#TWENTY-SEVEN
{Not good}
ดีให้ตายก็ไม่ได้เดือน
โปรดเตรียมใจก่อนอ่าน... สองอาทิตย์ผ่านไปไวเหมือนโกหก…
ระยะเวลาผ่านไปเร็วชนิดติดตั้งจรวด แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับน้องเดือนกับสวนกระแสยิ่งกว่าอะไร เดินไปช้าๆ อย่างกับหอยทาก แต่เอาเถอะ ช้าๆอย่างมั่นคง ดีกว่าไปอย่างรวดเร็ว แล้วจบลงตรงคำว่าพี่น้อง โอ๊ย ใครจะคิดคำคมล้ำลึกปานจะหาได้ในยุทธภพนี้ไม่มีแล้วแบบเคียงกายได้ มึงโชคดีแค่ไหนที่ได้ของแปลกไปเป็นแฟน
คิดถึงวันนั้นแล้วหัวใจก็เสียวปรี๊ด แบบไม่ได้เศร้าแต่สยิวแปลบๆ
‘หัวใจกูไม่มีความเสี่ยง’
‘…’
‘จีบติดร้อยเปอร์เซ็นต์’
“ไอ้บ้า ไอ้คนบ้า โอ๊ยยยยยย งื้อ ทำไมกูต้องมาเขินแบบนี้ด้วยนะ”
พอคิดถึงตอนนั้นทีไร จำต้องกลิ้งตัวไปบนเตียงนุ่ม ซ้ายทีขวาที ระบายอาการร้อนซู่ซ่าไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบไม่ได้ เอาหมอนมาปิดหน้าก็ทำมาแล้วเอ้า เขินจนตัวบิดแล้ว
วันนั้นเขาไปเอาความกล้าที่ไหนมามั่นหน้าแบบนั้นกัน โอ๊ย จบแล้วชีวิตเคียงกาย
เป็นไปตามที่ทุกคนคาด คืนวันนั้นเขาก็ต้องนอนห้องเดือนอย่างช่วยไม่ได้ ไอ้จะให้น้องพากลับมันก็ดึกแล้วกลัวเกิดอันตราย ไอ้เราจะกลับเองก็กลัวไม่ได้นอนกอดเดือน เอ๊ย กลัวไม่ได้นอนกอดหมอนข้างที่มีรูปพระจันทร์ติดอยู่ต่างหาก ไม่มีหมอนข้างแล้วนอนไม่หลับ พอดีเพิ่งเอาไปซัก เห็นห้องเดือนมีหมอนข้างแล้วใจมันหวิวๆ เอ๊ย แถไปเรื่อยละกู
หยุด!
อย่าได้คิดไปไกลแม้แต่น้อย คืนนั้นระหว่างเรามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะเดือนทำเหมือนเขาเป็นผู้หญิง แล้วขนผ้าหอบผ่อนไปนอนตรงโซฟาข้างนอก ซึ่งข้อนี้เขาโกรธมาก เขาแมนขนาดนี้ ทำแบบนี้ก็หมดโอกาสปล้ำเดือนไปเลย ไม่ช่ายยยยยยยย
แล้วพอตอนเช้าที่น้องมันมาส่งเขาที่หอ
‘พี่เคียงกาย’
‘อื้อ’ เขาเงยหน้าขึ้น หลังจากมันถอดหมวกกันน็อคที่หัวออกให้แล้ว น่ารักมั้ยล่า เฮ้ย แฟนเราๆ
‘ไว้ค่อยไปเดตกันนะครับ’
จึ้งงงงงงงงงงงง
ดาเมจรุนแรงมาก เขาต้องเอามือกุมอกข้างซ้ายไว้แน่น
เก็บอาการดีใจเอาไว้ข้างในเคียงกาย
หัวใจดวงเล็กค่อยๆพองโต
แล้วในไม่ช้า…
มันก็แฟบลง
“ไอ้บ้าเดือน มึงหายหัวไปไหนเป็นอาทิตย์แล้วโว้ยยยยยยยยยยยย”
ตะโกนลั่นห้องแบบไม่เกรงใจห้องตรงข้ามกันเลยทีเดียว
“ฮึก ฮือ กูทนไม่ไหวแล้วนะนาย มันทิ้งกูแล้ว น้องมันทิ้งกูแล้ว”
เมื่ออยู่ห้องยิ่งต้องเศร้า ยิ่งเหงาเมื่อไม่มีใคร เขาก็หอบร่างกายพร้อมหัวใจดวงน้อยที่ถูกทำลายลงไม่มีชิ้นดี ด้วยน้ำมือของคนที่หายหน้าหายตา หายหัวไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้มาที่ห้องคุณนาย หวังจะให้เจ้าตัวช่วยปลอบใจ
“ใจเย็นๆอิเคียงกาย”
“มึง ฮึก กูเศร้า โซแซดเข้าใจม้ายยยยยยย”
เขายิ่งฟูมฟายเมื่อมือของคุณนายเริ่มลูบหลังปลอบใจ น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาเป็นลิตรๆ
“คือกูจะบอกว่า…”
“มึงไม่ต้องปลอบใจกู มึงกำลังจะบอกว่าพอเถอะ อย่ายื้ออีกเลยใช่มั้ย ไม่ กูรักของกู ไม่เอา ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ไม่ ไม่ ไม่”
“คือว่า กู…”
“ไม่ ห้ามพูดนะ ปล่อยให้กูมโนไปเถอะ มึงไม่ต้องบอกให้กูตัดใจ”
“คือ…”
“ไม่เอา ฮือออออออออ”
“คือว่า…”
“เออ มึงดูเองเถอะ เอาแต่ร้องๆ เป็นนายก็อยากจิครายบ้าง โอ๊ยตาย คุยกับมึงเหมือนคุยกับคนเครซี่”
ฮือ มึงไม่บ้าเลย
คุณนายยื่นไอโฟนลูกรักที่เขาวางไว้บนโต๊ะมาให้ดู
มีสายเข้านี่นา
‘ผัวเด็ก’
เดือนโทรมานี่ โอ๊ย อย่าเพิ่งแซวชื่อที่เมมไว้ เขิน ขอรับโทรศัพท์ก่อน ไม่ได้คิดถึงจนเป็นบ้านะ ก็เขาโทรเข้ามาอ่ะ ไม่รับก็ดูน่าเกลียด ทำไม ทำไม
{พี่เคียง}
“มีอะไรถึงโทรมา หายหน้าหายตาไปเกือบอาทิตย์ ฮึ กูไม่คิดถึงไม่ต้องโทรหา”
ต้องอย่าให้มันรู้ว่าตัวเองร้องไห้ฟูมฟาย ไม่โป๊ะเนอะว่ามั้ย
{งั้นแค่นี้นะครับ}
“รีบงานไปงานบวชเพื่อนเหรอ โทรมาก็คุยสิ”
นี่กูเล่นตัวนิดหน่อยเอง มึงถึงกับจะวางสายเลยเรอะ ไอ้หมาเดือน ไอ้หรรม ไอ้คนใจร้าย
{โอเค ขอโทษคร้าบบบบบบบบ ที่หายตัวไป}
ง่ายๆแบบนี้เลยเหรอ นี่เป็นเคียงกายนะ…
“แล้วไปไหนมา”
ก็เป็นเคียงกายน่ะสิ ถ้าไม่ใช่ ไม่ยกโทษให้ง่ายขนาดนี้หรอกรู้ไว้ น้ำตาเป็นลิตรๆกูแห้งทันหรอกนะ เลยยกโทษ
{โทรศัพท์พัง ตังค์ไม่มี ครับ!}
“คอมล่ะ”
กูเถียงสู้
{เพื่อนยืมไปครับ}
“เข้าเรื่องได้มั้ย กูเริ่มหัวปั่นแล้ว”
{โอเค โทรศัพท์เสีย แล้วผมต้องไปค่าย เลยไม่ทันได้บอกพี่ มันฉุกเฉิน วันนี้ออกค่ายแล้ว เท้ายังไม่ถึงห้อง รีบโทรหาพี่เคียงกายเลยครับ}
ไอ้เหี้ย กูเขินนะมึง
“พูดงี้กูไม่เลี้ยงน้ำปั่นหรอกนะ”
ความจริงกูจะรีบไปซื้อน้ำปั่น รีบๆวางสายเลยไอ้เดือนคนดี
{ออกค่ายมาก็ต้องไปทำหน้าที่เดือน เป็นตัวแทนกิจกรรมของมหาลัยนี่เหนื่อยชะมัด ถ้าได้น้ำเย็นๆล่ะก็…}
“ไม่ วันนี้กูจะนอน”
คุณนายจ้องเขาตาไม่กะพริบ อะไร ก็นับเงินในกระเป๋าไปด้วย คุยโทรศัพท์ไปด้วย ไม่เคยเห็นเหรอ เอ๊ ซื้อน้ำปั่นร้านไหนดีน้า อ้อ ร้านกรีน แวบไปหาพี่กรีนด้วย ได้น้ำปั่นไปให้เดือนด้วย ฟินนนนน
“แล้วซ้อมไหน”
เขาถามเดือน หมายถึงละครเวทีที่ดาวเดือนเตรียมจัดเซอร์ไพรส์ในวันงานกีฬาสัมพันธ์ ต้องสนุกแน่ๆ แหงล่ะ มีเสียงกรี๊ดๆตลอดงาน
{พูดแบบนี้จะมาใช่มั้ย}
“ใครบอก กูจะแวบไปหามิกกี้ คิดถึง”
{คุยกับพี่แล้วเหนื่อยว่ะ}
อืม กูก็เหนื่อยที่ต้องแถ
สีข้างกูไปหมดละ
“เคียงกาย”
พี่ของเขาตรงดิ่งมาทักทายเมื่อเห็นเขาเดินเข้าร้านมา รู้สึกพราว รู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกค้าวีไอพีที่ถูกเขียนติดแปะไว้บนหน้าผาก ไงล่ะ คนรวยก็แบบนี้
“สวัสดีครับพี่ของเขา พี่กรีน ผมขอนมชมพู กับชาเขียวอย่างละหนึ่งครับ นมเย็นไม่หวานมาก ปั่นด้วยนะครับ”
“โอเค จับบัตรคิวเลย”
กูเป็นวีไอพี แค่ในใจ ฮือ ทำไมเศร้าจัง
จับบัตรคิวนั่งรอไปสิ ร้านนี้คนเยอะจริงๆ คิวที่ 108 โอ้โห คงได้กินชาติหน้ามั้งสัด
ระหว่างนั่งรอคิว เขาก็มองนั่นนี่เรื่อยเปื่อย เห็นพี่ของเขาไปเสิร์ฟโต๊ะนู้นที โต๊ะนี้ที ตอนนี้เขาเพิ่งสังเกตว่าทั้งร้านมีแต่สาวๆ ไม่หลงเสน่ห์พี่ของเขา ก็ชอบมานั่งมองเหล่าเดือนหล่อๆจิบน้ำปั่นชิลๆแน่ๆ อ้ะ นั่น มีโต๊ะนั้นได้จับมือพนักงานเสิร์ฟของเราครับคุณกิตติ พี่ของเขาโดนแต๊ะอั๋งแล้ว พี่กรีนต้องหึงแน่ๆ
หันไปมองเจ้าของร้าน ที่คาดว่าตอนนี้ต้องหน้าขึ้นสีควันออกหูฟู่ๆ
แต่แม่ง พี่กรีนไม่มีความรู้สึก หรือแกล้งปั้นยิ้มกันแน่เนี่ย
เขาไม่สงสัยหรอกนะ แต่…
“พี่กรีน โต๊ะนั้นแอบแต๊ะอั๋งพี่ของเขา”
ถามไว้เป็นวิทยาทานก็ไม่เสียหายอะไร เผื่อชีวิตคู่ของเขาและเดือนจะราบเรียบขึ้น โอ๊ย นี่กูคิดไปไกลถึงแต่งงานเลยเหรอวะ ขี้มโนมากๆเลยตัวเรา
“พี่ไม่หึง เอ่อ ไม่ร็สึกไม่พอใจ หรือว่า น้อยใจ อะไรประมาณนั้นบ้างเหรอ”
เขารู้ว่าเสียมารยาทที่ถามออกไป แต่ให้มองว่านี่คือการเรียนรู้ อาจารย์อยู่ตรงหน้าแล้วเคียงกาย
พี่กรีนอมยิ้ม แล้วว่า
“ถ้าการที่เรารักใครสักคนแล้วรู้สึกอยากครอบครอง พี่ว่ายังไงมันก็ไปกันไม่ยืดหรอก แต่ถ้าเรารักใครสักคนแล้วอยากจะรักษาเขาคนนั้นไปนานๆ พี่ว่าเคียงกายคงจะมีคำตอบ สำหรับคำถามนั้นอยู่ในใจแล้ว”
คำตอบพี่กรีนดูปรัชญามาก แม้มันจะไม่เข้าท่าที่ให้คำตอบแบบนั้นกับคนเอ๋อๆอย่างเคียงกาย
แต่ทำไมเขาถึงเข้าใจ
เพียงแค่มองรอยยิ้มพี่ของเขาที่มอบให้ลูกค้าผู้หญิงเหล่านั้นแล้วมันแบบ
พี่เขาไม่ได้คิดอะไรเชิงแบบนั้น แต่กำลังสนุกที่ได้บริการลูกค้า
พี่กรีนกำลังจะบอกว่า
แค่ได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข มันก็เพียงพอแล้ว
สูตรความรักแบบยาวนานของพี่กรีนเป็นแบบนั้นสินะ
ถึงว่าพี่ของเขาถึงไม่ยอมไปไหนไกล
เขานี่มันโง่จริงๆ
“ครบนะ สองแก้ว”
พี่กรีนยื่นน้ำปั่นมาให้
ความจริงเขาก็ไม่ได้รอนานอย่างได้กินชาติหน้าอะไรขนาดนั้น เพราะคิวก่อนหน้าคือคิวที่ 100 พอดี ถือว่าโชคยังเข้าข้างเคียงกายอยู่ล่ะ
เขารับน้ำปั่นมาแล้วยิ้มขอบคุณ
ต่อจากนี้เราคงต้องเริ่มมองอะไรใหม่ๆแล้ว
อย่างเช่น ลดแรงหึง เปลี่ยนมาเสริมแรงรัก
อะไรประมาณนั้น
ฮึ่ม!
ท่องไว้เคียงกาย
ท่องไว้
ลดแรงหึง ถึงจะอยู่กันรอด
ลดแรงหึง ลดแรงหึง
ทำไมเขาต้องมาเห็นภาพอะไรแบบนี้ตอนเดินเข้ามาที่ห้องซ้อมด้วยเนี่ย แล้วอีกอย่าง เธอมาทำอะไรที่นี่
ยัยปอย มนุษย์แฟนเก่าที่กำลังจับแขนเดือนให้บิดซ้ายทีขวาทีอยู่ตอนนี้
ใครพอจะอธิบายได้บ้างครับ อิสัด
“พักกันก่อน”
แต่ถือว่าโชคดียังเข้าข้างเขาอยู่จนถึงตอนนี้ เพราะทันทีที่เท้าเขาก้าวมาเหยียบในห้องปุ๊บ ก็ถึงเวลาพักของนักแสดงพอดีเลย จังหวะแบบนี้มันเป็นใจให้เขาได้สวีทกับเดือนสินะ อะกรึ๊ย ไม่อยากคิดไปไกลเลย เขิน
จะมีฉากพระเอกวิ่งมาหานายเอก แล้วทุกคนก็โห่แซวมั้ย งุ้ยๆ แค่คิดก็ฟินไปไกล
“เดือน เดี๋ยวตามปอยมาดูบทนะ”
“ครับ”
ดับฝัน
เสียงยัยปอบ เอ๊ย ยัยปอย ที่เคยเป็นอดีตเพื่อนรักนี่ดับฝันเขาจริงๆเลย
ถ้ายัยมีนดาวมอนั่นมาอีก เรื่องคงยุ่งใหญ่ล่ะทีนี้
แต่เขาคงจะลืมไปว่า นี่มันห้องซ้อมดาวเดือน
อิเหี้ยอิสัด
“เดือนเหนื่อยมั้ย”
“เดือนเร็วๆ ปอยจะต่อบท”
“เดือน เดี๋ยวมีนเช็ดหน้าให้”
“เดือน ปอยรอนานแล้วนะ”
โอ้ชิท นี่มันศึกชิงนายใช่มั้ย
พ่ออยากร้องไห้ดังๆ
“พี่เคียง”
มึงเรียกกูอย่างกับกูยืนห่างมึงไปไกลถึงร้อยหลา ทำคนทั้งห้องหันมามองที่เขาเป็นจุดเดียว
“เอ่อ สวัสดี”
เขาจำต้องเอ่ยทักทายคนอื่นๆอย่างช่วยไม่ได้ ว่าจะมายืนดูอยู่เงียบๆสักหน่อย แต่คนนั้นก็ร็จัก น้องคนนี้ก็เคยเป็นสต๊าฟกับเรา การที่มีคนรู้จักมากๆนี่มันดียังไงนะ
“เดือน มาเอาน้ำปั่น”
ต้องให้กูกวักมือเรียกหยอยๆเหมือนหมาก่อนใช่มั้ย
ไอ้หมาเดือน
แต่มันก็วิ่งมาต้อยๆนะ เชื่องจริงๆ
“กินน้ำ แล้วไปต่อบท”
“ครับ”
เชื่องมั้ย
“แล้วทำไมปล่อยให้เหงื่อไหลเข้าตาแบบนี้ มา กูเช็ดให้”
เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อให้มัน
“ไหนบอกไม่ซื้อมาไง”
“ก็…”
“…”
“มิกกี้น่ะบ่นหิว เนี่ย…”
“มิกกี้น่ะบ่นหิว เนี่ย ไหนของพี่มิกกี้ครับ ชาเขียวที่พี่ดูดอยู่นั่นเหรอ”
เออ โอเค กูตั้งใจซื้อมาให้มึงเนี่ย
“กินแล้วไปซ้อมต่อ อย่าทำคนอื่นรอ”
“คร้าบบบบบบบบ”
ทำไมกูเหมือนได้หมา มากกว่าได้แฟนวะ
นับหนึ่งในใจ
นับสอง
นับสาม
คิดถึงคำพี่กรีนไว้
“เดี๋ยวตัวร้ายต้องทำแบบนี้นะ ยังมองภาพไม่ออกเหรอ เดือนงั้นจับปอยไว้ ไม่ๆ จับตรงเอว เลื่อนขึ้นมาอีก เลื่อนขึ้นมา ยัง อีกนิด”
อีกนิด อีกนิด
อีกนิดก็ถึงนมแล้วปอย
เขานั่งจ้องภาพเคลื่อนไหวตรงหน้าตาไม่กะพริบ ปากก็ขมุบขมิบพึมพำบทสวดให้ใจเย็นลง ในใจก็ท่องไว้ว่าอย่าหึง ห้ามหึง ไม่หึง
มัน คือ งาน
แต่ทำไม
เพราะสายตาของยัยปอบปอยที่มองมาทางเขาเหมือนว่ากำลังสะใจที่ได้เห็นแบบนั้น มันทำเขาปรี๊ดแตกแบบถึงที่สุดในตอนนี้
โอเค กูยอมรับว่าเข้าขั้นหวงผัวแบบสุดๆ เหมือนผู้หญิง นิสัยแมนๆของเคียงกายหายไปไหนแล้ว เอากลับมาที โอม เคียงกายคนเดิมจงสิงร่างกู
“เดือนเดี๋ยวมีฉากจูบ น้องยังเล่นไม่ถนัดสินะ เดี๋ยวพี่ลองเล่นให้ดูก่อน”
ยัยปอบปอยหันไปบอกน้องนักแสดงที่ได้รับบทนางร้ายและต้องเล่นคู่กับพระเอกในฉากจูบ แต่ตอนนี้ยัยปอบปอยจะสาธิตให้ดูก่อน แบบฟูลเอชดี
ตาของเธอปรายมามองเขาอย่างคนเหนือกว่า
เคียงกาย มึงต้องไม่หึง
มัน ก็ แค่ งาน
นึกถึงคำพูดพี่ของเขาไว้
“เอาล่ะ เราจะเริ่มแล้วนะ เอาจูบแบบธรรมชาติ ฟินตับ อะไรประมาณนี้”
ผู้กำกับบอก
หนึ่ง
ร่างของทั้งสองคนเริ่มเคลื่อนเข้าหากัน
สอง
มันกำลังจะเกิดขึ้น
สาม
“คัท!”
เปล่า
ไม่ใช่เสียงผู้กำกับ
แต่เป็นเสียงเขาเอง
“เดือน ทำไมมึงเล่นตัวแข็งแบบนี้ นี่ฉากจูบนะ อารมณ์ต้องมา อินเนอร์จัดเต็มแบบตอนนี้ตัวเองอยู่ในโลกสีชมพู ดวงตาต้องสื่อถึงความอยากจะจูบ”
“…”
“งง งงทำไม สองคนนี้ไม่เข้าใจใช่มั้ย ผู้กำกับเดี๋ยวพี่จะแสดงให้ดู ขออนุญาตนะ”
ทุกคนกำลังอึ้ง
รวมทั้งผู้กำกับที่พยักหน้าตกลงด้วย
“ปอย ถอยหน่อยดิ๊ เราจะสาธิตให้น้องเขาดู”
“…”
เขาจับหน้าเดือนให้ล็อคองศา
“น้อง ดูแล้วจำ จำแล้วนำไปใช้”
เขาหันกลับมาจ้องตาเดือน
“เริ่มยัง”
เดี๋ยวสิ นี่มึงรีบไปไหนเนี่ย
“ระ เริ่มได้”
ทันทีที่ปากเขาอนุญาต หมาป่าหิวกระหายที่ซ่อนตัวอยู่ในตัวเดือนก็เผยออกมา
สิ้นสุดฉากจูบที่เป็นทอร์คออฟเดอะทาวน์ยังไม่พอแค่นั้น เขายังไปสาธิตแต่ละฉากให้น้องนักแสดงด้วยความ…
เต็มใจ
แถมยังไปสาธิตฉากให้นางเอกของเรื่องด้วย
“เนี่ย ฉากนี้เป็นตอนที่นางเอกพูดกับนางร้าย แบบ คือจุดพีคที่ทุกคนต้องปรบมือชอบใจ ต้องเล่นใหญ่เลยนะ”
น้องนางเอกพยักหน้า
“ไหนปอย ขอยืมตัวมาเป็นนางร้ายหน่อย”
ยัยปอยเดินลากขามาแบบไม่เต็มใจ
“น้องลองด่าตามบทเลยนะ”
ฉากนี้อย่างที่บอกไป คนดูคิดว่านางเอกยอมคน แต่จุดพีคคือต่อจากนี้ไป
“ยัยบ้า…”
“คัท คัท เดี๋ยว น้องต้องใส่อารมณ์มากกว่านี้นะ”
“…”
“น้องงงใช่มั้ย โอเค เดี๋ยวพี่สาธิตให้ดู”
“…”
“ปอยมานี่ ยืนตรงหน้าเรา”
เขาจ้องหน้ายัยปอบปอย
“ยัยบ้า หน้าตาก็ดี ไม่มีปัญญาหาผู้ชายเหรอ คิดว่าฉันเป็นนางเอกในโลกนิยายหรือไง ถึงจะต้องยอมให้ผู้ชายคนนี้กับเธอ รู้เอาไว้ซะ…”
“…”
“ผู้ชายคนนี้…”
“…”
“เป็น ของ ฉัน”
อื้ม สมบทบาทมากเคียงกาย น้องๆคงได้ประสบการณ์มากเลยสินะ
วันนั้นเขาขึ้นตัสแบบเชิดๆว่า
ดีให้ตายก็ไม่ได้ใคร สงสัยมีแค่ตัวเองที่รู้ความหมายกระมัง
หึหึ
***TBC...........................................................
เคียงเดือนค่อยๆคลานกระดึ๊บ