22. ข้างเรื่อง 7
หลังจากที่ออกเดินทางเฮียเฟิ่งก็พาผมเดินทางด้วยรถไฟมายังเมืองเล็กๆ และเงียบสงบ แถมสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี เฮียเฟิ่งชอบเดินทางและถ่ายรูปก่อนหน้านี้เฮียเฟิ่งทำงานกับ NGO แต่หลังจากกที่เฮียหลงเรียกตัวกลับเลยมาทำงานเกี่ยวกับชนเผ่าพื้นเมืองและตอนนี้เดินทางมาสองวันทั้งนั่งรถไฟและเดินทางขึ้นเขามานานก็มาถึงหมู่บ้านกลางหุบเขา
“เป็นไงบ้าง”
“เงียบสงบดีครับ เฮียจะไปถ่ายรูปก่อนไหม” ตอนนี้พวกเราเข้ามาในบ้านที่ชาวบ้านเตรียมไว้ให้
“เฮียจะไปคุยกับหัวหน้าหมู่บ้านเราก็เดินเล่นรอบๆ หมู่บ้านได้นะ” ผมพยักหน้าหยิบเอากล้องของตัวเองออกมาแม้จะไม่ได้ถ่ายเป็นอาชีพเหมือนเฮียเฟิ่งแต่ก็เป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งที่ผมชอบ อากาศเย็นๆ พร้อมกับไอหมอกลอยจางๆ ทางเดินบันไตหินมีตะไคร่น้ำเกาะอยู่ บ้านไม้ถูกสร้างตามแนวไหล่เขาทางเดินเล็กๆ ที่ไม่ใหญ่เกินไป บรรยากาศเหมือนภาพฝัน เมื่อเดินมาถึงตรงที่เหมือนลานกว้าง มีเด็กๆ ในเผ่าเล่นตรงลานกลุ่มหนึ่ง ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพรอยยิ้มของเด็กๆ ไว้ พอเด็กๆ หันมาเห็นก็วิ่งกรูเข้ามาหาผม
ภาษากลางที่ไม่แข็งแรงเท่าไหร่เรียกให้ผมไปเล่นด้วย ที่นี่มีโรงเรียนครับแต่ต้องเดินทางไกลสองชั่วโมง ผมเลยต้องวางกล้องแล้วเดินเข้าไปเล่นกับพวกเด็กๆ การละเล่นพื้นบ้านพร้อมกับเสียงเพลงภาษาถิ่นทำให้ผมยิ้มกว้างร้องเต้นรำกับเด็กๆ หลังจากที่เหนื่อยแล้วเด็กๆ ก็ชวนผมไปเล่นที่ลำธารแต่ก่อนที่จะได้ไปก็มีเสียงทุ้มห้าวตะโกนห้ามขึ้นเสียก่อน
“นี่ๆ จะพากันไปไหนได้เวลาแล้วแยกย้ายกลับบ้านเลย” เด็กๆ พากันแตกหือแยกย้ายกลับบ้านทันทีทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่กลางลาน
“คุณคือคนที่มาถ่ายรูปหมู่บ้าน” คนตรงหน้าใส่ชุดชนเผ่าหากแต่ดูไม่เหมือนคนในหมู่บ้านไม่รู้งงไหม เอาเป็นว่าท่าทางไม่เหมือนคนที่นี่
“เปล่าครับพี่ชายผมจะเป็นคนถ่ายผมแค่ตามมาช่วยงานเฉยๆ ครับ” หยิบกล้องมาคล้องคอ
“ผมจะไปส่งคุณที่บ้าน” เห็นแววตาจริงจังมุ่งมั่นกับการที่จะเดินไปส่งผมเลยไม่ขัดให้คนตรงหน้าเดินไปส่งพอมาถึงบ้านไฟก็เปิดอยู่แล้วคงเป็นเฮียเฟิ่งกลับมาแล้ว
“ขอบคุณนะครับที่เดินมาส่ง”
“ครับ” ผมเปิดประตูเข้าบ้านก็เห็นเฮียเฟิ่งกำลังตั้งโต๊ะ อาหารพื้นถิ่นหลายอย่างถูกวางบนโต๊ะ ดีที่ผมไม่ได้ทานอะไรยากและอาหารบนโต๊ะก็น่าลอง
“ไงเราหิวรึยังมาทานข้าวกัน” ผมวางกล้องเดินไปนั่งที่เก้าอี้ไม้แต่มีลายสลักสวยงาม อาหารบนโต๊ะมีจานปลา1อย่าง ผัดผักอีกสองและแต่รสชาติอร่อยมาก มื้อนี้ทำให้ผมเติมข้าวชามที่สอง
“เราจะตามเฮียไปอีกที่ไหม”
“อืมผมอยากดูก่อนครับ” เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะตามเฮียไปผมก็ยังคิดถึงบ้านอยู่
“จริงๆ ใช้ได้นะแต่เป็นของเฮีย” ผมแทบจะลุกขึ้นโวยวายกับเฮียตัวเองมีโทรศัพท์ดาวเทียมแต่ไม่ยอมบอกผม รับมือถือมาไว้แล้วกดหาเพือนซี้ที่พอรับสายก็รีบอวดผลงานจนผมต้องรีบห้ามปรามว่าให้ปล่อยมือ รินยอมที่จะเลิกแต่ก็บ่นผมหลายคำก่อนที่จะวางสายไป
ผมเป็นห่วง บอกตรงๆ เลยว่าเป็นห่วงเพราะถ้ารินได้เอาจริงทำให้ตระกูลจางล้มละลายยังได้เลยยังดีที่เขาติดต่อไปก่อนรินติดลมบนเพราะไม่อย่างนั้นแย่แน่ๆ พอพูดถึงใครอีกคนนั่นผมก็ต้องถอนหายใจออกมา เอาเถอะคงต้องกลับไปหารินก่อน
“เฮียซินต้องกลับนะ”
“ได้เสร็จงานนี้ก็กลับกันไม่เกินวันมะรืนนี้หรอก” ผมพยักหน้าก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้าห้อง หลังจากทำธุระส่วนตัวผมก็ล้มตัวลงนอน สร้อยคอที่เป็นเครื่องประดับเดียวโผล่ออกมานอกชุดนอน เครื่องประดับเดียวที่เขายอมเก็บไว้กับตัว สร้อยเงินกับแหวนวงเกลี้ยง ใช่มันคือแหวนหมั้นของเขา และก็อดถอนหายใจไม่ได้ความรู้สึกวุ่นวายในใจผมที่แม้กระทั่งเดินทางมาไกลขนาดนี้ยังไม่หายไป
“นอนๆ หลับได้แล้วนะซิน” บังคับตัวเองให้นอนหลับ
ผมตื่นขึ้นมาพร้อมกับอากาศที่เย็นขึ้นจนมือและเท้าผมชาไปหมด อ่านี่เป็นอากาศของที่ราบสูงสินะ ผมลุกขึ้นเอาผ้าห่มมาม้วนตัวเองแล้วเดินไปเปิดหน้าต่าง ว้าวทะเลหมอก
“สวยจัง” ผมหยิบมือถือมาถ่ายรูปไว้รัวๆ แล้วค่อยลุกไปอาบน้ำแล้วลงไปหาเฮียที่กำลังรับถาดอาหารจากแม่เฒ่าในหมู่บ้าน ผมรีบเดินเข้าไปช่วยพร้อมกับโค้งให้แม่เฒ่า
“เฮียจะให้ผมช่วยงานอะไรไหม”
“ไม่ต้องหรอก เฮียสอบถามเสร็จแล้ว เหลือแค่ถ่ายรูป”
“งั้นผมไปด้วย” เฮียเฟิ่งพยักหน้า เฮียตามใจผมจะตายหลังจากทานมื้อเช้าผมก็ตามติดเฮีย เดินขึ้นเขาไปถ่ายหมู่บ้านจากด้านบนถ่ายรอบๆ หมู่บ้านแล้วก็ลงมาถ่ายในหมู่บ้าน ผมก็ตามถ่ายรูปไปด้วยถึงแม้ฝีมือจะไม่ได้เท่าเฮียก็เถอะ หลังจากที่เก็บงานเสร็จหมดเรียบร้อยผมก็กลับบ้านมาเก็บกระเป๋าเตรียมไว้
“ซินเดี๋ยวตอนเย็นๆ หมู่บ้านจะจัดงานเลี้ยงนะ”
“อ้อครับ” ผมหันไปนั่งเช็ครูปโอนถ่ายทุกอย่างใส่มือถือ ที่นี่ไม่มีอินเตอร์เน็ตเลยไม่มีโอกาสอัพรูปอวดทุกคน เฮียหลงต้องร้องโวยวายแน่ๆ เพราะเฮียบ่นประจำว่าอยากออกไปเที่ยวบ้าง เฮียแกไม่มีเวลาพักครับเลยอิจฉาเฮียเฟิ่งตลอดฮ่าๆ หลังจากนั้นพวกเราก็เดินลงไปร่วมงานเลี้ยงถึงจะบอกว่าเป็นงานเลี้ยงแต่ก็เป็นการทานอาหารร่วมกัน เด็กๆ ร้องเพลงเต้นรำเฮียเฟิ่งรัวชัตเตอร์เก็บภาพไม่ยั้ง
“สนุกดีนะเฮีย ซินรู้แล้วล่ะว่าทำไมเฮียถึงไม่อยากกลับไปรับช่วงต่อ” เอนตัวไปกระซิบเฮียที่นั่งข้างๆ
“หึๆ อยากมาทำกับเฮียไหมล่ะ”
“ไม่ล่ะ” ผมรีบปฏิเสธ ถึงแม้งานจะมีอิสระแต่ผมก็อยากกลับไปทำหลายอย่างที่บ้านและที่สำคัญผมทิ้งป๊าไม่ได้ และเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีก นานเกือบสองชั่วโมงงานเลี้ยงก็ได้จบลงผมต้องลากเฮียเฟิ่งที่เมาเหล้าทำเองของหมู่บ้าน ก็นะเล่นกินไปเป็นไหก็ควรที่จะเมา
ตุ้บ
วางเฮียลงบนเตียง โชคดีที่เป็นเฮียเฟิ่งถ้าเป็นเอียหลงนะปล่อยนอนตายอยู่ที่ลานแล้วเฮียเฟิ่งมีขนาดตัวไม่ต่างจากผมเท่าไหร่ เอาผ้าห่มคลุมให้เรียบร้อยหวังว่าตื่นขึ้นมาพรุ่งนี้จะไม่เมาค้างนะไม่งั้นแย่แน่ๆ หลังจากจัดการเฮียเสร็จก็เดินขึ้นไปห้องตัวเอง อีกสามวันก็จะกลับบ้าน เคลียร์ปัญหานั่นเสียที
“โอ๊ยยเวียนหัว”
“สมควร กินชานี่สิเฮีย” ยื่นแก้วชาที่เพิ่งชงส่งให้เฮียเฟิ่งเป็นชาที่เข้มข้นไปหน่อย ที่พอเฮียจิบแล้วหน้ายู่ไปหมดก็มันช่วยแก้เมาค้างได้นี่น่าหลังจากที่ดื่มชาแก้เมาไปเรียบร้อยพวกเราเตรียมกระเป๋าที่จะกลับ ผู้คนในชนเผ่าต่างมายืนส่งพร้อมมอบเครื่องรางให้ ผมโค้งขอบคุณแล้วพวกเราก็พากันเดินทางกลับ
.
สองวันต่อมาพวกเราก็กลับมามาถึงบ้านทันทีที่เท้าเยียบห้องโถงรินก็วิ่งมากอดผมแน่นไม่ได้สนใจไอ้คนตัวสูงที่ยืนอยู่ข้างหลังเลย ผมยกมือกอดรินกลับส่วนหยางอี้หันไปทักทายกับเฮียเฟิ่ง ผมโดนรินจัดแจงเรียกให้แม่บ้านเอากระเป๋าไปเก็บเสร็จก็จูงผมไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นผมนั่งลงข้างๆ ริน
“ไม่ต้องคิดมากนะเพราะกูเอาคืนให้มึงแล้ว” ผมได้แต่ยกยิ้ม
“จ้าๆ”
“ไปเที่ยวมาเป็นไงบ้าง” พอรินทักผมก็ค่อยนึกขึ้นได้ หยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดรูปพร้อมกับเล่าเรื่องราวที่ได้เจอ ส่วนเฮียเฟิ่งขอตัวขึ้นพักผ่อน หยางอี้ก็นั่งเป็นพระพุทธรูปในห้องนั่งเล่นนี่ล่ะ พอผมถามว่าไม่ทำงานเหรอเจ้าตัวก็บอกว่าไม่ อยากจะเฝ้าก็เฝ้า เฝ้าไอ้รินขนาดนี้ธุรกิจไม่เจ๊งก่อนเหรอ ขณะที่ผมกำลังเล่าเรื่องให้รินฟังเสียงรถแล่นเข้ามาเสียงบดล้อกับถนนดังลั่นจนทำให้พวกเราสะดุ้งแต่ก่อนที่จะเดินพ้นประตูห้องนั่งเล่นร่างสูงที่คุ้นตาก็เดินเข้ามาเสียก่อน
“คุณ”
หมับ
ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อก็ถูกคว้าตัวปลิวไปอยู่ในอ้อมแขนแกร่งแล้วลมหายใจร้อนรดต้นคอ ผมได้แต่ยืนนิ่งเพราะตกใจแต่พอตั้งสติได้ผมก็ดิ้นเพื่อที่จะหลุดจากอ้อมแขนหนา
“ปล่อยนะปล่อย” แต่ยิ่งดิ้นก็เหมือนว่าวงแขนแกร่งนั่นยิ่งรัดแน่น
“ไปกับพี่” ผมพยายามขัดขืนแต่ก็เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ปลิวไปตามแรงพอถึงรถก็จับยัดผมลงไปนั่งในรถ ได้ยินแต่เสียงไอ้รินดังแทรกเข้ามา ทีแรกว่าจะหนีออกจากรถคนตรงหน้าก็เดาทางได้
“ถ้าลงคราวนี้พี่จะมัด” ผมเลยนั่งนิ่งๆ ไม่หาเรื่องที่จะโดนมัด พอเห็นว่าผมยินยอมไปด้วยดีๆ แล้ว ลู่ชิงเลยวิ่งอ้อมมาขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว ผมกำสายเบลท์แน่นเมื่อความเร็วรถไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
“ขะ..ขับช้าๆ หน่อย” ร่างสูงหันมามองแวบหนึ่งก่อนที่ความเร็วรถจะลดลง รถหรูแล่นมาจอดหน้าคอนโดหรูพอดับเครื่องยนต์ลู่ชิงก็เดินอ้อมมาเปิดประตูรถพร้อมกับจับข้อมือเดินนำผมขึ้นลิฟท์ ผมเลือกที่จะไม่ถามเดินตามร่างสูงไปยังห้องบนสุดของคอนโดอย่างยินยอม เมื่อเปิดประตูห้องและข้อมือถูกปล่อยผมก็ขยับตัวออกห่างทันที
ไม่ปลอดภัยแล้ว
+++++++++++++++++++++++++
ลงก่อน 50 เปอร์นะคะ ลืมเรื่องนี้ไปรึยังคะ
อย่าพึ่งลืมกันน้า