ในที่สุด....

บรรยากาศที่นี่มันคงเงียบมากเกินไป ไม่ก็เป็นเพราะเขาหายใจแรง ผมถึงได้ยินเสียงลมหายใจเขาชัดเจน แม้เราจะอยู่ห่างกันขนาดนี้ ถึงพูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นการพบหน้ากันหลังจากหลายปีที่ผ่านมา แต่ผมรู้สึกจริงๆ ว่า....นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้กลับมาพบกัน
“.....ฮึ”เสียงเดียวที่หลุดจากลำคอเขาก่อนจะหันหลังเดินออกไปจากห้องผม ผมไม่รู้ว่าสำหรับเขาหมายความว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมก็ลุกแล้วเดินตามออกมาด้านนอกเรียบร้อยแล้ว
ร่างสูงใหญ่ที่ผ่านตามาตลอดเวลาสามปีนั่งอยู่บนโซฟาตรงหน้า เสื้อผ้าอยู่ในชุดสูทที่ผมเดาว่าคงเพิ่งกลับมาจากงานเลี้ยงสักแห่ง
“ไปงานเลี้ยงมาเหรอ”คำถามของผมทำให้เขาลืมตาทั้งที่ยังเอนศีรษะพิงเบาะโซฟาอยู่
“.......ใช่คำนี้เหรอที่เราควรพูดกัน”
“แล้วเราควรพูดอะไรกันเหรอ”
“.....ไม่รู้สิ อาจจะ เป็นไงบ้าง สบายดีมั้ย หรือ...ผมกลับมาแล้ว”คำพูดของเขาทำเอาผมเกือบหลุดหัวเราะออกมา ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะคาดหวังคำพูดแบบนี้จากผม
“หวังสูงจังนะครับ”
“ก็ทำให้หวังเองนี่ ว่าไงล่ะ คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรดี”ท่าทางเขาดูผ่อนคลายขึ้น อยากน้อยก็ยังยกยิ้มที่มุมปากให้เห็นบ้าง
“......ผมสบายดี”ผมเลือกที่จะพูดในสิ่งที่เขาคาดหวังมากกว่าคำถามสามัญจากผม
“...ไม่บอกก็รู้”เขาพูดจบก็หลับตาลงพร้อมอมยิ้มน้อยๆ พอผมหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าห้องเขาก็พูดขึ้นมาใหม่
“คิดยังไงถึงกลับมา”
“ก็นี่มันบ้านผมไม่ใช่เหรอ หรือลืมไปแล้วว่าคุณโอนสมบัติให้ผมแล้ว”ผมหันมาเพื่อตอบคำถาม ท่าทางเขาคงจะไม่ปล่อยให้ผมกลับไปนอนต่อง่ายๆ แล้วล่ะมั้ง
“อ้อ...งั้นคืนนี้พี่ควรนอนไหนดีล่ะ เจ้าของบ้านตัวจริงกลับมาแล้วนี่”
“ผมเป็นเจ้าของบ้านใจดี คืนนี้คุณจะนอนนี่ผมก็ไม่ว่าหรอก ยังไงก็อุตส่าห์คอยดูแลบ้านให้ตั้งนาน”
“จะให้เจ้าของบ้านไปนอนห้องนอนแขกก็คงไม่เหมาะ ไม่สนใจมานอนห้องใหญ่เหรอพาย”คำว่าห้องใหญ่คงไม่ได้แปลว่าจะยกห้องให้ผม แต่คงหมายถึงให้ผมนอนห้องเดียวกับเขาแน่ๆ
“.......ไม่ล่ะ ผมไม่ชอบนอนดมกลิ่นน้ำหอมคนอื่น”ผมเลือกที่จะพูดเหตุผลที่…ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ แต่เป็นอะไรที่เรียกว่า…อยากรู้คำตอบ หากผมพูดแบบนี้เขาจะตอบว่ายังไง
“ฮึ....พูดจาน่ารักก็เป็นด้วย จะไปนอนก็ไป ไม่งั้นเกิดพี่จับปล้ำขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”เขาพูดปนหัวเราะ ผมยิ้มพลางส่ายหัวนิดๆ กับคำพูดที่ตรงไปตรงมาเหมือนเดิม ส่วนตัวผมไม่รู้ว่าเปลี่ยนไป…หรือเหมือนเดิม กับการที่ตัดสินใจเดินไปนั่งบนโซฟาตัวเดียวกับเขา
“....ทำไมถึงกลับมา”
“…ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน…”ความจริงแล้วผมก็คิดว่าหากได้พูดคุยกับเขา ผมอาจมีคำตอบให้ตัวเอง แต่เปล่าเลย…ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ทั้งหมด
“นึกว่าจะไปหามันซะอีก เพิ่งกลับมาไม่ใช่เหรอ”เขาไม่ควรพูดประชดผมเกี่ยวกับทิวเลย
“…..นั่นสิ….คุณไม่คิดจะถามเหรอว่าทำไมผมถึงเลือกมานอนที่นี่ แทนที่จะเป็นบ้านใหญ่”
“ไม่จำเป็น ในเมื่อพายตัดสินใจที่จะกลับมา ที่เดียวที่ต้องอยู่ก็คือที่นี่”
“คุณนี่มันไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด….ผมคิดผิดหรือเปล่านะที่กลับมา”
“พาย….”เสียงทุ้มต่ำเอ่ยชื่อผมกึ่งปราม
“ถ้าผมไม่กลับมา คุณจะคิดว่าความพยายามที่ผ่านมามันไร้ค่าบ้างรึเปล่า”คำพูดของผมยังคงพรั่งพรูออกจากปากอย่างไม่คิดจะหยุดตัวเอง
“พี่ขอโทษ พายก็หยุดพูดแบบนี้กับพี่สักทีเถอะ มันมาผ่านมาตั้งกี่ปีแล้ว”
“คนที่เริ่มก่อนคือคุณนะ…..…คืนนี้ผมจะไปนอนกับแม่”คืนนี้ท่าทางคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ
“โธ่เว้ย! กลับมาถึงก็จะชวนทะเลาะเลยรึไง”
“…….”นั่นสินะ ทำไมผมถึงพูดดีๆ ด้วยไม่ได้สักที พอเริ่มพูดคุยมากขึ้น อารมณ์และความรู้สึกบางอย่างก็เหมือนจะค่อยๆ ปะทุขึ้นมา
“……พี่ไม่รู้หรอกว่าอะไรทำให้พายตัดสินใจกลับมา พี่ไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง พายไปนอนคิดดีๆ ดีกว่าว่าเพราะอะไร สำหรับพี่มันสำคัญ เพราะหากว่าเป็นเพราะพายแค่อยากพิสูจน์อะไรบางอย่าง พี่ก็คงต้องเป็นฝ่ายไปจากพายบ้าง พี่คิดว่าที่ผ่านมาพี่พิสูจน์ตัวเองแล้ว พี่ไม่เคยทำอะไรไม่ซื่อตรง ไม่เคยคิดบิดเบือนความรู้สึกตัวเอง พี่เคยบอกว่ารักพาย พี่ก็ยังรักอยู่ แต่ถ้าความพยายามของพี่ตลอดเวลาที่ผ่านมามันยังทำให้พายอยากพิสูจน์พี่ต่อ…พี่คงต้องยอมแพ้”
“………………….”
“ไปนอนซะ แล้วจะเอายังไงค่อยคุยกันตอนเช้า”เขาลุกขึ้นแล้วก็ไล่ให้ผมไปนอน ผมค่อยๆ ลุกขึ้นจากโซฟาบ้าง
“….ผมนอนด้วยได้มั้ยล่ะ”
“…ตามใจ”เขาเดินตรงเข้าไปในห้องนอนโดยไม่ปิดประตู ผมก็ปิดไฟที่ห้องนั่งเล่นแล้วก็เข้าไปปิดแอร์ห้องนอนเล็ก กว่าจะเข้ามาให้ห้องนอนของเขา เขาก็เข้าไปอาบน้ำแล้ว ผมเลือกที่จะนอนฝั่งที่เขาไม่ได้ถอดกางเกงโยนกองไว้ ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยเข้ามานอนในห้องนี้ แต่ผมกลับคุ้นเคยกับกลิ่นไอรอบๆ ตัวเสียเหลือเกิน
“….นี่!”ระหว่างที่หลับตาเคลิ้มๆ จนเกือบหลับ แต่เพราะรู้สึกอึดอัดเลยลืมตาขึ้นมาดู แล้วก็เห็นว่าคนที่เพิ่งออกจากห้องน้ำกำลังนอนกอดผมอยู่
“ทำไม มีปัญหาเหรอ”อ้อมแขนโอบรอบกระชับจนแนบสนิท เนื้อตัวที่เย็นจากการอาบน้ำให้ความรู้สึกแปลกๆ
“ถอยไป…อึ๊”ทันทีที่อ้าปากแล้วผลักแผ่นอกเพื่อเขาถอยไป เขาก็โน้มหน้าเข้ามาประกบจูบอย่างรวดเร็วจนไม่ทันตั้งตัว ริมฝีปากหนาแนบสนิทกับปากผม และพยายามขบเม้มตามริมฝีปากผมสักพักก่อนจะค่อยๆ ถอนหน้าออกไป
“….ทำเป็นเก่ง คิดว่าจะเข้ามานอนห้องนี้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นรึไง พี่ไม่ใช่คนดีก็รู้ไม่ใช่เหรอ”
“ถ้านอนเฉยๆ ไม่ได้พายก็จะไปนอนกับแม่”ผมยืดแขนดันอกเขาให้เว้นระยะห่างมากขึ้น แต่เขาก็ใช่ว่าจะยอมคลายอ้อมกอดแต่โดยดี ยังคงจ้องหน้าผมพร้อมอมยิ้มน้อยๆ อย่างคนที่กำลังเหนือกว่า
“จูบก็ไม่ได้เหรอ”
“ไม่ดะ!...อื้ออ”ทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบก็ถูกบดจูบอีกครั้ง หากคราวนี้ปลายลิ้นอีกฝ่ายสอดแทรกเข้ามาภายใน มือที่ล็อคต้นคอเอาไว้ทำให้ไม่สามารถหันหนีได้ เรียวลิ้นสอดสัมผัสทั่วโพรงปากก่อนจะไล้เลียตามขอบปากด้านนอกแล้วจูบซับให้ซ้ำๆ
“…..มากกว่านี้ได้มั้ย”มือที่จับต้นคอค่อยๆ ปัดผมออกจากใบหน้าผม พร้อมกับใช้ปลายนิ้วเช็ดตามรูปปากให้อย่างเบามือ
“…..ไม่”ผมพูดพร้อมดันหน้าอกเขาออกอีกครั้ง
“ไม่ก็ไม่”เขาพูดจบก็ขยับออกไปนอนบนหมอนตัวเอง แต่ก็ยังไม่เลิกโอบเอวผม คนที่ถือวิสาสะแตะต้องผมมากขนาดนี้โดยที่ยังนอนหลับเหมือนไม่รู้สึกอะไรคงมีเขาคนเดียว ช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้อะไรในตัวเขาเปลี่ยนไปเลยจริงๆ แต่ที่อดแปลกใจไม่ได้ก็คือตัวผมเอง….ที่ยังคงปล่อยให้เขานอนโอบผมไว้…ทั้งๆ ที่รู้ดีแก่ใจว่า…หากผมหลับ…มือที่โอบไว้หลวมๆ คงกระชับแน่นขึ้นจนกลายเป็นกอดแน่ๆ
ผมคงชินกับการตื่นตอนเช้าเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน อากาศยามเช้าที่นี่สดชื่นจนอยากนอนเล่นบนเตียงอีกสักพัก แต่ความอึดอัดรอบตัวทำให้ทนไม่ไหว ต้องค่อยๆ แกะมือที่พาดเอวออกไป ดูท่าเขาคงเหนื่อยเอาการถึงได้นอนหลับลึกขนาดนี้ ผมลุกลงจากเตียงเพื่อเตรียมไปอาบน้ำแต่งตัวในห้องเล็ก แต่กลับพบว่ากระเป๋าเสื้อผ้ารวมทั้งของใช้อื่นๆ วางกองใกล้ๆ ประตู ดูท่าว่าผมคงหลับลึกกว่า เพราะผมไม่รู้สึกตัวเลยว่าเขาลุกจากเตียงไปตอนไหน
หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็ขับรถกอล์ฟเล่นรอบๆ รีสอร์ท แขกที่มาพักส่วนมากคงยังไม่ตื่น ผมขับไปที่บ้านใหญ่ เผื่อแม่ยังไม่ออกไปตลาดจะได้ขอติดรถไปด้วย แต่ผมมาสายไป แม่ออกไปได้พักใหญ่แล้ว เห็นแต่คุณป้านั่งส่งยิ้มล้อผมอยู่ สงสัยรู้แล้วล่ะมั้งว่าเขากลับมาถึงเมื่อคืน
“แล้วลูกชายป้าล่ะ”ป้าภาถามทันทีที่ผมเดินไปนั่งใกล้ๆ
“ยังไม่ตื่นมั้งครับ แล้วนี่พี่หน่อยพี่นพไปคลินิกแล้วเหรอครับ”
“วันนี้ไปตรวจครรภ์ในเมืองโน่น เห็นว่าจะแวะไปหาเพื่อนอะไรกันด้วย กว่าจะกลับก็บ่ายๆ เย็นๆ แล้วเราล่ะ ตื่นมาแต่เช้าจะออกไปไหน”
“พายชินเวลา ตื่นมาแล้วก็เลยขี้เกียจนอนต่อ ป้ากินอะไรยังครับ พายเริ่มหิวๆ แล้ว เดี๋ยวพายทำข้าวเช้าให้”
“ไม่ต้องมาวุ่นวายเลย เด็กมันมาทำข้าวต้มทะเลไว้ให้แล้ว ตักแบ่งใส่หม้อเล็กไปให้เจ้าตั้มด้วย”ป้าภาพูดกึ่งบังคับให้กลับไปกินพร้อมเขาที่บ้านโน้น
“เดี๋ยวเขาหิว เขาก็มากินเองล่ะครับ”
“เอ๊ะ เรานี่มันยังไง ไปๆ เอาใส่หม้อเล็กไปกินหลังโน้น วันนี้บ้านนี้ครัวปิด ไม่รับแขก”คุณป้าไม่ได้พูดเปล่าๆ แต่ผลักให้ผมออกจากบ้านด้วย แต่ยังไม่ทันถึงประตูบ้านหรอกครับ บุคคลที่กำลังอยู่ในหัวข้อสนทนาก็โผล่มาพอดี
“อ้าว ตื่นมาทำไมกันแต่เช้า เมื่อคืนก็กลับมาดึกไม่ใช่เหรอ”ป้าภาถามคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าผม แต่เหมือนเขาจะไม่พร้อมตอบคำถามนะ ท่าทางยังดูเหมือนไม่ตื่นดีเท่าไหร่
“อะไรกันตั้ม มายืนจ้องน้องอยู่ได้ ละเมอเปล่าเนี่ยเรา”
“....ผมมีเรื่องจะคุยกับพายนิดหน่อย ขอพากลับบ้านก่อนนะครับ”เขาพูดจบก็คว้าข้อมือผมให้เดินตามออกไป ได้ยินเสียงป้าภาตะโกนบอกให้คุยกันดีๆ ผมน่ะก็อยากคุยด้วยดีๆ หรอกนะ แต่อีกคนนี่สิ...จะคุยดีเป็นเหมือนคนอื่นบ้างมั้ย
ผมนั่งรถกอล์ฟกลับมากับเขา พอมาถึงก็ยังดึงให้ผมเดินตามเข้ามาด้านในอีก จนตอนนี้ก็ยังเอาแต่นั่งจ้องผมจากโซฟาตัวข้างๆ
“แล้วคุณจะจ้องผมทำไมนักหนา ไหนว่ามีเรื่องจะคุย”
“พี่ก็บอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนี่.....ไหนล่ะคำตอบ”
“......ยังไม่ได้คิดเลย ง่วงเลยเผลอหลับก่อน”ผมหยิบรีโมทโทรศัพท์มาเปิดเพื่อลดความน่าอึดอัด แต่เขาก็แย่งไปกดปิดแล้วก็ยึดรีโมทเอาไว้ข้างตัวเขา
“อย่าเรื่องมากน่า จะเอายังไงก็พูดมา”
“ก็แค่จะกลับมาอยู่นี่ไม่ได้รึไง ทำไมต้องให้ตอบให้อธิบายอะไรมากมายด้วยล่ะ”
“จะกลับมาอยู่น่ะได้ แต่มาอยู่ในฐานะอะไร”
“....เจ้าของบ้าน”
“อย่าทำเหมือนเด็กพูดไม่รู้เรื่องน่าพาย คุยดีๆ”
“ก็แล้วคุณอยากได้ยินคำว่าอะไรล่ะ อยากให้ผมพูดว่าผมกลับมาเพื่ออยู่กับคุณเหรอ ไม่หวังมากเกินไปรึไง”ความจริงผมว่าแค่ผมกลับมาก็น่าจะเพียงพอแล้ว ทำไมต้องถามอะไรให้มากมายด้วย
“ถ้ารู้ใจพี่ขนาดนั้นแล้วก็ตอบมาจริงๆ ซะทีสิ เพราะถ้ากลับมาอยู่ที่นี่ ก็ต้องอยู่กับพี่เท่านั้น แต่ถ้ายอมรับเรื่องนี้ไม่ได้...พี่จะไปอยู่ที่อื่นเอง ยังไงบ้านนี้ก็เป็นของพาย”ผมรู้ว่าเขาไม่ได้พูดประชด หากผมรับไม่ได้ เขาก็คงไปจากบ้านนี้อย่างที่บอกจริงๆ
“......ก็กลับมาอยู่นี่น่ะแหละ พอใจรึยัง”
“ยัง ต้องบอกมาด้วยว่าทำไมถึงกลับมา ต้องการทดสอบอะไรพี่อีกหรือเปล่า”
“เปล่า....ก็ยังไงก็ต้องกลับอยู่แล้วนี่ คุณยอมปล่อยให้ผมอยู่ที่อื่นรึไงล่ะ”ขนาดผมไปสุดขอบประเทศยังตามไปเฝ้าได้เลย ผมไม่แน่ใจว่าการกระทำของเขาสมควรเรียกว่าเสมอต้นเสมอปลาย หรือ...ดันทุรัง
“ก็ไม่เห็นได้ห้ามนี่”
“ช่างเถอะ กลับมาก็ดี จะได้อยู่กับแม่ หมดเรื่องคุยแล้วใช่มั้ย ผมจะได้ไปกินข้าว”ขี้เกียจคุยแล้วครับ ถ้าพูดเรื่องนี้จบเดี๋ยวก็หาเรื่องใหม่มาซักผมอีกจนได้
“เดี๋ยว....”พอผมทำท่าจะลุกเขาก็คว้าข้อมือผมไว้ให้นั่งลงตามเดิม
“อะไรอีก”
“พายรักพี่รึเปล่า”คนอย่างเขานี่มันยังไงนะ นึกจะพูดอะไรจะถามอะไรก็ทำโดยไม่นึกถึงคนอื่นเลยรึไง ทำหน้าเหมือนเป็นคำถามทั่วๆ ไปที่ตอบได้ง่ายๆ สีหน้าท่าทางก็ไม่ได้มีอาการตื่นเต้นหรือจดจ่อรอฟังคำตอบ....คำตอบของผมมันไม่สำคัญ....หรือว่าเขาเก็บอารมณ์เก่งกันนะ
“........ผมก็เคยพูดไปแล้วนี่ ถ้าจำไม่ได้ผมก็ช่วยไม่ได้”
“รัก”
“..........”
“ในเมื่อพายรักพี่ และกลับมาอยู่กับพี่ ก็เท่ากับว่าพายเป็นคนของพี่ พี่ห้ามหรือบอกอะไรพายก็ต้องฟัง เข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจ ผมก็คือผม ไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งคุณ หรือคุณจะบังคับผมเหมือนเมื่อก่อนอีก ผมมาอยู่ที่นี่ไม่ได้มาเพื่อจะเป็นของใคร”ทำไมคำพูดเขามันชวนให้หงุดหงิดได้เสียทุกครั้ง บางอย่างเปลี่ยน และบางอย่างไม่เปลี่ยน อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้จากเขาคือนิสัยชอบบงการชีวิตผม ผมว่าเขาควรเรียนรู้การอยู่ร่วมกับคนอื่นมากกว่านี้ ท่าทางจะถือดีจนเคยตัว ถึงได้ไม่เคยทำตัวเสมอคนอื่นเสียบ้าง
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะสั่ง แค่บอกว่าให้ฟัง ทำไมชอบตีความไปในแง่ร้ายนักนะ”
“ก็ผมไม่...”ผมพูดยังไม่ทันจบเขาก็พูดแทรกขึ้นมา
“อย่าเถียงนักได้มั้ย ในเมื่อพายพร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับพี่ แล้วทำไมเราไม่พูดกันดีๆ บ้าง จะอยู่แบบต่างคนต่างอยู่ หรืออยู่แบบจำใจเหมือนเมื่อก่อนรึไง ช่วงที่ผ่านมามีแต่พี่คนเดียวเหรอที่คิดอยากกลับมาอยู่ด้วยกันอีก พี่คิดจะปรับตัวเข้าหาพายอยู่คนเดียวรึไง พายต้องการอยู่กับพี่แบบไหนกันแน่”
“ก็...เปล่า”
“ทำไมถึงไม่พูดอะไรตรงๆ บ้าง ทีเวลาประชดพี่น่ะเก่งนัก พอถามอะไรตรงๆ แล้วตอบไม่ได้ก็ประชดใส่ พอพี่พูดตรงใส่บ้างก็มองในแง่ร้าย แล้วอย่างนี้ต่อไปเราไม่ต้องทะเลาะกันทุกวันเลยรึไง”
“ก็แล้วจะมาถามเอาอะไรนักหนาล่ะ ผมเพิ่งกลับมาเมื่อวานเองนะ คุณนั่นแหละต้องการอะไรจากผมนักหนา บอกว่าจะเอาคำตอบตอนเช้า ผมก็ตอบไปแล้ว ยังจะถามอะไรอีกล่ะ เรื่องมากนักผมไม่อยู่มันก็ได้ที่นี่น่ะ ไปอยู่ที่อื่นก็ได้”
“เฮอะ พายก็ดีแต่พูดแบบนี้กับพี่ตลอดน่ะล่ะ นึกว่ากลับมาแล้วจะดีกับพี่บ้าง ถ้าคิดว่าพี่เลวนักแล้วกลับมาทำไม”ลงท้ายเขาก็ยังไม่ลืมที่จะถามในสิ่งที่ยังไม่ได้คำตอบจากผม
“ไม่รู้! ถ้ารู้ก็ไม่กลับมาหรอก ไม่รู้อะไรทั้งนั้นล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องกลับมาหาคนที่ข่มขืนตัวเอง ไม่รู้ว่าทำไมต้องรักคนแบบคุณด้วย ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ๆๆ”
“.......พายไม่รู้ก็เรื่องของพาย แต่พี่รู้แล้วว่า...พายรักพี่ ได้ยินเต็มสองหูเลย พูดแบบนี้ตั้งแต่แรกก็จบ”
“ห๊ะ!...นี่...บ้าเอ๊ย! ผมไม่คุยกับคุณแล้ว คุณมันบ้า”สรุปแล้วนี่เขาแค่ต้องการยั่วโมโหเพื่อให้ผมหลุดพูดออกมาเท่านั้นเหรอ
“เดี๋ยวสิ จะไปไหนล่ะ อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ มื้อแรกของเราเชียวนะ”คราวนี้เขาไม่รั้งข้อมือผมไว้ แต่ลุกขึ้นยืนขวางผมแทน
“อยากกินก็กินไปคนเดียวเลย ผมจะไปกินบ้านโน้น”
“เดี๋ยวสิ....จูบก่อนแล้วจะให้ไป”
“เกินไปแล้วมั้ง เรื่องอะไรผมต้องจูบคุณด้วย เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ”
“พูดงี้เดี๋ยวก็จับปล้ำซะหรอก”เขาไม่พูดเปล่า ยังจับแขนผมรั้งเข้าไปใกล้เขาด้วย
“เฮ้ย!”ท่าทางจะไม่ปลอดภัยแล้วครับ ผมรีบวิ่งออกจากบ้านก่อนที่เขาจะจับผมเอาไว้อีกครั้ง แต่เขาคงแค่ขู่ถึงได้ไม่วิ่งตามออกมา ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะที่ดังเหมือนมีความสุขเสียเต็มประดา
ผมเลือกที่จะเดินออกไปหน้ารีสอร์ตเพื่อฝากท้องไว้กับห้องอาหารของที่นี่ ถ้ากลับไปบ้านใหญ่มีหวังป้าภาได้ซักหรือไม่ก็ล้อเลียนผมอีกแน่ๆ หลังทานมื้อเช้าผมก็เดินเล่นรอบๆ รีสอร์ตจนไปพบ...ประกาศสมัครงาน
“อะไรนะ จะทำงานฝ่ายบุคคล”ป้าภาทำหน้าตกอกตกใจ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องตกใจ ก็เมื่อวานป้าภาพูดเองว่าให้ผมมาทำงานช่วยป้า
“ครับ ก็พายเห็นติดประกาศไว้พอดี พายน่าจะทำได้นะ เงินเดือนพายขอไม่เยอะหรอก แลกกันค่ากินค่าอยู่แค่นั้นพอ ตกลงนะครับป้า”
“ไม่รู้สิ ไปถามพี่เรานั่น ยังไม่ได้คุยกันรึไง ไหนรายนั้นบอกว่าจะให้พายอยู่บ้านเฉยๆ”
“พายไม่ได้พิการนะจะได้นอนอยู่บ้านเฉยๆ”
“เรานี่ก็ปากจัดจริงเชียว ไปคุยกับพี่เขาให้รู้เรื่องก่อน จะเอายังไงก็มาบอก ป้ามีงานเยอะแยะให้พายช่วย ไม่ต้องไปแย่งตำแหน่งที่เขาประกาศเอาไว้หรอก”
“งั้นป้าให้พายทำอะไรก็ได้ แต่พายถนัดงานบัญชีที่สุดนะครับ”ผมพูดไปก็ไม่รู้ป้าภาจะฟังหรือเปล่า ท่าทางผมคงจะต้องได้รับการอนุญาติจากเขาก่อนจริงๆ
ตั้งแต่เช้าจนถึงช่วงบ่ายผมนั่งๆ นอนๆ อยู่ที่บ้านใหญ่ คนที่คิดว่าจะมาตามผมถึงนี่กลับหายเข้าไร่ไปเรียบร้อย ผมใช้โอกาสนี้ขอป้าภาให้ช่วยจัดเฟอร์นิเจอร์ไปใส่ห้องเล็กที่บ้านเล็ก ตอนแรกป้าภาก็ไม่ยอมหรอก แต่พอดีพี่นพกับพี่หน่อยกลับมาช่วยพูดให้ป้าก็เลยยอม ถึงป้าภาจะเข้าข้างเขา แต่พี่นพเข้าข้างผม แค่นี้ก็ชนะขาดแล้ว
“ไม่ให้ทำ”ชนะได้แต่เรื่องห้อง แต่ยังไม่ชนะเรื่องงาน ทันทีที่กลับมานั่งทานข้าวเย็นด้วยกันพร้อมหน้า ป้าภาก็รีบเล่าเรื่องงานให้ลูกชายตัวเองฟังทันที และเขาก็ลากผมกลับมาบ้านเล็กทันทีเช่นกัน
“จะทำ”
“ไม่ให้ทำ ถ้าอยากทำงานก็คอยช่วยงานพี่ก็พอ”
“ไม่เอา ผมจะทำงานที่รีสอร์ตช่วยป้าภา”
“พี่ต้องคุมงานหลายอย่างนะพาย ไหนจะงานก่อสร้าง งานรีสอร์ต งานในไร่ แล้วยังจะงานที่ร่วมหุ้นกับเพื่อนอีก ถ้าพายทำงานที่นี่ พายคิดว่าเราจะได้เจอกันเดือนละกี่วัน”
“นั่นมันเรื่องของคุณนี่ ทีตอนผมไปอยู่ไกลกว่านี้ยังไปให้เห็นหน้าได้ออกบ่อย”
“ทำไมพูดยากจังวะ”เขาขยุ้มผมด้านหน้าตัวเองเพื่อระบายความหงุดหงิด ส่วนผมนั่งกอดอกพิงโซฟาเพื่อระงับอารมณ์ตัวเอง
“ก็ถ้าคุณหัดยอมผมบ้างมันก็ไม่ยากหรอก ใจคอจะให้ได้ดั่งใจคุณทุกอย่างเลยรึไง นี่ผมยอมให้คุณมากแล้วนะ”
“หรือพายไม่อยากอยู่ใกล้ๆ พี่”
“ผมกลับมาหาคุณ ผมยอมรับว่ารักคุณ แต่ใช่ว่าทุกอย่างมันจะง่ายเหมือนที่คุณคิดนะ ที่ผ่านมาเราอยู่กันในรูปแบบไหนลืมแล้วหรือไง คุณคิดว่าพอผมกลับมาปุ๊บเราจะอยู่ด้วยกันราบรื่นเหรอ ผมก็เป็นของผมอย่างนี้ คุณก็เป็นอย่างนี้ ผมยังไม่เห็นว่าถ้าเราอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เราจะมีทางไหนไม่ทะเลาะกันเลย”
“ก็แล้วทำไมไม่ใช้เวลาอยู่ด้วยกันให้มากกว่าเดิม จะได้ค่อยๆ เรียนรู้กัน ปรับตัวเข้าหากัน ไม่ใช่พี่ไม่ยอมพาย ไม่ใช่ว่าพี่คิดแต่จะบังคับเอาฝ่ายเดียว แต่พายต่างหากที่ไม่ยอมพี่เลย ทั้งที่พายคิดจะกลับมาเริ่มกันใหม่ แต่กลับไม่อยากอยู่ด้วยกัน หาเหตุผล สร้างกฏเกณฑ์ต่างๆ นานา พี่ต่างหากที่ต้องถามพายว่าพายอยากให้พี่ตามใจพายทุกอย่างเลยงั้นเหรอ ถ้าพี่ตามใจพาย แล้วมันจะต่างอะไรกับตอนที่เราอยู่ห่างกันล่ะ”
“………”
“พี่ถามจริงๆ เถอะ ที่กลับมาตอนนี้…เป็นเพราะมันก็กลับมาที่นี่แล้วใช่มั้ย….ถ้ามันไม่กลับมา พายจะไม่กลับมาหาพี่เลยงั้นเหรอ”
“....ผมขอโทษ…..แต่มันก็เป็นอย่างที่คุณพูดมาจริงๆ…..ถ้าผมกลับมาหาคุณก่อนหน้านี้ ผมก็จะรู้สึกผิดกับทิว….ผมไม่ปฏิเสธว่าไม่รู้สึกอะไรกับทิวเลย แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว….หากทิวยังไม่กลับมา ผมก็คง….ยังไม่กล้ากลับมาที่นี่”
“รู้มั้ยว่าพอได้ฟังตรงๆ แล้วพี่ก็นึกอยากไปฆ่ามัน”
“ฮึ…ก็ไม่เห็นแปลก ปกติคุณก็เป็นคนใจร้อนอยู่แล้วนี่”
“เอาเถอะ ถึงยังไงพายก็กลับมา พี่ก็ไม่อยากใส่ใจเหตุผลพายมากนักหรอก ปกติพายก็เป็นคนปากแข็งอยู่แล้ว ตกลงเรื่องงาน พี่ให้พายลองทำก่อนสักพักแล้วกัน แต่พี่ไม่ให้ทำในออฟฟิศนะ พี่ให้พายทำอยู่บ้านนี่ล่ะ คอยตรวจบัญชีของรีสอร์ตกับไร่ แล้วถ้าพี่ต้องไปทำงานที่ไหนนานๆ พายก็ต้องไปกับพี่ อย่างนี้ตกลงมั้ย”
“....ถ้าผมว่างก็จะไปแล้วกัน”
“เรื่องงานเป็นอันตกลงนะ แล้วเรื่องห้อง แม่บอกว่าพายจะนอนห้องเล็ก ทำไมไม่นอนห้องเดียวกัน”
“….ผมยังไม่พร้อม”
“ไม่พร้อมอะไร ถ้าพายยังไม่อยากมีอะไรกับพี่ พี่ไม่ทำก็ได้ ไม่เห็นต้องแยกห้องนอนให้ยุ่งยากเลย”ไม่ว่าผมจะพูดอ้อมขนาดไหน เขาก็สวนกลับมาแบบตรงๆ เสียทุกครั้งสิน่า
“ก็ผมยังไม่พร้อมนี่ ผมนอนคนเดียวมาตั้งนาน ให้นอนกับคนอื่นมันไม่ชิน นอนไม่หลับ”
“ขนาดนอนไม่หลับยังกอดซะแน่น”
“นี่!”
“อะไร ก็พี่พูดจริง หรือจะเถียงว่าไม่ได้กอด”
“ไม่รู้ล่ะ ยังไงก็จะแยกห้อง พี่นพอนุญาติแล้วด้วย มีอะไรไปเคลียร์กับพี่นพเอง”
“…..ก็ได้ แยกห้องก็แยก แยกได้ก็เข้าไปนอนด้วยได้ ไม่เห็นจะมีปัญหาเลย”ดูเอาเถอะ คนแบบเขานี่เหนือคำบรรยายจริงๆ แล้วใช่ว่าที่เขาพูดจะเป็นเพียงคำพูดลอยๆ ที่แกล้งยั่วโมโหผมเท่านั้น เพราะเขาเล่นเอากุญแจสำรองไขเข้ามานอนกับผมในห้องเล็กหน้าตาเฉย ไล่ยังไงก็ไม่ไป ไล่มากๆ เข้าก็ทำท่าจะอุ้มผมให้มานอนให้ห้องใหญ่ด้วยกัน โวยวายมากไปก็เสียสุขภาพจิตครับ
“จะนอนขมวดคิ้วทั้งคืนเลยรึไง”เขากดนิ้วนวดหว่างคิ้วผมให้คลายออก แต่ผมอยากให้เขาคลายมือที่กอดเอวผมเอาไว้มากกว่านะ
“ก็มันอึดอัดนี่”
“เตียงออกกว้าง อึดอัดตรงไหน”
“….ผมยอมแค่คืนนี้คืนเดียวนะ”
“อืม”
“….หลับแล้วเหรอ”
“…ยัง…มีอะไร”
“…ทำไมคุณรู้ล่ะว่าทิวกลับมาแล้ว”
“ก็มันโทรมาบอกเอง”
“…เหรอ”ยอมรับว่าแปลกใจและตกใจ ผมไม่คิดว่าสองคนนี้จะคุยกันได้ แล้วทิวไม่เห็นบอกผมเลยว่าได้คุยกับเขาแล้ว
“….มันให้จิ๋วโทรบอกพี่หน่อยน่ะ ก็แค่เคลียร์กันนิดๆ หน่อยๆ เหมือนมันจะรู้ตัวว่าพายจะกลับมาหาพี่ ก็เลยฝากให้พี่ดูแลพาย ความจริงไม่เห็นจำเป็นต้องฝาก ในเมื่อพายเป็นของพี่อยู่แล้ว”สงสัยเพราะทิวแน่ๆ เขาเลยรู้ว่าผมกลับมาเมื่อวาน
“เฮ้อ....คุยกับคุณมากๆ แล้วเวียนหัว ผมนอนล่ะ”ผมพลิกตัวนอนหันหลังให้
“เดี๋ยว…”เขารั้งไหล่ผมให้หันกลับไปหา แต่ผมทำเพียงแค่เอียงคอกลับมาเล็กน้อย
“มีอะไรอีก”
“เมื่อไหร่พายจะเลิกแทนตัวเองว่าผม แล้วเลิกเรียกพี่ว่าคุณสักที…พี่ต้องรออีกกี่ปีเหรอ”น้ำเสียงไม่ได้ประชด แต่คงถามเพราะอยากรู้ระยะเวลาจริงๆ แม่เคยเล่าให้ฟังเรื่องที่เขารู้เกี่ยวกับความหมายของคำแทนตัวเวลาผมเรียกเขา
“…….แค่คำเรียกชื่อ…มันสำคัญกับคุณด้วยเหรอ”
“สำคัญ….พี่อยากรู้ว่าต้องรออีกนานเท่าไหร่ จากคนที่ไม่มีค่า ไม่น่าจดจำ มาเป็นคนที่เริ่มจำได้...แล้วเมื่อไหร่ถึงจะกลายเป็นคนสำคัญสักที”
“…..คุณรู้มั้ยว่าบางทีคุณก็พูดอะไรน้ำเน่าเหมือนกัน”หากเขาเห็นหน้าผมตอนนี้คงจะคิดว่าผมยิ้มล้อเขาอยู่แน่ๆ แต่เปล่านะ ผมแค่....อยากยิ้ม
“ต้องรออีกนานรึไงถึงไม่ยอมบอก...3 หรือ 5 ปี”
“…..นอนเถอะ”ผมปิดเปลือกตาลงโดยไม่ตอบคำถาม
“หรือนานกว่านั้น”
“……พรุ่งนี้คุณต้องทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ….….พายเริ่มง่วงแล้ว”
“….ขอบคุณ”ผมไม่แน่ใจว่าคำขอบคุณ หรือสัมผัสที่แก้ม อย่างไหนชัดเจนกว่ากัน เวลาผ่านไป บางอย่างเปลี่ยน และบางอย่างไม่เปลี่ยน ผมตัดสินใจกลับมาเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่ไม่ว่าอย่างไร ผมก็คือผม เริ่มต้นใหม่ในแบบของผม ถึงเราจะเคยอยู่ด้วยกันมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่เราไม่สามารถกลับมาสานต่อช่วงเวลาเหล่านั้นได้เลย นี่เป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับผมจริงๆ ความรู้สึกบางอย่างที่ยังคงหลงเหลือกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำ ผมไม่เจ็บปวดกับอดีตที่ผ่านมา ไม่คาดหวังกับอนาคตที่กำลังจะดำเนินไป ผมพร้อมที่จะอยู่กับ…ปัจจุบัน….ต่อให้การตัดสินใจในครั้งนี้ของผมผิด…ผมก็จะไม่เสียใจ…เพราะผมเป็นคนเลือกเอง
......
ป.ล.จบแล้วเน้อ จบแล้วจบเลย ไม่มีอีกแล้วตอนพิเศษ
ป.ล.ๆ เรื่องนี้มีโครงการจะทำหนังสือด้วย..แต่ยังมิรู้เมื่อไหร่

ป.ล.ๆๆ รักคนอ่านทุกคน

:angry2:ใครจิ้มกุ บ้านบึ้มเว้ยย