
สะดุ้ง เฮือก ตื่นขึ้นมาเลย ใครส่งกระแสจิตไปปลุกข้าพเจ้า ข้าพเจ้าต้องขอ....
ช้าหน่อยแต่...คนอ่านมิว่าหรอกเนอะ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอนที่ 48“อืม...ฝันร้ายมากๆ แต่ตอนนี้...ตื่นแล้ว”ผมโถมกอดแม่แน่นเสียจนลืมนึกว่าแม่จะอึดอัดหรือไม่ น้ำตาที่ไหลครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากความเสียใจเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา ผมรู้สึกดีใจ....ปลอดภัย...ความรู้สึกต่างๆ มันมากมายจนบรรยายออกมาไม่ได้ รู้สึกเหมือนได้พบของรักที่เราหวงแหน หรือ...ได้พบเจ้าของที่ห่างเหินกันมานาน
“ขี้แงเป็นเด็กๆ ไปได้นะเรา ดูเพื่อนเรานั่งหัวเราะใหญ่แล้ว”แม่หัวเราะทันทีที่ผมเงยหน้าจากบ่าเล็กๆ ของแม่ หน้าตาของผมตอนนี้คงดูไม่ได้เลย
“คุณน้านั่งคุยกับพายแล้วกันนะครับ”นุพูดยิ้มๆ แล้วก็ลุกออกไป ปล่อยให้ผมกับแม่อยู่ในห้องตามลำพัง
“ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วไป แม่จะพาไปใส่บาตรที่ตลาด”แม่พยายามดึงผมให้ลุกจากที่นอน แม่น่ะผอมกว่าผมตั้งเยอะ จะไปมีแรงดึงได้ยังไง ผมแกล้งทำตัวแข็งๆ ยื้อไปยื้อมาแล้วก็ลุกไปอาบน้ำตามคำสั่ง
พออาบน้ำเสร็จก็เห็นนุกลับมานั่งรออาบน้ำต่อในห้องอยู่แล้ว ผมเดินออกจากห้องตามเสียงพูดคุยที่ดังอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมหยุดยืนหน้าประตูเพราะมีคนอื่นที่ผมไม่รู้จักอยู่ด้วย
“อาบเสร็จแล้วเหรอลูก มานั่งนี่มา เข้ามาไหว้ป้าภาด้วย”แม่กวักมือเรียก ผมเดินไปนั่งข้างๆ แม่ ผู้หญิงที่นั่งข้างๆ พี่นพดูสวยสง่า ถึงจะอยู่ในเสื้อยืดทำธรรมดาแต่ก็ดูดี ใบหน้ายิ้มแย้มอ่อนโยน พี่นพมีใบหน้าคล้ายป้าภาอยู่มากเหมือนกัน
“นี่เหรอลูกเธอ หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูดีนี่”
“สวัสดีครับ”ผมยกมือไหว้แล้วสอดมือคล้องแขนแม่เอาไว้หลวมๆ
“นี่ล่ะค่ะคุณ เมื่อครู่ไปปลุกในห้องก็ตื่นมาร้องไห้จ้าเหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด ขี้แงเหมือนใครก็ไม่รู้”
“แม่ก็...”ผมกระชับแขนแน่นขึ้น
“ไหนมานั่งใกล้ๆ ป้าซิ ขอดูหน้าชัดๆ หน่อย แก่แล้วหูตามันฝ้าฟาง มองไม่ชัด”
“ผมไปหยิบแว่นให้ดีมั้ยครับ”พี่นพนั่งอยู่ข้างโซฟาอีกตัวทำท่าจะลุกไปอย่างที่พูด
“ไม่ต้องๆ มานี่สิเรา มานั่งใกล้ๆ นี่”ป้าภาตบเบาะนั่งข้างๆ อีกรอบเป็นการย้ำ แม่พยายามดันหลังให้ผมเดินไปเร็วๆ ผมไปนั่งเว้นระยะห่างพอสมควร แต่ป้าภากลับจับมือผมแล้วดึงไปนั่งใกล้ๆ ปัดไรผมด้านหน้าออก มองหน้าผมแล้วก็ยิ้ม
“หน้าตาซื่อๆ แบบนี้นี่เองเจ้าตั้มถึงติดใจนัก”พอได้ยินชื่อมันออกจากปากผู้หญิงตรงหน้า ผมก็ยิ่งอึดอัด
“แม่ครับ”พี่นพส่งเสียงท้วงป้าภาเบาๆ
“อะไรล่ะตานพ ก็แม่พูดจริงนี่ บ้านช่องไม่ยอมกลับ แถมยังซื้อคอนโดใหม่อีก งานการทางนี้ก็เยอะแยะ กลับมาบ้านทีไรก็ตรวจงานแล้วกลับ ไม่ค้างมาหลายเดือนแล้ว”ป้าภาหันไปพูดกับพี่นพแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือจากหน้าผม
“น้องก็ทำงานที่นั่นเหมือนกันนี่ครับ แล้วทางนั้นก็...ยุ่งๆ อยู่ด้วย”
“มันน่ะจอมสร้างเรื่อง ดูซิทำลูกน้าพิมพ์เจ็บตัวไปหมด แผลใกล้หายแล้วใช่มั้ยหนู”ป้าภาเลื่อนมาจับที่ผ้าพันแผลเบาๆ ผมรีบเอาอีกข้างมาปิดไว้แล้วเหลียวไปมองแม่ที่ส่งยิ้มมาปลอบใจให้
“อ๊ะ....ครับ เอ่อ...ไม่เป็นอะไรแล้ว”
“เธอก็แปลกคนพิมพ์ ลูกเจ็บขนาดนี้ไม่คิดเอาเรื่องตัวการบ้างเลยหรือไง”
“โธ่คุณ...พูดอะไรแบบนั้น แค่นี้เขาก็รู้สึกผิดแล้ว ใช่มั้ยลูก”
“เอ่อ...ครับแม่”ผมตอบไปแบบไม่มั่นใจ ผมรู้ว่าอีกฝ่ายรู้สึกผิดกับบาดแผลครั้งนี้ แต่...ทำไมแม่รู้
“ต่อไปนี้มาอยู่กับป้าก็ไม่ต้องกลัวใครนะ เจ้านั่นน่ะมันพวกปากหนักมือหนักมาแต่ไหนแต่ไร แต่เห็นมันเป็นอย่างนี้ป้าก็เพิ่งรู้นี่แหล่ะว่าลูกป้าขี้หึงถึงขนาดนี้ ตานพก็เหมือนกัน น้องทำผิดแล้วช่วยกันปกปิดให้ ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ หนูอยากให้ป้าทำโทษสองคนนี้มั้ย”ป้าภาพูดยาวเหยียดจนผมเกือบฟังไม่ทัน
“เอ่อ....”ผมยังคงเบลอๆ เพราะเพิ่งตื่นนอน แต่คำถามของป้าภา ผม...ไม่รู้จะต้องตอบอะไร
“งั้นเดี๋ยวป้าให้นพเลื่อนงานแต่งออกไปสักหน่อยดีกว่า ถือเป็นการลงโทษ ส่วนเจ้าตั้มก็...ยึดทรัพย์ทั้งหมดเลยเป็นไง ดีมั้ยหนู”
“แม่!! เรื่องอะไรมาเลื่อนงานผมล่ะครับ”พี่นพสะดุ้งจนแทบจะลุกขึ้นยืน
“ก็ทำโทษไง โตแล้วให้ตีเหมือนตอนเด็กคงไม่ไหว แบบนี้ล่ะง่ายดี”ป้าภาพูดนิ่งๆ จนผมไม่รู้ว่าล้อเล่นหรือจะทำจริง แต่พี่นพนั่งเครียดไปแล้ว
“คงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้นหรอกครับคุณป้า พายเองก็อยากเห็นงานแต่งงานเหมือนกัน”ผมเริ่มออกปากช่วยพี่นพที่นั่งหน้าเครียดอยู่
“เอ้า เอางั้นเหรอ ได้ๆ ถือว่ารอดตัวไปนะเรา แล้วคู่กรณีอีกคนล่ะ เอาไงดี ยึดทรัพย์แล้วกันนะ หนูกับแม่จะได้มีกินมีใช้ไม่ลำบากอีก ดีมั้ย”
“เอ่อ...พายไม่อยากได้หรอกครับ”
“อ้าว แล้วทำไงดีล่ะ ป้าอยากให้ลูกชดใช้ให้หนูนะ”
“คุณก็พูดเป็นเล่น รายนั้นมีแต่ตัว จะเอาทรัพย์ที่ไหนมาให้ ฉันไม่เอาหรอกค่ะ”แม่พูดห้ามไปด้วยหัวเราะไปด้วย อีกสองคนก็อมยิ้มเหมือนกัน มีเพียงผมคนเดียวที่ไม่เข้าใจ
“ดูพูดเข้า ระวังเขามาได้ยินแล้วจะพาลน้อยใจเข้าให้ล่ะ งั้นถ้าหนูอยากได้อะไรก็มาบอกแล้วกัน ป้าอยากให้ จะได้ไม่ติดค้างกันอีก ส่วนเรื่องแผลนี่เดี๋ยวป้าเอาเลือดหัวมันออกมาใช้ให้ ดีมั้ย”
“......เอ่อ....คง..ไม่ดี”
“คุณก็อย่าเพิ่งซักอะไรเลยค่ะ เดี๋ยวฉันพาลูกไปตลาดก่อน อยากกินอะไรพิเศษมั้ยคะ”
“อะไรก็ทำมาเถอะ ไปๆ รีบไปรีบกลับ ฉันยังคุยไม่เต็มอิ่มเลย”ป้าภาลูบศีรษะผมเบาๆ แม่ลุกมาดึงมือผมให้เดินตามทั้งที่ยังงงๆ กับบทสนทนาเมื่อครู่ ยอมรับเลยว่าคุณป้าเป็นคนที่รับมือยาก เล่นถามแบบไม่ให้ตั้งตัวแล้วผมจะตอบอะไรออกไปได้
ผมกับแม่นั่งรถกระบะมาที่ตลาดโดยมีคนงานขับให้ เราใส่บาตรกันด้านหน้าตลาดแล้วค่อยเดินเข้าไปซื้อของด้านใน บรรยากาศเมื่อสมัยเด็กที่ได้อยู่ด้วยกันก็ย้อนกลับมา สี่ปีก่อนหน้าที่จะเรียนมหาฯลัยผมมีช่วงเวลาแบบนี้เสมอ แต่หลังจากเริ่มเรียนผมก็เริ่มทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลากลับบ้านเท่าไหร่ ท่าทางแม่คงจะมาตลาดบ่อย แม่ค้าพ่อค้าหลายคนพูดคุยโต้ตอบอย่างเป็นกันเอง แม่ดูมีความสุขและสวยกว่าเมื่อก่อน เสื้อผ้าการแต่งตัวก็ดีขึ้น ไม่ได้ใส่เสื้อเก่าๆ ที่ซ่อมแล้วซ่อมอีก ผิวพรรณก็ไม่หยาบกร้านคล้ำแดด ฝ่ามือที่แห้งแตกก็นุ่มขึ้น แม่ดูมีความสุขขึ้นมากจริงๆ
ระหว่างทางกลับผมถามแม่เรื่องทั่วๆ ไป แม่บอกว่าเพิ่งกลับมาถึงแล้วก็รีบไปปลุกผมทันที อยู่ที่นี่แม่สุขภาพดีขึ้น งานไม่หนักอะไร แค่คอยดูแลบ้าน ที่บ้านจะมีแม่บ้านอีกคนหนึ่งคอยช่วย แต่งานส่วนมากแล้วก็ไม่มีอะไร เหมือนคอยเป็นเพื่อนคุยแก้เหงามากกว่า
เช้านี้แม่ทำข้าวต้มทะเลโดยมีผมเป็นลูกมือ หลังจากทำเสร็จแม่ก็บอกให้ผมกินได้เลย เพราะคุณป้าคงหลับอยู่ ไม่ต้องรอ ผมนั่งกินข้าวกับแม่สองคนบนโต๊ะเล็กๆ ในครัว ฟังแม่พูดเรื่องการไปเที่ยวเหนืออย่างไม่รู้เบื่อ ได้เห็นแม่ยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะ ผมก็....สุขใจ
ผมอยากคุยกับแม่ถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาเลยชวนแม่เข้าไปคุยในห้อง ห้องของแม่อยู่ข้างๆ ห้องคุณป้า และมันใหญ่กว่าห้องพักที่ผมอยู่กับนุอีก ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ทำให้ผมเชื่อว่าแม่มาอยู่ที่นี่ได้พักใหญ่จริงๆ เรานั่งกันอยู่บนเตียงใหญ่ แม่แกะผ้าพันแผลออกแล้วลูบตามรอยเบาๆ ผมรู้สึกเหมือนถูกไฟลนทุกครั้งที่นิ้วของแม่ลูบผ่าน รู้สึกผิด รู้สึกอับอาย โดยที่...ไม่สามารถโทษว่าเป็นความผิดใครได้ เพราะทุกอย่างผมเป็นคนทำเอง มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าคนๆ นั้นไม่ได้เป็นคนกรีดข้อมือผม
“เข้มแข็งนะลูก แม่รู้ว่าหนูต้องเจออะไรมากบ้าง แต่...ต้องเข้มแข็ง อดทน”
“แม่....ทำไมแม่ถึงมาอยู่ที่นี่ แม่รู้ว่ามัน...เขาทำอะไรกับผมบ้าง แต่ทำไม...”
“แม่ยอมรับว่ารู้ แต่ไม่ได้รู้ทันทีที่เกิดเรื่อง คนที่นี่ไม่มีใครรู้จนกระทั่งเรื่องนั้นผ่านมาสักพักแล้ว แม่เข้าใจว่าพายคิดอะไร รู้สึกอะไร แต่....แม่ก็เข้าใจตั้มด้วย”
“......”
“แม่แค่บอกว่าเข้าใจ ไม่ใช่เห็นด้วย ยังไงคนที่ทำลูกแม่ทุกข์ก็คือเขา”
“แม่รู้ทั้งหมดจริงๆ เหรอ”
“รู้สิ...ตั้มเป็นคนเล่าให้แม่ฟังเอง”
“......แล้วทำไมแม่ไม่ไปหาพาย ทำไมต้องมาอยู่ที่นี่ ทำไมแม่ไม่บอกพายก่อนหน้านี้ พายไม่เข้าใจแม่เลย”
“พายรอแม่เดี๋ยวนะ แม่จะเอาอะไรให้ดู”แม่ลุกไปเปิดลิ้นชักที่โต๊ะเครื่องแป้ง หยิบกล่องเซฟเล็กๆ แล้วเดินกลับมาวางไว้ข้างหน้าผม แม่ปลดรหัสแล้วเปิดให้ดูสิ่งที่อยู่ข้างใน เอกสารในซองสีน้ำตาลหลายซอง ผมไม่เข้าใจว่าทั้งหมดนี่คือเหตุผลของแม่ยังไง แม่หยิบของในซองออกมาวางเรียงให้ผมดู และนั่น....ยิ่งทำให้ไม่เข้าใจมากกว่าเดิม
“......นี่มัน....”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------
ป.ล.แม่พายชื่อพิมนะ มีตอนนึงชื่อผิด แต่จำไม่ได้ว่าตอนไหน

ว่าแต่......อะไร?อยู่ในซองหว่า...

ไปหลับต่อแล้ว กราบลา
