- ดื่มครั้งที่ 18 -
หลังจากงานดนตรีได้ไม่นานช่วงฤดูสอบปลายภาคก็เริ่มขึ้นในอีกหนึ่งสัปดาห์ ผมยังวุ่นวายกับงานค้างมากมายของวิชาปฏิบัติและต้องอ่านหนังสือสอบวิชาทฤษฎีอีกด้วย ช่วงสามสี่วันมานี้ผมขาดคาเฟอีนอย่างหนักเพราะไม่มีเวลาปลีกตัวไปดื่มกาแฟที่ร้านพี่จีบเลย แถมยังไม่ได้เจอเจ้าตัวเขาอีกด้วย แต่คนเล่ห์เหลี่ยมจัดอย่างเขาไม่ยอมปล่อยเวลาให้ผ่านไปแบบเปล่าประโยชน์หรอก วีดีโอคอลมานั่งเฝ้าผมทำงานทุกคืน ไม่รู้ว่ามีความสุขตรงไหนกัน เคยถามว่าไม่เบื่อเหรอว่านั่งเฝ้ากันแบบนี้ แล้วก็ได้คำตอบที่ผมแทบทะลุหน้าจอสี่เหลี่ยมไปกัดหัวคนกวนตีน
'เฝ้ามึงทำงานมองแล้วเพลินดีออก เดี๋ยวก็แยกเขี้ยว เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็ยิ้ม เหมือนคนบ้าดี'ดูเขาเถอะครับ.. นี่จีบ นี่รักกันจริงๆใช่ไหม ทำไมกวนตีนได้ขนาดนี้วะคนเรา แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการกระทำเสมอต้นเสมอปลายของพี่จีบทำให้ใจผมเต้นแรงได้เสมอ บางครั้งที่ละสายตาจากงานไปเจอคนในหน้าจอสี่เหลี่ยมกำลังจ้องมองเราแล้วมันเขินแปลกๆว่ะ อย่างเช่นตอนนี้ก็เหมือนกัน
"พี่จะมองอะไรผมนักหนาเนี่ย สึกหมดแล้ว"
ผมเบ้ปากใส่คนที่อยู่ในจอสี่เหลี่ยมขนาดเล็กตอนนี้แล้วหันกลับไปสนใจจอสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ต่อ นิ้วเรียวคลิกเม้าส์อย่างคล่องแคล่วในการทำการ์ตูนอนิเมชั่นแบบ 2D โดยใช้โปรแกรมง่ายๆอย่าง Flash ใบหน้าหล่อๆเผยยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมา
'สึกเพราะกูไม่เป็นไรหรอก แต่อย่าสึกเพราะคนอื่นก็พอ'
"เลิกหยอดเลย ไม่มีสมาธิทำงานเนี่ย"
ผมพูดด้วยเสียงที่พยายามปั้นแต่งให้ดูหงุดหงิดทั้งๆที่มือซ้ายยกหนังสือประกอบการใช้โปรมแกรมขึ้นมาบังริมฝีปากของตัวเองที่กำลังยกยิ้มอยู่ หางตาเหลือบเห็นคนในจอสี่เหลี่ยมเปลี่ยนอริยบถเป็นนอนหงายลงกับเตียงเรียบร้อยแล้ว จะว่าไปตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกที แถมพี่เขายังมีเรียนเช้าอีก ไล่เท่าไหร่ก็ไม่ยอมไปนอน ผมคงเจอโหมดดื้อของพี่จีบเข้าให้แล้วล่ะ
'มึงจะสนใจกูทำไมล่ะ ตั้งใจทำงานไป หาว ~'
คนในจอสี่เหลี่ยมปิดปากหาว ดวงตาคมหรี่ปรือลงอย่างน่าสงสารจนผมต้องหยุดมือแล้วจ้องโทรศัพท์แทน
"พี่จีบ.. ดึกแล้วนะ ไปนอนเหอะ พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้านี่"
ผมว่าก่อนจะเอานิ้วไปจิ้มหน้าจอจึกๆคล้ายกับผมกำลังจิ้มแก้มคนแก่จอมดื้ออยู่ ไอ้พี่จีบทำท่าอ้าปากงับนิ้วผมตอบกลับมา ซึ่งนั่นเรียกเสียงหัวเราะของผมได้เป็นอย่างดี จากที่คิ้วขมวดเป็นปมกับคลายออกอย่างง่ายดาย
'อย่ามาไล่กู จะแอบไปคุยกับคนอื่นแน่ๆ'
ดวงตาคมจ้องเขม็งผ่านกล้องมาเล่นเอาผมหน้าเหวอก่อนจะหลุดหัวเราะเสียงดัง พี่จีบมองผมแล้วขมวดคิ้วยุ่งทันที
'ขำอะไรของมึง'
เสียงดุๆถูกถ่ายทอดออกมาพร้อมสายตาดุๆ จนผมต้องรีบหุบปากฉับ
"นอกจากพี่ก็ไม่มีใครตาถั่วมาคุยกับผมแล้วน่า หวงเหรอ ~"
ผมพูดเสียงกวนๆพร้อมกับยักคิ้วจึกๆให้คนในจอ พี่จีบถลึงตาใส่ก่อนจะนอนตะแคงแล้วดึงหมอนข้างมากอด.. ผิดไหมที่แอบอิจฉาหมอน
'คนอะไร หลงตัวเองฉิบหาย'
พี่จีบว่าก่อนจะปิดปากหาวหวอดอีกครั้งทำให้ผมได้แต่อมยิ้มกับภาพที่เห็นจนลืมโกรธที่เจ้าตัวเหน็บแนมไปซะหมด
"แน่ใจว่าเหรอว่าผมหลงตัวเอง ไม่ใช่พี่หลงผม"
'ไม่รู้ไม่ชี้ มีสมองก็คิดเอง'
พี่จีบว่าก่อนจะยักคิ้วกวนกันทั้งๆที่ตาปรือจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ ผมถึงกับเบ้ปากหนักๆกับความกวนตีนของเขา ทุกวันนี้สงสัยจริงๆนะว่าพี่จีบมันมีปัญหาเรื่องการจีบคนอื่นหรือเปล่า... ทำไมพูดจากวนประสาทได้ขนาดนี้
"ออกตัวแรงตลอดว่ะพี่ ไม่คุยด้วยแล้ว จะทำงาน"
ผมว่าก่อนจะสะบัดหน้าใส่แล้วหันไปสนใจอนิเมชั่นที่ยังทำค้างอยู่.. ต้นแบบตัวการ์ตูนไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ไอ้คนกวนบาทาที่นั่งเฝ้ากันทำงานอยู่นี่ล่ะ
'สมควรตั้งใจนานแล้วว่ะ'
เสียงทุ้มหัวเราะอย่างมีความสุขที่โจมตีผมได้อีกครั้ง ปล่อยเขามีความสุขไปครับ ผมต้องรีบปั่นงานเลยไม่ได้โต้ตอบอะไรกลับไป นานอยู่เหมือนกันที่ต่างคนต่างเงียบไปแต่พี่จีบก็ทำลายความเงียบโดยการขยับโทรศัพท์อีกเครื่องมาให้ผมดู
'ไอ้คิส ที่บ้านกูโปเกม่อนเต็มเลย สนใจมาจับไหม'
ผมรีบหันขวับไปมองจอสี่เหลี่ยมเล็กทันทีแล้วพบว่าละแวกนั้นมีโปเกม่อนเต็มไปหมด.. ผมตาลุกวาวทันทีเพราะมีแต่ตัวที่ยังจับไม่ได้ ไอ้คนที่เอามาล่อก็ยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งให้กันแปลกๆ
'สนใจมาป่ะ ในห้องนอนมีด้วยนะ บนเตียงเลย'
"ทะแม่งๆนะพี่จีบ แม่ง จะหลอกผมไปปล้ำป่ะ!!"
ผมเหวใส่เสียงดังทันทีที่สมองคิดลึก.. ไม่ใช่แค่ชวนไปจับโปเกม่อนแน่ๆ มันต้องมีความหมายแฝง ผมเอาหัวเป็นประกันเลย ไอ้พี่จีบมองผมด้วยความอึ้งก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กัน
'ยอดเยี่ยม เดี๋ยวนี้แม่งเก่งว่ะ ตามกูทันตลอด'
พูดจบก็หัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างอารมณ์ดี ดวงตาที่เคยปรือปรอยกลับมาสดใสวาววับเหมือนคนหายง่วง คงเพราะได้แกล้งผมสินะ
"พี่มันเจ้าเล่ห์ หมาป่าชัดๆ!"
'มึงน่ะ เป็นกระต่ายรอกูขย้ำดีๆก็พอแล้ว โอเคป่ะ'
"ไม่เป็นเว้ย ใครเขาจะโง่รอพี่มาขย้ำวะ"
'แสดงว่ามึงจะขย้ำกูงั้นสิ มาๆ กูพร้อม'
พูดจบร่างสูงก็นอนหงายพร้อมกับขยับกล้องไปใกล้ใบหน้าหล่อเหลา ฟันขาวขบลงเป็นริมฝีปากหยักอย่างเซ็กซี่ ดวงตาปรือปรอยลงอย่างยั่วยวน ผมเผลอสำลักลมหายใจตัวเองก่อนจะเบือนหน้าหนี มือไม้มันสั่นไปหมด หน้าตาร้อนวูบวาบ หัวใจเต้นแรงจนรู้สึกคลื่อไส้ ไอ้พี่จีบแม่ง ไปหัดทำแบบนี้มาจากที่ไหนวะ ผมเจอจีบแอทแทคอีกแล้ว ช่วยด้วย ช่วยผมที เฮือก!
"ไอ้พี่จีบ พอเลย วางไปได้แล้ว"
ผมว่าเสียงตะกุกๆมือไม้ที่อยู่ไม่สุขดันไปปัดโทรศัพท์มือถือล้ม ส่งผลให้ไอ้พี่จีบหัวเราะเสียงดังใส่ทันที ผมลนลานรีบหยิบเครื่องมือสื่อสารมาตั้งตำแหน่งเดิมแล้วมุ่ยหน้าใส่เขาทันที เรื่องที่ฉลาดขึ้นและตามพี่จีบทันคือเรื่องจริง แต่ไอ้ที่เซ่อซ่า ชอบแสดงอาการบ้าๆนี่แก้ไม่หายว่ะ
'เขินก็บอก ไม่ต้องไล่กันก็ได้'
"ไม่ได้เขิน พี่ไปนอนเถอะ เที่ยงคืนแล้วนะครับ"
ผมว่าเสียงอ้อนๆเพราะไม่อยากลำบากให้พี่จีบมานั่งเฝ้ากันทั้งคินแบบนี้ ถึงจะบอกว่าจีบผมอยู่ก็เถอะ ไม่ต้องขยันทำคะแนนนักก็ได้ แค่นี้มันก็จะเต็มร้อยคะแนนอยู่แล้ว
'เออๆ จะไปนอนแล้ว มึงก็ตั้งใจทำงานนะ รีบๆทำให้เสร็จจะได้พักผ่อน'
รอยยิ้มบางๆถูกส่งมาให้กัน ผมพยักหน้ารับคำหงิกหงักก่อนจะยกมือขึ้นโบกไปมาเป็นการลา แต่เสียงพี่จีบดังขึ้นหยุดชะงักมือผมได้ทันที
'คิส.. พรุ่งนี้มึงจะมาที่ร้านไหม'
ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าว่าเสียงของพี่จีบมันฟังแล้วให้ความรู้สึกอ้อนแปลกๆ สายตาที่ส่งมาคล้ายกำลังเว้าวอนให้ผมไปที่ร้านไม่มีผิด
"เอ่อ... ผมยังไม่ได้อ่านหนังสือเลย"
ผมตอบก่อนจะเสมองไปทางอื่น ใจจริงก็อยากไปนะ แต่ผมยังไม่ได้เริ่มอ่านวิชาทฤษฎีสักตัวเลย
'เออว่ะ สอบเสร็จวันไหน'
"วันศุกร์ครับพี่ ทำไมเหรอ"
'สอบเสร็จมาที่ร้านได้ป่ะวะ'
"ก็ได้ครับ พี่ก็ตั้งใจอ่านหนังสือนะ"
'เออ อย่าลืมมานะเว้ย กู... คิดถึง'
ปลายประโยคมันช่างแผ่วเบาแต่กลับได้ยินชัดเจนในความรู้สึก หัวใจเผลอกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่าคิดถึงของเขา รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้กันจนผมรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมด.. ถ้ามาพูดกันต่อหน้าจริงๆผมจะทำยังไงวะเนี่ย
"อะ อือ! แค่นี้นะครับ"
ผมว่าก่อนจะรีบตัดสาย มือเรียวยกขึ้นกุมตำแหน่งหัวใจตัวเองก่อนจะเม้มปากกลั้นยิ้ม เงาสะท้อนจากกระจกบานเล็กบนโต๊ะทำให้ผมเห็นผู้ชายวัยสิบเก้าปีหน้าแดงเถือก เอาจริงๆหมั่นไส้ตัวเองว่ะ
"สมาธิจงมา ฮึบ!!"
ผมเรียกสมาธิตัวเองกลับคืนมาก่อนจะขะมักเขม้นปั่นงานของตัวเองต่อไปจนเวลาล่วงเลยจนถึงตีสามชิ้นงานที่พยายามทำมาตั้งแต่อาทิตย์ก่อนก็เสร็จลง ผมยืดแขนทั้งสองข้างขึ้นและบิดตัวไปมาเพื่อไล่ความเมื่อยขบออกจากร่างกาย พลันหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กก็สว่างวาบขึ้นก่อนจะมีแจ้งเตือนข้อความเข้าตามมา มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดอ่านแล้วต้องยิ้มกว้างกับข้อความไลน์ที่ถูกส่งมา
อัศวิน
- นอนไปหรือยัง กูตื่นมาเข้าห้องน้ำว่ะ 03:15
× คิสสึ ×
- ยังครับ เพิ่งทำงานเสร็จเลย 03:15
อัศวิน
- กูวีดีโอคอลหาได้ไหม 03:15
× คิสสึ ×
- เอ้ย ไม่เอา พี่ไปนอนต่อเลย ผมก็จะนอนต่อแล้ว 03:16
อัศวิน
- ใจร้ายว่ะ งั้นไปนอนกัน ฝันดีครับ 03:16
× คิสสึ ×
- ครับผม ฝันดีนะ 03:16
ผมใกล้จะเป็นคนบ้ามากขึ้นทุกวันแล้วล่ะมั้ง ก็เล่นนั่งยิ้มกับหน้าจอโทรศัพท์บ่อยขนาดนี้ ผมปิดคอมพิวเตอร์ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงโดยไม่ลืมหยิบเจ้าเครื่องสีเหลี่ยมติดมือมาตั้งไว้บนหัวเตียง มือเรียวรั้งผ้าห่มผืนหนาดึงขึ้นมาปิดอก ดวงตากลมปิดลงอย่างเหนื่อยล้า ไม่นานก็จมลงสู่ห้วงนิทรา
จากวันที่ส่งงาน 2D ไป วันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายสำหรับการอ่านหนังสือแล้ว ในพรุ่งนี้ฤดูการสอบจะเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง ผมมองปฏิทินอย่างอ่อนแรง อยากลบวันจันทร์ออกไปมากที่สุด ยังไม่พร้อมสอบ
กระดาษถูกพลิกเปลี่ยนหน้าใหม่หลังจากไล่สายตาอ่านทุกตัวอักษรจนหมด มือขวาเขียนสรุปเนื้อหาทบทวนแบบรวบรัดไปด้วย ไม่รู้ว่าเวลาผ่านมานานแค่ไหนแล้วที่นั่งหลังขดหลังแข่งอ่านหนังสือมา รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนเสียงท้องร้องประท้วงหาอาหารนั่นเอง
ผมวางมือก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ยืดเส้นยืดสายไล่ความเมื่อยขบและลุกขึ้นยืนเดินไปเปิดตูเย็นหาอาหารสำหรับมื้อค่ำนี้ แต่ความผิดหวังแล่นเข้ามากระแทกหน้ากันเต็มๆเมื่อประตูตู้เย็นเปิดออกและพบแต่ความว่างเปล่า นี่ผมเสียบปลั๊กตู้เย็นไว้กินไฟเล่นๆหรือยังไง ทั้งตู้มีแค่น้ำเปล่าสามสี่ขวดเนี่ยนะ ชีวิตช่างอนาถ
ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะพาตัวเองไปหยิบกระเป๋าตังค์ โทรศัพท์ และกุญแจห้องเตรียมพร้อมสำหรับลงไปซื้อของกิน แต่ยังไม่ทันก้าวถึงหน้าประตูดี เสียงโทรศัพท์ในมือก็แผดเสียงดังลั่นจนผมต้องรีบยกขึ้นมาดูก่อนจะเจอกับชื่อที่ทำให้ต้องอมยิ้ม
"สวัสดีครับ"
ผมกรอกเสียงเนือยๆลงไปก่อนจะปิดประตูห้องแล้วเดินลงบันไดไปช้าๆ
'ทำอะไรอยู่'
เสียงทุ้มที่คุ้นเคยถามกลับมาด้วยเสียงที่ดูเหนื่อยไม่แพ้กัน สงสัยคงเพิ่งเลิกอ่านหนังสือเหมือนกับผม
"กำลังลงไปซื้อของกินครับผม พี่จีบมีอะไรหรือเปล่า"
ผมก้าวขาลงบันไดไปเรื่อยๆอย่างไม่เร่งรีบ เพราะกลัวจะหน้าทิ่มซะก่อน
'อ๋อ ลงมาก็ดี กูอยู่หน้าหอมึง เดี๋ยวพาไปหาอะไรกิน'
ผมหยุดกึกอยู่ตรงชั้นพัก บางครั้งผมก็คิดว่าพี่มันมีญาณทิพย์หรือเปล่า ทำไมมาได้ตรงเวลาขนาดนี้
"เอ้ย จริงอ่ะ พี่ล้อเล่นป่ะเนี่ย"
ผมว่าเสียงล้อๆก่อนจะลงบันไดต่อ พี่จีบเงียบไปสักพักก่อนจะตอบคำถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังจนผมต้องหยุดเดินอีกครั้ง
'เปล่า ตั้งใจจะมารับอยู่แล้ว อยากเห็นหน้า'
เจอประโยคนี้ผมตายครับ ตายจริงๆ ตายแน่ๆ โอย ใครใช้ให้เป็นคนแบบนี้วะเนี่ย จะเอาใจใส่กันมากเกินไปแล้วนะเว้ย ไอ้การที่ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์คือพี่จีบมันหายไปอัพสกิลการหยอดมาอีกระดับเหรอ ทำไมรู้สึกว่าใจเต้นแรงกว่าทุกครั้งขนาดนี้
"อะ เอ่อ.. เอารถอะไรมาครับ"
เปลี่ยนเรื่องแม่ง ทั้งๆที่ยิ้มจนแก้มจะแตกอยู่แล้ว
'มอ'ไซต์ รีบเดินมาเลย ยืนบิดทำไมวะ เขินกูเหรอ'
ผมเหลียวซ้ายมองขวาจนเจอคนที่คุยสายด้วยกัน ผมแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะกดวางสายแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหา ร่างสูงโบกมือเล็กน้อยก่อนจะยกยิ้มมุมปากแบบหล่อวัวตายควายล้มมาให้กัน ผมแทบจะเดินหนีเลนเถอะ แพ้พี่จีบจริงๆ แพ้ทุกอย่างเลยว่ะ
"ยังไม่ตอบคำถามกูเลยนะ"
พี่จีบเอื้อมมือมาดึงข้อมือผมเข้าหาตัวเอง ผมเบิกตาโพลงเพราะไม่ทันตั้งตัวเลยถลาเข้าใส่คนที่นั่งคร่อมมอเตอร์ไซต์แบบเต็มๆ วงแขนอบอุ่นโอบรอบเอวประคองตัวผมไว้ได้ทันท้วงทีก่อนที่หน้าจะลงไปทิ่มตรงระหว่างขาเขา หัวใจเต้นตึกตักอย่างแรงเพราะตกใจ
"พี่เล่นบ้าอะไรเนี่ย"
ผมใช้ไหล่พี่จีบเป็นที่ดันตัวเองให้ผละออกห่าง แต่แรงโอบกอดที่เอวกลับเพิ่มมากขึ้นจนผมต้องหันซ้ายหันขวามองคนรอบข้าง ดีนะที่ช่วงนี้นักศึกษาหมกตัวอ่านหนังสือกัน
"กูคิดถึง กอดไม่ได้เหรอ"
เสียงอ้อนๆดังขึ้นมาจนผมใจอ่อนยวบจากที่จะผลักเขาออกกลับยืนนิ่งยอมให้กอดอยู่แบบนั้น
"ไม่เจอกันเป็นอาทิตย์ พี่ไปอัพสกิลเต๊าะผมมาหรือยังไงวะ"
ผมว่าเสียงอ้อมแอ้มก่อนจะเบนหน้าหนี ให้ตายเถอะครับ มาหายใจรดแขนกันแบบนี้ก็ขนลุกสิวะพี่จีบ
"ขนาดนี้มึงยังเรียกว่าเต๊าะอีกหรือไง จะให้กูย้ำกี่รอบว่ากูจีบมึง"
ผมยกมือขึ้นปิดปากไอ้พี่จีบทันทีเมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมหอพักเดินเฉียดพวกเราไปแบบจงใจ ถ้าจะเผือกขนาดนั้นหยุดฟังเลยไหมครับ พี่จีบมองหน้าผมก่อนจะจุ๊บลงบนฝ่ามือจนผมรีบผละมือออกอย่างรวดเร็ว รู้สึกตัวร้อนวูบวาบจนต้องแกะแขนแกร่งออกจากรอบเอวตัวเองไปยืนห่างๆคนเจ้าเล่ห์
"ฉวยโอกาสตลอดว่ะคนเรา ฮึ่ย"
ผมแกล้งทำหน้ายุ่งใส่คนที่นั่งยิ้มเผล่ให้กัน ทำไมต้องเป็นคนร่าเริงตลอดเวลาด้วยวะ ไม่รู้หรือยังไงทำแบบนี้คนอื่นเขาจ้องจะงาบพี่กันทั้งนั้น!
"ยอมรับด้วยความเต็มใจครับ"
พี่จีบโค้งให้ผมก่อนจะยักคิ้วกวนๆให้ ผมเบะปากใส่ก่อนจะก้าวขาคร่อมรถทันทีทั้งๆที่พี่จีบยังไม่สั่ง ทำยังไงก็ได้ให้ผมรอดพ้นสายตาหวานเชื่อมที่ส่งมาให้กันก่อนเถอะ ขนาดมานั่งซ้อนท้ายพี่จีบแม่งยังส่งสายตาผ่านกระจกมาจนผมต้องเบนสายตาหนี
"ไปได้แล้วพี่ เดี๋ยวผมกลับมาอ่านหนังสืออีก"
ผมว่าก่อนจะตีลงบนต้นแขนของเขา พี่จีบพยักหน้าเบาๆก่อนจะเตะขาตั้งขึ้นแล้วสตาร์ทรถออกตัวไปช้าๆ ลมเย็นๆปะทะหน้าทำให้ความเครียดสะสมจากการอ่านหนังสือเบาบางลง ไม่นานนักเราก็มาถึงร้านอาหารตามสั่งเจ้าอร่อย ผมลงจากรถก่อนจะเดินไปจองโต๊ะ พี่จีบเดินตรงมานั่งลงตรงข้ามกัน
"กินอะไรดี"
ผมถามขณะที่ตาไล่อ่านเมนูแผ่นใหญ่บนผนังร้าน พี่จีบส่ายหน้าเบาๆแทนคำตอบจนผมเผลอเบะปากใส่ ไม่ได้ช่วยอะไรกันเลยว่ะ
"กินผัดกะเพราหมูสับป่ะ"
ผมถามออกไป พี่จีบขมวดคิ้วก่อนจะส่ายหน้า
"งั้นสุกี้"
ยังคงได้รับการส่ายหัวกลับมา ผมเลยไล่ส่ายตาอ่านเมนูอีกครั้ง
"ข้าวผัด ผัดพริก ผัดเผ็ด เกาเหลา หมูทอด ไข่เจียว"
ทั้งหมดที่ผมพูดมาพี่จีบเอาแต่ส่ายหน้าแล้วจ้องมองผมอยู่แบบนั้น ไอ้ผมก็เริ่มหงุดหงิดเพราะเสนออะไรไปก็ได้รับการปฏิเสธกลับมาทั้งนั้น
"อะไรก็ไม่เอา แล้วพี่จะกินอะไรวะ ผมจะได้ไปสั่งสักที"
ผมหรี่ตามองมันอย่างเอาเรื่อง นิ้วเรียวเคาะลงบนโต๊ะไม้เพราะต้องการกดดันเอาคำตอบ ไม่นานนักสีหน้าเรียบเฉยของพี่จีบกลับมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับ ผมมองอย่างหวาดๆมีลางสังหรณ์ว่าจะโดนพี่จีบโจมตีแน่ๆ
"อยากกินมึง ต้องสั่งที่ไหน"
แล้วประโยคฆ่าผมก็เล็ดลอดออกมาจากปากหยักสวยอย่างแผ่วเบา ผมเบิกตากว้างก่อนจะแยกเขี้ยวใส่มันอย่างเอาเป็นเอาตายแถมยกเท้าเตะหน้าแข้งคนหื่นไปอีกที ดูมันนะจะกินข้าวแม่งยังจะจีบอีก สมชื่อจริงๆว่ะยอมใจเลยกู
"ไม่มีเว้ย กินไม่ได้ ไม่ต้องสั่ง"
ผมกัดฟันโวยวายก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะซะดื้อๆแล้วเดินไปสั่งเมนูสิ้นคิดอย่างกะเพราหมูสับไข่ดาวสองจาน ถ้าพี่จีบมันไม่กินก็ช่างแม่ง อยากจีบกันไม่รู้เวลาดีนัก ผมกลับมานั่งพร้อมกับแก้วน้ำแข็งเปล่าในมือ พี่จีบส่งยิ้มกวนๆให้กันอย่างอารมณ์ดี ผมเบ้ปากใส่มันพลางคิดในใจว่า นี่เป็นการทบต้นทบดอกเวลาที่ห่างกันไปใช่ไหม.. น่ากลัวจริงๆ
"คิส.. ปิดเทอมไปเชียงรายกับกูไหม"
ผมที่กำลังดูดน้ำจากหลอดหยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนที่นั่งตรงข้ามกันด้วยแววตาสงสัย อยู่ๆชวนไปเชียงรายทำไมวะ
"ไปทำไมอ่ะ.. เที่ยวเหรอ"
ผมปล่อยหลอดดูดก่อนจะถามออกไป แขนทั้งสองข้างเท้าลงกับโต๊ะ มือประสานกันรองรับคางมนได้พอดิบพอดี
"เปล่า ไปดูไร่กาแฟที่เชียงราย ถ้ามึงไปกูก็จะพาไปเที่ยว"
"ปิดเทอมต้องกลับบ้านอ่ะพี่จีบ แต่ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่จะอยู่บ้านหรือเปล่านี่ดิ เห็นมีแพลนจะไปหาพี่ดีพที่ญี่ปุ่นอีก"
"แล้วมึงไม่ไปญี่ปุ่นกับพ่อแม่เหรอ"
"หึ ไม่อ่ะ เดี๋ยวหมดปิดเทอมพี่ดีพก็กลับมาเรียนที่ไทยต่อแล้ว จริงๆผมไม่ค่อยชอบญี่ปุ่นด้วยล่ะ"
ผมตอบก่อนที่ข้าวกะเพราจะมาเสิร์ฟ หลังจากนั้นเลยไม่มีใครพูดอะไรกันอีก ต่างคนต่างตั้งใจจัดการอาหารของตัวเองจนเกลี้ยง มื้อนี้เสี่ยจีบเลี้ยงอีกตามเคยทั้งๆที่ผมจะจ่ายเอง แต่ก็โดนยัดเงินกลับมาอยู่ดี ช่างเถอะ อิ่มจังตังค์อยู่ครบก็ดีเหมือนกัน
"คิส"
พี่จีบเรียกผมตอนที่ลงจากรถเรียบร้อยแล้ว จากที่จะเดินเข้าหอกลับต้องชะงักเท้าแล้วหันไปมองเจ้าของเสียง
"ครับพี่"
ผมตอบรับก่อนจะเห็นแววตาลังเลของพี่จีบ เราเงียบกันอยู่สักพัก แต่ก็ไม่นานเกินรอเสียงทุ้มก็เปล่งขึ้นมาอีกรอบ
"ปิดเทอมถ้าพ่อแม่ไม่อยู่บ้าน มึงไปเชียงรายกับกูนะ"
ผมถึงกับไปไม่เป็นเมื่อโดนชวนอีกรอบ ไอ้อยากไปมันก็อยากไปเพราะปิดเทอมตรงกับหน้าหนาวพอดี แต่มันก็รู้สึกขัดเขินนะเว้ย ให้ไปกันแค่สองคนเนี่ยนะ
"เอ่อ.. ถ้าผมไปแล้วมีคนอื่นไปด้วยป่ะครับ"
ผมถามเพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจ เพราะมีเปอร์เซ็นสูงที่พ่อกับแม่จะไปหาพี่ดีพช่วงผมปิดเทอม เหมือนพวกเขาคุยๆกันอยู่แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
"มี ปกติกูไปกับซารัง ถ้ามึงไปจะชวนภีมกับออยไปด้วยก็ได้"
"เอ้อ ไอ้ออยบ้านมันอยู่เชียงใหม่อ่ะพี่ ถ้าผมได้ไปจะลองชวนพวกมันไปดูนะ"
"โอเคครับ ไว้ค่อยคุยกัน ตั้งใจอ่านหนังสือด้วย กูไปล่ะ"
พี่จีบว่าก่อนจะขี่รถออกไป ปล่อยให้ผมยืนเอ๋อเพราะไม่ทันได้พูดลาอะไรกับเขาสักอย่าง
ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิมหลังจากอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย หนังสือเล่มเดิมถูกเปิดอ่านต่อจากส่วนที่ค้างไว้ จนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าทุ่ม หนังสือเล่มหนาก็ถูกปิดลงพร้อมๆกับที่พลังงานแทบหมดไปจากร่างกาย ผมย้ายสังขารอ่อนเปรี้ยมาทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงไม่วายยกโทรศัพท์มากดเข้าแอพพลิเคชั่นสีเขียวก่อนจะพิมพ์ข้อความถึงคนที่ต้องการคุย
× คิสสึ ×
- นอนหรือยังครับ 23:07
ผมนอนรออยู่ประมาณสิบนาทีก็มีข้อความตอบกลับมา
อัศวิน
- เพิ่งทวนวิชาเขียนโปรแกรมจบ มึงล่ะอ่านหนังสือจบยัง 23:18
× คิสสึ ×
- เรียบร้อยครับ นอนแผ่บนเตียงแล้ว ^(+++)^ 23:18
อัศวิน
- ตั้งใจสอบนะพรุ่งนี้ 23:19
× คิสสึ ×
- เหมือนกันนะครับพี่จีบ 23:20
อัศวิน
- อืม นอนได้แล้ว 23:20
× คิสสึ ×
- ครับผม งั้นฝันดีนะพี่ 23:20
อัศวิน
- ฝันดีครับคนดีของพี่ 23:21
ผมถึงกับหน้าร้อนเมื่อได้อ่านข้อความสุดท้ายของวัน.. อะไรคือคนดีของพี่วะ อย่ามาละมุนได้ไหม ใจจะขาดแล้วเว้ย ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีสมาธิสอบผมจะโทษพี่!!
และแล้วฤดูการสอบมหาโหดก็จบลง หลังจากสอบเสร็จพวกเราต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเพราะเพลียเกินกว่าจะไปฉลองที่ไหน ผมเลยตรงดิ่งไปที่ร้านกาแฟของพี่จีบทันที เจ้าตัวเขาสบายหน่อยที่สอบเสร็จตั้งแต่เมื่อวาน ผมเปิดประตูกระจกใสเข้าไปก่อนกลิ่นกาแฟหอมกรุ่นจะปะทะเข้าหน้า กลิ่นที่ไม่ได้สัมผัสมาราวๆสองอาทิตย์ยังคงเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ผมก้าวขาเข้าไปยืนตรงเค้าน์เตอร์บาร์ ร่างสูงที่ง่วนอยู่กับการทำลาเต้อาร์ตเหลือบตามองกันก่อนจะยิ้มให้
"สอบวันสุดท้ายเป็นไงบ้าง"
เสียงทุ้มถามกันเมื่อมือหนาส่งแก้วลาเต้อาร์ตให้กับพี่อิ๊งที่เป็นพนักงานเสิร์ฟสาวเสร็จ ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวสูงก่อนจะฟุบหน้าลงกับโต๊ะ บ่งบอกถึงอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัด
"ก็ดีครับ แต่ข้อสอบโคตรยาก"
ผมพูดเสียงอู้อี้ก่อนที่จะได้รับสัมผัสอบอุ่นบนกระหม่อม มือหนาลูบหัวผมเบาๆอย่างอ่อนโยน ผมแทบจะเคลิ้มหลับไปเลยล่ะตอนนี้
"ไม่ต้องไปเครียด กูเชื่อว่ามึงทำได้"
มือหนาผละออกไป ผมเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นพี่จีบกลับไปวุ่นวายกับเครื่องทำกาแฟต่อแล้ว ผมลอบยิ้มกับคำพูดสั้นๆแต่มีความหมาย ทำให้ความเครียดที่เอาออกมาจากห้องสอบคลายลงไปได้เยอะ
"ขอบคุณนะครับ"
ผมเอ่ยขอบคุณ ร่างสูงที่หันหลังทำเพียงพยักหน้าเบาๆ กว่าจะหันมามองกันอีกครั้ง มือหนาก็ส่งแก้วลเต้เย็นมาให้กันแล้ว
"กินซะ ขาดคาเฟอีนมาหลายวันแล้วนี่"
พี่จีบยิ้ม ส่วนผมรับแล้วมาแล้วดื่มมันทันที เมื่อปลายลิ้นสัมผัสความขมปนหวานมัน ร่างกายก็แทบจะกลับมามีพลังเต็มร้อยทันที
"อร่อยมากครับ แต่วันนี้ผมว่ากลิ่นมันหอมแปลกๆนะ"
ผมมองแก้วตัวเองอย่างกับจะหาความผิดปกติเจอ แต่สุดท้ายก็ได้แต่นั่งทำตาแป๋วรอคำตอบจากคนตรงหน้า
"ใส่มิ้นท์ไซรัปลงไปน่ะ กลิ่นมันช่วยให้ผ่อนคลายดี"
"อ๋อ อร่อยดีครับ"
ผมว่าก่อนจะดื่มลาเต้เย็นสูตรพิเศษเข้าไปอีก ก่อนจะเพลินจนลืมทุกอย่างโทรศัพท์เจ้ากรรมที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อเกิดสั่นแรงขึ้นมาจนต้องล้วงออกมาดู พบว่าแม่เป็นคนโทรเข้านั่นเอง
"สวัสดีครับคนสวย ~"
ผมลากเสียงยาวทะเล้นๆ คนปลายสายหัวเราะเบาๆก่อนจะเอ่ยถามสารทุกข์สุกดิบกันตามปกติ จนมาถึงหัวข้อสำคัญของแม่ ทำให้ผมต้องเบะปากแรงใส่โทรศัพท์อย่างช่วยไม่ได้
'ลูกปิดเทอมพรุ่งนี้แล้วใช่ไหม'
"ครับ ถามแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไปญี่ปุ่นพรุ่งนี้หรอกนะ"
ผมขมวดคิ้วแน่นตอนรอคำตอบจากผู้เป็นแม่
'เปล่าจ้า ตอนนี้อยู่สนามบินแล้วค่ะคุณลูก'
ปลายสายหัวเราะร่วน แต่ผมนี่อ้าปากค้างไปแล้ว อะไรคืออยู่สนามบินแล้วเพิ่งโทรมาบอกกันวะ ไม่โทรมาบอกตอนที่ถึงญี่ปุ่นแล้วเลยไหมล่ะ!
"แม่! ไม่บอกผมพรุ่งนี้เลยล่ะครับ"
ผมว่าเสียงดังเล็กน้อย ใบหน้ายุ่งเหยิงขึ้นทันทีเมื่อรู้ว่าตัวเองโดนทิ้งกะทันหันแบบนี้
'ก็กะจะบอกตอนที่ถึงญี่ปุ่นแล้วเหมือนกัน แต่พ่อกลัวว่าลูกจะงอนน่ะเลยให้บอกวันนี่'
"โอ้ยย ตอนนี้ก็งอนครับ ถ้าอยากให้หายงอนก็ซื้อของฝากมาให้ผมเยอะๆนะ"
ผมยู่ปากทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เห็นก็เถอะ มันอดทำไม่ได้นี่หว่า พี่จีบก็แม่งกลั้นหัวเราะอยู่ได้ คนเขากำลังเซ็งนะเว้ย
'จ้าๆ พ่อทูนหัวคนที่สามของแม่ แม่วางแล้วนะลูก ดูแลตัวเองดีๆ'
"ครับๆ เดินทางปลอดภัยนะทั้งสองคน"
หลังจากนั้นสายก็ตัดไป ปล่อยให้ผมมองหน้าจอสี่เหลี่ยมแล้วถอนหายใจออกมา
"พี่จีบ.. ผมโดนทิ้งว่ะ ฮือ"
ผมทำเสียงร้องไห้ฟ้องคนตรงหน้าทันที พี่จีบเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ รู้ว่าเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างผมกับแม่ทั้งหมด
"ไปเชียงรายกับกูไหมล่ะ"
"ไปวันไหนอ่ะ"
"อีกสามวัน"
"อือ...ไป!"
แล้วผมก็ใจง่ายตกลงปลงใจไปกับพี่จีบ ไม่ต้องกลัวหรอกยังไงๆไอ้ภีมกับไอ้ออยต้องไปกับผมแน่ๆ เที่ยวเชียงรายครั้งนี้อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปก็ได้... เนอะ
----------------------------------------------------------
Q & A กับจีบ
Q : ชวนน้องไปเชียงรายคิดอะไรหรือเปล่าเนี่ย
A : ไม่คิดครับ.. ไม่คิดน้อยน่ะนะ หึหึ
Q : หัวเราะแบบนี้คิสจะรอดไหมเนี่ย
A : ต้องคอยดูกันต่อไปครับ /ยิ้มเจ้าเล่ห์
พี่จีบเขาอัพสกิลอีแล้วครับคุณณณณ แม้จะอยู่ในช่วงสอบมหาประลัยพี่แกก็ไม่เว้นนะเอ้อ
รอดูกันนะว่าทริปเชียงรายจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง หึหึ
อ่านให้สนุกน้า