ตอนที่ 32
รักของ “ใหญ่” ใจต้องนิ่ง
“ของกูใหญ่โว้ย” พูดแบบมั่นหน้าไม่เกรงใจใคร ไอ้ทรอยถึงกับอึ้งแดกส่วนไอ้อิท ไอ้ห่านั้นมันแม่งกลั้นขำใหญ่
กูพูดอะไรผิด
“มึงขำอะไรไอ้อิท!” ถามมันซะเลย ไม่ช่วยกูแล้วยังจะมาหัวเราะอีก มันน่าจะจับไปปรับทัศนคติซะจริง
“เปล่าๆ กูชอบ พูดถูกใจกูดี” มันว่าแล้วยิ้มขำ มันรู้ไงที่ผมพูดมันหมายถึงอะไร ถ้าไม่เอามาโชว์หรือมาขาย มีรึไอ้หน้าต่างด้าวนี้จะเชื่อ
“ของไหนใหญ่” ไอ้ทรอยพูดอย่างงงๆมันมองผมตั้งแต่หัวจรดตีน ก่อนจะพุ่งเป้ามาที่ก้นอันแสนจะอวบอั๋นที่ถูกปกปิดด้วยกางเกงตัวใหญ่
“ไอ้นี่หรอใหญ่” มันชี้มาที่ก้นผม ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงด่ามันไม่ลืมหูลืมตาที่มาล้อก้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว
“เออ มึงก็เคยจับแล้วนิ” ผมผลักตัวมันออก ไอ้ทรอยก็ปล่อยผมโดยดี ผมจึงยืนกอดอกเชิดหน้ามองมันอย่างมั่นใจ
“มึงจับก้นมันหรอ” พอผมพูดแบบนั้นออกไป ผีห่าซานตานที่ไหนก็ไม่รู้เข้าสิงไอ้อิทอีกรอบ หน้ามันโหดขึ้นอีกครั้ง เมื่อได้ยินว่าก้นรักมันถูกคนอื่นจับ
“ก็นิดหน่อย มันก็สมราคาคุย” ไอ้ทรอยทำมือหยุบหยิบๆประกอบ ไอ้อิทแม่งถลาพุ่งจะไปต่อยไอ้ทรอยให้ได้ ไอ้ห่านี่ก็ขยันกระตุ้นอารมณ์มันซะจริง
“อย่าอยู่เลยมึง!”
“เฮ้ยๆ ไอ้อิทท หยุดดดด” ผมรวบกอดเอวรั้งห้ามมันไว้ ผมไม่อยากให้มันมีเรื่องอีก มีเรื่องทีไรแม่งเจ็บตัวไง
“ปล่อยกูไอ้นนท์” ไอ้อิทจับตัวผมออก ผมเหลือบไปมองไอ้ทรอยแม่งกระดิกนิ้วรอไอ้อิทเข้าไปหา ยิ่งทำให้ไอ้อิทโมโหเข้าไปใหญ่
ปล่อยให้ไอ้อิทกระทืบมันดีมั้ยเนี้ย
“มึงต้องการอะไร ห๊ะ!” ไอ้อิทมันคงฟิวขาดจริงๆ
“กูไม่ได้ต้องการอะไร แค่ให้มึงเลิกส่งคนไปยุ่งวุ่นวายกับพวกกูแค่นั้น ถ้ามึงไม่หยุด กูก็จะวุ่นวายกับคนรอบข้างของมึงไปเรื่อยๆ”ไอ้ทรอยพูดขึ้นมา สีหน้ายังคงกวนตีนคงเส้นคงวา
“หึ เรื่องยากูคงปล่อยยากวะ” ไอ้อิทกระตุกยิ้มพูดขึ้น หน้ามันโคตรจริงจังเลย
แล้วเรื่องยาไรวะ?
“แหม อย่าทำเหมือนกับมึงสะอาดนักสิว่ะ ทั้งที่มึงก็สกปรกไม่แพ้กู เรื่องชั่วๆของตระกูลมึง ไอ้หน้าจืดนี่รู้รึเปล่า”ไอ้ทรอยหันมาทางผม
“เรื่องไรวะ” ผมอดไม่ได้ที่จะถาม ไหนๆก็แม่งเคลียร์ๆให้รู้เรื่องไปเลย มันจะได้ไม่มาวุ่นวายกับผมอีก
“มันไม่ได้บอกมึงสินะ “พอไอ้ทรอยพูดแบบนี้ผมยิ่งอยากรู้เข้าไปใหญ่ มีอะไรที่ผมยังไม่รู้อีกเนี้ย นอกจากความโรคจิตของมัน
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมัน” ไอ้อิทดูเหมือนจะไม่อยากให้ผมยุ่ง มันหันไปพูดเสียงเข้มกับไอ้ทรอย
“แต่กูอยากรู้” มันจะห้ามผมทำไมวะ ผมก็อยากรู้หนิ ผมแค่รู้ว่าบ้านมันมีอิทธิพล มันเป็นลูกท่านหลานเธอ ใครๆก็พากันกลัว
“กูจะบอกให้ เผื่อมึงเอาไปตัดสินใจ” ไอ้ห่านี้แม่งก็พูดกระตุ้นต่อมอยากรู้ผมซะจริง มันเดินมาใกล้ผม แต่ถูกไอ้อิทผลักออกซะก่อน
“ไอ้สัสทรอย”เสียงกดต่ำของไอ้อิททำให้ไอ้ทรอยหัวเราะในลำคอ
“กลัวไรวะ ไอ้อิท ถ้ามันคบกับมึงซักวันมันก็ต้องรู้อยู่ดี หรือว่ามึงคบเล่นๆเหมือนที่ผ่านมา” พอไอ้ทรอยพูดแบบนั้นปุบ ผมหันขวับไปมองไอ้อิททันที
อะไรคือคบเล่นๆว่ะ
“กูคบมึงจริง มึงอย่าไปฟังมัน” ไอ้อิทรีบหันมาอธิบายผมอย่างรวดเร็ว เมื่อผมส่งสายตาเขียวปัดใส่มัน
“งั้นบอกกูสิ กูอยากรู้” ผมเร่ง
“กลับห้องก่อน กูจะบอกมึงทุกอย่าง โอเคมั้ย” ไอ้อิทจับผมแล้วพูดตรงๆ ตอนแรกผมกะจะให้มันพูดเสียตรงนี้ แต่คิดดูอีกทีแล้ว ผมไปรอมันอธิบายที่ห้องดีกว่า
“เออ” ผมจึงพยักหน้ารับไป
“เชื่อฟังมึงดีวะ” ไอ้ทรอยพูดขึ้น ขาผมนี่กระตุกยิกๆทันที
ไอ้ห่านี้ก็เสี้ยมผมกับไอ้อิทแตกคอกันจริงๆ
“เรื่องของกู ส่วนมึงเลิกวุ่นวายกับพวกกูซักที” ผมบอกอย่างหมดความอดทน ชีวิตผมวุ่นวายพออยู่แล้ว มาเจอไอ้นี่อีกผมจะบ้าตาย
“มันก็ขึ้นอยู่กับไอ้อิทวะ” ไอ้ทรอยปรายตามองไอ้อิทเหมือนให้มันตัดสินใจ ว่าเรื่องควรจะจบหรือจะต่อ
“ได้ กูจะปล่อยมึงไปก่อน แต่ถ้ามึงยังข้ามเขตของกูอีก กูไม่ปล่อยมึงอีกแน่” ไอ้อิทมันคงขี้เกียจมีเรื่องกับมันเหมือนกัน เลยตอบตกลงไป ไม่วายขู่ไปอีก
“ตามนั้น” ไอ้ทรอยยกมือสองข้างเชิงยุติ
“ไอ้นนท์กลับ” ไอ้อิทมันจับมือผมแล้วลากกลับ แต่เสียงของไอ้ตัวปัญหาก็ดังขึ้น จนผมกับไอ้อิทหยุดเกินแล้วมองกลับไปที่ไอ้ทรอย ว่ามันมีปัญหาอะไรอีก
“เดี๋ยวดิวะ” มันว่า
“อะไรของมึงอีก” คราวนี้ผมถามอย่างหัวเสีย มันจะอะไรกันนักกันหนากับพวกผมเนี้ย ผมจึงทำสีหน้าไม่พอใจส่งไปให้มัน
“อย่าทำเสียงแบบนั้นดิวะ กูแค่อยากจะเป็นเพื่อนมึงนะไอ้หน้าจืด” ไอ้ทรอยพูดขึ้นมา ผมถึงกับตาโตเมื้อได้ยินสิ่งที่มันพูด อะไรนะ มันจะมาเป็นเพื่อนผมหรือ
ฝันไปเถอะ กูไม่คบเพื่อนหน้าจิ้งจกแบบนี้
“ไม่มีคนคบหรือไง” ผมแขวะด่ามันไป เอี้ยวตัวกอดอกไปหามัน ส่วนไอ้อิทแม่งเสยผมอย่างคุมอารมณ์ มันคงไม่รู้จะทำยังไงกับไอ้เหี้ยนี่ดี
“ก็ไม่ค่อยอ่ะ” มันว่าอย่างสบาย ยักไหล่ไปอีก
“สมควร” ผมด่า หน้าตาไม่ดี นิสัยแบบนี้ใครคบก็แปลกแล้ว
“ไรวะ กูชอบมึงนะเนี้ย ถึงขอเป็นเพื่อน” ไอ้ทรอยร้องครวญเมื่อเจอผมด่าไป มันทำท่ามาหาผมจนผมต้องกระเถิบตัวไปหลบหลังไอ้อิท
“ไอ้ทรอย กูบอกว่าห้ามยุ่งกับมัน” คราวนี้ไอ้อิทชี้หน้าเลยเว้ย ผมเห็นคิ้วมันกระตุกยิกๆเลย
“ขอเป็นเพื่อนเอง หวงไรวะ” มันบ่น
“นี่มึงเหงามากหรอไอ้ทรอย เหงามากใช่ป่ะ” ผมเริ่มจะหมดความอดทนกับความหน้าด้านหน้าทนของมันที่ไม่จบไม่สิ้นซะที
“ก็ระดับหนึ่ง ไม่ค่อยมีคนเถียงและปากมากแบบมึง แถมของใหญ่อีก” มันว่า อันแรกผมก็คิ้วกระตุกละ มาเจอบอกว่าของใหญ่อีก ผมอยากจะไปซัดมันให้หัวทิ่มพื้นซะจริง
“กูไม่คบ เพื่อนกูมีเยอะแล้ว” ผมบอกออกไป ทั้งที่จริงมีแค่ไอ้เต้คนเดียวที่ผมคบด้วย แต่ถ้าเป็นไอ้หน้าเหียกนี้ ให้ตายผมก็ไม่เป็นเพื่อนกับมันเด็ดขาด
“เป็นกิ้กก็ได้” มันโพลงพูดขึ้นมา ไอ้อิทถึงกับตวาดลั่นจนผมพลอยสะดุ้งไปด้วย
“ไอ้สัสทรอย!”
“ฮ่าๆ แกล้งพวกมึงนี่สนุกดีวะ กูไปละ เดียวกูแวะไปหาที่มอนะไอ้น้องนนท์” ไอ้ทรอยถอยห่าง ยังมีหน้ามาบอกว่าจะไปหาผมที่มออีก ถามกูยัง ว่ากูอยากเจอมั้ยสัส
“ไม่ต้องแบกหน้าไปให้หนัก กูไม่อยากเจอมึง” ผมบอกมัน
“ปากร้ายว่ะ ไม่เป็นไรกูด้าน”มันยังคงกวนตีนไม่เลิก และแปลกทีผมกับไอ้อิทเสือกดิ้นตามคำพูดมัน
“ไอ้อิทต่อยแม่งซักทีดิ๊ กวนตีน” ผมถึงกับเขย่าแขนไอ้อิท ยุให้ซัดหน้ามันซักที ไอ้อิทพอผมขอแบบนั้น มันก็คงอยากจัดเหมือนกัน มันเดินย่างไปหาไอ้ทรอยทันที
“โว้วๆใจเย็น ไปละๆๆ” ไอ้ทรอยพอกระตุ้นต่อมโมโหพวกผมเสร็จมันก็เดินจากไปทันที ไม่วายส่งจูบกวนตีนมาให้ผมอีก ผมแทบจะเอารองเท้าเชวี้ยงใส่หน้ามัน
“กลับ” ไอ้อิทพูดขึ้น แล้วจูงมือผมเดินออกไปยังรถที่มันจอดอยู่ ผมก็เดินตามมันอย่างว่าง่ายจนกระทั่งถึงรถ ผมกับมันขึ้นรถโดยไม่มีใครพูดอะไร จนมาถึงห้องของมัน
ไอ้อิทเดินนำผมเข้าไปข้างใน มันดูเงียบผิดปกติ ผมจึงสงสัยว่ามันโกรธอะไรผมหรือเปล่า แต่เรื่องนั้นผมค่อยไปซักถามมันอีกที ตอนนี้ผมอยากรู้เรื่องที่ไอ้ทรอยมันพูด
“ที่ไอ้ทรอยพูดมาคืออะไร บ้านมึงทำอะไร” ผมเปิดประเด็นเรื่องที่อยากรู้ ตลอดเวลาที่ผมรู้จักมันมา ผมรู้เรื่องมันน้อยมาก อาจจะแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั่วไปแล้วก็บริษัทส่วนตัว” มันตอบ เหมือนเป็นเรื่องปกติแต่ความรู้สึกผมมันบอกว่ามันต้องมีอีก
“แล้วไงอีก” ผมกอดอกถามต่อ
“ก็มีผับหลายที่ ลูกพี่ลูกน้องกูเป็นคุมอยู่” มันนั่งลงโซฟา แล้วพูดอย่างสบายๆ แค่สองอย่างที่มันตอบมา ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงรวยขนาดนี้
“ไรอีก” ผมหรี่ตากอดอกเค้นต่อ ดูเหมือนว่าผมกำลังสอบสวนมันอยู่อย่างไงอย่างงั้น
“ก็มีบ่อนใต้ดิน และปล่อยเงินกู้” คำตอบของมันทำให้ผมนิ่งไป ถ้าเป็นบ่อนก็ต้องเกี่ยวกับการพนันสินะ ไหนจะปล่อยเงินกู้อีก
ธุรกิจบ้านมึงเยอะเกินไปละ
“มีอีกป่ะ” ผมลองถามดูอีก
“ไม่มีแล้ว”ไอ้อิทตอบ เอื้อมมือมาดึงแขนผมนั่งลงข้างๆมัน ผมก็นั่งลงแต่โดยดี หันหน้าไปถามมันต่อ เพราะสิ่งที่ไอ้ทรอยพูดมามันทำให้ผมสงสัยหลายอย่าง
“ที่มันบอกว่าสกปรกคืออะไร” ผมถามออกไป ใจก็เผื่อเอาไว้อยู่แล้ว ว่าบ้านมันคงทำอะไรบางอย่าง ไม่งั้นคงไม่มีอิทธิพลขนาดนี้
“บางอย่างมันก็ผิดกฎหมาย แต่ด้วยอิทธิพลบ้านกูเลยไม่มีปัญหาอะไร” มันตอบเสียงเรียบ มองหน้าผมไปด้วย ผมไม่รู้ว่าผมเผลอทำสีหน้าแบบไหนออกไปเมื่อมันพูดเรื่องผิดกฎหมายกับผม
“มึงค้ายาหรอ” ผมถามเสียงแผ่ว ถ้าครอบครัวมันเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้จริงผมจะทำยังไง จะเลิกยุ่งกับมัน หรือทำเป็นไม่รู้อะไร
“เปล่า เรื่องยากูไม่ยุ่งแน่นอนมึงไม่ต้องกังวล” มันดึงผมเข้าไปกอด แต่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกดีขึ้นเลย ทั้งที่มันบอกว่าไม่ข้องเกี่ยวกับยา หรือเพราะที่มันบอกว่ามีบางอย่างที่ผิดกฎหมายกันแน่ ที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ดี
“มึงก็ไม่ต่างกับมัน” ผมตอบออกไป ไอ้อิทกับไอ้ทรอยผมไม่รู้ว่าเบื้องหลังพวกมันทำอะไร แต่ที่ผมรู้คือไอ้ทรอยมันเกี่ยวข้องกับยา ส่วนไอ้อิทครอบครัวมันทำธุรกิจบางอย่างที่ผิดหมาย ซึ่งมันไม่ต่างกันเลย
“แล้วมึงอยากคบกับกูต่อมั้ย” มันถามแล้วกอดผมแน่น ผมเลือกที่จะไม่ตอบอะไร กอดตอบมันคืน นานหลายนาทีผมจึงพูดขึ้นมา
“กูจะกลับหอ” ผมพูด แล้วผลักมันออก ไอ้อิทมีสีหน้าตื่นเล็กน้อย
“ไอ้นนท์” ไอ้อิทเรียกผม
“กูขอเวลาหน่อย”ผมบอกมัน การที่ผมรู้เรื่องบ้านมันทำให้ผมช็อคนิดหน่อย และเริ่มกลัวขึ้นมา เพราะผมไปคบกับคนมีอิทธิพลเข้า ทั้งที่ผมก็รู้ๆอยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าบ้านมันจะมีอิทพลและน่ากลัวขนาดนี้ไง และอีกอย่างการที่มันมาคบแบบนี้มันดีแล้วหรอ
แถมผมยังเป็นผู้ชายอีก
ผู้ชายไม่พอเสือกก้นใหญ่ด้วย
คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่มีอะไรที่ดูเหมือนจะดูดีเลยซักนิด จนผมเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าที่มันชอบผม ที่หน้าตาจืดเหมือนไอ้ทรอยว่า หรือชอบผมที่ก้นผมใหญ่ เวลาคนที่มองมัน ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ มันจะอายป่ะวะที่คบผม
“อืม ก็ได้ แต่ก่อนไป แวะหาลูกมึงหน่อย มันคิดถึงมึง” ไอ้อิทว่า แล้วลุกเดินมุมห้องก่อนจะอุ้มเจ้าตัวปัญหาที่ผมถูกไอ้เต้ด่าว่าโง่บรมเมื่อช่วงบ่าย
“บิ๊กแอส” ผมเรียกเจ้าตัวกลมสีน้ำตาล ตอนแรกเคืองชื่อมันอยู่ แต่ไหนๆก็เรียกมันติดปากไปแล้ว หนำซ้ำหมามันจดจำชื่อนั้นแล้วอีก ผมเลยปลงยอมเรียกเหมือนเดิม
บ็อก
พอเจ้าบิ๊กแอสถูกผมเรียก มันดิ้นจากมือไอ้อิทพยายามจะมาหาผม จนผมต้องรีบอุ้มมันมา แล้วฟัดแก้มมันหนักๆอย่างคิดถึง
“คิดถึงจัง” ผมก้มไปฟัดแก้มมั้นสองสามที เจ้าบิ๊กแอสก็เห่าลั่น เลียหน้าผมไปมา จนผมหัวเราะชอบใจ ลืมเรื่องเครียดๆก่อนหน้านั้นทันที
“ไอ้อิท มึงตั้งใจตั้งชื่อมันคล้ายกูใช่มั้ย” ผมตวัดหันไปหาไอ้อิท
“รู้แล้วหรอ” มันว่าอย่างขำๆ จนผมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ
“กูก็นึกว่าเป็นวงบิ๊กแอส” ผมบ่นอุบ
“มึงจะคิดแบบนั้นก็ไม่แปลก ถ้าคนไม่คิดลึกซึ้งอะไรมาก” มันตอบ ผมได้แต่มองค้อนมัน ก่อนจะหันมาเล่นกับเจ้าบิ๊กแอสต่อ ผ่านไปซักพักผมจึงลุกขึ้นว่าจะกลับหอ
“กูจะกลับแล้ว” ผมบอกมัน อุ้มเจ้าบิ๊กแอสที่หลับปุยไปไว้ที่นอนเดิม
“นอนนี่แหล่ะ” มันสั่งอย่างเอาแต่ใจ
“ไอ้อิท” ผมเรียกมันเสียงนิ่ง ผมแค่กลับไปคิดอะไรนิดๆหน่อยๆเท่านั้นเอง
“มึงจะไม่เลิกกับกูใช่ป่ะ” มันทำสีหน้ากังวลและเครียด ไม่วายดึงมือผมไปกุมไว้ ท่าทางโหดๆเมื่อช่วงเย็นๆมันหายไปไหนแล้วว่ะ เห็นแต่ไอ้อิทหน้าหงอยเหมือนปลาทูคอหัก
“อืม” ผมตอบมันไป ผมไม่เลิกคบใครเพราะเหตุผลแค่นี้หรอก นอกเสียแต่ว่ามันจะมีเรื่องครอบครัวของมันทำให้ผมกับมันเลิกกันเอง ถึงตอนนั้นผมก็ค่อยตัดสินใจอีกที
“ไม่เลิก แล้วจะกลับทำไมวะ นอนนี่แหล่ะ นะนนท์” มันอ้อน ผมถึงกับทำตัวไม่ถูกแอบใจเต้นแรงเมื่อมันทำตัวแบบนี้ใส่ผม จนผมต้องใจแข็งเข้าไว้
“มึงไม่ไปส่ง กูไปเองก็ได้” ผมตัดบท หันหนีแล้วตรงไปทีประตูทันที ไอ้อิทแม่งวิ่งตามผมอย่างรวดเร็ว
“เออ ก็ได้ เดียวกูไปส่ง พรุ่งนี้กูจะไปรับด้วย” มันตอบสีหน้าบึ้งตึง แต่ถึงอย่างนั้นก็ตามใจผม
“ไม่ต้อง เจอกันที่มหาลัยเลย” ผมบอก ยิ่งทำให้มันหน้าตึงเข้าไปใหญ่ ที่ผมเอาแต่ปฏิเสธมัน
“แต่..”
“ตอนเย็นค่อยกลับพร้อมกัน โอเคมั้ย” ผมพูดดักมันขึ้นมา ไอ้อิทกระฟัดกระเฟียดไม่ยอมอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเห็นผมยืนยันคำเดิมมันจึงตอบแบบจำใจ
“ตอนเย็นกูจะไปรับ ห้ามหนีอีก รับโทรศัพท์กูด้วย”มันสั่งยาว ผมจึงพยักหน้าให้มัน เป็นอันตกลง ไอ้อิทมันจึงขับรถมาส่งผมที่หอ และอิดออดจะขึ้นไปที่ห้องผมให้ได้ จนผมต้องขู่มัน เรื่องมารับตอนเย็น
“ไปได้แล้ว” ผมไล่มันเมื่อมันยืนรอที่หน้าหอผม หลังจากมาส่งผม
“ไปก็ได้ แต่ขอจูบให้หายคิดถึงหน่อย” มันขอ ผมถึงกับหน้าแดงระเรื่อ เมื่อมันขอกันโต้งๆแบบนี้ ผมหันซ้ายหันขวาทันที
“ไม่เอา เดียวคนมาเห็น” ผมตอบ
“นิดนึง” มันต่อรอง
“ไม่เอา” ผมยังยืนยันคำเดิม
“น่านะๆ” เริ่มอ้อนแล้วมัน อ้อนอะไรดูหน้ามึงด้วย เห็นว่าหล่อแล้วทำอะไรหน้ารักไปหมดรึไง ผมจึงหันไปมองรอบๆอีกครั้ง ถ้าผมไม่ยอมมันแม่งคงไม่กลับห้องมันซะที
“ไม่ลิ้น” ผมบอกออกไป ไอ้อิทนิ่งไปทันทีก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อมันรู้ว่าผมหมายถึงอะไร มันจึงเอามือสองข้างของมันตระปบหน้าผมแล้วดึงรั้งไปหามันโดยที่ผมไม่ทันจะตั้งตัว ก่อนจะจูบที่ปากผมแล้วดูดริมฝีปากจนเกิดเสียงน่าอาย
จ๊วบบ
“ชื่นใจ จุ๊บ” มันว่าแล้วก้มมาจูบปากผมอีก จนผมเม้มปากแน่น แล้ววิ่งขึ้นห้องทันที ความร้อนที่หน้ากับใจผมที่แทบจะเต้นทะลุอก ทำให้ผมไม่รู้จะเอามือจับที่หน้าหรือที่อกก่อนกันแน่ ตอนนี้รู้แต่เพียงว่าผมเขินสุดๆปากก็อมยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
เช้าอีกวัน
ผมตื่นขึ้นตามปกติ เหลือบมองนาฬิกาก็พบว่ามันจะเก้าโมงแล้ว เหลือเวลาอีกครึ่งโมง ผมจึงตัดสินใจรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว อาบเสร็จผมก็ไม่รีรอรีบหาชุดนักศึกษาทันที พอใส่เสื้อเสร็จผมก็ชะงักเมื่อกำลังจะหยิบกางเกงมาใส่ ก่อนจะวางกางเกงตัวที่ใส่ประจำอยู่วางไว้ แล้วหยิบอีกตัวมาใส่
“เอาว่ะ” จากนั้นก็หยิบกางเกงอีกตัวมาใส่ ถึงมันจะลำบากไปหน่อย แต่ด้วยความพยายามอันแรงกล้าผมก็สามารถใส่มันจนได้
“อึดอัดชิบหาย” ผมบ่น ก่อนจะสำรวจตัวเองในกระจกอีกครั้ง ไม่วายถอนหายใจหนักเมื่อเห็นตัวเองในกระจก
“หน้าตามึงหล่อมากไอ้นนท์ แต่เสียอย่างเดียวจริงๆ” พูดชมตัวเองในกระจกเสร็จสรรพ ก่อนจะเหลือบมองส่วนล่าของตัวเอง แล้วกรอกตามองบน
“เห็นทีไร กูละอยากปาดทิ้ง” ผมว่า มองก้นอวบๆของตัวเองที่ถูกสวมใส่กางเกงสีดำรัดติ้วจนเห็นสัดส่วนโค้งเว้าชัดเจน ก่อนจะหลับตาถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง
“เอาว่ะ มีของดีต้องโชว์หน่อย” ผมให้กำลังใจตัวเอง ตบก้นอวบๆของตัวเองสองสามทีเพื่อเรียกความมั่นใจ
เมื่อคืนผมนอนคิดแทบจะเอาตีนก่ายหน้าผากทั้งเรื่องครอบครัวไอ้อิทและเรื่องไอ้อิท ผมเพิ่งรู้สึกว่าผมไม่คู่ควรกับมันเลยซักนิด พลอยคิดไปว่าคนเขาจะนินทามันหรือเปล่าที่มาคบกับไอ้เฉิ่มแบบผม มันเลยทำให้ผมฉุกคิดความคิดบ้าๆขึ้นมา
ผมกะจะลองเปลี่ยนตัวเอง
จากแต่เดิมทรงผมไม่ค่อยได้จัดทรง ตอนนี้ผมปัดเซทโชว์หน้าผากกว้างๆให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาคมคาย เสื้อที่ตัวใหญ่กับเลือกใส่ให้พอดีตัว กางเกงเจ้าปัญหาที่กลวมโพลกตัวใหญ่กับเปลี่ยนเป็นกระชับพอดีตัว แอบแน่นเปลี้ยะเมื่อติดก้น แต่พอดูรวมๆแล้วดูดีใช่หยอก
ที่ผมทำแบบนี้เพราะไอ้อิทส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งผมทำเพื่อตัวเอง ผมอยากจะลบปมด้อยเรื่องก้นของผมด้วย เพราะผมเหนื่อยที่จะซ่อนมันแล้ว
และตอนนี้ได้เวลาปลดปล่อนมันซะที
“รับรองมีอึ้งแน่ เพียะ” ผมฟาดก้นตัวเองเบาๆเมื่อนึกถึงคนที่พบเจอผมในมหาลัยวันนี้ แค่คิดผมทั้งตื่นกลัวและตื่นเต้น แอบกังวลไปด้วย คามรู้สึกตีรวนไปหมด ถึงอย่างนั้นผมก็ตั้งมั่นแล้วว่าจะทำแบบนี้
“ไอ้อิทมันจะคลั่งตายเปล่าว่ะ” พอนึกถึงจุดๆนี้ก็แอบเครียดขึ้นมา มันคงไม่อกแตกตายไปก่อนนะที่เห็นผมใส่แบบนี้ไปมหาลัย แต่ช่างเถอะ ผมก็อยากเห็นหน้าไอ้อิทมันเหมือนกันว่ามันจะทำหน้ายังไงเมื่อเจอผมลุคนี้ ว่าแล้วผมก็รีบไปมหาลัยเพราะมัวแต่เวิ้นเว้อกับตัวเองหลายนาที
มหาลัย
“แก ใครอะ ดูก้นเขาสิ”
“เฮ้ยมึง ดูนี่ๆ ก้นใหญ่โคตร เหี้ยน่าจับ”
“ผู้ชายหรอวะนั่น ก้นใหญ่กว่าผู้หญิงอีก แถมน่ารักสัสๆ”
“เหี้ย กูอยากบีบ”
และเสียงต่างๆมากมายที่ซุบซิบนินทาทั้งดังบ้างเบาบ้างตลอดทางที่ผมเดินไปยังคณะตัวเอง ผมเชิดหน้าทำหูทวนลม ในใจก็เต้นแรงพยายามไม่ประหม่าตื่นกลัวกับคำนินทาพวกนั้น ผมเห็นบางคนเอามือถือมาถ่ายรูปด้วย จนผมสงสัยก้นผมมันแปลกและไม่เคยพบเคยเห็นขนาดนั้นเลยหรอ
ผมจึงตัดสินใจนั่งลงรอไอ้เต้ที่ใต้อาคารหลังจากที่ผมโทรบอกมันว่าผมรอที่นี่ ส่วนไอ้อิทมันโทรมาตั้งแต่ผมตื่น ผมคุยกับมันไม่นานก็วางสายไป มันงอแงจะมารับผมให้ได้ จนผมเกือบจะด่ามัน
“ไอ้นน์ เกิดอะไรขึ้นกับมึง!” เสียงตื่นอกตกใจของไอ้เต้ พร้อมกับหน้าของมันที่เหงื่อแตกพลั่กวิ่งมาหาผมที่นั่งอยู่ใต้อาคาร
“อะไร” ผมถามมันไป ทั้งที่รู้อยู่ว่ามันมันกำลังจะสื่ออะไร ผมเลยไม่สนใจนั่งดูดกล้วยปั่นของผมต่อ
“มึงอย่ามากวนตีนกู มึงไม่สบายใช่มั้ย หรือมึงเอาหัวโขกกำแพงมา มึงถึงใส่กางเกงรัดๆแบบนี้มามหาลัยได้” ไอ้เต้จับหน้าผมวัดไข้ เขย่าหัวผมไปอีก แค่ผมใส่กางเกงปกติมา มันต้องตกใจขนาดนั้นเลยเร้อ
“ไม่ดีหรือไง” ผมถามออกไป ผมก็อยากเปลี่ยนจากไอ้เฉิ่มกางเกงหลวมโผลกมาใส่เหมือนคนปกติทั่วไปเท่านั้นเอง
“ไม่ดีโว้ย คนเขาพูดถึงก้นมึงทั่วมหาลัยแล้ว!”
พรวดดด
“มึงว่าอะไรนะ!” ผมพ่นน้ำกล้วยปั่นออกจากปาก เมื่อได้ยินสิ่งที่ไอ้เต้พูด แค่ผมใส่กางเกงรัดมาแบบนี้คนถึงกับพูดกันทั้งมหาลัยเลยหรอ
เออ ดังละเว้ยกู
ไม่ใช่ละ
“บอกกูมา ผีห่าอะไรเข้าสิงมึง” ไอ้เต้คาดคั้นจริงจัง มันไม่ชอบให้ผมใส่แบบนี้อยู่แล้ว และมันก็รู้ด้วยไงว่าผมไม่ชอบให้ใครมาล้อเรื่องก้น แต่ผมเสือกทำตัวให้คนพูดถึงมัน
“กูแค่อยากเปลี่ยนบ้างอะไรบ้าง” ผมตอบมันเสียงอ่อย ไม่คิดว่าคนจะพูดถึงก้นผมขนาดนี้
“เพื่อ!” มันว่าเสียงดัง คำว่าเพื่อของมันแทบจะแหกหน้าผมพร้อมกับน้ำลายของมัน
“เพื่อตัวกูเองไง มึงจะให้กูใส่กางเกงแบบนั้นไปตลอดชีวิตหรือไง” ผมว่าอย่างโมโห ไอ้เต้มันถึงกับพูดไม่ออกกับคำพูดผม
“แล้วทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้” ไอ้เต้ว่า ผมนี่ถึงกับตวัดมองมันทันที เหมือนมันด่าผมอ้อมๆยังไงไม่รู้
“ตอนนี้หรือตอนไหนก็เหมือนกันแหล่ะ” ผมบอก ต่อให้ไม่ใช่วันนี้ มันต้องมีซักวันที่ผมจะต้องเอาอีก้นผมมาเผยสู่สายตาชาวโลกอยู่ดี
“ไอ้อิทมันรู้ยัง ไม่ใช่มันอกแตกตายแล้วหรอ” มันแขวะ พอพูดถึงไอ้อิท ป่านนี้ข่าวคงไปถึงหูมันแล้วมั้ง แต่ถ้ามันรู้มันน่าจะโทรหาผมแล้วสิ ตอนนี้มันยังไม่โทรแสดงว่ามันยังไม่รู้
“ช่างเถอะ ป่ะ ขึ้นเรียนกัน” ผมชวนมัน ไม่อยากจะนึกถึงไอ้อิทตอนนี้ ผมจึงลุกเดินไปกำลังจะเข้าตึก ก็มีกลุ่มวิศวะสามสี่คนเดินเข้ามาหาผมกับไอ้เต้
“น้องใช่ป่ะ ที่คนเขาพูดถึง” ผู้ชายเสื้อชอปสีแดงหน้าออกเถื่อนๆหน่อยถามผม แค่ถามไม่พอยังมองก้นผมอย่างโลมเลียอีก
“พูดว่าไงครับ” ผมถามออกไป ดูท่าจะเป็นพวกปีสี่ ผมจึงต้องอ่อนน้อมเข้าใส่เพราะไม่อยากมีปัญหา
“ก้นน้องโคตรใหญ่เลย แม่งน่าขย้ำชิบหาย” อีกคนพูดชึ้นมา น้ำเสียงแม่งหื่นกามจนผมต้องกำมือแน่น ผมทำใจเผื่ออยู่แล้วว่าจะต้องเจอคำพูดพวกนี้ แต่พอเอาเข้าจริงๆผมอยากจะไปซัดคนตรงหน้าซักที
“ใช่ ผู้ชายอะไร ก้นน่าเอาขนาดนี้” อีกคนว่า ทำให้กลุ่มของมันหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ ผมที่กำลังกำหมัดแน่นอย่างคุมอารมณ์ไม่ให้เผลอต่อยพวกมัน ไอ้เต้แม่งก็สะกิดเรียกผมยิกๆ ไม่พอดึงเสื้อผมอีก
“ไอ้นนท์ๆๆ”
“อะไรของมึงไอ้เต้!” ผมว่าอย่างโมโห เพราะมันเรียกผมอยู่ได้ ไหนจะไอ้พวกพูดจาหมาๆตรงหน้านี้อีก ทำให้ผมอารมณ์ที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ไอ้เต้ยังจะมากระตุ้นผมอีก และมันก็ยังไม่หยุดสะกิดผม จนผมกำลังจะหันไปด่ามัน ไอ้เต้มันก็แหกปากพูดซะก่อน
“พ่อมึงมา!”
!!!