CH 19 ขอบคุณ
เมื่อเข็มเวลาเปลี่ยนเป็นห้าโมงเย็น บรรดาเด็กปี1ที่กำลังสุมหัวกันย้ายหนียุงจากระเบียงหน้าบ้านเป็นห้องรับแขก พวกเขาดันโซฟาไปหลบอยู่อีกทางเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้ทุกคนได้ใช้ บ้างกลิ้งเกลือกอ่านหนังสือ บ้างขอนอนงีบ บ้างพักครึ่งเล่นโทรศัพท์
ภามเองก็เป็นอย่างหลัง เขาเพิ่งวางชีทเรียนแล้วหยิบมือถือขึ้นมากดส่งข้อความหาคนที่เพิ่งแยกกันมาได้ไม่นาน
“แหนะ ทำไร” มะนาวกระแซะพยายามแอบดูแต่ก็โดนหมอนอิงใบโตปาปิดหน้า
“เพิ่งผ่านไปยังไม่สองชั่วโมงดีเลย ต้องส่งข้อความหากันด้วย” ทีมเบียดอีกข้างทำตาแพรวพราวจนภามอยากเอานิ้วจิ้มตาแตก
“แค่รู้สึกเป็นห่วง” เด็กหนุ่มหน้านิ่ว เขาพิมพ์แล้วลบหลายรอบ สุดท้ายก็ส่งไปแค่คำสั้นๆ
“มีอะไรรึเปล่า” มะนาวจับแขนเพื่อน พอเห็นสีหน้ากังวลใจก็พลอยกังวลไปอีกคน
“เปล่าๆ เราคงคิดมากไปเอง”ภามหันไปยิ้มให้พลางถอนใจ มือข้างหนึ่งลูบอกตัวเองเบาๆ
ไม่รู้ทำไมถึงกังวลชอบกล
#Ph@m# : สู้ๆครับ
ดีนยิ้มกับข้อความจากน้อง สงสัยจะพูดถึงเรื่องสอบเพราะเขาเองก็ต้องอ่านหนังสือหนักเหมือนกัน ชายหนุ่มทำท่าจะส่งข้อความตอบกลับแต่ก็ต้องล้มพับเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้านหลังหนึ่ง
เพียงแค่เห็นชายคาร่างกายของเขาก็เย็นวาบไปทั้งตัว
ดวงตาสีเทาอมเขียวเบิกกว้างความทรงจำบางอย่างพรั่งพรู ถึงจะเก่าและเปลี่ยนแปลงไปบ้างแต่ก็แทบไม่ต่างไปจากเดิม
----
“พี่ส่งแค่หน้าบ้านก็พอ” “แน่ใจนะ ให้เข้าไปไหว้ผู้ใหญ่ไหม”“อย่าเลย..” อินส่ายหัว “งั้น...ฝันดี” ก้มลงจูบหน้าผากเบาๆ อินเองก็ตอบรับด้วยการจูบที่ปลายคางเขา “กลับดีๆนะครับ” ร่างของอินทัชเดินหายเข้าไปในบ้านปูนสองชั้นสีขาว หน้าต่างบานเกล็ดสีเขียวอมฟ้าเปิดระบายอากาศเอาไว้ทั่วบ้าน หลังคาปั้นหยาติดไม้ฉลุหยดน้ำตามชายคา ลายละเอียดประณีตเห็นได้ชัดว่าเป็นบ้านเก่าที่สืบทอดกันมาสวยงาม...แต่เยือกเย็นสงบ...แต่ไม่ต้อนรับคนแปลกหน้า-----
“พี่ดีน”
ชายหนุ่มสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อน้องสาวกับน้องชายพากันสะกิดให้เขาลงจากรถ ดีนแค่นยิ้มกับตัวเองที่เกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมา ความรู้สึกของกรณ์ต่อบ้านหลังนี้ค่อนข้างรุนแรงในทางที่ไม่ค่อยดีนัก
หน้าบ้านมีหญิงสาววัยกลางคนยืนต้อนรับอยู่ เดาได้ว่าน่าจะเป็นแม่บ้าน เธอทักทายดอนกับเดลอย่างคุ้นเคยแต่ดูทำตัวไม่ค่อยถูกเมื่อหันมาเจอหลานชายคนโตของเจ้าของบ้าน ทั้งสามคนเดินตามแม่บ้านเข้าไปด้านใน การตกแต่งเรียบง่ายของน้อยชิ้น เฟอร์นิเจอร์และพื้นบ้านส่วนมากเป็นของเก่าทำจากไม้เนื้อดี ดีนมองไปรอบๆ อย่างสนใจจนกระทั่งพวกเขาเดินผ่านบานเฟี้ยมที่กั้นห้องเอาไว้ครึ่งหนึ่ง ภาพตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกพร่ามัวไปอึดใจ
ที่ห้องนั่งเล่นริมสวน มีร่างผอมบางสวมแว่นสายตานั่งเอนหลังอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ ผมที่เคยดำยาวเหยียดตรงตอนนี้แซมไปด้วยสีขาวตัดสั้นเพื่อการดูแลรักษาที่สะดวก ใบหน้ามีริ้วรอยตามวัยแต่ก็เห็นได้ชัดว่าอายุน่าจะเกิน60มาได้ไม่เท่าไหร่
“คุณยาย” เดลวิ่งทั่กๆเข้าไปกอด คุณยายวางหนังสือลงอย่างตกใจก่อนจะยิ้มกว้างกอดหลานสาวอย่างเอ็นดู ทั้งคู่หอมแก้มกันจนดอนเดินเข้าไปหอมแก้มบ้างด้วยความอิจฉา
“นึกยังไงถึงมาหายาย หืม”
“มีแขกพิเศษเขาอยากมาหายายครับ” ดอนยักคิ้วแล้วพยักพเยิดหน้าไปทางประตู ทำให้ยายต้องหันไปมองตาม
ร่างสูงใหญ่ผิวสีแทนยืนนิ่ง ดวงตาสีเทาอมเขียวจ้องมองตรงมาไม่ละสายตา ใบหน้าคมคายดูสับสนลังเลเหมือนไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี หญิงชราเบิกตากว้างเธอยกมือขึ้นทาบอกแล้วหันมามองหลานที่อยู่ข้างๆ ทั้งดอนและเดลยิ้มกว้างพยักหน้าเพื่อย้ำกับคุณยายว่าเป็นดังที่คิด
ดีนมองผู้หญิงที่เขาตั้งใจมาหาหัวใจเต้นแรง ถึงจะจำหน้าได้ไม่ชัดนักแต่ทว่าดวงตาคู่นั้น
แวววาว ใคร่รู้ เหมือนกับอิน..
“ดีน...” เสียงสั่นเครือดังแผ่วจากผู้เป็นยาย
“ดีน...ดีนใช่ไหม” หญิงชราร้องเรียกซ้ำๆ พร้อมกับสองมือที่กางออกมายังหลานชายคนโต ใบหน้าของคุณยายกำลังชื้นด้วยน้ำตา
ดีนก้าวพรวดไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว เขาก้มลงสวมกอดร่างผอมบอบบางเอาไว้แนบแน่น ลูบแผ่นหลังที่สั่นสะท้านปลอบโยน
“มาหายายแล้วเหรอลูก” สองมือกอดลูบหลานด้วยความคะนึงหา “ คิดถึง คิดถึงเหลือเกิน” ขยับตัวออกลูบหน้าลูบตาหลานชายที่ไม่ได้เจอตัวจริงมาสิบกว่าปี “โตขนาดนี้แล้ว..” เสียงพูดปนสะอื้นเสียดแทงหัวใจคนฟัง
ดีนขบกรามแน่นอดกลั้นความเศร้าที่เต็มอก เขาขยับตัวเองออกแล้วนั่งลงกับพื้นก่อนจะก้มลงกราบเท้าคุณยายเนิ่นนาน
“ผมขอโทษ...ขอโทษที่ไม่ได้มาหาเลย”
ชายหนุ่มจับข้อเท้าเล็กๆ เอาไว้ สัมผัสของความชรายิ่งทำให้ร้อนผ่าวที่ขอบตา แล้วความอดทนทุกอย่างก็แทบพังทลายเมื่อมือของคุณยายลูบหัวของเขาอย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรลูก....ไม่เป็นไร” น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าพรั่งพรู ผู้เป็นยายสัมผัสหลานชายด้วยมือสั่นเทา
ห้องนั่งเล่นตอนนี้เหลือเพียงความเงียบและเสียงสะอื้น หญิงชราเจ้าของบ้านเช็ดน้ำตาจนผ้าเช็ดหน้าชุ่มไปหมด เธอยังคงลูบศีรษะหลานชายซ้ำๆ ในขณะที่เด็กสาวหันไปกอดพี่ชายแล้วร้องไห้ออกมา ดอนกล้ำกลืนความเศร้าพยายามเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อซ่อนตาแดงๆของตัวเอง
“ยายเข้าใจ ยายไม่โกรธ” เธอเอื้อมมือเช็ดน้ำตาที่ขอบตาหลานชายแล้วยิ้มให้ และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของกรณ์ที่อยู่ข้างในสั่นไหวทรมาน
ขอโทษ ขอโทษ ผมขอโทษพี่อัน ดีนมองยายด้วยความสับสน แล้วเขาจะบอกยังไง แล้วเขาจะทำยังไง เขาจะทำลายหัวใจผู้หญิงคนนี้ซ้ำอีกครั้งอย่างนั้นหรือ
สู้ๆนะครับ ข้อความในมือถือแวบขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใสละลายความกังวลใจเขาช้าๆ
ไม่เป็นไร...
“ผมมีเรื่องคุยกับคุณยายเยอะมาก” ดีนจับมือของคุณยายเอาไว้แน่น
“ยายก็มีเรื่องจะคุยกับดีนเยอะมาก” เธอตบหลังมือหลานเบาๆ “ขึ้นมานั่งลูก กินน้ำกินท่ากันก่อน” รอให้หลานชายลุกขึ้นมานั่งข้างๆ เธอหัวเราะขำเช็ดหน้าเช็ดตากันทั้งยายหลาน ต่างคนต่างอายกับสภาพไม่น่าดู
ดอนและเดลขอตัวออกไปรอข้างนอก พวกเขาบอกว่าวันนี้เป็นวันของพี่ชายคนโตที่จะได้คุยกับยายอย่างเต็มที่เลยปล่อยให้คุยกันเพียงสองคน
ใบหน้าหญิงชราวัย60เศษเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอเล่าเรื่องราวมากมายให้ชายหนุ่มฟัง เรื่องตอนที่เขายังเล็กและได้มาคลุกคลีกับทางนี้บ้างก่อนย่าจะเอาตัวไปเลี้ยงและไม่เคยกลับมาเจอกันอีกเลย
“ยายเข้าใจนะที่ทางคุณย่าไม่ชอบใจแม่เรา” พูดพลางลูบหน้าลูบตาหลานชายไปด้วย “ก็แม่เราแก่แดดท้องตั้งแต่เรียนไม่จบม.ปลาย ตอนนั้นคุณทวดโมโหมากเกือบให้ตำรวจจับพ่อเราข้อหาพรากผู้เยาว์”
ดีนทำหน้าเก้อ เขาเคยได้ยินย่าทะเลาะกับพ่อว่าแม่จงใจปล่อยท้องเพื่อจับพ่อแต่เขาไม่ได้เก็บมันมาใส่ใจและนั่นเป็นครั้งเดียวที่เขาได้ยินย่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับแม่
“สุดท้ายเห็นแก่หลานที่เกิดมาเลยยอมให้แต่งงานกัน ยายดีใจนะที่ย่าเขารักหลาน”
ชายหนุ่มขยับรอยยิ้มเล็กน้อย เลื่อนน้ำให้เมื่อเห็นคุณยายเริ่มพูดจนเหนื่อย พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องพลาสติกที่พกติดตัวมาด้วย เลยหยิบขึ้นมาเปิดออกแล้วส่งให้
“ขนมครับ”
กลิ่นหอมของกลีบบัวและใบเตยกรุ่นกำจาย คุณยายมองขนมห่อน้อยที่เรียงในกล่องแล้วทำตาโตแปลกใจ ยิ่งเมื่อแกะห่อขนมออกก็ยิ่งคลี่ยิ้มกว้าง
“จ่ามงกุฎ ยายไม่เห็นมานานแล้ว ยิ่งใช้กลีบบัวห่อแบบนี้ยิ่งหายาก” แตะนิ้วไล้ที่กลีบบัวเบาๆสัมผัสละมุนชวนความรู้สึกเก่าๆหวนคืนให้คิดถึง “เมื่อก่อนยายก็ทำขนม ใช้กลีบบัวห่อแบบนี้แหละมีคนชอบ..” เธอหลับตาลงคิดคำนึงถึงน้องชายขี้อ้อนตัวดี
พี่อัน อินอยากกินขนมห่อด้วยกลีบบัว ฮื้อ ยุ่งยากจัง ก็มันหอม อินชอบ อันทิกาสะท้อนใจเล็กน้อย เธอหยิบขนมขึ้นกินอิ่มใจกับรสชาติที่ไม่ได้เจอมานาน มากกว่าความอร่อยคือความใส่ใจที่ส่งมาถึงคนกิน
“ซื้อมาจากไหนลูก คนทำมีฝีมือนะหอมอร่อยเชียว”
ดีนคลี่ยิ้ม เขาบีบมือคุณยายเบาๆ
“แฟนผมเป็นคนทำ”
“อุ้ย ดีนมีแฟนแล้วเหรอ” คุณยายทำท่าตื่นเต้นออกหน้าออกตา “เก่งจังนานๆจะเจอเด็กรุ่นใหม่ทำขนมไทย ไว้พามาหายายบ้างสิ” หยิบขนมขึ้นมาพิจารณา เห็นได้ว่าแม้แต่การห่อก็พิถีพิถันจนน่าแปลกใจ
“คุณยาย...” ดวงตาสีสวยมองใบหน้าหญิงชราจริงจัง
“แฟนผม...เป็นผู้ชาย”
อันทิกาชะงักกึก มือที่ถือขนมเอาไว้สั่นระริก ใบหน้าเลือนรางของน้องชายแวบเข้ามาในความทรงจำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะออดอ้อน คำสัญญาว่าจะกลับมากินของอร่อยที่เธอเตรียมไว้ให้ ทุกอย่างแตกสลายเมื่อได้รับโทรศัพท์จากพ่อในวันที่ฝนตกหนัก
น้องตายแล้ว..หูโทรศัพท์ร่วงหล่นพร้อมเธอที่ทรุดลงพร้อมน้ำตา
น้องชายแสนรักของเธอฆ่าตัวตายเพราะโดนขัดขวางความรัก
ความรักของเพศเดียวกัน
“ผมจะรีบกลับมา” “รักพี่นะ..”“ดีน....ยาย” เสียงของเธอสั่นและเริ่มจับต้นชนปลายไม่ถูก ความกลัวแล่นพล่านสองมือไขว่คว้ากอดหลานชายเอาไว้แน่น น้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ “ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่าทำร้ายตัวเอง อย่าทำอะไรนะดีน ยายขอร้องนะลูก ยาย...ขอร้อง” อันทิกาขอร้องหลานราวกับจะขาดใจ เธอคงทำใจไม่ได้ถ้าต้องเสียคนสำคัญไปอีก
เธอไม่ไหวแล้วจริงๆ
ดีนขบกรามแน่นจนขึ้นเป็นสัน ดวงตาแดงก่ำกลั้นความอึดอัดเอาไว้ไม่ให้ปะทุออกมา
“ไม่ต้องกลัว เชื่อใจผม” น้ำเสียงของชายหนุ่มแข็งกร้าว “..ผมจะไม่ฆ่าตัวตาย” จับไหล่สองข้างของคุณยายดันออกให้มองสบตา “คราวนี้ผมจะปกป้องน้องให้ได้ จะไม่มีใครตาย ต่อให้พ่อห้ามก็ไม่มีทางเหมือนวันนั้น!”
“ดีน...” อันทิกาเริ่มได้สติ คำพูดของหลานชายมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง “หมาย..หมายความว่ายังไง”
ดวงตาคู่สวยทอแสงอ่อนไหว ดีนผละตัวออกแล้วลงไปนั่งที่พื้นอีกครั้งคราวนี้เขานั่งหลังตรงก่อนจะก้มลงกราบเท้าผู้เป็นยายซ้ำ หากคราวนี้ไม่ใช่ในฐานะหลานแต่เป็น
กรณ์ คนรักของน้องชายผู้หญิงคนนี้
“ผมขอโทษที่ปกป้องเขาไม่ได้” เสียงที่เอ่ยถึงจะสั่นพร่าแต่มีความชัดเจนในเนื้อเสียง
“ผมขอโทษที่ทำให้อินทัชต้องตาย”
“ผมขอโทษที่พรากน้องคนสำคัญของพี่ไป”
“ดีน ยาย..ยายไม่เข้าใจ” อันทิกามือไม้สั่นไปหมด หัวใจของเธอเต้นรัวแรง “หลานพูดเหมือน...”
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นจ้องใบหน้าคุณยายเขม็ง เมื่อดวงตาสบกันแววตานั้นแทนคำตอบทุกอย่าง อันทิกาก็รู้สึกเหมือนจะเป็นลม สายตาแบบนี้เธอเคยเห็นนานแสนนานมาแล้ว เพียงครั้งเดียวที่น้องชายพามาพบหน้า
เจ้าของดวงตาสีเข้มใบหน้าเรียบนิ่งไม่ไยดีสิ่งรอบตัวนอกจากน้องชายของเธอ
กรณ์..
“ไม่..จริง....เธอ..กรณ์”
มือใหญ่เอื้อมขึ้นจับมือของหญิงชรามาสัมผัสที่แผ่นอกเหนือหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะ
“เขาอยู่ในนี้ครับ เขาฝากบอกว่า “
ผมขอโทษ” ”
อันทิการู้สึกวูบไปชั่วขณะ ร่างเอนเอียงทรงตัวไม่อยู่
“คุณยาย!” ดีนรีบลุกขึ้นประคองหญิงชราเอาไว้แล้วทำท่าจะตะโกนเรียกให้ใครมาช่วย แต่เขาต้องชะงักเมื่อมือสั่นระริกของยายบีบต้นแขนเขานิ่ง
“ไม่..ไม่ต้อง ยายไม่เป็นไร”
“...คุณยาย” ชายหนุ่มรู้สึกหมดแรง บางครั้งการดันทุรังที่จะตามหาเรื่องในอดีตมันก็ทำร้ายคนรอบตัวเขามากเกินไป มากเกินไปแล้ว
ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางเต็มไปด้วยน้ำตา อันทิกามองหน้าหลานชายราวกับไม่เชื่อสายตา ภาพของชายหนุ่มคนรักของน้องผุดซ้อนจนเธอต้องเอื้อมมือไปสัมผัส
มันเป็นไปได้ยังไง อันทิกามองลึกเข้าไปในดวงตาของหลานชาย ความทรมาน สับสน เศร้าโศกฉายชัดจนเธอใจหาย คิ้วเข้มที่ขมวดเข้าหากันจนขึ้นรอย มือใหญ่สั่นเทาแฝงไว้ด้วยความหวาดหวั่นไม่มั่นใจ
กลัวการไม่ให้อภัย“เหนื่อยไหมลูก ทรมานไหม” หลานของเธอต้องอยู่กับความรู้สึกนี้มานานแค่ไหน
แตะไล้แก้มไล่ขึ้นไปถึงไรผม เธอสะอื้นฮั่กเมื่อเห็นรอยจางๆที่ขมับ “เจ็บมากไหม..ดีน”
“คุณ...” ดีนเรียกเสียงพร่า “ยาย..เชื่อ?”
หญิงชราคลี่ยิ้ม “หลานของยายไม่ใช่คนโกหก ....”
“อึก...” ดีนเงยหน้าขึ้นบังคับไม่ให้น้ำใสๆที่ขอบตาไหลลงมา “ขอโทษครับ...........” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน “ขอโทษที่ปกป้องไม่ได้”
“ขอโทษทำไม..มันเป็นทางที่อินเลือก ไม่ใช่ความผิดของกรณ์ ไม่ใช่เลย..” ลูบศีรษะอีกฝ่าย ปลอบโยนราวกับกล่อมน้องชายตัวน้อยของเธอ
ไม่ใช่ความผิดใคร...เพราะทุกอย่างน้องชายของเธอเป็นคนเลือกเอง อันทิกาสูดยาดมเฮือกใหญ่ ไม่คิดไม่ฝันจะมาเจอเรื่องแบบนี้ในวัยเกิน60 เธอเหลือบมองหลานชายคนโตที่ยังมองมาด้วยความเป็นห่วงสงสัยจะกลัวเธอหัวใจวายไปเสียก่อน
“ดีน” เธอกวักมือให้หลานเข้ามาใกล้ๆ “สรุปว่าหลานมีความจำของกรณ์ติดมาด้วยใช่ไหม”
“ครับ ส่วนมากจะเป็นเรื่องของอินทัชและครอบครัว แต่เรื่องอื่นจำไม่ค่อยได้”
หญิงชราหลุบตาลงเล็กน้อยครุ่นคิด
“แล้ว....อิน...” อดสงสัยไม่ได้ ความเป็นไปได้ที่อินเองก็จะกลับมาเกิดใหม่เหมือนกรณ์ พอจะมีบ้างไหม
ดีนขยับรอยยิ้ม เขาหันไปหยิบขนมในกล่องมาใส่มือคุณยาย
“ถึงอินจะทำอาหารไม่เก่ง แต่เขาไม่เคยลืมฝีมือของ
พี่อัน”
อันทิกามองขนมในมือ เธอไล้กลีบบัวเบาๆพร้อมริมฝีปากที่เริ่มคลี่ยิ้มกว้าง จ่ามงกุฎห่อน้อยเริ่มพร่ามัวไม่ชัดเจนจากน้ำตา
“ขอบคุณ” เธอใช้สองมือกอบกุมขนมเอาไว้แล้วก้มหน้าลงกับมือสะอื้นไห้
“ขอบคุณที่ยังรักเขา ขอบคุณที่ตามหาจนเจอ ขอบคุณมากจริงๆ” หัวใจของดีนอุ่นวาบ ห่วงโซ่ที่หนักอึ้งค่อยๆหลุดออกทีละชิ้นปลดปล่อยจากความรู้สึกทับถม ราวกับคนจมน้ำที่เห็นแสงสว่างเหนือผิวน้ำรำไร
ไม่ใช่ความผิดใครและขอบคุณที่ยังรักกัน..
ดีนมองคุณยายด้วยความรู้สึกมากมาย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าพบภามแล้วจะทำหน้ายังไง เขาลูบไหล่คุณยายพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“น้องทำอาหารเก่งมาก ยิ้มตลอดเวลา คุณยายจะต้องรักน้องแน่”
อันทิกาหัวเราะทั้งน้ำตา เธอตีแขนหลานชายด้วยความหมั่นไส้
“ได้ทีอวดใหญ่เลยนะ น้องน่ารักไหม” เช็ดน้ำตาลวกๆแล้วมองหน้าหลานด้วยดวงตาแวววาวฉ่ำสุข
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดไฟล์ภาพให้คุณยายดู เขามีเซฟรูปน้องไว้บ้างรวมถึงภาพที่เดลส่งมาให้อยู่เรื่อยๆ
หญิงชราเลื่อนภาพดูช้าๆ เธอแตะภาพเด็กหนุ่มที่มีใบหน้ายิ้มแย้มในจอทัชสกรีนแผ่วเบา น้องชายของเธอกลับมาเป็นคนที่มีความสุข รอยยิ้มและดวงตาสดใสน่าเอ็นดู
“ท่าทางขี้อ้อน อายุเท่าไหร่เนี่ย คบมานานหรือยัง”
“เพิ่ง19ครับ ส่วนคบกันก็น่าจะ3-4เดือนแล้ว” ถ้าให้เล่าเรื่องของภามเขาคงเล่าให้ยายฟังได้ทั้งวัน
“แล้วน้อง..จำได้ไหม” คนถามไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตา
“...จำได้บ้างแต่ไม่มากเท่าผม...” ตบหลังมือคุณยายเบาๆ “ถ้าน้องพร้อมและอยากมาหา ผมจะพามานะครับ”
อันทิกาพยักหน้าหงึกหัวใจพองฟู ต่อให้ไม่ได้เจอกันแต่แค่รู้ว่าน้องชายเธอมีความสุขกับคนรักอีกครั้งเธอก็ไม่ขออะไรมากกว่านี้อีกแล้ว เธอเลื่อนภาพต่อไปเรื่อยๆ อย่างเพลิดเพลินก่อนจะชะงักกึกตาเบิกโพลง
“ดีนนนนน!!” เธอเรียกหลานเสียงเขียว ดีนขมวดคิ้วงุนงง เขาชะเง้อหน้ามองภาพในมือถือว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ต้องชะงักกับสิ่งที่เห็น
ภาพน้องตอนหลับในอ้อมแขนวันที่เขาไปค้างด้วย ลืม!!! ลืมสนิทว่าแอบถ่ายไว้
“เอ่อ..”
“ตายแล้ว!!!! ทำไมทำกับน้องแบบนี้” ตีหลานดังเพี๊ยะทันที “น้องยังไม่ยี่สิบเลยนะ!” คุณยายเริ่มออกโรงปกป้องคนที่ยังไม่เคยเจอหน้า
“เดี๋ยวครับยาย คือ..” ประธานชมรมว่ายน้ำทำตัวไม่ถูก เขากระถดถอยหนีเมื่อเจอคุณยายออกงิ้วใส่
“ห้ามเลยนะ! ห้ามล่วงเกินน้องเด็ดขาด” อันทิกาลุกขึ้นยืนเท้าเอวจ้องหน้าหลานคนโตเขม็ง
ดีนชะงักกึก เขาครุ่นคิดสักพักแล้วยิ้มนิดๆคืนไปให้คุณยาย ไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ปฏิเสธ แววตาแพรวพราวจนคนเป็นยายถึงกับเอามือทาบอก คิดไปร้อยแปดพันเก้าว่าเด็กน้อยในรูปจะเสียรู้หลานตัวดีของเธอไปขนาดไหนแล้วก็ไม่รู้
หรือว่าจริงๆ กรณ์ก็นิสัยแบบนี้?
“พอๆ ไม่พูดแล้ว เด็กสมัยนี้นะ” เธอบ่นอุบดมยาดมแก้เวียนหัว “เพลาๆมือกับน้องบ้างนะลูก” อดไม่ได้ที่จะเตือนไว้
“ครับๆ” คราวนี้ดีนยอมตอบรับแต่โดยดี สองคนยายหลานมองสบตากันสักพักก่อนจะเริ่มต้นหัวเราะออกมา หญิงชรากอดไหล่กว้างของชายหนุ่มลูบแผ่นหลังกว้างเบาๆก่อนจะกระซิบแผ่ว
“ยินดีต้อนรับกลับมาจ้ะ”
ทั้งดีน
ทั้งกรณ์
ดีน ดอน เดล อยู่คุยกับคุณยายจนดึก บรรยากาศแห่งความสุขอบอวลบ้านที่ชายหนุ่มเคยคิดว่ามันเย็นชา ตอนที่รถของพวกเขาเคลื่อนตัวออกจากบ้านคุณยายยังยืนส่งมองหลานๆจนลับตา ดีนมองแหวนเก่าสีทองลงยาในมือ แหวนนามสกุล..คุณยายบอกว่าแหวนวงนี้ส่งต่อให้กับลูกชายคนโตมาตลอด แต่มาหยุดชะงักเมื่อเสียอินทัชไป คุณยายเลยเก็บเอาไว้และตั้งใจให้เขาซึ่งเป็นหลานชายคนโต
ชายหนุ่มถอนใจเล็กน้อยเก็บแหวนใส่กระเป๋าเสื้อ ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้ง ข้อความจากน้องเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเมื่อหลายชั่วโมงก่อน
#Ph@m# : กลับบ้านแล้วครับ อ่านหนังสือจนสมองตื้อไปหมดเลย
ดีนหัวเราะหึในลำคอ เขาพิมพ์ข้อความส่งกลับไปแล้วหลับตาลงปล่อยตัวเองดื่มด่ำกับความรู้สึกฟุ้งๆ ในอก
Dean: สู้ๆ ถ้าทำสอบได้พี่มีรางวัลให้
ไม่ว่าเมื่อไหร่ภามก็ทำให้เขารู้สึกดีเสมอ
(ต่อรีพลายถัดไปค่ะ)