มนุษย์แฟนเด็ก
11
มีความทิ้งไว้กลางโรงอาหาร
ทิวากาลสั่นขา คลายริมฝีปากสลับกัดเม้มไปมา มือหนาเคาะปากกากับโต๊ะไม่เป็นจังหวะ ซ้ำยังสร้างความรำคาญให้กับคนนั่งข้าง ๆ จนต้องหันมองหลายครั้ง
“เป็นอะไรวะ?” สุดท้ายแล้วชมพู่ก็ทนไม่ไหว กระซิบถามเพื่อนเสียงเบาเพราะเกรงใจอาจารย์ที่กำลังบรรยายอยู่ ทิวากาลเหลือบมองแล้วสั่นศีรษะ
“เปล่า”
“มึงโกหกกูไม่ได้ กาล” ร่างสูงถอนหายใจยาว ชมพู่ยังคงจ้องเขาเขม็งอย่างต้องการคำตอบ แต่หากทิวากาลไม่อยากตอบแล้ว ต่อให้คนถามจะเป็นใครเขาก็จะไม่ปริปากพูด ชมพู่จิปากเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เธอยอมเลิกสนใจเพื่อนสนิทชั่วคราวแล้วหันไปสนใจกับเกมในมือถือแทน...
เมื่อเลิกอาจารย์สั่งเลิกคลาส ชมพู่ที่ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องเค้นคอเพื่อนรักให้ได้ก็เป็นอันต้องผิดหวังเมื่อโดนเพื่อนสนิทต่างคณะโทรมาตามเพราะโดนผู้ชายเท เมื่อชมพู่ออกไปแล้วคราวนี้ก็เหลือเพียงสี่หนุ่ม ทิวากาลเคาะปลายปากกากับโต๊ะ เหลือบมองหน้าคนที่นั่งข้างซ้ายของเขาเล็กน้อย ตอนนี้พวกเขายังอยู่กันในห้องอยู่
“มองกูบ่อยไปละ คิดอะไรกับกูป่ะ?” คนถูกมองบ่อย ๆ เอ่ยถามด้วยความสงสัยแกมกวนประสาท
“พ่อมึง”
“กูเพิ่งรู้ว่ามึงชอบเป็นเมียน้อย”
“กวนตีนไอ้สัด!” ทิวากาลตบหัวของต้นจนคนถูกทำร้ายซี้ดปาก
“แล้วมีอะไร กูเห็นมึงมองไอ้ต้นนานแล้ว” รถถังถามขึ้นมาบ้าง เพราะเขาเองก็สงสัยไม่น้อย แม้จะไม่ได้นั่งติดกับทิวากาล แต่เขาก็เห็นมาไอ้เพื่อนหน้าหล่อนั้นแอบมองต้นอยู่บ่อย ๆ
“ไปหาอะไรกินก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกัน กูหิวโว้ย!” คนที่นั่งฟังมานานอย่างมิคกล่าวขึ้น อีกสามคนที่เหลือถอนหายใจออกมา แต่ก็เก็บของบนโต๊ะ เป็นสัญญาณว่าออกไปหาอะไรทานก่อนแล้วค่อยพูดคุยเรื่องที่ตกเป็นประเด็นอยู่
“มึงมีเรื่องอะไรอยากคุยกับกูหรือเปล่า?” ต้นเอ่ยถามทิวากาลระหว่างที่พวกเขากำลังจะเดินไปซื้อข้าว คนถูกถามชะงักเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติตัวเองและหันมองคนถาม
“ไม่รู้ว่ะ”
“อ้าว ไอ้ห่า มีอะไรก็พูดมา กูข้องใจนะเว้ย!”
“จริง ๆ ก็มี แต่มัน... ไร้สาระว่ะ ช่างแม่งเหอะ!”
“ไอ้เหี้ยยยยย กูคาใจโว้ย!” ทิวากาลยักไหล่ไม่แยแส เขาเดินหนีต้นไปที่ร้านข้าวร้านโปรด เมื่อใกล้ถึงจุดหมายทิวากาลก็ระบายยิ้มออกมา ทำเอาผู้คนที่เดินผ่านถึงกับอายหน้าแดง แม้ร่างสูงจะไม่ได้ยิ้มให้ตนก็ตาม
“เฮ้”
“อ๊ะ! ทิวามาดึงเราทำไม”
“เจอรุ่นพี่ต้องทักทายสิวะ ไม่ใช่มาพูดอะไรแบบนี้”
“อู้หูย เราไม่มีอารมณ์ทักทายหรอก อีกไม่กี่คิวจะถึงคิวเราแล้วแท้ ๆ ทิวาก็มาดึงเราออกจากแถว แล้วดูสิ แถวยาวขนาดนี้เหมือนไหร่เราจะได้กิน!” ร่างสูงทำท่าแคะหูเมื่อเด็กแก้มกลมบ่นเสียยาวเหยียด นึก ๆ แล้วมันเขี้ยวแปลก ๆ อยากจะยื่นมือไปดึงแก้มกลมที่กำลังพองลม อยากจะบีบปากเล็ก ๆ ที่กำลังเชิดขึ้น อยากจะมองตากลมที่กำลังสั่นระริกเพราะถูกเขาแกล้งดึงออกจากแถว
“หึหึ เข้าไปต่อเหมือนเดิมสิ”
“ได้ที่ไหนกันเล่า ออกมาแล้วก็ต้องไปต่อใหม่นั่นแหละ ทิวานะทิวา ทำกับเราได้ลงคอ เราน่าสงสารขนาดนี้ทิวาไม่สงสารเราเลยเหรอ ใจร้ายจังเลย” คนใจร้ายได้แต่ยืนนิ่ง เขาทำอะไรไม่ถูกขณะที่ฟังอีกคนกล่าวตัดพ้อ มันน่าเอ็นดูแปลก ๆ แม้มันจะดูกวนตีนด้วยก็ตาม จันทร์เดินก้มหน้าผ่านเขาไปเพื่อไปยืนต่อแถวใหม่อีกครั้ง ใบหน้าน่ารักนั้นยังคงก้มลงจนคางแทบชิดออก มือเล็กกำเสื้อนักศึกษาของตนเอาไว้เสียจนยับ
“เตี้ย...”
“อะไร ทิวาจะแกล้งอะไรเราอีก”
“ขอโทษ” ลูกหมูชะงัก เงยหน้ามองทิวากาลอย่างลืมตัว ตากลมกะพริบถี่ก่อนที่น้ำตาจะไหลอาบแก้มยุ้ย ทิวากาลอึกอักทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นน้ำตาไหลผ่านแก้มกลมที่เขาชอบบีบเล่น คนอื่น ๆ ที่อยู่ในบริเวณนี้ก็หันมาให้ความสนใจเป็นพิเศษจากที่สนใจอยู่แล้ว
“ร้องไห้ทำไม”
“เรา เราไม่รู้ จู่ ๆ น้ำตาก็ไหลออกมาเอง” แทบจะยกมือตบหน้าผากกับคำตอบ จันทร์เจ้าเบะปากขณะที่ใช้หลังมือปาดน้ำตาออกจากแก้มขวา ขณะที่กำลังจะเช็ดอีกข้างลูกหมูก็ต้องสะดุ้งเมื่อทิวากาลยื่นมือไปเช็ดน้ำตาออกให้ หัวใจดวงน้อยสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อนระหว่างที่มองใบหน้าคมคายของคนอายุมากกว่า ลูกหมูไม่คิดว่าทิวาจะมีมุมอ่อนโยนแบบนี้ด้วย
ไม่ใช่แค่จันทร์เจ้าเท่านั้นที่แปลกใจ ตัวของทิวากาลเองก็แปลกใจไม่น้อยกับการกระทำของตัวเอง ใช่ว่าเขาจะไม่เคยทำใครร้องไห้ ทว่าเจ้าเด็กแก้มกลมคนนี้คือคนแรกที่เขาเช็ดน้ำตาให้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำ เพราะเมื่อรู้ตัวอีกทีปลายนิ้วของเขาก็จัดการเกลี่ยหยาดน้ำตาออกจากผิวแก้มเนียนนุ่มนั้นแล้ว…
“เลิกร้องได้แล้ว เดี๋ยวเขาหาว่ากูรังแกเด็ก”
“อือ...” ลูกหมูปาดน้ำตาหยดสุดท้ายออกจากใบหน้าแล้วยิ้มแฉ่งให้กับทิวา เจ้าตัวนิ่มเอียงคอเล็กน้อยอย่างสงสัยเมื่อเห็นว่าทิวามองตัวเองนิ่งแถมยังนิ่งไปอีก สุดท้ายก็เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแทนที่จะมองหน้ากัน
อะไรง่า... หรือเราร้องไห้จนน่าเกลียดทิวาเลยไม่อยากมอง...
พอคิดแบบนั้นก็คอตก ส่งสายตาเศร้าไปให้กับรุ่นพี่ตัวสูง ทิวากาลถอนหายใจ วางมือบนกลุ่มผมนุ่มแล้วขยี้เบา ๆ พอทิวาทำตัวแบบเดิมลูกหมูก็ยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวที่เรียงซี่สวยอีกครั้ง ดวงตากลมปิดหยีกลายเป็นเส้นโค้งเพราะถูกแก้มยุ้ยบดบัง ทิวาจัดการบีบแก้มกลมด้วยความมันเขี้ยว กล้าดียังไงมาใช้สายตาแบบนั้นมองเขากัน แล้วกล้าดียังไงที่ส่งยิ้มโง่ ๆ มาให้จนเขาหาวิธีหายใจแทบไม่ถูก
“ทิวา”
“อะไร?”
“เราไม่อยากกินร้านนี้แล้ว ไปร้านอื่นกันเถอะ!” ยังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ข้อมือหนาก็ถูกมือขาวคว้าหมับพร้อมกับออกแรงฉุดให้ทิวาเดินตาม ร่างสูงสั่นศีรษะเบา ๆ ขณะที่มองคนตัวเล็กกว่าลากเขาไป
“มึงจะกินร้านไหน?”
“เราไม่รู้ แต่ไม่กินร้านที่คนเยอะได้ไหมครับ ตอนนี้เราหิวม้ากมากเลย” เงยหน้าช้อนตามอง ทั้งยังกะพริบตาปริบ ๆ เป็นการอ้อนอีกด้วย อืม... แบบนี้เขาจะปฏิเสธได้อย่างไรกัน ลูกหมูน้อยยิ้มกว้างเมื่อร่างสูงพยักหน้าตกลง สายตากลมกวาดหาร้านอาหารที่จะเป็นที่ฝากท้องสำหรับมื้อนี้ ก่อนจะสะดุดที่ร้านเกือบสุดท้ายที่มีไม่ลูกค้าอยู่เลย
“ไปร้านนั้นกันครับ”
“ไม่มีคนเลย จะอร่อยหรอวะ?” ทิวากาลเอ่ยขึ้นหลังจากที่มองตามปลายนิ้วเล็ก
“คนเยอะหรือคนน้อยไม่ได้วัดความอร่อยนี่นา...”
โอเค เขายอมก็ได้
“ทิวานี่ดังจังเลยเนอะ ไปไหนคนก็มองกันหมด” เราก็งงไม่รู้จะมองทำไมนัก ตั้งแต่อยู่ที่ร้านข้าวร้านแรกแล้วด้วย รู้สึกตั้งแต่แรกแต่ไม่ได้พูดออกมา คงจะมองทิวา เพราะทิวาเองก็น่าจะดังมาก ๆ ในคณะ เผลอ ๆ คนทั้งมหาวิทยาลัยคงรู้จัก ด้วยหน้าตา รูปร่าง และคุณสมบัติอื่น ๆ เฮ้อ... อยู่กับคนดังเลยต้องเป็นเป้าสายตาไปด้วย แย่จังเลยน้า
“อ๊ะ! เราลืมกระเป๋าสตางค์”
“เดี๋ยวกูจ่ายให้ก่อน” ทิวากาลบอกพร้อมกับคว้าแขนของลูกหมูเอาไว้เมื่ออีกคนกำลังจะวิ่งกลับไปทางเดิม ลูกหมูทำหน้างงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มกว้างและพยักหน้ารับ จากนั้นทั้งสองจึงเดินไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่เกือบสุดท้าย
“สวัสดีครับคุณป้า” ลูกหมูเอ่ยทักคุณป้าแม่ค้าพร้อมรอยยิ้มสดใส คุณป้าก็ยิ้มตอบด้วยความใจดีและดีใจที่มีลูกค้าเข้าร้าน
“สวัสดีลูก อยากกินอะไรจ๊ะ?”
“หนูอยากกินเส้นใหญ่ต้มยำเพิ่มลูกชิ้นไม่ใส่ต้นหอมหนึ่งชามครับผม!” ใครว่าจันทร์เจ้ากินทุกอย่าง ไม่จริงนะ! เพราะมีหลายอย่างที่เราไม่กินเลยเหมือนกัน โดยอันดับหนึ่งนั้นคือบล็อกโคลี่ อันดับสองก็คือต้นหอมนี่แหละ! มีในอาหารได้แต่ไม่กินคับผม!
“ได้ลูก ได้ รอแป๊บหนึ่งนะจ๊ะ” ยิ้มรับคำพูดของคุณป้าก่อนจะหันมาหาทิวากาลที่ยืนกอดอกแหงนหน้าอ่านป้ายรายการที่แขวนอยู่ด้านบน เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงก้มหน้าลงในระดับปกติและก็ได้พบว่ามีมนุษย์ลูกหมูกำลังมองเขาตาแป๋ว เจ้าหมูสะดุ้งเฮือก ก้มหน้างุดเมื่อถูกทิวาจับได้ว่าแอบมอง จึงหันหลังให้ร่างสูงเช่นเดิมแล้วไปคุณกับคุณป้าแม่ค้าแทน
“อู้หูย! อร่อยจังเลยครับ!” ลูกหมูเอ่ยชมหลังจากที่ตักน้ำซุปเพื่อชิมก่อนปรุง ทว่ารสชาติกลมกล่อมเข้มข้นของน้ำซุปและเครื่องต้มยำนั้นทำให้ลูกหมูตาโต น่าแปลกใจจัง อร่อยขนาดนี้ทำไมถึงไม่มีลูกค้านะ
“อร่อยหรอลูก มา ๆ เดี๋ยวป้าเพิ่มลูกชิ้นกับเนื้อหมูให้”
“ฮือ ไม่เอาครับ” จันทร์เจ้าส่ายหน้าหวือพร้อมยกชามหนี ถึงแม้ลูกหมูจะชอบกินแต่ก็ไม่ชอบที่จะเอาของฟรีหรอกนะ ยิ่งคุณป้าไม่มีลูกค้าแบบนี้ยิ่งไม่อยากรับไปกันใหญ่
เอ…? หรือเราจะพูดผิดที่บอกว่าคุณป้าไม่มีลูกค้า สงสัยจะคุยเพลินจนลืมสนใจสิ่งรอบข้างไป ตอนนี้มีนักศึกษาหลายคนมาต่อแถวด้านหลังทิวา มีแต่ผู้หญิงทั้งนั้นเลย บู้ว
“คุณป้าขายนานหรือยังครับ แล้วขายดีไหมครับ?” ลูกหมูถามเจื้อยแจ้วระหว่างทีรอทิวาปรุงก๋วยเตี๋ยวอยู่ข้าง ๆ
“ป้าเพิ่งมาขายได้สองอาทิตย์เองลูก ขายก็ไม่ค่อยดีหรอก จนพวกหนูมาซื้อนี่แหละ เลยมีเด็ก ๆ มาซื้อบ้าง” อย่างนี้นี่เอง… เพราะเป็นร้านที่มาเปิดใหม่สินะ
“ก๋วยเตี๋ยวคุณป้าอร่อยมาก ๆ เลย เดี๋ยวหนูมากินบ่อย ๆ นะครับ”
“จ้า ขอบใจมากนะลูก”
“ไปได้แล้ว เกะกะเขา” ทิวากาลผลักศีรษะลูกหมูเบา ๆ ก่อนจะยกถาดที่มีก๋วยเตี๋ยวสองชามขึ้นมาถือเองไว้ จันทร์เจ้ามุ่ยหน้า ก่อนจะหันไปโบกมือลาคุณป้าแล้วจึงวิ่งตามทิวาไป
ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นต่างก็มองด้วยความสงสัยใคร่รู้ เหตุใดคนสมบูรณ์แบบอย่างทิวากาลถึงได้มาสนิทกับเด็กปีหนึ่งหน้าใสอย่างจันทร์เจ้าได้ ไม่ใช่แค่ทิวากาลเท่านั้นที่เป็นที่สนใจของผู้คน แน่นอนว่าด้วยรูปลักษณ์ทั้งยังฐานะทางบ้านที่จัดว่าดี แต่จันทร์เจ้าเองก็มีคนสนใจไม่น้อย ด้วยใบหน้าที่น่ารัก นิสัยที่เป็นคนเอง มีรอยยิ้มประดับใบหน้าตลอดเวลา และสุดท้ายคงจะเป็นรูปร่างของเจ้าลูกหมูที่เป็นคนเจ้าเนื้อจ้ำม่ำกอดกำลังพอดีแต่ไม่อ้วนฉุนั้นทำให้หลาย ๆ คนอยากจะเข้าไปทำความรู้จัก
แต่ในเมื่อลูกหมูตัวกลมได้สนิทสนมกับทิวากาล หลาย ๆ คนจึงทำได้เพียงแค่มองอยู่ไกล ๆ
“มึงไปซื้อน้ำให้กูหน่อย ร้านพี่ตาน่ะ เอาชาไทยปั่น ส่วนมึงจะกินอะไรก็ซื้อมา กระเป๋าสตางค์อยู่ด้านหลัง หยิบไป” พยักหน้าหงึกหงักรับคำสั่งแล้วดึงกระเป๋าสตางค์จากกระเป๋าหลังกางเกงทิวาออกมาแล้วจึงกลับหลังหันเดินไปที่ร้านน้ำปั่นพี่ตาตามที่ทิวาบอก
“ชาไทยกับนมสดปั่นอย่างละแก้วครับ” ลูกหมูเอ่ยบอกกับพี่ตาซึ่งเป็นคนขาย พี่สาวใจดียิ้มรับก่อนจะหันไปง่วนกับเครื่องปั่น ระหว่างรอลูกหมูจึงถือโอกาสเปิดกระเป๋าสตางค์ของทิวา อู้หูย ทำไมทิวาถึงพกเงินสดเยอะจัง มีแต่ธนบัตรหนึ่งพันบาททั้งนั้นเลย แถมบัตรยังเยอะแยะอีกต่างหาก จันทร์เจ้าสั่นตัวหยิบเงินออกมาหนึ่งร้อยบาทแล้วเก็บใส่กระเป๋ากางเกงไว้อย่างดี ถ้าหายล่ะเรื่องใหญ่แน่ แค่ราคากระเป๋าอย่างเดียวก็แพงจะแย่แล้ว ไหนจะบัตรต่าง ๆ และยังเงินสดเป็นหมื่นนั่นอีก แค่คิดลูกหมูก็สยองแล้ว
เอ๋… ทิวาหายไปไหนนะ ลูกหมูขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเดินกลับมาที่เดิมหลังจากแยกตัวไปซื้อน้ำปั่นมา ทว่าพอกลับมากลับไม่เจอทิวาเลย มองซ้ายมองขวาหาก็ไม่เจอ ตอนนี้ผู้คนในโรงอาหารยิ่งเยอะอยู่ด้วย จะหาเจอได้ยังไง!
“น้องจันทร์เจ้าขาาาา!” เจ้าของชื่อสะดุ้งก่อนมองหาต้นเสียง เมื่อพบว่าเป็นพี่รหัสคนสวยที่เคยเจอกันเมื่อวานกำลังโบกมือให้ก็ยิ้มกว้างพร้อมกับก้มศีรษะทำความเคารพ พอพี่ซันนี่กวักมือเรียกลูกหมูก็เดินเข้าไปหา
“สวัสดีครับพี่ซันนี่”
“สวัสดีจ้า น้องจันทร์เจ้าหาอะไรอยู่จ๊ะ?”
“หาทิวา..” อ๊ะ! จริงสิ ทิวารู้จักพี่ซันนี่นี่นา “พี่ซันนี่รู้จักทิวาไหมครับ?”
“ทิวา? ทิวาไหนคะ?”
“....ทิวากาล”
“อ๋อ... รู้จักค่ะ ทำไมเหรอคะ?” ซันนี่บอกพร้อมรอยยิ้ม แม้จะติดสงสัยเล็กน้อยที่น้องรหัสตัวขาวเรียกชื่อรุ่นพี่ปีสี่อย่างทิวากาลด้วยชื่อต้องห้าม
“พี่ซันนี่มีเบอร์มือถือทิวาไหมครับ? เราโดนทิวาทิ้ง” ว่าไปแล้วก็เบะปากเศร้า เล่นเอาคนเห็นอยากจะเข้าไปปลอบใจให้หายงอแง
“ขอโทษด้วยน้า พี่ไม่มีเบอร์พี่กาลค่ะ”
; __ ;
“ไม่เป็นไรครับ...” ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้พี่รหัสก่อนจะถอนหายใจแผ่วเบา เฮ้อ จะไปหาทิวาจากไหนได้ล่ะ แต่ระหว่างที่กำลังบ่นทิวาในใจอยู่นั่นเสียงหวานของพี่ซันนี่ก็ดังขึ้นมา
“โอ๊ะ พี่กาลอยู่ทางนั้นไง” หันขวับไปตามที่พี่รหัสบอกแล้วหน้าบึ้งเมื่อเห็นร่างสูงของทิวากำลังเดินมาหา
“มาทำอะไรตรงนี้เตี้ย”
“ทิวานั่นแหละ ทิ้งเรา!”
“ทิ้งเหี้ยไรล่ะ มานี่เลย” ทิวากาลโอบแขนล็อกคอจันทร์เจ้าก่อนจะลากออกมา เล่นเอาลูกหมูคว้าแก้วมามาถือแทบไม่ทัน ยังไม่ทันได้บอกบั๊บบัยพี่ซันนี่เลยด้วย ทิวาไม่มีมารยาท!!!
ระหว่างทางที่โดนลากนั้นแม้ลูกหมูโวยวายหรือเอ่ยถามอะไรออกไปร่างสูงก็ไม่ยอมตอบหรือพูดด้วย จนกระทั่งมาถึงโต๊ะ เมื่อเป็นอิสระเจ้าหมูน้อยก็หน้ามุ่ยและตวัดตาฉับมองค้อนทิวา แต่อีกคนก็ทำเพียงแค่ยักไหล่ไม่สนใจ
“นั่งลง!”
“ไม่! เราจะไปหาเพื่อน”
“เพื่อนมึงก็นั่งอยู่นี่จะไปหาที่ไหน” ลูกหมูมึนงงกับคำพูดของทิวาก่อนจะละสายตาจากคนตัวสูงและมองดูว่ามีใครบ้างที่นั่งอยู่โต๊ะตัวนี้ จันทร์เจ้าหน้ามุ่ยหนักกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าทั้งฟินน์และเบสท์นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับกลุ่มของทิวาจริง ๆ อะไรอ่ะ! ทำไมถึงมานั่งตรงนี้ได้!
“นั่งลง!” แม้จะไม่อยากทำตามคำสั่งแต่ก็ยอมนั่งลงข้างทิวา สะบัดหน้าใส่มิลค์บอยแล้วยื่นหน้าเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ทำไมมานั่งตรงนี้อ่ะ?”
“โดนไล่ที่ ถ้าอยากให้รู้ว่าที่ใครไม่ฉี่จองไว้ล่ะ เชี่ย!” เบสท์ว่าอย่างหงุดหงิด คิดดูสิ พวกเขาสามคนเอาหนังสือจองไว้แล้ว พอกลับมาก็ดันเห็นว่ามีคนอื่นมานั่งอยู่ เมื่อแย้งไปก็กลายเป็นทะเลาะเมื่อฝ่ายนั้นบอกว่าโต๊ะนั้นเป็นของพวกเขา เกือบจะมีเรื่องกันแล้วเพราะเบสท์กับฟินน์เองก็ร้อนทั้งคู่ แต่เรื่องสงบได้เพราะพี่มิคกับพี่รถถังเข้ามาเห็นพอดี แล้วก็ชวนเบสท์และฟินน์ไปนั่งด้วยกัน
“อ้าว พวกเขาเป็นคุณหมาหรอ?”
“กูด่าโว้ย!” ลูกหมูย่นคอลงเมื่อถูกเสียงดังใส่ แต่ไม่นานก็ยิ้มร่าเพราะทิวาดันชามก๋วยเตี๋ยวต้มยำเพิ่มลูกชิ้นแสนอร่อยมาให้ ขอโทษน้าที่เราลืมคุณก๋วยเตี๋ยวไป ต่อจากนี้เราจะจัดการไม่เหลือเลย!!!
“มีอะไรเหรอ?” เอ่ยถามเสียงอ่อนกับเพื่อนฝั่งตรงข้าม ก็เล่นมองจนกลายเป็นจ้องแบบนั้นไม่ให้สงสัยได้ยังไงกัน...
“เปล้า!” เสียงสูงขนาดนั้นยิ่งมีพิรุธไปกันใหญ่
“มึงจะสงสัยอะไร แดก ๆ เข้าไป เดี๋ยวกูแย่งนะ”
“ไม่ให้!” ยกมือบังชามก๋วยเตี๋ยวของตัวเองพร้อมทำหน้างอใส่ฟินน์กับเบสท์ ไม่ให้ ก๋วยเตี๋ยวของเรา ไม่ให้หรอก ถ้าจะแย่งของเราจริง ๆ ล่ะก็ จะงอนไปสามวันเลย!
“มึงเห็นก๋วยเตี๋ยวโง่ ๆ นั่นดีกว่ากูเหรอ?!”
“ใช่! แล้วก๋วยเตี๋ยวของเราก็ไม่โง่ด้วย” ลูกหมูเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ ซ้ำยังแยกเขี้ยวใส่เบสท์อีกด้วย เห็นแล้วอยากจะเอาส้อมจิ้มแก้มมันให้แตกเลยจริง ๆ
“พี่ชมพู่ไปไหนหรอฮะ?”
“ไปหาเพื่อนน่ะ” พยักหน้าหงึกหงักรับคำตอบจากพี่ต้นอย่างเข้าใจ เพราะตอนแรกที่มาก็งงว่าพี่ชมพู่คนสวยหายไปไหน
“แล้วมึงไปยืนทำอะไรตรงนั้น?”
“ตรงนั้นคือตรงไหน?” เอียงคอถามทิวาอย่างไม่เข้าใจ อยู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาใครจะไม่งงกัน
“ซันนี่”
“อ๋อ… หลังจากที่เราไปซื้อน้ำแล้วใช่ม้า พอกลับมาที่เดิมก็ไม่เจอทิวา แล้วพี่ซันนี่ก็เรียกให้ไปหาพอดี จากนั้นเราเลยถามว่าพี่ซันนี่รู้จักทิวาหรือเปล่า พี่ซันนี่ก็บอกว่ารู้ เราเลยถามต่อว่ามีเบอร์มือถือทิวาไหม แต่พี่ซันนี่บอกว่าไม่มี เราก็เฟลเพราะไม่รู้จะหาทิวายังไง แต่ไม่นานทิวาก็เดินเข้ามานั่นแหละ” ทิวาไม่รู้จะทำหน้ายังไงดีกับคำตอบแสนยาวนั่น เขาไม่ได้ต้องการให้เด็กแก้มกลมเล่าละเอียดทุกระเบียบนิ้วแบบนี้ เฮ้อ เด็กบ๊องเอ๊ย
“มึงไปขอเบอร์กูกับซันนี่ทำไม”
“ก็เราจะได้โทรหาไงว่าทิวาอยู่ตรงไหน เราไม่ขอไปซื้อล็อตเตอร์รี่หรอก” คำตอบของลูกหมูทำเอาเพื่อนร่วมโต๊ะหัวเราะ มีเพียงคนถูกยอกย้อนเท่านั้นทีทำหน้าไม่สบอารมณ์ ทิวายื่นมือไปหยิกแก้มกลมที่กำลังบวมตุ่ยอยู่พอดีเพราะจุอาหารเอาไว้
“เอามือถือมึงมา”
“เอาทำไมงะ?”
“บอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า อย่าดื้อ!”
“เราไม่มีสิทธิ์ในของของเราเลยสินะ เฮ้อ” พูดจบก็ถอนหายใจราวกับเหน็ดเหนื่อยใจ เรียกความเอ็นดูและอยากฟัดจากเพื่อนร่วมโต๊ะได้อีกโข จันทร์เจ้าควักเอาโทรศัพท์มือถือออกมา กดรหัสปลดล็อกเรียบร้อยเพราะยังไงทิวาก็ต้องถามอยู่แล้ว
“ทิวาทำอะไร” ร่างสูงเหลือบมองคนถามที่ชะโงกหน้ามาดูและนึกหมั่นไส้ จึงยกแขนขึ้นเกี่ยวคอคนอยากรู้เข้ามาเสียเลย กลายเป็นว่าตอนนี้เจ้าลูกหมูโดนกักโดยวงแขนแกร่งและใบหน้าแนบไปชิดกับอกของทิวาแล้ว เจ้าหมูกะพริบตาปริบ ๆ งงเล็กน้อยถึงปานกลาง แถมยังไม่เข้าใจว่าทำไมก้อนเนื้อในอกถึงสั่นวูบเมื่อกลิ่นน้ำหอมราคาแพงลอยแตะจมูก
ภาพตรงหน้าทำให้คนที่เหลือบนโต๊ะเดียวกันเบิกตาโพลงและมองตากันอย่างสื่อความหมาย เรื่องนี้มันต้องมีเงื่อนงำอย่างแน่นอน!!! รถถังที่ได้สติก่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาแล้วไปที่กล้องถ่ายภาพก่อนจะกดถ่ายรูปแล้วส่งไปให้เพื่อนสาวคนเดียวของกลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ผ่านโปรแกรมสนทนา เพียงไม่กี่วินาทีชมพู่ก็ตอบกลับด้วยการพิมพ์รัวพร้อมรัวสติ๊กเกอร์มาราวสิบตัว
“พิมพ์ชื่อว่า
‘ทิวากาลที่นิสัยไม่ดี’ ” จันทร์เจ้าเอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าทิวากำลังจะพิมพ์ชื่อหลังจากที่เพิ่มตัวเลขสิบหลักยังผู้ติดต่อว่า ‘Thiwa’ พิมพ์แค่นั้นมันเป็นวิถีของมักเกิ้ล มันไม่ใช่สไตล์ของจันทิมันตุ์ มันไม่คูล เราไม่ชอบ!
ทิวากาลหรี่ตามอง เขายอมกดลบชื่อที่พิมพ์ก่อนหน้านั้นอย่างจำใจก่อนจะพิมพ์ตามที่เด็กแก้มกลมบอกไปใหม่ ยังไงเจ้าเด็กนี่คงไปเปลี่ยนอยู่ดี รู้สึกข้องใจแปลก ๆ กับคำต่อท้ายชื่อจนอยากจะฟาดก้นเด็กอ้วนให้ลาย กล้าดียังไงมาว่าเขานิสัยไม่ดีวะ เมื่อบันทึกเบอร์เรียบร้อยแล้วเข้าจึงกดโทรออกมาเข้าเครื่องตัวเอง พอมันส่งเสียงขึ้นมาก็ตัดสาย จากนั้นก็เข้าแอพพลิเคชั่นโซเชียลมีเดียแทบทุกอย่างที่เด็กมาร์ชเมลโลว์มี แอดแม่งให้หมด จะได้ไม่ต้องไปถามหาจากคนอื่น
“ไอดีมึงอะไรวะ?” ทิวากาลถามอย่างอยากรู้แม้จะแอดเฟรนด์ไปแล้วก็ตาม
“JJINDAHOUSE” ตาคมจ้องไปที่เด็กปีหนึ่งหน้าขาวทันที เมื่อวันก่อนตอนที่ไอ้เด็กตะวันถามยังบอกว่าลืมอยู่เลย เพิ่งจะมาจำได้หรือจงใจไม่ให้เด็กนั่นกันนะ ทิวากาลได้แต่สงสัยในใจแต่ไม่คิดจะถามออกไป มันก็น่าจะเป็นอย่างที่เขาคิดอยู่แล้ว เพราะถ้าเจ้าเด็กแก้มกลมนี่อยากให้คงไม่แกล้งปิดโทรศัพท์มือถือแล้วบอกว่าลืมไอดีหรอก
“ปัญญาอ่อน ชื่อมึงไม่ได้สะกด CH หรอ ทำไมใช้ JJ วะ”
หน้ามุ่ยกับคำว่าของทิวา จึงกำกำปั้นแล้วทุบหลังคนนิสัยไม่ดีไปหนึ่งที มาว่าไอดีเราปัญญาอ่อนทำไม!!
“มักเกิ้ลอย่างทิวาจะไปเข้าใจอะไร ต้องตั้งว่า CHANCHAOInwzahaha+ หรือไง!! แล้วชื่อเราก็สะกด CH ที่ตั้ง JJ เพราะพี่ฟ้าเรียกเราว่าเจเจต่างหาก!”
“อันนั้นยิ่งปัญญาอ่อน คิดได้ไง ปรึกษาสมองก่อนหรือ แล้วกูไม่ใช่มักเกิ้ลโว้ย เลือดบริสุทธิ์ต่างหาก!!” ออกแรงรัดคอเล็กด้วยความหมั่นไส้ อะไร ๆ ก็พี่ฟ้า ฮึม!!! พออีกคนร้องโวยวายก็คลายออก การกวนเจ้าเด็กนี่เป็นอะไรที่สนุกจริง ๆ
“เชอะ! เอากระเป๋าสตางค์ทิวาคืนไป แล้วก็เอามือถือเราคืนมาได้แล้ว!” ลูกหมูวางกระเป๋าสตางค์แบรนด์ดังลงบนโต๊ะ นั่นทำให้เพื่อนสนิทของทิวาเบิกตาโตอีกครั้งด้วยความแปลกใจ เข้! ปกติไอ้ห่านี่มันหวงของฉิบหายวายป่วง ไม่มีใครได้แตะต้องของของมันง่าย ๆ หรอก! แต่นี่… จันทร์เจ้าได้สิทธิไปหลายอย่างแล้วนะ เรื่องนี่ไม่ธรรมดาแล้วเหวย
ทิวากาลหยิบกระเป๋าสตางค์ของตนมาเก็บโดยไม่เปิดดูว่ามีอะไรหายหรือเปล่า เขามั่นใจว่าเจ้าเด็กนี่ไม่มีทางหยิบอะไรของเขาไป หากเป็นคนอื่น เขาก็ไม่รู้ว่าจะมั่นใจอย่างนี้หรือเปล่า แขนแกร่งปล่อยให้ลูกหมูตัวกลมเป็นอิสระ ได้กลับไปทานอาหารให้เสร็จเพราะเขาก่อกวนมาหลายนาที และทิวากาลยังไม่ยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้เจ้าของ จนลูกหมูเลิกสนใจจะวอแว
อยากทำอะไรก็ทำเลยแล้วกัน อยากจะค้นอะไรก็เชิญเลย!!
“ไอ้ต้น” ทิวากาลเอ่ยเสียงชื่อของเพื่อนที่กำลังพร่ำเพ้อถึงเด็กแก้มกลมที่ได้นั่งทานข้าวด้วยกันเมื่อสักครู่ ตอนนี้เด็กปีหนึ่งทั้งสามคนก็ขอตัวแยกออกไปก่อนแล้ว มิคกับรถถังไปหาซื้ออะไรมากินเพิ่ม ตอนนี้ที่โต๊ะจึงเหลือเพียงทิวากาลกับต้นเท่านั้น
“มีอะไรวะ?”
“คุยกับกูหน่อย” ว่าจบก็ขมวดคิ้วทำหน้ายุ่ง ต้นเองก็เริ่มขมวดคิ้วด้วยเมื่อเจอรังสีความเครียดจากทิวากาลเขาไม่รู้ว่ามันจะคุยเรื่องอะไรด้วย แต่แย่ละ ทำไมเรื่องที่เคยทำไม่ดีกับมันตีรวนเข้ามาในหัวแบบนี้วะ
“มีเรื่องอะไรจะคุยกับกูวะ กูกลัวนะเนี่ย” พูดติดตลกแต่เมื่ออีกคนหน้านิ่งและขมวดคิ้วจนหัวคิ้วแทบจะชนกัน เขาจึงต้องปรับสีหน้าให้เครียดตามไปด้วย
“มึงชอบเด็กแก้มกลมจริง ๆ หรือเปล่า?” ทิวากาลเอ่ยถามเสียงเบาคล้ายกับกระซิบ แม้คนในโรงอาหารจะน้อยลงแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย
“น้องจันทร์เจ้าเหรอวะ? ถามทำไม?”
“อือ”
“ก็… ชอบนะ” เมื่อได้ฟังคำตอบทิวากาลก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะยกมือขยุ้มผมตัวเอง
“หรอวะ…” ท่าทางเครียด ๆ ของเพื่อนทำเอาต้นพลอยรู้สึกแปลก ๆ ไป เขาไม่เคยเห็นทิวากาลเป็นแบบนี้มาก่อน
หรือว่า… “สรุปมีอะไรกันแน่ มึงพูดมาตรง ๆ ซิ”
“ถ้ามึงชอบ ทำไมไม่จีบวะ?”
“จีบไมวะ กูแค่ชอบ แบบว่าปลื้มเงี้ย น้องมันน่ารัก แต่ไม่ได้อยากได้เป็นแฟน”
แม่งจะชอบน้องจันทร์เจ้าวะ “หรอ”
“มึงถามทำไม?”
“ถ้ามึงชอบเด็กแก้มกลม กูจะไม่จีบ” “…….”
“แต่ถ้ามึงแค่ปลื้ม กูจะได้จีบมัน” นั่นไง! โลกต้องล่มสลายแน่ล่ะไอ้ทิวากาลพูดแบบนี้!!!
TBCอัพบ่อยไปป่ะ อย่าเพิ่งเบื่อนะ 5555555555
พี่กาลนางก็ปล้นเบอร์ลูกหมูได้แบบ... /ถอนหายใจ ไอ้โจรกระจอก
และที่นางถามต้นเพราะนางจะไม่ยุ่งกับคนที่เพื่อนชอบ เป็นคนนิสัยไม่ดีที่มีศีลธรรม(?)
ขอบคุณคนอ่านทุกคนนะคะ ไว้เจอกันตอนหน้าครับผม จุ๊บๆ
