บทที่๗
มะกรูดแลกมะนาว ลูกชายแลกลูกเขย
"ถ้าฉันไม่ใช่ผู้หญิงล่ะ...คุณจะยังรักฉันอยู่อีกรึเปล่า" ถามออกไปพร้อมรอคำตอบอย่างไม่คาดหวังอะไรมากนัก ริวเงียบไปสักครู่ใหญ่ๆก่อนจะอ้าปากแต่ก็หุบลงแบบนั้นหลายครั้ง ใบ้แดกไปเลยท่านผู้ชม
"ผมถามอะไรหน่อยสิ"
"ว่ามา"
"โน"
"โนทำไม"เด็กโง่ตรงหน้าจะโชว์อภินิหารแห่งความฉลาดออกมาแล้วหรือเนี่ย ลุ้นจนมดลูกสั่นกันเลยเชียว
"น้องชายสโนว์เป็นลูกบุญธรรมของคุณจริงๆหรอ เค้าโครงหน้าเหมือนกันมากซะจนคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน"
"ใครๆก็ว่าแบบนั้นแต่โนเป็นลูกบุญธรรมจริงๆ จบนะ"
โชว์อภินิหารแห่งความโง่ล่ะสิไม่ว่า ไม่เคยปวดกบาลปวดจิตขนาดนี้มาก่อน เร่เข้ามาเอ้าเร่เข้ามาชมคนโง่ที่สุดในจักรวาลกันครับ เฮๆ
"น้องชายสโนว์...เอ่อ มีแฟนยังครับแล้วเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย"
"ทำไมคะ ชอบน้องชายฉันหรอ"ติดใจตูดฟิตๆของกูรึไง ไม่ให้แอ้มเป็นรอบที่สองหรอกเว้ย
"คนที่ผมชอบพอคือคุณต่างหากที่รัก"ไม่พูดเปล่ามือเจ้าเด็กริวก็ยื่นมากุมมือผมไว้แล้วเคลื่อนไปทาบที่อกของมัน รู้สึกได้ถึงก้อนเนื้อข้างซ้ายที่เต้นตุบๆอย่างตื่นเต้น
"ฉันว่าเรากลับกันได้แล้ว"ผมดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุม มองวิวทิวทัศน์ที่งดงามเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินไปตามทางเดิมที่มา
"เดี๋ยวสโนว์...ไม่ใช่ทางนั้นครับ"เพล้ง อะไรใครหน้าแตก ไม่มี๊ ไม่มีนั่นมันเสียงนกร้อง เพล้ง เพล้ง
"ฉันก็แค่เดินมาสำรวจดูเฉยๆ"จริงๆไม่ได้แก้ตัวนะเออ
"หึหึ ครับๆ"
"อะไร ขำแบบนี้หมายควายว่ายังไง อยากมีเรื่องหรอ"
"อยากมีลูกมากกว่าครับ"
"ไปมีกับหมาไป"เพราะกูมีมดลูกไว้สืบพันธุ์กับมึงไม่ได้เว้ย กูเป็นผู้หญิงมีไข่หรือเรียกอีกอย่างว่า สาวดุ้น ดุ้น ดุ้น ดุ้น ดุ้น(เอคโค่)
"สนใจมาเป็นหมาให้ผมมั้ยครับ อา...ผมอยากติดเป้งกับคุณจัง"
"โรคจิต!"ไม่รู้จะสาธยายคำด่าไหนมาด่าไอ้ริว ไอ้โรคจิต วิปริต สมองเสื่อม หน้าด้านหน้าทน คนบ้าอะไรวะอยากติดเป้งเหมือนหมูเหมือนหมา
ผมเขม้นขบเขี้ยวเคี้ยวฝันอย่างหมั่นไส้ ริวหัวเราะหึในลำคอเหมือนกับว่านี่เป็นเรื่องขบขันนักหนา มันเดินมาทางผมก่อนจะจับมือแล้วลากให้เดินตามไปด้วยกันแต่เรื่องอะไรจะยอมผมก็สะบัดสะดีดสะดิ้งอย่างกับสาววัยแรกแย้มที่กำลังจะโดนข่มขืน ทว่าความพยายามกลับสูญเปล่านอกจากจะไม่หลุดแล้วยังเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ
"คุณจะนอนก็ได้นะครับ อีก 3 ชั่วโมงกว่าถึงจะถึงกรุงเทพ"ริวเปิดประตูรถให้ผมเข้าไปนั่งดีๆพอมันขึ้นมานั่งที่คนขับก็หันมาพูดกับผม
"หลับให้มึงลักหลักรึไง"พูดรัวจนลิ้นพันกันแล้วครับวินาทีนี้ โกรธก็โกรธ อายก็อาย แม่งมาโก๊ะอะไรตอนนี้วะกู เสียเซลฟ์ชิบหาย
"ผมไม่ลักหลักคุณหรอกวางใจได้ หึหึ"มันจงใจตบมุขผมก่อนจะขำอย่างมีมาด พูดแบบนี้มึงเอาง่ามขามาฟาดหัวกูดีกว่านะ ฮือ
"เชอะ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่สนใจแล้วตาบ้า"เล่นเป็นสาวน้อยตาหวานในการ์ตูนญี่ปุ่นซะเลย
"ฮ่าๆๆ คุ๊...หึหึ คุณนี่...ฮาเป็นบ้า ไม่ยักรู้เลยว่าสโนว์ ไวท์จะมีมุมตลกแบบนี้ ฮ่าๆ"
"มันน่าตลกตรงไหน ขับรถไปเลย ฮึ่ย"ผมแหวใส่หน้าดำหน้าแดงทั้งโกรธและอายจนต้องหันไปตบหัวริวเพื่อระบายอารมณ์
"โอ๊ย คุณ...อย่าทำร้ายสามีสิ"
"มึงนี่...ฮึ่ย"ผมฟึดฟัดไม่พอใจจะพูดอะไรพวกแม่งก็ดักทางตลอด อยากจะดิ้นกระแด่วๆเป็นปลาขาดน้ำให้รู้แล้วรู้รอดแต่ทำอะไรไม่ได้เลยเตะคอนโซลรถไปทีหนึ่ง"โอ๊ยย เจ็บ"
"ฮ่าๆๆ ขากระตุกหรอคุณ เจ็บมั้ยครับ โอ๋ๆ"
"FUCK!"สบถคำหยาบพลางโชว์ยิ้วกลางให้มันเต็มๆไปหนึ่งดอก
ไม่จบแค่นั้นผมกับมันก็ต่อล้อต่อเถียงกันจนในรถแทบลุกเป็นไฟสำหรับผมนะแต่สำหรับไอ้ริวคงจะเป็นคาเฟ่ตลกไปแล้ว ขำเอาๆ อย่าว่าแต่ผมโก๊ะเลยไอ้เด็กบ้านี่ก็โก๊ะเหมือนกัน
"ขึ้นห้องผมก่อนนะ เดี๋ยวลงไปส่งที่ห้องคุณ"ไม่รอให้ผมได้พูดอะไรไอ้ริวก็เลี้ยวรถขึ้นคอนโดชั้นบนสุด
นั่นไง ห้องมันอยู่ชั้นบนสุดคอนโดเดียวกับผมจริงๆด้วย งี้ถ้ำที่ผมอาศัยอยู่ก็ไม่ปลอดภัยแล้วสิไม่รู้เสืออีกตัวจะย่องเข้าถ้ำผมตอนไหน
"อยากแวะเข้าไปนั่งเล่นในห้องผมก่อนมั้ย"เมื่อลงจากรถริวก็เอ่ยปากเชิญชวนผมให้เข้าถ้ำมันทันที
"ไม่ล่ะ"ผมโบกไม้โบกมือปฏิเสธก่อนจะตรงดิ่งไปที่ลิฟต์
"เอ่อ น้องชายคุณ...เป็นยังไงบ้าง"ขมวดคิ้วมุ่นทันทีเมื่อริวถามถึงผมที่เป็นผู้ชาย สงสัยคงอยากรู้ว่าตายรึยังโดนเอาจนฟ้าเหลืองขนาดนั้นแถมยังฟันแล้วทิ้งอีก คิดแล้วก็เจ็บใจนัก
"ทำไม จะเอาทั้งพี่ทั้งน้องเลยรึไง"แขวะกระแนะกระแหนไปแต่ที่ได้กลับมาคือความเงียบเสียจนใจเสีย กะจะเอาทั้งพี่ทั้งน้องจริงๆหรอวะแต่ก็คนๆเดียวกันป่ะ กูขำ
"อาทิตย์นี้งานสโนว์แน่นเอี๊ยด อาทิตย์หน้าผมจะพาคุณไปดินเนอร์กับครอบครัวผมและครอบครัวคุณ ตกลงนะครับ"เงียบไม่พอยังเปลี่ยนเรื่องไปหน้าตาเฉย ผมไม่ตอบรับคำมันเหมือนกันแล้วกดลิฟต์ลงไปอีกชั้นที่เป็นห้องของตัวเอง ไม่อยากเห็นหน้าคนสองจิตสองใจไอ้เสือไบหน้าสุกี้
พอริวทำท่าจะเข้าลิฟต์ตามผมมาก็ผลักอกแกร่งมันให้ออกไปอย่างแรงด้วยอารมณ์โมโหที่มีทำให้มันเซแถดๆ เห็นดังนั้นผมก็รีบกดปิดลิฟต์ไม่สนว่าจะหนีบนิ้วหนีบมือไอ้เด็กนรกจกเปรต
แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่เคลียร์ ผมรีบกดโทรศัพท์โทรผู้จัดการส่วนตัวระหว่างล้วงประเป๋าควานหาคีย์การ์ดห้อง เสียงเพลงรอสายหายไปตามด้วยเสียงทักทายจากคนปลายสายอย่างไม่ทุกข์ร้อน
"พี่คม ผมว่าจะถามพี่ตั้งนานละแต่ลืมตลอด พี่เอาคีย์การ์ดชั้นของผมให้ไอ้ริวใช่มั้ย"
[ถ้ากูให้แล้วจะเอาคีย์ที่ไหนขึ้นห้องมึงล่ะไอ้ควาย]
"ก็...ทำไมไอ้ริวมันมาชั้นผมได้ล่ะ"
[ใช้ก้นมึงคิดดิ่มาถามกูแล้วกูจะรู้มั้ย เสียเวลาทำมาหากินกูหมด กูจะให้อาหารควายกูอยู่เนี่ย อ่อ พรุ่งนี้ก็ตื่นเร็วๆอย่าให้กูต้องไปจิกหัวถึงที่ บาย]
ด่าจบอะไรจบพี่แกก็กดตัดสายโดยที่ผมยังอ้าปากค้างจะถามไถ่ต่อแต่ไม่ทัน พี่คมจะเป็นแบบนี้เสมอเวลาที่ได้กลับบ้านเพื่อไปดูแลควายที่ตัวเองเลี้ยงไว้ อะไรจะรักและห่วงควายเบอร์นั้น ว่าแต่พี่แกเป็นอะไรกับควายมากป่ะ ถามในใจรอบที่ล้านแปดและก็ไม่เคยได้คำตอบ
วันนี้ทั้งวันผมต้องไปออกรายการนู่นนี่นั่นเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับไอ้ริวและมีบางรายการเชิญผมกับไอ้ริวให้ไปออกด้วยกันแต่ผมปฏิเสธไปทุกงานจนพี่คมด่าจนหูชา เขาบอกว่าเนื้อคู่กันแล้วจะไม่แคล้วกันหรอกก็คงจะจริงแต่เป็นคู่เวรคู่กรรมกันมากกว่า รายการสุดท้ายของวันที่ยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้ได้เชิญให้ผมกับริวออกงานสัมภาษณ์คู่กัน
"พี่คะ นี่มันอะไร"ผมชี้มายังเสื้อสีขาวที่ตัวเองใส่อยู่ ลายของเสื้อสกรีนคำว่า 'เจ้าสาว' เด่นหราเป็นสีชมพู
"ทาง Couple reality เป็นตรีมแบบนี้อยู่แล้วค่ะ แบบคู่รักคู่แฝด ของน้องเป็นเจ้าสาวส่วนคุณริวก็เจ้าบ่าวค่ะ น่ารักใช่มั้ยคะ...พี่จิ้นคู่น้องอยู่แหละค่ะ ฟินเวอร์"เธอทำหน้าเคลิบเคลิ้มลอยไปไกลผมเลยเดินเลี่ยงออกมาเตรียมตัวและพบกับคู่เวรคู่กรรมของผมยืนคุยระรื่นกับสาวสวยนางหนึ่ง
หึ ยังไม่ทันแต่งงานก็หนีไปมีชู้ซะละ คนหลายใจ แอ๊ะ เหมือนผมหึงมันเลย ไม่ๆผมจะไปหึงมันทำไมไม่ได้รักใคร่ชอบพอริวซะหน่อย
"พูดถึงก็มาพอดีเลย เจ้าสาวของเจ้าบ่าว"หล่อนกวักมือเรียกผมให้เข้าไปหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ผมนี่บึ้งตึงทั้งที่ไม่ได้อยาก อารมณ์มันพาไปเอง
"ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะที่รัก เป็นอะไรรึเปล่า"เป็นเมียแก่ที่กำลังโดนผัวเฒ่าไปแอบมีชู้ไง
"ไม่ๆ"ผมสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดแปลกๆไปจนสะดุ้งตัวโยนเพราะมือหนาเชยคางให้เงยขึ้นเพื่อสบตา
"สีหน้าคุณดูไม่ดีเลยสโนว์ ถ้าไม่ไหวเราค่อยมาถ่ายกันใหม่ก็ได้นะครับ"
"ไหว...ฉันแค่...ไม่มีอะไร"เม้มปากแน่นพลางเฉหน้าไปทางอื่น เกือบหลุดปากพูดในสิ่งที่คิด"เริ่มอัดรายการกันเลยดีกว่าค่ะ"ผมหันไปบอกสตาฟที่เดินผ่านมา
"โอเคครับ คุณสโนว์คุณริวเชิญทางนี้ครับ"พี่สตาฟนำทาง ผม ริว และผู้หญิงคนนั้นเดินตามกันไปติดๆ เจ้าหล่อนเดินตามมาทำไมนิ นี่คุมผัวกูยันสตูดิโอเลยเรอะ ป๊าด
แล้วเพลงหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในหัวผมอย่างช่วยไม่ได้
มีเมีย(ผัว)เด็ก ต้องหมั่นตรวจเช็คใครโทรมา อย่าเอาหูไปนาหรืออย่าเอาตาไปไร่~
บ้าไปแล้วๆผมนี่เป็นเอามากนะ ยังไม่ทันจะรักก็หึงซะแล้วหรอวะ เห้ย ไม่ได้หึง
ผมสะบัดหัวไปมาแรงๆให้ความคิดอกุศลกระเด็นออกจากหัวจนมึนเซไปข้างๆแต่มีคนมารับไว้ซะก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหน ริวคนเก่าคนเดิม
"ผมว่าคุณไม่ไหวหรอก เดี๋ยวผมพาไปโรงพยาบาล"เจ้าตัวพูดด้วยสีหน้าเป็นห่วงซะผมใจสั่น จะมาหวั่นไหวอะไรตอนนี้เนี่ย
"ก็บอกว่าไหวไง อย่าทำให้เรื่องเล็กๆแค่นี้เป็นเรื่องใหญ่ไปเลยน่า เสียการเสียงานหมด"ผมดันตัวเองออกจากวงแขนแกร่งที่กอดกระชับตัวผมอย่างห่วงแหน ประชาชนรอบตัวก็แห่กันมอง บ้างก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายอัดกันใหญ่
"สำหรับผม เรื่องเล็กๆของคุณเป็นเรื่องใหญ่ของผม ผมห่วงคุณมากนะสโนว์"เด็กตัวโตทำหน้าเคร่งเครียดคิ้วขมวดกันเป็นปม เพิ่งเคยเห็นมุมนี้แหะ
"เอ่อ พี่ว่าน้องสโนว์ทำตามที่น้องริวว่าเถอะค่ะ"สาวเจ้าที่ไม่ค่อยมีบทพูดก็โพล่งขึ้นมา จะดูถูกกูหรอว่าไม่มีน้ำยาน่ะ ฝันไปเถอะแม่คุณ
"รีบไปอัดรายการให้เสร็จ ฉันไม่ได้เป็นอะไร"
"แต่..."
"ถ้างั้นฉันสัมภาษณ์คนเดียวก็ได้ อย่ามาเป็นตัวถ่วงงานของฉัน"ผมตะคอกไอ้ริวด้วยความโมโห ก็บอกว่าไม่เป็นอะไรยังจะดื้อด้านน่ารำคาญอีก ฮึ่ม โมโหๆ
"ครับ"หลังจากนั้นริวก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ยืนยันว่าจะออกสัมภาษณ์คู่กับผม
ผมเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงที่ยืนคุยกับริวเป็นพิธีกรของรายการนี้และอีกอย่างเธออายุ 46 มีลูกมีผัวแล้วผมก็โล่งใจ อารมณ์ที่คุกรุ่นค่อยๆจางหายไปพร้อมกับความรู้สึกผิด ระหว่างสัมภาษณ์ผมลอบแอบมองสีหน้าของริวตลอด ถึงจะดูยิ้มแย้มแต่แววตามันไม่ยิ้มตาม เพราะผมตะคอกใส่มันไปแบบนั้นสินะ
"ริวชอบน้องสโนว์ตั้งแต่ตอนไหนคะ"ผมสะดุดใจกับคำถามของพิธีกรรุ่นแม่ หูผึ่งรอฟังคำตอบทันทีด้วยความที่อยากรู้เหมือนกัน
"ก็...ตั้งแต่เด็กๆ สิบกว่าปีที่แล้วครับ ตอนที่ผมไปถ่ายโฆษณาน้ำหอมตัวหนึ่ง ตอนนั้นผมเห็นเด็กผู้หญิงในชุดเดรสสีขาวกำลังยืนมองดอกไอริสผมเลยเข้าไปคุยด้วยและบอกความหมายเกี่ยวกับมัน พอเธอหันมาผมก็ตกหลุมรัก...หลายๆคนอาจไม่เชื่อในรักแรกพบแต่ผมเชื่อนะครับเพราะมันเกิดขึ้นกับตัวผมเอง"น้ำเสียงนุ่มนวลและสายตาที่มองมาทางผมทำให้ต้องหลุบสายตาต่ำและกลั้นยิ้มเอาไว้ ผมคนนี้กำลังเขินมัน เขินมากเสียจนหน้าแทบไหม้
"แหม พี่ล่ะเขินแทนเจ้าสาวเลยนะคะเนี่ย เอ๊ะ แล้วต่อจากนั้นริวก็ไปเรียนที่อเมริกาไม่ใช่หรอคะ ไปจีบไปคบกันตอนไหนเอ่ย"ประเด็นนี้ผมไม่สงสัยเลยเพราะพอริวกลับมาปุ๊บก็เคลมผมปั๊บทั้งๆที่ผมไม่ได้ตกลงปลงใจด้วยเลย ยิ่งกว่าคลุมถุงชนเสียอีก
"ผมกับสโนว์เราแอบติดต่อกันอย่างลับๆมาตั้งแต่เด็กๆน่ะครับ พอผมกลับมาก็เลยขอเธอแต่งงาน และอย่างที่พี่เห็นในวิดิโอขอแต่งงานของผม เธอตอบตกลงครับ"ไอ้คิดเองเออเองอะไรนั่นเนี่ยนะเป็นการตอบตกลง ขอมองบนแล้วถอนหายใจแรงๆ เห้อ แถได้แหลชิบผัวใครวะ