็นไอ้บลูยืนคุยจ้อกับไอ้พาร์ม ไอ้นี่อีกล่ะ ตามจีบไอ้บลูไม่เลิกนะมึง รู้ทันรู้ว่าผมไม่ชอบขี้หน้ามัน(?)
‘มึงจะเดินกลับมาหรือจะให้กูเดินไปต่อยไอ้พาร์ม’ผมกดส่งไลน์หาไอ้บลู มือขวากดเปิดอ่านพร้อมหันมาหาผม ไอ้พาร์มก็หันมาเช่นกัน มันยักคิ้วทักทายผมแต่ไกล
‘คุยกับพาร์มอยู่ คุยเสร็จเดี่ยวไป’
หึ เลือกไอ้พาร์มอย่างนั้นสินะ เมื่อมันไม่ยอมมาหาผมผมเดินไปหามันก็ได้ ผมไม่ปล่อยมันไปให้ใครแน่ ไม่มีวัน!!
“ไง”
“...”ผมยืนขนาบข้างไอ้บลู ไม่คิดจะยิ้มทักทายอะไรกับคนที่ต้องฝืนใจด้วยหรอก เกลียดก็คือเกลียดครับ ไม่ชอบก็ไม่ยุ่ง มือหนากอดเอวไอ้บลูไว้ชิดตัว ไอ้บลูหันมามองผมขมวดคิ้ว
“กลับไปนั่งได้แล้ว!!”ผมบอกย้ำอีกครั้ง ต้องให้มาตามด้วยตัวเองเหลือเกินนะ ตามด้วยไลน์ไอ้บลูไม่มีวันเดินกลับมาแน่
“เป็นบ้าอะไรเล่า มึงหิวนี่กูก็ยืนรอเร่งป้าให้ไง”ร่างขาวเถียง เออเถียงได้เถียงดีนะอยากคุยกับไอ้พาร์มมากกว่าล่ะสิท่า คิดว่าผมตามความคิดมันไม่ทันหรือไงกัน ไอ้พาร์มมองผมสลับร่างขาว
“ไม่ต้องแล้ว กลับหอ!! ป้าครับเมนูที่สั่งยกเลิกนะครับ”ผมลากไอ้บลูออกห่างจากพื้นที่ไม่ปลอดภัยแต่โดยเร็ว ไม่สนป้าเจ้าของร้านจะบ่นตามหลังเพราะป้าแกกำลังลงมือทำอาหารที่ผมสั่ง ไอ้บลูโวยวายไม่ดังเท่าไรเพราะกลัวจะเป็นที่สนใจของใครสองขาเดินตามผมมาแต่โดยดี ผมผลักไอ้บลูชนรถของตัวเอง แม่ง รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ชอบขี้หน้าไอ้พาร์ม มันก็ยังคิดจะคุยกับไอ้พาร์มอีก
“เป็นบ้าอะไรของมึง ลากมาอยู่ได้แล้วนี่ไม่หิวหรือไง?”ไอ้บลูต่อว่าผมแต่ก็ยังเป็นห่วงผมไม่เปลี่ยน
“หิว!! แต่กูไม่แดกที่นี่แล้ว ไม่ชอบไอ้พาร์ม เหม็นขี้หน้ามัน ขึ้นรถเร็ว!”ยังโมโหไม่หาย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันกับความรู้สึกที่เป็นอยู่ทุกครั้งที่ไอ้บลูใกล้ไอ้พาร์ม ร่างขาวขึ้นรถอย่างว่าง่าย ผมเดินไปฝั่งคนขับ ขับรถออกไปหาอะไรกินข้างหน้าแทน ไอ้บลูหันมามองหน้าผมสงสัย
“มองเพื่อ..?”ผมเหลือบหันมาถามคนข้างกาย
“ก็แค่สงสัย มึงนะเกลียดอะไรพาร์มมันนักหนานะ กูเห็นพาร์มก็ทักทายมึงดีนะ”
“ไม่ ไม่รู้เว้ย มึงก็ช่วยหยุดพูดถึงมันด้วย กูไม่ชอบ”ผมฉุนเริ่มจะเคืองๆเพื่อนข้างกายที่เอาแต่พูดถึงคนที่ผมเกลียดขี้หน้า
“ก็แล้วทำไมไม่ชอบล่ะ?”
“ก็มันชอบมึงไง!”ผมโผล่งปากบอก ร่างขาวข้างกายเผลอยิ้มก่อนจะหมดคำถามหรือพูดอะไรๆถึงไอ้พาร์ม อะไรคือความหมายของรอยยิ้มมัน มันชอบไอ้พาร์มหรอ?
“มึงยิ้มอะไร ทำไมหรือมึงไม่รู้ว่าไอ้พาร์มชอบมึง?”ผมจอดรถข้างทาง มันคาใจมานานแล้ว “หรือที่มึงชอบอยู่กับไอ้พาร์มนั้นเพราะมึงชอบมัน”
“ไปกันใหญ่แล้วไอ้สกาย กูไม่ได้ชอบพาร์มสักหน่อย กูมีคนที่กูชอบอยู่แล้ว!”ไอ้บลูมีคนที่มันชอบด้วยหรอ ใครว่ะใครกัน วันๆเราตัวติดกันแจ ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะไปหลงชอบใครด้วยซ้ำ ร่างขาวนิ่วหน้าเมื่อผมบีบแขนมัน
“ไอ้นั้นมันเป็นใครห๊ะ มันเป็นใคร คนที่มึงชอบนะ?”
“กูต้องบอกหรือไง กูเจ็บนะสัส!”ไอ้บลูพยายามแกะมือผมออก ให้ตาย แม่งหงุดหงิดแล้วนะเว้ย ไอ้บลูมีคนที่ชอบได้ไง ผมไม่ยอมไม่ยอมเด็ดขาด
“ต้องบอก บอกกูมาเดี่ยวนี้ไอ้บลู คนที่มึงชอบมันคือใคร?”
“...”
เงียบ ไอ้บลูยังคงเม้มปากแน่น มันไม่ยอมบอกผมง่ายๆ ใครกันว่ะที่มันไปชอบนะ ผมอยากรู้จนลมออกหูอยู่แล้ว
“กูถามอีกครั้งไอ้บลู มึงชอบใครอยู่?”ต้องกัดฟันพูดเลยครับ ใจหนึ่งไม่อยากได้ยินชื่อคนอื่นออกจากปากมัน แต่อีกใจก็อยากรู้ว่ามันชอบใคร ไอ้บลูพยายามแกะมือผม สิ่งหนึ่งที่ไอ้บลูมีคือความใจเย็นและยอมผมทุกอย่าง เพราะอย่างนี้คนใจร้อนที่ไม่มีอนาคตอะไรอย่างผมเลยไปไหนจากมันไม่ได้
“กูบอกก็ได้”ไอ้บลูสูดลมหายใจหอบใหญ่ มันต้องใช้แรงใจมากขนาดนั้นเลยหรือไงวะ ไอ้นั้นมันเป็นใครผมชักยากจะรู้แล้ว
“ก็ไม่รู้ว่าถ้าบอกไปแล้วได้หัวใจคนนั้นกลับมาไหม แต่คนที่กูชอบนะ กูชอบเขามาตั้งแต่ม.2 เราเจอกันตอนเขาย้ายมาเรียนโรงเรียนกู เขาเป็นเด็กท้ายห้อง เรียนก็ไม่เก่งแถมยังเกเรอีก เช้าๆก็มักจะมาสายประจำจนโดนทำโทษทุกวัน การบ้านต่างๆก็ลอกเพื่อนไปทั่ว กูก็ไม่รู้ว่าไปชอบคนนั้นตั้งแต่ตอนไหน มารู้ตัวก็ตอนที่ชอบหันหลังไปมองคนนั้นเกือบทุกสิบนาทีแต่ว่าพอหันไปทีไรเด็กท้ายห้องคนนั้นก็หลับคาโต๊ะทุกที แปลกดีที่พอคนนั้นไม่มาเรียนหรือหายไปกูมักจะเดือดร้อน อยู่ไม่เป็นสุขและก็เอาแต่คิดถึงคนๆนั้น จนเมื่อเราขึ้นม.ปลาย กูตัดสินใจอยากอยู่ใกล้ใครคนนั้นกูเลยยอมเสนอตัวเองเป็นติวเตอร์ให้คนโง่ๆคนนั้นผ่านไอ้ตุลย์เพราะกูรู้ดีว่าใครคนนั้นสนิทกับไอ้ตุลย์”ผมปล่อยมือจากการบีบแขนไอ้บลู เรื่องราวทั้งหมดที่มันกำลังพูดถึงนั้นเกี่ยวข้องกับตัวผมโดยตรง ไม่มีทางผิดแน่ อยากบอกนะว่าคนที่ไอ้บลูมันชอบนั้นคือ..
“กูชอบมึง/กูชอบมึง!”เราสองคนต่างเงียบลงหลังได้เอ่ยคำพูดที่เก็บซ่อนไว้มาเนิ่นนาน มันจะเป็นไปได้ยังไงวะที่เด็กเรียน มีอนาคตไกลอย่างไอ้บลูจะยอมลดตัวมาจับมือเคียงข้างผมแล้วลากผมเดินไปพร้อมบนเส้นทางพร้อมๆกับมัน
“ไอ้สกาย”
“หื้ม..?”
“พูดอีกทีได้ไหม ที่มึงพูดเมื่อกี้นะกูอยากฟัง อยากได้ยินมานาน”ผมมองหน้าไอ้บลูใจสั่น แม่ง เสือกมาหน้าแดงใส่กูอีก อยู่ด้วยกันทุกวัน มันขาวกว่ามากผมก็รู้นะ แต่ไม่ชอบเลยเวลามันร้อนหรือมันเขินอาการหน้าแดงจะชัดเจนมมากจนมองเห็น
“เห็นกูเป็นคนชอบพูดซ้ำหรือไง ไม่มีเว้ย!”ผมกลบเกลื่อนใจสั่น หิวก็หิวแต่ไม่มีอารมณ์แดกแล้ว ตอนนี้ใจมันโฟกัสเรื่องของเรามากกว่า ไอ้บลูเงยหน้าสบตาร้องขอหน้าเสีย
“กูก็แค่อยากฟัง มึงไม่รู้หรอกว่าการต้องปิดบังความรู้สึกที่มีต่อมึง มันทรมานมากแค่ไหน เพราะกูมีมึงอยู่ข้างกาย อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กูกลับเผยความรู้สึกที่มีไม่ได้”อ้าว ดราม่าก็มา โอเคๆผมเข้าใจแล้ว เข้าใจดีเพราะผมเองก็ไม่ต่างไปจากมัน ความทรมานที่มีทุกวัน ผมซาบซึ้งมันดี
“เออๆ กูชอบมึง พอใจยัง?”
“อื้อ ห้วนไป”ไอ้บลูส่ายหน้าไม่ชอบใจ
“กูชอบมึง!!”ผมตะโกนดังลั่นทั่วรถของเรา ไอ้บลูรีบปิดหูตัวเองหนี
“ไม่เอาสิ ให้พูดไม่ใช่ให้ตะโกน”
“วุ้ยรำคาญจริงนะมึง ไอ้นู้นก็ไม่เอา ไอ้นี่ก็ไม่ดี ตกลงมึงจะเอายังไง?”ผมเริ่มตีขรึม มันเขินครับสัส ให้มาบอกรักผมเขิน
“เอาใจมึงนะ กูขอ”ไอ้บลูเอื้อมมือมาเตะหน้าอกผมแล้วจิ่มๆเบาๆ แหม นี่ก็ไวเหลือเกิน อ่อยระดับสองใส่ผมด้วย ผมแสยะยิ้มร้ายแล้วรวบมือไอ้บลู
“หึ เอาตัวกูไปเลยดีกว่า กูยกให้!”ไอ้บลูหน้าแดงขึ้นมาเป็นกอง หลังเข้าใจความหมายที่ผมสื่อ มันถามผมใช่ไหมว่าก่อนหน้านี้นะที่ถามผมว่า ผมเคยมีความฝันไหม? แล้วความฝันของผมคืออะไร?
ฝันของผมนะหรอ?
'ก็อยู่เคียงข้างมันตลอดไป แค่นั้นเอง'
--- The end --[/center][/size][/left]
ดีค้าาา ลองแต่งเรื่องสั้นดูนะคะ เรื่องนี้มีทั้งหมด 9 คู่นะคะ
เดี่ยวคืนพรุ่งนี้จะต่อด้วยคู่พี่ปิ้กสายเปย์กับน้องว่านค่ะ ยังไงก็ฝากน้องๆทุกคนไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ
เพจ ตีนกระต่าย จะเริ่มอัพจนกว่าจะหมดทุกคู่ 555
https://web.facebook.com/teenrabbit/?ref=settings