Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Fire Me to the Moon • EP.25 Love you to the moon (ENDING) | 19/08/2017 (หน้า 7)  (อ่าน 108349 ครั้ง)

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #30 เมื่อ02-01-2017 18:16:07 »




‘ปั๊มอย่าวิ่งได้เปล่าวะ กูเหนื่อยยยย’ คนที่วิ่งตามบ่นอุบ

‘เดี๋ยวก็ตามไม่ทันหรอกไวน์’ คนที่วิ่งนำฉุดแขนเพื่อนสนิทให้ทนวิ่งตาม ‘เครื่องบิน’ ลำนั้นให้ทัน

‘มึงไปก่อนเหอะ เหนื่อยว่ะ’ คนโดนลากสะบัดแขนจนหลุดพลางโบกมือไล่เพื่อนไป

ปั๊มไม่ยอมเสียเวลา เขาก้าวขาออกไปและเริ่มต้นวิ่งอีกครั้ง จังหวะนั้นเองที่เครื่องบินบนฟ้าเปลี่ยนทิศทางโดยการเร่งเครื่องเพื่อไปยังจุดหมาย และคนที่วิ่งตามก็ไม่สามารถตีตื้นได้ทันแล้ว

ปั๊มชอบเครื่องบิน ไม่เคยไม่ชอบเลย เขาภูมิใจกับธุรกิจของพ่อมาเสมอ สักวันเขาจะเป็นส่วนหนึ่งของมันให้ได้
‘ชอบเครื่องบินเหรอ’ เสียงนั้นทำให้ปั๊มคิดว่าเป็นไวน์ชั่วขณะหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ออกมาจากพุ่มไม้นั้นโตกว่าเพื่อนของตัวเองมาก เขาจึงประหลาดใจ รู้สึกคุ้นหน้าแต่ก็จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

คนถูกถามแค่พยักหน้า สำรวจคนตรงหน้าซึ่งใส่เสื้อลายสก๊อตสีแดงทับเสื้อยืดสีขาวอยู่ คนแปลกหน้าคนนี้เท่มากในสายตาของเด็กอายุสิบเอ็ดอย่างเขา

‘ฉันก็ชอบนะ’ คนตัวโตกว่ายิ้ม ทำให้ปั๊มยิ้มให้กลับโดยอัตโนมัติ

ไม่รู้ทำไม เขากลับไม่ระแวงอีกเลย ปั๊มเงยหน้ามองท้องฟ้าอีกครั้ง จ้องมองจนเครื่องบินลำนั้นหายลับไป แต่เมื่อรู้ตัวอีกทีคนแปลกหน้านั้นก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วเช่นกัน



   จาก : ไวน์
   เรื่อง : เอาจริงดิ?

   มึงต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ที่บอกว่าจะใช้แผนแกล้งให้รัก
   คือไอ้ครึ่งแรกที่บอกว่าจะให้เขาช่วยสอดส่องบริษัทกูเข้าใจ แต่ประโยคหลังกูไม่ค่อยแน่ใจว่ะ
   แถมกูมารู้ตัวทีตอนที่นึกได้ว่าไอ้คนที่หักหน้ามึงเป็นผู้ชาย กูนี่อึ้งไปเลย

   รู้ว่ามันท้าทายดี แต่อย่างเล่นแรงเกินไปนะ
   (ถึงจะรู้ว่าเกมก่อนๆ หน้านี้กูยุมึงตลอด)
   ได้ข่าวว่าพวกนี้เดือดทีมันอารมณ์รุนแรงไม่ใช่หรือไง
   (และยิ่งบวกกับนิสัยส่วนตัวที่มึงเคยบ่นให้ฟัง)
   โดนจับได้ เขาฆ่าตายเอามันจะไม่คุ้มนะ

   มีอะไรปรึกษาได้ แต่ลองใช้แผนอื่นมั้ย
   ทำให้เสียหน้ากลับหรืออะไรก็ได้ หรือลองจ้างผู้หญิงมาบอกว่าท้องดูดิ สนุกกว่าอีก

   ยังไงก็อัพเดทมาตลอดนะ กูแม่งอยากกลับไทยพรุ่งนี้เลย
   เจอกันศุกร์หน้า กูจองตั๋วแล้ว

   สุดท้ายนี้ กูกลัวมึงครับ
   ไวน์


   “คุณปั๊มครับ”

   “หะ!?” ผมเหม่อมองเครื่องบินจนเกือบไม่ได้ยินเสียงเลขาตัวเองซะแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่สนามบินครับ ว่าจะหาอะไรสนุกๆ ทำสักหน่อย

   “ไฟล์ทของคุณธีร์แลนดิ้งแล้วครับ”

   “โอเค งั้นไปหาเขาที่ออฟฟิศกัน” ผมเดินนำเลขาออกไป

   “คุณปั๊มจะไปเล่นเทนนิสต่อเหรอครับ” เลขาพูดไล่หลังมา

   หืมมมม ไอ้บ้า ทำกูเสียเซลฟ์สุดๆ

คืออย่างนี้ครับ ผมยอมรับเลยว่าผมกำลังจะปั่นหัวกัปตันคนเก่งของเราด้วยการทำตัวอ่อยให้เขาอดใจไม่อยู่ ฮ่าๆๆๆๆๆ มันน่าสนุกมากๆๆๆ แต่ประเด็นอยู่ตรงที่จะอ่อยผู้ชายให้ชอบยังไงนี่สิ ผมไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านนี้เลยจริงๆ ผมเลยจัดการหารีเสิร์ชโดยการสำรวจเน็ตไอดอลคู่รักชายที่เขาว่ากันว่าหวานหยดย้อย แล้วพบว่า ทุกๆ คู่รักจะต้องมีคนเป็นผัวและเมีย ซึ่งฝ่ายแรกจะต้องแมนมาก มีความเป็นผู้ชายสุดๆ ส่วนอีกฝ่ายก็ต้องน่ารัก ขี้อ้อน งอแงหน่อยๆ ซึ่งผมเดาว่า สารรูปอย่างกัปตันธีร์ต้องเป็นผัวแน่นอน (สรุปเป็นเมียจ้า กูแห้วแดกจ้า) เพราะฉะนั้น การที่ทำให้คนเป็นฝ่ายผัวหวั่นไหวได้ก็คือการทำตัวให้น่ารักเหมือนเกิดมาเพื่อโดนดูแลเหมือนคนอัมพาตแดก และที่สำคัญ จากรีเสิร์ชเพิ่มเติมจากสื่อสิบแปดบวก พบว่าคนเป็นเมียนั้นจะต้องมีความพิมพ์นิยมประมาณว่า ขาว น่ารักและน่าฟัดในเวลาเดียวกัน ซึ่งเรื่องขาวผมไม่ต้องทำไรเลยเกิดมาสีผิวอย่างกับทิชชู่ ส่วนน่ารักน่าฟัดนี่สิจะทำให้ตัวเองเป็นแบบนั้นได้ยังไง ก็เลยตีความตามที่เดาว่า โอเค จะต้องทำตัวให้กัปตันอดใจไม่อยู่จนแทบจะลากไปปล้ำเลยดีนะ นั่นก็คือ แท๊แด… ผมเลยจัดการใส่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงขาสั้น (มากๆ) โชว์ขาอ่อนเต็มที่ ผมไม่เคยแต่งตัวแบบนี้มาก่อนเลย ตอนแรกว่าจะมั่นใจเต็มร้อย พอเลขาแม่งแซว กูไปไม่ถูกเลยครับ นอยยยยยย

   “เหมือนเหรอ” ผมถามตรงๆ

   “มากๆ เลยครับ” เลขาสำรวจผมแทบจะหัวจรดเท้า “แต่แต่งแบบนี้แล้วคุณปั๊มน่ารักดีนะครับ ผมไม่เคยเห็นเลย”

   “ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ”

   “รู้สึกอะไรครับ?” เลขาทำหน้างง

   “แบบ เออ…น่าฟัดอะไรแบบนี้”

   “คุณปั๊ม!” ตรองร้องลั่น แถมหน้าแดงจัดจนยกแฟ้มขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง

   “โอ๊ย แค่ถาม ฉันไม่ได้จะมาอ่อยนายสักหน่อย”

   “ยะ…อย่าบอกนะครับว่าที่จะมาหากัปตันธีร์ก็เพราะ…”

   “ทำไม หึงเหรอ”

   “โอ๊ยไม่ใช่ครับ นี่คุณปั๊มทำอะไรกันแน่เนี่ยยยยยยย!”

   “โวยวายทำไม เดินตามมาเร็วๆ” ผมเร่ง

   หลังจากโยนอเมริกาโนก้นแก้วทิ้งลงถังขยะแล้วเราทั้งสองคนก็รีบบึ่งไปยัง Head Office ของสายการบิน พนักงานภาคพื้นคนเดิมที่เคยเจอทักทายผมอย่างกันเองถึงแม้สีหน้าจะดูแปลกใจอยู่บ้างก็ตาม แล้วผมก็เห็นเป้าหมาย ร่างสูงใหญ่ในชุดไปรเวทเดินออกมาจากห้องแต่งตัว เขายังไม่เห็นผม ผมเลยมีเวลาชื่นชมเครื่องแต่งกายสุดแสนจะมีสไตล์ของเขาได้เต็มที่ วันนี้เขาใส่แจ๊คเกตหนังกลับสีดำทับเสื้อยืดสีขาวและท่อนล่างเป็นกางเกงยีนสีฟอกเหมือนเดิม ดูท่าจะชอบกางเกงแบบนี้มาก คงจะเป็นลูกค้าประจำร้านยีนสักร้านแน่ๆ แต่ก็ยอมรับว่ามันเหมาะกับเขาจริงๆ

   แล้วเขาก็สังเกตเห็นผม กัปตันธีร์ทำตาโตก่อนจะพุ่งเข้ามาหาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

   “แต่งตัวบ้าอะไรเนี่ย!?”

   “ไปเล่นเทนนิส” ผมยิ้มกวน หันไปมองเลขาซึ่งตอนนี้ยังหน้าแดงไม่เลิก

   “ไม่กลัวพวกพนักงานนินทากันหรือไง”

   “โอ้โห บริษัทนี้จะว่างกันขนาดนั้นเลยเหรอ”

   “นี่ไม่ได้เล่นด้วยนะ” อยู่ๆ เขาก็กระชากมือผมขึ้นมา เล่นเอาผมตัวแข็งทื่อ เอ่อ…เป็นอะไรของเขาวะ

   “เป็นอะไรเนี่ย” ผมเริ่มกลัวแล้วนะ ดูสายตาที่เขามองมาสิ ทมิฬฉิบหาย

   “ทำไมฉันบอกอะไรเธอไม่เคยเชื่อเลย”

   “ปล่อย! กัปตัน ผมเจ็บบบบ” ผมพยายามสะบัดมือออกแต่มันไม่ได้ผลจริงๆ

   “พี่ธีร์ปล่อยคุณปั๊มเถอะครับ” ตรองวิ่งเข้ามาห้าม แต่เหมือนมันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นสักนิด

   “ตรองก็เหมือนกัน! แทนที่จะดูแลให้เจ้านายทำตัวดีๆ ไม่คิดจะห้ามอะไรกันเลยหรือไง!” จู่ๆ กัปตันก็หันไปตะคอกตรองเป็นรายที่สอง เลขาที่หวังดีหน้าเสียไปทันตา

   “คุณ! พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือไงวะ!” ผมออกแรงสะบัดครั้งสุดท้าย คราวนี้มันหลุด ผมจ้องเขาไม่ละสายตา ยอมรับว่าก็เริ่มโกรธแล้วเหมือนกัน “คุณไม่มีสิทธิ์มาว่าคนของผมแบบนี้!”

   พลั่ก!!

   ผมออกแรงผลักอกคนตรงหน้า เขาเซไปชนเก้าอี้จนเกือบจะล้ม กัปตันมองหน้าผม แววตาดูเปลี่ยนไป

   “ด่าผมมาเลยสิ! ตรองไม่เกี่ยว! เขาทำงานของเขาได้ดีแล้ว ผมมันไม่รักดีเอง” ผมสัมผัสได้ถึงเสียงที่สั่นเครือ เชี่ยเอ้ย ไม่ชอบตอนตัวเองอ่อนแอเลยผับผ่าสิ

   “คุณปั๊ม ไม่เป็นไรครับ” ตรองสัมผัสแขนของผมเพื่อดึงให้อารมณ์เย็นลงบ้าง แต่ไม่ทันแล้ว มันเหมือนการกระตุ้นให้ดาวน์ลงกว่าเดิม

   “ผมแค่จะมาหาคุณ” ผมพูดความจริง กัปตันขมวดคิ้วเหมือนประหลาดใจ ใช่…มันเป็นความจริงที่เขาสมควรรู้เพียงแค่นั้น เรื่องอ่อยห่าเหวอะไรนั่นมันเป็นความโง่ที่ผมคิดจะอยากเล่นสนุกขึ้นมาเอง

   “ฉันมีเหตุผล” กัปตันพูดเสียงเบาอย่างกับกระซิบ

   “ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับ” ผมยิ้มให้เขา จากนั้นก็ทำท่าจะหันหลังกลับเพื่อเดินออกไป แต่กัปตันวิ่งมาขวางประตูซะก่อน

   “ฉันไปส่งได้มั้ย” เขาพูดอย่างระมัดระวัง นี่คุณกำลังกลัวอะไรหรือเปล่า…

   “ไม่เป็นไรครับ” ผมยิ้ม “เดี๋ยวคนขับรถคงมา ขอบคุณมาก”

   สิ้นเสียง กัปตันทำหน้าเหมือนช็อคและกระอักกระอ่วนดูพูดไม่ออกกับสิ่งที่ผมมอบให้ มันคือคำว่า ‘ระยะห่าง’ นั่นเอง นี่แหละคือสิ่งที่ ‘เจ้านาย’ และ ‘ลูกจ้าง’ ควรจะเป็น ถ้าอยากให้มันตามครรลองนัก ผมจะจัดให้


   Rrrrr.

   ผมมองโทรศัพท์ที่สั่นเป็นรอบที่ล้าน หลังจากเห็นชื่อคนโทรเข้ามาว่าก็หันกลับมาสนใจหนังสือที่อ่านอยู่ต่อ พลางนั่งกระดิกเท้าเอนตัวนอนบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ

   “ไม่คิดจะรับหน่อยเหรอครับ” ลุงเอกที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเสียง

   “ก็มารับเองสิ”

   “กัปตันเขาคงหวังดีจริงๆ นะครับ”

   ผมจิ๊ปากทันที ไม่น่าเล่าเรื่องนี้ให้ลุงแกฟังเล้ยยยย

   “รับเถอะครับ”

   “ไม่เอาน่าลุงเอก ผมยิ่งอารมณ์เสียอยู่นะ”

   “ก็ตามใจครับ ผมขอตัวไปพักผ่อนหน่อยดีกว่า”

   “ยังไม่มืดเลยจะไปนอนแล้วเหรอ” ผมคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตอนนั้นเองที่เสียงสั่นได้หายไปแล้ว แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ดีที่เห็น miss call สิบกว่าสายขึ้นโชว์หรา

   “เปล่าครับ ถ้าผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ คุณปั๊มอาจจะกล้ารับสายขึ้นมาก็ได้”

   “พูดอะไรเพี้ยนๆ อีกแล้ว ไปนอนไปๆๆๆ” ผมโบกมือไล่พ่อบ้านอย่างหงุดหงิด ลุงเอกทำหน้าตากวนๆ ก่อนจะขึ้นไปยังชั้นบน ผมมองตามไปจนลับสายตา

   Rrrrrrrr.

   โอ๊ยยย ความพยายามสูงจริงนะพ่อนักบิน

   ฮึ่ยยยย รับก็ได้วะ

   “ดิสอีสปั๊ม”

   “ค่อยยังชั่ว” เขาพูดผ่านสาย ตามด้วยเสียงถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่

   “ค่อยยังชั่ว? อะไรค่อยยังชั่ว”

   “ก็แจกความสดใสแบบนี้คงหายโกรธแล้วสินะ”

   “พูดบ้าอะไรเนี่ย” ผมเอนตัว “ทำไมผมต้องโกรธด้วย”

   “อ้าว แล้วที่ร้องไห้วิ่งออกมาแบบนั้นหมายความว่าอะไร”

   เวร ไม่ต้องรื้อฟื้นก็ได้มั้ง

   “…โมโห”

   “แล้วยังไง ต่างกับโกรธตรงไหน”

   “โกรธเขาเอาไว้ใช้กับคนที่มีความสัมพันธ์ที่สนิทกัน โมโหเอาไว้ใช้กับคนแปลกหน้า”

   “เธอนี่ก็พูดไปเรื่อย”

   “อ๋อ ถ้าปากดีแบบนี้ก็แค่นี้นะ”

   “ล้อเล่นน่า” กัปตันกำลังกลั้นขำ ฟังจากเสียงก็รู้ หึ “สรุปเธอหายโกรธฉันหรือยัง”

   “ก็บอกไม่ได้โกรธไง!” โอ๊ยยยย จะปรี๊ดแตกอีกระรอกแล้วนะ “แล้วนี่เสียงดังจัง อยู่ข้างนอกเหรอ มาพูดเธอๆ ฉันๆ แบบนี้คนที่ได้ยินเขาจะคิดว่ากัปตันกำลังง้อเมียอยู่นะ”

   เอาจริง ก็ไม่ค่อยโอเคกับการโดนเรียกเธอเท่าไหร่หรอกฮะ มันฟิลประมาณแบบเวลาผมเจอสาวถักเปียน่ารักๆ เดินผ่านแล้วทัก เธอๆ จะไปไหน โอ๊ยยย นู๊ปเชี่ยๆ

   “ก็ดีสิ”

   “หมายความว่าไง -_-“

   “ฉันก็อยากมีเมียให้ง้อเหมือนกันนั่นแหละ” เอิบ…กูไปต่อไม่ถูกเลยครับ
แหม่ ตอนแรกก็กะจะอ่อยให้ติดหรอก อุตส่าห์แต่งตัวยั่วๆ แล้วกลับไล่กูซะงั้น ไอ้เลขาก็ด่าว่าเหมือนจะไปเล่นเทนนิส เอาสิ วันนี้กูมีอะไรดีบ้าง ตอบมา!

   กัปตันกระแอมทำลายความเงียบ “แล้วสรุปวันนี้มาที่เฮดออฟฟิศทำไม”

   “ก็จะไป…” อ่า หาเรื่องโกหกแปบ “…ทำงานไง! ว่าจะไปดูนั่นดูนี่”

   “แล้วยังอยากทำงานอยู่มั้ย”

   “หมดอารมณ์แล้ว”

   “อืม… ฉันปลุกอารมณ์เก่งนะ”

   “คุณหงี่เหรอกัปตัน พูดอะไรทำนองนี้หลายรอบแล้วนะ” นี่มันนิสัยวัยกลางคนชัดๆ ฮึ่ยยย ขนลุก

   “หึๆ ฉันล้อเล่น ออกมาที่สนามบินหน่อยมีอะไรจะให้ดู”

   “เวลานี้อะนะ”

   “มาเหอะ”

   ผมมองดูนาฬิกาติดผนังรุ่นคลาสสิกเจ้าคุณปู่ เออ… ต้องรีบออกตอนนี้ไม่งั้นรถติดตาย

   “งั้นรอแปบนึง แต่งตัวพร้อมแล้วออกไปได้เลย”

   “เดี๋ยว” เขาเบรกผมกะทันหันขณะกำลังพุ่งตัวไปคว้ากระเป๋า

   “อะไร?”

   “ขอโทษนะ” กัปตันพูดอย่างช้าๆ ชัดๆ ผมรู้สึกผิดปกติกับน้ำเสียงนั้น มันอย่างกับ…ออดอ้อน?

   “เรื่องวันนี้อะเหรอ”

   “ใช่” เขาว่า “ฉันสติแตกไปหน่อย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เธอแต่งตัวแบบนั้นก็น่ารักดีนะ แต่ฉันก็อารมณ์เสียที่เธอโชว์เนื้อหนังให้คนอื่นเห็นมากไปหน่อย มันมีความรู้สึกไม่อยากแบ่งใคร …ขอโทษนะที่พูดเห็นแก่ตัวแบบนี้”

   “อ่า…” ซึ้งขนาดนี้กูจะพูดอะไรต่อได้ครับ แหม่ “หวงว่างั้น”

   “ไม่อยากใช้คำนั้น แต่… เออ ก็ใช่ แต่คนอื่นที่เห็นเธอเขาจะมองไม่ดีจริงๆ นะ จะเป็นซีอีโอแต่แต่งตัวแบบนั้น”

   “เลิกทำตัวน่าขนลุกแล้ววางสายซะ เดี๋ยวจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้แหละคุณพ่อ”

   “ขอบคุณครับลูก”

   ติ๊ด!

   ผมกดวางสายไปทันที เอาจริง ยังไม่ชินกับการเต๊าะของกัปตันเลย ยิ่งรู้จักยิ่งรู้ว่าหื่นและหงี่ชัดๆ อี๋

   ผมส่องตัวเองในเงากระจกของนาฬิกา อุ๊ย นี่มันนักกีฬาเทนนิสสุดหล่อนี่ครับ (หลบตีนแปบ)


   “ขอบคุณนะครับ” ผมบอกคนขับรถจากสายการบิน เขาปล่อยผมลงที่โรงซ่อมเครื่องของสายการบินเรา ก็กัปตันบอกให้มาเจอที่นี่ ผมยังงงอยู่เลยว่านักบินอย่างเขามาทำอะไรที่นี่กันนะ

   “เธอ!” เสียงหนึ่งดังมาพร้อมกับเสียงฝีเท้า ผมหันไปมองก็พบว่ากัปตันธีร์กำลังวิ่งมาด้วยชุดหมีแต่ทว่าเปลือยท่อนบนโชว์อกหนาและกล้ามท้องได้รูปอย่างไม่อายฟ้าอายดิน เนื้อตัวเลอะมอมแมมไปด้วยอะไรสักอย่างสีดำๆ เป็นปื้นๆ นี่ไปเล่นอะไรมาอีกแล้วเนี่ย

   “คนเยอะขนาดนี้มาเรียกธงเรียกเธออะไรเล่า” ผมทำหน้าดุใส่ ก็ดูสิ พวกช่างซ่อมเดินกันให้ขวักไขว่แบบนี้

   “เอ่อ… พี่ขอโทษ” นั่น…เป็นญาติกูซะแล้วครับ

   แต่ก็เอาวะ ดีกว่าเธอแล้วกัน

“ใส่เสื้อให้มันดีๆ ไม่ได้หรือไง” ผมชี้ หัวนมสีแทนนั่นกำลังชี้หน้ากูแล้วครับ

   “ก็มันร้อน” เขาว่า เพิ่งสังเกตว่าเขาใส่สร้อยรูปเครื่องบินอยู่ด้วย เท่ดีแฮะ “เข้าไปข้างในกัน พวกช่างตื่นเต้นกันใหญ่พอรู้ว่าปั๊มจะมา”

   “แล้วไปบอกพวกเขาตั้งแต่ตอนไหน”

   “พอดีไปปรับทุกข์กับหัวหน้าช่างมาเรื่องที่เราโกรธพี่ พอบอกมันไปอีกทีว่าปั๊มหายโกรธแล้วมันชวนให้มาปาร์ตี้ด้วยกัน”

   “ปาร์ตี้?” ผมเลิกคิ้ว “ในโรงซ่อมเครื่องบินเนี่ยนะ”

   “ใช่ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของช่างที่อยู่กับเรามาตั้งแต่เปิดสายการบิน หัวหน้าช่างคนเก่านั่นแหละ”

   “อ่อ…” เดี๋ยว ขอวนกลับไปเรื่องเดิมแปบ “แล้วใช่เรื่องมั้ยที่บอกคนอื่นเรื่องผมเนี่ย”

   “อ้าว โกรธอีกแล้วเหรอ” กัปตันธีร์หยุดเดินแล้วมองผมด้วยสีหน้าหวั่นๆ ผมปั้นหน้าบึ้งให้ก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในโรงซ่อมก่อน หลังจากพ้นสายตาแล้วยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย ฮ่าๆ ขอกวนบ้างสักทีเถอะ

   “สวัสดีครับคุณธารทอง!”

   โอ้โห ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ บรรดาช่างทั้งหนุ่มทั้งแก่ก็กรูกันเข้ามายกมือไหว้ผมเป็นว่าเล่น ทำเอาพนมมือค้างไปเลย อย่าไหว้ผมเยอะคร้าบบบบบ

   “ผมกัน เป็นหัวหน้าช่างที่นี่ครับ” คนที่พูดก้มหัวให้ผมเล็กน้อย เขายังเด็กอยู่เลย นี่เหรอหัวหน้าช่างที่กัปตันว่า

   “แหมไอ้ห่า ยังไม่ทันได้เลื่อนขั้นก็เหยอแล้วนะมึง” เพื่อนช่างข้างหลังตบหัวเขา หลังจากนั้นทั้งกลุ่มก็หัวเราะครื้นเครง ทุกคนเหมือนกันหมด ทั้งชุดหมีที่ใส่และมีใบหน้าที่มอมแมม

   “ไอ้เจษ! มึงอย่ามาทำให้กูขายหน้าคุณธารทองสิวะ!” หัวหน้าช่างลูบหัวป้อยๆ “ขอโทษด้วยนะครับคุณธารทอง พวกผมมันห่ามแบบนี้แหละ”

   “อ่า… เรียกผมว่าปั๊มก็ได้นะครับ”

   “ครับคุณปั๊ม เดี๋ยวคุณนั่งรอสักครู่นะครับ ยังเหลืออีกลำนึง” เขาชี้ไปยังเครื่องโบอิ้งที่บรรดาช่างทั้งหลายกำลังรุมทึ้งอยู่ “ตอนแรกนึกว่าจะนานกว่านี้ แต่เอาเข้าจริงก็เสร็จเร็วกว่าที่คิดครับ ดีที่เฮียเขามาช่วยอีกแรงนึง”

   “เฮีย?”

   “อ๋อ กัปตันธีร์น่ะครับ”

   “อ้อ…” แหม… คงจะมีบารมีเยอะ พวกช่างต่างพากันยกย่อง

   “ฮะแฮ่ม” เสียงกระแอมข้างหลังผมทำให้รู้ว่าคนที่ถูกพูดถึงอยู่แถวนี้ แหมโชว์ตัวเลยนะเฮีย “รีบๆ ทำให้เสร็จเถอะ เดี๋ยวเครื่องบินมาซ่อมอีกลำแล้วจะไม่ได้ฉลองให้ลุงมิ่งกันพอดี”

   “เฮ้ย! ข้าไม่รีบ เกษียณนะโว้ยไม่ใช่แก่ตาย ยังรอได้!” ช่างวัยชราคนหนึ่งตะโกนมาจากโซนที่นั่งซึ่งเต็มไปด้วยขนมขบเคี้ยวและเครื่องดื่ม รอบๆ โต๊ะประดับประดาไปด้วยลูกโป่ง หวานแหววชนิดที่ไม่อยากเชื่อว่าเป็นฝีมือช่างเลยทีเดียว

   “ไปนั่งรอกับลุงมิ่งก่อนก็ได้” กัปตันสะกิดหลังผม

   “คุณไปซ่อมอะไรกับเขาด้วยฮะ! จบวิศวะการบินแล้วอยากจะโชว์พาวหรือไง?”

   “นี่แอบสืบเรื่องฉันมากี่เรื่อง” เขาหรี่ตามอง

   “อ้าว? ทำไมเป็นฉันแล้วล่ะ ไม่อยากเป็นพี่แล้วหรอ” ผมแซว ยิ้มอย่างกวนๆ ให้ก่อนจะย้ายไปนั่งตามที่กัปตันเขาว่าโดยไม่รอให้เขาพูดอะไรต่อ

   “สวัสดีครับคุณธารทอง” ลุงมิ่งลุกขึ้นยืนอย่างลนลานและเตรียมจะไหว้

   “ไม่ต้องไหว้ก็ได้ครับ” ผมบอก แต่ยกมือไหว้เขากลับไปแทน “ช่างที่อยู่มานานอย่างลุงผมสิต้องขอบคุณ… ขอบคุณที่อยู่กับเรามานะครับ”

   “ขอบคุณครับผม” เสียงของลุงสั่นเครือตามประสาคนแก่ “ตอนแรกผมคิดว่ายังทำไหวอีกสักสองสามปี แต่พอมายืนดูแล้ว ไอ้พวกนี้มันทำอะไรคล่องแคล่วกว่าเยอะ สมควรแล้วที่ผมต้องไป”

   “ลุงก็ทำมาเต็มที่แล้วล่ะครับ” ผมบอก สายตามองไปที่เครื่องบิน เห็นกัปตันธีร์กำลังปีนนั่งร้านอย่างเป็นลิงเป็นค่าง เนื้อตัวมันเงาเพราะชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่เขาดูไม่สนใจอะไรเลย สายตาของเขากับโฟกัสแต่สิ่งที่กำลังทำ เฮอะ คนอะไรวะขับเครื่องบินก็ได้ ซ่อมเครื่องบินก็เป็น จ้างเป็นช่างซ่อมเครื่องบินส่วนตัวของพ่อซะดีมั้ยเนี่ย

   “เสียใจด้วยนะครับเรื่องพ่อแม่ของคุณ” ลุงมิ่งพูดอย่างจริงใจ

   “ขอบคุณครับ” เปลี่ยนเรื่องดีกว่า วันนี้ไม่อยากเศร้าแฮะ “วันนี้วันของลุงมิ่ง อยากทานอะไรมั้ยครับ”

   “ไม่เป็นไรครับ มีของกินเยอะแล้ว”

   ผมกวาดสายตามองรอบโต๊ะ ไม่เห็นมีอะไรที่เรียกเป็นอาหารได้อย่างจริงจังเลย มีแต่พวกขนมกับน้ำอัดลม

   “เถอะครับ ถือว่าผมเลี้ยงส่งให้นะ”

   “เอ่อ…” ลุงมิ่งอ้ำอึ้ง คงเกรงใจสินะ “ถามคนอื่นเถอะครับ ผมยังไงก็ได้”

   “อ่า” อ้าวลุง โยนให้ผมแล้วไง

   ผมยืนขึ้นก่อนจะตะโกนถาม “ทานไก่ทอดกันมั้ยครับ!”

   “เอาครับคุณปั๊ม!!” หัวหน้าช่างตะโกนออกมาคนแรกเลย

   “เอาครับ!”

   “เอาฮะ!!”

   “ขอบคุณครับ!”

   ทุกเสียงเป็นเอกฉันท์ ผมจัดการเปิดแอพฯ ทันที เอ… คนเยอะขนาดนี้เขาจะจัดส่งมั้ยวะ ไม่งั้นเดี๋ยวให้คนขับรถที่บ้านไปซื้อให้ดีกว่า ว่าแล้วผมก็จัดการโทรหาลุงเอกทันที

   “ครับคุณปั๊ม…”

   “ลุงเอก ให้คนขับรถไปซื้อบอนชอนมาให้หน่อยสิ เอาให้พอดีสัก…” ผมนับคนที่เห็นทั้งหมดอย่างคร่าวๆ “เอามาเผื่อสักสามสิบคน”

   “เลี้ยงเด็กกำพร้าเหรอครับ”

   “จะบ้าเรอะ พอดีมีช่างจะเกษียณก็เลยว่าจะเลี้ยง”

   “อ่า…ชื่นใจจัง เดี๋ยวผมจะจัดการให้เดี๋ยวนี้แหละครับ จะช่วยซื้อของหวานพวกทาร์ตไข่ไปด้วยแล้วกัน”

   “ดี เร็วๆ นะลุง เดี๋ยวเขาก็เลิกงานกันแล้ว”

   “ครับผม”

   ติ๊ด!

   หลังจากวางโทรศัพท์ลง สายตาดันพลันไปเห็นกัปตันธีร์กำลังมองมาพอดี เขากำลังยิ้มอย่างพอใจมาทางนี้ แต่พอรู้สึกว่าผมเห็น เขาเลยละสายตาแล้วหันกับไปง่วนอยู่ที่งานตรงหน้าแทน อะไรของกัปตัน จะแอบมองทำไม - -


   เสียงหัวเราะของบรรดาช่างในงานปาร์ตี้ระงมไปหมด ทุกคนต่างพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ลุงมิ่งที่เริ่มกรึ่มๆ เพราะน้ำพันช์ (ที่ไม่รู้ไปหากันมาจากไหน) ก็เริ่มพูดคุยถึงตอนเริ่มทำงานใหม่ๆ สมัยยังหนุ่มๆ ว่าต้องผ่านอะไรมาบ้าง ส่วนมากเป็นเรื่องตลกที่เคยเจอ มีเรื่องที่เคยลืมประกอบอะไหล่ให้ครบด้วย แกบอกว่าโชคดีที่เครื่องไม่ตกจนกลับมาไทยอีกรอบได้ ทุกคนขำขันกันใหญ่ มีแต่ผมคนเดียวที่หน้าเหวอเพราะขำไม่ออกจริงๆ นี่มันเรื่องความเป็นความตายเลยนะ ทุกคนเห็นผมไม่จอยเลยพยายามอธิบายต่อว่าอะไหล่ตัวนั้นเป็นแค่ตัวโครงสร้างที่ใช้ประกอบปิดเป็นโครงสร้างเฉยๆ ไม่ใช่อะไรสำคัญ แต่ถึงยังไงก็ไม่ช่วยอยู่ดี ไม่ตลกเลยนะพวกคุณ - -

   “อะ” ความรู้สึกเย็นๆ ถูกนาบที่แขนอย่างกะทันหันจนผมสะดุ้ง กัปตันธีร์ ยื่นแก้วที่ใส่น้ำสีเขียวๆ มาให้ โอ๊ย สีไม่น่าดื่มเลยเอาจริง

   “มีแอลกอฮอล์หรือเปล่า” ผมถาม

   “เบาบางมาก” เขากระตุกยิ้ม

   “นี่ยังไม่ได้สอบสวนนะว่าเอาเครื่องดื่มมึนเมาเข้ามาในนี้ได้ยังไง” ผมว่าแต่ก็รับแก้วมาโดยดี ชิมจิบๆ ไปนิดหน่อย เออ ก็อร่อยใช้ได้

   ผมมองเครื่องโบอิ่งที่ตอนนี้กลับมาสวยเอี่ยมอ่อง เอาจริง ผมชอบเครื่องบินมากเลยนะ ตอนเด็กๆ นี่เวลาได้ยินเสียงเครื่องบินที่ไหนต้องเงยหน้าขึ้นมองตลอด มันเป็นอีกหนึ่งความฝันวัยเด็กจริงๆ

   “คุณเคยขับลำนี้มั้ย”

   “เคย” เขาบอก ทิ้งตัวลงข้างๆ ผม “หนึ่งในลำโปรดของฉันเลย”

   “อยากขับเครื่องบินเป็นมั่งจัง”

   “ไว้ว่างๆ จะสอน”

   พอเขาพูดอย่างนั้น ผมนี่ตาลุกวาวเลยฮะ

   “จริงเหรอ? มันสอนได้จริงๆ ใช่มั้ย”

   “จริง” เขายกแก้วพันช์ขึ้นจิบ “แต่ต้องใช้เวลาสอนนานหน่อย”

   “ผมมีเวลาว่างเยอะ”

   “แต่ฉันไม่ค่อยมีน่ะสิ” กัปตันเลิกคิ้วใส่ ผมเกลียดเวลาเขาทำหน้าตาแบบนี้มาก กวนตีนอะ ไอ้แก่เอ๊ยยยย

   “แล้วจะพูดทำไมเนี่ย” ผมมองตาขวาง หันหน้าไปทางอื่น

   “หึๆ ตามมาสิ มีอะไรให้ดู” เขาลุกขึ้นและยื่นมือมาให้ คืออะไร? ให้จับเหรอ?

   “จะไปไหน” พอเห็นว่าผมไม่จับ เขาเลยเลยคว้าข้อมือให้ผมลุกขึ้นตามแทน

   “ซีเครสเพลส” เขาขยิบตา เล่นเอาผมตัวแข็งทื่อเหมือนถูกสาป

   กัปตันคว้าขนมติดมือไปด้วยสองห่อ จากนั้นก็เดินผ่านวงพันช์ของช่างไป

   “ฮิ้วววววววว!”

[อ่านต่อด้านล่าง]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2017 18:53:38 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #31 เมื่อ02-01-2017 18:38:54 »

[ต่อ]

“ร้ายนะเฮียยยยย”

   เสียงโห่ร้องดังระงมไล่หลังมา ฮึ่ยยย ไอ้พวกนี้ ตัดเงินให้หมดซะดีมั้ย

   “ไปไหนเนี่ย” ผมถามเมื่อเห็นกัปตันดึงบันไดเหล็กเก่าๆ ลงมาให้ปีน นี่มันทางหนีไฟไม่ใช่หรือไง

   “ขึ้นไปเถอะน่า” เขาดันตัวผม

   เอ๊า ปีนก็ปีนวะ

   ผมไต่บันไดมาเรื่อยๆ จนพบว่ามันคือทางพาไปสู่ชั้นดาดฟ้าของโรงซ่อม ตรงนี้เป็นลานโล่งๆ สามารถมานอนรับลมเย็นๆ ได้สบายเลย แต่ประเด็นคือ ตอนนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วครับ จะสิ้นปีแล้วมันก็เงี้ย ยิ่งตัวเองใส่เสื้อผ้าฝ้ายสีขาวบางๆ มาแบบนี้แล้วมันโดนลมดีจริงๆ โอ๊ย หนาวไปหมดแล้ว

   “คุณพาผมมาบนนี้ทำไม” ผมถามเมื่อเห็นว่ากัปตันเดินมายืนข้างๆ แล้ว

   เขาไม่พูดอะไร แค่ชี้ให้เห็นรันเวย์ของสนามบินที่ตอนนี้มีเครื่องบินเข้าคิวรอเทคออฟกันหลายลำ

   “ชวนมาดูเครื่องบิน”

   “โรแมนติกเชียวลุง” ผมพูดแข่งกับเสียงเครื่องยนต์เร่งความเร็วดังสนั่นหวั่นไหว
เราสองคนนั่งลงกับพื้นดาดฟ้าซึ่งไม่ได้สกปรกอย่างที่คิด กัปตันจัดการแกะซองขนม จากนั้นเราก็ชนแก้วที่ตัวเองต่างหยิบติดมือกันมาด้วย อ๊า ได้บรรยากาศดีไปอีกแบบแฮะ

   “ฉันชอบมาที่นี่เวลาว่างๆ” กัปตันว่า “มองดูเครื่องขึ้นลงไปเรื่อยๆ”

   “คุณสนิทกับพวกช่างเหรอ”

   “ใช่ ฉันชอบมารื้อฟื้นสกิลการซ่อมเครื่องที่นี่” กัปตันเอนตัวเท้าแขนเงยมองท้องฟ้า ลมเย็นๆ ตีหน้าจนผมสีดำขลับปลิวไสวโชว์ใบหน้าที่สวยได้รูปของเขา แต่มันก็แซมไปด้วยริ้วรอยของช่วงเวลาชีวิต เขาจะคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ สมัยหนุ่มๆ บ้างมั้ยนะ

   “สวยดี” ผมพูดความจริง ภาพที่เขาพามาให้เห็นมันน่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ

   “อากาศเริ่มเย็นแล้ว” เขาเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิ

   “สิ้นปีก็งี้แหละ …แต่ให้มันเย็นบ้างเหอะ ทุกวันนี้ร้อนจะตายอยู่แล้ว”

   “หนาวมั้ย”

   “ตอนนี้เหรอ” ผมถาม “เย็นๆ อะ ไม่ค่อยเท่าไหร่”

   “ไปเอาชุดหมีให้มั้ย”

   “แหวะ ไม่เอาหรอกเหม็นเหงื่อ ซักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้” ผมไม่ได้ขยะแขยงหรอกนะ แต่ถ้าเลือกได้ก็ขอปฏิเสธหน่อยเถอะ

   “งั้นมานี่” อยู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วมานั่งซ้อนหลังผม ด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกเลยทำได้แต่ตัวแข็งไม่ได้โวยวายอะไรออกไป ผมได้ยินเสียงเขารูดซิปชุดหมีและรู้สึกได้ว่าคนข้างหลังกำลังเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิมจนในที่สุดผมก็สัมผัสได้ถึงอะไรต่อมิอะไรไปหมดแล้ววววววว

   “เอนตัวมา” เขาพูดอยู่ใกล้ๆ ต้นคอ

   “ดะ…เดี๋ยว ทำอะไรเนี่ย” เวรเอ้ย รู้สึกแพ้สัดๆ ที่ตัวเองเสียงสั่นไปหมดแบบนี้

   “เสื้อบางจนเห็นนมขนาดนั้น ไม่ต้องมาโกหกหรอก”

   “คุณแอบดูหรือไง”

   “ยังไม่วายจะแต่งตัวโป๊ให้ได้สินะ บอกแล้วใช่มั้ยว่าหวง” เขากระซิบเสียงอ่อย โอ๊ยยย ทำเสียงให้มันดีๆ ได้มั้ยเล่า

   “นี่ ออกไปเลยนะ!” ผมพยามดิ้นให้หลุดจากมือที่โอบเอวไว้

   “เอนตัวมาเถอะน่า”

   “อย่า… เหวอ!” จู่ๆ เขาก็รั้งเอวผมเข้าไปใกล้ตัวจนเอนกะเท่เร่ไปทับอกเขาอย่างจัง สัมผัสได้ถึงกล้ามอกที่กำลังมอบไออุ่นผ่านมาให้ เขาเห็นผมสงบไปเลยดึงเสื้อหมีที่แบะออกในตอนแรกมาห่มไว้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามองเผินๆ เรากำลังใส่เสื้อตัวเดียวกันอยู่

   “อุ่นหรือยัง”

   “เออ!”

   “อย่าแต่งตัวโป๊อีกนะ”

   “คุณก็เลิกกระซิบข้างหูสักที ขนลุก!”

   “หึๆ” เขาหัวเราะ

   “คืนนี้พาไปส่งบ้านหน่อยสิ” ผมบอก

   “ไม่ให้คนขับรถมารับล่ะ”

   “ก็อยากให้คุณไปส่งนี่…” ฮะฮ้า! คิดว่าคุณยั่วเป็นคนเดียวเหรอครับกัปตัน ผมชอบเล่นอะไรแผลงๆ อยู่ด้วยนะเฟ้ยยยย

   “เอ่อ…”

   เชี่ย… อะไรดันหลังกูอยู่วะ หวังว่าจะเป็นแขนนะ - -

   “ได้มะ” ผมเบียดตัวแน่นขึ้นพร้อมกับถูไถซอกคอของกัปตันด้วยผมยุ่งๆ ที่วันนี้ไม่ได้จัดทรงมา

   “ได้” เขากระแอมไอ “แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ”

   ผมเงยหน้ามองเขา ทำแววตาเหมือนลูกหมาข้างถนนที่เคยเห็น ประมาณจะถามเขาว่า ‘ทำไม’ นั่นแหละ

   “ขออยู่แบบนี้สักพัก” เขายิ้มพร้อมกับกัดริมฝีปากล่างแบบคนเขิน ฮ่าๆๆๆๆ ตลกว่ะ ทำอย่างกับหนุ่มแรกรุ่น

   “เอาเหอะ อนุญาตให้นานๆ แทะโลมได้ทีนึง” ผมบอก

   “ฉันแอบแทะโลมเธอด้วยสายตาบ่อยไป”

   “เอ่อ…” เนี่ย แล้วก็จะตามมาด้วยมุกที่กูไปต่อไม่ถูกแบบเนี้ยยย แงงงงง

   “ล้อเล่น…” เขาหัวเราะจนหน้าอกกระเพื่อม เล่นเอาหัวผมสั่นด๊อกแด๊ก “นี่ปั๊ม…”

   “อะไร”

   “เรียกฉันพี่ได้มั้ย”

   “หือ? ทำไมอะ”

   “อยากสนิทด้วยอะ”

   “อ่า” เอาล่ะสิครับ ชั่วโมงระทึกขวัญกลับมาอีกแล้ว

   “คุณเป็นลูกน้องผมนะ จะมาสนิทด้วยได้ไง”

   “ไม่อยากเป็นลูกน้องด้วย เรียกพี่จะได้เลื่อนขั้นไง”

   “อืม…เรียกลุงได้ปะ”

   “…”

   “ล้อเล่นๆ ขอเอาไปคิดก่อน”

   “ปั๊ม…”

   “ก็บอกว่าขอเอาไปคิดก่อนไง”

   “ไม่ใช่” เขาขยับท่านั่งให้ตัวเองสบายขึ้น “ไปกินข้าวกันมั้ย”

   ผมขมวดคิ้ว “ยังไม่อิ่มอีกเหรอ คุณก็กินบอนชอนไปหลายชิ้นอยู่นะ”

   ตะกละเชียวพ่อคุณ

   “ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึง…คราวหน้า ฉันชวนไปกินข้าวด้วยกัน”

   “หือ” ผมนี่ถึงกับเด้งตัวหันกลับมามองหน้าเขาเลยครับ คุณคิดจะทำอะไรกันแน่กัปตัน

   “ลุงจะชวนผมเดทเหรอ” ผมหรี่ตามอง

   “เอ่อ…”

   “เฮ้ย ลุงจะชวนผมเดทใช่ปะๆ” ผมชี้นิ้วแหย่จนเขาอายต้องเบือนหน้าหนี

   “ไม่ไปก็ไม่เป็นไร”

   หึๆๆๆ ขอบคุณที่ทำเรื่องสนุกให้เกิดขึ้นง่ายกว่าที่คิดนะครับ

   “ไปดิ” ผมบอก กัปตันนี่ถึงกับอึ้งไปเลย

   “…”

   “แต่ผมเป็นคนเรื่องมากนะ เหวี่ยงเก่งด้วย แถมยังไม่เคยเดทกับผู้ชายมาก่อนอีกต่างหาก ไม่รู้จะเจออะไรบ้าง เตรียมตัวให้ดีล่ะ”

   กัปตันยิ้มมาที่ผม ก่อนจะพยักหน้า

   “จะลองพยายามดู” เขาพูด

   “วันไหนดีล่ะ”

   “ศุกร์หน้าเป็นไง สิ้นเดือนพอดี”

   “ได้เลย! มีตีมมั้ย” ผมแหย่เขาเล่น

   “กางเกงยีน…” เขาเสนอ “แต่เธอห้ามแต่งตัวโป๊เด็ดขาด”

   “เสียใจ ห้ามผมไม่ได้หรอก” ผมกระดิกนิ้วชี้ใส่ หึหึ อย่าสั่งพี่ไอ้หนู

   อยู่ๆ เขาก็เงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เอ่อ…

   “เป็นอะไรอะ” งงกะเขา อยู่ดีๆ ก็เปลี่ยนมู้ด

   “เปล่า” กัปตันยิ้ม พยายามเลี่ยงไม่สบสายตา “ตื่นเต้น รอให้ถึงวันศุกร์หน้าไม่ไหวแล้ว”

   “อ้อ…”

   ฉิบหาย… นี่กูโดนคนเป็นไบโพล่าขอเดทใช่มั้ย


   “แค่กๆๆๆ” ผมมองลอดประตูห้องออกไป เห็นว่าเจ้าเลขาจมูกแดงก่ำ แถมตาก็ย้อย อาการแบบนี้รู้เลยว่าไม่สบาย

   “ไปหาหมอมั้ย” ผมเดินออกไปหาเขา

   “ไม่เป็นไรครับ” ตรองตอบกลับมาด้วยเสียงขึ้นจมูก “อังไอว (ยังไหว)

   “ฉันสั่งให้ไปหาหมอ ไป! กลับได้แล้ว เดี๋ยวก็ตายพอดี”

   “ครับๆ” ตรองลุกขึ้นเก็บของเข้ากระเป๋า สภาพอย่างกับลูกหมาไม่มีผิด

   Rrrrrrrrrr.

   “ฮัลโหล” ผมรับโทรศัพท์ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะมัวแต่มองเลขาอยู่

   “ทำไมมึงไม่มารับกูที่สนามบินไอ้สัส”

   เสียงกวนตีนแล้วทักทายกันด้วยคำหยาบโลนกันอย่างนี้ ไม่ใช่ใครครับ ไอ้ไวน์! ฉิบหาย จริงด้วยมันบอกว่ามันจะมาสิ้นเดือนนี้นี่หว่า

   “มึง! กูขอโทษ ยังอยู่สนามบินมั้ยเดี๋ยวไปรับ”

   “ไม่ต้อง! กูเซอร์วิสให้มึงถึงที่แล้ว”

   “ฮะ!?”

   ตึ๊ง!

   ประตูลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปเปิดออก ไอ้ไวน์เดินออกมาพร้อมกับลุคใหม่ที่ผมไม่เคยเห็น ผมของมันเป็นสีบลอนด์แบบญี่ปุ๊นนนนนญี่ปุ่น แถมตัวก็หนาขึ้นกว่าที่เจอตอนงานศพพ่อกับแม่ด้วย มีการเจาะปลายจมูกแถมใส่ห่วงเหมือนควายอีกต่างหาก แต่โดยรวมมันไม่ทุเรศเลย โอ๊ยยย ต้นทุนทางด้านร่างกายมันดีกว่าผมทุกอย่าง ยอมแพ้ครับ

   “ไงมึง” มันกดวางสายโทรศัพท์แล้วเดินเข้ามาหาผม

   “กระเป๋ามึงอะ?”

   “ให้คนขับรถบ้านกูมาเอาไปแล้วสิ ไม่ใช่แค่บ้านมึงคนเดียวนะที่รวยจนมีเสาโรมัน” มันว่า สะบัดสายตามายังเลขาของผมที่ตอนนี้เงียบฉี่เชียว อย่างกับหายไข้สบายดีราวปาฏิหาริย์

   “นี่ใคร” ไอ้ไวน์ถาม

   “เลขากูเอง… ตรองนี่เพื่อน…”

   “สวัสดีครับคุณไวน์” เลขาหนุ่มยิ้มหวาน อ้าว กูยังสำคัญอยู่มั้ย - -

   “ครับๆ” ไวน์โยกหัวทักทาย เหมือนไม่ค่อยอยากคุยด้วยต่อเท่าไหร่ “ไปกินข้าวกันเหอะมึง กูอยากกินอาหารไทยยยยย …ฮ่าๆ ดัดจริตปะ?”

   “สุดๆ อะไอ้ห่า เอาดิวันนี้มีนัดใครไว้มั้ยวะ”

   ผมมองดูปฏิทิน วันนี้วันศุกร์ที่สามสิบเอ็ด… เฮ้ย! เดี๋ยวนะ!? วันนี้มีเดทนี่หว่า

   “ไม่มีครับ” ตรองเปิดสมุดนัดก่อนจะแจ้งผม เอ่อ…คือ

   “ดีเลยมึง ไปทองหล่อกัน จะแดกแม่งทุกร้านเลย”

   “จริงๆ วันนี้กูมีนัดว่ะ”

   “อ้าว… ก็เลขาบอกว่าวันนี้มึงว่าง”

   “อันนี้นัดนอกรอบ แบบไม่ใช่เรื่องงานอะมึง”

   “อ้าวมึงทุ่นกูแล้วไอ้ปั๊ม นี่กุอุตส่าห์มาเซอร์ไพร์สมึง”

   “เฮ้ยยย กูขอโทษมึง กูขอโทษจริงๆ ลืมไปอะ” ผมนี่แทบจะก้มกราบเลยครับ

   “ผมไปก่อนนะครับคุณปั๊ม” เลขาที่คว้ากระเป๋าเรียบร้อยเตรียมจะกลับก่อนเวลาหันมาลาผม แอบเห็นสายตาที่เอียงอายมองไอ้ไวน์อย่างขัดๆ เออจริงสิ ไหนๆ แล้วก่อนไปหาหมอช่วยกูหน่อยแล้วกันนะ ชอบทำงานใช่มั้ยล่ะ

   “เดี๋ยวๆ” ผมยกมือห้ามเลขาไว้ ก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนต่อ “มึงพาเลขากูไปหาหมอทีดิ”

   “เฮ้ย เรื่องอะไรล่ะ” มันสะบัดตัวหนีทันที

   “นะๆๆๆๆ มึงจะได้ไม่เสียเที่ยว พาไปหน่อย แล้วไปกินข้าวกันต่อด้วยก็ได้”

   “มึงไม่ต้องมาตลกกะกูเลย” ไอ้ไวน์หันหน้าหนี แต่มันดันไม่รู้ว่าทางนั้นคือทางที่เลขาผมยืนก้มหน้าอยู่ นั่นไงมึงทำเลขากูนอยด์แล้ว

   “เอ่อ…ไม่สบายเหรอ” ไวน์ถามตรอง เลขาหนุ่มของผมเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

   “มึงดูดิ ไม่ค่อยไหวขนาดนี้มึงไม่ช่วยหน่อยเหรอวะ” ผมกระซิบอยู่ข้างหลัง

   “เฮ้อ” ไอ้ไวน์ถอนหายใจ ในที่สุดมันก็ยอมครับ เย่! “โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอยู่ตรงไหนอะ”

   “เดี๋ยวผมไปเองก็ได้นะครับ…” เลขาหนุ่มพูดเสียงแผ่ว อ้าวมึง…

   “ไม่ต้องเลยพี่ เดี๋ยวผมพาไปนี่แหละ” ไวน์พูดก่อนจะหันขวับมาที่ผม “คราวหน้ามึงเลี้ยงข้าวกูด้วย!”

“เอออออออ เลี้ยงได้อยู่แล้ว”

“กูจะแดกให้มึงล้มละลายเลย! …พี่! ไปกัน” มันชี้หน้าก่อนจะจับข้อมือเลขาผมแล้วเดินเข้าลิฟต์ไป ยังไม่วายชูนิ้วกลางขึ้นมาให้ระหว่างที่ประตูลิฟต์กำลังปิด

ฮืออออ กูขอโทษ ทั้งคู่เลย วันหลังจะไม่เทแบบนี้อีกแล้ว…

“สรุปว่าเย็นนี้มีนัดเหรอครับคุณธารทอง” เสียงเย็นๆ อันคุ้นหูดังขึ้นเล่นเอาผมสะดุ้ง …เพชรยืนยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์พิงกำแพงของช่องลิฟต์อยู่ พอเห็นว่าผมรู้ตัวเขาก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับสอดมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง พร้อมกับใช้มืออีกข้างปลดกระดุมสูทออกจนเห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวข้างใน

“อ่า…” ผมอ้ำอึ้ง ฉิบหาย นี่มันมาตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย

เพชรกอดอกพร้อมหรี่ตามอง “พอจะบอกได้มั้ยว่าใคร”

“คือ…”

“ไม่มีอะไรๆ” เพชรเปลี่ยนท่าทีให้สบายขึ้น แต่ผมนี่สิยังไม่สบายใจอยู่ดี

เพชรยิ้มให้ก่อนจะใช้นิ้วเรียวนั้นดีดดอกกล้วยไม้ในแจกันบนโต๊ะเลขาผม

“แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าใช่คนเดียวกับที่เราเดาอยู่หรือเปล่า”


 :really2: :really2: :really2:

ฮาโหยๆๆๆ ยังติดลมบนอยู่กับเทศกาลปีใหม่ 5555
สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะฮะ ขอมอบตอน5 ที่ยาวเฟื้อยแบบนี้ให้เป็นของขวัญนะครับผม

มีอะไรติชมกันได้นะฮะ
ใครชอบ ใครอยากด่าอะไรรับฟังหมด เอิ๊กๆๆๆๆ

หรือมีใครจะพูดคุยหรืออยากหลังไมค์อะไร แวะเข้ามาที่
แฟนเพจของเก๊าน้าาา https://www.facebook.com/thene0classic/

รักทุกคนเลยยยย ขอบคุณมากๆ ฮะ

-------------------------------------

Hamzholic : อย่าว่าเพชรจิ
puiiz : เย่เย่ ตามอ่านทุกตอนเลย น่าร้ากกกก
nutiez : กัปตันหื่นอะ แบบคนแก่อดีตวัยหนุ่มเคยแรง 5555
bookie : กัวๆๆๆ กัวน้องปั๊มโดนกัปตันกินแทนงะ U_U
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2017 18:53:33 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ kokoro

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +138/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #32 เมื่อ02-01-2017 19:26:30 »

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ดูซิว่าหลุมของใครจะลึกกว่ากัน
ผลัดกันอ่อยเหลือเกิน 555

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #33 เมื่อ02-01-2017 22:47:45 »

"ผมปลุกอารมณ์เก่งนะ"

โอ๊ยยยยยยย คุณกัปตันรุกหนักมาก เขินนนนนนน บ้าที่สุด! ฟิน จิ้น จิกหมอน โดยเฉพาะฉากตอนไปที่โรงซ่อมเครื่อง อ่านแบบหายใจหาขอไม่ทัน จิ้นมาก นี่ในหัวคือไปฉาก NC แล้ว แต่เกรงว่าจะเร็วเกินไป ฮ่าๆๆๆๆ

รออ่านต่อ ขอฟินแบบนี้อีกเยอะ
ชอบกัปตันมู้ดนี้จัง ม๊วฟฟฟฟ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #34 เมื่อ03-01-2017 12:24:15 »

โอ๊ยกับตันละมุนมากกกกกกกกกกกกกก   :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #35 เมื่อ03-01-2017 13:43:08 »

เราเขินคุณกัปตันมากเลยยยย  :-[

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #36 เมื่อ03-01-2017 15:25:50 »

ชอบค่ะ หลงเลย

ออฟไลน์ QueenPedGabGab

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 311
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #37 เมื่อ03-01-2017 16:08:09 »

สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ fsbeentaken

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #38 เมื่อ04-01-2017 11:10:45 »

รำความเสี่ยวนี้มากเลยค่ะ 5555555

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #39 เมื่อ04-01-2017 13:44:28 »

ลงชื่อรออ่านตอนหน้าด้วยคนค่ะ ^^ :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
« ตอบ #39 เมื่อ: 04-01-2017 13:44:28 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ YounIn

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1524
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-8
Re: Fire Me to the Moon • EP5 ห้าม! | 1/2/2017
«ตอบ #40 เมื่อ05-01-2017 09:58:58 »

สนุกดี
เคยเจอกันตอนเด็กแน่ๆ เด็กคนนั้นคือกัปตันธีร์
แล้วพ่อแม่คงฝากฝังไว้ให้ดูแลน้อง(?)
มีความห่วงหวง

มาต่อๆๆๆๆ

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า! | 1/15/2017
«ตอบ #41 เมื่อ15-01-2017 20:43:42 »

6
คนเก่า



   “เพชรๆ มีอะไรหนักใจหรือเปล่า หรือปวดหัวอะไรมั้ย ไม่สบายไรงี้” ผมตั้งใจกวนตีนเอาน้ำเย็นเข้าลูบเพราะเห็นท่าไม่ค่อยดี ไอ้ห่าเอ้ย มันพกปืนมาหรือเปล่าวะ

“หนักใจเหรอ… อืม ไม่หรอก” เพรชส่ายหน้า มันก้าวขาเข้ามาพร้อมส่งรอยยิ้มแปลกๆ ไม่น่ามองเอาซะเลย “เราอยากบอกปั๊มว่าอย่าไปยุ่งกับคนนั้นมากเลยนะ”

“ใครเหรอ”

“ใสซื่ออีกแล้วนะ” เพชรหัวเราะ “ก็ใครล่ะถ้าไม่ใช่กัปตันธีร์ มันกำลังจีบปั๊มใช่มั้ย เราดูออก”

“ดูออกยังไง”

“ก็พาไปนั่นไปนี่ นั่งดูเครื่องบินแสนจะโรแมนติก”

“เพื่อนกันหน่า ใครๆ เขาก็ทำ”

“ระวังมันมาได้ยินมันจะน้อยใจนะ”

“เราว่าเพชรกำลังประสาทอะ เพชรกลับไปเถอะนะ”

“อะไรกัน ที่เราทำก็ไม่ได้ต่างอะไรจากที่กัปตันมันทำเลยนะ แปลกจัง…ทำไมปั๊มถึงเห็นว่ามันดีไปได้”

“ใครดีไม่ดีเราตัดสินเองได้จ้า” ผมยิ้มกวนมัน มันรู้ได้ไงวะว่ากัปตันธีร์ทำอะไรไม่ทำอะไร ดูท่าไม่ค่อยดีจริงๆ แฮะ วันนี้จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่าเนี่ย กล้องวงจรปิดทำงานอยู่หรือเปล่า ถ้ามันยกปืนขึ้นมาจริงๆ จะได้มีหลักฐาน ฮืออออ

“หึๆ จริงๆ แล้วเราว่าจะมาพาปั๊มไปกินข้าว” เพชรมันว่า พลางจัดเสื้อสูทให้เข้าที่ “แต่ถ้ามีนัดอยู่แล้วก็ไม่เป็นไรนะ”

“ถ้ารู้ตัวก็ไปได้แล้ว”

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละ เพราะอีกห้านาทีมันคงโทรหาปั๊มแน่นอน ไม่อยากฟังเสียงมัน” เพชรยิ้มทิ้งท้ายก่อนจะหันหลังเดินเข้าลิฟต์ไป

   อะไรของมันวะ น่ากลัวฉิบเป๋ง -_-

   Rrrrrrrrrr.

   กัปตันธีร์

   เวร…หรือว่าแท้จริงแล้วไอ้เพชรมันเป็นหมอดู พูดไว้ไม่ขาดคำ

   “ว่าไง” ผมรับสาย

   [วันนี้ฉันไม่ว่าง ขอโทษที]

   “หะ…”

   [พอดีมีปัญหานิดหน่อย]

   “เดี๋ยวๆ”

   [คงไปไม่ได้นะ]

   ไอ้สัส ให้กูพูดมั่ง!

   “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถามเขา

   [ไว้ค่อยคุยกัน ฉันทำธุระอยู่ แค่นี้นะ]

   ติ๊ด!

   แล้วเขาก็วางสายไปอย่างดื้อๆ เล่นเอาผมมึนตึ๊บ อ้าว…กุจะทุ่นเพื่อนไปเพื่ออะไรถ้ารู้ว่ามันจะลงเอยอีหรอบนี้ โอ๊ยยยย

   แต่เอาจริง แม่งไม่ชอบมาพากล ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ

ไม่ได้การแล้ว!

   ผมจัดการต่อสายหาเลขาทันที

   “ครับคุณปั๊ม” เสียงตรองดูอู้อี้แบบคนไม่สบาย แต่รอบข้างเงียบแบบนี้คงอยู่บนรถกับไอ้ไวน์ชัวร์ๆ

   “ฉันรู้ว่ากำลังไม่สบาย แต่อยากจะรบกวนแค่เรื่องเดียวจริงๆ”

   “ครับ… มีอะไรหรือเปล่าครับคุณปั๊ม”

   “ช่วยสืบให้ทีว่าตอนนี้กัปตันอยู่ที่ไหน”


   ผมนั่งอยู่ในรถซึ่งจอดแน่นิ่งอยู่ตรงประตูทางออกของสนามบิน ตรองบอกว่าเครื่องของกัปตันทีลงตั้งแต่ชั่วโมงที่แล้วแต่เขายังไม่ออกจากสำนักงาน เป็นไปได้ว่าเขากำลังรอเวลาเพื่อจะทำอะไรสักอย่าง ต้องยกความดีความชอบให้กับพนักงานภาคพื้นคนนั้นที่ช่วยเป็นสายลับให้อีกแรงนึง เพราะไม่นานก่อนหน้านี้ ตรองส่งข้อความมาว่าพนักงานคนนั้นเห็นกัปตันกำลังออกมาจากสำนักงานแล้ว

   นั่นไง! แล้วผมก็เห็นเขา อยู่ในกางเกงยีนสีฟอกตามสไตล์เหมือนเดิม วันนี้แปลกหน่อยที่เขาใส่เสื้อเชิ้ตสปอร์ตสีขาว มันจึงทำให้ดูเหมือนนักกีฬาเท่ๆ พร้อมลงแข่ง แถมดูดีขึ้นอีกสิบเท่าเห็นจะได้

   อืม…แต่สงสัยจะมีธุระจริงๆ ดูจากหน้าที่เคร่งเครียดแบบนั้นคงจะเหนื่อยล่ะสิ โถ อยากพักผ่อนก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นจะ…

   เฮ้ย!!!

   อยู่ดีๆ ก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งอายุคงไม่ห่างจากผมทำไหร่ เดินเข้าไปกอดกัปตันอย่างไม่รีรอ ผมขนลุกซู่เมื่อเห็นว่าฝ่ายคุณธีร์ก็ยิ้มแย้มกอดกลับอย่างเต็มใจ หนำซ้ำยังขยี้หัวคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู ทั้งคู่คุยกันอย่างสนิทชิดเชื้อ รอยยิ้มของกัปตันทำให้รู้ว่าเขากำลังมีความสุขมาก

   มันเป็นรอยยิ้มแบบที่ผมไม่เคยเห็น!

   แล้วทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน วัยรุ่นคนนั้นยื่นกุญแจรถให้กัปตันก่อนทั้งคู่จะหายตัวเข้าไปในรถราคาปานกลางซึ่งจอดอยู่ไม่ไกลนักจากรถของผม จากตรงนี้ผมเห็นทุกอย่างชัดเจน แต่แปลกมากที่กัปตันไม่ทันสังเกตด้วยซ้ำว่ารถของผมอยู่ตรงนี้

   ไม่นานนักรถคนนั้นก็เหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว

   หึ… เจอกูแน่

   “ขับตามคันนั้นไป” ผมสั่งคนขับทันที


   คอนโด?

   โอ้โห ไม่เคยโกรธจนตัวสั่นขนาดนี้มาก่อน นี่พากันมาถึงคอนโดเลยเหรอวะ โกรธแบบ…โกรธธธธธธธธ ฮึ่ยยยยยยยย ทำไมโกรธได้ขนาดนี้วะ

   “ขอโทษนะครับ” ผมถามยามในป้อม “ในรถคันเมื่อกี้ใครเป็นลูกค้าที่นี่”

   “อ๋อ… คุณธีร์ครับ” ยามยิ้มตอบอย่างอัธยาศัยดี

   หึ คอนโดฝ่ายชายสินะ คิดไว้อยู่แล้วเชียว

   “ขอบคุณนะครับผม”

   จากนั้นผมก็เข้าไปยังฝ่ายต้อนรับของคอนโด ปัญหาอยู่ที่ผมไม่รู้เหมือนกันว่ากัปตันธีร์อยู่ห้องไหน ดูท่าต้องใช้วิชามารซะแล้ว

   “สวัสดีครับ”

   “สวัสดีค่ะ ติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวยิ้มหวาน

   “เอ่อ…” โชคดีมากที่ผมมีถุงใส่กล่องเนกไทซึ่งตั้งใจจะซื้อให้กัปตันธีร์ติดมือมาด้วย เลยชูขึ้นให้เธอเห็น “ผมซื้อของขวัญวันเกิดให้แฟนอะครับ แต่ผมจำไม่ได้ว่าห้องของเขาอยู่ชั้นไหน แฮะๆ”

   “ว๊าย น่ารักจังเลยค่ะ” พนักงานสาวหน้าแดงเพราะความเขิน “แล้วแฟนน้องชื่ออะไรคะ เดี๋ยวพี่ดูให้”

   “ชื่อธีร์ครับ คนที่เป็นกัปตัน ตัวสูงๆ ผิวแทนๆ”

   “อ๋อนักบินคนนั้นเอง” เธอทำท่าประหลาดใจซะโอเวอร์ “เหมาะกันดีนะคะเนี่ย”

   “ขอบคุณครับ”

   “เดี๋ยวพี่ดูให้นะคะ… อ๋อใช่ๆ …ชั้นสามสิบเอ็ด ห้องสามหนึ่งศูนย์หกค่ะ”

   “เยี่ยม ขอบคุณนะครับ เกือบจะต้องโทรไปถามเขาเองซะแล้ว”

   “แหมถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เซอร์ไพร์สแบบนี้สิคะ”

   “ครับ… เซอร์ไพร์สแน่นอน” ผมยิ้มกลับ

   “ฝากแฮปปี้เบิร์ดเดย์ด้วยนะคะ”

   “ไม่มีปัญหาครับผม”

   หึหึ… อะไรมันจะหวานหมูแบบนี้

   ตึ๊ง!

   ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสามสิบเอ็ด เมื่อเดินออกมาก็เห็นประตูห้องเรียงเป็นตับจนตาลาย หลังจากเดินคลำทางไปสักพัก และแล้วผมก็เจอจนได้ เสียงในห้องเงียบฉี่ ผมจึงลองเอาหูแนบกับประตูโดยพยายามทำตัวให้เบาที่สุดจะได้ไม่เกิดความสงสัย

   “เหนื่อยเหรอ” เสียงไม่คุ้นเคยลอดออกมา เดาว่าน่าจะเป็นวัยรุ่นคนนั้นแหละ

   “นิดหน่อย” อันนี้เสียงกัปตัน ผมจำได้

   “ถอดเสื้อสิ”

   หือ -_-

   “มิ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะ”

   “ไม่เอา พี่ธีร์นั่นแหละถอดเสื้อก่อนเถอะนะ เห็นแล้วอึดอัดจะตายไป” น้ำเสียงนี้ช่างออดอ้อนจนน่ารำคาญ ชนิดที่ผมเผลอเบะปากขึ้นมาอย่างไม่ต้องคิด

   “ถอดแล้วๆ เข้าไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวพี่ตามไป”

   เดี๋ยวพี่ตามไป… แหวะ! ในห้องน้ำเนี่ยนะ!? รสนิยมพิสดารจริงๆ

   “คิดถึงพี่จัง”

   “พี่ก็เหมือนกัน”

   “ขอนอนกอดได้มั้ย”

   “ได้สิ แต่ต้องอาบน้ำก่อนนะ”

   “เดี๋ยวจะอาบให้เร็วเลย”

   “ขอสะอาดๆ หน่อยแล้วกัน”

   อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อะไรวะเนี่ย นี่กูมานั่งฟังนิยายอีโรติกแปดบรรทัดหรือไง โมโหจนกำหมัดแน่นแล้วโว้ยยยยยยย

   ไหน ขอลองทดสอบอะไรอีกสักหน่อยดิ๊!

   ‘พอคุณไม่มาแล้วผมไม่รู้จะทำอะไรเลย
   ทำอะไรอยู่เนี่ยยยย ไปหาได้ปะ?’


   ผมกดโทรศัพท์ส่งข้อความไปหาคนตัวดีที่อยู่ในห้อง ดูซิมันจะตอบว่าอะไร

   ตื๊ดดดด

   นั่นไง ส่งกลับมาแล้ว!

   ‘ทำธุระกับพวกช่างอยู่ เครียดมาก เดี๋ยวโทรกลับ’

   ธุระ…

   แบบนี้เองสินะ…

   โอเค ผมคงไม่สำคัญ เขาไม่ได้แคร์ผมด้วยซ้ำ ผมเสียใจขนาดนี้เขาจะรู้บ้างหรือเปล่า ผมต้องมาเป็นห่วงเขา คิดว่าเขาเจอเรื่องหนักใจอะไร …บางทีอาจจะเห็นแก่ตัวเกินไปที่รู้สึกกับเขามากไปเองฝ่ายเดียวแบบนี้ โอเค ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ผมจะรับรู้ไว้ ผมจะเดินออกไปเอง

   หรอ กูจะต้องดราม่าขนาดนั้นเลยเหรอ กูไม่ได้ Looser ขนาดนั้นปะ

   หึ…. ก็แค่ไอ้คนโกหกเลวๆ อีกหนึ่งคน หึ่ยยยยยย กูทนไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยยย!!!!!

   โผละ!!!

   ผมถีบประตูจนมันเด้งออก ตามมาด้วยเสียงสัญญาณเตือนภัยที่ดังลั่น ทันที่ที่ก้าวขาเข้าไปในห้อง กัปตันธีร์ผู้ซึ่งกำลังเปลือยท่อนบนเบิกตามองกว้าง ดูประหลาดใจที่ผมอยู่ตรงนี้ ตกใจล่ะสิมึง หึ!

   ปั๊ก!!

   “โอ๊ย!” กัปตันร้องเมื่อผมขว้างกล่องเนกไทใส่หัวเขา

   “ถ้ามึงคิดจะจีบกูแต่มึงเลิกสันดานตอแหลไม่ได้ก็ขอเถอะครับ มึงไปหาคนอื่นเถอะ” ผมพูดเสียงสั่นเพราะความโมโห

   “ปั๊ม…”

   “อะไร!? จำได้ด้วยเหรอว่าใคร งั้นก็จำไว้อีกเรื่องนะว่าไม่ต้องมาเจอหน้ากูอีก!”

   ผมชี้หน้าเขา ดูเหมือนเขากำลังช็อคจนทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน

   “ใครเหรอพี่ธีร์…” เสียงหนึ่งถามจากทางด้านหลัง มองไปเห็นว่าเด็กวัยรุ่นคนนั้นกำลังนุ่งผ้าเช็ดตัวมองมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

   หึ… ขาวๆ ตัวเล็กๆ แบบนี้มึงชอบเลยนี่กัปตัน

   “ไม่มีอะไรหรอกครับ” ผมยิ้มให้คนหน้าประตูห้องน้ำ “อย่าลืมป้องกันด้วยล่ะ”

   แล้วผมหันไปชูนิ้วกลางให้กัปตันที่ยืนอยู่ปลายเตียง จากนั้นก็สะบัดตัวเดินออกจากห้อง

   หึ พอกันดี นึกว่าจะเป็นคนดี


   ผมกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง คืนนี้ผมอ่านหนังสือไปหลายเล่มมาก หวังว่าจะช่วยให้หักลบลืมเรื่องบ้าๆ ที่เจอมาในวันนี้ แต่ไม่รู้ทำไม ยังไงหน้ากัปตันธีร์ที่กำลังตกใจและอยากพูดอะไรสักอย่างยังตามหลอกหลอนไม่เลิก เฮ้อออออ หงุดหงิดจริงๆ

   เกร๊ง

   หืม? เสียงอะไรวะ หรือว่านกชนกระจกอีกแล้ว

   เกร๊ง! เกร๊ง!

   ผมหันหน้าไปทางระเบียงที่ปิดม่านอยู่ เฮ้ย ท่าจะไม่ดีแล้วแฮะ

   “ใครอะ!”

   เงียบ… ใครมันจะตอบมึงล่ะไอ้บ้า

   ผมลงจากเตียงแล้วไปเลื่อนม่านออกแล้วพบว่า…

   “เฮ้ย!?”

   ไอ้เชี่ยยย กัปตันธีร์ มายืนอยู่นอกระเบียงได้ยังไงเนี่ย

   “เปิดหน่อย” เสียงกัปตันอู้อี้เพราะอยู่อีกฟากของบานกระจก

   “ไม่!” ผมออกเสียงชัดๆ ให้เขาอ่านปากเอาแทน

   “ขอร้องล่ะ เปิดหน่อย”

   “อะไรของคุณเนี่ย กลับไป ไม่งั้นจะแจ้งตำรวจนะ”

   “คุยกันกันก่อนได้มั้ย” เขาเท้ากระจกและมองทะลุมันเข้ามาหาผมซึ่งกำลังกอดอกอย่างชั่งใจ

   “มีอาวุธหรือเปล่า”

   เขามองผมประมาณว่า ‘เอางี้จริงดิ’ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจู่ๆ เขาก็ถอดเสื้อเชิ้ตสีขาวออกจนเปลือยท่อนบน

   “ทำอะไรเนี่ย!?” ผมร้องลั่น

   เขาไม่ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มมุมปากและโยนเสื้อออกไปนอกระเบียง ทำอะไรของเขาวะ!?

   เหมือนเขาเห็นว่าผมยังไม่เปิดประตูสักที เขาเลยถอดกางเกงยีนออกแล้วโชว์กางเกงในแบบขาสั้นสีขาวสะอาดตา ผมประสาทแดกหนักมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเขาโยนมันออกไปนอกระเบียงตามเสื้อเชิ้ตไป กลายเป็นว่าตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากชีเปลือย ถ้าถอดกางเกงในออกนี่ไม่ต้องพูดถึง ตากุ้งยิงแดกแน่นอนครับพี่น้อง

   ผมนี่ถึงกับกุมขมับ กัปตันกลับมาเท้ากระจกอีกครั้ง คราวนี้เป็นผมเองที่หน้าร้อนจนต้องเฉไฉมองไปทางอื่น

   “ไม่มีอะไรอันตรายแน่นอน เหลือแค่มือถือ” เขาพูดพร้อมกับชูโทรศัพท์ในมือ

[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #42 เมื่อ15-01-2017 21:21:22 »

[ต่อ]

โอ๊ยยย เปิดก็เปิดวะ

   แกร๊ก!

   ผมปลดล็อคประตูให้เขาเลื่อนเข้ามาเอง

   “ไปทำแผลมา” เขาพูดหลังจากเลื่อนประตูปิด เออเพิ่งสังเกตเห็นว่าหัวเขามีผ้าสีขาวแปะไว้อยู่

   “สมน้ำหน้า” ผมพูด ยังคงแสดงท่าทีเย็นชา

   “…”

   จากนั้นเราก็เงียบ นานจนผมรู้สึกอึดอัดต้องหันกลับไปนั่งลงบนเตียงแทน แต่ถึงอย่างนั้นระดับสายตาดั๊นนนนนนไปอยู่ตรงเป้ากางเกงในของกัปตันพอดีเป๊ะแบบองศาต่อองศา จนในที่สุดผมต้องหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาอ่านต่ออย่ายอมแพ้

   “ขอโทษ” เขาพูดทำลายความเงียบและทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผมแทน ผมเขยิบหนีแต่เขาเลื่อนตัวตามมาและทิ้งหัวเอนลงกับไหล่ของผมเป็นการล็อคตัวไว้ จะกระทุ้งให้หลุดออกก็กลัวเขาจะเจ็บแผล เฮ้อ

   “เมียไม่ว่าเหรอมาหาผมแบบนี้”

   “บอกไปแล้ว” เขาว่า “บอกเมียเก่าไปแล้วว่าขอไปเคลียร์กับเมียใหม่ก่อน”

   “…”

   “ขอโทษนะปั๊ม”

   “เมียเก่า?” ผมวางหนังสือทั้งที

   “อืม” เขาคราง “เลิกกันไปนานแล้ว พอดีน้องเขาต้องมาสัมภาษณ์งานที่กรุงเทพ ฉันเลยให้มานอนด้วยสองวัน”

   “ใจดีจังเลยนะ”

   “จะไม่ใจดีแล้ว เดี๋ยวให้น้องไปนอนโรงแรมเอา”

   “ก็ให้นอนไปสิ ไปไล่ตอนนี้มันน่าเกลียดปะ” ผมขยับไหล่เบาๆ ใส่เขา หึ หมั่นไส้

   “ไม่เอา ยอมนิสัยไม่ดี เดี๋ยวปั๊มโกรธ”

   “เฮ้อ ช่างมันเหอะ ให้น้องเขานอนไปแหละ ไปดูแลเขาด้วยแล้วกัน”

   “ดูแลอะไร ไม่ได้มีอะไรต่อกันแล้ว เรื่องมันนานมาเป็นปีๆ ตอนนี้เป็นพี่น้องกัน” กัปตันยังคงแก้ตัวพัลวัน นี่ขโมยเงินแม่หรือไงถึงรับผิดได้หงอยเหงาแบบนี้

   “จากที่แอบฟังตอนอยู่หน้าห้องเหมือนจะมากกว่าพี่น้องนะ” หึ นึกถึงแล้วหมั่นไส้

   “โอ๊ยยย” กัปตันร้องเพราะโดนผมกระทุ้งไหล่ใส่หัวเข้าให้ “นี่แอบฟังฉันหรอ ว่าแล้วเชียวถึงโกรธขนาดนั้น”

   “แล้วได้อาบน้ำกับน้องเขายังล่ะ”

   “ไม่ได้อาบ เพราะไม่ได้คิดจะไปอาบด้วย แค่บอกว่าให้น้องเขาอาบเร็วๆ จะได้เข้าไปใช้ห้องน้ำต่อ ทำงานมาเหนื่อยจะได้นอนพัก”

   “แล้วเรื่องนอนกอดล่ะ”

   “น้องติดหมอนกอด”

   “เข้าใจกระแดะแฮะ”

   “ไม่เอาน่า หายโกรธนะ ฉันแค่ไม่อยากบอกเรื่องจริงกลัวเธอจะคิดมาก”

   “แล้วมันน่าโกรธมั้ยล่ะ”

   “หึ โกรธจริงๆ ด้วย ดีใจจัง” เขายกหัวขึ้นและหันมามองผมแทน

   “ดีใจทำไม”

   “ก็ปั๊มบอกว่าโกรธเอาไว้ใช้กับคนสนิท โมโหไว้ใช้กับคนแปลกหน้า”

   “ปะ…ประสาท ออกไปจากห้องได้แล้ว”

   “ไม่เอา ขอนอนด้วย”

   “จะบ้าหรือไง กลับไปหาน้องอะไรนั่นของคุณเลยไป” ผมผลักหน้าเขาเต็มที่

   “แหนะ ยังไม่หายโกรธจริงๆ สินะ”

   “เออ หายโกรธแล้ว แต่กลับไปนอนบ้านตัวเองได้มั้ยยยย” ผมยังผลักเขาแรงกว่าเดิม เพราะดูท่าทางเขาจะเข้ามากอดผมซะให้ได้ “แล้วอย่ามากอดด้วย! งุ่นง่านจังวะ!”

   “หึหึ” เขาหัวเราะในคอ “หายโกรธแล้วแน่นะ”

   “เออ! ทีนี้ก็ไปได้แล้ว”

   “ยังไม่ไปหรอก”

   “หะ? ฮะ…เฮ้ย!?”

   อยู่ๆ เขาก็ดึงตัวผมไปนอนคว่ำบนตัก กัปตันล็อคแขนทั้งสองข้างของผมเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างนึง… ไอ้เชี่ยยยย จะทำอะไรวะ!!

   “ทำเหี้ยอะไรเนี่ยกัปตันนนนนน”

   “เลิกดิ้นซะ ฉันจะทำโทษเธอ” เขาพูดเสียงเย็น

   “ทำโทษ!?”

   “ก็ใช่น่ะสิ!” เขากระซิบข้างหู เล่นเอาขนลุกซู่ ส่วนที่บรรยายค้างไว้… เอ่อ คือตอนนี้ไอ้กัปตันมันถกกางเกงผมออกไปกองจนถึงหัวเข่า สาบานได้เลยว่าโคตรไม่อยากนึกภาพว่าตัวเองกำลังอยู่ในสภาพทุเรศแค่ไหน ฮืออออ ใครก็ได้ช่วยกูด้วย

   “ฉันจะไม่เอาอะไรอุดปากเธอ เพราะฉะนั้นอย่าแหกปากร้องให้ฉันเสียความไว้ใจนะ” เขากระซิบข้างหูอีกครั้ง

   เพี๊ยะ!!

   “โอ๊ยยย!” ผมร้องลั่นเมื่อมือหนาๆ ของเขาตีมาที่เนื้ออ่อนใต้ร่มผ้าของผม

   “ครั้งที่หนึ่ง …สำหรับแผลบนหัวฉัน”

   เพี๊ยะ!!

   “ครั้งที่สอง …สำหรับนิสัยไม่ดีของเธอที่เอาแต่โวยวาย ไม่ถามเหตุผลกันก่อน”

   เพี๊ยะ!!

   “ครั้งที่สาม …นี่สำหรับที่เธอพูดไม่ดีกับมิ้น น้องเขารู้สึกไม่ดียังบอกให้ฉันวิ่งตามไปเคลียร์กับเธอเลย”

   เพี๊ยะ!!

   “โอ๊ยยย ครั้งนี้อะไรอีกเล่า!”

   “เปล่า ตีเกิน”

   “ไอ้เชี่ยยยย ปล่อยกูเห้อออออ”

   “อ๋อใช่”

   เพี๊ยะ!!

   “สำหรับการพูดคำหยาบ ฉันไม่ชอบเลย”

   “ไม่ชอบก็ไม่ต้องมายุ่ง! ปล่อยได้แล้ว!!”

   “ไม่ชอบเพราะว่า…” เขากระซิบ “มันทำให้เธอร้อนแรงจนฉันอดใจไม่อยู่”

   “…” งั้นมึงซาดิสแล้วครับพี่ ปล่อยกูเห้อออออออ!!!

   เขาใช้มือลูบตรงจุดที่กำลังทำโทษอยู่นานก่อนจะใส่กางเกงกลับคืนให้ ผมพยายามจะดิ้นหนีแต่เหมือนว่าเขายังไม่หนำใจดึงผมกลับไปอีกครั้ง คราวนี้กลายเป็นว่าผมกำลังนั่งหันหน้าเข้าหาเขาโดยใช้ตักไร้กางเกงของเขาเป็นเก้าอี้ ผมพยายามไม่นึกถึงสภาพด้านล่างเพื่อจะให้ลืมๆ มันไป ตอนนี้ไม่กล้าแม้กระทั่งสบตากับกัปตันด้วยซ้ำ

   “หายโกรธหรือยัง”

   “เออ!”

   “แล้วที่ทำเมื่อกี้โกรธมั้ย”

   “…”

นั่นสิ กูโกรธมั้ยวะ… ทำไมกูถึงรู้สึกว่ามัน… ตื่นเต้น

   “ทีหลังให้ฉันอธิบายบ้างนะ” เขาซบลงตรงไหล่ผม

   “อืมมมมม กลับบ้านได้แล้วน่า” ผมผลักอกเขาออกไป

   “ไล่กันจังเลยนะ ไม่อยากให้ฉันอยู่จริงๆ เหรอ”

   “เออ กลับไปเหอะ”

   “ไม่เอา จะนอนนี่”

   “กลับเหอะ… เฮ้ยยย!” ผมร้องลั่นเมื่อเขาพลิกตัวผมให้นอนจมลงบนเตียง กลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังคร่อมผมจนได้ เยี่ยมครับ (ประชด)

   “นะ… ฉันยังไม่ได้ให้ของขวัญเธอบ้างเลยนี่”

   “อ๋อ เห็นด้วยเหรอว่าที่โยนไปเป็นของขวัญ”

   “เห็น” เขาก้มลงมากระซิบ “เดี๋ยวจะใส่ตอนบินครั้งหน้าเลย”

   “ให้มันจริงเหอะ”

   “ก็มีคนไม่อยากให้โกหก ต่อไปนี้จะพูดความจริงอย่างเดียว”

   โอ๊ยยยกัปตัน มึงเลิกเสี่ยวบ้างได้มั้ยเนี่ยยยย มันเขินนนนนนนนนนนน

   “แล้วไหนอะของขวัญ” ผมถาม

   “อยากได้อะไรล่ะ” กัปตันยิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะใช้ปลายจมูกลูบไล้ไปไปทั่วใบหน้าของผม เชี่ยยย ไม่น่าถามแม่งเลย

   “แบบนี้มั้ย” เขากระซิบ จากนั้นก็ถกเสื้อยืดของผมออกจนเห็นเนื้อหนังด้านใน

เขาใช้จมูกลูบไล้ไถไปเรื่อยๆ รอบๆ หน้าอกของผม โดยเฉพาะจุดสีชมพูเข้มสองที่ซึ่งกำลังชูชันต้อนรับอย่างไม่รักดีสวนทางกับการต่อต้านของมือทั้งสองข้าง ถึงจะดึงจะผลักแค่ไหนผมก็สู้แรงคนข้างบนไม่ได้เลย

   “ขาวจัง”

   “ไม่ต้องพูดอะไรได้มั้ย!!”

   “หึ”

   เขายังคงไม่ลดละ และดูเหมือนมันจะต่ำลงเรื่อยๆ และริมฝีปากของเขาก็เริ่มทำงานเต็มกำลัง ความเย็นของมันทำให้ผมขนลุกและตัวสั่นจนเกิดอารมณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อนเลยในชีวิต นึกโกรธตัวเองมากๆ เมื่อมือไม้ที่เคยใช้ต่อต้านก่อนหน้านี้กลับอ่อนแรงไปโดยปริยาย กัปตันเลยได้ทีเลยรวบมันทั้งสองไว้เหนือหัวเป็นเพื่อป้องการการขัดขืนของผมที่อาจจะเกิดขึ้นอีก

   “จุ๊บ”

   เสียงจูบกระทบผิวหนังยังคงดังทะลุความเงียบของยามค่ำคืนมาเรื่อยๆ และแล้วมันก็ถึงตรงศูนย์กลางของลำตัว กัปตันชะงัก ผมที่กำลังเหงื่อยกหัวขึ้นเพื่อมองไปยังเขา

กัปตันมอบสายตาที่ผมไม่เคยเห็นจากเขามาก่อน มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์บางอย่างซึ่งรู้สึกดีชะมัดเมื่อรู้ว่ามันกำลังมอบมาให้ผมคนที่อยู่กับเขาแค่สองคนในห้องนี้ เชี่ยแล้วกู นี่เผลอใจไปด้วยเหมือนกันเหรอวะเนี่ย

   “เธอโอเคมั้ย” เขาถามเมื่อมือของเขาตั้งท่าจะสอดเข้าไปในร่มผ้า

   “อือ”

   “หลังจากนี้มันจะเปลี่ยนไปนะ เธอรับได้หรือเปล่า”

   “ยังไง”

   “เธออาจจะมองฉันไม่เหมือนเดิมอีกเลย” เขาพูดอย่างจริงจัง ผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร สิ่งที่กัปตันจะมอบให้ต่อจากนี้คงรุนแรงชนิดที่ผมอาจคิดไม่ถึงจริงๆ

   “ผมเหงา” อยู่ๆ ปากของผมก็หลุดคำนี้ออกไป กัปตันชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็ปล่อยมือของผมให้เป็นอิสระ แต่ผมเลือกที่จะจับผมดำหนาของเขาต่อ และดูท่าว่าเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

   “ฉันก็เหมือนกัน” เขายิ้ม จากนั้นก้มลงจูบตรงขาอ่อน ผมรู้เลยว่าเพลงนี้กำลังจะบรรเลงต่ออีกครั้ง อย่างหนักหน่วงและแข็งแรง

   ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

   “เชี่ย!” ผมสะดุ้งจนเราทั้งสองคนผละออกจากกัน ใครมันจะมาเคาะประตูได้เหมาะเวลาแบบนี้วะ!

   “ผมเปิดไปแล้วนะครับ” เสียงคุ้นดังขึ้นพร้อมบานประตูที่เปิดออก ลุงเอกเดินเข้ามาพร้อมกับอุ้มผ้าที่พับไว้อย่างดี นะ…นั่นมัน

   “พอดีผมเห็นว่ามีคนเล่นพิเรนทร์โยนเสื้อผ้าออกมานอกระเบียงเลยเก็บมาให้ครับ” ลุงเอกจ้องมองไปที่กัปตันธีร์ซึ่งยืนหลบอยู่หลังผ้าม่าน โอ๊ยยย ทำอย่างกับจะหลบมิด ตัวบะเร้อ

   “ผมว่าถ้าคุณธีร์จะนอนที่นี่ไปนอนที่ห้องรับนอนแขกดีกว่านะครับ” ลุงเอกว่า

   “อือ ตามใจลุงเถอะ”

   “เชิญครับคุณธีร์” ลุงเอกผายมือให้กัปตันเดินออกมา

   ส่วนฝ่ายที่ถูกเชิญทำได้แค่ก้มหน้าหงอยใช้มือปิดบังกางเกงที่ตอนนี้ดูมันปกปิดอะไรต่อมิอะไรไม่ค่อยมิดชิดเท่าไหร่ เขารับเสื้อผ้ามาจากลุงเอกและทำท่าทางจะเดินเข้าห้องน้ำ

   “อ๊ะ ผมว่าไปเปลี่ยนข้างนอกดีกว่านะครับ” ลุงเอกยิ้มร้ายๆ

   “ครับๆ” กัปตันยิ้มแหยๆ และคว้ารองเท้าที่ถอดทิ้งไว้ออกไปด้วย เขาหันมาโบกมือให้ผมอย่างแอบๆ เพราะกลัวพ่อบ้านจะเห็น จากนั้นก็หิ้วทุกอย่างเดินออกประตูไป โถ น่าสงสาร อย่างกับพวกวัยรุ่นหนีมานอนบ้านแฟน

   “แล้วคุณปั๊มค่อยขอบคุณผมทีหลังนะครับ” ลุงเอกยิ้มมุมปากก่อนจะเดินตามกัปตันออกไป

   ส่วนกูน่ะเหรอ….

   สภาพเหมือนคนสับสนใจชีวิตไม่มีผิด

อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก เรือไม่ถึงฝั่งเหรอ โอ๊ยยยยย อ่อนหัดชิบหายเลยวุ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย พ่นไฟ พ่นไฟ พ่นไฟฟฟฟฟฟฟฟ

จบตอน



----------------------------
#theneoclassic
โอ๊ววว เห็นตอนที่แล้วคนอ่านเยอะเม้นเยอะนี่ถึงกับน้ำตาซึมเลยครับ
ขอบคุณทุกคนจริงๆ ที่ให้การต้อนรับ หายไป1อาทิตย์นี่ไม่ได้อู้นะ แต่พอดีมีภารกิจลับต้องทำหึๆๆๆ
ตอนนี้เขียนไปเขียนมาแบบกัปตันจะโรคจิตแล้ว เลยรีไรท์ดร๊อปๆ ลงมาหน่อยให้ดีขึ้น
เกิดจากความชอบส่วนตัวของคนเขียนเองที่เคยเจอคนแบบนี้ มันถึงใจ หึหึหึ  o18

ล้อเล่นนะครับ ทุกๆ อย่างมีเหตุผลของมัน ลองอ่านกันเรื่อยๆ แล้วจะเข้าใจ อีกไม่กี่สิบบทก็จบแล้วฮะ
/มองดูเลขบทนี้ ชิบเป๋ง ยังไ่ถึงครึ่งทางเลย U____U

แวะมาทักทายได้ที่ https://www.facebook.com/thene0classic/
จริงๆ อยากมีคุยกันใน # ทวิตเตอร์อย่างเขาบ้าง แต่เข้าใจว่า #firemetothemoon มันยาวพิมพ์ยาก5555
ึิคิดอยู่นานว่าจะใช้ #ไฟรักสุมใจ ดีหรือเปล่า แต่ก็กลัวจะแบล็คพิ้งค์มากเกินไป 555 ผมเลยเออยังไงก็ได้
ถ้าจะคุยทางไหนก็ไม่ลำบากหรอกฮะยอมคุยด้วยหมด5555

เจอกันตอนหน้าเคิ้ฟฟฟฟฟ
(เก๊าอัพได้สัปดาห์ละบทอะ โควต้าหนุ่มออฟฟิศหน้ามนแงงง U_U)

ออฟไลน์ m.starlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 76
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #43 เมื่อ15-01-2017 21:57:08 »

ปั๊มควรจะขอบคุณลุงเอก(หรอ) แต่เราอะโกรธลุงขัดจังหวะอะ  :katai1:

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #44 เมื่อ16-01-2017 01:15:55 »

หวั่นไหวกับเค้าขนาดนี้ แล้วแผนแกล้งกัปตันของหนูละลูก  :z6:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #45 เมื่อ16-01-2017 01:38:07 »

เคลิ้มซะขนาดนี้สงสัยคงลืมแผนการที่วางไว้ไปแล้วมั้งน้องปั๊ม  :laugh:

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #46 เมื่อ16-01-2017 02:23:40 »

แต่ละคนนี่มึนได้ใจจริงๆ  :hao7: :hao7: :hao7:
สนุกมากกกกกกกกก
 :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #47 เมื่อ16-01-2017 03:04:06 »

กัปตันบ้า!
แก้ผ้ามาแบบนี้ได้ไงเนี่ย
ไอ้หื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
แต่ชอบอะ  :pighaun: 55555555555+

คืออ่านไปก็ทำหน้าตามอารมณ์ปั๊มไป จนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไบโพล่าแล้วอะ

แต่เอาเข้าจริงก็ต้องขอบคุณคุณพ่อบ้านนะ
เพราะถ้าเสียตัวให้กัปตันตอนนี้มันจะไวเกินไปนะหนูลูก
ได้พ่อบ้านมาจัดการไม่ให้ชิงสุกก่อนห่ามแบบนี้ ดีแล้ว ขำด้วย

นี่เห็นภาพกัปตันเดินกุมเป้าออกไปอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
ตลกกกกกกกกกกกกกก

รีบมาต่อไวๆ งื้ออออออออออออออออ

ออฟไลน์ Zinub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 255
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-0
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #48 เมื่อ16-01-2017 22:53:01 »

โอ๊ยขำอิปั๊มมัน คุณกัปตันอีกคน อดเบย 555555555555555555

คุณพ่อบ้านก็นะไม่รู้เลยหรอ คนเหงาอ่ะเข้าใจป่ะ :ling1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
«ตอบ #49 เมื่อ17-01-2017 16:51:17 »

เราควรจะอยู่ในอารมณ์ไหนเนี่ย  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Fire Me to the Moon • EP6 คนเก่า | 1/15/2017
« ตอบ #49 เมื่อ: 17-01-2017 16:51:17 »





ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #50 เมื่อ22-01-2017 19:22:12 »

7
เจ็บหัว



   “มึงชอบมัน” ไอ้ไวน์พูดขณะตักซีเรียลเข้าปาก เกลียดสายตาที่มันมองมาจริงๆ

   “มึงจะบ้าหรือไง!”

   “มึงชอบมัน กูมองออก กูว่าคนปัญญาอ่อนก็ต้องมองออกเพราะเขาฉลาด มีแต่มึงที่โง่ยังไม่รู้ตัว”

   “นี่กูอุตส่าห์ไว้ใจเล่าให้มึงฟัง ดูมึงพูดดิ๊” ผมนี่แทบจะถีบมันบนโต๊ะทานข้าว เช้านี้มันแวะมาบ้านผมครับ ทำสันดานเดิมๆ นั่นคือมาแดกข้าวบ้านคนอื่นฟรี ไอ้ห่าเอ๊ย แล้วยังมาปากดีอีก

   “อ่ะ ถ้ามึงไม่ชอบมัน มึงคงกระทืบมันตั้งแต่วันที่มึงโดนลวนลามทางเพศที่หลังคาโรงซ่อมสนามบินแล้วปะ”

   “พูดได้เหี้ยมาก ทีหลังกูไม่ปรึกษาอะไรกับมึงแล้ว”

   “ฮี่ๆ มานี่มา กูจะบอกอะไรให้” ไอ้ไวน์ดันชามซีเรียลออกไปแล้วเอนตัวมาใกล้ๆ ผม “มึงอะเล่นเกมเหี้ยไรไม่เคยได้เรื่องเลย ตั้งแต่เด็กจนโตกูนี่เป็นหัวโจกให้มึงตลอด เพราะฉะนั้นไหนๆ ตอนนี้กูกลับมาแล้ว ถ้ากูจะช่วยมึงคุมเกมเอง มึงจะโอเคหรือเปล่าล่ะ”

   “เออ มึงจะให้กูทำยังไง”

   “ข้อแรก มึงต้องตอบให้ได้ก่อนว่ามึงชอบมันหรือเปล่า” มันชี้นิ้วถาม

   “เอ่อ ให้ตอบตอนไหน”

   “เอ๊า ตอนนี้สิอีเหี้ย ตอบมา!”

   “อ่า ขอเวลาหน่อยได้ปะ”

   “อ้าวไอ้สัด นี่มึงลังเลหรอ ไหนบอกไม่ได้ชอบ”

   “ไม่แน่ใจอะ ขอเวลาคิดหน่อย นะๆๆ” ผมเขย่าแขนมัน

   “อะไรของมึงเนี่ย กูล่ะปวดหัวกับมึงวุ้ย” ไอ้ไวน์ถึงกับส่ายหน้าอย่างระอา โอ๊ย อย่าว่าแต่มึงเลย กูก็ประสาทแดกไปตามๆ กัน

   อ๊ากกก เกิดอะไรขึ้นกับกูวะเนี่ยยยย ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา ผมนี่นอนไม่หลับทั้งคืนเลยครับ เรียกได้ว่าเมื่อริมฝีปากไอ้กัปตันทาบลงผิวหนังปุ๊บ เหมือนมันดูดมันสมองความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอะไรต่างๆ นานาออกไปปั๊บ แล้วเป็นไงล่ะครับ ตอนนี้ผมกลายเป็นคนเอ๋อแดกสับสนในความรู้สึกตัวเอง สมองตีกันปั่นป่วนยิ่งกว่าออมเลต ผมไม่เคยเป็นแบบนี้จริงๆ นะ ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่เนี่ยยยยย

   “เอ๊า เอายังไง ตอบกูได้มั้ย!” เสียงไอ้ไวน์ทำผมสะดุ้ง ดุจังวะ

   “มึงกูไม่อยากเป็นแบบนี้เลย กูไม่เป็นตัวเองอะ”

   “งั้นมึงบอกกูมาเลยว่ามึงชอบมัน”

   “ยังงงงง ยังไม่ชอบ”

   “อ่ะ พูดยังงี้แปลว่าอนาคตมึงจะชอบ”

   “มั๊ง หรอ โอ๊ยยยยยย ไม่รู้” ผมทึ้งหัวตัวเอง อยากถอนทุกเส้นทุกโคนออกมาเหมือนถางหญ้าเลยครับ ฮือออออออ

   “เอางี้มึง” มันตบบ่าผมเบาๆ “กูให้เวลามึงก็ได้ ไม่กำหนดระยะเวลา พร้อมเมื่อไหร่ค่อยบอกกูตอนที่มันชัดเจน โอเคนะ”

   “อ้าว แล้วเราจะไม่เล่นเกมกันแล้วหรอวะ”

   “อยากดิ แต่เกมแม่งมีเป็นร้อยจะเล่นตอนไหนก็ได้ แต่กูกลัวว่าถ้าเราเล่นตอนนี้อะไรๆ ที่มันกำลังคลุมเครือจะทำให้มึงลำบากใจนะ”

   ยอมรับครับว่าอยากปฏิเสธและบอกมันว่า ‘ไม่ได้! เกมนี้ต้องเล่นต่อไป!!’ แต่ตอนนี้ผมอ่อนหัดเกินกว่าจะพูดแบบนั้นแล้ว ไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ข้างนอกแข็งแกร่ง แต่เนื้อในอ่อนไหว นิสัยเหี้ยๆ ที่แก้ไม่ได้สักที เด็กขี้เหงาก็เงี้ย น่าเห็นใจมั้ยล่ะครับ

   “พูดถึงแม่งก็มา” ไอ้ไวน์กระทุ้งสีข้างผมเป็นการส่งซิก ผมหันขวับไปตามสายตาของมัน เห็นกัปตันอยู่ในชุดเมื่อคืน (ซึ่งค่อนข้างจะยับยู่ยี่) ผมที่เคยจัดทรงอย่างดีเวลาทำงาน ตอนนี้ตกประหน้า เขาดูเซอร์จนประหลาดใจชนิดที่ต้องเสียเวลาเอียงคอมองเพื่อสำรวจ …เขากำลังติดกระดุมข้อมืออย่างเร่งรีบ ถึงแม้กระดุมสองเม็ดแรกจะยังไม่ถูกติด แต่แค่นี้เขาก็ดูดีมากพอแล้ว ไหนจะเป็นหุ่นสวรรค์ตั้งใจปั้นใต้ร่มผ้านั้นอีก รวมๆ กันตรงหน้านี้คือมุมธรรมชาติของกัปตันที่ไม่ได้มีโอกาสได้เห็นบ่อยๆ ฮืออออ แต่ไม่อยากมองหน้าเขาตอนนี้ กลัวใจตัวเอง

   “กินข้าวมั้ยครับกัปตัน” ไอ้ไวน์เสนอหน้าตะโกนเชิญชวน ผมนี่ถึงกับถลึงตาใส่จนเกือบจะหลุดออกจากเบ้าแล้วครับ แต่ดูมันทำ…แหม่ ยักคิ้วลิ่วตา ส้นตีนเอ๊ยยยย

   “เอ่อ…” กัปตันดูท่าทางอิดออดเหมือนไม่กล้าเข้ามา หืม เป็นไรอะ อยู่ดีๆ ก็ขี้อายเหรอ

   “นี่ไวน์เพื่อนผมเอง” ผมแนะนำ

   “ทำตัวสบายๆ เลยครับกัปตัน เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกแล้ว”

   “อ้าว? มึงจะไปไหน”

   “นัดดูหนังกับเพื่อนไว้”

   ผมถึงกับขมวดคิ้ว “มึงมีเพื่อนคนอื่นนอกจากกูด้วยเหรอ”

   “น้อยๆ หน่อยหนูปั๊ม เดี๋ยวมึงจะโดนตีนกู” มันเสยผมอย่างลวกๆ จากนั้นก็คว้ากระเป๋าทำท่าจะเดินออกไป “ไปก่อนนะครับกัปตัน ไว้เจอกันใหม่ครับ”

   “กูว่าจะชวนมึงออกไปเที่ยว” ผมรั้งมันไว้

   “ไว้วันอื่นเนอะ กูไม่ว่าง ไปละ” มันยกกระเป๋าขึ้นสะพายจากนั้นก็ก้มลงมากระซิบ “ยังไงกูยังต้องการคำตอบอยู่นะ อย่าลืมล่ะไอ้สัด”

   “จะไปไหนของมึงก็ไปๆ เถอะ” ผมโบกมือไล่เพราะความหงุดหงิด ไอ้ไวน์เดินท่านักเลงออกไปจากห้องอย่างกวนตีน ไม่วายส่งเสียงหัวเราะคิกคักทิ้งทาย

   อ่า… ทีนี้ก็เหลือแต่กูกับโจทย์แล้วสินะ

   “หวัดดี” ผมยิ้มแห้งๆ โบกมือให้กัปตัน ซึ่งเขาตอบรับด้วยการเกาหัวแกรกๆ แล้วเดินเข้ามานั่งฝั่งตรงข้าม

   อ้าว ไม่ชวนกูคุยเลยสินะ ยังไงวะ ต้องเป็นกูตลอดเลยหรือไง

   “เพิ่งตื่นเหรอ” เอาก็เอาวะ หึ่ยยยยย

   “เปล่า ตื่นนานแล้ว” เขาว่า “ไปหาพ่อกับแม่เธอมา”

   “ไปทำอะไร”

   “แวะไปทักทาย ขออนุญาตนอนบ้าน แล้วก็…” เขาเท้าคางพร้อมกับยิ้มมุมปาก “บอกพวกท่านว่าถ้าเมื่อคืนเห็นอะไรอย่าโกรธผมนะ”

   “แล้วพ่อลุกขึ้นมาหักคอคุณหรือเปล่า”

   “ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ้นนี่ สงสัยคงเปิดไฟเขียว”

   “ไร้สาระ” ผมกอดอก ไอ้บ้าเอ๊ย พูดอะไรไม่รู้เรื่อง

   “กินอะไรมั้ยอะ” ผมถาม แหม่ เป็นเจ้าบ้านที่ดีจริงๆ

   “ทำให้กินหน่อยสิ”

   “โดนตัดแขนตัดขาหรือไง อยากกินอะไรก็หาเองดิ”

   “หึหึ” เขาหัวเราะก่อนจะลุกไปยังชั้นวางของเพื่อค้นหาอาหาร แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรถูกใจสักอย่าง “ไม่มีอะไรนอกจากพวกของกึ่งสำเร็จรูปเลยเหรอ”

   “ในตู้เย็นมีสปาเก็ตตี้มั้ง จำได้แวบๆ ว่าลุงเอกทำไว้ให้”

   “แล้วลุงเอกไปไหน”

   “ยุ่งอะไรกับเขา คงไปซื้อของเข้าบ้านละมั้ง” เออ จะว่าไปผมก็ยังไม่เห็นคนที่ว่าเหมือนกัน หนอยยย พ่อตัวดี ทีอย่างนี้หาตัวไม่เคยเจอ

   “ไปหาอะไรกินกันมั้ย” อยู่ๆ กัปตันก็เชิญชวน

   “ไปข้างนอกเหรอ”

   “ใช่สิ แต่งตัวพร้อมแล้วนี่” เขาเดินเข้ามาใกล้ “วันนี้ฉันหยุดเหมือนกัน เดี๋ยวพาไปเที่ยว”

   “ผมไม่ใช่เด็กอมนิ้วนะคุณกัปตัน” ผมว่า “แล้วน้องมิ้นอะไรนั่นจะไม่ว่าเหรอ”

   “โทรไปหาแล้ว เขาไม่ได้ว่าอะไร”

   โอ๊ย จะพูดถึงทำเหี้ยอะไรเนี่ย แล้วมันมีสิทธิ์มาว่าอะไรด้วยเหรอ โอ๊ย หงุดหงิด

   “นิ่วหน้าทำไม โกรธอีกแล้วเหรอ” กัปตันถามด้วยสีหน้าระแวงอย่างกับกลัวโดนผมอาละวาด

   “เปล่า” ผมบอกปัด “แต่ทีหลังถ้าจะทำอะไรแล้วต้องขออนุญาตก็ไม่ต้องนะ ยุ่งยากเปล่าๆ”

   “โธ่ปั๊ม” เขาเดินเข้ามาใกล้กว่าเดิม ฉิบหายติดเก้าอี้ ลุกหนีไม่ได้! “ไม่เอา ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ออกไปข้างนอกกัน”

   “จะไปไหนอะ”

   “ที่ไหนก็ได้ แต่เดี๋ยวฉันขอแวะไปเอารถที่คอนโดก่อน”

   “ไม่ต้องเลย เอารถบ้านผมไปนี่แหละ” ขืนปล่อยไปเดี๋ยวเจอน้องมิ้นอะไรนั่นก็เสียแผนแย่สิครับ ไม่ใช่ไรนะ วันนี้ไม่อยากหงุดหงิดมากไปกว่านี้แล้วล่ะ

   กัปตันยิ้มอย่างพอใจ

   “โอเค งั้นตามใจเธอเลย”


   กัปตันพาเรามาที่ย่านถนนคนเดินที่ไหนสักแห่งซึ่งผมไม่เคยเจอ มันเป็นตลาดเช้าที่คนดูพลุกพล่าน บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างเสียงดังโวยวายเพื่อขายของ แถมคนยังเบียดเสียดกันมาจับจ่ายใช้สอยกันแน่นขนัด เล่นเอาผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดหน่อยแล้วนะเนี่ย

   “คนเยอะขนาดนี้พาผมมาเบียดทำไมเนี่ย” ผมหันหลังไปถาม ต้องเงยหน้าขึ้นนิดนึงเพราะเขาตัวสูงกว่า

   “มันมีภัตตาคารจีนอยู่ในซอยข้างหน้า ฉันว่าเธอน่าจะชอบ” เขาเดินตามหลังผมมาติดๆ หน้าอกนี่แทบจะสิงกับไหล่ของผมอยู่แล้ว

   “ไม่ชอบอาหารจีน” ผมพูดความจริง ไม่ค่อนสันทัดกับเครื่องเทศแบบจีนๆ เลยฮะ อันนี้ต้องยกให้คุณพ่อผมเลยท่านชอบทานอาหารจีนเป็นชีวิตจิตใจ ส่วนผมขอบาย อาหารญี่ปุ่นยังถนัดกว่า

   “อ้าวทำไมไม่บอกก่อนล่ะ”

   “ก็อยู่ดีๆ คุณก็พามาที่นี่ ไม่ถามอะไรสักคำ”

   “แล้วจะกินอะไรล่ะทีนี้”

   “คุณต่างหากที่หิว จะกินอะไรก็เรื่องของคุณสิ”

   “จะกินคนเดียวได้ยังไง ฉันอยากกินกับเธอ”

   สิ้นประโยคเสี่ยวนั้นผมก็กระทุ้งท้องเขาอย่างแรง เล่นเอากัปตันร้องโอ๊ยดังลั่นแข่งกับเสียงโวยวาย

   “เจ็บนะ”

   “สมควร! ทีนี้เลือกสักทีเหอะน่า!”

   “ฉันกินอะไรเดี๋ยวเธอก็กินไม่ได้อีก”

   “โอ๊ยยยยย เออ! เดี๋ยวกินด้วย! ออกไปจากที่นี่ก่อนเหอะ” อึดอัดจะแย่อยู่แล้วโว้ย

   “งั้นไปกินอะไรกลางๆ ดีกว่า” ว่าแล้วกัปตันก็คว้ามือผมวิ่งออกไปจากชุมชนแออัด กว่าจะรอดมาได้ก็แทบตาย จากนั้นเขาก็พาทะลุซอยออกไปอีกทางนึง ซึ่งเป็นเหมือนชุมชนที่อยู่ห่างจากตลาดไม่มากนัก ผมเห็นพวกคนแก่วิ่งออกกำลังกาย เด็กๆ ที่ตื่นเช้าก็กำลังเล่นกันสนุกสนาน เดินไปสักพักเราก็เจอร้านกาแฟและอาหารเช้า ซึ่งคนขายเป็นคุณลุงท่าทางใจดี กัปตันพาผมเข้าไปนั่งในร้านนี้แหละ

   “ไข่กระทะสองที่ครับ” กัปตันธีร์สั่งคุณลุง ก่อนจะหันมาสนใจผมด้วยสายตาคำถามประมาณว่า ‘กินได้นะ?’ เออแต่ถามหน่อย สั่งไปแล้วจะมาถามทำไม ต้องการอะไรเหรอ

   “แค่นี้นะครับ” คุณลุงจดยุกยิกในกระดาษ   

“ผมเอาโจ๊กอีกที่ด้วยครับ”

   “กินเยอะจัง” ผมแซว กัปตันยักคิ้วหลิ่วตาแบบกวนๆ มาให้ ด้านคุณลุงเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสั่งอะไรแล้วก็เดินจากพวกเราไปเพื่อให้ความเป็นส่วนตัว

   “คุณรู้จักร้านนี้ได้ยังไง” ผมถามพร้อมกับสำรวจรอบๆ นี่มันยิ่งกว่าอยู่ในซอกหลืบอีกนะ ถ้าผมโดนทิ้งไว้แถวนี้คงต้องเรียกตำรวจอย่างเดียวเลย กลับบ้านไม่ถูกแน่นอนครับ

   “ฉันเคยอยู่แถวนี้”

   “เฮ้ย จริงอะ!?”

   “จริงสิ เห็นบ้านหลังนั้นมั้ย” เขาชี้ไปยังตึกแถวห้องหนึ่งที่มีรถตู้จอดอยู่ด้านหน้า “ฉันเคยอยู่ที่นั่นจนแม่ย้ายไปทำงานที่อื่น ฉันเลยต้องย้ายตามไปด้วย”

   “แม่คุณไปทำงานอะไรเหรอ”

   “เป็นแม่บ้าน”

   “อ๋อ ตามโรงแรมน่ะเหรอ”

   “ไม่ใช่ เป็นแม่บ้าน แบบลุงเอกนั่นแหละ”

   “อ๋อ” ผมพยักหน้า “แล้วตอนนี้แม่คุณไปไหนแล้วล่ะ”

   “อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับพ่อเลี้ยงของฉัน ดูแลธุรกิจเล็กๆ ของเรา ฉันส่งเงินให้แม่ทุกเดือน”

   “คุณนี่ก็สู้ชีวิตเหมือนกันนะ” ผมยกย่องจากใจจริง ไอ้เรื่องพวกนี้ผมไม่มีวันเข้าใจหรอก แต่ผมก็พอรับรู้ได้ว่าความกตัญญูมันสำคัญจริงๆ

   “ฉันถึงเคยบอกเธอไงว่าไม่ชอบคนรวย มันคุยกันไม่รู้เรื่อง”

   “คุณไม่เคยมีแฟนรวยกว่าเลยหรือยังไง” ผมถาม “แล้วน้องมิ้นอะไรนั่นล่ะ ท่าทางก็ดูมีเงินนะ”

   “มิ้นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฉันไม่ชอบ” เขาเอนตัวตรงนั่งกอดอกพลางถอนหายใจยาว

   “ทำไมล่ะ?” ผมเท้าคางมองเพื่อเค้น หึหึ

   “พ่อแม่มิ้นไม่ชอบฉัน”

   “น้ำเน่าหรือเปล่า ถ้าเน่าไม่อยากฟัง”

   “ก็ครอบครัวมิ้นไม่ชอบฉัน ก็แค่นั้น”

   “แต่เดี๋ยวนะ บอกว่าไม่ชอบคนรวย แต่คุณก็เคยเป็นแฟนกับมิ้น มันก็แปลว่าคุณชอบคนรวยเหมือนกันปะวะ”

   “ตอนนั้นพ่อแม่มิ้นยังไม่ปล่อยขนาดนี้ ตอนฉันคบกันมิ้นยังอยู่ม.ปลาย ได้เงินค่าขนมยังไม่เยอะเท่าไหร่เลย”

   “อี๋กัปตัน! นี่คุณโรคจิตเลี้ยงต้อยจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย” ผมถึงกับเบือนหน้าหนี

   “ก็มีแต่เด็กมาชอบฉัน เธอไม่ชอบฉันหรือไง”

   “โทษทีผมไม่ชอบคนชรา ถึงแก่กว่าก็คงไม่เยอะเท่าคุณอะ” ถึงจะพูดไปอย่างนั้นแต่มือคางวางอยู่กำลังสัมผัสได้ว่าใบหน้าผมกำลังร้อนผ่าว อู้วววว ใจเย็นไอ้ปั๊ม

   “แต่มันก็นานมาแล้ว ฉันเคยคิดจะสร้างครอบครัวอยู่เหมือนกัน คิดอยากจะแต่งงาน มีครอบครัว แต่ก็นั่นแหละ สุดท้ายฉันก็ยังเร่ร่อนอยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง” เขายิ้ม ถึงจะเป็นยิ้มที่ชวนให้คนเห็นหดหู่ก็เหอะ แววตากัปตันเศร้าชะมัดเลย

   แล้วไข่กระทะก็มาเสิร์ฟ กัปตันเลื่อนมาให้ผมหนึ่งที่

   “ว่าแต่เธอเถอะ” กัปตันพูดขณะหยิบช้อนมาวางให้ “เรื่องความรักของเธอเป็นยังไงมั่ง”

   “อยากรู้ไปทำไม” ผมยกมือห้ามขณะที่กัปตันจะส่งพวงเครื่องปรุงมา ไม่ชอบครับ

   “ก็คนเป็นแฟนกันต้องรู้เรื่องกันบ้างสิ”

   “ผมไปเป็นแฟนคุณตั้งแต่ตอนไหน”

   “ก็เมื่อคืน…”

   “โอเค! เรื่องแฟนใช่มั้ย คืองี้นะ” ผมรีบตัดบททันที ไอ้ห่า เกือบได้รำลึกความหลังแล้วมั้ยละ “ถ้าบอกว่าไม่เคยมีจะเชื่อปะ”

   “เชื่อ”

   “อ้าวไอ้เหี้ย”

   “คำหยาบมาอีกแล้วเหรอ…” กัปตันหรี่ตามอง เชี่ยเอ๊ย มันจะตีกูอีกมั้ยเนี่ย

   “ผมอุทานเฉยๆ ก็คุณตอบไม่คิดแบบนั้นอะ”

   “จะให้ฉันตอบว่าอะไร ‘อย่าแกล้งกันเลยนะคนดี’ หรือ ‘ใครจะเชื่อก็บ้าแล้วที่รัก’ อย่างนี้อะเหรอ?”

   “ก็ไม่ต้องลิเกแบบนั้นก็ได้ปะ!”

   “หึหึ จริงอะ ไม่เคยมีแฟนจริงเหรอ”

   “จริง! ผมเรียนโรงเรียนประจำตั้งแต่จำความได้จนจบม.ปลาย ตอนที่เรียนมหาลัยนี่ไปไม่ถูกเลยอะ แม่งแย่ แต่ก็พยายามปรับตัวนะ”

   “ถึงใจแตกแบบนี้ล่ะสิ”

   “ให้มันน้อยๆ หน่อยเหอะ”

   “ถึงว่าตอนพ่อกับแม่เธอเสีย เธอดูไม่ค่อยเสียใจเลย ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันใช่มั้ยล่ะ” กัปตันถาม

   “ถ้าจะเอาความจริงมาพูดกันมันก็ใช่” ผมพยักหน้า “แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะไม่รักพวกเขานะ”

   “ใครมันจะไม่รักพ่อแม่ตัวเองบ้าง ตอนเด็กๆ ฉันก็โดนแม่ตีบ่อยๆ แต่สุดท้ายก็รู้แหละว่าเขารักเรา” กัปตันเหม่อลอยขณะที่ลูบไล้ไปตามแขนตัวเอง เหมือนกำลังนึกภาพความโหดร้ายตอนวัยเด็กอยู่

   “เลิกพูดเรื่องเศร้าเหอะ กลับมาเรื่องความรักของผมต่อมั้ย” ผมยอมเสี่ยงตัวเองเพื่อช่วยเขาออกจากวังวนในอดีตเลยนะฮะ แหม่ ฮีโร่ตัวจริง

   กัปตันยิ้มมุมปากหลังจากดึงสติกลับมาหา เขาจ้องผมอย่างไม่ละสายตา กรุ่มกริ่มอะไรปานนั้นพ่อคุณ

   “งี้ก็แปลว่าเวอร์จิ้นอะดิ”

   “วกเข้าเรื่องนี้ตลอดเลยนะ” ผมมองเขาอย่างเอือม “มืออะนับมั้ย”

   “ไม่นับ”

   “เออ งั้นเวอร์จิ้น”

   “ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” อยู่ๆ เขาก็หัวเราะดังลั่นจนคนรอบข้างหันมามอง เล่นเอาผมต้องใช้มือตัวเองเอื้อมไปปิดปากเขาแทบไม่ทัน ไอ้ห่าเอ๊ยยยยย

   “หึหึหึ” กัปตันยังคงหัวเราะแม้จะมีมือผมป้องอยู่

   “หัวเราะหาหมาตายอะไรเนี่ย”

   “เปล่า อั๋นอะใอ (ฉันสะใจ)”

   “สะใจเรื่อง?” ผมปล่อยมือตัวเองออกมาเพื่อจะได้ฟังเขาพูดถนัดๆ

   “ดีแล้วไง” กัปตันยิ้มแป้น หันไปก้มหน้าก้มตากินโจ๊กต่อหลังจากที่ไข่กระทะหมดแล้ว ซึ่งตัวของเขายังคงสั่นเพราะแรงขำ

   “ดีตรงไหนไม่ทราบ!?”

   “เวอร์จิ้นสิดี” เขาเลิกคิ้ว “ดีสำหรับฉัน”

   “กัปตันนนนนนนน นี่จริงจังนะ ขอร้องก็ได้อะ” ผมยกมือขึ้นไหว้ “อย่าเล่นอย่าพูดอะไรทำนองนี้อีกเลยนะ”

   “ไม่ชอบเหรอ”

   “อื้อ”

   ไม่ชอบเพราะมันทำให้ผม… ไม่รู้สิ รู้สึกว่าตัวเองสำคัญกับเขามั้ง อะไรของกูวะ!?

   “ก็ได้” กัปตันทำน้ำเสียงจริงจังขึ้น ใบหน้าของเขาก็เช่นกัน “ขอโทษด้วยนะ”

   เอ๊า ไม่ใช่ให้หงอยแบบนี้โว๊ยไอ้บ้า โอ๊ยยยยยย จะมีใครเข้าใจกูบ้างม้ายยยยยยยย ไอ้ห่าเอ๊ยยยย

   Rrrrrrrr.

   เสียงโทรศัพท์เหมือนมาได้ถูกที่ถูกเวลาเหลือเกิน กัปตันนิ่วหน้ามองชื่อในจออย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะเหลือบตามามองผมเล็กน้อยจากนั้นก็รับสาย

   “ว่าไงมิ้น”

   อ่า… มันต้องแบบนี้ทุกทีสิหน่า


[อ่านต่อด้านล่าง]

ออฟไลน์ theneoclassic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +217/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #51 เมื่อ22-01-2017 19:59:13 »

[ต่อ]

“ได้ เดี๋ยวพี่จะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขากดวางสาย

   กัปตันเหลือบมองผมอย่างชั่งใจอยู่สักครู่ แต่ก็นั่นแหละ…ผมรู้ว่ามันจะเป็นยังไงต่อ

   “ฉันต้องกลับแล้ว เดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านก่อนนะ” เขาบอก

   “อื่อ”

   “โอเคหรือเปล่า” กัปตันถามอย่างรีบร้อน

   “เออ ไปเหอะ ไม่เห็นต้องมาสนใจอะไรผมเลย ไม่ว่าอะไรอยู่แล้วหน่า”

   “ก็ฉันแคร์เธอ” เขาพูดสวนมาทันที

   “อ๋อเหรอ” ผมแกล้งยิ้มกวนๆ ให้เขา “ขอบคุณแล้วกันนะ”

   “โอเคใช่มั้ย ฉันจะได้สบายใจ”

   “โอเค! ปัญญาอ่อนปะเนี่ยพูดย้ำอยู่ได้” โอเคกัปตันถ้าคุณจะได้สบายใจผมก็จะตอบกลับไปแบบนี้แหละ

   กัปตันธีร์พยักหน้าให้คุณลุงมาเก็บตังค์ เขาง่วนอยู่กับหน้าโปรแกรมแชทในโทรศัพท์จนไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำมั้งว่าผมกำลังทำหน้าเซ็งแบบนี้อยู่

   เฮ้อกัปตัน คุณจะทำให้ผมรู้สึกเป็นคนสำคัญแบบนี้อีกนานแค่ไหนนะ

   
   ชีวิตการทำงานมันช่างไม่มีเวลาให้ตัวเองเลยจริงๆ เข้าใจแล้วว่าทำไมตอนเด็กๆ เวลาร้องไห้ไปห้างตอนเสาร์อาทิตย์ถึงโดนแม่ตีบ่อยๆ บางทีวันหยุดมันก็แค่อยากนอนบ้างใช่มั้ยละครับ

   ที่จริงเมื่อวานผมก็พักผ่อนอย่างเพียงพอไปเรียบร้อยแล้วครับ ท่ามกลางความหงุดหงิดซะด้วย เพราะไอ้กัปตันไม่ได้ติดต่อมาเลยหลังจากแยกกันวันนั้น ผมพยายามไม่คิดอะไร หาทางทำตัวบ้างาน บ้าบอ บ้าคลั่งตามประสาเหมือนแต่ก่อน แต่ยิ่งทำมันยิ่งไม่ใช่ พยายามขอร้องตัวเองว่าอย่าให้การที่มีกัปตันเข้ามาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่งั้นได้มีไขว้เขวแน่ ทำอะไรคงหงุดหงิดใจไปหมด

   ผมเดินออกจากลิฟต์มาก็พบว่าตรองเลขาของผมยืนรออยู่แล้ว ดูท่าทางกระวนกระวายใจ

   “ไข้แดกอีกแล้วเหรอตัวสั่นเชียว” ผมตัดสินใจถาม อย่าเพิ่มเรื่องหงุดหงิดให้เลยนะตอนนี้

   “เปล่าครับสบายดี แต่เมื่อเช้าฝ่ายบุคคลโทรมาบอกว่าวันนี้คุณปั๊มมีสัมภาษณ์งาน”

   “ฮะ? สัมภาษณ์อะไรไม่เห็นรู้เรื่อง”

   “ใช่ครับผมก็ไม่รู้ ผมคิดว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ”

   “คืออะไร? จะมีคนมาสัมภาษณ์งานกับฉันเนี่ยนะ ตำแหน่งอะไร?”

   “ผู้ช่วยเลขาครับ” ตรองว่า พลางชี้ไปที่โต๊ะตัวใหม่ข้างๆ กับของเขาซึ่งผมก็เพิ่งเห็นเหมือนกัน “ดูเหมือนว่าจริงจังมากด้วย เพราะพวกเขาจัดที่ไว้ให้แล้ว”

   “ผู้ช่วยเลขา ฉันไม่เคยรีเควสไปนี่”

   ตึ๊ง!

   เสียงลิฟต์ทำลายบทสนทนาของเราซะก่อน แล้วหลังจากประตูเลื่อนออก เพชรซึ่งอยู่ในชุดสูทสีดำมันขลับเดินออกมา แต่ที่ผมประหลาดใจกว่านั้นก็คือคนที่เดินตามหลังเขาต่างหาก โอ๊ย ไม่เอานะ ขอร้องเหอะอย่าทำแบบนี้กับกูเลย

   “สวัสดีปั๊ม เราพาคนมาสัมภาษณ์งาน” เพชรเลิกคิ้วสูง พลางหลบทางให้คนที่อยู่ข้างหลังเขาเดินออกมาข้างหน้า ใช่… คนที่ว่าคือน้องมิ้นนั่นเอง

   “สวัสดีครับพี่ปั๊ม” น้องมิ้นทำท่าจะไหว้แต่ไอ้เพชรขัดขึ้นมาซะก่อน

   “พี่ปั๊ม? อ้าว!? เคยเจอกันมาแล้วเหรอเนี่ย” เพชรทำท่าประหลาดใจ “แต่เอาจริงนะมิ้น ปั๊มเป็นรุ่นน้องนะ แต่แค่เป็นซีอีโอเท่านั้นเอง”

   “อ่อ…” มิ้นดูไปต่อไม่ถูก

   “ขอตัวสักครู่นะทุกคน” ผมพูดเพื่อทำลายความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ “เพชรเราขอคุยด้วยหน่อยสิ”

   ผมเดินนำเพชรเข้าไปในห้องทำงาน เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเข้ามาแล้วผมจึงล็อคประตู

   “เอาจริงนะ ทำแบบนี้ทำไมเหรอ” ผมกอดอกถาม

   “ทำอะไร? แค่พาคนมาสัมภาษณ์เป็นผู้ช่วยเลขาเนี่ยนะ”

   “อย่าทำเป็นไม่รู้”

   “รู้อะไร” เพชรทำหน้างงจริงจัง เอ๊ะ หรือว่ามันจะไม่รู้จริงๆ ว่ามิ้นเป็นอะไรกับกัปตัน

   “ไม่รู้จริงๆ เหรอ” ผมเค้นถาม หรี่ตามองแบบคาดคั้น

   “รู้อะไรล่ะ ปั๊มทำให้เราอยากรู้แล้วนะ”

   อืม… สงสัยจะไม่รู้จริงๆ โอเค งั้นผมจะไม่พูด

   “เราไม่ได้บอกฝากบุคคลสักหน่อยว่าอยากได้ผู้ช่วยเลขา ตรองทำงานดีอยู่แล้ว”

   “มันเป็นความคิดบอร์ดบริหาร จะได้มีคนช่วยเพิ่มอีกหนึ่งคนไง”

   “มาช่วยหรือมาสอดส่องกันแน่” ผมยกยิ้ม “ฝากบอกพวกเขาด้วยว่าเราไม่เอา”

   “ปั๊มคิดว่าจะปฏิเสธบอร์ดบริหารได้เหรอ”

   “นี่มันสายลับชัดๆ”

   “ก็อาจจะใช่ถ้าปั๊มจะคิดแบบนั้น” เพชรกอดอก “แต่ปั๊มทำท่าทางแปลกๆ กับคนนี้นะ มีอะไรหรือเปล่า?”

   “ไม่มี แค่ตกใจ” ผมส่ายหน้า ทำเหมือนไม่มีความร้อนใจอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

   “ก็ได้ งั้นเราไปแล้วนะ ฝากมิ้นด้วยแล้วกัน อ้อ อย่าลืมนะ เขาเป็นพี่เรา” เพชรยิ้มกวนๆ พลางชี้นิ้วสลับไปมาระหว่างผมกับตัวมันเอง เหอะ ตลกร้ายฉิบหายเลย

   หลังจากมันออกจากห้องไปผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาว โอ๊ยยยย ปวดหัวแล้วยังต้องมาปวดใจอีกเหรอเนี่ย

   ผมจัดการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความเพื่อตั้งใจจะส่งให้กัปตัน

   ‘ช่วยด้วย’

   เฮ้อ หายไปไหนของเขาวะ น่าโมโหจริงๆ


   ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

   เสียงเคาะประตูทำให้ผมต้องวางโทรศัพท์ลง มิ้นนั่นเองที่โผล่หน้าเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัวๆ

   “คุณเพชรบอกว่าคุณเรียกให้เข้ามาหาครับ”

   ผมนี่ถึงกับหลับตาจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดเลยครับ ไอ้เหี้ยเพชรเอ๊ยยย มึงจะเล่นกูให้ได้ทุกเม็ดเลยใช่มั้ย

   แต่โอเค มิ้นอาจไม่รู้เรื่อง ผมเลยยิ้มและโบกมือให้เขาเข้ามานั่ง

   “เรียนจบอะไรมาเหรอครับ” ผมถามขณะรับใบเรซูเม่มาจากคนตรงข้าม

   “คณะบริหาร จากมหาวิทยาลัยที่เชียงรายครับ”

   “อ๋อ คนเหนือสินะ” ผมสำรวจดู แหม ขาวจั๊วผิวพรรณดีขนาดนี้

   “ครับผม” มิ้นว่า “เอ่อ คุณปั๊มครับ ถ้าคุณปั๊มไม่ค่อยสบายใจผมออกไปก็ได้นะครับ”

   “ไม่เป็นไรๆ ใครบอกว่าฉันเป็นอะไร?”

   “เปล่าครับ คือจากวันนั้นที่เจอคุณที่คอนโดพี่ธีร์…”

   “ไม่มีอะไรหรอก มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด” ผมสวนทันควัน

   “แต่ว่า…”

   “ไม่มีอะไรน่า มิ้นกำลังเข้าใจผิดจริงๆ เข้าใจผิดว่ามิ้นกำลังเข้าใจว่าเรากับกัปตันธีร์มีอะไรกันไงล่ะ ซึ่งจริงๆ แล้วไม่มีอะไรจริงๆ”

   เพราะกูก็ยังไม่รู้ความชัดเจนเหมือนกันครับบบบบบ

   “ครับคุณปั๊ม แล้วก็…”

   “เริ่มงานได้เมื่อไหร่” ผมรีบตัดบท ขี้เกียจเข้าสมาคมศาลาคนเศร้า

   “ทันทีเลยครับ…”

   “ดี งั้นเริ่มงานพรุ่งนี้เลย สิบโมงเจอกัน หาอะไรมาตกแต่งโต๊ะด้วยนะมันโล่งเชียว แต่ก็อย่าตกแต่งเยอะนะฉันเป็นพวกขี้รำคาญ เกะกะลูกตา กลับบ้านไปได้แล้ว เจอกันพรุ่งนี้ครับ”

   “แค่นี้เหรอครับ” มิ้นเลิกคิ้วถาม

   “ใช่สิ ก็แค่นี้แหละ อ่านเรซูเม่แล้ว เก่งมากเลยจ้า” ผมยื่นแฟ้มคืนมิ้นไป เฮอะ! สัมภาษณ์ไปทำไมในเมื่อบอร์ดฯ ก็ต้องบังคับกูอยู่ดีปะ เนี่ยแหละเอามาก่อน ถ้าปวกเปียกจะได้หาเรื่องเอาออกได้ทันที

   “งั้นผมไปนะครับ เจอกันพรุ่งนี้” มิ้นยกมือไหว้ ซึ่งผมก็ไม่เกี่ยง ขี้เกียจบอกปัดว่าผมเด็กกว่าแล้ว ไหว้กันมาเลยยยย รับด้ายยยยย

   “กลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย” ผมแกล้งถามพร้อมกับภาวนาในใจ

   รถเมล์ รถไฟฟ้า เอ็มอาร์ที แอร์พอตลิ้ง เครื่องบิน เรือคลองแสนแสบ!

   “เดี๋ยวพี่ธีร์มารับครับ”

   ผ่าง!! นั่นไงระบบขนส่งสาธารณะที่กูกล่าวมาเป็นหมันทั้งหมดเลยครับ

   “ผมคงต้องนอนกับพี่เขาอีกสักหน่อย จนกว่าจะหาทางออกไปอยู่คนเดียวได้ กำลังเล็งหาคอนโดดีๆ อยู่เหมือนกัน”

   หืม? เล่าให้ฟังแบบนี้จะให้กรีดร้องจนตายเลยใช่มั้ยครับมิ้น โอเค อยากได้คอนโดเหรอ เอาไป!

   ครืด!

   ผมเปิดลิ้นชักพลางคว้าพวกเอกสารคอนโดที่ชอบแจกหน้าตึกแล้วยื่นให้คนตรงหน้า ดูเหมือนมิ้นจะทำหน้างงๆ เล็กน้อย

   “เอาไปเลือกดูนะ หาง่ายจะตายคอนโดเดี๋ยวนี้ มีอะไรถามได้”

   จะได้ไม่ต้องเบียดกับคนอื่นเนอะๆ

   “อ่า ขอบคุณมากครับ”

   “ต้องการอะไรอีกมั้ย บ้านพร้อมที่ดินก็มีนะ หรือจะซื้อรถก็ได้”

   “เอ่อ… ผมว่าผมไปดีกว่าครับ”

   “อ้าวไม่อยากดูหน่อยเหรอ”

   “เอาแค่คอนโดพอครับ” มิ้นลุกขึ้นพร้อมกับคว้าโบชัวร์เอกสารคอนโดติดไปด้วย “ขอบคุณนะครับคุณปั๊ม”

   “แล้วเจอกันนะ… บอกตรองให้ด้วยว่าหายาแก้ปวดมาให้ที” ผมนวดขมับพร้มอกับโบกมือลาจนคนมาสัมภาษณ์ปิดประตูห้องไป

   เฮ้อ วันนี้ก้าวผิดขาออกมาจากบ้านหรือเปล่าวะเนี่ยกู

   ตื๊ด!

   กัปตันส่งข้อความกลับมาแล้ววววว

   ‘รู้แล้ว ฝากด้วยนะ กำลังไปรับมิ้น’

   ผมถึงกับจุกอกเมื่อเห็นข้อความบนหน้าจอ

   กัปตัน… คุณไม่ได้พูดถึงผมเลยด้วยซ้ำ!

   โอเค ไม่อยากคิดอะไรแล้ว ผมคว่ำหน้าโทรศัพท์ลงจากนั้นก็เอนตัวพิงไปกับเก้าอี้นวมที่แสนสบาย สายตาพลันไปเห็นรูปป๊ากับแม่ยังตั้งอยู่ที่เดิม ทั้งคู่กำลังยิ้มมาให้อย่างอบอุ่น คิดถึงจัง…

เฮ้อออออ ปวดหัว! ขอเอาหัวโขกโต๊ะหน่อยเหอะวะ!

โป๊ก!

   “ป๊า ปั๊มกำลังปวดใจ ทำไงดี” ผมพูดกับป๊าในรูปภาพทั้งๆ ที่หัวยังติดโต๊ะอยู่ ฮือออ พูดคนเดียวแบบนี้ เพี้ยนครบสูตรแล้วครับ

   แต่เมื่อกี้โขกแรงไปหน่อย โอ๊ย ท่าทางจะเจ็บง่ะ ฮืออออออ

   “ปวดใจกินพาราไม่หายนะครับ” เสียงของตรองทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมานั่งตัวตรง มันเดินเข้ามาวางแก้วยาให้บนโต๊ะ สายตาของมันสำรวจบริเวณใบหน้าผมไปทั่ว

   “แต่ถ้าหัวโน กินได้ครับ”

   “ทำอะไรก็ทำเหอะขี้เกียจพูด”

   “ถ้างั้นอย่าอกหักบ่อยนะครับเดี๋ยวขี้เกียจจนทำงานไม่ได้”

   “ไอ้นี่…”

   “เดี๋ยวผมไปหยิบยามาทาให้ครับ” ตรองหันหลังเตรียมจะเดินออกไปจากห้องแต่หันกลับมาก่อนขณะจับลูกบิดประตู “คุณปั๊มครับ”

   “หือ?” ผมเลิกคิ้วสงสัย มือหนึ่งจับบริเวณหน้าผากที่เริ่มสัมผัสได้ว่ากำลังปูด

   “ผมรู้ว่าเด็กคนเมื่อกี้คือใคร” มันว่าพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ

   “…”

“แต่ยังไงผมก็เชียร์เจ้านายตัวเองมากกว่าคนอื่นแน่นอนครับ” ตรองทิ้งท้าย ก่อนจะพยักหน้าให้และเดินออกจากห้องไป



-----------------------------

บทนี้ยาวสุดตั้งแต่ที่เขียนมาเลย 5555555
น้องปั๊มสับสนมากมาย ต้องการคนช่วยชี้แนะด่วน ใครก็ได้ช่วยด้วยยยยยยย

บทนี้อิงจากที่ตัวเองเคยโดนให้ความหวังครับ
ค่อนข้างจะอินนิดนึง ฮือออออ  :hao5: :hao5:

ฝากคอมเม้นท์และบอกต่อได้นะครับ มันเป็นกำลังใจให้ผมได้เยอะเลย
โดยเฉพาะหลังจากที่รู้ว่าคนอื่นทะลุ 3k แล้วววว เย่เย่ ขอบคุณทุกคนจริงๆ น้า

สุดท้ายนี้มีอะไรชี้แนะมาได้ครับ
และเข้ามาทักทายกันได้เหมือนเดิมที่ https://www.facebook.com/thene0classic/
หรือคุยกันขำได้ใน #firemetothemoon (5555 ยังคงมีหวังแม้มันริบหรี่ U___U) เจอกันครับ!

ปล. อาทิตย์หน้าเก๊าไปนครวัดอะ จะหาทางจัดหน้าทิ้งไว้ฮะ
แต่ถ้าหายไปอาทิตย์นึงอย่าว่าน้า ปีใหม่เก๊ายังไม่ได้ไปไหนเลย  :katai1: :katai1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2017 21:07:23 โดย theneoclassic »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #52 เมื่อ22-01-2017 20:40:29 »

กันตันทำไมทำงี้อะ
เราไม่รักแล้ว มาทำให้สับสนแล้วเอาแต่ดูแลคนอื่น
 :ling1: :ling1: :ling1: :ling1: :ling1::

ออฟไลน์ Hamzholic

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-2
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #53 เมื่อ22-01-2017 21:21:13 »

แอบหงุดหงิดกัปตัน อะไรก็ไม่รู้เรื่องมิ้นเนี่ย!
ไหนจะเพชรอีก โอ๊ยยยยยย ศึกหลายด้านจริงๆ เลยหนูปั๊ม
ตอนแรกๆ นี่แอบรู้สึกว่าไวน์เสี้ยมให้ปั๊มเป็นคนเล่นเกมไม่ดีนะ
แต่ตอนนี้อยากจะขอเสี้ยมปั๊มเองว่าจัดการมิ้นเลย!

 :ling1:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #54 เมื่อ22-01-2017 21:32:26 »

จะเอายังไงกันแน่ฮ่ะกัปตันธีร์  :z6:

ออฟไลน์ bookie

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
    • facebook
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #55 เมื่อ22-01-2017 21:59:03 »

 :m16:หมั่นนังเพชรกับกัปตันมาก ไม่ต้องรอให้แน่ใจความรู้สึกแล้วจัดโลดด :z6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-01-2017 22:30:21 โดย bookie »

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #56 เมื่อ22-01-2017 22:49:37 »

น้องปั๊มนางงอแง ง้องแง๊งมากอ่ะ 5555555 โถ หนูน้อย โดนพี่เค้าปั่นหัวปั่นใจเลย  :laugh3:
ตรองดีขนาดนี้ อย่าลืมเพิ่มโบนัสให้ตรองด้วยนะปั๊ม

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #57 เมื่อ22-01-2017 23:37:17 »

เขี่ยกัปตันทิ้งค่ะ น้องปั๊มสวยและรวยมาก

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #58 เมื่อ23-01-2017 00:25:02 »

เบื่อกัปตัน บางทีก็ดูเหมือนจริงจัง แต่ก็ดูมีอะไรกับแฟนเก่า รำคาญอ่ะ
ปั๊มต้องไอด๊อนท์แคร์ค่ะ เพราะหนูรวยและหาได้ดีกว่านี้อีก

ออฟไลน์ cheezett

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
Re: Fire Me to the Moon • EP7 เจ็บหัว | 1/22/2017
«ตอบ #59 เมื่อ23-01-2017 12:13:20 »

เท่าที่อ่านมา กัปตันมีดีแค่คำพูด หลอกแทะไปวันๆ ยังมองไม่เห็นความจริงใจใดๆทั้งสิ้น ส่วนปั๊ม เหมือนจะเก่ง แต่ไม่เลย โดนทุกคนปั่นหัวทำอะไรเองไม่ได้ ได้แต่ปล่อยๆไป ตัดสินใจอะไรไม่ได้สักอย่าง เหมือนจะแซ่บจะเริ่ดแต่ที่จริงโง่มาก เปิดเรื่องมาแซ่บๆโอเค ไหงอ่านมาเรื่อยๆกลับน่าเบื่อ แต่จะติดตามต่ออยู่นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด