{เรื่องสั้น} นักวิทย์วุ่นรัก The series : หัวใจ ไซส์ (จุลชีวะ) P.2 (07.07.2559)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {เรื่องสั้น} นักวิทย์วุ่นรัก The series : หัวใจ ไซส์ (จุลชีวะ) P.2 (07.07.2559)  (อ่าน 9897 ครั้ง)

ออฟไลน์ lazyishappy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 190
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ขอบคุณนะคะ สนุกมากๆเลย ต้องชมมิวจริงๆ ที่เตือนสติกันต์ ไม่งั้นก็คงเคลียร์กันไม่รู้เรื่องหรอกคู่นี้ :mew1:

ออฟไลน์ BeautifulGirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1

ออฟไลน์ ketekitty

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0

ออฟไลน์ kawoat

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1
อรั๊ยยยยย เพืื่อนรักรักเพื่ือนอ่ะ  :hao7:

ออฟไลน์ Napii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หูยยยย งานดีมากค่ะ สนุกทุกเรื่องเลย  :katai2-1:
มาต่อไวๆนะคะ เก๊ารออยู่  :mew1:

ออฟไลน์ desevbas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
สวัสดีคร้าบบบบบบบ ... ต้องขออภัยจริงๆ ที่ทิ้งหายไปแบบนี้
คือช่วงนี้ คนเขียนอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกำลังจะจบแหล่ ไม่จบแหล่
ต้องขออภัยจริงๆ ครับที่ไม่ได้มาอัพเลย แต่ยังไม่ลืมนะครับ
กำลังพยายามหาเวลาอยู่ว่าจะได้กลับมาแต่งเมื่อไร ถ้าได้กลับมาแต่งจะลงให้เลยสัญญา
.
.
ขอบคุณที่ติดตามกันนะครับ ยังไงก็ติดตามจนจบทุกเอกนะครับ
สัญญาว่าจะมาต่อเอกต่อไปให้นะครับแต่เมื่อไรไม่รู้ รอก่อนนะครับ

ขอบคุณจากใจจริง

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
จะรอนะคะ

พยายามเข้าน้าาาาาา o13

ออฟไลน์ desevbas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ฟิสิกส์คลิกใจ
[/color]

กริ๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


   เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นทำให้ผมเอื้อมมือปิดอย่างรำคาญ ก่อนจะล้มตัวลงนอนด้วยความขี้เกียจ ผมจำได้ว่าวันนี้วันเสาร์ ใช่วันนี้วันเสาร์ เป็นวันที่ผมนอนตื่นสายได้


   อ่า แค่คิดก็สบายแล้ว


“นิว...ตื่นได้แล้ว วันนี้รายงานตัวทุนที่มหา’ลัยไม่ใช่หรือไง”แล้วอยู่ดีๆ เสียงของหญิงใหญ่ภายในบ้านก็ดังขึ้น ผมเลยขมวดคิ้วอย่างหนวกหู


   ว่าแต่ เมื่อกี้แม่ว่าอะไรนะ ?


   รายงานตัว ?

   ไอ้ชิบหาย ! วันนี้ลืมไปเลยว่ามีรายงานตัวทุนคณะวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยที่ผมยื่นไป ด้วยความที่เกรดถึงเลยลองสมัครไป

   
   ผมสะดุ้งตัวขึ้นจากเตียงแล้วรีบวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนจะวิ่งเข้าห้องน้ำ รีบจัดการให้เร็วที่สุด เพื่อจะทำเวลา โอ๊ย ตายๆ แก้ไม่หายนิสัยขี้เซาของผม แต่ยังดีครับที่มีแม่คอยเตือนตลอดเวลา


   ผมอาบน้ำเสร็จก็ใส่เสื้อนักเรียนอย่างเร่งรีบ


“นิวตัน ! เสร็จหรือยัง เดี๋ยวก็ไม่ได้กินข้าวหรอก”ใช่ครับ ผมชื่อนิวตัน ชื่อนักวิทยาศาสตร์สาขาฟิสิกส์ที่ค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และตั้งกฎของแรงขึ้นมา ทำให้นักเรียนสายวิทย์ ปวดหัวมาครึ่งโลก
“ลงไปเดี๋ยวนี้แหละแม่ เสร็จแล้วๆ”ผมรับคำของแม่แล้วรีบคว้ากระเป๋าตรวจเอกสารอีกครั้ง เมื่อครบแล้วก็วิ่งลงข้างล่างทันที
“เอาเอกสารมาครบนะ”เสียงผู้เป็นพี่ชายของผมทักขึ้น ตาคมชั้นเดียวภายใต้กรอบแว่นของเขามองมาที่ผม พี่ชายผู้เนี๊ยบทุกการกระทำของผม พี่โอห์มนั่นเอง
“ครบแล้วน่าพี่โอห์ม”ผมบ่นเบาๆ เหมือนกับพี่โอห์มจะเคร่งกับผมนะครับ แต่พี่โอห์มดูแลผมโคตรดี แล้วอีกอย่างเป็นผู้ชายเคร่งขรึม ที่บทจะทำอะไรน่ารักๆ ก็น่ารักจนผมแทบอ้วก มีครั้งหนึ่งเขาเซอร์ไพรส์วันเกิดผมด้วยการซื้อกล้องถ่ายรูปให้ แต่เขาก็ดันเขินเอง ผมก็ฮาสิครับ แล้วอีกอย่างนะ พี่โอห์มอ่ะ ฮอตมากในกลุ่มเพื่อนผู้หญิงของผม เวลาไปรับผมที่โรงเรียนนะ เพื่อนผู้หญิงจะเดินตามผมกันเป็นขบวนเชียว


   ผมก็ใช้ข้อดีตรงนี้แหละครับในการจีบสาวไปทั่ว แต่ก็ไม่มีใครสนใจผมเลย ก็พี่โอห์มแม่ง หล่อเกินไป แต่ผมก็ชื่นชมพี่ชายผมนะครับ ทำอะไรก็ดีไปหมด นี่เรียนเภสัชฯ อีก อะไรจะเฟอร์เฟ็ค ขนาดน้านนน


   อิจฉา


“พี่โอห์ม เด็กคณะพี่แจ่มป่ะ ?”ผมถามพี่โอห์มที่ตอนนี้กำลังอ่านชีทอะไรสักอย่าง มีแต่โครงสร้างอะไรไม่รู้เต็มไปหมด
“วันนี้ไปรายงานตัว ไม่ได้ให้ไปเต๊าะสาว รีบๆ แดก !”น่าน มาแล้วไงความโหดของพี่ผม
“คร้าบๆ โหดจริ๊ง แบบนี้สิไม่มีแฟนสักที”ผมบอก
“เสือก”ไอ้เหี้ยพี่นี่ ผมไม่รู้ว่ากับคนอื่นมันเป็นหรือเปล่านะครับ แต่กับผมพี่โอห์มแม่งโคตรโหด
“เออๆ”ผมว่าแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป


   ผมขึ้นรถมากับพี่โอห์มครับ เพราะว่าผมเรียนโรงเรียนสาธิตของมหา’ลัยแหละครับ ทำให้ผมต้องไปเรียนกับพี่โอห์มทุกวัน


“ไม่ลืมอะไรนะ ?”พี่โอห์มถาม
“ไม่แล้วพี่”
“อือๆ ถ้ารายงานตัวเสร็จแล้วหิวข้าวเดินไปโรงอาหารเองได้นะ แล้วก็ไปรอที่หอสมุดก็ได้เย็นดี พี่เรียนเลิกเที่ยงกว่าๆ”พี่โอห์มบอก ผมก็พยักหน้าตาม
“นิวกลับก่อนไม่ได้หรอ ?”
“รอพี่แปปเดียวน่า เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงซูกิชิ ฉลองที่ได้ทุน”พี่ชายผมพูดทำให้ผมตาวาวทันที
“โอเค ได้เลยนิวรอ นานๆ พี่จะเลี้ยง”ผมว่า
“กูเลี้ยงมึงมาตั้งแต่เด็กละนิวตัน”พี่โอห์มว่า ทำให้ผมหัวเราะ
“ครับๆ นิวไปก่อนนะ เจอกันพี่”ผมโบกมือ พี่โอห์มก็เอามือมาลูบหัวผม
“โชคดี”นี่แหละครับ ความอบอุ่นของพี่ชายผม ผมยิ้มให้แกอีกครั้งแล้วก็ลงจากรถ ก่อนจะเดินไปตามป้ายที่ทางคณะติดไว้ให้ อ่า จะได้มาเรียนที่นี่แล้วนะครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย ผมจะทำหน้าที่นักศึกษาที่นี่อย่างดีไม่ให้เสียชื่อเลย



   ใช้เวลาในการรายงานตัวประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ผมก็เรียบร้อยแล้ว แต่กว่าจะมีกิจกรรมของทางคณะ นู่นนี่ ก็เกือบจะพอๆ กับเวลาเลิกเรียนที่โอห์มพอดี

   ผมได้รู้จักเพื่อนอีกเยอะเลยครับ เกือบจะครบทุกเอกด้วยซ้ำ ส่วนตัวผมได้ทุนเอกฟิสิกส์ ตามชื่อที่ทุกคนเกลียดเลยครับ แต่อย่าเพิ่งเกลียดเด็กผู้ชายตาดำๆ น่ารักๆ คนนี้นะครับ // ทำตาปริบๆ


   ผมเดินออกมาจากคณะแล้วก็เดินมาหาที่นั่งเย็นๆ แถวๆ ริมสระน้ำของมหา’ลัย ผมชอบลมธรรมชาติมากกว่าอากาศปรุงแต่งในห้องแอร์ครับ ผมหาที่นั่งแล้วก็หยิบกล้องสุดรักที่พี่ชายซื้อให้ออกมาแล้วก็ถ่ายรูปวิวไปทั่ว ถ่ายนู่นถ่ายนี่ เมื่อได้รูปที่พอใจก็ส่งเข้าไอโฟนแต่งสีนิดหน่อยก็ลงในไอจีครับ


   Izaxnewton : ไม่ต้องตามหา แค่รู้สึกว่ามีความสุขกับที่นี่ 
   Muaymuay : อีนิว มึงทิ้งพวกกูมีที่เรียนแล้ว
   Toomtam : จริง มึงไม่รอพวกกูเลย ปล.พี่โอห์มอยู่ไหม
   Izaxnewton : มันจะหมดเทอมอยู่แล้วไอ้สัด @ Muaymuay @ Toomtam


   ผมตอบกลับเพื่อนด้วยความหมั่นไส้ ก็พวกมันเอ้อระเหยเอง ผมก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่รู้ล่ะ อนาคตผมผมก็ต้องเดินตามทางที่มันควรจะเป็น ผมคิดแล้ว ฟิสิกส์คือวิชาที่ผมชอบมากที่สุด ผมเลยเลือกมัน และทิ้งมันไม่ได้ เพราะชื่อที่ได้มายังเกี่ยวเลย


   ไม่นานพี่โอห์มก็โทรฯ มาหาผม

“ว่าไงพี่”
“อยู่ไหน ?”
“นั่งอยู่ริมสระน้ำอ่ะ”
“ฝั่งคณะอ่ะหรอ ?”
“อื้อ”
“โอเคๆ กินข้าวยัง”
“ยังอ่ะ พี่บอกจะเลี้ยงเลยไม่ได้กิน ฮ่าๆ”
“อืมๆ งั้นเดี๋ยวไปรับ อ้อ เดี๋ยวมีเพื่อนไปด้วยนะสองคน”
“ผู้หญิงหรือผู้ชายอ่ะ”ผมถามอย่างกระตือรือร้น
“กะเทย”
“ควาย ไม่ต้องเอามาเลย”ผมบอกแล้วหัวเราะ พี่โอห์มก็หัวเราะ
“ผู้ชายทั้งคู่”
“ครับๆ”
“เออๆ รอนั่นแหละ”


   พูดจบพี่แกก็ตัดสายไป แต่ไม่นานรถสีดำขลับคุ้นตาก็จอดเทียบข้างๆ โต๊ะมาหินอ่อนที่ผมนั่ง ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปที่รถทันที ผมโดนเนรเทศไปนั่งข้างหลังครับ เพราะว่ามีเพื่อนพี่โอห์มอีกคนนั่งอยู่ข้างหน้า ผมเลยได้นั่งกับพี่อีกคน ทันทีที่ผมมุดหัวเข้ารถแล้วเห็นหน้าของเพื่อนพี่โอห์ม พูดได้คำเดียวเลยว่า


   หล่อชิบหายวายวอด !!!


   ผมอึ้งอยู่นานเพราะพี่เขาหล่อมาก แม้จะใส่แว่น แต่ไม่สามารถบังความหล่อของเขาได้ ผมโคตรอิจฉาพี่เขาเลย อะไรจะหล่อขนาดนั้น

“จะขึ้นรถได้ยัง หิวข้าว”พี่โอห์มเรียกผม
“เออๆ รีบจริงวุ้ย”ผมบ่นก่อนจะปิดประตูรถ
“นิว นี่พี่คิน ส่วนหลังไอ้เวฟ”ผมยกมือไหว้ทีละคน “ส่วนนี้ น้องกูนิวตัน มันได้ทุนที่วิทยาฯ นี่แหละ”พี่โอห์มโฆษณาให้ผมเสร็จสรรพ ผมถอนหายใจก่อนที่ยกมือไหว้พี่เขาทีละคน
“หวัดดีครับพี่”ผมบอกแล้วเข้าไปนั่งอย่างชิน เพราะคันนี้ผมนั่งตั้งแต่เรียนสาธิตที่นี่แล้ว
“เฮ้ย ไอ้โอห์ม น้องมึงหน้าตาน่ารักนี่หว่า ไหงกูไม่เคยเห็นวะ ?”ไอ้พี่คินที่นั่งอยู่ข้างหน้าพูดแซวดังขึ้น ผมเกลียดคำว่าหน้าตาน่ารักมากครับ มันทำให้ผมดูเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนผู้ชาย
“มึงเสือกไปเต๊าะสาวไม่สนใจไง กูก็ไปรับไปส่งมันอยู่ทุกวัน”พี่โอห์มบอกแล้วก็ขับรถออกไปทันที
“หวัดดีน้อง พี่ชื่อคินนะ ไอ้หน้านิ่งนั่นเวฟ”
“พี่ชายผมบอกแล้วครับ”ผมบอกแล้วยิ้มให้เขาพี่เขา จะย้ำทำไม กูรู้แล้วครับ ก่อนที่ผมจะหันไปมองหน้าพี่ใส่แว่นที่นั่งข้างๆ แล้วผมก็สงสัยว่า ทำไมถึงได้นั่งหน้านิ่งแบบนี้ ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมยังไม่ได้ยินเสียงพี่เขาสักคำ ผมก็ไม่สนใจนั่งดูรูปในกล้องของผมต่อไป


   วันนั้นพี่โอห์มก็พาผมกับเพื่อนไปกินบุฟเฟ่จริงๆ แหละครับ แต่ผมก็คิดไม่คุ้มค่าเท่าไร เพราะเป็นคนกินไม่เยอะไร ตัวมันถึงแค่นี้ ถึงแม้กระเพาะอาหารเราจะขยายได้ แต่ของผมมันก็เล็กเกินไป หลังจากทานกันเสร็จก็แยกย้ายกันกลับ พี่คินขอแยกกลับไปแล้วเพราะว่าต้องขึ้น BTS กลับบ้านไปแล้ว ตอนนี้เลยเหลือพี่เวฟคนเดียว


“ไอ้เวฟ มึงกลับไงวะ”พี่โอห์มหันมาถามร่างสูงพอๆ กันข้างๆ ตั้งแต่ขึ้นรถมาผมได้ยินเสียงพี่เวฟ คุยกับพี่โอห์ม พี่คิน ก็นับประโยคได้
“ก็รถเมล์ กูก็กลับประจำอยู่แล้ว”เจ้าของดวงตาภายใต้กรอบแว่นหันมาตอบ
“เออๆ แล้วที่มึงถามกูในไลน์ มึงจริงจังใช่ไหม ?”พี่โอห์มถาม ในไลน์ จริงจัง ? อะไรวะ งง
“กูเคยพูดเล่นหรอ อะไรที่กูบอกว่าจริงจัง กูก็ทำจริงๆ”เสี้ยววินาทีหนึ่งเหมือนหางตาของพี่เขาให้มามองผม
“เออ กูรู้ งั้นกูเอาใจช่วยละกัน กูเชื่อว่ามึงจริงจังเพราะมึงเป็นเพื่อนกู แต่สู้ๆ นะมึง ดูท่าจะยากว่ะ”พี่โอห์มบอกแล้วตบไหล่
“ยากแค่ไหนก็จะทำ ก็มัน...”พี่เวฟเว้นวรรคไปสักพักแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะยิ้มมุมปาก “คิดจริงจังไปแล้ว”


ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย !!!
ทำไมหล่อแบบนี้ ผมไม่เคยเห็นคนใส่แว่นที่หล่อโคตรๆ แบบนี้มาก่อนเลย
.
.
แต่เดี๋ยวก่อน ผมเป็นผู้ชาย
ผมเป็นผู้ชาย ทำไมมาใจเต้นกับรอยยิ้มของไอ้พี่เวฟหน้านิ่งคนนี้วะ


“เออๆ แต่อย่าลืมที่กูบอกนะ กูก็จริงจังเหมือนกัน”พี่โอห์มบอก โอ๊ยแม่ง ทำไมมันงงแบบนี้สรุปเขาไปคุยอะไรกันทั้งที่ผมไม่รู้หรือเปล่าวะ แต่ช่างแม่งเถอะ เขาไม่อยากให้รู้ กูก็ไม่ยุ่งก็ได้
“อืม งั้นกูไปก่อนนะ”พี่เวฟบอก แล้วหันมามองหน้าผม “พี่ไปก่อนนะครับ”แล้วก็ยิ้มวัวตายควายล้มให้ผมอีก ผมรู้สึกได้ว่าใจผมสั่นกับรอยยิ้มนั่น
“คะ...ครับ”ผมบอกตะกุกตะกัก



   พอพี่เวฟไปแล้ว ผมกับพี่โอห์มก็เดินมาที่รถ แล้วก็ขับรถกลับบ้านทันทีเพราะมันค่ำแล้ว ถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถและผู้คนท่ามกลางเมืองหลวงช่างวุ่นวาย


“พี่โอห์ม พี่เวฟเขาเป็นคนพูดน้อยเป็นปกติหรอ ?”อยู่ดีๆ ผมก็ถามออกไป พี่โอห์มทำหน้าแปลกใจนิดๆ ก่อนจะยิ้มออกมา
“ก็นะ...มันพูดน้อย แต่ไม่ใช่ว่าไม่พูดเลย เป็นคนขี้เกียจพูดมากกว่า ถามทำไม”พี่โอห์มถาม
“เปล่า ก็เห็นว่าพูดน้อยนึกว่าจะหยิ่ง แล้วก็คิดว่ายิ้มยากแต่วันนี้นิวรู้สึกว่าพี่เขายิ้มนิดหนึ่งด้วยนะ”พี่ว่า พี่โอห์มยิ้มหัวเราะเบาๆ
“ใช่ มันยิ้มยาก ยิ้มยากมาก แต่ไอ้เวฟมันจะยิ้มในเรื่องที่มันชอบและพอใจเท่านั้น เช่น เจอคนที่ชอบ”ท้ายประโยคทำให้ผมใจกระตุกนิดหนึ่ง แล้วรู้สึกเหมือนใจสั่น ก็เขายิ้มตอนเหล่มองผมนี่จะไม่สั่นได้ไง
“ระ...หรอ”ผมว่า


   ช่างเถอะ คงไม่ใช่มั้ง




เปิดเทอมปีการศึกษาใหม่ โอ้โห หกเดือนที่ปิดไปแม่งโคตรของโคตรเหงา ทำไมมันเหงาสิ้นดีแบบนี้นะ  แต่ผมก็ไม่ควรเหงานะ เพราะช่วงปิดเทอมก็แม่งยุ่งวุ่นวายไปทั้งหมด พี่โอห์ม ก็เรียนซัมเมอร์ มีงานเข้ามาให้ทำตลอด ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเท่าไร ซึ่งหลังจากที่ไปรู้จักเพื่อนพี่มันวันนั้น รู้สึกไอ้คนที่ผมเจอหน้าบ่อยสุดก็ไอ้พี่เวฟนี่แหละ วนเวียนแม่งมาบ้านผมได้อาทิตย์ละเจ็ดวัน พอมาถึงก็อาศัยข้าวบ้านผมกินทุกครั้ง จนตอนนี้นะ เป็นลูกรักแม่ไปอีกคนละ

“เวฟลูก มาช่วยแม่ขนกับข้าวไปตั้งโต๊ะอาหารหน่อย วันนี้ก็อยู่ทานข้าวบ้านแม่ก็แล้วกันนะ”นั่นไง แม่ไม่ต้องชวนพี่มันหรอก แม่ง ก็อยู่กินข้าวมาผมมา 2 อาทิตย์ละตั้งแต่รู้จักกันวันนั้น แล้วช่วงนี้นะ ก็โคตรของโคตรหาเวลากวนผมได้ตลอดเวลา
“แม่ไม่ต้องชวนผมหรอกครับ ผมฝากท้องกับแม่อยู่แล้ว”พี่เวฟพูดแล้วยิ้มออกมา ช่วงนี้ก็เหมือนกัน จะยิ้มทำห่าอะไรนักหนา ยิ้มบ่อยจริ๊ง ไหนบอกว่ายิ้มยากไง ตอนนี้นี่ยิ้มบ่อยสัดๆ



รู้ป่ะว่ากูหวั่นไหวโว้ยยยยยยยยยยยย


“เออ เอาเข้าไป นี่พี่มาอาศัยข้าวบ้านผมกินมาสองอาทิตย์ละนะ แม่ไม่เหงาหรือไง มากินข้าวบ้านคนอื่นอ่ะ”ผมพูดแล้วทำหน้าบึ้ง
“นิวตัน ! ทำไมพูดแบบนั้น”ฝ่ามือแม่ตีแขนผมเบาๆ
“ก็มันจริงอ่ะแม่ แล้วนี่นะ มาแม่ค้งแม่ครับ น่ารักตายล่ะ”ผมก็ไม่วายกัดพี่เขาไป พี่เวฟก็ขยับแว่นนิดหนึ่งแล้วก็ยิ้มมุมปากแบบที่ทำให้ผมใจสั่นมาอีกครั้ง


   นี่กูเป็นผู้ชายนะโว้ยยยยยยยยยยยยย


“ก็กับข้าวบ้านนี้อร่อย พี่ก็เลยอยากกินไง นี่ว่าจะฝากตัวเป็นลูกบ้านนี้แล้วนะเนี่ย”พี่เวฟบอก ไม่สมกับที่เคยบอกว่าเป็นคนนิ่งๆ เลยสักนิด
“ไม่ต้องเลย ไหนบอกว่าเป็นคนพูดน้อยวะ ตั้งแต่รู้จักกัน พี่แม่งพูดมากกว่าผมอีก”ผมพูดไปแล้วตักข้าวเข้าปาก พี่โอห์มก็ลงมาพอดี
“ไอ้นิว ทำไมไม่รอพี่กับพ่อ !”
“พ่อไม่อยู่ พี่โอห์มลงมาช้า”ผมพูดอย่างไม่สนใจแล้วก็กินข้าวต่อไป
“ก็มีคนอยากให้คุยด้วย ก็เลยอยากพูด ความจริงก็ฝืนๆ อ่ะนะ แต่ว่าพูดกวนใครบางคนแล้วสนุกดี”พี่เวฟว่าแล้วยักคิ้วให้ผม
“ให้มันน้อยๆ เลยมึง แดกข้าวไม่เสือกรอ”พี่โอห์มว่า สมน้ำหน้า
“ก็มึงลงมาช้า”พี่เขาให้ไปบอกกับพี่โอห์ม
“เอาๆ อย่าเพิ่งเถียงกันลูก ทานข้าว”แม่บอกแล้วนั่งลงบนหัวโต๊ะแล้วก็จัดการกับข้าวทันที แต่แม่งข้าวมื้อนี้ทำไมมันขัดหูขัดตานักวะ ก็ไอ้พี่เวฟอ่ะดิ เล่นจ้องหน้าผมตลอดการกินข้าวเลย
“พี่จะจ้องหน้าผมทำไม ข้าวติดหน้าผมหรือไง”ฮึ่ย คนมันหวั่นไหวนะโว้ย
“ก็อย่างมอง เผื่อหวั่นไหว”นั่นไง เล่นอะไรไม่เข้าเรื่องละ
“ใครหวั่นไหว บอกเลยว่าผมชอบผู้หญิงนะพี่ หน้าแบบพี่นี่ชอบผู้ชายหรอวะ ?”ผมว่าออกไป
“ตายแล้วลูก น้องเวฟ จะจีบนิวตันหรอลูก คิดดีแล้วหรอลูก ลูกแม่อย่างกับลิง”โธ่แม่ก็ ทำไมไม่เข้าข้างลูกชายของแม่เลยสักนิด
“ไม่เป็นไรครับแม่ ผมปราบลิงเก่ง”ไอ้พี่เวฟ ไอ้แว่นนรก !
“ใครจะยอมให้ปราบ แม่ก็ไม่เข้าข้างลูกเลย คิดจะเอาลูกใส่พานให้ผู้ชายหรือไง ผมเป็นผู้ชายนะแม่”ผมโวยวาย ไม่กินแม่งแล้ว แม่ง แล้วทำไมใจต้องเต้นด้วยวะ เกิดมาไม่เคยมีคนมาบอกว่าจะจีบตรงๆ แบบนี้เลย คนมันก็ไปไม่ถูกสิวะ “พี่โอห์มก็อีกคน แม่งไม่ช่วยกันน้องเลย”คิดจะเอาลูกกับน้องประเคนให้ผู้ชายหรือไง

“นิวตัน...”แม่หันมาเรียกผม แม่เห็นใจผมแล้วใช่ไหม ผมรักแม่ที่สุดในโลกเลย

 “แม่ว่าลูกมโนมากเลยนะลูก”

   พรววดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!
   
   พี่เวฟที่กินน้ำอยู่ถึงกับสำลัก แล้วหัวเราะเบาๆ แล้วก็ยิ้มกว้างทันที  จากหัวเราะเบาๆ ก็กลายมาเป็นหัวเราะดังลั่น
“พี่ ! จะหัวเราะอะไรลั่นขนาดนั้นวะ แม่ง ขัดใจโว้ยยยย”ไม่กินแม่งแล้ว หนีขึ้นห้องแม่ง
“นิว...”แม่ผมหันมาเรียก แม่จะง้อผมใช่ไหม แม่จะเข้าข้างผมแล้ว ผมสัมผัสได้ แม่นี่น่ารักที่สุดเลย


   “เอาจานไปเก็บแล้วก็ล้างด้วยลูก”


แม่ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!


ฮือ ทำไมแม่ถึงได้ไม่เข้าข้างลูกเลยล่ะ นี่ผมยังเป็นลูกแม่อยู่ใช่ไหม ฮึ่ย พี่เวฟแม่งแยกความรักจากแม่ผมไป ผมจะต้องเอาคืน ว่าแต่ ผมคิดได้ไงวะ ปัญญาอ่อนสิ้นดี



   ชีวิตนักศึกษาปีหนึ่งไม่ง่ายอย่างที่คิด แม่เช้าเรียนเลคเชอร์ บ่ายเรียนแลบ แล้วชีวิตเด็กทุน ก็ไม่ได้สบายอย่างที่เหมือนได้ทุนเลยสักนิด ทั้งที่ทำใจไว้แล้วว่ามันจะต้องหนักหนา แต่ทำไมมันไม่ชิน นี่สินะที่เขาเรียกว่าช่วงปรับตัว บรรยากาศในห้องแลบก็โคตรร้อน โต๊ะเรียนแลบยาวปลายทั้งสองด้านมีอ้างน้ำ แล้วด้านบนมีที่วางสารอยู่มากมาย ผมกำลังเร่งทำแลบเพราะเวลาใกล้หมดแล้ว ก่อนที่ผมจะต้องกลับบ้านพร้อมกับพี่โอห์ม ไม่งั้นมีหวังต้องกลับเองแหงๆ



   แต่จนแล้วจนรอดก็เสร็จไม่ทันพี่โอห์มกลับบ้าน เลยต้องมานั่งแหง่วรอรถเมล์อยู่ที่ป้ายรถเมล์ พลันสายตาก็หันไปเห็นร่างสูงที่มีดวงตาคมภายใต้กรอบแวนที่เข้ากับใบหน้า พี่เวฟเป็นคนหล่อ เป็นคนที่ใส่แว่นแล้วไม่ได้ดูเนิร์ดมาก แต่มันดูดีในส่วนที่มันควรเป็น เรียกได้ว่า หล่อมากๆ คนหนึ่งเลยแหละ แต่จะดีกว่านี้ถ้าไม่มากวนตีนผม

“เอ้า ว่าไงเด็กมโน”นั่นไง มาถึงก็เริ่มกวนเลย
“พี่ไม่กวนผมสักวัน พี่จะตายไหม”ผมหันไปมองหน้าที่เขาเหวี่ยงๆ
“ไม่ตายหรอก แต่รู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง เลยต้องหาสิ่งเติมเต็ม”พี่เวฟพูดแล้วมองตาผมอย่างจริงจัง เล่นเอาผมใจสั่นแบบล้านริกเตอร์ ไอ้ใจเจ้ากรรมนี่ก็เต้นอะไรไม่รู้
“บางทีสิ่งเติมเต็มของพี่ มันก็น่าจะเป็นอย่างอื่นบ้างนะ”ผมพูดแล้วก็เสมองไปทางอื่น
“ก็อย่างอื่นมันเติมไม่ได้ บางทีสิ่งที่เติมเต็มในชีวิต เราจะรู้เองว่าอะไรที่เราขาดไป เราจะได้เติมถูก”พี่เวฟพูดแล้วมองหน้าผมไม่วางตา โอ้ย ใจเต้นแรงเหี้ยๆ เหมือนอะดรีนาลีนหลั่งมาเยอะแยะจากต่อมใต้สมอง
“คือบางทีพี่ก็เลี่ยนเกินไป”ผมบอก
“เรียนฟิสิกส์ไม่เคยรู้หรอ โลกมีแรงโน้มถ่วง โลกจะดึงสิ่งของตกอยู่ที่ต่ำเสมอ บางทีแรงโน้มถ่วงก็อาจจะมีในมนุษย์ รู้ป่ะ คนสองคนมีแรงดึงดูดเข้าหากันนะ”พี่เวฟว่าแล้วยิ้มกว้าง เป็นรอยยิ้มที่ผมใจสั่นทุกครั้งที่เห็น
“พี่พูดอะไรของพี่วะ ไม่เห็นเข้าใจ”ผมพูดแล้วจะเดินหนีขึ้นรถเมล์
“อ้าว ไปไหนล่ะ”พี่เวฟหันมาถาม
“ก็กลับบ้านไง”
“นี่มันไม่ใช่สายที่ไปบ้านนิวนะ”พี่เวฟบอก ผมเลยหันไปมองรถเมล์คันใหญ่ แล้วมองเลขสายซึ่งมันก็ไม่ใช่สายที่ผมจะไปจริงๆ นั่นแหละ เฮ้ยๆ นี่กูเป็นอะไรไป ทำไมพี่มันแม่งมีอิทธิพลกับการกระทำของผมขนาดนี้วะ


“แต่เดี๋ยวค่อยกลับบ้าน ไปเดินเล่นที่สยามเป็นเพื่อนพี่ก่อนนะ”พี่เวฟบอกแล้วก็ลากแขนผมไปทันที เฮ้ยๆ เดี๋ยวกูยังไม่ได้ตั้งตัว เฮ้ยยยยย พี่ !!


   ว่าแต่ทำไมกูไม่ขัดขืนวะ



   พักกลางวัน นี่กูเรียนมาจนจะมิดเทอมอยู่แล้วหรอวะ เกือบ 2 เดือนแล้วนี่นะ โคตรเร็วเลย แล้วก็ตลอดเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ชีวิตผมก็มีไอ้พี่เวฟเข้ามากวนตีนอยู่ทุกวัน แล้วก็มาพูดเหี้ยห่าอะไรไม่รู้ แต่ว่าพี่เวฟนี่โคตรโซฮอตเลยนะครับ ก็แน่สิ ดีกรีเดือนคณะเภสัชฯ รองอันดับ 1 เดือนมหาลัย จะไม่ฮอตได้ยังไง


   ผมเดินมาที่โรงอาหารที่เต็มไปด้วยนักศึกษาจากหลายคณะ เพราะนี่คือโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ทำให้ได้เจอหน้าตานักศึกษาทุกคณะวิชา รวมไปถึงนักศึกษาเภสัชศาสตร์ อย่างพวกพี่โอห์มด้วย แดดตอนกลางวันก็โคตรร้อน โรงอาหารก็ไม่ติดแอร์ ทำให้เหงื่อผมเริ่มจะไหลออกมาทีละน้อย ในขณะที่ผมยืนต่อแถวเพื่อซื้อก๋วยเตี๋ยว ผมยกแขนเสื้อนักศึกษาขึ้นจะเช็ดเหงื่อ แต่ถูกรั้งไว้โดนมือของอีกคน ก่อนที่เขาจะยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้

“บอกแล้วไง อย่าใช้เสื้อเช็ดเหงื่อมันสกปรก”ไม่ยื่นเปล่า พี่เวฟก็เช็ดเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดมาบนหน้าให้ผม ผมรู้สึกได้ทันทีว่าหน้าผมร้อนขึ้นมา แต่คราวนี้ไม่ใช่เพราะอากาศที่ร้อน แต่เป็นเพราะหัวใจที่กำลังสูบฉีดเลือดขึ้นหน้า
“ขะ...ขอบคุณ”ผมว่าเสียงเบา
“เฮ้ยเวฟ ปกติไม่เห็นให้ใครยืมผ้าเช็ดหน้านี่หว่า ทำไมถึงเช็ดให้น้องเขาวะ ว่าแต่น้องเขาเป็นใครวะ กูไม่เคยเห็น”รู้สึกจะเป็นเพื่อนของพี่เขาเดินเข้ามาทัก พี่เวฟหน้านิ่งแล้วหันไปพูดกับเพื่อนตามสไตล์



“ผ้าเช็ดหน้าของกู กูก็หวง แต่ถ้าใครสำคัญกูก็ให้ใช้ได้”ตรงคำว่าสำคัญ พี่เวฟหันมามองหน้าผมแล้วมองตาด้วย ทำให้ผมรีบหลบสายตาทันที พี่เวฟแม่ง “ขี้อ่อย”
“แสดงว่าน้องเขาสำคัญ”พี่คนนั้นถามแล้วหันมามองหน้าผม “สวัสดีครับน้อง พี่ชื่อชายนะครับ เรียนเภสัชฯ ปี 4 ยินดีที่ดะ...”พี่เขาจะยื่นมือมาจับผม แต่โดนปัดด้วยมือของพี่เวฟแล้วมองหน้าพี่เขานิ่ง
“นี่ไอ้ชายเพื่อนพี่เอง ส่วนนี่นิวตัน น้องไอ้โอห์ม เรียนวิทยาฯ”พี่เวฟตอบแทนผมทันที คือกูตอบเองได้โว้ยยยย
“อ่อ น้องไอ้โอห์มนั่นเอง ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องนิวตัน น่ารักนะเรา”พี่ชายพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปทันที
“จะหลอกจับมือ แม่ง”
“พี่เป็นอะไรของพี่เนี่ย หน้าบึ้งเชียว”ผมหันไปบอก
“ร้อน !”อยู่ดีๆ พี่เวฟก็ขึ้นเสียงกับผมทันที
“แล้วจะตะคอกทำไมเล่า ตกใจหมด”
“นี่วันหลังอย่าไปให้ใครจับมือมั่วซั่วนะ มีเชื้อโรคอะไรบ้างก็ไม่รู้ แล้วอีกอย่างเดี๋ยวนี้เชื้อโรคมันเร็ว เดี๋ยวจะป่วยเอา เอานี่ เอาผ้าเช็ดหน้าไป พี่ไปซื้อข้าวก่อน นี่นั่งโต๊ะไหน จะไปนั่งด้วย”พี่เวฟพูดยาว ผมก็งงแล้วก็ชี้ไปที่โต๊ะที่ผมนั่ง


   ซื้อข้าวเสร็จก็เดินมานั่งที่โต๊ะโดยที่พวกพี่โอห์มมานั่งด้วย พี่เวฟนี่หน้านิ่งกว่าเดิมอีกจากเหตุการณ์เมื่อกี้ เพื่อนผมเลยไม่กล้าคุยกับพี่เวฟเท่าไร เพราะกับเพื่อนพี่เวฟไม่เคยแม้แต่จะยิ้มให้

“เฮ้ย ไอ้เวฟมึงเป็นอะไรวะ”พี่คินหันไปถามพี่เวฟ ที่ตอนนี้มานั่งข้างๆ ผม
“เปล่า ร้อน”พี่เวฟตอบแบบที่ตอบกับผม ผมก็งงมากสิครับ อยู่ดีๆ ก็อารมณ์เสีย ปกติเห็นหน้านิ่งๆ แต่ไม่เคยจะอารมณ์เสียแบบนี้เพราะเป็นคนที่หน้านิ่งเป็นปกติอยู่แล้ว ยกเว้นเวลาอยู่กับผม
“เอ่อ พี่เวฟคะ ทำไมพี่เวฟถึงชอบทำหน้านิ่งล่ะคะ เวลาพี่เวฟอยู่กับไอ้นิว หนูเห็นพี่เวฟยิ้มแล้วหล่อมากเลยนะคะ”ส้มเพื่อนผมบอก ผมนี่นั่งเงียบเลยครับ ไม่กล้าคุยกับพี่เขาเลย
“พี่จะยิ้มให้เฉพาะคนที่พี่อยากยิ้มครับ แล้วก็ต้องเป็นคนที่พี่...สนใจ จริงๆ”คำว่าสนใจ พี่เวฟหันมามองหน้าผมอีกแล้ว
“แล้วทำไมต้องมองหน้าผมด้วยวะ กินข้าวไปดิ”ผมว่าแล้วก้มหน้าก้มตากินก๋วยเตี๋ยว
“ผ้าเช็ดหน้าอยู่ไหน ?”พี่เวฟถามแล้วยื่นมือมาหาผม ผมเลยหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้ ผมก็นึกว่าจะเช็ดเหงื่อตัวเอง แต่ที่ไหนได้พี่เวฟซับเหงื่อให้ผมอย่างเบามือ
“โอ๊ย ไอ้เวฟ น้องกูไม่ได้เป็นง่อย”พี่โอห์มคงจะเห็นแล้วหมั่นไส้ เลยตะโกนจากอีกฝั่งของโต๊ะ
“นี่พี่เวฟจีบเพื่อนหนูหรอคะ ?”ส้มเงยหน้ามาถาม ผมนี่ชะงักค้างเลยครับ พลันสายตาหันไปรอคำตอบ
“อ้าว พี่จีบหรอครับ ?”ฮึ่ย ไอ้เราก็ว่าจะซึ้งสักหน่อย
“ค่ะ”
“พี่นึกว่า พี่เลยคำนั้นมาแล้วซะอีก”


   ไอ้พี่เวฟ ไอ้อ่อยหน้านิ่ง
   หน้าพี่มันนิ่งจริงๆ ครับ ไม่รู้ที่มันพูดนี่หยอดผมหรือเปล่า แต่ก็ทำให้ผมหน้าร้อนได้แหละวะ


“หยอดได้หยอดดี”ผมว่า
“แล้วใจอ่อนยังอ่ะ”พี่มันหันมาถามแล้วยิ้มมุมปาก ผมไหวไหล่อย่างไม่สะทกสะท้าน ระดับนิวตันแล้ว ไม่มีหรอกคำว่าหวั่นไหว ก็พี่มันผู้ชายนี่หว่า


   แต่มันก็ทำกูใจสั่นได้ตลอดเช่นกัน
   แม่ง ! ทำไมพระเจ้าเอาเสน่ห์ไปอยู่ที่พี่มันหมดวะ กูเลยไม่ได้แดกใครเลย


“นี่พี่ อยู่ห่างๆ ผมได้ป่ะ พี่นั่งกับผมนะ สาวๆ ไม่มองผมเลย ผมก็ไม่ได้มองสาวไหนด้วย”ผมว่าแล้วตักก๋วยเตี๋ยวเข้าปากอีกครั้ง
“มองพี่คนเดียวก็พอแล้ว”พี่เวฟพูดหน้านิ่ง ก่อนจะยักคิ้วให้ผม
“โอ้ รุกหนักเว้ย รุกหนัก”พี่คินว่า
“อ้ายยยยย พี่เวฟจีนนิวตัน อ้ายยย เขิน”เพื่อนผมไปแล้วครับ ตอนนี้มันนั่งปิดจนจะเป็นเกลียวน็อตอยู่แล้ว


   เขาหยอดกูไม่ได้หยอดมึง


   แต่เอ๊ะ แล้วผมจะดีใจทำไม เอ้า แล้วทำไมต้องเขินด้วยวะ


“ให้มันน้อยๆ หน่อยเว้ย รุกหนักแบบนี้น้องกูตั้งตัวไม่ทัน”พี่โอห์มพูดขึ้นแล้วหัวเราะ ไอ้พี่นี่ก็แม่ง ไม่ได้มีความหวงน้องเลย จะใส่พานประเคนให้เลยไหม
“พี่โอห์มก็อีกคน ไม่คิดจะห้ามเพื่อนตัวเองแล้วก็ห่วงน้องเลย นี่ใส่พานให้เขาแล้วใช่ป่ะ ไม่พาส่งเข้าเรือนหอเลยล่ะ”ผมพูดประชด
“รอไอ้เวฟมันมาขออยู่”นั่นยังไม่เลิกพูดอีก
“กูไปขอพรุ่งนี้เลยก็ได้นะ”


   กูประชดดดดด โว้ยยยย พี่เวฟฟฟฟฟฟ

“ประชด ประชดเนี่ยเข้าใจไหม”ผมว่าแล้วก็กระแทกตะเกียบ ไม่ด่งไม่แดกแม่งมันละ กินไม่ลง แม่ง มีเทพบุตรหนุ่มแว่นมานั่งหยอดอยู่ข้างๆ กูทำเหี้ยอะไรไม่ถูกเลย แล้วยังมีพี่ชายตัวเองมาเสริมอีก เอาเข้าไป นี่ไปสมรู้ร่วมคิดกันมาใช่ไหม ฮึ่ย !
“ผมไปเรียนแล้วนะ หวังว่าเย็นนี้พี่จะไม่ไปบ้านผมนะ”ผมบอกแล้วจับกระเป๋าขึ้นพาดบ่าแล้วเดินออกไป แต่ใครจะไปห้ามได้ครับ มันก็แม่งไปอยู่ดี



ต่อด้านล่างครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ desevbas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
วันเวลาผ่านไปจนมิดเทอมเสร็จ ช่วงมิดเทอมแม่ง พี่เวฟหายหน้าหายตาไป จากที่เคยมากินข้าวกับผมทุกวันตอนกลางวัน เดี๋ยวนี้มาบ้างไม่มาบ้าง ผมก็แปลกใจอยู่เล็กน้อย แต่ว่าไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องนั้นมากครับช่วงนั้น อ่านหนังสืออย่างเดียว จนสอบเสร็จ พี่มันก็แม่งหายหน้าหายตาไปอีก วันนี้ก็ไม่เห็นจนผมนั่งอยู่บนรถ จะถามพี่โอห์มเดี๋ยวก็โดนแซวอีก

“พี่โอห์ม...”ผมเรียกพี่ชายสุดที่รัก
“หือ...”พี่โอห์มเลิกคิ้ว
“คือ...”ผมจะถามดีไหมวะ แม่ง ว่าจะไม่คิดถึงแล้วนะ ทำไมถึงคิดถึงได้วะ ตาสวยใต้กรอบแว่นนั้นแม่งติดตาเลย ก็คนมันเคยเห็นทุกวัน นี่ตอนเย็นก็ไม่เสือกไปแดกข้าวบ้านผมเลย แม่ผมก็ถามหา
“อะไร ?”
“พี่เวฟหายไปไหนวะ ?”ผมถามแล้วขมวดคิ้ว
“อ่อ...ช่วงนี้มันยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาหรอก ถามทำไม คิดถึงมันหรอ ?”พี่โอห์มเลิกคิ้วถาม
“เปล๊า”ผมเสียงสูง “ก็แค่ถามดู แม่เขาบ่นหาอยู่”
“แม่หรือมึง”แหนะ ยังมาแขวะน้องอีก รักน้องมากมั้ง
“แม่ดิ๊ ผมจะไปคิดถึงกัน ผมไม่ได้คิดถึงมันเล้ย จริงจริ๊ง”ผมว่าแล้วยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“กูยังไม่ได้ถามเลยนะว่ามึงคิดถึงมันไหม มึงก็พูดยาวจนเหมือนร้อนตัว”
“ใครร้อนตัว ไม่มี๊”
“แหนะ เนี่ย อาการแบบนี้เขาเรียกว่าร้อนตัว”พี่โอห์มเอื้อมมือมาผลักหัวผมเบาๆ แล้วยิ้มหัวเราะ “ผ่านสี่ห้าวันนี้ไปมันก็โผล่หน้ามาเองแหละ อดทนหน่อยแล้วกันนะน้องชาย”
“อดทนอะไรล่ะ วู้”


   นี่ผมคิดถึงมันหรอวะ คิดถึงหรือเปล่าวะ แม่ง ไม่รู้โว้ยยยย


   วันมาเรียนปกติ ผมก้มลงตรวจชีทที่ถ่ายเอกสารมาจากร้านถ่ายเอกสารว่าครบหรือเปล่า ถ้าไม่ครบจะได้เอากลับไปถ่ายเพิ่ม ก็ตรวจดูแล้วว่าครบก็เดินผ่านหน้าห้องสมุดไป แต่ภาพที่ผมเห็นก็คือพี่เวฟที่ไม่ได้เจอหน้ามาเป็นอาทิตย์ เดินมาพร้อมกับสาวคนหนึ่งหน้าตาโคตรสวย พร้อมกับคุยกันกระหนุงกระหนิงหัวเราะคิกคัก ร่างสูงของพี่เวฟที่ผมคุ้นเคยดูผอมลงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังดูดีอยู่ พ่วงด้วยสาวคนนั้นก็โคตรจะสวยเหมาะสมกันชะมัด ผมมองตามหลังคนทั้งคู่ที่เดินเข้าไปในหอสมุด จนลับตา แม่ง ทำไมมันรู้สึกหน่วงในหัวใจแปลกๆ วะ เฮ้ย แล้วตานี่ทำไมมันรู้สึกร้อนๆ อ่ะ เหมือนจะมีอะไรไหลออกมาเลย


   อย่านะ อย่านะเว้ย สงสัยฝุ่นคงเข้าตาแม่ง ไปล้างหน้าก่อนดีกว่า


   แต่ว่า เขาเป็นอะไรกันวะ


   แล้วทำไมกูต้องหน่วง รู้สึกแบบนี้ด้วยวะ กูเป็นอะไรของกูวะเนี่ย แม่งทนไม่ไหวละ เดินตามไปเสือกแม่งเลย ไหนๆ ตอนบ่ายก็ไม่มีเรียนแล้ว คิดได้แล้วผมก็เดินเข้าไปตามหาคนสองคนที่ผมเพิ่งเห็นเมื่อครู่ ก็เห็นว่านั่งอยู่ชั้นหนึ่ง ทั้งสองคนกำลังนั่งหัวเราะแล้วหัวชนกันพร้อมกับโน๊ตบุ๊คหนึ่งตัว


ทำไมพี่แม่งดูมีความสุขจังวะ แล้วที่มาหยอด มาอ่อยผมทุกวันนี้คือยังไงอ่ะ


แล้วนั่น ทำไมพี่ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้พี่เขาด้วยวะ ไหนบอกว่าหวงผ้าเช็ดหน้าไง อ๋อ สงสัยว่ากำลังจีบพี่คนนั้นอยู่เหมือนกันใช่ไหม แม่ง พี่เวฟคนโลเล พี่เวฟหน้านิ่งๆ แต่แม่งโคตรเจ้าชู้


เหี้ยแม่ง !


แล้วทำไมอยู่ดีๆ ขาถึงก้าวไม่ออกวะ เดินออกไปดินิวตัน มึงจะยืนอยู่ทำไม แล้วทำไมมึงถึงต้องรู้สึกเหี้ยแบบนี้ด้วย เหมือนมีดมาแทงข้างหลัง เหมือนโดนหลอกให้รู้สึกแล้วทิ้งมึงไว้ ทำไมมึงต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยวะ
แล้วดูเหมือนอะไรดลใจให้พี่มันแม่งเงยหน้ามามองหน้าผมก็ไม่รู้ ทันทีที่มันเห็นผม มันยิ้มแล้วก็ลุกมาหาผมทันที ไหนรอยยิ้มนั้นพี่ถึงมีให้อีกคนได้วะ ไหนบอกว่าไม่ชอบยิ้มแล้วทำไมยิ้มกับคนนั้นได้อ่ะ

“นิว”พี่มันเรียกผม ผมมองหน้าพี่มันนิ่งๆ “มาทำอะไร”พี่เวฟเดินมาหาผม
“คือ...”จะตอบว่ายังไงดีวะ บอกว่าเห็นพี่มากับผู้หญิงเลยเดินตามมาดูหรอ
“คิดถึงใช่ป่ะ”ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีก ไอ้เหี้ย !
“ป...เปล่า ใครคิดถึง ไม่มี”ผมพูดพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น
“โธ่ ไอ้เราก็คิดถึงทุกวัน ไม่ได้ไปหาเลย มั่วแต่ยุ่งๆ”เหอะ นี่หรอ ยุ่งของพี่
“ร...หรอ”ผมเปล่งเสียงไปแบบตะกุกตะกัก
“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า”พี่เวฟเดินเข้ามาจะเอามืออังหน้าผากผม แต่ผมหลบ
“ป...เปล่า นิวไปก่อนนะ รบกวนพี่เปล่าๆ”ผมจะเดินออกไป แต่ถูกรั้งไว้ด้วยแรงของพี่เวฟ
“นิว...”พี่เวฟเรียกผม แต่ผมไม่หันไปมอง “อย่าคิดไปเองรู้เปล่า ที่พี่ไม่ไปหาเพราะพี่ยุ่งๆ จริงๆ ช่วงนี้ มีอะไรให้ถาม พี่รู้ว่าพี่ยังไม่มีสิทธิ์อะไรในตัวนิว แต่เชื่อใจพี่นะ ว่าที่ทำมากับนิวตลอดเวลา 3 เดือน พี่จริงใจ”จะให้เชื่อใจยังไงวะ พี่แม่งก็เหมือนผู้ชายทั่วไปแหละ
“ครับ”แต่ผมก็ตอบไปแบบนั้น ผมจะมีสิทธิ์อะไรไปถามเค้า เค้าก็ดูมีความสุขกับคนนั้นดีนี่ ผมสะบัดแขนออกแล้วเดินออกมาทันที แม่งเอ้ย ทำไมกูเป็นแบบนี้วะ กูหาคำตอบไม่ได้สักที โจทย์ฟิสิกส์ยากๆ กูยังคำนวณได้เลย แค่ความรู้สึกของเราทำไมมันหาไม่ได้ล่ะวะ


   ผมไม่รู้ว่าผมเดินมาจนถึงสระน้ำกลางมหาลัยเมื่อไร แต่ก็รู้จนเดินมาถึงริมสระน้ำแล้ว ผมไม่ร้องไห้เพราะผมไม่ใช่คนขี้แย แต่แค่ผมสับสนว่าที่ผมรู้สึกมันเป็นอะไรกันแน่ ทำไมผมถึงหาคำตอบไม่ได้ก็ไม่รู้ แต่การที่ผมเห็นพี่เวฟเดินมากับใครอีกคนที่สวยมาก มันทำให้ผม


   รู้สึกแพ้




   หลังจากวันนั้นมา 3 วันผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าผมเป็นอะไร แต่ทุกครั้งที่ผมเจอพี่เวฟ พี่เวฟจะมากับผู้หญิงคนนั้นเสมอ แล้วจะทำให้ผมหลบตาหลบตาพี่เขาตลอดเวลา ทำไมผมต้องทำตัวเหมือนคนขี้แพ้แบบนี้ด้วยวะ ผมไม่ได้แพ้ ผมยังไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่เวฟเลยสักนิด แต่ทำไมผมต้องรู้สึกแปลกๆ แบบนี้ด้วย


   มันเหมือน หน่วงๆ ที่หัวใจ
   เหมือนมันเต้นช้าลง
   ความรู้สึกเหมือนกับว่า อยากเข้าไปถาม “พี่ชอบผมหรือเปล่า” มันเป็นแบบนั้น


   แต่ผมก็ชอบมาตั้งคำถามว่า ผมจะไม่สนใจทำไมว่าพี่จะชอบผมหรือเปล่า ทำไมผมจะต้องสนใจว่าวันนี้พี่จะมาหาผมไหม ตั้งแต่วันที่พี่มามันแค่รู้สึกแปลกๆ เวลาไม่ได้เจอหน้าพี่ ทุกวันจะได้ยินเสียงพี่ พอไม่ได้ยินเสียงก็รู้สึกเหมือนขาดอะไร ไม่ได้เจอหน้า ก็อยากเห็น แบบนี้เขาเรียกว่า...


   คิดถึงหรือเปล่าวะ ?


 “แม่งโว้ยยยยยย”ผมร้องลั่นห้องนอนพร้อมกับขยี้หัวตัวเองจนไม่เป็นทรง ผมตรงสวยของผมตอนนี้มันเละหมดแล้วครับ เละพอๆ กับความรู้สึกที่กำลังสับสนอยู่ตอนนี้


   ต้องไปหาพี่โอห์ม ใช่ ต้องไป


ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ไม่ได้ล็อค”เสียงพี่ชายสุดที่รักของผมดังเข้ามา ทำให้ผมเปิดประตูเข้าไปทันทีที่พี่เขาบอก

“อ้าว..มีไรมาหาซะดึกเชียว”พี่โอห์มนั่งอ่านหนังสืออยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือปลายเตียง พี่เขาอยู่ในชุดนอนขายาวลายทางสีขาว ส่วนของผมสีน้ำเงิน ผมเดินไปนั่งที่ปลายเตียงแล้วถอนหายใจ
“คือ...พี่โอห์ม”ผมเรียกพี่ชาย ตอนนี้แม่งโคตรสับสน
“หืม”พี่โอห์มหันมาเลิกคิ้วมองหน้าผม
“ค...คือว่า...”ผมจะเริ่มต้นยังไงดี
“มีอะไรก็พูด”พี่โอห์มกอดอกมองหน้าผม
“ค...คือ ตอนนี้ พ...พี่เวฟ เขาจีบผู้หญิงอยู่หรอ ?”ในที่สุดผมก็ถาม ทำไมผมถึงกล้าถาม แล้วผมถามทำไม ผมยังงงตัวเองอยู่เลย
“หรอ...ไม่รู้สิ”พี่โอห์มพูดแล้วยกยิ้มมุมปากเหมือนมีอะไรดีใจสักอย่าง “ถามทำไม ?”
“ก...ก็ นิวเห็นพี่เขาช่วงนี้อยู่กับพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง สวยด้วยนะ ก็เลยถามดู สงสัยเขาจะจีบอยู่ละมั้ง”ผมพูดอย่างลอยหน้าลอยตาแล้วก็หยิบหมอนข้างมาต่อยแก้เก้อ ทำไมผมจะต้องสนใจก็ไม่รู้
“ปากแข็งจริงๆ”พี่โอห์มพึมพำขึ้นมา
“ใครปากแข็งพี่”ผมเลิกคิ้วถาม พี่โอห์มหัวเราะเบาๆ
“ฮึ...”พี่โอห์มลุกขึ้นมาแล้วเอามือแตะที่หัวของผม “แล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงมาถาม ปกติเห็นเบื่อขี้หน้ามันจะตายไอ้แว่นหน้านิ่งนั่นน่ะ”พี่โอห์มจับผมมองหน้าเขา ผมก็หลบตา
“ก...ก็ ช่วงนี้ไม่เห็นเขามาที่บ้าน ไม่มากวน ก็เลยรู้สึกแปลกๆ”ผมบอกไปตามความจริง
“คิดถึง ?”พี่โอห์มเลิกคิ้วถาม
“ทำไมพี่กับพี่เวฟถึงคิดว่าผมคิดถึงเขาวะ ก็แค่...”หรือว่าจะคิดถึงวะ ?
“อย่าปากแข็งให้มากนัก ถ้าอยากรู้ว่าไอ้เวฟจีบใครหรือเปล่า พรุ่งนี้ก็ลองถาม”พี่โอห์มเดินไปปิดไฟอ่านหนังสือ ก่อนที่เดินอ้อมมาบนเตียง
“งั้นผมไปนอนก่อนนะ”ไม่รู้มาหานี่จะได้คำตอบของความรู้สึกหรือเปล่า แม่ง ไม่ได้ช่วยอะไรเลยพี่กู - -
“นิว...”พี่โอห์มเรียก
“หือ ?”
“ลองคิดดูนะสามเดือนที่ผ่านมาการเจอหน้าไอ้เวฟมันทุกวัน มันทำอะไรให้บ้าง ลองรับรู้ความรู้สึกมันดู มันไม่ใช่คนพูดมาก แต่มันพูดมากขึ้นเพราะอะไร ลองคิดดู ถ้านิวเปิดใจสักนิด นิวจะรู้คำตอบ ว่าที่มันทำไปมันทำไปเพื่ออะไร”พี่โอห์มพูดกับผม แต่
“พี่โอห์มแม่ง พูดจาวกวน งงโว้ย”ผมสบถแล้วเดินเกาหัวออกจากห้องทันที ไม่รู้แม่งละ ไปถามเจ้าตัวให้มันจบๆ


   ว่าที่ผ่านมา 3 เดือนมันมาที่บ้านผมทุกวันนี่เพื่ออะไร
   ที่เมื่อก่อนพูดน้อย แต่พูดมากกับผมนี่เพื่ออะไร
   ที่ไม่ชอบยิ้ม แต่ยิ้มกับผมเพื่ออะไร
   พรุ่งนี้กูจะถามให้หมดเลยแม่ง...



   แต่กูจะไปถามตอนไหนวะ อย่างตอนนี้ก็เหมือนกันกูยืนอยู่หน้าตึกใหญ่ของคณะเภสัชศาสตร์ คณะที่อยู่ปลีกวิเวกสัดๆ แต่ผมก็มายืนเอาเท้าเขี่ยก้อนหินหน้าตึกไปมา เหมือนเตะลมนั่นแหละครับ ก็กูไม่รู้ว่าพี่เวฟมันเรียนตึกไห กูเลยมารอตึกใหญ่แม่งเลย แต่ไม่เห็นวี่แววคนตัวสูงสักที หรือกูมาผิดตึกวะ ?

“นิวตัน !!!”เสียงเรียกทำให้ผมตกใจหันไปมองหน้าอย่างไม่ตั้งตัวแต่...



   จุ๊บ


ไอ้สาสสสส มึงเอาปากสากๆ ของมึงมาชนแก้มกูทำไม ไอ้พี่เวฟหน้านิ่ง ฮือ แก้มกูต้องเป็นจุดด่างพร้อยบนใบหน้าแน่ๆ ไอ้แว่นพี่เวฟ ไอ้ฉวยโอกาส ฮือ แล้วแก้มกูจะเป็นรอยไหมวะเนี่ย ผมจับแก้มแล้วมองหน้าพี่เวฟอึ้งๆ ส่วนมันนะหรอ ไม่ได้มีหน้าสำนึกผิดเลย ยังยืนยิ้มแป้นพอใจกับผลงานตัวเองอยู่อีก

“อยากให้หอมแก้มก็ไม่บอก”ไอ้หน้านิ่งบอกแล้วหัวเราะเบาๆ ยิ้มอีกและ มึงยิ้มทำไมมมม ไหนบอกไม่ชอบยิ้ม
“บ้านพ่อง มึงสิพี่เวฟ ใครจะไปอยากโดนพี่หอมแก้มกัน”
“เอ้าหรอ นึกว่าอยากให้หอมแก้ม จะหอมคืนก็ได้นะ”พี่เวฟพูดแล้วยื่นแก้มมาให้ผม ผมเลยตบมันไปเบาๆ
“บ้าหรอ”ผม
“บ้ารักนิวนะ”เหี้ย ! ทำไมหน้าร้อน แค่พูดคำนี้กับกู กูก็หน้าร้อนแล้วเนี่ย
“พ่องตาย”
“เอ้า แช่งพ่อพี่อีก เดี๋ยวไม่มีเงินมาสู่ขอนะเว้ย”พี่เวฟพูดแล้วยิ้มหัวเราะ
“จะมาสู่ขอทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกัน”ผมพูดแล้วหันไปมองทางอื่น
“แล้วเมื่อไรจะเป็นอ่ะ?”พี่เวฟเลิกคิ้วถาม
“เป็นบ้าอะไร แล้วแฟนพี่ไม่อยู่หรือไงเล่า”ผมขมวดคิ้วถาม ยังมีหน้ามาถามอีก ตัวเองกำลังจีบคนอื่นอยู่แท้ๆ แม่งยังจะมา
“ยังไม่มี”พี่เวฟตอบหน้าตาเฉยๆ
“แล้วผู้หญิงคนนั้นละ ?”ผมถามอย่างไม่คิด เหี้ย ปากกูก็ไวเกิ๊น ผมรีบเอามือปิดปาก พี่เวฟทำหน้าครุ่นคิดนิดหนึ่งแล้วก็ยิ้มมุมปากมองหน้าผมอย่างเจ้าเล่ห์
“อ๋อ คนนั้นอ่ะหรอ คือ...”
“เวฟ”นั่นไง พูดถึงก็มาพอดี ตายยากจริงนะเจ้ นี่มาตามแฟนล่ะสิ เออๆ เอาไปสักทีดิ๊ รำคาญแม่ง
“อ้าว แพรว”พี่เวฟหันไปมองหน้าพี่เขาแล้วยิ้มนิดหน่อย ก่อนจะหันกลับมามองหน้าผม แหม พอแฟนมานี่หน้าระรื่นเชียวนะ ฮึ ! ไอ้พี่เวฟ ไอ้คนโลเล มึงมันโลเล กูไม่อยู่แม่งละ รกหูรกตา
“เดี๋ยว นิวจะไปไหน”พี่เวฟรั้งแขนผมไว้
“จะกลับคณะ”ผมบอก
“เอ้า แล้วมาที่นี่ทำไม”เอ้อ กูมาทำไมวะ เหี้ย กูยังงงกับตัวเองอยู่ ก็กะว่าจะมาถามว่าเป็นอะไรกับอีเจ้ที่ยื่นข้างๆ นี่ แต่เจ้เขามาพอ แล้วก็มายิ้มระรื่นให้กัน


   เหี้ยเอ้ยยย แล้วทำไมกูต้องรู้เหมือนเป็นเด็กขี้อิจฉาจังวะ
   แล้วกูเป็นอะไรมาแขวะผู้หญิงเนี่ย กูนี่นิสัยผู้หญิงจริงๆ


“ก็...ค...คือ”ผมไม่รู้จะตอบยังไง
“นี่หรอ น้องคณะวิทย์ฯ ที่เวฟจีบอยู่”อีเจ้ถามแล้วชี้มาที่ผม จีบห่าอะไรครับเจ้ มันยังไปจีบเจ้อยู่เลย
“โอ๊ย พี่มันจะมาจีบอะไรผมครับ มันจีบพี่นั่นแหละ เห็นเดินยิ้มเข้าหอสมุด กระหนุงกระหนิงด้วยกัน แถมยังยิ้มกว้างอีก เหอะ ! แล้วบอกเป็นคนไม่ชอบยิ้ม โธ่ เอ้ย มันก็แค่มุกจีบสาวล่ะว้า แล้วไงล่ะ ใช้ได้ผลป่ะ เอามาใช้มั่งจะได้ไปใช้”ผมพูดยาวออกไป ไม่รู้ผมพูดไปได้ยังไง แต่ก็พูดไปแล้ว นี่กะแขวะพี่เวฟจริงๆ เลยนะครับ แต่อีเจ้นั่นดันมาหัวเราะสะได้ หัวเราะอะไร กูแขวะมึงทั้งคู่อยู่เนี่ย
“น้องน่ารักดีนะ”เจ้แพรวบอกแล้วยิ้มออกมา
“น่ารักดี แต่มันมึนไปหน่อยแค่นั้นเอง คนเขาตามจีบอยู่สามเดือน ยังมีหน้ามาบอกว่าจีบคนอื่นอีก จีบ หยอด ทำทุกอย่างแล้วก็ยังไม่รู้ตัวว่าจีบ เล่นตัวชิบหาย”พี่เวฟพูดแล้วเหล่มาที่ผม
“ใครเล่นตัว ผมไม่ได้เล่นตัว ก็พี่ไปบ้านผมทุกวันก็ไปทำงานกับพี่โอห์มไม่ใช่หรอ มากินข้าวกับผมก็มากับพี่โอห์มไม่ใช่หรอ ก็แค่มากวนตีนผมแค่นั้น”ผมพูดไปตามความรู้สึก
“คึคึ...น้องมึนจริงๆ ด้วย เอาเป็นว่าแพรวไปก่อนนะ งานเรียบร้อยแล้ว หวังว่ามันจะดี ถ้าอาจารย์ไม่โหดนะ แพรวไปก่อน โก้มาพอดี”พี่แพรวบอกแล้วยกมือลา ก่อนจะเดินไปยังชายหนุ่มที่ขี่บิ๊กไบค์มารับก่อนที่ชายคนนั้นจะลูบหัวแล้วเอาหมวกใส่ให้พี่แพรวแล้วพากันออกไปทันที ผมสงสัยนะ
“นั่นโก้ แฟนแพรว”


   ห๊ะ แฟน ????



“เอ้า แล้ว...”ผมหันมาขมวดคิ้วแล้วชี้หน้าพี่เวฟ


   ไอ้ชิบหายยยยยย กูปล่อยไก่ตัวเบ้อเร้อเลย สรุปแล้ว พี่เวฟแม่งไม่ได้จีบ แต่พี่แพรวมีแฟนอยู่แล้ว แล้วคือยังไง พี่เวฟอกหักหรอ ?

“พี่เวฟ พี่อกหักหรอ ?”ผมถาม พี่เวฟถอนหายใจ
“ทำไมเราถึงได้มึนขนาดนี้เนี่ยนิว พี่ไม่ได้จีบแพรว เราแค่ทำงานด้วยกันเฉยๆ เป็นรายงานคู่ ช่วงหลังๆ มันต้องส่งแล้วเราต้องไปทำด้วยกัน แค่นั้น แล้วเด็กที่ไหนไม่รู้มาคิดเป็นตุเป็นตะว่าพี่จีบคนอื่น ทั้งที่พี่จีบเค้าแทบตายยังไม่รู้ตัวเลย โง่ หรือยังไงก็ไม่รู้”พี่เวฟพูดแล้วตะคอกคำว่าโง่มาที่หน้าผมแรงๆ เอ้า กูผิดอะไร
“สงสัยจะโง่ ไหนอ่ะคนที่พี่จีบ ผมจะไปถามให้”ผมชะเง้อมอง พี่เวฟถอนหายใจแล้วจับหน้าผมให้มองหน้าพี่เขา
“นิว มองตาพี่นะ แล้วก็เลิกโง่ได้แล้ว ตลอดเวลาสามเดือนที่พี่ไปบ้านนิวทุกวัน ไปกัด ไปกวนตีน ไปกินข้าว ไปทำอะไรต่อมิอะไรให้ นิวรู้สึกอะไรบ้างไหม ?”พี่เวฟถามผม ผมก็ครุ่นคิด
“ก็ธรรมดาปกตินะ”ผมตอบ พี่เวฟปล่อยมือ
“โอ๊ยยยย เรานี่โง่จริงๆ ด้วย พี่ทำไปทุกอย่างก็เพราะอยากเจอ อยากเห็นหน้าเราทั้งนั้นนะนิวตัน พี่พยายามจีบ พยายามทำให้พี่อยู่ในสายตานิว แต่นิวดูท่าจะไม่เห็นอะไรเลย”ทำไมท้ายประโยคพี่เวฟมันดูเบาๆ แปลกๆ วะ

“พี่พยายามไปบอกไอ้โอห์มตั้งแต่วันแรกที่พี่เห็นนิวว่าพี่ชอบนิว พี่จะจีบนิว พี่ไปบอกกับแม่กับพ่อนิวว่าพี่ชอบนิดมาก จนตอนนี้มันเกินคำว่าชอบแล้ว พี่อยากเห็นหน้านิว อยากได้ยินเสียงนิว อยากกวนนิวในทุกๆ วันที่ลืมตาขึ้นมา ซึ่งมันก็เรียกว่าความรัก แต่ดูเหมือนนิวจะไม่เห็นความรักของพี่เลย พี่เหนื่อยแล้วว่ะ บอกพี่สินิว นิวไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆ หรอ”

   ทำไมมันรู้สึกว่าพี่เขาตัดพ้อกับผม แต่เดี๋ยวๆ นี่มึงเล่นเข้าหาครอบครัวกูก่อนเลยหรอ ไอ้พี่เวฟ มึงมันร้ายกาจมากที่ลอบเข้าทางพ่อแม่ หวังให้กูใจอ่อน แอบติดต่อกันไว้ยังไงล่ะ หือ ถามว่ากูจะใจอ่อนไหม บอกเลยว่า...


“การที่ผมบอกว่าพี่ไปบ้านผมทุกวันมันปกติ มันธรรมดา แต่จริงๆ มันธรรมดาจนถ้าวันหนึ่งพี่หายไปผมคงต้องวุ่นวายแน่ๆ ผมคิดตามที่พี่บอกทุกอย่างนะ แต่ผมโง่นะพี่เรื่องความรัก เห็นผมพูดเรื่องนั้นนี้กับสาว แต่ผมไม่กล้าหรอก ผมมันเป็นคนซื่อจนอาจจะเซ่อ”
“อันนั้นพี่รู้”อย่าขัดจังหวะกูสิโว้ย แม่งกำลังซึ้ง
“อย่าขัดดิ...อาทิตย์ที่แล้วพี่หายไป รู้ป่ะ ผมโคตรไม่เป็นตัวเอง เฝ้าถามว่าวันนี้พี่เวฟไปไหนวะ ทำไมไม่เห็นหน้า ทำไมไม่ได้ยินเสียง ทำไมไม่เห็นรอยยิ้ม เสียงของพี่คนอื่นอาจจะไม่ได้ยินมาก แต่สำหรับผมผมได้ยินจนเคยชินในทุกวัน ยิ้มของพี่คนอื่นเห็นว่าเป็นเข็มในมหาสมุทรที่หาได้ยาก แต่สำหรับผมมันเป็นเกลือในมหาสมุทรที่ไม่ว่าตอนไหนผมก็เจอ จนตอนนี้...”ผมว่าผมแน่ใจแล้วก็หาคำตอบให้ความรู้สึกตัวเองได้แล้วล่ะ ผมดีใจที่พี่เวฟไม่ได้จีบพี่แพรว ผมดีใจที่เขาไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะ ผมจะได้ยินเสียง แล้วก็รอยยิ้มของพี่เขาทุกวัน

“ผมว่าผมขาดมันไม่ได้แล้วล่ะ รอยยิ้มของพี่น่ะ”


เหี้ย พูดเองเขินเอง ทำไมกูเขินวะ

“ตะ...”ไม่ทันจะได้พูดพี่เวฟก็บุกเข้ามาขโมยจูบผมทันที ลิ้นสากของเขากวัดแกว่งเขามาสัมผัสกับลิ้นผม ความหวานแผ่ซ่านไปทั่วริมฝีปาก ใครจะไปคิดว่าหนุ่มแว่นหน้านิ่งคนนี้จะมีจูบที่หวานมาก

“เฮ้ย...กลางคณะเลยหรอวะ แบบนี้สาวๆ เขาก็อกหักสิไอ้เวฟ”เสียงพี่คินดังลั่นทำให้ผมกับพี่เวฟผละออกจากกัน
“กูไม่สนใจสาวคนอื่นหรอก กูสนใจนิวตันคนเดียว กว่าจะจีบสำเร็จนี่มันยากนะเว้ย แฟนกูทั้งคน”พี่เวฟบอกกลับไปแล้วจับมือผม พี่โอห์มเดินเข้ามาหาผม แล้วลูบหัว
“เป็นไง หาคำตอบได้ยัง”พี่โอห์มถาม ผมก็พยักหน้า “ดูแลน้องกูดีๆ นะ ไม่งั้น”
“กูจะตัดความเป็นเพื่อนแล้วสับมึงเป็นชิ้นๆ...กูรู้แล้วน่า จีบมาตั้งสามเดือนจะทิ้งง่ายๆ ได้วะ แล้วก็นะ ไม่มีวันทิ้งแน่นอน”พี่เวฟพูดแล้วขยิบตาให้ผม


   แม่ง โคตรมีเสน่ห์
   ผมขอบอกเลยนะครับคุณผู้ชม ว่ามีเวฟอ่ะ ไม่ได้พูดน้อยหรอก กับผมแม่งพูดมาก ไม่ได้ยิ้มยากหรอก แต่กับผมแม่งยิ้มโคตรบ่อย เพราะอะไรรู้ไหมครับ


   กูผมเป็นแฟนพี่เขาไง
   .
   .
   .
   .
   .
   แต่เดี๋ยวก่อน...พี่เวฟ คุณแฟนครับ ?


   มึง...ยัง...ไม่...ได้...ขอ...กู...เป็น...แฟนนนนนนนนนนนนนน !!!!

   พี่เวฟหน้านิ่ง แต่ขี้อ่อย
   พี่เวฟยิ้มยาก แต่ชอบหยอด
   พี่เวฟไม่พูดมาก แต่จีบผม
   แล้วยังไง กูก็ใจอ่อนสิ แรงโน้มถ่วงหัวใจของนิวตัน มันเข้าไปหาพี่เวฟเต็มๆ แล้วครับ

   อ้วกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก


   คำขอของเวฟ
“กูชอบน้องมึง”เสียงของชายหนุ่มใส่แว่นบอกหนักแน่น
“อะไรนะ”พี่ชายเลิกคิ้ว
“กูชอบน้องมึง กูจะจีบ”
“แน่ใจหรอ”
“แน่ใจ กูจริงจัง”ดวงตาเรียวภายใต้กรอบแว่นจริงจัง แล้วมีหรือคนเป็นเพื่อนอย่างพี่ชายจะไม่รู้
“จริงจังนี่จริงใจไหมวะ”
“แน่นอน”
“แล้วถ้าน้องกูเสียใจอ่ะ”
“จะไม่มีวันนั้น”
“กูจะเชื่อมึงได้ยังไง ?”
“เอาความเป็นเพื่อนของกูเป็นประกัน”
“แต่ถ้าวันไหนมึงทำน้องกูเสียใจ ความเป็นเพื่อนก็ขาดกันนะ”
“กูบอกแล้วจะไม่มีวันนั้น”
“แต่ยากหน่อยนะ น้องกูมันมึน ซื่อ แล้วก็โง่ด้วย”
“ยากแค่ไหนกูก็จะจีบ”
“กูยอมใจมึง”

นี่แหละความร้ายกาจของชายหนุ่มที่ชื่อเวฟ เป็นคนจริงจังและจริงใจ เล่นเข้าทางพี่ มีหรือน้องจะรอด ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ


END

___________________________________________________________________________________________

Talk :
กลับมาแล้วครับ กลับมาพร้อมกับเรื่องสั้นซีรีส์ที่ 4 กับความยาว 20 หน้ากระดาษเอ 4
อ่านกันให้จุใจหลังจากที่หายไปนาน
มาคราวนี้ มาแนวน่ารักใสๆ
ขออภัยในความหยาบคายของน้องนิวตันด้วยนะครับ
แต่น้องเป็นคนซื่อและมึน และเซ่อจริงๆ
และก็ขออภัยในความหล่อของพี่หมอยาเวฟ คนอะไรเขียนไปยังรู้สึกเขินแทนเลย
พี่เวฟคือตัวแทนของคนที่พูดน้อยแต่ทำจริง เวลาเจอคนที่ชอบ แต่มันก็มีความร้ายโดยการเข้าทางครอบคัว
น้องนิวตันคือตัวแทนของเด็กเซ่อๆ เอ๋อๆ แต่ปากเก่ง
เป็นไงล่ะ เสร็จพี่เวฟเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณทุกๆ กำลังใจนะครับ ตอนนี้งานทุกอย่างเริ่มเคลียร์แล้ว
แต่จะบอกว่า วางพล็อตเอกต่อไปยังไม่ได้ ไม่รู้จะดึงดราม่า สดใส กุ๊กกิ๊ก จิดกัด หรือยังไงดี
ไม่รู้จะเอาคาแร็คเตอร์พระเอกยังไง นายเอกยังไงแล้วด้วย ฮ่าๆๆๆ
แต่ไม่นานเดี๋ยวก็คิดออก ขอหาแรงบันดาลใจก่อน นะครับ
ยังไงก็ ติดแฮชแท็ก #นักวิทย์วุ่นรัก #ฟิสิกส์คลิกใจ #เวฟนิวตัน ด้วยนะครับสำหรับใครที่เล่นทวิตเตอร์
สุดท้ายนี้ ไรท์ รักทุกคนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2016 02:17:18 โดย desevbas »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
ชอบพี่เวฟอ่ะ เนียนๆมึนๆมาจีบ 55555

แต่ฮานิวมากกว่าอีก อะไรจะมึน ซื่อ ขนาดน้านนนนนนนนนนนนนน  :m20: :m20: :m20: :m20:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
พี่เวฟ o13 o13 o13 o13 o13
น้องนิวทั้งมึนซึนอึนยังทำให้น้องมาเป็นแฟนได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9
ดีใจกับพี่เวฟด้วยนะคะที่ได้เด็กโง่ เด็กมึน มาเป็นแฟนสักที

ออฟไลน์ reverofjs

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
มึนแต่น่ารักโพดดดดด จริงจังและจริงใจ อยากได้แบบเน้~~~

ออฟไลน์ desevbas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
หัวใจ ไซส์ (จุลชีวะ)
[/b][/size]



-  เค้าว่ากันว่า หัวใจคนเราจะเล็กลง เมื่อเจอคนที่แอบรัก  -
[/b]


   ผมไม่รู้ว่าคำพูดประโยคนี้เป็นจริงไหม แต่สำหรับผมเวลาเจอคนที่แอบรัก ไม่รู้ทำไมเหมือนหัวใจผมถูกบีบให้เล็กลงไปทุกที อาจเป็นเพราะเค้าเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเค้าก็ดูดีและมีเสน่ห์เสมอ หลายคนอยากได้เค้าเป็นแฟนก็มาก จนผมไม่รู้ว่าผมมีสิทธิ์นั้นมากมายแค่ไหนกัน


   หลายคนเคยบอกให้ผมทำใจกล้าไปบอกเขาสักที แต่ผมกลัว กลัวว่าเขาจะไม่มองผม เมื่อผมไปบอกกับเขาแล้ว กลัวว่าวันหนึ่ง ผมจะไม่ได้เห็นเขาอีกเลย


   ผมรู้จากหลายๆ คนมาว่าเขาเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่หยิ่ง และคุยเล่นกับทุกคน นั่นอาจจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเขาก็ได้ที่ผมรู้สึก เวลาที่เขายิ้มคุยเล่นกับคนอื่นมันน่ามองสำหรับผมเสมอ



- เขาบอกว่า ถ้าหากบอกรักก็มีโอกาส 50/50 แต่ถ้าหากไม่บอกเลยโอกาสก็คือ 0 –



   ซึ่งผมไม่รู้ว่าโอกาสผมจะมีเท่าไร แต่ภาวนาให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์นั่นมันมาอยู่ที่ผมบ้าง เพราะตอนนี้ผมยืนอยู่ต่อหน้าเขา ชายหนุ่มร่างสูง ใช่ครับ คุณอ่านไม่ผิด ผมชอบผู้ชาย ผู้ชายที่สูงกว่าผมสัก 7 เซนติเมตร ผมเงยหน้านิดหนึ่งแล้วพยายามสูดหายใจเขาลึกๆ เพราะรวบรวมกำลังที่จะเปล่งประโยคที่ผมอยากพูดกับเขาที่สุดมาเป็นเวลา 2 ปี ผมชอบเขาต้องแต่ปี 1 ขึ้นปี 2 ก็ยังชอบ จนตอนนี้กลายเป็นผมรักเขาแล้วมั้ง


   รักแบบที่ผมไม่ต้องการอะไรตอบแทนแล้วตอนนี้
   รักแบบที่ผมอยากบอกให้เขารู้
   อย่างน้อยผมก็ได้บอก


   ถ้าหากรักครั้งนี้ถูกปฏิเสธ ผมก็อาจจะเสียใจ แต่ก็ยังดีใจที่ได้บอกเขาไป ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าเขาหัวใจผมเต้นเร็วและรัว หัวใจขนาดเท่ากำปั้นของผมกำลังทำงานและรู้สึกตื่นเต้นอยู่ทุกวินาที


   “ก้าว”ตึก ตึก เสียงใจผมเต้นดังกว่าเสียงผมอีก ผมรู้สึกได้ ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น
   “หือ ... มีอะไรหรอ ?”เขาถาม
   “เราชอบนายนะ”ผมบอกแล้วหลับตาปี๋ ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าผมเป็นยังไง และหน้าเขาเป็นยังไง รู้อย่างเดียวว่าใจผมเต้นโคตรดังและแรง เลือดผมเหมือนสูบฉีดเร็ว ความดันขึ้นจนเกือบจะเป็นลม แต่ผมก็ยังบังคับให้ตัวเองตั้งสติ เพื่อรอฟังคำตอบก่อน นานทีเดียวกว่าที่อีกฝ่ายจะเปล่งเสียง และเป็นเสียงที่ผมคาดไม่ผิด น้ำเสียงที่เป็นมิตร รอยยิ้มที่จริงใจ และคำพูดที่ผมฟังแล้วไม่ผิดแปลกจากที่คาดไว้


   “ขอบคุณนะที่ชอบเรา เราไม่ได้รังเกียจนายด้วย แต่ว่า...”
   “อืม ไม่เป็นไร ขอบคุณที่ไม่รังเกียจ แค่อยากบอกให้รู้ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว”ผมรู้ว่าเขาจะพูดว่าอะไรต่อจากนั้น มันก็คือคำปฏิเสธในลักษณะเขาที่รักษาน้ำใจคน เขาแค่จะพูดว่า


   “เราไม่ได้ชอบนาย”


   แต่แปลก ! ที่ผมกลับไม่รู้สึกเสียใจสักนิด ไม่เลยแม้แต่จะนอยด์หรืออะไร ผมได้รู้ว่าการที่เราบอกรักใครสักคนไม่ว่าจะ 50 เปอร์เซ็นต์ไหนมันก็มีความสุขทั้งนั้น อาจจะเป็นความสุขในคนละแบบ แต่ผมก็เรียกมันว่าความสุข


   ความสุขในแบบผมคือ โล่ง สบายใจ และผมก็จะยิ้มอยู่คนเดียว ผมเงยหน้ายิ้มให้เขาอีกครั้งเป็นยิ้มที่จริงใจที่ผมอยากยิ้มให้เขาจริงๆ ก่อนที่ผมจะพูดกับเขาอีกครั้ง

“ขอบคุณที่รับฟังนะ แล้วก็ขอบคุณที่ไม่ต่อยหน้าเรา”ผมบอกแล้วหัวเราะ “เราไปก่อนนะ”ดีที่ยืนตรงนี้คนไม่มี เพราะผมเรียกเขามาแค่สองคน ผมหันหลังแล้วเดินมาในความรู้สึกที่อบอุ่นใจ อย่างน้อยผมก็ได้บอกละวะ ต่อให้เขาปฏิเสธ ผมก็ไม่เสียตาย


   เพราะผมไม่ได้ต้องการสิ่งตอบแทนจากคำพูดที่ผมบอกเขาไป ก็แค่นั้น


   แค่ไม่หวัง เราก็ไม่ผิดหวังแล้ว



- อย่าให้ความรักที่ผิดหวัง ทำให้ชีวิตเราด้อยค่า –



   ผมไม่รู้ว่าคำพูดนี้ใครพูดให้ฟัง แต่ผมรู้ว่าชีวิตผมก็ดำเนินต่อไปแถมยังมีความสุขมากๆ อีกต่างหาก ตอนนี้ผมนั่งกินปิ้งย่างบุฟเฟ่ต์อยู่ในร้านแถวๆ หอ ซึ่งเป็นร้านที่ผมกับเพื่อนมากินประจำ กลุ่มผมมีกันอยู่ 4 คน เป็นผู้ชาย 2 และผู้หญิง 2 ผมกำลังนั่งแกะกุ้งก้ามกรามตัวใหญ่สมราคาที่จ่ายอยู่อย่างตั้งใจ ตลอดการทานอาหารมันจะมีเรื่องคุยและเรื่องสนุกสนานตลอดเวลา

“เออ ไอ้ยีสต์ เรื่องเด็กวิทย์ฯ กีฬา คนนั้นเป็นไงวะ มึงบอกไปยัง”เสียงนุ่น เพื่อนหญิงสาวของผมดังขึ้นผมเงยหน้าแล้วเลิกคิ้ว
“อ่อ ก้าวอ่ะนะ บอกไปแล้วว่ะ แต่ก็อย่างที่คาดไม่มีผิด”ผมบอกแล้วจับกุ้งยัดใส่ปากอย่างเอร็ดอร่อย
“มึงบอกไปแล้วจริงง่ะ แล้วโดนปฏิเสธป่ะวะ”เสียงจิน หญิงสาวอีกคนถามขึ้น ผมพยักหน้าแต่ก็ยังยัดกุ้งไปต่อ
“แล้วมึงไม่เสียใจ ?”ไอ้แมนเพื่อนชายของผมถาม ผมส่ายหน้า
“ฮึ”
“โคตรแข็งแกร่ง”นุ่นบอแล้วปรบมือเบาๆ
“แข็งแกร่งจริง มึงไม่เสียใจจริงๆ หรอวะ ?”แมนถาม ผมจับกุ้งอีกตัวที่เพิ่งแกะเสร็จแล้วจับยัดไปอีกตัว แล้วเช็ดมือที่เลอะด้วยกระดาษทิชชู่

“เสียใจทำไมวะ กูดีใจซะอีกที่ได้บอก อย่างน้อยก็ได้บอกแล้ว กูไม่ได้หวังให้เขามาชอบกลับนี่”ผมบอก
“มึงแม่ง กูนับถือใจจริงๆ”จินบอกผมแล้วยิ้ม “เอ้าชน ให้กับเพื่อนผู้ได้บอกความลับออกไปแล้ว”เพื่อนทุกคนยกแก้วน้ำอัดลมขึ้นแล้วเหมือนดื่มฉลองให้ผม



   ผมลืมบอกไปใช่ไหมครับว่าผมชื่อ ยีสต์ เรียนอยู่สาขาจุลชีววิทยา ปี 3 ชื่อยีสต์ก็คือไอ้เชื้อจุลินทรีย์ที่เขาเอาไปทำทั้งเบียร์ ขนมปังนั้นแหละครับ ไอ้แซคคอโรไมซีส เซเรเวซิอี้ นั่นแหละ โคตรเข้ากับเอกที่เรียน ส่วนก้าว คนที่ผมชอบเรียนคนละคณะครับ เรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา แต่ของ มหา’ลัยผม จะอยู่ในคณะศึกษาศาสตร์ เพราะเอกในคณะผมมันเยอะแล้ว ดูแลไม่ไหว ทางคณะเลยเฉดหัว เอ้ย ให้ไปอยู่ในคณะศึกษาศาสตร์แทน


   “กูไปกดน้ำนะ ใครจะฝากป่ะ”ผมลุกขึ้นแล้วหันไปถามเพื่อนผม พวกมันส่ายหน้า เป็นอันรับรู้ว่าไม่มีใครเอา ผมเลยเดินไปคนเดียว


   ระหว่างที่กดน้ำอยู่ ก็มีคนมายืนข้างๆ กำลังตักน้ำแข็ง ซึ่งเป็นก้าวนั่นแหละครับ ผมใจกระตุกนิดหน่อย แต่พอคิดได้ว่าไอ้บอกความรู้สึกไปแล้ว ก็เลยสบายใจขึ้น

   
        “ก้าว”ผมเรียก เขาหันมามองแล้วยิ้มกว้างทันที
   “อ้าว มากินเหมือนกันหรอ มานานยัง”เขาถาม
   “อื้อ มาจนจะหมดเวลาแล้วล่ะ ก้าวล่ะ มานานยัง”
   “เพิ่งมาอ่ะ”เขาบอก ผมเลยพยักหน้า
   “อ่อ กินให้อร่อยนะ”ผมบอกแล้วยกน้ำขึ้นดูดอย่างสบายใจ ก่อนจะเดินออกมา ไม่รู้ครับ ว่าทำไมผมถึงสบายใจแบบนี้ เขาก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจผมสักนิดเดียว


   “เอ่อ นาย !”เขาเรียกผมทำให้ผมหันไปเลิกคิ้วข้างขวาขึ้นทั้งที่ยังดื่มน้ำอยู่ ทำให้เขาหัวเราะเบาๆ นิดหนึ่ง
   “หือ ว่าไง”ผมเลิกดูดแล้วถามขึ้น
   “นายชื่ออะไร ?”เขาถาม
   “อ่อ ขอโทษนะวันนั้นไม่ได้บอก เราชื่อยีสต์ เรียนวิทยาฯ ปี 3 อ่ะ”ผมบอกแล้วยิ้มให้เขาอีกครั้ง
   “อือ แต่ว่า นายไม่เสียใจหรอที่เราปฏิเสธนายวันนั้น”เขาถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ ผมเลยยกยิ้มนิดหน่อย
   “จะเสียใจทำไม เราบอกแล้วว่าแค่อยากบอก ไม่ได้หวังให้ก้าวมาชอบเรากลับสักหน่อย แค่เราได้บอก เราก็สบายใจแล้ว อีกอย่างก้าวก็ไม่ได้รังเกียจเรา เราก็เป็นเพื่อนกันได้นี่”ผมบอกแล้วยิ้มอย่างจริงใจให้เขาอีกครั้ง

   “หรอ ?”เขาก้มหน้าเหมือนคิดอะไรสักอย่าง
   “อื้ม ทำไมหรอ หรือไม่สบายใจที่เรามาคุยด้วย เราไม่คุยก็ได้นะ เราโอเค”ผมบอกเสียงร่าเริงครับ ผมเป็นคนแบบนี้แหละ อะไรที่ทำให้คนอื่นไม่สบายใจ ผมก็ไม่อยากทำ
   “เปล่าๆ คุยได้”เขาเงยหน้ามายิ้ม ผมเลยยิ้มกลับ
   “งั้นเราไปจริงๆ แล้วนะ”ผมยกมือขึ้นโบก ผมไม่รู้ว่าเขาจะไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า แต่ผมไม่ได้ที่จะติดตามเขา แต่แค่มองหน้าบ้างเวลาที่รู้ว่าจะเจออีกฝ่าย ไม่รู้สิ ผมเป็นของผมแบบนี้ สบายใจที่ได้มองหน้าก็โอเคแล้ว


- เหตุผลของคนที่จะคุยกันมีไม่กี่ข้อหรอก ขอแค่ได้คุยก็ดีแล้ว -


   หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป
   หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็เรียน ทำตัวปกติของผมเหมือนทุกวัน แต่ที่แปลกคือ ผมเจอก้าวบ่อยมากๆ มันก็ดีนะครับ ผมแฮปปี้ดี ได้เจอบ่อยๆ ผมเจอกับเขาก็ทำตัวปกติไม่ได้มีท่าทีว่าจะทำให้ไม่สบายใจอะไร ซึ่งก้าวก็คุยกับผมปกติ ดูจะมากกว่าปกติด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็ไม่คิดอะไรเพราะว่ายังไงก็คนรู้จักกัน มันทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วย



   วันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ครับ ผมเลยมาวิ่งออกกำลังกายอยู่ในสนามออกกำลัง ข้างๆ มหา’ลัย ซึ่งผมก็มาประจำ อาจจะเหลวไหลไปบ้างเวลาที่ขี้เกียจ ปกติจะมีเพื่อนมาด้วย แต่วันนี้พวกมันกลับบ้านกัน ผมเลยต้องมาคนเดียว แต่ก็โอเคแล้วครับ ไม่ต้องรอใคร ให้เสียเวลา

   ผมวิ่งไปได้ 3 รอบก็รู้สึกถึงลิมิตตัวเองแล้ว ผมเลยไปกดอาหารปลาจากตู้กดมา หยอดเหรียญไป 10 บาท อาหารปลาเม็ดก็ไหลออกมาพร้อมกับเสียงเพลงฟังไพเราะเสนาะหู หรือเปล่าไม่รู้ สำหรับผมคือหนวกหูมาก ก่อนที่ผมจะเดินไปนั่งขอบปูนขั้นบันไดริมสระแล้วก็ค่อยๆ โปรยทีละนิด ปลาตัวใหญ่ก็ว่ายขึ้นมาฮุบทันที การได้นั่งดูปลาไปเรื่อยๆ แบบนี้มันสบายใจและเพลินดีครับ

“ยีสต์ !”เสียงเรียกตะโกนจากด้านหลังทำให้ผมหันไปก็เห็นร่างสูงของก้าวยกมือทักทาย ผมเลยโบกมือให้เขาแล้วยิ้ม ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามาแล้วนั่งลงข้างๆ
“มาวิ่งหรอ ?”เขาถาม ผมพยักหน้า
“อื้ม วิ่งได้แค่สามรอบอ่ะ เหนื่อย”ผมพูดเสียงแห้งๆ แล้วหัวเราะ ก้าวก็หัวเราะตามเบาๆ อย่างว่าแหละครับ เขาเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นนักกีฬาร่างกายเลยสมบูรณ์แบบมาก ผมไม่เคยเห็นกล้ามเนื้อเขาชัดหรอก แต่ดูจากหุ่นก็เฟิร์มมากแล้ว
“ฮะๆ ถึงว่าตัวผมแห้งแค่นี้เอง”เขาบอกแล้วมองผม ผมเลยเกาแก้มแก้เขิน
“กินก็เยอะนะ แต่ไม่อ้วนอ่ะ ไม่รู้ทำไม”ผมบอก
“กินโปรตีนดิ จะได้สร้างกล้ามเนื้อ”เขาบอก
“ก็กินนะ เนื้อสัตว์นี่กินทุกวันเลย ฮะๆ”ผมบอกแล้วหัวเราะเบาๆ ความจริงผมก็รู้แหละครับว่าโปรตีนที่ดีมันมาจากไหนบ้าง แต่ส่วนใหญ่ที่กินไม่ค่อยจะดีเท่าไร
“ฮะๆ”เขาหัวเราะ แล้วก็มองปลาที่ฮุบอาหารไป ผมเลยยื่นถังอาหารปลาให้เขา
“อ่ะ ให้ไหม ?”ผมถาม
“ขอบคุณ”เขาบอกแล้วก็โปรยอาหารปลาไป
“มาวิ่งบ่อยหรอ ?”ผมถาม
“อือ ก็บ่อยนะ แต่ปกติจะเล่นบาส อยู่ใน มอ อ่ะ”เขาบอกแล้วยิ้ม ผมเลยพยักหน้า
“อือหึ”
“เอ้อ ยีสต์”ก้าวเรียกผม
“หือ ?”ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“ก้าวถามอะไรหน่อยดิ”สรรพนามแทนตัวเขาเปลี่ยนไปแล้วครับ ผมก็งง แต่ไม่ได้ว่าอะไร
“อือ เอาดิ”ผมบอกแล้วแบ่งอาหารมาโปรยให้บ้าง
“ทำไมถึงชอบก้าวอ่ะ”เขาถาม เล่นเอาผมหันไปมองหน้าเขา แล้วยิ้มทันที
“จะให้บอกจริงอ่ะ”ความจริงก็เขินแหละครับ ก็อยู่ดีๆ มาถามกันแบบนี้ผมก็เขินอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาถาม ผมก็จะบอก ที่บอกคืออยากบอกความรู้สึกมานานแล้ว ไม่ได้หวังสิ่งใดเลย

“บอกดิ”เขาพยักหน้า
“ถามว่าทำไมชอบหรอ ไม่รู้สิ แค่รู้สึกว่าเห็นครั้งแรกแล้วมีเสน่ห์อ่ะ คือเราว่าทุกคนก็คงคิดแบบนี้ แต่สำหรับเรา เราชอบที่ก้าวเป็นก้าวนี่แหละ ไม่ได้ชอบที่อะไร เข้าใจไหมอ่ะ”ผมชอบที่เขาเป็นเขาจริงๆ ทุกอย่างที่เป็นเขาผมชอบหมด
“ก้าวไม่ใช่คนดีมากนะ”
“คนเราเป็นคนดีทั้งหมด ไม่มีหรอกก้าว ยีสต์ก็จะบอกว่ายีสต์ไม่ใช่คนดีมาก แต่คนเราจะชอบใคร จะรักใครเราต้องมองข้ามข้อเสียของเขาคนนั้นหรือเปล่า ไม่ใช่คอยจับผิด เราต้องรับที่เขาเป็นเขาให้ได้สิ แบบนั่นแหละความรัก”ผมบอกแล้วยิ้มกับสระข้างหน้า ไม่ได้มองเขาเลย ที่ผมบอกไปเพราะผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“แสดงว่ายีสต์ชอบที่ก้าวเป็นก้าว ไม่ได้มองหน้าตาหรอ”ก้าวถาม ผมเลยหันไปมองหน้าเขาแล้วยิ้มออกมา จริงครับเขาเป็นคนหน้าตาดี ใครๆ ก็หันมองทุกครั้งที่เดินผ่าน ยอมรับว่าครั้งแรกที่มองเพราะเขาโดดเด่นกว่าใคร แต่แปลกผมรู้สึกว่าผู้ชายข้างๆ ผมมีอะไรดึงดูดมากกว่านั้น ผมเลยกลายเป็นมองหาทุกอย่างที่เป็นเขา
“ยอมรับว่ามองครั้งแรกก้าวโดดเด่นกว่าคนอื่น แต่ถ้ามองหน้าตา ถ้ายีสต์ไปเจอคนที่หน้าตาดีกว่ายีสต์ก็เลิกชอบก้าวไปนานแล้ว นี่แสดงว่ายีสต์ชอบที่ก้าวเป็นแบบนี้แหละ เฟรนด์ลี่ ยิ้มง่าย รักษาน้ำใจคน แต่เรื่องอื่นเราไม่รู้นะ”ผมบอกแล้วยิ้ม
“ก้าวเคยเมาแล้วมีอะไรกับเพื่อนผู้หญิงในคณะ แต่ไม่ได้คบกันยีสต์รู้ใช่ไหม”ผมเลิกคิ้วนิดหน่อยที่เขาพูดเรื่องนี้ออกมา ไม่ใช่ไม่รู้ ผมรู้ แต่ผมไม่พูด
“รู้”
“แล้วยีสต์ไม่รู้สึกว่าก้าวฟันแล้วทิ้งหรอ ?”เขาถาม ผมเลยถอนหายใจ
“แล้วยังไงหรอ ? จะให้ด่าก้าวว่า หน้าตัวเมีย ฟันผู้หญิงแล้วไม่รับผิดชอบหรอ มันไม่ใช่ตัวยีสต์ว่ะ ยีสต์แค่รับรู้ว่า เอ้อ ก้าวทำเรื่องนี้ลงไป ผู้หญิงคนนั้นก็โดนทำแบบนี้ ยีสต์เป็นคนนอกจะให้ไปด่าทำไม ยีสต์ไม่รู้หรอกนะว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เรื่องแบบนั้น เป็นเรื่องพื้นฐานของอารมณ์มนุษย์ เอาหลักเหตุผลของสังคมมาตัดสินไม่ได้ว่าก้าวเป็นอะไรยังไง แต่ถ้าเราพอใจทั้งสองฝ่ายและไม่ติดค้างกัน ไม่มีอะไรที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น มันก็แค่คนเคยร่วมเตียงป่ะ”ที่ผมพูดเพราะผมรู้สึกแบบนี้จริงๆ ครับ เซ็กส์เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์อยู่แล้ว ผมไม่คิดว่ามันจะต้องมีหลักเหตุผล หรือกฎเกณฑ์ของสังคมมาบีบให้รู้สึกผิดเลยสักนิด

“แล้วยีสต์ไม่คิดว่าเราสำส่อนหรอ ?”ก้าวถาม ผมเลยถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง วันนี้เขาเป็นอะไรมีเรื่องหนักใจอะไรมา แต่ถ้าเขาเลือกถามผม แสดงว่าเขาไว้ใจผม ผมก็ต้องให้คำปรึกษา
“อธิบายความหมายคำว่า สำส่อน สิ”ผมบอก
“ก็ประมาณว่า มั่ว อะไรแบบนั้น”
“แล้วก้าวมั่วไหม ?”ผมถาม เขาส่ายหน้า
“ก็เมาแค่ครั้งนั้นครั้งเดียวแหละ”เขาบอก
“แล้วจะมาว่าสำส่อนได้ไง เขาเรียกพลาดเพราะขาดสติ”ผมบอกแล้วยิ้มออกมา
“ขอบคุณนะ”เขาบอก
“ไม่เป็นไร ไม่สบายใจก็มาถามยีสต์ได้”ผมบอกแล้วก็โปรยอาหารที่เหลือไปทั้งหมด แล้วลุกขึ้น “ฟ้าจะมืดแล้ว ยีสต์กลับก่อนนะ”ผมบอก ก้าวเลยลุกขึ้นตาม
“ขอบคุณจริงๆ นะยีสต์”ก้าวบอกกับผมอีกครั้ง ผมเลยพยักหน้า
“ยีสต์เต็มใจ”ผมบอก ผมเต็มใจจริงๆ ยิ่งรู้จักเขามากขึ้น มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ผมจะชอบเขาน้อยลง มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้เข้าไปอยู่ในโลกของเขามากขึ้น แม้จะในสถานะเพื่อนก็ตาม “ก็เพื่อนกันนี่”ผมบอกแล้วตบบ่าเขาเบาๆ
“เพื่อนหรอ ?”เขาเลิกคิ้ว
“อื้อ เพื่อน จะให้คิดอะไร หรือจะมาเป็นแฟนล่ะ ฮ่าๆ”ผมแกล้งแซวไปงั้นๆ แหละ

“เป็นได้หรอ ?”เขาเลิกคิ้วถามอีกที เล่นเอาผมหุบยิ้มทันที

“เฮ้ยๆ ไม่เอาๆ ถึงจะรู้ว่ายีสต์ชอบก้าว แต่ยีสต์ไม่ชอบให้ใครมาเล่นสนุกกับความรู้สึก ตอนนี้ยีสต์มีความสุขดีที่มองก้าวแบบนี้ ก้าวไม่ต้องชอบยีสต์กลับก็ได้ เราเป็นเพื่อนกันแบบนี้ ยีสต์โอเคแล้ว”ผมยิ้มกับเขาอีกครั้ง เป็นยิ้มที่ผมไม่ได้เสแสร้งจะยิ้มให้เขาไม่สบายใจ
“ก้าวไม่ได้เล่นกับความรู้สึกยีสต์นะ ก้าวพูดเพราะก้าวอยากจะ...”ก้าวมองหน้าผม ผ่านแสงไปนีออนสีส้มที่เปิดผ่านมา

“อยากลองคุยกับยีสต์ดู”


   เสียงของเขายังคงก้องดังในหัวของผม มันเป็นความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ที่เด่นกว่านั้นคือหัวใจดวงเล็กๆ ของผมกำลังเต้นถี่ และเป็นความรู้สึกที่ดีใจแบบอธิบายไม่ได้ มันเหมือนผีเสื้อในทุ่งดอกไม้ที่บินวนในท้องผม


   “อื้อ ก็คุยดูดิ”ผมบอกแล้วยิ้มกว้าง จะว่าเขินก็เขิน แต่มันดีใจมากกว่า อย่างน้อยโอกาสก็เข้ามาหาผมแล้ว เป็นห้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ผมไม่คิดว่าจะได้รับ



- ระยะเวลาในการคุย ไม่ได้บ่งบอกระยะเวลาในการคบ –


   อาทิตย์ถัดมา ผมกำลังนั่งง่วนงุนงงอยู่ในเย็นวันศุกร์ ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาเรียกได้ว่า ผมกับก้าวตัวติดกันยิ่งกว่าตังเมหรือปาท่องโก๋ ตอนกลางวันเขาจะมารอผมที่หน้าคณะแล้วก็ไปกินข้าวด้วยกันข้างนอกโดยเขาขับรถพาไปทุกวัน จนเพื่อนต่างตกใจที่เขามา จากปกติเขาไม่เคยมาเลย เพื่อนผมต่างลงความเห็นว่าผมอาจจะสมหวังกับคนที่แอบชอบแล้วก็ได้ ตอนนี้ไม่เรียกว่าแอบแล้วดีกว่าเรียกว่าชอบไปเลยแล้วกัน


RRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRRR
เสียงเรียกเข้าจากสมาร์ทโฟนยี่ห้อดังโลโก้แอปเปิ้ลรุ่นล่าสุดของผมดังขึ้นทำให้ผมที่นั่งงงกับผลแลบอยู่ต้องหยิบขึ้นมารับ ซึ่งมันไม่ใช่ใครครับ คนที่จะลองคุยกับผมและมารับผมไปกินข้าวทุกวันนี่แหละ

“ครับ”ผมรับสาย

[ยีสต์คืนนี้เพื่อนมันจะไปร้านเหล้าอ่ะ ก้าวขอ...(เฮ้ยๆ แค่นี้ต้องขออนุญาตเมียเลยหรอวะ// เสียงเพื่อน) ไอ้สัด !!! เงียบๆ เดี๋ยวพวกมึงเจอตีนกู... ก้าวขอไปได้ไหมครับ] ผมหัวเราะกับน้ำเสียงของเขาซึ่งมันมีทั้งหมดสองน้ำเสียงครับตอนพูดกับผมนี่เสียงอ่อน อ้อนมาก แต่พอเพื่อนแซวนี่ด่าเสียงแข็งขึ้นมาเลย

“ฮะๆ จะไปก็ไปสิ”ผมบอก

[ไม่ห้ามหน่อยหรอ (เสียงอ้อน)...ไอ้เหี้ย !!! พวกมึงจะแซวกันอะไรนักหนา (เสียงด่า)...คืนนี้ก้าวก็ไม่ได้ไปนั่งเล่นห้องยีสต์นะ (เสียงอ้อน)] เขาพูดมา

“ก็ค่อยมาก็ได้”ผมบอกแล้วเขียนผลบรรทัดสุดท้ายเสร็จพอดี

[แต่ก้าวอยากอยู่ด้วยอ่ะ งั้นไปด้วยกันไหม ก้าวจะได้รับกลับ (เสียงอ่อน)... ไอ้สัดต้อง ปล่อย ! (เสียงด่า)] ผมนี่หัวเราะครับ อะไรจะทำให้เป็นสองโทนได้ขนาดนั้น

“โอเคๆ งั้นมารับยีสต์ด้วยนะ”ผมบอก ไหนๆ ก็ได้ไปเปิดหูเปิดตาแล้วก็ไปบ้างแล้วกัน ไหนๆ งานก็เสร็จแล้ว

[ครับผม งั้นก้าวไปรับตอนนี้เลยนะ แล้วนอนเล่นห้องยีสต์เลย] เขาว่า

“เคยห้ามได้หรอ”

[น่ารักที่สุด ! ... ไอ้สัด พวกมึงนี่ ยีสต์เกือบไม่ให้ไปละ] นั่นเขาโกหก ผมเลยหัวเราะ

“ไปคุยกับเพื่อนก่อนไป ยีสต์รอที่คณะนะ ถึงแล้วยิงมา”ผมบอก

[ครับ] ก่อนที่จะวางสายไป

ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่คุยกันก้าวไม่ใช่คนดีอะไรมากหรอกครับอย่างที่เขาบอก กับเพื่อนก็ไปกินเหล้า สังสรรค์กันบ้าง คำพูดคำจาก็ไม่ได้เพราะพริ้งมากเหมือนอย่างที่คนอื่นคิด แต่ตลอดอาทิตย์ที่คุยกันเขาพูดเพราะกับผมมาก แทนตัวเองว่า “ก้าว” และแทนผมด้วยชื่อผมทุกครั้ง ซึ่งเวลาเพื่อนผมได้ยิน มันจะหมั่นไส้กันทุกคน


แต่ตอนนี้เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อนนะครับ แต่เป็นเพื่อนที่มีความรู้สึกพิเศษให้กันแค่นั้น ทุกเย็นถ้าก้าวว่างก้าวจะมานั่งเล่นที่ห้องผม แต่ไม่ถึงกับนอนค้าง เพราะก้าวก็มีห้องที่ต้องกลับไปนอน ซึ่งผมว่ามันก็โอเคดีกับความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ ไม่ต้องเร่งรีบ ค่อบเป็นค่อยไป มันมีความสุขดี


แต่ที่เพื่อนของเขาแซวนั้นเพราะว่าก้าวทำตัวผิดปกติจากเดิมเพราะว่าเมื่อก่อนจะไปไหนกับเพื่อนตลอดตอนเย็นก็ไปเล่นบาส ออกกำลังบ้าง แต่เดี๋ยวนี้ต้องมาห้องผมก่อนเสมอ แล้วก็ไปหาอะไรกินด้วยกัน ผมรู้สึกไม่ชิน แต่ก็โอเคดี ส่วนเพื่อนผมนะหรอ ฟันธงไปแล้วครับ


“อีกหน่อยก็แฟนกัน”


พวกมันพูดมาแบบนี้ ซึ่งผมก็ป่วยการที่จะเถียงกับพวกมัน เพราะผมเถียงไม่เคยชนะเลยสักครั้ง

- มีต่อครับบบบบบ -

ออฟไลน์ desevbas

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ต่อครับ


- คนเราต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด ถ้าพลาดแล้วยังทำอีก ก็เรียกว่า โง่ –


ผมนั่งอยู่ในร้านชิว เล็กๆ ใกล้ๆ หอที่ผมมักจะได้ยินเสียงเพลงทุกวันยามดึกๆ หลังเวลาสี่ทุ่มไปแล้ว ซึ่งผมก็ไม่ใช่พวกที่เรียบร้อยถึงกับขนาดไม่เคยมา แต่แค่มาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ดูเหมือนว่าวันนี้จะครึกครื้นไปสักนิดเพราะเพื่อนก้าวมากันเยอะมาก เรียกได้ว่าขนกันมาเกือบทั้งสาขาแล้วมั้ง ส่วนผมนะเหรอ ? เป็นคนนอกคณะคนเดียวในโต๊ะเลยก็ว่าได้ครับ


เครื่องดื่มสีชาพร้อมกับของผสมตั้งเรียงอยู่มากมายบนโต๊ะ ซึ่งใครที่ถนัดที่จะดื่มแบบไหนก็ผสมกันเอาเอง ซึ่งผมก็ดื่มได้ครับเป็นโซดาธรรมดาก็โอเคแล้ว แต่ผมไม่ใช่พวกดื่มเก่งสักเท่าไร เพราะดื่มแล้วจะมีอาการตัวแดงและคันร่วมด้วยทำให้ผม มึนง่ายมาก แต่ก็เคยเมาแบบไม่สติเหมือนกัน ครั้งนั้นลงไปวัดถนนเลยครับ ดีที่ไม่ได้มีบาดแผลอะไรมาก


ผมนั่งฟังเพลงและเสียงคุยโหวกเหวกที่ดังข้ามโต๊ะไปมา บางเพลงที่วงดนตรีข้างบนร้องแล้วโดนใจก็จะมีเสียงร้องตาม ซึ่งผมก็โอเคเพราะมันเป็นธรรมดาของร้านแบบนี้ ก้าวกำลังนั่งคุยกับเพื่อนเขาอย่างสนุกสนาน เพื่อนบางคนผมก็เคยเห็นหน้าค่าตาบ้างครับเลยไม่ได้เก้อเขินเท่าไร

“เฮ้ย ยีสต์ มึงมาด้วยหรอวะ ?”เสียงทักดังขึ้นทำให้ผมเงยหน้าไปมองก็ไม่ใช่ใครที่ไหนครับ ไอ้บอนด์กับไอ้พลานท์ ที่เรียนคณะเดียวกัน ไอ้บอนด์เรียนเคมี ส่วนไอ้พลานท์มันเรียนชีวะ แต่ว่ามันสนิทกัน ซึ่งรวมถึงผมด้วย เพราะว่าเพื่อนในชั้นปีบอกว่า พวกผมต่างก็เป็นมาสคอตประจำเอก คือด้วยหน้าตา และนิสัยที่ต่างกันบ้างบางอย่างแล้ว มาสนิทกันตอนทำงานด้วยกันแหละครับ คนที่ทักผมมาก็คือไอ้บอนด์ครับ

“ไม่ยักค่อยเห็นมึงเลย”ไอ้พลานท์เดินเข้ามาแล้วโอบไหล่ผมไว้พร้อมกับยิ้มกว้างสไตล์มัน
“ก็มาแล้วนี่ไง พวกมึงนี่นะ แล้วพวกมึงมากับใคร”ผมถามแล้วชะเง้อไปมอง
“ก็เพื่อนในคณะแหละ นี่เด็กศึกษาฯ หมดเลยนี่หว่า”ไอ้บอนด์ทัก แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆ ผม ผมเห็นก้าวเหล่มาทางผมนิดๆ ครับ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
“เออดิ”
“เฮ้ยนาย เราพลานท์นะ เป็นเพื่อนในคณะไอ้ยีสต์มัน แต่คนละเอก”พลานท์ยกแก้วทั้งคนข้างๆ ผม ก้าวเลิกคิ้วแล้วยกแก้วขึ้นมาชนด้วย
“เพื่อนยีสต์เอง นี่บอนด์เรียนเคมี ส่วนนี่พลานท์เรียนชีวะ ส่วนพวกมึง นี่ก้าว เพื่อนกูเอง”ผมแนะนำคนทั้งคู่ให้เขารู้จัก
“อือ หวัดดี”ก้าวทักแล้วยกมุมปากขึ้นนิดๆ ก่อนจะกระซิบข้างหูผม “มันจีบยีสต์หรอ ?”ผมแทบจะหลุดหัวเราะแต่ยิ้มก่อนที่จะหันไปกระซิบกลับ


“นั่งกินกับเพื่อนไปเหอะน่า”ผมบอกแล้วยิ้มให้กับเขา ผมไม่รู้ว่าเขาหึงหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไร เขาก็ไม่ได้พูด เพราะว่าเขาคงรู้ว่าเราไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาหึงหวงกัน
“เฮ้ยกระซิบกระซาบอะไรกันวะ ?”บอนด์เลิกคิ้วถาม
“เสือก มึงอ่ะ”ผมว่าแล้วยกแก้วขึ้นชนกับมัน มันก็ยกขึ้นชน
“มึงแม่ง !”บอนด์บ่น
“แล้วแฟนพวกมึงอ่ะ ไปไหนกันหมด”ผมพูดถามเพราะรู้สึกไอ้สองตัวเพื่อนผมเนี่ยกับแฟนมันจะตัวติดกันมาก ไปไหนเห็นกันตลอด นั่นไง ทักไม่ทันได้ 10 วิ สองหนุ่มร่างสูงคนละมาดก็เดินเข้ามา คนแรกตี๋ๆ ขาว รอยยิ้มมีเสน่ห์ นั่นซีครับ แฟนไอ้พลานท์มัน เรียนวิศวะ ส่วนอีกคนหนุ่มมาดเซอร์หน้าคม ชื่อกันต์ แฟนไอ้บอนด์มัน พวกมันทั้งสองคนอ่ะ กวนตีนแฟนยิ่งกว่าอะไรดี แต่ในความกวนตีนก็ขี้หึงสัดๆ เหมือนกัน โดยเฉพาะซี แต่ผมอิจฉาในความรักของมันทั้งคู่นะครับ อาจจะไม่สมหวังในทีแรก แต่ก็แฮปปี้ในตอนจบ นับวันจะยิ่งแฮปปี้ด้วย แล้วก็มีคนอิจฉาพวกมันเยอะ แม่ง ก็เล่นได้แฟนหล่อคนละสไตล์ตามสมัยนิยมแบบนี้ ใครจะไม่อิจฉา แต่ก็ดูหน้าเพื่อนผมสองคนด้วยครับ ใช่ย่อยที่ไหน


“นั่นไง ตายยากไหมล่ะ ? แฟนกู”เสียงไอ้พลานท์ร้องขึ้นหลังจากที่ซีเดินเข้ามายื่นข้างๆ กอดคอแล้วยิ้ม
“เห็นมึงหายไปนาน นึกว่าไปอ่อยใครซะละ”ซีแกล้งแฟน
“อ่อยพ่อมึงสิ มึงตามกูขนาดนี้ กูจะไปอ่อยใคร”
“แสดงว่าจะอ่อย ถ้ากูไม่ตาม”ซีเลิกคิ้วถาม
“เคยเห็นอ่อยไหม ?”พลานท์ก็สู้
“ไม่เคย”ซียักไหล่ พลานท์เลยถอนหายใจแล้วส่ายหน้า แต่ก็ยิ้ม
“รู้ไว้ก็ดี กูแอบชอบมึงมานาน จะให้ไปชอบใครได้อีกวะ”พลานท์บอกแล้วหัวเราะเงยหน้ามองแฟนมัน
“มึงรักกู”ซีแซว
“เออ ! แล้วมึงไม่รัก ?”พลานท์เลิกคิ้วถาม
“ไม่อ่ะ”ซีบอก พลานท์เลยทำหน้างอน
“งั้น...”
“ไม่มีวันไหนไม่รักมึงเลยสักวัน”นั่นไง กูว่าแล้ว นี่กูเป็นก้างหรือเปล่าวะ แรงสะกิดจะคนข้างๆ ทำให้ผมหันไปมอง ผมเลยเลิกคิ้วถาม

“เขาเป็นแฟนกันหรอ ?”ก้าวถาม ผมเลยพยักหน้า
“อื้ม คบกันมาได้สักพักละ”ผมบอกแล้วยิ้ม
“น่ารักเนอะ”เขาพูดแล้วยิ้ม ผมเลยพยักหน้าตาม “แล้วคู่นี้อ่ะ ก็แฟนหรอ ?”ก้าวเบ้ปากไปทางคู่บอนด์กับกันต์ที่กำลังคุยกันอยู่หนุงหนิง
“อื้อ”


“หายไปนานนึกว่าเป็นอะไร ?”เสียงกันต์พูดออกมาอย่างเป็นห่วง โอ่ย ตายๆ มึงจะฆ่ากูใช่ไหม ห๊ะ ? แฟนแม่งก็หวงเกิ๊น
“เปล่า มานั่งคุยกับเพื่อน เดี๋ยวกลับโต๊ะแล้ว”บอนด์บอกแล้วยิ้ม กันต์เลยเอามือลูบหัว
“เป็นห่วงเลยเดินหา”กันต์บอกแล้วยิ้ม บอนด์นี่ก็โชคดีครับ มีแฟนทีก็รักเกิน ดูแลกันดีเพราะรู้จักกันมานานเป็นเพื่อนกันมาก่อนจะเลื่อนขั้นเป็นแฟน
“อือ คืนนี้อย่ากินเยอะนะ ต้องขับรถรู้ไหม ?”บอนด์ว่า
“รู้แล้ว ไม่เมาหรอก ยังไงก็กลับได้”กันต์บอก
“ดีแล้ว”


“ยิ้มทำไมอ่ะ ?”เสียงก้าวถามผมขึ้นมา เพราะว่าผมกำลังยิ้มกับความรักของพวกมันอยู่
“เปล่าแค่อิจฉา เพื่อนมันมีความรักดีน่ะ”ผมบอกแล้วยิ้มหัวเราะ ก้าวก็ยิ้ม
“เดี๋ยวเราก็มี”เขาบอกทำให้ผมหันไปยิ้มกับเขาแล้วหัวเราะ
“พวกมึงสองคนแม่งกระซิบอะไรกันอยู่วะ จะจีบกันก็กลับห้องไปไป”เสียงต้องเพื่อนก้าวดังขึ้น ตอนนี้หน้าไปแล้วครับ น่าจะเมาได้ที่อยู่เหมือนกัน
“มึงนี่ก็เสือกจริงๆ นะไอ้สัดต้อง...ยีสต์อยากกลับหอยังครับ”อีกแล้วครับน้ำเสียงที่แตกต่างกัน พูดด่าเพื่อนแต่หันมาถามผมเสียงหวาน
“โอ๊ย ไอ้เหี้ยนี่ก็พูดเพราะจริง !”ต้องยังไม่หยุด
“กินต่อก็ได้ หอยีสต์อยู่แค่นี้เอง”ผมบอกแล้วยิ้ม ก้าวเลยพยักหน้าแล้วหันไปกินกับเพื่อน
“พวกกูกลับโต๊ะก่อนนะ ไว้เจอกัน”บอนด์บอกแล้วลุกขึ้นเดินไป ก่อนที่ผมจะหันมาสนใจคนข้างๆ ที่คุยเฮฮากับเพื่อน แล้วยิ้มออกมา


ก้าวเป็นคนที่มีเสน่ห์จริงๆ นะครับ ผมมองเขายังไงก็ไม่เบื่อ ยิ่งเขาอยู่กับผมแล้วพูดกับผมแบบที่ไม่เหมือนกับคนอื่นแล้ว ทำให้ผมยิ่งชอบเขาไปใหญ่ ผมไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกชอบผมมาบ้างหรือยังหลังจากคุยกันหนึ่งอาทิตย์ แต่ผมก็มีความสุขกับตอนนี้ดี



- ถ้าตอนนี้ยังมีความสุขก็ทำไป ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำ -


ร้านสุราปิดแล้วครับ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าห้องของตัวเอง ซึ่งข้างหลังผมคือชายหนุ่มที่จะเดินขึ้นมาส่งและขอเขามาทำธุระส่วนตัวด้วยเนื่องจากทนไม่ไหว เขาก็เมาได้ที่เหมือนกันครับ หอเขาอยู่ห่างออกไป ผมไม่อยากให้เขาขับรถเท่าไร

“ยีสต์ไม่อยากให้ก้าวขับรถ คืนนี้นอนห้องยีสต์ก็ได้นะ”ผมบอกเมื่อเปิดประตูได้แล้ว แต่เจ้าตัวก็วิ่งเข้าห้องน้ำทันที
“ก้าวนอนได้หรอ ?”ก้าวตะโกนออกมาจากห้องน้ำ
“ทำไมจะนอนไม่ได้”ผมถามกลับไป
“ก็นึกว่ายีสต์จะไม่ไว้ใจก้าว”เสียงกดชักโครกดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงที่เดินออกมา
“มีเรื่องอะไรที่จะไม่ไว้ใจ”ผมเลิกคิ้วถาม ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินเข้ามาที่ปลายเตียงที่ผมนั่งอยู่ ก่อนที่จะนั่งยองๆ จ้องหน้าผมแล้วยิ้ม ตาเขาปรือเล็กน้อยแต่ยังเห็นว่ามันมีบางอย่างซ่อนอยู่
“ก็เรื่องแบบ...”เขายื่นหน้ามาใกล้หน้าผม ในหน้าขาวกับริมฝีปากได้รู้ คิ้วเข้มรับกับใบหน้านั้น ผมมองเท่าไรก็ไม่เคยเบื่อ แถมยังมีดวงตาที่มีเสน่ห์มากอีกด้วย


ตึก ตึก ตึก
เสียงหัวใจผมเต้นในความเงียบนี่ผมจ้องตาเขา เขาก็จ้องตาผม ตาของเราทั้งคู่ประสานกัน พร้อมกับรอยยิ้มของคนตรงหน้า จมูกของเราชนกัน ดวงตาของก้าวเปลี่ยนเป็นจ้องที่ริมฝีปากของผม ก่อนจะยิ้มออกมา แล้วเปล่งเสียงที่เหมือนจะอ้อนเล็กน้อย



“ก้าวขอจูบได้ไหม ?”



นาทีที่เสียงนั้นเอ่ยออกมา ทำให้สายตาผมจ้องไปในดวงตาของคนตรงหน้าที่ห่างไม่ถึง 10 เซนติเมตร มันใกล้ ใกล้มากจริงๆ ใกล้จนลมหายใจของเขาผมก็รู้สึกได้ แม้มันจะมีกลิ่นแอลกอฮอล์ แต่มันก็เป็นกลิ่นที่ชวนให้หลงไปกับคำขอมาก ผมไม่รู้จะตอบว่าอะไรได้แต่อึ้งก่อนที่จะจะ


“อ่ะ...เอ่ออออ...อื้อ”เหมือนเขาจะไม่รอให้ผมตอบ ริมฝีปากสวยได้รู้จู่โจมริมฝีปากผมทันที ด้วยความรวดเร็ว ภายใต้ความเร็วนั้น ผมสัมผัสได้ความอุ่นจากอีกฝ่ายที่ส่งผ่านริมฝีปาก ก่อนที่เขาจะสอดลิ้นเข้ามาเพื่อสัมผัสกับลิ้นของผม เขาค่อยๆ ประคองใบหน้าของผมด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนที่เจ้าตัวจะลุกแล้วเอามือข้างหลังประคองหลังผมแล้วดันหลังผมลงไปบนเตียงนุ่มทั้งที่ปากยังประคองจูบผมอยู่ด้วยความอ่อนโยน


ผมไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเปล่า แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่มันก็เป็นสัมผัสที่หวานและอบอุ่นมากที่ผมเคยได้สัมผัสมา มือของเขาเริ่มจะสอดเข้ามาในเสื้อ ก่อนที่ผมจะรู้สึกตัวแล้วจับข้อมือผมไว้เพื่อบอกให้เขาหยุด ก่อนที่เขาจะถอนจูบออกจากริมฝีปากผม แล้วจ้องหน้าเหมือนตกใจเล็กน้อย

“เมาหรือเปล่า ?”ที่ผมถามไม่ใช่เพราะเล่นตัว ผมรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ผมรู้ว่าเขาเมาแล้วเคยมีอะไรกับเพื่อนผู้หญิง แต่ว่ามันเป็นแค่ความเมาที่ตื่นมาทั้งสองฝ่ายไม่ได้รู้สึกพิเศษต่อกัน แต่สำหรับผมแล้ว ถ้าผมยอมแล้วมันเกิดเหมือนผู้หญิงคนนั้น แต่ผมเป็นคนรู้สึก ผมจะเป็นคนเจ็บเอง


ผมเห็นแก่ตัวพอที่จะปกป้องตัวเองแบบนั้น
ทั้งที่ผมเป็นคนบอกเองว่า เซ็กส์เป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์


ใช่ผมเคยพูด แต่ผมชอบเขามาก เมื่อผมตกเป็นของเขา ผมอาจจะเจ็บปวดก็ได้ใครจะไปรู้ ผมมองดวงตาที่หวั่นไหวคู่นั้นแล้วผมรู้สึกได้ทันทีว่า เขายังไม่มั่นคงกับความรู้สึกของตัวเอง

“นิดหน่อย ต...แต่ยีสต์บอกเองไม่ใช่หรอว่า”ก้าวจะพูด แต่ผมผลักอกเขาให้ลุกขึ้นแล้วมองหน้าเขา
“ก็ใช่ แต่ครั้งนั้นก้าวไม่ได้รู้สึก อีกฝ่ายก็ไม่ได้รู้สึก แต่ครั้งนี้ยีสต์รู้สึก ก้าวไม่คิดว่ามันจะเร็วไปหรอ เราอยู่ในความสัมพันธ์ที่จะมีอะไรแบบนั้นทั้งที่ก้าวยังรู้สึกตัวไม่ได้เมาแบบนี้หรอ ?”ผมถาม ก้าวมองหน้าผมแล้วส่ายหน้า
“ขอโทษ ก้าวแค่...”ก้าวจะพูดบางคำออกมาแต่เขาก็เงียบไป

“ยีสต์ไม่ได้เร่งรัดความรู้สึกก้าวนะ แต่ยีสต์อยากให้เราค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้เรายังเป็นคนคุยอยู่ ยีสต์ไม่อยากข้ามขั้น ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดวันหนึ่งเราคบกันมันจะเร็วเกินไปจนบางทีอาจะเบื่อ ค่อยๆ เติมความรักให้กันเนอะ”ผมบอกแล้วยิ้มให้กับเขา

“ยีสต์รักก้าวหรอ ?”เขาถาม
“ถ้าก้าวคิดว่าแบบนั้น ก็คงรักแหละ”ผมบอกเขิน “ก็ยีสต์ชอบก้าวมาตั้งนาน”ผมบอกแล้วก็เกาแก้มตัวเอง เขาเลยยิ้มออกมา แล้วกอดผม

“ขอเวลาก้าวอีกนิดได้ไหม ถ้ามั่นใจเมื่อไร สัญญาว่าจะบอกให้รู้ แต่อย่าเพิ่งไปมีใครนะ”เขาบอกกับผมเหมือนเป็นการมัดมือชก
“งั้นระหว่างที่รอ ยีสต์ก็ไม่มีสิทธิ์มองใครเลยสิ”ผมเลิกคิ้วถามแล้วหัวเราะ
“มองได้ แต่ให้รอก้าวก่อนไง”เขาบอก ผมเลยพยักหน้า ความจริงก็ถามไปงั้นแหละครับผมมองคนอื่นไม่ได้อยู่แล้ว ก็ในสายตาของผมมีเขาคนเดียว


ก้าวเป็นคนไม่มั่นใจในความรักของตัวเอง อันนั้นคือสิ่งที่ผมรู้ เพราะว่ารอบกายเขามีแต่คนยื่นความรักให้เสมอ จนไม่รู้ว่าการรักคนอื่นมันเป็นยังไง ผมเลยเหมือนเป็นฝ่ายสอนให้เขารู้ความรักที่ให้คนอื่นนั้นเป็นแบบผมนี่แหละ ผมรักเขาในแบบที่เขาเป็นเขา ไม่ได้เป็นแบบคนอื่น ไม่ได้หวังให้เขาชอบกลับ ผมรู้ว่าปลายทางข้างหน้าผมอาจจะผิดหวัง แต่ลองผิดหวังดูบ้าง ใจผมจะได้เข้มแข็งขึ้น



- หากในวันที่เหนื่อยล้า แล้วมีคนที่กอดเราในยามร้องไห้ นั่นคือคนที่รักเรา –



ชีวิตผมกับก้าวก็ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตามแบบแผนเดิมของชีวิตครับ ผมกับก้าวก็ยังเจอกันทุกวัน บางวันอาจจะไม่เจอเพราะเขาเรียนเลิกค่ำ ส่วนผมก็ยังหัวหมุนกับแลบอยู่ทุกๆ วัน แต่แปลกที่ผมกลับรักเขามากขึ้นกว่าเก่าเพราะเขาเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายตลอดเวลา เขาไม่เคยเบื่อที่จะมารับผมไปเรียนในตอนเช้าแม้เขาจะไม่มีเรียน และมารับผมไปกินข้าวทุกเย็น ตอนกลางวันผมขออยู่กับเพื่อนบ้าง ซึ่งเขาก็โอเค ผมก็ไม่รู้ละว่าตอนนี้ใครติดใครกันแน่



ตอนนี้ผมกำลังหัวหมุนกับผลแลบในตอนเวลาตี 2 ครับ วันนี้ก้าวขอไปกินเหล้ากับเพื่อนเหมือนเคยและต่อยาวไปถึงผับซึ่งปิดตี 2 ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา ผมไม่ใช่คนที่จะหวง เขาก็ต้องมีสังคมของเขาบ้าง แค่บอกกันบ้างก็โอเค คุยกันครั้งล่าสุดคือตอนตี 1 ครึ่งนี่แหละครับ เขาบอกว่ากำลังจะกลับ ผมเลยบอกให้เขาขับรถดีๆ ถึงแล้วให้โทรฯ หาด้วย เขาก็รับปาก


หาวววววววววววววววววววว

รอบที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่ว่างานยังไม่เสร็จเลยจะเข้านอนไม่ได้ ผมยังต้องถ่างตาต่อไป ดีที่วันนี้วันเสาร์ พรุ่งนี้ไม่ต้องรีบตื่นไปไหน นี่ตี 2 กว่าแล้วผับหน้าจะปิด ไม่รู้ว่าก้าวถึงห้องหรือยัง ผมเลยจะโทรฯ ถามเขาสักหน่อย


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
แต่ยังไม่ทันโทรฯ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเสียก่อน ผมเลยวางโทรศัพท์แล้วเดินไปเปิดประตู ก็พบร่างสูงของคนที่ผมกำลังจะโทรฯ หายืนอยู่หน้าห้อง ผมเลยยิ้ม แต่ที่แปลกใจคือแววตาของเขาดูไม่ร่าเริงเหมือนเดิม เขาก้มหน้าแล้วทำหน้าเศร้า ผมเลยแปลกใจเล็กน้อย

“ก้าวเป็...”ยังไม่ทันที่ผมจะถามจบคำถาม ร่างสูงก็โผกอดผมเสียแรง แล้วกอดผมแน่นมาก จนผมตกใจแล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นลูบหลังเขา เขาอาจจะมีเรื่องทุกข์ใจผมเลยต้องผลอบเขา
“เป็นอะไร ?”ผมถามเขาทั้งที่คางเกยไหล่เขาอยู่
“ยีสต์...ก้าวขอโทษ”อยู่ดีๆ เขาก็เอ่ยคำขอโทษออกมา
“ขอโทษยีสต์ทำไม ?”ผมถาม
“ก้าวขอโทษ ที่ไม่ซื่อสัตย์กับยีสต์ ก้าวขอโทษ ขอโทษๆๆๆ”เขาพูดคำว่าขอโทษรัว ทำให้ผมต้องผละออกจากอ้อมกอดเขาแล้วจับมือเขาเข้ามาในห้อง
“มีอะไร แล้วไม่ซื่อสัตย์อะไร”ผมถามเลิกคิ้วถาม ก้าวเงยหน้ามองหน้าผม เหมือนรู้สึกผิด
“ก้าว...ไป จูบกับคนอื่นมา ต...แต่ก้าวไม่ได้ตั้งใจนะ ก้าวแค่มึนๆ แต่ พ...พอ”เขาพูดรัวแล้วก็เร็ว
“เดี๋ยว ใจเย็นๆนะก้าว ค่อยๆ พูด”ผมไม่ตกใจที่เขาไปจูบกับคนอื่น แต่ตกใจที่เขาไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ผมเคยบอกแล้วว่าก้าวเป็นคนที่มีความรักยื่นให้เสมอ แต่กับตัวเองเขาไม่รู้ว่าใจเขากำลังรู้สึกยังไง เพราะได้รับมาตลอด ไม่เคยให้

“ก้าวจูบกับผู้ชายในผับ แต่ด้วยความเมานะ”เขาบอกแล้วจับมือผมเหมือนไม่ให้ผมโกรธ ผมเลยพยักหน้า “ต...แต่พอก้าวจูบ มันไม่เหมือนกับที่ก้าวเคยจูบยีสต์เลย มันไม่ใช่พอจูบเขาหน้ายีสต์ก็ลอยเข้ามา และความรู้สึกมันไม่ใช่เลยสักนิด มันไม่หวาน ไม่อุ่น ไม่รู้สึกดีเหมือนที่ก้าวจูบกับยีสต์ แบบนี้ก้าวรักยีสต์หรือเปล่า ?”ผมบอกแล้วไม่ผิดใช่ไหมครับ ผมเลยยิ้ม ก้าวอยู่กับผมเขาเหมือนผู้ชายที่เหมือนเด็กทุกครั้ง ผมเลยจับไหล่เขา

“จะรักยีสต์ยังต้องมาถามอีกหรอ ?”ผมถามแล้วหัวเราะ

“ก็ก้าวไม่รู้นี่ ยีสต์ก็รู้ว่าก้าวไม่เคยรักใคร ไม่รู้ว่าการรักคนอื่นรู้สึกยังไง เพราะก้าวได้รับมาตลอด พอมีคนที่รู้สึกดีเข้ามาคุยด้วยแล้วก้าวก็อยากเจอคนที่รับก้าวในแบบที่ก้าวเป็น พอบอกว่าก้าวเคยมีอะไรกับคนอื่นแต่ไม่ได้คบ เขาก็รับไม่ได้กันทุกคน เขาคิดว่าก้าวเป็นคนดี แต่ก้าวไม่ใช่ แต่ยีสต์รับได้ในสิ่งที่ก้าวเป็นทุกอย่าง ยีสต์ไม่เคยมองสิ่งที่ก้าวเคยทำพลาดมาในอดีต แต่เรื่องวันนี้ก้าวรู้สึกผิดจริงๆ นะยีสต์ ยีสต์อย่าโกรธก้าวเลยนะ แต่จะตี จะตบก็ได้ ก้าวยอม”เขาจับมือผมแล้วเอาไปตีตัวเขาเอง จนผมหัวเราะออกมา นี่เขาไม่เป็นตัวเองขนาดนี้เลยหรอเนี่ย ไหนก้าวคนที่สุขุม หายไปไหนแล้ว

“ก้าว พอก่อน พอๆ”ผมยกมือห้าม แล้วจ้องหน้าเขา
“ก้าวกลัวยีสต์โกรธ”
“แล้วอยากให้ยีสต์โกรธไหม”เขาส่ายหน้า “ใช่ ยีสต์ไม่โกรธก้าวเลย แต่ดีใจที่ก้าวคิดถึงยีสต์เวลาที่ไปจูบกับคนอื่น แสดงว่าก้าวแคร์ยีสต์มากกว่าคนๆ นั้น แล้วมันเป็นสิ่งที่ลึกๆ อยู่ในใจก้าวเองว่า ยังมียีสต์ที่ก้าวยังทำแบบนั้นได้ ก้าวที่เป็นคนซื่อ ทำผิดแล้วมาบอกยีสต์แบบนี้ ก้าวที่เป็นคนยิ้มให้คนอื่นๆ ไม่เคยหน้าบึ้ง แต่จะมาร้องไห้ต่อหน้ายีสต์คนนี้ ไม่ก้าวจะเป็นอะไรแบบไหนในสายตาคนอื่น ก้าวจะแย่ในอดีตสักแค่ไหน แต่สำหรับยีสต์”ผมจับแก้มเขาแล้วยิ้ม


“ก้าวยังคงเป็นก้าวที่ยีสต์รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้เสมอ”


ผมบอกกับเขา เขาเลยยิ้มออกมา นี่แหละรอยยิ้มที่ผมชอบ รอยยิ้มที่ผมรัก ผมรักที่เขาเป็นแบบนี้ เขาจับหน้าผมแล้วยิ้มออกมา ก่อนจะยื่นหน้าเขามาใกล้ๆ

“ก้าวขอจูบได้ไหม ?”เขาขอผม ทำไมเวลาจะจูบเขาต้องขอผมตลอดแบบนี้ก็ไม่รู้สินะ แต่มันก็ดีนะครับ ผมชอบเขาที่เป็นแบบนี้ ผมพยักหน้าแล้วเขาก็จูบผมทันที มันยังคงนุ่มนวล หอมหวานเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยน ผมยังรู้สึกดีที่ได้จูบเขา แม้จะมีรอยจูบคนอื่นทับอยู่บนริมฝีปากเขา แต่สำหรับผมมันกลบไม่ได้เลย เขาจูบผมอยู่เนิ่นนานก่อนที่จะผละออก แล้วเอาหน้าผากแตะหน้าผากผมไว้


“เป็นแฟนกับก้าวนะ”


คำขอที่เอ่ยออกมาจากปากคนตรงหน้าทำให้ผมคลี่ยิ้มออกมา มันถึงเวลานี้แล้วจริงๆ หรอ วันที่ผมได้ใช้คำว่า แฟน กับคนที่ผมแอบรักมาตลอด 3 ปี มันอาจจะนานแต่ถ้าเทียบกับเวลานี้ ตรงนี้แล้ว มันคุ้มมากที่ได้มา ผมพยักหน้า


“อื้อ”


ผมบอกออกไปอย่างเขินๆ แล้วซุกไปกับอกกว้างของคนตรงหน้า เขาโอบกอดผมอย่างหวงแหนแล้วจูบลงกระหม่อมผมเบาๆ


“ยีสต์ขอบคุณนะที่รอก้าวนานขนาดนี้ วันแรกที่ยีสต์มาบอกชอบก้าว ตอนนั้นก้าวก็ไม่ตั้งตัวเหมือนกัน แต่ไม่รู้ทำไมในสายตาก้าวตั้งแต่วันนั้นมองหาแต่ยีสต์ตลอด ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก้าวก็อยากเห็นหน้า ก้าวในตอนนั้นก็คงเหมือนกับตอนที่ยีสต์ยังไม่มาสารภาพกับก้าว ความรู้สึกที่เรียกว่าชอบ แต่พอได้รู้จัก ได้คุย ยีสต์เป็นคนที่มองข้ามข้อเสียของก้าวเสมอ มันเลยทำให้ก้าว...”เขาดึงไหล่ผมออกมาหลังจากเว้นการพูด


“รักยีสต์ในแบบที่เป็นยีสต์”



คำพูดของเขาที่เปล่งออกมาทำให้หัวใจน้อยๆ ของผมมันรู้สึกดี นี่สินะที่เขาบอกว่าเวลาแอบรักหัวใจจะเล็ก แต่เมื่อได้รักตอบเหมือนกับลมถูกเป่าเข้าไปทำให้หัวใจพองโต


ผมรู้สึกแล้วจริงๆ


“แต่ก้าวยังไม่ได้บอกยีสต์ใช่ไหมว่าข้อเสียของก้าวมีอีกอย่าง ?”เขามองหน้าผมแล้วยิ้ม ผมเลยเลิกคิ้ว
“หือ ?”

“ก้าวเป็นคนหื่นนะ”พูดจบเขาก็กดผมลงกับเตียง แล้วจูบผมอย่างร้อนแรง พร้อมกับไซร้ซอกคอ “อ่อ...”อยู่ดีๆ เขาก็ผงกหัวขึ้นแล้วมองหน้าผมแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์


“เรื่องจูบกับคนอื่นอ่ะ ก้าวโกหก แค่อยากให้ยีสต์หึง แต่ดันไม่หึงซะได้ รู้ป่ะ ก้าวโคตรโชคดีที่ได้ยีสต์เป็นแฟน ต่อจากนี้ก็รอรับความหื่นของแฟนเลยนะครับ คุณแฟนที่น่ารักของก้าว”


เอาล่ะครับท่านทั้งหลาย ชีวิตต่อข้างหน้านี้ ผมจะไปรอดได้แค่ไหน ช่วยเอาชีวิตผมด้วยนะครับ แต่ข้อเสียอันหลังสุดนี่ดูจะยอมรับยากสักนิดหนึ่ง แต่ในเมื่อเป็นแฟนเขาแล้วก็คงต้อง


ยอมๆ ไปละนะ




END....


________________________________________________________________________________________

มาทีเดือน มาทีละตอน ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ก็งานเยอะอ่ะนะ
มาตอนนี้ขอบอกว่าเอาแบบละมุนกันไปเลยแล้วกันเนอะ
คาแรกเตอร์ก้าว ดึงมาจากเพื่อนคนหนึ่งที่ไม่มั่นใจในความรักตัวเองสักเท่าไร
แต่เป็นคนที่ทำอะไรจะบอกแฟนตลอด แฟนมันก็นะเป็นคนที่โคตรของๆ จะโต ฮ่าๆๆๆๆ
เอาเป็นว่าผ่านไปแล้วครับสำหรับตอนนี้ รอเอกต่อไปละกัน
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
เหลืออีก 3 เอกก็จะจบซีรีส์นี้แล้วครับ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับบบบบบบบ
กราบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2904
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
น่ารักอ่ะ ยิ่งข้อเสียข้อสุดท้ายนี่ ยิ่งชอบอ่ะ เอามาแบ่งปันความหื่นให้อ่านบ้างก็ได้น้าาาาาา :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ก้าวโคตรโชคดีที่ได้ยีสต์เป็นแฟน  :mew1: :mew1: :mew1:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด