LOVE ♥ SONG เพลงบำบัดรัก ตอนที่ 6
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: LOVE ♥ SONG เพลงบำบัดรัก ตอนที่ 6  (อ่าน 3782 ครั้ง)

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะ ครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรัก ชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้าม แจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะ ปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของ แต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้าม จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิด เดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม

6.การ พูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอม ให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้าม ลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อ ขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ด นิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยาย ที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

16.นิยาย เรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วน หรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมด ออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้าม แจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

18.ใคร จะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


★★★★★★★★★★★★


LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรัก


สารบัญ
❉ตอนที่ 6 ฮันนีมูน

★★★★★★★★★★★★

ข้อมูลตัวละคร



ชื่อ ตะวัน ฉัตรารักษ์  ชื่อเล่น แอร์  เกิดราศีกันย์
ชอบร้องเพลง ความสามารถพิเศษ เล่นไวโอลิน
หนุ่มเนิร์ด ผู้มีความเชื่อมั่นในความรัก มองโลกในแง่ดี(เกินไป)
ในชีวิตมีรักแรกและรักเดียว คือรุ่นพี่สมัยมัธยม
ถึงจะพูดว่าเชื่อมั่นในความรัก แต่หนุ่มเนิร์ดคนนี้
ไม่เคย คบใครจริงๆจังๆเลยแม้แต่ครั้งเดียว



ชื่อ คิมหันต์ นวเวศาล ชื่อเล่น คิม เกิดราศีมังกร
หนุ่มเซอร์หน้านิ่ง รักการเล่นเปียโนยิ่งกว่าสิ่งใด
เป็นที่หมายปองของสาวๆตั้งแต่สมัยมัธยม จนเข้ามหาลัยฯ
ถูกเสนอชื่อให้ไปประกวดหนุ่มน่ากอดประจำนิตยสารดังเกือบทุกปี
แต่เจ้าตัวกลับปฏิเสธทุกครั้งไป นอกจากจะเป็นรักแรกของแอร์สมัยมัธยม
ยังอุตส่าห์จะโคจรมาเจอกันอีกครั้งในมหาวิทยาลัยเดียวกัน



ชื่อ ธานิน บอยด์ ชื่อเล่น บอย เกิดราศีมีน
ลูกครึ่งไทย-นิวซีแลนด์ ทายาทบริษัทกระดาษมูลค่าหลายร้อยล้าน
อดีตเพลย์บอยตัวพ่อ
เป็นทั้งเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของแอร์
และเป็นคนที่ชอบแอร์ ยินดีช่วยเหลือแอร์ทุกอย่าง
แม้แอร์จะคิดกับบอยแค่เพียงเพื่อน

★★★★★★★★★★★★

❉ติดตามอัพเดทข่าวสาร พูดคุยเกี่ยวกับตอนใหม่ๆได้ที่เพจ❉
https://www.facebook.com/mikimotoBL/
❉ทวิตเตอร์❉
https://twitter.com/mikimotoBL
ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก PIXARBAY
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-11-2017 06:14:10 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: LOVE SONG เพลงบำบัดรัก
«ตอบ #1 เมื่อ18-09-2017 06:01:42 »

LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรักตอนที่ 1


"น้องแอร์ .. น้องแอร์สนใจพวกพี่หน่อยค่ะ" เสียงรุ่นพี่ในคณะคนหนึ่งกำลังเรียกผมซ้ำๆ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเรียกกี่หนแล้วผมเองกำลังเหวอไม่หายเรื่องที่เจอพี่คิม รักแรกของผม เลยตอบส่งๆ ส่วนเรื่องที่ กลุ่มรุ่นพี่มาให้จัดการก๊อบปี้ข้อมูลในชมรม ผมแทบไม่ได้ฟังพี่เขาเลยครับ

ตั้งแต่วันที่ผมเห็นพี่คิมที่ลานจอดรถวันนั้น ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วครับ แต่ก็ยังไม่เห็นพี่เขาโผล่มาในมหาวิทยาลัยเลยโรงอาหารก็ไม่เจอ ผมเองยังสงสัยอยู่ว่า พี่คิมเขาเรียนที่นี่หรือเปล่า เพราะวันนั้นที่เห็น ก็ใส่ชุดลำลองไม่ได้สวมชุดนักศึกษา เห็นขับรถของคุณพ่อ แต่ก็ไม่ยักจะเห็นคุณพ่อมาด้วย เพราะจำได้ว่าแม่กะพ่อพี่คิม แยกทางกันตั้งแต่พี่คิมเด็กๆ

(แหนะ ผมนี่รู้ดีจังนะ ไปสืบมาทุกอย่าง)

"ขอโทษจริงๆครับ " ผมเองทำหน้าเจื่อนๆ เพราะตอนนี้ในใจก็มีแต่เรื่องพี่คิม ไม่ได้สนใจเรื่องในชมรมเลยแม้แต่น้อย
 รุ่นพี่สามคนที่มามุง มารื้อกระดาษแถวโต๊ะผมต่างพากันส่ายหัว เพราะดูผมไม่มีความรับผิดชอบเอาเสียเลย

"น้องแอร์ พวกพี่คาดหวังในตัวน้องมากเลยนะคะ ชมรมเราผ่านมาสามปี ไม่เคยได้งบอะไรเลย พอมาปีนี้
พี่เห็นว่าน้องมีความสามารถพิเศษ เล่นไวโอลินได้ พี่เลยมีความหวังมาบ้าง ที่ชมรมเราจะไม่ต้องยุบ"

ผมนี่หน้าซีดเลยครับ เจอพูดตรงๆเข้าไปแบบนั้น คนที่พูดก็คือ พี่หมวยเล็ก รองประธานชมรม ที่เล่นดนตรีไม่เป็นเลยสักอย่าง
 แต่มีหน้าที่บริหารจัดการเรื่อง งบชมรม(ที่มีอยู่น้อยนิด) เห็นว่าบางเดือน พี่หมวยต้องควักเงินตัวเองจ่าย
ค่าอุปกรณ์ ค่าบำรุงเครื่องมือต่างๆด้วยครับ เวลาพี่หมวยบ่นอะไรในชมรม ทุกคนเลยตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
 และเงียบไม่มีต่อล้อต่อเถียง ผมแอบคิดเหมือนกันนะครับ ว่าทำไมสาวสวย บุคลิกดีมีชาติตระกูลอย่างพี่หมวย
ทำไมต้องมาจมอยู่กับชมรมนี้ด้วย


"ไอ้...แอร์ กูว่าแล้วว่ามึงต้องอยู่ที่นี่ กูนี่เดินหามึงขาลากเลยอ่ะ" เสียงแหลมๆแบบนี้
ผมไม่ต้องเดินไปเปิดประตูชมรมผมก็รู้แล้วว่าต้องเป็นไอ้บอย รูมเมทเพลย์บอยเพื่อนผม ที่วันๆเอาแต่ควงสาวไม่ซ้ำหน้า
 วันนี้มันนึกไงมาตามผมถึงตึกชมรมวะ? ชมรมคอมพิวเตอร์ของมันก็อยู่กันคนละตึกนี่หว่า...

"มีอะไรบอย..แอร์กำลังคุยธุระกับพี่หมวยอยู่"
ผมพูดพลางชี้ไป ให้ไอ้บอยดูหน้าพี่หมวยก่อนจะโวกเวกเสียงดังในชมรม จนไอ้บอยต้องเหวอเมื่อเห็นพี่หมวยกำลังยืนกอดอกมองหน้าอยู่

"โหเจ๊...ไม่ต้องตาเขียวใส่ผมก็ได้มั้ง ผมแวะมาหาแอร์เฉยๆ เอาของมาให้มันอ่ะ"
บอยที่แต่งตัวไม่เรียบร้อย กระดุมเสื้อ เรียกว่าเว้นสามเม็ด บุคลิกเพลย์บอยของจริง
หันไปหยิบซองเอกสารที่เหน็บมากับกางเกง เอาออกมายื่นให้ผม

"ซองอะไรวะบอย" ผมถามพลางรับซองเอกสารที่ไอ้บอยยื่นมาให้แบบงงๆ

"มึงเปิดดูเดี๋ยวรู้เองแหละ กูไปละ" บอยไม่ได้ตอบอะไรผม แล้วหันหลังโบกมือเป็นสัญญาณว่าไว้คุยกันทีหลัง

ผมยังไม่ได้เปิดซองที่รับมาเลยครับ เพราะต้องจัดการเรื่องเอกสารชมรม แล้ววันนี้ผมต้องซ้อมไวโอลินด้วย
ไม่ได้เล่นมาสองอาทิตย์ เพราะมัวแต่ยุ่งๆเรื่องหอ เรื่องเรียน ...เรื่องพี่คิมอีก


ผมสงสัยมากเลยนะ ชมรมนี้ ครึ่งนึงจะเป็นคนที่เล่นดนตรีไม่เป็น และในชมรมจะไม่มีคนเล่นเปียโนเลยสักคน
ทั้งๆที่ชมรมนี้ มีเปียโนยามาฮ่าอย่างดี ราคาเป็นล้านตั้งอยู่กลางห้องชมรม

"พี่หมวยครับ ผมอยู่ชมรมมาสองอาทิตย์แล้ว แต่ทำไมผมไม่เคยเจอหน้า ประธานชมรมเลยครับ
ผมก็แวะมาชมรมเกือบทุกวันนะ" ผมพูดพลางเคาะกองเอกสารที่กระจายอยู่ตรงหน้า

"ประธานชมรมเรา นานๆจะมาทีนึง เขาไม่ค่อยสบายน่ะ...ทำไมหรอแอร์ แอร์อยากเจอเขาหรอ"
พี่หมวยพูดพลางเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย พร้อมปรายตามองไปที่เปียโนยามาฮ่ากลางห้องชมรม

"ก็อยากเจอนะครับ อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร เล่นดนตรีอะไร เผื่อเล่นไวโอลินเหมือนผมไง เผื่อจะช่วยผมปรับเสียง"
ผมก็พูดไปงั้นแหละ แค่อยากรู้อยากเห็นเฉยๆอ่ะ

"ปกติเขาจะมาชมรมตอนเย็นๆ วันจันทร์บางทีก็มาบางทีก็ไม่มา แล้วแต่อ่ะ เพราะว่า.."
พี่หมวยเล่าไปเรื่อย จนต้องเอามือมายกปิดปากตัวเอง พลางทำสีหน้าตำหนิตัวเอง ที่พูดมากเกินไป
สร้างความงงให้ผมไม่น้อย แต่เอาเข้าจริงผมก็แค่อยากรู้ ไม่ได้สนใจเรื่องราวอะไรเท่าไหร่ เลยไม่ได้ถามอะไรพี่หมวยต่อ



วันนี้เพลงไวโอลิน ที่ซ้อม เอามาจากเพลงประกอบภาพยนต์ ซีเคร็ท ครับ พี่หมวยเป็นคนเลือกให้
เพลงนี้ผมเล่นเป็นครั้งที่สอง ยังไม่ค่อยชินมือเท่าไหร่ แต่ก็พยายามทำความเข้าใจโน๊ตอยู่

ถึงรุ่นพี่ในห้องส่วนใหญ่จะบอกว่าผมเล่นดีแล้ว ผมก็ยังหวั่นๆอยู่ เพราะว่าขาดซ้อมตั้งสองอาทิตย์
จะบอกว่าเล่นดีแล้วมันคงยังพูดยากอยู่ ยิ่งมีเรื่องภายในใจ ยิ่งแล้วใหญ่ ไวโอลินเวลาเล่น
ถ้าในใจเรามีปัญหาอะไรก็ตาม ส่วนใหญ่มันก็จะถ่ายทอดออกมาให้ได้ยินจากเพลงเนี่ยแหละครับ ผมเองก็รู้ข้อนี้ดี

สำหรับผมความพยายามคงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดแล้ว เพราะผมไม่ได้เล่นไวโอลินเป็นตั้งแต่แรกๆ
พึ่งจะมาหัดเอาจริงจังก็ตอนมัธยมปลาย พรสวรรค์นั้นคงไม่ต้องพูดถึง ไม่มีครับ(ฮา) มีแต่ความพยายามอย่างเดียว

ผมซ้อมกับรุ่นพี่ในชมรมเกือบชั่วโมง ซึ่งผมมารู้เอาทีหลังว่า ไอ้บอยที่ว่ากลับไปแล้ว
จริงๆแอบยืนฟังอยู่หน้าห้องชมรมด้วย มันจะแอบฟังทำไมวะ มายืนฟังดีๆก็ได้ปะ ไม่มีใครจะว่าแม่งหรอก



คนเรานี่ก็แปลกดีเนอะ



"ไปก่อนนะพี่ วันนี้ผมมีการบ้านด้วย"
 ผมยกมือไหว้ทุกคนในชมรม รีบวิ่งจู๊ดกลับหอ และไม่ลืมหนีบซองเอกสารสีน้ำตาลที่บอยฝากมาให้ผม พกติดตัวไปด้วย

"น้องแว่นจ๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา" ผมวิ่งผ่านตึกวิศวะ เห็นกลุ่มวิศวะเพื่อนไอ้บอยกำลังตอกตะปูอะไรสักอย่าง
หนึ่งในนั้นคือบุ๊ค เด็กวิศวะที่ประกาศตัวตั้งแต่ตอนเจอผมวันแรกว่าอยากจีบผม แน่นอนมันคงพูดเล่นผมว่า
หน้าตาแบบมัน หุ่นแบบมัน คงมีคนชอบมันเพียบ ต่อให้มันประกาศตัวชัดเจนว่า มันหญิงก็ได้ชายก็ดี ก็เถอะนะ

"อารายยยยบุ๊ค...เมื่อไหร่จะเรียกชื่อเราเนี่ย เราชื่อแอร์ไม่ได้ชื่อน้องแว่นนะ"
ผมพูดพลางหอบแฮ่กๆ เพราะแบกของมาหลายอย่าง ชีท หนังสือเรียน วันนี้ผมไม่ได้แบกเป้มาด้วย เพราะลืมไว้ที่หอ

"เพิ่งซ้อมไวโอลินเสร็จหรอ ... แบกของเยอะจังอ่ะ...ไปส่งป่าว กลับหอใช่ปะ" ไอ้บุ๊คพูดพลางชี้ไปที่รถมัน

"แหม...ส่งบ้านมึงดิ น้อยๆหน่อยมึง งานอาจารย์ยังไม่เสร็จเลย" พวกกลุ่มวิศวะตะโกนด่าบุ๊คกันใหญ่
ผมได้แต่ทำหน้าฮา พร้อมกับโบกมือว่าไม่เป็นไร "เดี๋ยวเรากลับเองได้บุ๊ค หออยู่แค่นี้เอง ขอบใจนะ"

"เห้ยย เดี๋ยวดิ๊" ได้เสียงไอ้บุ๊คจากไกลๆ แต่ผมก็เดินจ้ำอ้าวต่อ เพราะส่วนหนึ่งเกรงใจด้วยแหละ
 จะมาส่งทำไมล่ะ งานตัวเองก็มีอยู่ อีกอย่างนี่ไม่ได้คิดอะไรกะไอ้บุ๊คด้วยแหละ เกรงใจอะ



เหนื่อยเหมือนกันครับกว่าจะถึงหอ หอ A จะอยู่ไกลมาก เพราะว่าราคาไม่แพง ต่างจากพวกบุ๊คที่อยู่หอ B
 หอนั้นนอกจากอยู่ใกล้แล้วยังมีพวกเครื่องซักผ้าให้ด้วยทีี่ชั้นล่างด้วยครับ แต่ผมไม่ค่อยเดือดร้อนเท่าไหร่
เพราะร้านสะดวกซื้อที่หอ A ของอร่อยเยอะกว่า (ฮา)
อย่างพายทูน่าที่หอ A นี่คือโคตรอร่อยเลย ทำร้อนๆ เที่ยงก็ขายหมดแล้ว

"ไอ้แอร์ ๆๆ ซื้่อของกินมาปะ กูหิวมากกกก" ทันทีที่ผมกลับถึงห้อง นี่คือคำทักทายแรกจากไอ้บอยครับ

"ไม่มีว้อย กูแทบจะคาบแล้วเนี่ย แบกของมาพะรุงพะรังมาก" ผมพูดพลางโยนของที่แบกมาลงบนเตียง

"มึงไปกินข้าวหมูแดงร้านนั้นเป็นเพื่อนกูหน่อย กูหิวอ่ะ" ไอ้บอยชี้ไปทางข้างหลังหอ

"ไม่ไปได้ไหมวะ กูอยากอาบน้ำ" ผมบ่ายเบี่ยง "นี่วันจันทร์ด้วย เค้าจะขายหรอ วันจันทร์ส่วนใหญ่ร้านเขาหยุดนะ"



"มึงไม่ไป งั้นมึงไม่ต้องเอานี่" ไอ้บอยดึงซองสีน้ำตาลไป

"ซองอะไรของมึง เอาไปเหอะ กูยังไม่ได้แกะดูเลย" ผมขมวดคิ้วเชิงรำคาญความเยอะของมัน

"มึงแน่ใจนะ มึงแน่ใจนะว่าไม่เอา" ซองอะไรว่ะกูชักอยากรู้แล้วเนี่ย

"มึงหาใครอยู่ล่ะ พี่คิมสุดที่รักของมึงไม่ใช่หรอ" เอ้าไอ้บ้า ผมนี่ตาค้างเลยครับ
ใครจะไปนึกว่าไอ้ซองบ้านี่คือ ซองที่ผมอยากได้ที่สุดในชีวิตในตอนนี้ แม่ง รู้งี้ผมแกะดูตั้งแต่อยู่ในชมรมแล้ว

"กูไปสืบมาสองวัน ให้เด็กกู ช่วยสืบด้วย ...กูก็ว่าคนอะไรวะ ลึกลับชิบหาย
มันจะเป็นไปได้ไง เรียนที่เดียวกัน แต่หาตัวไม่เจอสองอาทิตย์"
ไอ้บอยตอนนี้นอนกระดิกเท้าอยู่บนเตียง ทำหน้าพอใจนิดหน่อย ที่รู้สึกมีอำนาจต่อรองผมขึ้นมาเฉย

"เอ้า เอาไป ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ได้ไหมวะ กูหยอกเล่น"
ไอ้ห่า นี่สีหน้าผมออกขนาดนั้นเลยหรอวะ ผมตื่นเต้นอะใช่ แต่ไม่นึกว่าตัวเองจะออกอาการขนาดนี้
 ไอ้บอยเองก็หน้าเสีย นึกว่าผมจะร้องจริง


ผมรีบแกะซองสีน้ำตาล ทันทีที่แกะซอง รูปถ่ายจำนวนสี่สิบ ห้าสิบใบก็ไหลลงมา

....ใช่จริงๆ ทั้งหมดเป็นรูปพี่คิมจริงๆ อยู่ในอิริยาบทต่างๆ บางรูปก็กินข้าวอยู่ บางรูปก็ขับรถอยู่



"มึงนี่...เป็นหน่วยสืบราชการลับหรือไงวะ ไอ้บอย"
ผมช๊อคที่ไอ้บอยหารูปพี่คิมมาจากไหนเยอะแยะขนาดนี้ บางรูปนี่ชวนช๊อคเหมือนกัน
เช่นรูปพี่คิมกำลังตากผ้าอยู่ที่ระเบียงชั้นห้า

"ไอ้พี่คิมของมึงเนี่ย แม่งโคตรฮ๊อทอะ มันอยู่นิเทศ เอกโฆษณา กูก็ไม่ค่อยรู้หรอก
 กูให้เพื่อนๆกู กะเด็กกูช่วยสืบอะ ตอนแรกก็หาไม่เจอหรอก แต่แม่งมาแจ๊คพอตตอนแม่งเดินมาพอดี
ตอนกูช่วยพวกเด็กนิเทศทำงานอยู่พอดี"

ใจผมหล่นตุ๊บลงไปอยู่ตาตุ่ม ตอนไอ้บอยบอก พี่คิมโคตรฮอท แต่แม่งก็ชัวร์อยู่แล้วปะวะ หล่อขนาดนั้น
 สมัยเรียนม.ปลายแม่งก็โคตร สุภาพบุรุษ เรียนก็เก่ง กีฬาแม่งก็เก่ง เรียกว่า โคตรครบ



"ตกลงจะไปกินข้าวกะกูได้ยังอะ" ไอ้บอยยักคิ้ว ทำหน้ากวนตีน

"เออไปก็ไป ไอ้ห่า" ผมพูดพลางขยี้ตา สงสัยฝุ่นมันเข้าตาผมอะ



สรุปไม่ได้กินข้าวหมูแดงครับ ร้านปิด ผมเลยพามันไปกินร้านบะหมี่หมูแดงแทน หน้าเซเว่น
ระหว่างที่รอบะหมี่มาเสิร์ฟ ผมก็นั่งหยิบรูปพี่คิมมาดูทีละใบ

"จอกสัสเลยว่ะ แอบรักเขาข้างเดียว" ไอ้บอยยิ้มๆ พร้อมแซวผม

"ไม่แอบแล้วมึง กูเคยไปบอกชอบพี่เขาแล้ว สมัยเรียนม.ปลาย" ผมพูดจบ ทำไอ้บอยตาโต

"แล้วเป็นไงวะ"

"พี่เขาหาว่ากูล้อเล่น พี่เขาหัวเราะกูเฉยเลยอ่ะ"

"แห้วซะแล้วเพื่อนกู..โอ๋ๆ เอากูเป็นแฟนแก้ขัดไปก่อนไหมมึง ฮ่าๆ"

"มึงบ้าปะ ช่วงนี้ของขาดหรอมึงอะ"
ผมได้แต่ปรามมัน เพราะว่าผมรู้ดี ว่าถ้าใครได้เป็นแฟนกะบอย คงต้องปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันแน่ๆ
 เพราะมันเจ้าชู้มากกกกกกกก อีกอย่าง ผมกะมันนี่ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรแบบนั้นเลย
 มันออกแนวเป็นเพื่อนสนิทคนนึงของผมมากกว่า อย่างว่าแหละเนอะครับ
บางคนอาจจะเป็นเพื่อนที่เพอร์เฟค แต่เป็นแฟนที่ห่วยมากก็เป็นไปได้



"กินหน่อยมึง กูเป็นคนชวนมึงมากินก็จริง แต่มึงช่วยดูสภาพตัวเองตอนนี้ด้วย
กินอะไรหน่อย ตัวมึงเล็กจะเท่ามดอยู่ละ" มันพูดพลางเอามือมาขยี้หัวผม

ผมกินบะหมี่ สลับกับดูรูปพี่คิมไปเรื่อยๆ จนเลื่อนมาถึงภาพถ่ายสุดท้าย
ที่ทำให้ผมช๊อคจนเกือบตกเก้าอี้ จนไอ้บอยต้องเงยหน้าจากชามบะหมี่มามองผม ว่าเป็นอะไร


รูปใบสุดท้ายที่ผมกำลังถืออยู่ เป็นรูปพี่คิมกำลังเล่นเปียโนอยู่ในห้องชมรมดนตรี ซึ่งในรูปดูท่าทางพี่คิมจะไม่รู้ตัวด้วยครับ
ว่าโดนแอบถ่าย เพราะพี่คิมกำลังใช้มือข้างเดียวเล่นเปียโน ส่วนมืออีกข้างกำลังคลำสมุดโน้ตอยู่
โดยกำลังหรี่ตาดูสมุดโน้ตอยู่ ผมคงจะช๊อครอบสองแน่ๆ ถ้ารู้ว่าพี่คิมกับประธานชมรมดนตรี
ที่ผมไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อนนั้นคือคนคนเดียวกัน ไม่ไหวแล้วผม ไม่ว่าจะเป็นตามที่ผมคิดหรือเปล่า แต่ตอนนี้ช๊อคมาก

"นี่กี่..กี่โมงแล้ววะบอย" ผมถามบอยทั้งๆที่ตัวเองสวมนาฬิกาข้อมืออยู่

"อีกสิบนาทีหกโมงเย็น" ผมนี่ยืนขึ้นเลยครับ รีบเก็บรูปใส่กระเป๋าสะพาย

"ไอ้บอย กูฝากจ่ายตังด้วย กูลืมของไว้ที่ห้องดนตรีว่ะ" ผมพูดตะกุกตะกัก พร้อมรีบวิ่งกลับเข้าไปที่มหาลัย

"เห้ย รีบไปไหนว๊ะ..." ไอ้บอยนั่งงง พร้อมเกาหัวแกรกๆ



ผมรีบวิ่งหอบแฮ่กๆจนมาถึงตึกวิศวะ ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอยู่สักคนแล้ว
แม่งเชือกรองเท้าหลุดผมยังไม่ก้มลงไปผูกเลยครับ คิดดูว่าผมรีบแค่ไหน เหนื่อยด้วยจุกด้วย สงสัยเพราะบะหมี่เมื่อกี้

ผมมาถึงห้องชมรมดนตรี ไฟเปิดอยู่ครับ แต่ประตูปิด ผมลองแง้มประตูเปิดดูในห้อง
 เห็นกระดาษเอกสารกระจายรอบห้องเลยครับ แต่ไม่เจอใครสักคน ผมเลยเข้าไปเก็บ
พร้อมถอนใจนิดหน่อย คิดว่าจะเจอพี่คิมแล้วแท้ๆ สงสัยผมเข้าใจผิดไปเองแหละ มันจะเป็นไปได้ไง
พี่คิมของผมเนี่ยนะ จะเป็นคนเดียวกันกับประธานชมรมดนตรี

ไม่น่าเป็นไปได้หรอกครับ ผมบอกกับตัวเอง เพราะว่าสมัยม.ปลาย ผมไม่ยักจำได้ว่าพี่คิมเล่นเปียโนได้

ผมพึมพำกับตัวเองพร้อมถือกระดาษเอกสารชมรม ที่ผมเก็บกวาดเสร็จไว้ในมือ



"ไง...ไม่กลับหอหรอ จะมืดแล้วนะ"



เสียงนี้....

เสียงแบบนี้....

ผมหันหน้าไปตามที่มาของเสียงนั้น พี่คิมจริงๆครับ ถึงพี่เขาจะหน้าตาอิดโรยไปบ้าง
แต่ว่าก็ยังดูดีเหมือนเดิม รอยยิ้มแบบนี้ ยิ้มกวนตีน แบบเดียวกัน เหมือนเมื่อปีนั้น
ที่ผมรวบรวมความกล้าไปสารภาพรักแล้วแห้ว

"พี่คิม พี่คิมใช่ไหมพี่" ผมถามแก้เขินไปงั้นแหละ จะไม่ใช่ได้ไงล่ะ แม่ง

"ผมแอร์ แอร์เด็กห้องห้าอ่ะ" ผมพูดย้ำไป เผื่อพี่คิมเขาจะจำได้ แต่ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้เลยครับ(เศร้า)



"ตอนม.ปลาย น้องเรียนที่เดียวกะพี่ใช่ปะ" พี่คิมทำหน้างงๆ

"ใช่ครับพี่ ผมไปก่อนนะ" คือไม่แปลกหรอกเขาจำเราไม่ได้อะ เพราะเราไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาไง
ดูทรงแล้วเขาน่าจะมีแฟนแล้วล่ะ หล่อขนาดนี้ไม่มีก็บ้าแล้ว สงสัยได้อกหักดังเป๊าะรอบสอง

"เดี๋ยวไอ้น้อง......" ผมวิ่งกลับหอแล้วครับ ได้ยินเสียงพี่คิมเรียกแหละ แต่ตอนนี้หัวมันเบาๆครับ ฮ่าๆ
ขอกลับไปงีบที่ห้องดีกว่า กลับห้องไป เดี๋ยวต้องโดนไอ้บอยแซวอีกแหง๋ๆ ว่าดีใจที่เจอคนที่ชอบแทบตาย
แต่เขาดันจำเราไม่ได้(ฮา)


TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 14:36:04 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: LOVE SONG เพลงบำบัดรัก [18/09/60]
«ตอบ #2 เมื่อ18-09-2017 06:38:46 »

จำไม่ได้จริงหรือ  :hao3:
จำไม่ได้ก็ไม่ต้องเสียใจ ปล่อยไป
แอร์ ก็ซ้อมดนตรีปกติ ของตัวเอง
ก็แอร์ จะมาทำใจไม่ใช่เหรอ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรักตอนที่ 2



"We will never cry never never cry."

"Heaven Heaven Heaven...."

"Heaven Heaven Heaven...."

(เพลง Heaven ศิลปิน Aillee)



"เสียงเพราะเหมือนกันนะเนี่ย แว่น ติสมาก" บุ๊คมาสะกิดไหล่ผม ซึ่งผมไม่รู้ตัวว่าที่ผมฮัมเพลงนั้น
ดังขนาดนั้น ผมว่าผมร้องเบาๆแล้วนะ หรือผมมัวแต่คิดอะไรอยู่ไม่รู้อ่ะ สงสัยช่วงนี้อินจัด

"ใครใช้ให้ฮัมเพลงตอนเสียบหูฟังอะ แว่นลองหันหลังไปดูดิ" บุ๊คยิ้มแฉ่งพร้อมชี้นิ้วให้ผมหันหน้าไปดูข้างหลัง
พระเจ้า..ไอ้แก๊งวิศวะทั้งแก๊งเลยครับ แม่งยิ้มแฉ่ง แสดงว่าแม่ง ได้ยินกันหมดเลยใช่ไหมเนี่ย

"เสียงดีนะเนี่ย"

"เออ เสียงดีว่ะ"

"น้องแอร์แม่ง มาสายดนตรีของจริง"

พวกแก๊งวิศวะยอผมใหญ่เลยครับ ตอนนี้ผมหูแดงหน้าแดงไปหมดแล้ว

"ไม่เอาน่าบุ๊ค..พวกพี่ด้วย เลิกยิ้มสักที" ผมพูดพลางขว้างเศษกระดาษใส่บุ๊คแก้เขิน บุ๊คเห็นผมเขินยิ่งแกล้งครับ

ตอนนี้กลายเป็นว่าผมสนิทกะพวกแก๊งวิศวะ มากกว่าเพื่อนในคลาสอีก อาจจะเป็นเพราะ ผมมีความรู้สึกว่า
เพื่อนผู้หญิงในคลาสบางคน มองผมแปลกๆด้วยแหละครับ ผมเลยต้องแยกตัวออกมานั่งคนเดียว
 ผมไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่ถ้าให้ผมเดาๆนะ น่าจะเป็นเรื่องที่ไอ้บอยมาสนิทกับผม
จนมีข่าวลือไม่ค่อยดีเท่าไหร่เกี่ยวกับผมกะบอย แล้วตัวบอยมันเอง มันเป็นคนคิดน้อยอะ ไม่แคร์อะไรเท่าไหร่
อย่างเมื่อเช้า ก็เบี้ยวนัดเพื่อนทั้งๆที่นัดกันที่ร้านกาแฟหน้าตึก จนเพื่อนบอยต้องเอาชีทมาฝากไว้กะผมแทนซะงั้น
แล้วตอนเอามาฝากผมนี่มองหน้าผมแปลกๆด้วยนะ



"แอร์ไปก่อนนะ มีเรียนอะ สายแล้ว" ผมโบกมือให้แก๊งวิศวะ ส่วนบุ๊คนี่ออกแนวล้นๆหน่อย
ทำท่าส่งจูบมาให้ผมเฉยเลย ผมเลยยิ้มแห้งๆกลับไปนิดหน่อย



เหมือนใจผมตอนนี้จะดีขึ้นมานิดนึง จากเรื่องเมื่อหลายวันก่อนที่ไปเจอพี่คิม รักแรกของผม
แต่พี่เขาจำผมไม่ได้ซะงั้นอ่ะ บอกตรงๆผมแปลกใจนะ ไม่ได้รู้สึกเสียใจเท่าไหร่เอาจริงๆ หนักไปทางแปลกใจมากกว่า
 เพราะว่าวันนั้น มันไม่น่าลืมได้ง่ายๆ แม้แต่ตัวผมเองยังกล้าพูดเลย ผมไม่มีทางลืมวันนั้นได้เด็ดขาด
เพราะมันเป็นวันเดียวในชีวิตนี้ของผม ที่รวบรวมความกล้าได้ขนาดนั้น สารภาพไปตรงๆ



"มาสายนะนายตะวัน อาจารย์เข้าใจว่าเรา ต้องเจียดเวลาไปซ้อมไวโอลิน ...แต่ว่าการเรียนก็สำคัญ
เธอควรจะใส่ใจให้มากหน่อย...เดี๋ยวจะมีปัญหา ถ้าตัดเกรดออกมาแล้วได้ต่ำกว่า C คิดว่ามันจะจบไหม ฮึ?
วิชาของอาจารย์มันบังคับ C นะ...ไปนั่งสิยืนรออะไรล่ะ!!"

โธ่เอ้ย ผมว่าผมรีบแล้วนะ แต่ตึกนี้มันไม่มีลิฟต์อะครับ แล้วเรียนชั้นห้า
 สงสัยเพราะผมมัวแต่คุยกะพวกแก๊งวิศวะเพลิน เลยโดนอาจารย์ด่าเลย

"ไง...มาสายอีกแล้วนะมึง" มหัศจรรย์ครับ ไอ้บอยที่ปกติขาดเรียนโคตรบ่อย
 จะโผล่หัวมาเฉพาะวันเลคเชอร์กับวันสอบ วันนี้ดันโผล่หัวมาเฉย แถมแม่งยังมาตรงเวลาด้วยนะ งง สิครับ งง

"กูก็รีบสุดๆแล้ว ไอ่ห่า กูมัวแต่คุยกะพวกไอ้บุ๊คอ่ะ" ผมโบ้ยใส่ไอ้บุ๊คเฉย จริงๆเพราะผมเองแหละ
มัวแต่เหม่อเลยมาสาย จริงๆไม่น่าไปโทษบุ๊คเลย นิสัยไม่ดีเลยผม

"ไอ้แอร์ กูถามมึงจริงๆเหอะ..มึงมีใจให้ไอ้บุ๊คมันหรือเปล่า ทำไมต้องปล่อยให้มันมาเกาะแกะด้วย"
 บอยถามผมพร้อมชักสีหน้าไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ปกติบอยจะเป็นคนขี้เล่นมาก
ในทุกๆเรื่อง แต่ดูเหมือนวันนี้บอยดูเครียดเป็นพิเศษ แล้วเสื้อที่ใส่นี่ผมจำได้ว่าเหมือนจะเป็นเสื้อตัวเมื่อวานด้วย



"เปล่า..กูไม่ได้คิดอะไรเลยกับบุ๊ค"

"งั้นมึงก็อย่าไปสนิทกะมันมาก มันเจ้าชู้มึงก็รู้"

"นั่นบุ๊ค..เพื่อนมึงนะบอย ไอ้บุ๊คก็เพื่อนมึง แล้วคนเจ้าชู้ตัวจริงเนี่ย แถวนี้ก็รู้สึกจะมีอยู่อีกคนนะ"



ไอ้บอยหน้าเสียเลยครับ อยู่ๆก็เงียบ

"เห้ย...โกรธหรอ"ผมถามอย่างจริงจัง

"เห้ย...บอย แอร์ไม่ได้ตั้งใจ แอร์ไม่ได้หมายความแบบที่พูดจริงๆ แอร์พูดเล่น"

ไอ้บอยไม่ตอบผม แถมลุกออกจากเก้าอี้ แล้วเดินออกนอกห้องไปเลย ดูมันหัวเสียกับคำพูดของผมมากๆ



"นายธานินจะไปไหนน่ะ อาจารย์ยังไม่ได้บอกเลิกคลาสเลยนะ" อาจารย์ยกมือปราม แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว

"ตะวัน...เธอช่วยดูแลแฟนเธอหน่อยนะ ขาดเรียนก็บ่อย" เอ้า ทำไมโบ้ยใส่ผมงั้นล่ะอาจารย์ แล้วไม่ใช่แฟนโว้ยยย
 เพื่อนโว้ยยย...เพื่อนนนนน ระหว่างที่อาจารย์กำลังกล่าวหาว่าผมกะไอ้บอยเป็นแฟนกัน
เสียงเพื่อนในคลาสต่างหัวเราะกันใหญ่ บางส่วนก็ก้มหน้าซุบซิบอะไรกันไม่รู้ ทำเอาผมหูแดงหน้าแดงไปหมด

"โกรธอะไรกันน่ะ" เพื่อนผู้หญิงในคลาสยื่นหน้าจากข้างหลังมากระซิบผม

"ไม่มีอะไรหรอก..เดี๋ยวมันก้หายแหละ" ผมบอกปัดไป

"บอกบอยมันทำตัวดีๆหน่อยนะ โดนเพ่งเล็งเหลือเกินอะช่วงนี้"

เพื่อนผู้หญิงอีกคนพูดจบ ส่งซองเอกสารมาให้ผมกับกองชีทจำนวนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นของบอย

คนนี้เด็กไอ้บอยหรอวะ?



หลังเลิกคลาส ผมลองโทรหาบอย บอยไม่รับสายด้วยครับ น่าจะโกรธจริง



"พี่หมวยสวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้ทักทายพี่หมวยหลังจากเดินเข้าไปในชมรม วันนี้ไม่มีใครในชมรมเลยครับ
เพราะว่าวันนี้ตรงกะวันงานเทศกาลจัดแสดงผลงานของคณะวิศวะ
ซึ่งตึกวิศวะเป็นตึกที่ชมรมเราขอห้องมาอาศัยทำเป็นชมรม เสียงเอะอะโหวกเหวกข้างนอกวันนี้ถือว่ารบกวนชมรมมาก
หลายคนเลยเลือกที่จะไม่เข้าชมรมในวันนี้ ส่วนผมตรงกันข้าม

ผมอยากขอโทษไอ้บอย แต่ว่ายังไม่ค่อยกล้าสู้หน้าเท่าไหร่ เลยเลือกที่จะมาซ้อมไวโอลินดีกว่า

"พี่อยากให้แอร์ ซ้อมเพลงเร็วบ้าง มีเดียมก็ได้" พี่หมวยส่งรายชื่อเพลงมาให้ผมเลือก

ประมาณสามสิบเพลง ผมเลื่อนสายตาดู ไม่คุ้นเลย ไม่คุ้นเลยสักเพลง



ยกเว้นเพลงนึงที่มีรอยปากกาสีแดงขีดทิ้ง



Azurite (อะซูไรท์)



"เพลงนี้ได้ไหมพี่ ที่พี่ขีดทิ้ง" ผมถาม แต่ผมรู้คำตอบอยูู่แล้วล่ะว่าคือไม่ เพราะอะซูไรท์เป็นเพลงช้า

เป็นหนึ่งในเพลงที่ผมชอบมาก เป็นเพลงที่ผมใช้...

"อย่าดีกว่า..." พี่หมวยส่ายหน้า

"ครับ..แอร์เข้าใจ มันเป็นเพลงช้า พี่หาเพลงเร็วอยู่" ผมผยักหน้าผงึกๆเป็นสัญญาณว่ารับรู้

แล้วพยายามดูเพลงใหม่ๆอยู่ ซึ่งคงต้องใช้เวลาหน่อย เพราะทั้งหมดเป็นเพลงที่ผมไม่เคยเล่นทั้งนั้นเลย

"ไม่ใช่เรื่องนั้น...เพลงนี้พี่ไม่ค่อยอยากให้เล่นเท่าไหร่" พี่หมวยกอดอกถอนหายใจ



" ..หมวยกลัวจะเกิดเรื่อง เหมือนตอนที่เกิดกับคิมปีที่แล้วหรือไง"



เสียงดังมาจากประตูห้องชมรม ผมหันหน้าไปก็เจอกับพี่คิม ที่วันนี้มาในชุดนักศึกษากับกางเกงยีนสีฟ้าจ๋าที่ดูผิดระเบียบ
มือข้างขวาพี่คิมยังคงพะรุงพะรังกับ สมุด กระดาษ ดินสอ หลายชนิด หลากสี

"เปล่า...หมวยไม่ได้กลัว แต่หมวยแค่คิดว่าเพลงนี้มันเป็นเพลงที่ดีเพลงนึง แต่ทุกทีที่เวลามีใครคิดจะเล่นเพลงนี้ขึ้นมา
ไม่ว่าเล่นด้วยเปียโน หรือไวโอลิน หรืออะไรก็ตาม ต้องมีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นทุกที"
 พี่หมวยพูดพลางส่งสายตาให้พี่คิม เหมือนว่าพี่หมวยผ่านเหตุร้ายอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเพลงนี้
ผมเองตอนนี้นอกจากกำลังเหวอนิดหน่อยเนื่องจากเจอพี่คิม ก็ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับ
เพลงอะซูไรท์ เพลงเจ้าปัญหาเพลงนี้



"แล้ววันนี้นึกยังไงถึงเข้าชมรมมาล่ะ อ่ะ..แล้วนี่น้องแอร์นะ เด็กที่จะมาเป็นความหวังของชมรมเราปีนี้
น้องเขาจบมัธยมมาจากโรงเรียนเดียวกับคิมนะ คิมรู้จักน้องเขาหรือเปล่า คิมก็รุ่น 114 ไม่ใช่หรอ"
พี่แอร์ยิ้ม ผมเองก็เขินๆนิดหน่อย บอกขนาดนี้ผมว่าก็ต้องจำได้บ้างแหละ



"ไม่รู้จักอ่ะ"



 พี่คิมแลดูจะจำผมไม่ได้จริงๆ พี่แกเกาหัวทำหน้าตาพยายามคิดอย่างจริงจัง ทำผมเศร้าเหมือนกันครับ
เหมือนโดนสองเด้งจากเหตุการณ์เมื่อหลายวันมาก่อน ส่วนตัวไม่นึกว่าพี่คิมจะลืมผมจริงๆ

"อ้าวหรอ นี่ไม่รู้จักกันหรอ แอร์ไหว้พี่เขาสิ นี่พี่คิมประธานชมรมเรานะ" ผมยกมือไหว้พี่คิมแบบเซ็งๆ

"เมื่อวันก่อนผมเจอกันกับประธานแล้วครับพี่หมวย พอดีผมลืมของไว้ห้องชมรมเลยกลับมาเอา เจอพี่เขาพอดี"

"...ดีแล้วๆ สนิทกันไว้นะ ไวโอลินกับเปียโนอะ ไม้ตายของเราปีนี้เลยนะ..แป๊ปนะพี่ต้องโทรศัพท์คุยธุระ"
พี่หมวยพูดพลางส่งสมุดรายละเอียดกิจกรรมตอนวันสิ้นปีมาให้ผมกับพี่คิมอ่าน
ผมกัับพี่คิมเราทั้งคู่แอบเหลือบตามองกันเล็กน้อย หลังจากที่พี่หมวยพูดว่าสนิทกันไว้นะ



"พี่คิมถนัดเล่นเปียโนหรอครับ" ผมถาม เพราะดูบรรยากาศเงียบๆชอบกล พี่หมวยเองก็หันหลังไปคุยโทรศัพท์
ผมฟังจับใจความได้ว่า เป็นเรื่องแก้วน้ำดื่มอะไรสักอย่าง ที่จะจัดมาไว้ในงานชมรม

"พี่เล่นได้ทุกอย่างอ่ะ พี่เก่ง" พี่คิมส่งยิ้ม แล้วยักคิ้วเจ้าชู้ให้ผม

จ้าาา....พ่อคุณ ไม่ค่อยจะหลงตัวเองเลย แม่งนิสัยไม่ได้ต่างจากตอนสมัยมัธยมเลยแฮะ
ไอ้เรานะจำเรื่องของเขาได้ทุกอย่าง ทำไมเขากลับลืมเรื่องของเราหมดเลยวะ?



"ผมชื่อแอร์นะครับ...พี่คิม ยินดี....ที่..รู้จัก...ครับ"

ยินดีที่รู้จักห่าอะไรวะ แม่ง กูพูดออกมาได้ไงวะยินดีที่รู้จัก กูอยากจะขำ เรื่องวันนั้นกูยังจำได้อยู่เลยปะ
สำหรับกู เรื่องวันนั้นไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ความรู้สึกกูแม่ง เหมือนเกิดขึ้นเมื่อวานอ่ะ
วันที่กูให้ช๊อคโกแลตพี่เขา กูจำถึงขนาดสีกล่อง ลายกล่อง ยี่ห้อช๊อคโกแลต...



"เป็นรุ่นน้องพี่ใช่ปะ งั้นต้องเชื่อฟังรุ่นพี่นะ" พี่คิมเอามือมาตบขาผม พร้อมพยักหน้าหงึกๆ

เหยยยย...ขนลุก อย่ามาแตะขาอ่อนได้ปะ ขนลุก ขนลุก ขนลุก ขนลุกไปหมดแล้วเนี่ยยยยยยยยยย



"พี่...คิม...พี่เล่นเปียโนให้ฟังได้ไหมครับ" ผมถามพี่คิมแบบทีเล่นทีจริง แต่พี่หมวยที่คุยโทรศัพท์ค้างอยู่
 วางโทรศัพท์ลงจากมือ หันหน้ามาอ้าปากเหวอ แล้วเหมือนกำลังจะปรามผมด้วยคำพูดอะไรบางอย่าง
แต่พี่คิมกลับยกมือเป็นสัญญาณบอกพี่หมวยว่า ไม่เป็นไร

"อยากให้เล่นเพลงอะไรล่ะ อะซูไรท์ หรอ?" พี่คิมถามทั้งที่ยิ้มๆ

"หยุดนะ!!!!" พี่หมวยแผดเสียงแข็ง จนผมตกใจ ผมมองหน้าพี่หมวย

"อย่าไร้สาระน่า ...หมวย เรื่องมันผ่านมาแล้ว เราต่างเป็นคนที่ยังมีชีวิต เราต้องก้าวเดินต่อไปนะ"



เราต่างเป็นคนที่ยังมีชีวิต



มันหมายความว่าอะไรกันนะ ผมสงสัย...

"พี่คิม พี่หมวย ผมขอโทษครับ ไม่ต้องเล่นก็ได้ครับพี่" ผมขอโทษไปทั้งๆที่ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจอะไรเลย

"พี่ขอตัวไปสูดอากาศข้างนอก พี่จะเป็นลม" พี่หมวยพูดพลางก้าวฉับๆเดินออกห้องชมรมไปโดยไม่ได้อธิบายอะไร

ทิ้งให้ผมนั่งงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น โดยที่ดูเหมือนพี่คิม จะไม่งงอะไรเลยกับเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว



"พี่จะเล่นให้เราฟัง แต่ไม่ใช่ อะซูไรท์หรอกนะ" พี่คิมเดินไปนั่งที่เปียโน โดยดูท่าสบายๆ

ไม่ได้ตั้งใจเล่นเท่าไหร่ แต่ผมต้องตกใจเมื่อฟังแล้วค่อนข้างคาดไม่ถึงว่าจะเป็นเพลงนี้

"แคนน่อน?" ผมถามพี่คิม

"ใช่..แคนน่อน เบสิกดีไหมล่ะ" พี่คิมยิ้ม



พี่คิมเล่นเพลงเดิมวนไปไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ เหมือนโลกทั้งใบตอนนี้ถูกหยุดเวลาไว้เลยครับ

ผมอยากให้เวลามันหยุดอยู่ที่ห้องชมรมนี้จริงๆ แว้บนึงผมมองหน้าพี่คิม พี่คิมก็มองหน้าผม

ผมรู้สึกได้จริงๆนะครับ แว้บนึงว่าเหมือนพี่เขาจำผมได้ แต่เพราะอะไรไม่รู้ เขาถึงจำผมไม่ได้



"เห้ย..เป็นอะไร พี่เล่นดีขนาดน้ำตาไหลเลยหรอ" พี่คิมถาม

"เปล่าพี่ ฝุ่นมันเข้าตา ฮ่าๆ ..ซึ้งอ่ะ พี่เล่น ทำผมอินมากเลย"

"ยอพี่น้อยๆหน่อยก็ได้นะ พี่ไม่มีอะไรจะให้เรานะ"

"จริงๆครับพี่ พี่เล่นดีกว่าคนฝึกเปียโนมานานอีกครับ"

"แล้ว..น้อง..น้องแอร์รู้ได้ไงว่าพี่พึ่งฝึกเปียโนได้ไม่นาน?"


เอาล่ะสิ กูจะตอบไงดีวะ ตอบแม่งไปตรงๆละกัน

"ก็ผมบอกแล้วไงพี่ ผมเคยคุยกับพี่ สมัยเรียนมัธยม สมัยนั้นพี่เล่นไวโอลินไม่ใช่หรอ"

ใช่...เล่นไวโอลินเหมือนกูนี่ไง กูถึงไม่ยอมทิ้งไวโอลิน ไม่ยอมเลิกเล่น ก็เพราะมึงนี่ล่ะ



"ใช่หรอ" พี่คิมเลิกคิ้ว

"ใช่สิพี่..."

"ผมคือคนที่เคย....ไปสารภา...พ...."



"หมวยเลิกแอบฟังได้แล้ว คิมรู้นะ ว่าหมวยยืนฟังอยู่หน้าห้องตั้งแต่แรก" พี่คิมตะโกนออกไปนอกห้องชมรม
ผมเห็นเงาคนยืนอยู่หน้าประตูจริงๆครับ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่พี่หมวยหรือเปล่า แต่ครู่เดียวเงานั้นก็เดินถอยออกไป

"เมื่อกี้เราว่าไงนะ เอ่อ...พี่...พี่หมายถึงเมื่อกี้น้องแอร์ว่าไงนะ?" พี่คิมจู่ๆเอามือมาวางที่ขาผมอีกแล้ว
ไม่ต้องใกล้ขนาดนี้ก็ได้มั้งงงงง หัวใจผมนี่จะหลุดออกมาจากอกแล้ว ขนลุกกกกกก

"ผม..เคย...ไปสารภาพ...รักพี่"
ผมกลืนน้ำลายดังเอื้อก ก่อนจะกัดฟันพูดออกไป ซึ่งตอนนี้ผมกำลังลุ้นอยู่ว่า ปฏิกิริยาของพี่คิมจะเป็นยังไง

พี่คิมอ้าปากค้างครับ ผมเองก็หน้าแดงสุดๆไปเลย
"พี่คิม ผมตะวันเอง พี่คิมจำไม่ได้หรอ ตะวันห้องห้า ตะวันที่ซ้อมไวโอลิน ตะวันที่เล่นแบตอยู่หน้าตึกสองทุกวัน"

จู่ๆพี่คิมก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้ผม เรียกว่าใกล้มากๆ ใกล้จนผมรู้สึกว่า ใกล้เกินไปแล้ววววววววววววว


"ขอโทษที....พี่จำไม่ได้...."
จำไม่ได้แล้วจะขยับหน้าเข้ามาใกล้ๆทำไมวะ ทำท่าอย่างกับจะจูบกูซะงั้นอะ

"แอร์...ถอดแว่นน่ารักกว่านะ"
เหมือนโลกหมุนเลยครับ พี่คิมขยับเข้ามาใกล้มาก
 จนดันผมจนไปชนกับเปียโนจนเสียงดังติ๊ง เหมือนเสียงเปียโนช่วยเตือนให้ผมได้สติ

ผมเลยผลักพี่คิมออกจากตัว "พี่คิม!!...หยุดนะพี่!!"

"น้องบอกเคยมาสารภาพรักกับพี่ไม่ใช่หรอ"
เออใช่..กูดีใจ ดีใจมากด้วย แต่เรื่องนี้ มันมีบางอย่างแปลกๆ บางอย่างไม่ถูกต้อง
หนึ่งคือ กูไปสารภาพรักแต่มันแห้ว มึงเป็นคนปฏิเสธกูเอง สองคือ เราสองคนไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์อะไรเพิ่ม
พูดตรงๆผมรักพี่คิมอยู่ฝ่ายเดียว เราไม่ได้เป็นแฟนกัน

เหมือนความทรงจำมันขาดตอน
เหมือนความทรงจำพี่คิมมันไม่ประติดประต่อ ขาดๆหายๆ


"แอร์...แอร์คิดว่า..คือว่า" ผมพูดตะกุกตะกัก เพราะไม่เข้าใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นเท่าไหร่

"แอร์กลับหอแล้วววววว !!!!" ผมไม่รู้จะพูดอะไร หรือจะคิดอะไรตอนนี้หัวผมตื้อไปหมด สับสนมากด้วย
ได้ใกล้ชิดกับพี่คิม ใช่ มันเหมือนฝันไปจริงๆ ใจนึงก็ดีใจว่าเราไม่แห้วแล้ว แต่ว่าบางอย่าง...บางสิ่ง...
ตอนนี้เลยขอวิ่งจู๊ดกลับหอก่อนเป็นอย่างแรก โดยทิ้งให้พี่คิมทำหน้างงๆอยู่ที่เปียโน

คนๆนี้ไม่ใช่พี่คิม เหมือนเป็นคนอื่น เขาเหมือนคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักเรา

ผมกลับมาถึงหอ ผมเจอบอยกำลังนั่งเล่นไอแพดอยู่ครับ ตอนนี้ผมสั่นไปทั้งตัว
 ไม่ใช่เพราะกลัว หรือไม่ใช่เพราะโดนพี่คิมขยับตัวเข้ามาชิดขนาดนั้น
แต่ตัวผมสั่นไปด้วยความสับสน ความไม่เข้าใจ

"เห้ยมึงเป็นอะไรแอร์ ใครทำอะไรมึง ร้องไห้ทำไม" ไอ้บอยตกใจ พยายามหากระดาษทิชชู่

"พี่คิมเขาทำท่าเหมือนจะจูบแอร์..แต่เขา แต่เขา..." ตอนนี้ผมเสียงสั่นไปหมดจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง
ตอนนี้ไอ้บอยหน้าโคตรโกรธเลยครับ มือมันสั่นๆด้วย กำหมัดจนเส้นเลือดขึ้นมือไปหมด

"มันไม่เร็วไปหน่อยหรอวะ ถึงเนื้่อถึงตัวขนาดนี้เลยหรอ ...กูโมโหว่ะ" ไอ้บอยขว้างไอ้แพดลงจากเตียง

"ไม่บอย บอยฟังแอร์ก่อน ที่แอร์ร้องไม่ใช่ว่าพี่คิมเขาจะจูบแอร์ แต่แอร์แค่ไม่เข้าใจ
ว่าเขาเหมือนเป็นคนอื่น เขาทำไมทำตัวเหมือนไม่รู้จักแอร์ หรือเขาจำแอร์ไม่ได้จริงๆ
 แล้วถ้าจำไม่ได้ เขามาทำแบบนี้ทำไม.."

"โธ่ โว้ย...!! ใครๆหน้าไหน ก็อยากจับกดมึงทั้งนั้นแหละ .." ไอ้บอยพูดอย่างหัวเสีย
"ไม่มีหรอกบอย บอยพูดโอเวอร์ไปแล้ว!.." ผมเถียงบอยเสียงดังมาก แต่มือก็ยังเช็ดขอบตาที่ยังเป็นรอยแดงอยู่
"ก็เพราะแบบนี้ไง กูถึงโมโห มึงไม่ได้ระวังตัวเลย ! คิดว่าคนอื่นที่เข้ามาหา เค้าไม่ได้คิดอะไรไปซะทุกคน"
"แอร์มีบอยคอยช่วยอยู่ไง แอร์ไม่เห็นต้องกลัวใครจะทำอะไรเลย.."ผมพูดติดตลก เผื่อบรรยากาศสนทนาจะดีขึ้น



"ไอ้แอร์ ...มึงนี่มันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ..." จู่บอยก็พลิกตัวขึ้นมาคร่อมตัวผม จับกดแขนขา ไว้ที่เตียง

ผมพยายามดิ้นแล้ว แต่สู้แรงไอ้บอยไม่ได้จริงๆ แรงมันอย่างกะแรงควาย

"เริ่มกลัวหรือยังล่ะ? ..." บอยถามผม



"ไม่เลย..แอร์ไม่กลัวเลย..เพราะแอร์รู้ ว่าบอยไม่มีทางทำแบบนี้กับแอร์หรอก"

ผมพูดด้วยเสียงเรียบๆ และไม่ได้ตื่นเต้นหรือกลัวอะไรเลย ที่ไอ้บอยมันจับผมกดไว้กับเตียง



"บอยไม่ทำแอร์ แอร์รู้.." ผมยังคงยืนยันเสียงแข็งและยิ้มท้าทายด้วย



บอยไม่ตอบอะไร มันเพียงแต่ยิ้มกับเลียริมฝีปากตัวเอง

แล้วมันค่อยๆโน้มตัวมากระซิบอะไรบางอย่างข้างหูผม

"แอร์กำลังประเมิณคำว่า ตัณหา และ ราคะ ต่ำไปนะ..."



★★★★★★★★★★★★
มีต่อ
★★★★★★★★★★★★
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2017 13:14:30 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
"เฮ้อ.." บอยก้มหน้ามามาซบที่หน้าอกผม พร้อมถอนหายใจเสียงดัง ไอ้ที่ว่าจะปล้ำ จะจับกดผมอ่ะ
โกหกทั้งเพ ผมรู้อยู่แล้วล่ะ บอยมันก็แกล้งขู่ผมไปงั้นแหละ

"อย่าทำให้เป็นห่วงนักสิวะแอร์ โตๆแล้วดูแลตัวเองหน่อย" มันมองหน้าผมด้วยความเป็นห่วง
พร้อมเอามือเล็กๆเรียวๆของมันลูบใบหน้าผมไปมา

"หนัก..."

"ห๊ะ!!??"

"จะลุกออกไปจากตัวกูได้ยัง ไอ้บอย กูหนัก.."
ไอ้บอยเห็นผมทำหน้าหงิก เลยยกมือสองข้างยอมแพ้ พร้อมกับลุกตัวออกไปนั่งข้างๆที่ขอบเตียง



"กูจะมองหน้าพี่คิมเขายังไง" ผมบ่นอุบอิบ พร้อมเอามือปิดหน้าตัวเองไว้

"มึงพูดผิดปะ มึงควรพูดว่า พี่เขาจะกล้ามองหน้ามึงไหม เขาเป็นคนแต๊ะอั๋งมึงนะโว้ย"

ไอ้บอยเสียงดังใส่ผมใหญ่ จนผมต้องปรามให้เบาเสียงลงหน่อย

"เบาๆหน่อยบอย วันนี้ห้องข้างๆเขาอยู่นะ"



"เอาจริงๆแล้วเรื่องวันนั้นจะไปโทษพี่คิมคนเดียวมันก็ไม่ถูก คนที่ไปเปิดประเด็นมันก็ตัวกูเองเปล่าวะ"
ผมพูดพลางถอนหายใจพลาง

"เป็นผู้ชายอ่ะ..เวลาเห็นคนอ่อนแอ เขาไม่ฉวยโอกาสกันหรอก" ไอ้บอยตำหนิพี่คิม

"กูก็ผู้ชายเปล่าวะ...แม่ง" ผมสบถใส่ไอ้บอยอย่างหงุดหงิด

"มึงมันสายเกินที่จะเรียกว่าชายชาตรีแล้ว ไอ้แอร์ ดูเอว ดูหุ่น ดูหน้าตาตัวเองด้วย..

ถ้าไม่ติดว่ามึงเป็นเพื่อน กูจัดหนักมึงไปนานละ โอ้ยย...! มันเจ็บนะเว้ย มาดึงหูกูทำไมเนี่ย"



"กาม....ความหื่นอะลดๆลงหน่อย" ผมพูดพลางดึงหูไอ้บอยหลายๆที



"ตกลง ..แล้วจะเอายังไงล่ะ หนีไปเรื่อยๆแบบนี้น่ะหรอ" ไอ้บอยยังคงถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
มันเองยังคงยืนยันว่า พี่คิมทำเกินไป ส่วนตัวผมเองก็เถียงมันว่าพี่คิมไม่ได้เกินเลยหรอก
เหมือนผมไปให้ท่าพี่เขาเองมากกว่า

"พี่คิมเขาแปลกๆ เหมือนเขาไม่รู้จักแอร์จริงๆ จำแอร์ไม่ได้เลย มันแปลกไปหน่อยนะ"

"จำไม่ได้เลยหรอ?...ทั้งๆที่เคยโดนสารภาพรักไปตรงๆเนี่ยนะ...กูเหลือเชื่อ..." ไอ้บอยส่ายหน้า

"กูว่ามันฟอร์มมากกว่า ทำเป็นเก๊กจำมึงไม่ได้"

"เขาอาจจะจำไม่ได้จริงๆ แต่แว๊บนึงแอร์ก็รู้สึกได้ว่าเขาจำได้ แต่มันเหมือนแค่พริบตาเดียว"


"มึงฟังกูนะแอร์ ความรักของคนเรา มันไม่ใช่สิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไปเหมือนลมพัดนะ
แต่มันคือความรู้สึก ที่สลักตราตรึง ฝังลึกซะยิ่งกว่าเวลาเราสลักตัวอักษรลงแผ่นหินเสียอีก
ความรักที่เราได้พูดออกไปแล้ว คนฟัง ไม่ว่านานแค่ไหนสิบปี ยี่สิบปี ยังไงก็ต้องจำได้ อย่าว่าแต่ปีเดียวเลย"

"มึงอารมณ์ไหนเนี่ย อยู่ดีๆก็มาเจ้าบทเจ้ากลอน" ผมขำกลบเกลื่อนบรรยากาศที่กำลังเศร้าๆอยู่

"อ้าว พอกูจริงจังก็หาว่ากูเพ้อเจ้อ..มึงนี่นะ" ไอ้บอยทำแก้มป่อง มันคงคิดว่าท่าทางที่มันทำอยู่น่ารักมั้งครับ
ตัวโตอย่างกะควาย แต่มาทำท่าแก้มป่องงอนผมเนี่ย


"ไปเดินเล่นตลาดหน้ามอเปล่า" ผมถามไอ้บอย

"ไปก็ได้ แต่เหมือนคนแถวนี้จะลืมไรไปอย่างนึงนะ" ไอ้บอยยังคงทำแก้มป่องอยู่

โอ้ยยย แม่งไม่ได้เข้ากับหน้ามันเล๊ยยยยยยยย เลิกทำแก้มป่องที เห็นแล้วหมั่นไส้โคตร

"ลืมไรอ่ะ?"

"มึงพูดแบบนั้นกับกู เมื่่อตอนเช้า กูเสียใจมากเลย มึงรู้เปล่า?" บอยบางทีมันก็มีโมเม้นท์แบบนี้ครับ

งอนเป็นเด็กๆ เห็นมันพูดจาโหวกเหวกโวยวาย แต่ก็มีบางประโยคที่สามารถทำมันเจ็บได้ง่ายๆอย่างไม่น่าเชื่อ



"กูขอโทษ..กูขอโทษจริงๆ ไม่คิดว่ามึงจะโกรธ" ผมรีบยกมือไหว้ขอโทษมันเลยอ่ะ
เพราะมันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวในตอนนี้ที่ผมไว้ใจ ผมไว้ใจมันทุกอย่างจริงๆ

"ขอโทษก็พอแล้ว ไม่ต้องยกมือไหว้หรอก ฮ่าๆ" ไอ้บอยเอามือลูบหัวผมอีกแล้วครับ
แต่ตอนนี้เหมือนจะขยี้ผมมากกว่า ไม่รู้มันอารมณ์ไหนเหมือนกัน



"กูอ่ะ แคร์มึงมากเลย..รู้ไหม?แอร์...กูตัดใจกับมึง ว่าจะเป็นแค่เพื่อนกัน
ตอนแรกๆกูเหมือนตกนรกทั้งเป็น ที่มึงไม่รับรักกู แต่ตอนนี้เวลากูเห็นมึึงเป็นทุกข์เรื่องพี่คิม
มันยิ่งทำให้กูทุกข์ใจ เพราะกู....เพราะกูรู้ไง ว่ารักเขาแล้ว ไม่สมหวัง..ความรู้สึกมันเป็นยังไง..."

ตาสีฟ้าของไอ้บอยเป็นประกายเนื่องจากน้ำตาที่ปริ่มอยู่ขอบตา ก่อนที่มันจะไหลออกมา
ไอ้บอยถกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดออกไปซะก่อน ไม่งั้นผมคงได้เห็นน้ำตาลูกผู้ชายจริงๆครับ



ผมบอกไม่ถููกจริงๆ ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร มันหนักอึ้ง และเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ
"เพลย์บอยแบบกู อกหักซะบ้างมันก็สมควรแล้ว" ไอ้บอยพูดเบาๆแต่ผมก็ยังได้ยินที่มันพูด
ตอนนี้ผมได้แต่ยื่นมือไปบีบมือไอ้บอยจนแน่น



"อยู่แบบนี้ไปสักพักได้ไหมวะ..สักสิบนาทีพอ กูขอจับมือมึงแบบนี้ไว้สักสิบนาที"
ไอ้บอยหลับตา พูดพึมพำ

"อืม..."  แค่จับมือไม่น่าเสียหายอะไร อีกอย่างวันนี้บอยทำให้ผมรู้สึกบางอย่าง
ความรู้สึกบางอย่างที่แปลกๆที่เกิดขึ้นในมุมนึงของหัวใจ ไม่ใช่ความเห็นใจ ไม่ใช่ความรัก
ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าคืออะไร แต่รู้แค่ว่ามันอบอุ่น อบอุ่นจริงๆ สิ่งที่บอยพูดมาในวันนี้

"ถ้าไอ้คิมมันทำมึงเสียใจวันไหน กูไม่ปล่อยมันไว้แน่ กูสาบาน.."



ณ ร้าน K-BBQ HOUSE ร้านอาหารเกาหลีเปิดใหม่ หน้ามอ



"กินๆ กินเยอะๆ จะได้โตเร็วๆ" ไอ้บอยพูดพลางคีบแครอทจากชามมันมาให้ผม

"โตเร็วๆบ้านมึงให้แครอทหรอ เนื้อสิ เนื้อ โปรตีนอ่ะ ไม่คีบให้กูบ้างหรอ?"

"ก็เนื้อกูจะกิน"

"มึงอยากคีบให้กู หรือมึงอยากเขี่ยแครอท เอาให้แน่ๆ"

"กูเกลียดแครอทอ่ะ" เอ้าไอ้ห่า เกลียดแล้วจะมาโบ้ยใส่จานกูทำไมวะ ผมทำหน้างงๆ

แต่ก็รับแครอทที่มันคีบมาให้ ผมตักแครอทใส่ปาก พลางดูทีวี ที่ร้านกำลังเปิดอยู่

"ต่อไปเป็นข่าว...."



"ร้านนี้อร่อยดีนะ..ลองมาครั้งแรก ไม่คิดว่าจะอร่อย เห็นบอกว่าเปิดใหม่"

"สั่งอีกไหมล่ะ.. พี่ครับ ขอเกี๊ยวซ่าเผ็ดเพิ่มด้วยครับ" ไอ้บอยโบกมือเรียกพนักงาน

"ดีละ..เห็นมึงกินได้เยอะแบบนี้ค่อยดีหน่อย" ไอ้บอยยิ้ม แต่ดูเหมือนรอยยิ้มนั้นต้องหุบฉับทันตา
เนื่องจากไอ้บอย เห็นอะไรบางอย่างกำลังมา สงสัยเป็นพายุครับ พายุลูกใหญ่กำลังมาที่ร้าน

พี่คิม พี่หมวย กำลังเดินเข้าร้านมา แต่วันนี้พี่หมวยกลับแต่งตัวมาในชุดลำลอง

"อ้าว น้องแอร์ มาทานข้าวหรอคะ?" พี่หมวยถาม พลางเอามือมาแตะไหล่ผมเบาๆ

"ใช่ครับพี่ มาลองกินดูครับ มาครั้งแรกเลย" ผมยิ้มให้พี่แอร์ทั้งๆที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ

"นี่ร้านพ่อพี่เอง แอร์ลองสั่งเกี๊ยวซ่าดูหรือยัง อร่อยนะ.. อ้าวสั่งกันสิ จะกินอะไรสั่งเลยไม่ต้องเกรงใจ"
พี่หมวยหันไปบอกพี่คิมว่าให้สั่งอาหาร แต่ดูเหมือนพี่คิมจะเอาแต่มองผม
กับบอยตลอดเวลา ไม่ได้สนใจเมนูเลย จนพี่หมวยต้องส่งสายตาพิฆาตไปยังพี่คิม ซึ่งผมนั่งกันอยู่คนละโต๊ะ
ยังสัมผัสได้ถึงพลังของสายตาพิฆาตของพี่หมวย


"เอานี่ แล้วก็นี่ แล้วก็นี่ เอาซุปด้วยนะ" เสียงพี่คิมสั่งอาหาร
กินหมดหรอวะ แม่งสั่งซะเยอะเลย ผมคิดในใจ พร้อมมองไปทางพี่คิมที่กำลังจิ้มๆเมนูอาหาร

"ข้าวยำเกาหลีอร่อยปะ?อันนั้นอะไรอ่ะ เบค่อนหรอ?"
มันถามใครวะ เอ้า...ถามกูหรอ? คือมึงทำตัวปกติดีเนอะ เรื่องวันนั้นนี่กูถือว่าไม่มีอะไรแล้วกันเนอะ..ไอ้ห่า


"ถามผมหรอ..?"

"เปล่า ถามไอ้แว่นอะ ไอ้แว่นที่เอ๋อๆอ่ะ"
นั่น...ไอ้พี่คิมกวนตีนกูเฉย

"ก็พี่ตะโกนข้ามโต๊ะมา แอร์มันจะรู้มั้ยล่ะครับว่าพี่ถามมัน" ไอ้บอยกลับหลังหันไปมองหน้าพี่คิม
พร้อมชักสีหน้าว่ารำคาญเต็มทน

"มึงใจเย็นๆ..พี่เขาแซวกูเล่น" ผมเอาเท้าสะกิดขาไอ้บอย พร้อมบอกมันว่าใจเย็นๆ

"มึงช่วยไนซ์กับคนที่กูชอบหน่อย..ใจเย็นๆพี่เขาถามเฉยๆ"


"ตกลงกินไรอ่ะ.." ยัง...ยังอีก มึงยัังถามไม่จบนะ ไอ้พี่คิม มึงจะสร้างบรรยากาศมาคุไปถึงไหนเนี่ย
ไอ้บอยตอนนี้ก็ทำหน้าหงิกเป็นส้อมแล้ว

"ข้าวยำเกาหลีเบค่อนครับพี่....พี่คิม"  จบ..เลิกถามกูได้ยัง

"เอาแบบนี้อีกชามครับ" พี่คิมยกมือเรียกพนักงานมารับออเดอร์



"สั่งๆๆ กินให้หมดนะ ไม่หมดนี่จะจับยีหัวให้" พี่หมวยแผดเสียง

"แล้วจะนั่งแยกโต๊ะทำไม เวลานี้โต๊ะยิ่งไม่พอนั่ง มาๆมานั่งด้วยกันนี่เลย" พี่หมวยหยิบแก้วน้ำตัวเอง
กับของพี่คิมมาวางที่โต๊ะผมกับไอ้บอย หน้าไอ้บอยตอนนี้ผมไม่กล้ามองเลยครับ...


"เขยิบไปดิ๊.." พี่คิมลากเก้าอี้มานั่งข้างผม
ผมเขยิบไปตามที่ท่านชายเขาสั่ง แต่ไม่วายตอนอาหารมาเสิร์ฟ แม่งยังมมาชวนผมคุยเรื่องชมรมอีก

"แล้วไงอะ คิดไว้ยังจะเล่นเพลงไร เลือกดีๆนะ เพราะเราต้องเล่นด้วยกัน"
ผมอ้าปากเหวอ รู้อยู่ครับว่า สิ้นปีงานแสดงชมรมพี่คิมก็มีคิวแสดง ผมก็มีคิวแสดงของผม
แต่ไม่ยักรู้ว่าต้องซ้อมด้วยกัน แสดงด้วยกัน

"จริงหรอครับพี่หมวย" ผมหันหน้าไปถามพี่หมวย

"จริง" พี่หมวยตอบด้วยสีหน้าเรียบๆ

"สนิทกับพี่ไว้ดีกว่านะ...น้องแอร์..." พี่คิมเอามือมาวางไว้ที่ขาอ่อนผมอีกแล้ว เหมือนวันนั้นเลย
ตกลงยังจำเรื่องวันนั้นได้จริงๆสินะ ไอ้พี่คิม



"กูไปละ..ไปนั่งร้านเหล้าปั่นกับพวกไอ้บุ๊คดีกว่า" อยู่ดีๆไอ้บอยก็ลุกขึ้นยืนแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย

"ผมไปละเจ๊.."ไอ้บอยยกมือไหว้ พี่หมวย

"ฝากส่งแอร์ด้วยนะพี่คิม...อย่าให้มัันกลับคนเดียวนะ" มันเดินออกจากร้าน พร้อมโบกมือจากด้านหลัง

"ได้....." พี่คิมทำหน้างงๆ แต่ก็ตบปากรับคำไอ้บอยมาแบบงงๆ


ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาพี่หมวยทั้งหมด และดูเหมือนพี่หมวยจะเดาได้ไม่อยาก ว่าไอ้รักสามเศร้า
นี้มันจะวุ่นวายขนาดไหนหลังจากนี้ สมกับที่เค้ามีคำว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนจริงๆ

"อย่าให้มีปัญหาแล้วกัน.." พี่หมวยพูดพึมพำพร้อมตักข้าวใส่ปาก

"หมวยว่าไรนะ" พี่คิมถาม

"เปล๊าาาาาาาาาาาา" พี่หมวยกรอกตาไปมา

"เดี๋ยวหมวยจะไปอาบน้ำแล้ว วันนี้พ่อไม่อยู่ นี่ต้องมาช่วยทำบัญชีร้านของวันนี้ให้อีก"
พี่หมวยพูดพลางเดินไปยังโต๊ะเหล็กหลังร้าน ที่ดูเหมือนจะเป็นโต๊ะเก็บเงิน

"ไม่ต้องจ่ายนะ พี่เลี้ยง"

"ได้ไงล่ะพี่หมวย ผมตั้งใจมากินนะพี่" ผมบ่นอุบ เนื่องจากพี่หมวยจะเลี้ยง แค่นั้นยังไม่พอ
พี่หมวยหยิบขนมในร้านสองกล่อง ใส่ถุงให้ผมกับพี่คิมไปกินด้วย


"เอาไปเถอะน่า หมวยมันรวย มันอยากแจกก็รัับๆไว้" พี่คิมเหลือบตาดูขนมในถุง

"ไปเดินตลาดไหม..อยากเดินไหนก่อนไหม ไม่ต้องกลัวดึก เดี๋ยวพี่ไปส่ง"



"ไม่เป็นไรครับพี่คิม ผมอยากกลับหอละ แค่ไปส่งก็พอครับ" ผมบอกปัดไป แต่ในใจก็อยากถาม
เรื่องเมื่อวันก่อนให้รู้แล้วรู้รอด ไม่รู้จะเอาไงดี จนได้ยินเสียงเตือนไลน์ในมือถือ

*********************************

BOYD : กลับดีๆล่ะ

BOYD : ไม่ต้องคิดมากเรื่องกู ...กูโอเค

BOYD : /แนบรูป  ไอ้บอยชูสองนิ้ว ถ่ายรูปอยู่กับไอ้บุ๊ค กับกลุ่มเพื่อนที่ร้านเหล้าปั่น

BOYD : กูลืมเอากุญแจห้องไป ... เอากุญแจทิ้งไว้ที่กระถางต้นไม้หน้าห้องให้หน่อย...กูกลับดึก

*********************************


"พี่ขี่มอ'ไซด์มานะ นั่งเป็นเปล่า" พี่คิมถามผม

"เป็น...ครับ.." วันนี้กูต้องถามเรื่องวันก่อนให้ได้ แต่จะถามยังไงดีว้า

"เกาะไหล่ก็ได้นะ ไม่ว่า" พี่คิมหันหน้ามายิ้มให้

"ขับไปเลย ไม่ต้องหันมาคุย เอ๊ย..." มอ'ไซด์มันสะดุดอะไรสักอย่างครับ เกือบล้มหมือนกัน

"บอกแล้ว ว่าให้จับไว้" พี่คิมพูดพลางดึงมือผมมาให้เกาะที่บ่า



เอาไงดีวะ อยากคุยแบบเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย อยากถาม แต่ก็กลัวในคำตอบ
กลัวว่าคำตอบของเรื่องนี้มันไม่มีอะไร แค่ลืม
คือพี่เขาไม่ได้รู้สึกอะไร เลยลืม ก็เท่านั้นเอง
....เอาวะ เป็นไงเป็นกัน


"พี่คิมจำแอร์ไม่ได้จริงๆหรอ"

"อะไรนะ...พี่ไม่ได้ยิน.. เสียงรถมันดังอ่ะ"



พี่คิมขี่รถมาจอดแถวหลังหอพักผม ตอนนี้ค่อนข้างดึกแล้ว เลยบรรยากาศเงียบมาก
วังเวงด้วย ทำไมวันนี้หอผมมันปิดไฟนอนหมดเลยวะ ?


"เมื่อกี้ว่าอะไรนะ พี่ไม่ได้ยิน" พี่คิมถอดหมวกกันน๊อคออก พร้อมเลิกคิ้ว

"ผมถามพี่ว่า พี่จำผมไม่ได้จริงๆเหรอ? ตอนนั้นผมไปสารภาพรักกับพี่เลยนะเว้ย!"

"ผ่านมาแค่สองปี ทำไมลืมกันง่ายขนาดนี้อ่ะพี่ ...ผมไม่เชื่อ"

"หรือว่าพี่ลืมจริงๆ... ถ้าลืมจริงๆ ผมจะได้ทำใจ และเข้าใจ ว่าผมไม่ได้สำคัญอะไรกับพี่เลย"

"หรือผมเป็นแค่รุ่นน้องทั่วไป คนหนึ่ง ที่พี่มองผ่านไปเฉยๆ"



พี่คิมอ้าปากค้าง ผมเองก็หน้าแดงหูแดงไปหมด เรียกว่าสิ่งที่จะพูด จะที่อยากจะระบาย
มันออกมาหมดแล้ว ณ เวลานี้

"เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆแอร์..."พี่คิมวางหมวกกันน๊อคไว้บนมอ'ไซด์ พร้อมยื่นมือจะเข้ามาจับ

"พี่ขออธิบายก่อน ให้พี่อธิบายก่อนนะ"

"ไม่ต้องมาพูด..."

"จริงๆพี่จำได้ใช่ไหมล่ะ..แต่พี่ไม่ได้ชอบแอร์  พี่เลยคิดว่าการลืมน่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด"

"..........."

"ไม่มีใครอยากลืมเรื่องในอดีตหรอกนะ..แอร์ ความทรงจำ..ไม่ว่าดีหรือร้าย มันก็คือสิ่งสำคัญ"
พี่คิมถอนหายใจ ทิ้งตัวลงบนม้านั่งสีขาว ม้านั่งตัวนี้คือตัวที่ผมนั่งประจำ เวลาผมเบื่อๆบรรยากาศในห้อง
ผมก็ออกมานั่งสูดอากาศตรงนี้


"ยังไงแอร์ก็จะฟังเหตุผลให้ได้เลยใช่ไหม?"

"....."

"งั้นพี่ก็จะเล่าให้ฟัง..."

TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 14:35:37 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
อย่าลืมแปะกฎเล้านะจ๊ะ  :L2: :L2: :L2:

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
LOVE ♥ SONG
«ตอบ #6 เมื่อ19-09-2017 19:09:55 »

แปะแล้วจ้า  :z1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-09-2017 11:36:22 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรักตอนที่ 3

เรื่องในอดีตของคิมหันต์


"คิม...เตรียมตัวพร้อมที่จะแข่งแล้วใช่ไหม..เขาเปลี่ยนที่แข่งแล้วรู้หรือยัง?"

"เสื้อใส่ในกางเกงด้วย ... "

"ไทด์สีเข้มไปหรือเปล่า?"

หมวยเป็นผู้หญิงที่สร้างความรำคาญให้กับผมได้เสมอๆ ไม่ว่าจะเวลาไหน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร
ถ้าไม่ติดว่าเป็นผู้หญิงและหมวยเป็นเพื่อนสนิทผม ผมคงตะเพิดแม่งไปแล้ว

"ยุ่งน่า...หมวย" ผมสะบัดหน้าหนีออกจากหมวย ที่พยายามจะผูกไทด์ให้ผมใหม่

"ไม่ยุ่งไม่ได้ หน้าที่รองประธานชมรม จะปล่อยให้งานโชว์ประจำปีเราผิดพลาดไม่ได้"

 วันนี้บอกตามตรง ผมค่อนข้างสบายๆ ไม่เกร็งเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าใช้เวลาซ้อมมาก็เยอะพอสมควร
การเดี่ยวเปียโนอาจจะตึงมือและสร้างความเครียดได้พอสมควร สำหรับบางคนที่อ่อนสนาม
แต่ผมมีชั่วโมงซ้อมมากกว่า ห้าพันชั่วโมง การแข่งวันนี้ผมค่อนข้างมั่นใจว่า ชนะแบบใสๆ

"ไงหมวย สวัสดีครับพี่คิม" ไอ้หมอนี่อีกละ ไอ้ตัวเต็งม้ามืดประจำปีนี้ วันนี้มันแต่งตัวเต็มยศเลยโว้ย..
ใส่ทักซิโด้ ผูกหูกระต่าย ..ผู้ชายอะไรวะ สวยเป็นบ้า ผมยาวสลวยเป็นประกาย สะท้อนกับสปอร์ตไลท์บนเวทีเชียว

ไอ้หมอนี่ที่มาทักทายผม ชื่อกานต์ครับ ตัวเต็งประจำปีนี้ ลูกของนักการเมืองชื่อดัง
รวยไม่พอแถมมีพรวรรค์ด้านดนตรีอีก เรียกว่าครบ แถมพ่อยังเส้นใหญ่อีกตังหาก

"หมวยน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ" แหม..ชมออกนอกหน้าเลยนะมึง ไม่ค่อยเลย ไอ้หมวยเพื่อนกูนี่
สติสตังแทบไม่อยู่กับตัวแล้ว เจอผู้ชายชมนิดหน่อย หรือว่าสองคนมันมีซัมติงกันวะ ลองแหย่มันสักหน่อยดีกว่า

"หมวยมันน่ารักตลอดแหละ เวลาที่มีผู้ชายน่ารักๆอยู่ใกล้ๆ เวลาผมอยู่คนเดียว มันค่อยแปลงร่างเป็นนางมาร"

"อีคิม...!!เงียบไปเลยนะแก" แลดูหมวยจะโกรธผมแบบจริงจัง ที่ขัดลาภมัน นานๆจะมีเด็กหนุ่มๆมาติดกับ

"พี่คิมก็น่ารักครับ เวลาอยู่กับพี่คิม พี่หมวยไม่น่าแปลงร่างหรอกครับ" เอ้า..ไอ้เด็กนี่มันยังไงวะ หยอดกูเฉย

"ล้อเล่นครับ.....ผมไปก่อนนะ เดี๋ยวเจอกันที่เวทีครับ" กานต์มันโบกมือให้ผมกับหมวย
พร้อมแบกกล่องไวโอลินที่ดูขนาดใหญ่เกินตัวไว้ที่บ่า เดินโงนเงนไปมาจนออกจากประตูห้องซ้อมไป

"น่ารักเนอะ"ผมพลั้งปากพูดออกมาจนได้

"น่ารักกับผีสิ..กานต์เค้าเป็นคู่แข่งเอ็งนะ" หมวยกลอกตาไปมา

"ตั้งใจหน่อยนะคิม กานต์มันเล่นไวโอลินเก่งมากเลยนะ"

"แล้วกูไม่เก่งไง?...กูเนี่ยความหวังชมรมเลยเหอะ..ปกติประธานชมรม เขาไม่มาลงแข่งด้วยหรอก
ปล่อยเด็กๆเล่นกันไปดีกว่า กูเอาเวลาแข่งไปจีบน้องเฟรชชี่ดีกว่าป่ะ ปีนี้แม่งเด็ดๆทั้งนั้น"
ผมเถียงไอ้หมวยอย่างเอาเป็นเอาตาย

"กานต์เขาเก่งนะ...เรียนก็หนักเล่นก็หนัก ทั้งๆที่ภาระทางบ้านเค้าก็มี..วุ่นวายมาก การเป็นลูกนักการเมืองท้องถิ่น
ทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็โดนเพ่งเล็ง.. กานต์เวลาเรียนก็ตั้งใจเรียน"
หมวยแลดูจะแคร์เพื่อนที่ชื่อกานต์นี่เหลือเกิน เห็นว่าเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กๆของหมวย
เคยบ้านอยู่ใกล้กันมาก่อน ตอนหลังหมวยย้ายบ้านมาอยู่แถวมหา'ลัย เลยห่างๆกันไป จนกระทั่งมาเข้าเรียนที่เดียวกันโดยบังเอิญ

"เออๆรู้แล้วว่าเก่ง ..แหม กูแตะไม่ได้เลย... เพื่อนมึงเนี่ย"

ผมรีบจัดเสื้อผ้าให้เนี๊ยบ เปลี่ยนไทด์เป็นสีดำตามที่หมวยขอ

"ผูกดีๆหน่อย โตป่านนี้ยังผูกไทด์ไม่เป็น ไม่อายหรอ?" หมวยหัวเราะ

"เออน่า รีบไปเหอะ ไม่รู้ว่าที่แข่งใหม่สภาพตอนนี้เป็นไง ตึกเก่าก็เก่า ไม่รู้จะไปตึกนั้นทำไม"

ผมบ่นอุบอิบ พลางผููกไทด์ใหม่ เรื่องของเรื่องที่ผมไม่พอใจคือไม่ใช่อะไร คือตึกตอนแรกที่ตกลงว่า จะใช้เป็นสถาณที่แข่ง คือหอประชุมสองที่ผมกับหมวยยืนอยู่นี่ แต่นึกยังไงไม่รู้เหมือนกัน ถึงมีคำสั่งมาให้เปลี่ยนสถาณที่ ไปใช้อาคารหนึ่ง แทน ผมไม่ชอบอาคารหนึ่งเลย เพราะอาคารหนึ่งคือตึกที่ติดมาพร้อมๆกับตอนสร้างมหา'ลัย ตอนแรกเป็นโบสถ์เก่า แต่สุดท้ายทางโบสถ์มีเหตุผลบางประการ ที่ดำเนินกิจการของโบสถ์ต่อไม่ได้ เลยบริจาคให้สถาบันการศึกษา เพื่อเอามาใช้ประโย ชน์ใช้สอยตามต้องการ เรียกว่าข้าวของเครื่องใช้ ของตกแต่งที่อาคารนี้ เป็นของเก่าทั้งหมด เว้นแต่ว่าเครื่องเสียงใหม่ ลำโพงใหม่เอี่ยม เพราะว่าเพิ่งได้รับบริจาคมาสดๆร้อนๆจากผู้ไม่เอ่ยนาม

สงสัยเป็นเพราะเหตุผลนี้ล่ะมั้ง ที่อยากให้มาประกวดที่อาคารหนึ่ง



"โอ้ย...ฉันเดินขึ้นบันไดขาจะลากอยู่แล้วนะ...ลิฟท์ก็ไม่มี" หมวยหยิบผ้าเช็ดหน้าสีชมพูจากกระเป๋า มาเช็ดหน้าตัวเอง เนื่องจากตึกเก่า แอร์ก็เก่าตาม พังบ้าง เปิดไม่ติดบ้าง

"อย่าบ่นน่า...งานมีวันเดียว ทนๆเอาหน่อย สักเย็นๆก็จบแล้วแหละ" ผมปรามหมวยที่บ่นมาตลอดทาง
พร้อมเอามือจุ๊ปากบอกให้ลดเสียงลงหน่อย เพราะดูเหมือนในห้องโถงคนมากันเกือบหมดแล้ว
ที่เก้าอี้ที่นั่งต่างส่งเสียงดังแอ๊ดๆ เนื่องจากเป็นเก้าอี้ไม้ยาวทั้งหมด
หน้าต่างทุกบานต่างถูกฉลุสีสันฉูดฉาดตามสไตล์โบสถ์คริสเตียนเก่า

ตอนนี้เข้าสู่ช่วงการแสดงละครของคณะนิเทศฯ ที่ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่าแสดงเรื่องอะไร น่าจะอีกสักพักใหญ่ๆ
ถึงจะเข้าสู่ช่วงแสดงของชมรมดนตรี

โคมระย้าเล็ก ใหญ่ ที่ห้อยอยู่เหนือเวทีแสดงต่างแกว่งไกวเล็กน้อยตามเสียงปรบมือ แว๊บนึงผมมีความรู้สึกประหลาดเล็กๆ
ที่บอกไม่ถูกเกิดขึ้นในใจ แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
แต่บอกได้แค่ว่ามันชวนน่าอึดอัด และไม่สบายใจเอาเสียเลย

"ไปหลังเวทีได้แล้วมั้งคิม เดี๋ยวหมวยอยู่แถวนี้แหละ พ่อกานต์เค้าจองที่ไว้ให้หมวยแล้ว"
หมวยพูดพลางชี้ไปแถวหน้าสุดที่ดูเหมือนเก้าอี้เสริมพิเศษ ที่ไว้สำหรับคนใหญ่คนโตมานั่งหรือไม่ก็ประธานเปิดงาน

"ไม่หน้าไปหน่อยหรอวะหมวย"

"เออก็เขาจัดมาให้แบบนี้...ดีแล้วจะได้มองมึงชัดๆไง"

"มองกูหรือมองกานต์"

หมวยไม่ตอบอะไร และไม่คิดจะอธิบายให้ผมฟังด้วยว่า เพื่อนในวัยเด็กคนนี้ มีความสำคัญกับหมวยมากแค่ไหน
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าสำคัญในแง่ไหน แต่ดูหมวยยินดีกัับกานต์ในวันนี้มากๆ มากกว่ายินดีกับผมเสียอีก
มีข่าวลือว่าหมวยเอ็นดูเพื่อนคนนี้มากจนเหมือนน้องชายคนนึงสงสัยน่าจะจริง



หลังเวทีวุ่นวายเป็นที่สุด ไม่ใช่เพราะนักดนตรีของชมรมดนตรี แต่เป็นเพราะกลุ่มละครเวทีของคณะนิเทศฯ
ที่หอบอุปกรณ์อะไรมากันนักหนา บางคนถือคบเพลิง บางคนถือถุงขยะ บางคนก็ทาหน้าทาปากเหมือนคนบ้า

ผมเองเป็นประธานชมรมดนตรีที่ค่อนข้างเกเรมาก สมาชิกในชมรมผมเองตอนนี้ก็รู้จักอยู่ไม่กี่คน
ผมมองกวาดสายตาไปตอนนี้ ที่เข้าแข่งวันนี้เหมือนผมจะรู้จักอยู่แค่กานต์คนเดียว
นอกนั้นผู้หญิงอีกสองคนที่เล่นเปียโน ผมยังไม่รู้จักชื่อเลย

"วันนี้ ...สู้ๆนะ.." กานต์นั่งลงข้างๆผม พร้อมวางไวโอลินคู่ใจไว้ที่แขนสองข้าง

"เออ..มึงก็เต็มที่หน่อยแล้วกัน พี่ไม่ออมมือให้หรอกนะ" ผมพูดติดตลก

"แหมพี่...ผมสู้พี่ไม่ได้อยู่แล้ว ฝีมือเปียโนของพี่นี่ พวกปีหนึ่งเค้าให้ฉายากันด้วยซ้ำ"

"กูมีฉายาด้วยหรอวะ"

"มี แต่อย่ารู้เลยพี่ ฮ่าๆ"

"เอ้า...จะบอกไม่บอก ไม่บอกกูไม่ปล่อยนะเฟ้ย" ผมไม่รู้ตัวเองเลย ที่จู่ๆมือไม้ผมมันจะไวไปกว่าความรู้สึก
จู่ๆมือสองข้างผมก็ไปจับใบหน้าที่นุ่มๆเนียนๆของไอ้กานต์ซะงั้น

"พี่คิม..พี่คิม.."

"พี่คิม ปล่อยก่อนพี่" ไอ้กานต์เขินผมจนหน้าแดง ทำไมมันน่ารักขนาดนี้วะ หน้าตาน่ารักไม่พอ
ผมแม่งพริ้วชิบหาย มันใช้แชมพูอะไรสระผมวะ กูนึกว่าผมในโฆษณาทีวี

"ปล่อยผมก่อนพี่ คนมองเต็มเลย" ผมปล่อยมือทันทีที่รู้ตัว ผมเองก็งงๆเหมือนกัน ว่าจู่ๆไปจับแก้มมันได้ยังไง
แม่ง ดีที่หมวยไม่มาเห็นว่าผมแต๊ะอั๋งเพื่อนมัน ไม่งั้นมันคงแผดเสียงจนหูผมแตกเป็นเสี่ยงๆ



"ผมคิวสุดท้าย พี่คิมคิวรองสุดท้ายนะ" ไอ้กานต์ที่ยังหน้าแดงอยู่ ทำเป็นเปิดกระดาษที่บอกคิวอย่างลวกๆ
ยื่นมาให้ผมอ่าน ซึ่งผมก็มองผ่านๆไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่นัก เสียงเปียโนจากสาวสวยคู่แข่ง
ที่กำลังบรรเลงเพลงเร็วอยู่บนเวที ผมเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจเลย ตอนนี้เหมือนใจผมจะลอยไปกับสิ่งอื่นมากกว่า



"น้องคิม ถึงคิวแล้วค่ะ" สต๊าฟสาวรุ่นพี่ปีสี่ ที่ดูแลเวที เดินเข้ามากวักมือเรียกผมให้ขึ้นไปเล่นเปียโน ตามคิวที่จัดไว้
ผมแอบตกใจนิดหน่อย เพราะตามจริงแล้วคิวของผมน่าจะช้ากว่านี้ แต่เพราะว่ามีเรื่องฉุกเฉิน
คนแข่งเปียโนอีกคนไข้ขึ้นกระทันหัน คิวเลยถูกดันขึ้นมาเร็วขึ้นอีกหนึ่งคิว



บนเวที ผมตื่นเวทีเล็กน้อย จนเกือบลืมโค้งคำนับคนดู

"อย่าตื่นเต้นๆ มึงประกวดมาเป็นร้อยๆเวทีแล้ว"ผมขยับปากพึมพำกับตัวเอง

โอเค .. ทันทีที่ผมนั่งลง ผมเริ่มรู้สึกว่าผมควบคุมสติได้ ผมเริ่มบรรเลงเพลงไปเรื่อยๆ ไม่มีติดขัดใดๆ
ถึงท่อนช้าผมก็ผ่อนแรง ผ่อนความตึงเครียดจากปลายนิ้วอย่างแผ่วเบา ถึงท่อนเร็วผมก็ใส่พลังลงไปอย่างเกรี้ยวกราด
 ตอนนี้ผมแทบจะกลืนไปกับเปียโน และเพิกเฉยต่อการถูกเป็นสายตาจากคนนับร้อย ผมพยายามคิดว่าเวลานี้
มีแค่ผมคนเดียว ผมกำลังเล่นดนตรีให้ตัวเองฟัง

ทันทีที่เสียงเปียโนจบลง เสียงปรบมือดังขึ้น ผมรู้สึกได้ถึงภาระอันหนักอึ้งในวันนี้ได้จบลงแล้ว

ผมมองเห็นหมวยนั่งอยู่ด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ชายที่ใส่สูท ที่นั่งข้างหมวยก็ปรบมือให้ผมด้วย

นั่นคงจะเป็นพ่อของกานต์สินะ...



ผมเดินกลับเข้าหลังเวที นักแสดงละครเวทีของคณะนิเทศฯที่ยังเก็บของอยู่หลังเวทีบางส่วน ต่างจ้องหน้าผม
 เหมือนทำนองว่า ไอ้บ้านี่มันเล่นได้ขนาดนี้เลยหรอวะ ผมเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ผมไม่ได้คิดว่าผมเล่นดีนะ
แต่ผมว่าผมมีสมาธิมากที่สุด ในจำนวนคนที่แข่งมาทั้งหมด

 ตอนนี้พวกนิเทศฯเก็บของเสร็จหมดแล้ว ต่างพากันออกไปนอกห้องหมดแล้ว
ทิ้งไว้แต่เพียงเศษกระดาษม้วนๆจำนวนหนึ่ง กับถุงเสื้อผ้าถุงเล็กๆที่วางกระจัดกระจายอยู่

"พี่คิมชนะแน่ๆ ..." กานต์บอกผมด้วยใบหน้าที่เป็นกังวลเล็กน้อย ตอนนี้ตัวมันเองดูไม่มีความมั่นใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะผมเล่นดีไปอย่างงั้นหรือ?

"อะซูไรท์..." กานต์มันพูดพึมพำ

"ใช่ นั่นชื่อเพลงที่พี่เล่นเมื่อกี้ กานต์รู้จักหรอ?"

"ผมจะใช้เพลงนี้แข่งเหมือนกันพี่ !! ผมถึงไม่มั่นใจเลย ก็พี่เล่นดีซะขนาดนั้น!!"

เอ้า..ใช้เพลงเดียวกันซะงั้น มันบังเอิญไปไหมเนี่ย กานต์มันจะเปลี่ยนตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วด้วย

"ใจเย็นๆ พี่เล่นเป็นเปียโนนะ...ของกานต์เป็นไวโอลิน สัมผัสของเสียงมันต่างกัน" ผมพยายามปลอบกานต์
ตอนนี้กานต์ดูต่างจากทุกทีจริงๆ จากบุคลิกเดิมเป็นคนยิ้มแย้มแจ่มใส ตอนนี้กลายเป็นคนดูไม่มั่นใจเอาซะเลย

"เห้ย ใจเย็นๆน่า ซ้อมมาเยอะแล้วไม่ใช่หรอ จะกลัวอะไรล่ะ...มานี่..." อารมณ์ไหนไม่รู้ สงสัยผมจะบ้า
ผมดึงตัวไอ้กานต์ เข้ามาจูบอย่างไม่รู้เหตุผล มันเองก็ช๊อค ผมเองก็ช๊อคกับสิ่งที่ตัวผมทำ
แต่ดูเหมือนกานต์มันจะไม่ได้ขัดขืนอะไร มือข้างขวามันบีบแขนผมซะแน่น

"หายตื่นเต้นยัง...?" ผมถามกานต์หลังจากจูบเสร็จ กานต์เองพยายามดึงตัวออกจากผม

"ก็....." มันพูดไม่ออก ได้แต่เอามือลูบริมฝีปากตัวเอง มันไม่มองตาผมเลยครับ เอาแต่หลบตา

"ตื่นเต้นหนักกว่าเดิมสิ ...ไอ้บ้าเอ้ย!!! บ้า บ้า บ้า...!!" ไอ้กานต์รัวหมัดใส่แขนผมไม่ยั้ง

"โอ้ยๆ พี่เจ็บนะเนี่ย..."ผมบ่นพลางลูบแขนข้างที่โดนต่อย

"มีแรงขนาดนี้ ไม่ตื่นเต้นแล้วมั้ง ..ไป เอาที่หนึ่งมาเลยนะ"

ไอ้เวรเอ้ยกูก็แข่งอยู่ไม่ใช่หรอวะ ไปบอกให้เขาได้ที่หนึ่งเฉย ฮ่าๆ



กานต์ยกนิ้วโป้งให้ผม ก่อนที่จะขึ้นเวที ผมไม่ได้ตามออกไปหน้าเวทีเพื่อไปดู ตอนนี้ผมคิดว่า
นั่งฟังในห้องหลังเวทีก็เพียงพอแล้ว เพลงใช้หูฟังก็พอ ไม่จำเป็นต้องใช้ตาดูด้วย และแล้วก็เป็นไปตามที่ผมคาดไว้จริงๆ

กานต์เล่นได้ดีจริงๆ ผมว่าเล่นได้ดีกว่าผมอีก ผมเอง ช่วงต้นเพลงยังเล่นไม่ได้ขนาดนี้

สมแล้ว...ที่หมวยชม ว่าเก่งนักเก่งหนา

เสียงปรบมือดังอย่างท่วมท้น เมื่อเสียงไวโอลินของกานต์จบลง ผมยิ้มเล็กน้อย เพราะผมคิดว่า
 คงรู้ผู้ชนะในวันนี้แล้วล่ะ จะเป็นใครอื่นไม่ได้อีกแล้ว ถ้าวัดจากเสียงปรบมืออย่างท่วมท้น



"เป็นไง....ผมเล่นใช้ได้ไหมพี่" กานต์เดินกลับเข้ามาที่ห้องหลังเวที ยิ้มแฉ่งมาแต่ไกล

ต่างจากตอนก่อนแข่งเหมือนคนละคน

"ใช้ได้หรอ?...มันเกินคำว่าใช้ได้ไปเยอะแล้วล่ะ ..ฟังเสียงปรบมือสิ" ผมชมกานต์ มันเองก็รู้ดีว่าสิ่งที่ผมพูดไปนั้น
มันไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ยังไงวันนี้มันก็นอนมาแล้วล่ะ ที่หนึ่งแน่ๆ



"กรรมการขอใช้เวลารวบรวมคะแนน......" เสียงประกาศจากไมโครโฟนของพิธีกร



"ไปหาหมวยหน่อยมั้ย...พี่จะไปสวัสดีพ่อกานต์ด้วย" ผมพูดไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่หันมามองกานต์
กานต์ไม่ได้ตอบอะไรผม มัวแต่หน้าแดงหูแดง ไม่รู้เขินอะไร ผมยังงง

"มันเร็วไปไหมอ่ะ..เราพึ่งจูบกันเมื่อกี้นี่เอง จะไปหาพ่อผมแล้วหรอ?"

"เห้ยยยย ไม่ใช่อย่างงั้น พี่จะสวัสดีพ่อกานต์เฉยๆ"

"อ้าว...!"

"อ้าว....! นี่กานต์คิดว่า? "

"พี่คิมบ้า ไอ้บ้าเอ้ย!!"

อ้าว..กูทำอะไรผิดวะเนี่ย...??? อยู่ดีๆเทกูเฉย กานต์แม่งเก็บไวโอลินใส่กล่อง
แล้วก้าวฉับๆเดินออกจากห้องไปเฉย สงสัยเดินไปฟ้องหมวยแล้วมั้ง นี่ผมควรจะเดินตามออกไปง้อสินะครับ



"หา!!!!......ที่หนึ่งร่วม !" ผมกับกานต์ตกใจพอๆกัน หลังจากฟังข่าวผลคะแนนล่วงหน้าจากหมวย
ไม่ใช่ดีใจหรือเสียใจ แต่แค่ประหลาดใจในผลคะแนนจากกรรมการ
เพราะการที่คนสองคนจะคะแนนเท่ากันเป๊ะๆมันยากมาก

"ใช่ ที่หนึ่งร่วม เดี๋ยวขึ้นไปรอรับรางวัลพร้อมกันทั้งสองคนเลยนะ" หมวยพูดพลางเอามือมาปัดฝุ่นที่แขนเสื้อสูทให้ผม
พักนึงหมวยมองไปทางกานต์ ซึ่งมีฝุ่นเกาะที่หลังเสื้อเหมือนกัน หมวยเลยหรี่ตามองผมเล็กน้อย

"ไปทำอะไรกันมาเนี่ย ไปนอนคลุกฝุ่นกันมาหรอ" พี่หมวยพูดพลางเอามือตบๆที่หลังเสื้อของกานต์

"ไปได้แล้ว ทั้งคิม ทั้งกานต์ ไปรอรับรางวัลได้แล้ว วันนี้อธิการมามอบเองเลยนะ..นี่ๆๆ..ไทด์ๆ

ใส่ให้มันดีๆหน่อย จะคลายออกทำไม วันเดียวเอง อดทนหน่อย"

"บ่นจัง บ่นเหมือนพ่อกูเลย" ผมโบ้ยใส่หมวย เพราะเห็นวันนี้มันพูดเยอะเหลือเกิน

"พ่อผมไปไหนหรอครับหมวย.."กานต์ถามพร้อมชะเง้อคอหาพ่อ

"ไม่รู้อ่ะ เห็นรับโทรศัพท์ แล้วเดินออกไปข้างนอกนะ" หมวยตอบ



ผมเดินนำหน้าขึ้นเวทีไปรอรับรางวัล โดยมีกานต์เดินตามอยู่ติดๆ

"ถ่ายรูปหน่อยไอ้คิม มึงนั่งตรงเปียโนอ่ะ เออแบบนั้นแหละ..สวยๆ นิ่งไว้นะ" ช่างภาพของมหา'ลัยตะโกนขึ้นมาบนเวที
ให้ผมถ่ายรูปกับเปียโน ส่วนไอ้กานต์มันเลยกระเถิบถอยหลังไปหน่อย

"น้องกานต์ มาถ่ายด้วยกันครับ ชมรมช่างภาพพี่รวยแน่ๆ ถ้าได้ภาพทั้งสองคนถ่ายด้วยกัน" กานต์มันเลยเดินกลับมา
ถ่ายคู่กับผมบนเวที ช่างภาพก็ไม่รู้ว่าแม่งจะจิ้นอะไรขนาดนั้น กดชัทเตอร์รัวๆ

"วันนี้ไปกินข้าวกันนะ" กานต์กระซิบผมบนเวที

"อืม..ค่ำๆนะ" เอาละโว้ย..กูจีบติดละใช่ปะแบบนี้ เย็นนี้แม่งจะแต่งตัวให้หล่อเลย มีแฟนเป็นตัวเป็นตนสักที



"โครม !!! เพล๊ง !!!!!" โคมระย้าตกลงมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีมีขลุ่ย และตามด้วยเสียงหวีดร้องจากฝูงชนในห้องโถง
ผมเองก็สติเลือนลาง รับรู้ได้แต่ว่ามันเจ็บมากๆ ผมเห็นภาพเบลอๆของหมวยตะโกนชี้นิ้วไปมาอย่างคนเสียสติ
คนจำนวนมาก เพื่อน กลุ่มช่างภาพ กำลังวิ่งเข้ามาประคองผม และภาพทั้งหมดก็ค่อยๆกลายเป็นสีเทา
จนกระทั่งมืดลงไป...จนดำสนิท...

นี่ผมกำลังจะตายใช่ไหม?

★★★★★★★★★★★★
มีต่อ
★★★★★★★★★★★★
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-09-2017 13:15:51 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
งานศพของกานต์ ถูกจัดขึ้นมาท่ามกลางความเศร้าโศกอย่างเกินบรรยาย
พ่อของกานต์ที่แต่เดิมที่มีมาดบุคลิกมาเฟียนักการเมืองท้องถิ่น ตอนนี้สภาพแทบเหมือนคนเสียสติ
ผมเองถึงมีชีวิตรอดมาได้ แต่สภาพตอนนี้ก็ไม่ได้ดูดีกว่าคนตายสักเท่าไหร่นัก ทันที่ที่ผมได้สติบนเตียงโรงพยาบาล
ผมเห็นหน้าพ่อกับไอ้หมวย ผมถามคำเดียว ผมรอดได้ไง

"ฝ้ามันเก่ามาก พอมีงานแสดง งานดนตรี มันกระเทือน มันเลยถล่มลงมาหมด"

"พ่อกลัวแทบตาย หมวยบอกเลือดท่วมตัวเราเลยนะ..รู้ไหม"



ที่งานศพ ผมลากสังขารมาด้วยไม้ค้ำ จนหมวยที่นั่งอยู่ที่เก้าอี้ต้องลุกมาพยุง

"ไม่..ไม่เป็นไร...กูไม่เจ็บเท่าไหร่" ผมเองพยายามปฏิเสธหมวยที่เข้ามาช่วย
แต่จนแล้วจนรอดก็จนใจในสังขารตัวเอง ต้องเอามือข้างขวาพาดไหล่ไอ้หมวย ให้มันพามานั่งที่เก้าอี้

หมวยเองที่แต่งตัวชุดดำกับรองเท้าส้นสูงที่ดูเหมือนจะผิดคู่ผิดข้าง สวมแว่นดำอันเล็กกว่าขนาดรูปหน้า
จนผมสามารถมองเห็นรอยแดงรอยช้ำจากหางตา หมวยไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว
ไม่มีคำแสดงความเสียใจ ไม่ร้องไห้ ไม่ฟูมฟาย

"เกินกว่าจะพูดคำว่าเสียใจ...." นี่คือประโยคแรกในวันนี้จากปากหมวย
เสียงนั้นฟังดูแทบไม่เหมือนคนปกติเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนเสียงที่ผ่านการตะโกน
ผ่านการร้องไห้มาทั้งวันทั้งคืน มันแหบพร่า และโศกเศร้าอย่างที่สุด

"ใจกูมันแตกเป็นเสี่ยงๆ...กานต์มันไม่สมควรจะต้องมาตายสภาพแบบนี้..กู..."
ผมพูดไปได้ไม่ทันจะจบประโยค น้ำตาลูกผู้ชายของผมมันก็ไหลออกมา
ผมเอาหน้าไปซบไหล่ไอ้หมวยอย่างไม่มีความอายใดๆ มันเองก็เอามือลูบหัวผมเพื่อปลอบ
 ผมรู้ว่ามันก็คงเจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าผม

"กูกับกานต์เกือบจะได้คบกันแล้ว...ถ้ามันไม่...ฮึก..ฮือ..ไม่รีบไปซะก่อน" ผมบีบมือไอ้หมวยแน่น
หมวยเองก็ตัวสั่น สั่นจริงๆ ถึงแม้จะไม่ได้มีน้ำตาออกมาให้ผมเห็น แต่ผมรู้ว่าในใจของมันตอนนี้ก็คงกำลังกรีดร้องอยู่

"เกินกว่าจะพูดว่าเสียใจ..มันเกินไปจริงๆ" หมวยพูดคำนี้ขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าสติของหมวยตอนนี้
ดูไม่สมประกอบเท่าไหร่ เพราะเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำๆ

"หมวย...! หมวย...! ช่วยด้วยครับ คนเป็นลม ขอยาดมหน่อย" ผมช๊อคหนักกว่าเดิม จู่ๆหมวยก็เป็นลม
ตกจากเก้าอี้นั่งข้างๆผมจนแขนซ้ายถลอกเป็นแนวยาว เนื่องจากตอนล้มไถลแขนไปกับพื้นคอนกรีด

ตอนนี้ในงานศพทุกคนต่างกุลีกุจอหาพัด หายาดม หาผ้าพันแผลมาปฐมพยาบาล



"กลับก่อนไหม...ไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย" ผมถามหมวย หมวยที่ตอนนี้ได้สติแล้ว ถอดแว่นหรี่ตามองผมอย่างรำคาญ

"คนที่ฝืนน่าจะเป็นมึงหรือเปล่า ดูสภาพตัวเองด้วย" ก็จริงอย่างที่มันว่า สภาพผมตอนนี้ดูไม่เหมือนคนเลยดีกว่า
ผ้าพันแผลพันครึ่งหัว ขาซ้ายก็เดินแทบไม่ได้

 แถมหมอบอกอีกว่าสมองกระทบกระเทือน ถึงขั้นอาจจะต้องสูญเสียความทรงจำ

"กูไม่เป็นไร กูยังจำอะไรๆได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ไว้กูลืมชื่อมึงวันไหนมึงค่อยห่วงกูนะ"
ผมพูดอย่างติดตลก แต่จริงๆมันไม่ตลกเลย ผมจำเรื่องราวระยะสั้นๆที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ก็จริง
แต่ดูเหมือนความทรงจำเมื่อสามสี่ปีก่อน ผมจำไม่ได้เลย พยายามนึกเท่าไหร่ ก็เห็นแต่ภาพเบลอๆ
นอกจากนั้นยังเจ็บหัวทุกครั้งในเวลาที่พยายามจะนึกถึงเรื่องราวเก่าๆอีก



งานศพแบบคริสเตียนนี่มันเศร้าจริงๆนะครับ ต้องให้เพื่อน พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ออกมากล่าวเรื่องราวชีวิต
 คุณงามความดีของเขาเมื่อยามยังมีชีวิต ผมทนฟังไม่ได้ ต้องขอตัวพยุงตัวเองเดินออกมา หมวยเองก็ด้วย
แลดูจะทนกับสภาพแบบนี้ไม่ไหว เลยต้องก้าวขาเดินตามผมออกมา

"...อยู่ข้างบนโน้น อย่าดื้อล่ะกานต์" ผมทิ้งตัวนั่งลงที่ต้นไม้ ตามองท้องฟ้า บ่นพึมพำ

"เขาไปสบายแล้ว เราคนเป็นสิ ต้องสู้ต่อ" หมวยนั่งลงข้างๆ พร้อมยื่นน้ำเปล่ามาให้ผมดื่ม

"มันเจ็บรู้ไหมว๊ะ ! ทำไมกูไม่ตายตามกานต์ไปซะให้รู้แล้วรู้รอด ...ฮึก"

 ผมยกมือสองมือขึ้นมาปิดหน้า น้ำตามันไหลออกมา อย่างห้ามไม่ได้

พระเจ้า...คงลงโทษสั่งสอนเพลย์บอยสารเลวอย่างผม ให้รู้คุณค่าของความรัก
ให้รับรู้ถึงความเศร้าโศกกับการสูญเสียคนที่เรารัก แล้วทำไมถึงไม่พรากชีวิตกูไปด้วยเลยเล่า ....


"หมวยเชื่อว่าสักวัน...คิมต้องเจอคนที่รักคิมอีกแน่" หมวยพูดพลาง ลูบหลังผมอย่างช้าๆ


TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 14:36:33 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรักตอนที่ 4


ผมไม่มีอารมณ์จะทำอะไรสักอย่างในช่วงสองสามวันมานี้​ ซ้อมไวโอลินก็ไม่ได้จับมาสองวันแล้ว
แม้แต่เรื่องการเรียนที่คนอย่างผมไม่เคยขาดเรียนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่ได้เข้าเรียนมาแล้วสองวัน

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องบอยกำลังจะย้ายออกหอ หรือเพราะที่พี่คิมเล่าเรื่องกานต์

"ข้าวเช้าๆ...!มีปาท่องโก๋" ผมยังไม่ทันจะคิดอะไรต่อ เสียงไอ้บอยที่โหวกเหวก ก็ดังจากบานประตู

"กูไม่หิว" ผมบอกปัดไป โดยหันหน้าหนีเข้าซอกเตียง

วันนั้นที่บอยบอกว่าจะกลับดึก ให้ทิ้งกุญแจไว้หน้าห้อง สรุปแล้วก็ไม่ได้กลับ หลังจากที่ผมคุยกัับพี่คิมวันนั้นเสร็จ
ผมก็แทบเอาเท้าก่ายหน้าผากนอนทุกวัน ตอนแรกผมเข้าใจว่าพี่คิมอาจจะลืมเรื่องของผมไปโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่
เหมือนผมจะคิดผิดถนัด พี่คิมมีคนในหัวใจอยู่แล้ว ถึงแม้คนนั้นของพี่คิม จะไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้วอีกก็ตาม
ผมสู้กานต์ไม่ได้เลย ผมไม่กล้าเข้าไปแทนที่กานต์หรอก...

"เป็นอะไร..กินข้าวๆ...กูซื้อน้ำเต้าหู้มาให้ด้วย..หวานน้อยที่มึงชอบไง" ไอ้บอยพูดพลางแกะถุงน้ำเต้าหู้
รินใส่แก้วมิกกี้เม้าส์ใบประจำของผม ปกติถ้าผมเป็นแบบนี้บอยก็ต้องถามแล้ว ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า
แต่ดูเหมือนบอยจะเดาได้ว่าก็คงเป็นปัญหารักๆระหว่างผมกับพี่คิม มันเองที่ดูเหมือนจะตัดใจได้แล้ว
ก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่คิดจะเอาตัวเองเข้ามาแทรกกลางอีก

"กูไม่ชอบที่มึงเป็นแบบนี้เลย...กูเป็นห่วง.." ไอ้บอยพูดพลางสะกิดตัวผมให้มากินข้าวเช้า

"มึงอยากย้ายหอใช่ไหมล่ะ..ไม่ต้องสนใจกูหรอก กูอยู่ได้" ผมพูดด้วยอารมณ์ไหนไม่รู้
แต่รู้ๆเลยว่าไอ้บอยมันคงไม่แฮปปี้เท่าไหร่ที่จะย้ายออกไป ผมรู้ว่าบอยเองจะย้ายออกเพราะอะไร
บอยมันคงวางตัวลำบากกับผม ถ้าผมจะเริ่มขยับความสัมพันธ์กับพี่คิมมากขึ้นไปกว่านี้

"กูจะไม่สนใจได้ยังไง...เฮ้อ" บอยพูดพลางเอามือมาแตะที่หลังผม

ผมจำใจต้องหันหน้าออกมาจากกำแพง แต่ก็ต้องพยายามหลบสายตาอันเป็นห่วงของบอย

"กินเลย...แกะให้แล้ว กินเลยกำลังร้อนๆ นี่ลงทุนไปต่อแถวให้เลยนะ" บอยมันกวนผมจริงๆ จนผมต้องยอมอ่ะ
น้ำเต้าหู้เจ้านี้คนกินเยอะมาก ต้องต่อแถวยาวแต่เช้าถ้าจะอยากกิน ให้ผมลงทุนไปต่อแถวแบบมันคงไม่ไหว

"แล้วมึงไม่กินไง ไหนของมึงอ่ะ" ผมลุกขึ้นจากเตียงพลางมองหาน้ำเต้าหู้อีกถุงนึง เผื่อจะแกะให้มัน

"กูไม่กิน กูไม่ชอบน้ำเต้าหู้ไม่รู้ไง" เอ้า มึงไม่ชอบกินแล้วมึงจะซื้อมาให้กูทำไมวะ

"ไม่อยากให้กูย้ายออกเหรอ..หืม...อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า" บอยถามผมด้วยสายตาเป็นห่วง

"กูอยู่ได้..." ผมพูดไปเรื่อยๆ แต่ก็เลี่ยงตอบคำถามที่บอยถามมาแบบตรงๆ ที่ว่าไม่อยากให้มันย้ายออกหรือเปล่า
ผมอยากให้ผมกับบอยเป็นแบบเมื่อก่อน ก่อนที่มันจะออกตััวว่าชอบผม ทำเหมือนผม เป็นเพื่อนคนหนึ่งปกติทั่วไป

"กูย้ายออกน่ะดีแล้ว ดีต่อตัวกูเองนี่แหละ" ผมเองไม่ค่อยเข้าใจที่มันพูดเท่าไหร่ ว่าดีต่อตัวมันเองหมายถึงอะไร
แต่ผมก็แอบเห็นด้วยนิดนึง ที่มันย้ายออก เพราะข่าวคราวเสียๆหายๆในคณะ ที่ว่าผมมีอะไรกับมัน หรือว่าผมควงมัน
จนกลบข่าวสาวๆที่มันคบในคณะไปหมด ข่าวเสียๆของมันจะได้ลดๆไปบ้าง ผมผิดเองแหละ ที่ดึงบอยเข้ามาเกี่ยวในเรื่องนี้

ระหว่างที่ผมยกน้ำเต้าหู้ในถ้วยมิกกี้เม้าส์ใบโปรดขึ้นมาซด ผมเลยถือวิสาสะ เล่าเรื่องกานต์ให้มันฟังซะเลย มันนั่งฟังจากตอนแรกผมหน้าตาปกติ ตอนนี้ผมน้ำตาคลอเบ้า มือสั่นตัวสั่นไปหมด มันเองยิ่งฟังก็ยิ่งทำหน้าเครียด ไม่รู้ว่าเครียดอะไร

"มึงๆ...เดี๋ยว ไม่ต้องร้อง.." ไอ้บอยทำตัวไม่ถูกเมื่อเห็นผมก้มหน้า เอาแขนเสื้อชุดนอนทำเป็นเช็ดน้ำตา ผมไม่ได้ร้อง
แต่เพียงความรู้สึกตอนนี้มันหนักอึ้ง จากเดิมเหมือนมีกำแพงมาขวางเรื่องพี่คิมกับกานต์
ตอนนี้ต้องมาเสียเพื่อนสนิทไปอีกคนนึงอีก จากเดิมกำแพงแค่ขวาง ตอนนี้เลยเหมือนกำแพงล้มทับมากกว่า

"โตแล้วน้าาา...อย่าร้อง...ไม่เอาๆ.."

"กูไม่ได้ร้อง ฝุ่นมันเข้าตา"

"ฝุ่นก็ฝุ่น.." ไอ้บอยมันเอามือลูบหัวผมเบาๆ พลางปลอบให้ผมใจเย็นๆ

"สรุปที่อีพี่คิมของมึง มันทำท่าทำทาง แตะเนื้อต้องตัวมึงเนี่ย มันชอบมึงหรือมันยังไงวะ เพราะเท่าที่ฟังดู
ก็ดูพี่คิมแม่งยังลืมไม่ได้ ถึงกานต์จะไม่ได้อยู่ในโลกใบนี้ก็แล้วเถอะนะ"

"นั่นดิ...กูอ่ะ เข้าใจนะเว่ย ถ้าเขายังจะลืมไม่ได้ เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นไม่นานนี่เอง ยังไม่ถึงสามปีดีเลยด้วยซ้ำ"

"แต่อย่างน้อยมึงก็ควรดีใจอย่างนึงนะ เขาไม่ได้ลืมมึงอ่ะ เขาแค่เจออุบัติเหตุ ทำให้ลืม"

"ก็ใช่...แต่ว่า"

"เออน่า...พี่เค้าก็ดูเป็นคนซื่อๆเงียบๆดี ถึงชอบกวนตีนไปหน่อย ถ้าเขาชอบมึง มึงชอบรักเขา กูก็ไม่ว่า"

ไม่ว่าอะไรวะ .... มึงเป็นอะไรเนี่ยไอ้บอย

"มึงเป็นพ่อกูหรือยังไง"

"เออเป็นคุณพ่อ ห่วงลูกสาวอ่ะ"

"ลูกสาวบ้านมึงดิ!.."ผมเอามือเขกหัวมันไปหนึ่งที

"ฮ่าๆ...มึงอารมณ์ดีแล้วเนอะ" ไอ้บอยหัวเราะเสียงดัง

ต้องเป็นคนแมนขนาดไหน ถึงจะใจกว้างได้ถึงขนาดไอ้บอย ผมว่าโลกนี้ไม่มีอีกแล้ว เปลี่ยนบทจากคนที่แอบรัก
กลายเป็นพ่อสื่อให้คนที่แอบรัก มันต้องแมนขนาดไหนวะ ถึงจะใจกว้างได้ขนาดนี้

"กูแค่อยากให้มึงมีความสุข อยากให้สมหวัง" มึงมีวิชาอ่านใจหรือไงวะ แม่งพูดออกมาเหมือนได้ยินสิ่งที่กูคิดอ่ะ

"รักของกูกับมึง ถ้ามึงมองว่ามันเป็นไปไม่ได้ กูก็ไม่ควรจะดันทุรังเว่ย"

"แต่ถ้าวันไหน..มันทำมึงเสียใจ..กูจะไปจัดการมันเอง"

"จริงๆนะ...คนอย่างธานิน พูดจริงทำจริง"

"......."

ผมยังแอบเป็นห่วงความรู้สึกไอ้บอยอยู่เล็กๆ เพราะไม่แน่ใจว่าไอ้คำว่าทำใจได้แล้วหรือกูแค่อยากให้มึงมีความสุข
นี่มันโอเคแล้วจริงหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เพราะไม่คิดจะดึงเรื่องนี้ออกไปให้ยืดยาวไปกว่านี้อีก
ถ้ามันคิดว่าแบบนี้โอเคแล้ว ผมก็โอเคตามที่มันว่า

"รูมเมทคนใหม่กูก็หาไว้ให้แล้ว" ไอ้บอยพูดพลางพลิกกระดาษสัญญาเช่าหอไปเรื่อยๆ

"ใครวะ..ปีหนึ่งเหรอ?หรือหนึ่งเด็กในสังกัดของมึง" ผมพูดไปด้วยความชินปาก รู้อีกทีก็พลั้งปากพูดไปจนได้

"เห้ย กูขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น"

"ไม่เป็นไร..."

"กูขอโทษจริงๆว่ะ กูก็รู้ว่ามึงไม่ชอบให้พูดแบบนี้ ก็ยังจะปากเสียอีก"

"....."

ไอ้บอยดูไม่สนใจกับการปากเสียของผมสักเท่าไหร่ ต่างจากครั้งที่เราเคยทะเลาะกันในคลาสเรียนครั้งล่าสุด
หรือว่าบอยจะปล่อยวางเรื่องของผมได้แล้วจริงๆอย่างที่มันว่า

"คนที่จะมาเป็นรูมเมทคนใหม่ของมึง ก็เด็กชมรมเดียวกับมึงเนี่ยแหละ"

"กูรู้จัก?"

"เออ มึงเห็นเดี๋ยวก็อ๋อเองนั่นแหละ" ไอ้คำว่าอ๋อของมึงเนี่ย ไม่ได้บอกอะไรกูเลย เด็กปีหนึ่งในชมรมมีเป็นสิบ
กูจะรู้ไหมวะว่าเป็นคนไหน...หวังว่าคงไม่เลือกไอ้ที่แสบๆมาเป็นรูมเมทกูนะ

ผมนั่งคุยสัพเพเหระกับบอยเลยเวลาจนเกือบเทียง ผมเลยเข้าไปอาบน้ำแต่งตัว โดยตั้งใจว่า
จะเข้าชมรมไปซ้อมไวโอลินเสียหน่อย แต่พอก้าวขาออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เจอไอ้บอยแล้ว
ไม่รู้เหมือนกันว่ามันออกไปไหนอีก ผมเดาว่ามันน่าจะไปเตรียมเรื่องหอใหม่ที่มันจะต้องย้ายไป เพราะเท่าที่ดู
ผมไม่เห็นมันจะกระตือรือร้นหาหอใหม่เลย อีกทั้งเวลานี้การหาหอใหม่นั้นยากซะยิ่งกว่ายาก ต่อให้มีสตางค์
ก็ไม่ใช่จะหาหอได้ง่ายๆ เพราะส่วนใหญ่หอใกล้มอมันก็เต็มหมดแล้ว

"หรือว่ามันจะไปอยู่หอเดียวกับไอ้บุ๊ควะ" ผมพูดพึมพำกับตัวเอง และกำลังนั่งคิดว่า
ถ้าไอ้บอยย้ายไปอยู่หอเดียวกับไอ้บุ๊คนั้นก็ใกล้ๆกับหอเดิมของผม ยังคงเดินไปมาหาสู่กันได้อย่างไม่ลำบากเท่าไหร่นัก
มันเองคงต้องแวะมาที่หอผมบ่อยแน่ๆ เพราะของกินที่หอผมอร่อยกว่าหอไอ้บุ๊คอยู่โข

ไอ้บอยบอกว่า รูมเมทคนใหม่ผมจะมาเย็นวันนี้ ผมเลยจัดห้องนิดหน่อยก่อนจะออกไปที่ชมรม



วันนี้ที่ชมรมคนเยอะพอสมควร เปียโนในชมรมแต่เดิมที่ไม่มีใครเล่น วันนี้กลับมีคนมาซ้อมอยู่ประปราย
เห็นว่าวันนี้ส่วนใหญ่งานในชมรมคงเป็นเรื่องการเตรียมเอกสารซะมากกว่า เพราะว่าวันนี้พี่หมวยไม่อยู่
ส่วนพี่คิมเองก็ไม่ค่อยเข้าชมรมอยู่แล้ว ทำให้เด็กคนอื่นๆในชมรมที่กำลังยุ่งกับการซ้อมดนตรี
ต้องยุ่งกับเอกสารไปด้วย เรียกว่ายุ่งคูณสอง

"แอร์ พี่หมวยฝากให้แอร์ประทับตราชมรมนี่ด้วยค่ะ" เจน หนึ่งในสมาชิกใหม่ในชมรมที่พึ่งเข้าชมรมมาได้สดๆร้อนๆ
...จำเจนได้ไหมครับ คนที่ยื่นถุงเอกสารให้ผมในวันที่ผมทะเลาะกับบอยในคลาสเรียนนั่นแหละครับ

"โห มันไม่เยอะไปหน่อยเหรอ" ผมหรี่ตามองกองกระดาษเอกสารชมรมประมาณพันแผ่นเห็นจะได้

"แค่ประทับตราเอง" เจนพ่นลมออกจากปากเมื่อเห็นผมกำลังบ่น

"ผมไม่ได้ซ้อมไวโอลินเลย หลายวันแล้ว"

"แล้วทำไมไม่ซ้อมล่ะ"

"ครับๆๆ..เดี๋ยวผมทำเรื่องเอกสารให้เดี๋ยวนี้แหละ" ผมจำเป็นต้องตบปากรับคำมาอย่างหน่ายๆ
เนื่องจากเอาจริงๆวันนี้ผมก็ไม่มีกะใจจะซ้อมอะไรอยู่นั่นจริงๆแหละ การนั่งประทับตราเอกสารอยู่ที่โต๊ะ
น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผมในตอนนี้ก็ได้

ผมนั่งประทับตราไปเรื่อยๆแผ่นแล้วแผ่นเล่า ซึ่งดูเหมือนกระดาษจะไม่หมดลงไปเลยแม้แต่น้อย
เจนเองก็ดูไม่ได้สนใจจะทำงานอะไรในวันนี้ นอกจากเอาแต่ส่องกระจกกับง่วนอยู่กับกิ๊บติดผมสีชมพูบนผมตัวเอง
ผมรู้สึกเหมือนโดนกินแรง แต่ทำไงได้ พี่หมวยเป็นคนฝากงานนี้ไว้ให้ผมเองนี่นะ ผมก็ต้องทำแหละ

"แอร์มัวทำอะไรน่ะ..." เสียงประตูชมรมเปิดขึ้นพร้อมเสียงอู้อี้ของพี่หมวยที่แบกถุงกระดาษนับสิบใบ
รวมถึงถุงพลาสติกที่ใส่ผลไม้ดองที่พี่หมวยคาบอยู่ในปาก

"เจนไม่ได้บอกให้แอร์ซ้อมไวโอลินตามที่พี่บอกเหรอ.." พี่หมวยวางของพะรุงพะรังไว้ที่โต๊ะตัวเอง
พลางหันหน้ามาขมวดคิ้วให้ผม ผมซึ่งกำลังเหมือนงงงวยอยู่เลยทำหน้าเหวอๆใส่พี่หมวย

"เจนบอกให้แอร์ซ้อมไวโอลินแล้วค่ะพี่ .. แต่แอร์ดึงดันบอกว่าขี้เกียจบ้าง ง่วงบ้าง เจนเลยเอางานเอกสารให้ทำเนี่ยอะค่ะ
...ตอนแรกเจนว่าจะทำเอง แต่เห็นแอร์นั่งว่างๆเลยยกให้ไปทำ"

อ้าวอีห่า .... เดี๋ยวก่อนเถอะอีเจน... อีสตอเบอรี่ ตั้งแต่วันนี้กูจะเติมคำนำหน้าชื่อให้มึงแล้วนะ

"เจนทำไมพูดงี้อ่ะ" ผมหันหน้าไปมองเจน เจนไม่ตอบอะไร นอกจากหยิบตะไบเล็บขึ้นมาตะไบ
แล้วกรอกตาไปมาหน้ากระจกแต่งหน้าอันเล็กๆสีชมพู

"ก็เจนบอกแอร์เองว่า พี่หมวยเป็นคนยกงานนี้ให้แอร์ทำเอง ไหง๋ตอนนี้พูดแบบนี้อ่ะ?"

"เจนเปล่านะแอร์ แอร์ฟังผิดหรือเปล่า เวลาอยู่ในชมรมสติสตังอยู่กับตัวบ้างก็ได้นะ"

"ไม่ใช่มัวแต่ระริกระรี๊ใจลอยหาผู้ชาย..ตึกนี้ที ตึกโน้นที ..!"

"......."

"เจนเข้าใจ...ว่าแอร์อ่ะ คงยุ่ง ...สับรางอยู่ ปั่นหัวผู้ชายคนนั้นทีคนนี้ที ...แย่เลยเนอะ"

อ้าวอีห่า...นี่คือเหตุผลที่แท้จริงของมึงสินะ ผู้ชายที่มึงพูดถึงคงหมายถึงบุ๊คกับบอยล่ะสิ ใช่ปะ

"ผู้ชายนิเทศ ก็ได้ข่าวว่ากำลังจะเสร็จเธอไปอีกหนึ่งไม่ใช่หรอ..."

"......."

"พอที !!!!" พี่หมวยแผดเสียง ทั้งๆที่ในปากยังเคี้ยวผลไม้ที่ซื้อมาอยู่

"พี่ไม่ชอบเลยนะเจน เวลาเจนเอาเรื่องนอกชมรมมาสร้างปัญหาให้คนในชมรม"

"หนูเปล่านะคะพี่...หนูแค่พูดไปตามที่เห็น"

ตามที่เห็นห่าไรล่ะ อีหอยเอ้ย...มโนเก่งนะมึงอ่ะ ถ้างานประจำปีมีแจกตุ๊กตาทอง กูจะโหวตมึงคนแรกเลยเนี่ย
สรุปคืออีเจนแม่ง เป็นเด็กของไอ้บอยจริง เลยมาฟาดหัวฟาดหางใส่ผม ยังดีที่พี่หมวยดูเหมือนจะรู้ทัน

"ส่วนแอร์ ถ้าไม่ตั้งใจจะซ้อมหรือไม่มีใจจะซ้อมแล้ว บอกพี่ พี่จะได้หาคนใหม่" อ้าววววว ไม่ใช่แบบนี้ดิเห้ย

"พี่แอร์ ผมไม่ได้จะอู้หรืออะไรเลยนะครับ แต่เจนบอกว่า..." ผมยังพูดไม่ทันจบประโยค ก็ต้องหยุดพูด
เมื่อเห็นพี่หมวยยกมือขึ้นมาห้ามซะก่อน

"ถ้าไม่ขี้เกียจ แล้วทำไมถึงหายไปเลยหลายวันไม่มาซ้อม"

"คือว่า....."

"คือ...."

"เอาเถอะ พี่ไม่ฝืนใจใครนะ อยากซ้อมก็ซ้อม อยากทำอะไรก็ทำ บอกพี่ด้วยแล้วกัน" พี่หมวยพูดจบก็ก้าวฉับๆ
เดินออกจากชมรมไปเฉย ทิ้งให้ผมกับเจนนั่งอยู่ข้างกัน ส่วนคนอื่นในชมรมก็ดูจะไม่รู้เลย ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในชมรม

"เจนทำแบบนี้เพื่ออะไร.."

เจนดูไม่สนใจในสิ่งที่ผมถามเลย นอกจากจะไม่มองหน้าผม ยังเก็บของกระจุกกระจิก กระจกแต่งหน้า ลิปสติก
ลงกระเป๋าสะพาย แล้วเดินออกจากห้องชมรมไป

"ระวังหลังด้วยล่ะ..." เสียงเจนดังขึ้น หลังจากตัวพ้นประตูห้องชมรม



อะไรกันวะเนี่ยวันนี้ นอกจากที่กำลังเซ็งๆเรื่องบอยจะย้ายหอ ยังต้องมาเจอเรื่องอีบ้านี่อีก ควรจะเล่าเรื่องเจนให้บอยฟังดีไหมวะ
ถ้าเล่ามันต้องช่วยแน่ แต่ตอนนี้ไม่อยากเอาเรื่องพวกนี้ไปกวนมันเลย ลำพังเรื่องผมกับพี่คิมก็รบกวนใจมันมากพอดูแล้ว ...หงุดหงิดจังเว้ย !

ผมรู้สึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่รบกวนจิตใจผมอย่างแรง ไม่ใช่ว่าเพราะโดนใส่ร้ายหรือโดนโกหกซึ่งๆหน้าจากเพื่อนร่วมคลาส
แต่ผมเซ็งตรงที่ เรื่องนี้ท้ายที่สุดผมเองก็ต้องดึงบอยเข้ามาเกี่ยวจนได้ ทั้งๆที่บอยดูเหมือนจะตัดใจเรื่องผมได้แล้ว
สุดท้ายไม่วายผมก็ต้องขนเรื่องน่ารำคาญไปรบกวนให้ช่วยอีก

"แม่ง...! กลับดีกว่า" ผมสบถเสียงดัง จนคนที่เล่นเปียโนอยู่ข้างหลังผม ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง

"หงุดหงิดๆ หงุดหงิดโว้ย..." ผมก้มหน้าก้มตา รีบเดินออกจากห้องชมรม มือขวายังแบกกระเป๋าใส่ไวโอลินที่หนักๆไว้อีก
ตอนนี้ผมหงุดหงิดมาก อยากไปให้พ้นๆจากแถวนี้ คืนนี้ไปเที่ยวร้านเหล้าปั่นแถวมอสักหน่อย ดีไหมนะ?

"ผลั่่ก!!...โอ้ย" ผมโดนใครไม่รู้ชนเข้าอย่างแรง เออ..เอาเข้าไป วันนี้กูจะซวยอะไรได้ขนาดนี้
ผมยังไม่ทันมองหน้าคนที่ผมเดินชน จนกระเป๋าใส่ไวโอลินตกกระจายเปิดอยู่ที่พื้น ยังดีที่ไวโอลินไม่เป็นอะไร

"เดินระวังทางหน่อยดิ...ไอ้แว่นบื้อ" เสียงที่ผมไม่คุ้นเคยดังขึ้น ผมเองก็มองไม่ชัดว่าเป็นใคร
เพราะผมกำลังหาแว่นที่หล่นอยู่ไม่เจอ ผมสายตาสั้นขั้นรุนแรงอ่ะ ถอดแว่นนี่แทบเบลอไปหมด มองอะไรไม่เห็นเลย
รู้แค่ว่าเหมือนเห็นภาพเบลอๆเป็นคนยืนสองคน คนหนึ่งสูง คนนึงสะพายกระเป๋า

"เห้ย แอร์เป็นอะไรเปล่า" เสียงบุ๊คนั่นเอง คนสะพายกระเป๋าน่าจะเป็นบุ๊ค งั้นส่วนคนตัวสูงก็น่าจะเป็นวิทย์
เพื่อนปากหมาของไอ้บุ๊ค ที่มัันเคยมีเรื่องทะเลาะกันใหญ่โต ดวลหมัดกับไอ้บุ๊คเรื่องแย่งเด็กคนเดียวกัน

"แอร์หาแว่นไม่เจอ ช่วยแอร์หาแว่นหน่อย" ผมเองคลำๆหาแว่นตามพื้น แต่ก็ยังหาไม่เจอ

"อยู่นี่ไง ..." ไอ้บุ๊คพูดจบ ยื่นมือมาสวมแว่นให้ผม เออค่อยมองชัดหน่อย ไอ้วิทย์มันมองอะไรของมันวะ
หรือมีอะไรติดหน้าผม ผมพูดพลางคลำหน้าคลำตาตัวเอง

"โทษทีแอร์ เป็นไรป่ะ...พอดีบุ๊ครีบไปส่งงานด้วยอ่ะ แล้วมึงเป็นไรมากปะ แอร์มันเดินชนแค่นี้เอง ไปด่าแอร์มันทำไม"
ไอ้บุ๊คหันไปด่าไอ้วิทย์ ที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูก ผมบอกไม่ถูกเหมือนกันว่าวิทย์ทำหน้าแบบไหน คล้ายๆคนโมโห แต่ก็ยิ้มๆชอบกล

"ก็มันชนงานกู ดูดิขาดหมดเลยเนี่ย" วิทย์พูดจบยื่นกระดาษอะไรสักอย่างที่เหมือนเป็นแบบแปลนมาให้ดู
กระดาษขาดจริงๆครับ โอ้ย วันนี้วันซวยอะไรของกูเนี่ย

"มึงก็ทำใหม่ดิวะ ง่ายจะตาย..วาดแปปเดียว" ไอ้บุ๊คมองหน้าไอ้วิทย์แบบไม่พอใจ

"มึงก็พูดง่าย...ให้กูฉีกงานของมึงเล่นเอาไหม แล้วให้มึงไปทำใหม่ ..ไอ้เ_ี้ย ทำเป็นพูด" ไอ้วิทย์พูดด้วยเสียงโมโห
แต่ดูหน้ามันไม่ได้เป็นไปตามแนวทางโมโหเหมือนคำพูดไปด้วย ผมเลยทำหน้างงๆ

"แอร์ช่วย...ทำใหม่ให้ก็ได้.." ผมพูดอย่างคอตก

"ถ้าเด็กบัญชีแบบมึงทำเป็น กูก็ไม่ต้องเรียนวิศวะแล้ว"

"แล้ววิทย์ จะให้แอร์ทำไงครับ..."

"วันนี้ไปกินข้าวกับกูมื้อนึง..."

"ห๊ะ...." ผมงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น เรียกว่าปะติดปะต่อไม่ทันเลยทีเดียว กูชนมึง งานมึงพัง มึงโมโห
เลยจะให้กูไปกินข้าวด้วยเนี่ยนะ เดี๋ยวๆ ...มึงละเมอหรือเปล่าไอ้วิทย์

"น้อยๆหน่อยสัส..แอร์เด็กกู" ไอ้บุ๊คเอาตัวเข้ามาขวางไอ้วิทย์ ที่ตอนนี้ไอ้วิทย์ยังคงยิ้มอยู่ พร้อมม้วนงานกระดาษที่ขาด
ยัดใส่กระเป๋าไอ้บุ๊ค ไอ้บุ๊คตอนนี้กำลังกอดอกหรี่ตามองหน้าไอ้วิทย์อยู่

โอเคขอบใจมากบุ๊คที่ช่วยกันวิทย์ให้กู... แต่ไม่ใช่แบบนี้สัส!! กูก็ไม่ใช่เด็กมึงเหมือนกัน

"เด็กมึง?" ไอ้วิทย์พูดพลางเลิกคิ้วขึ้น

"ใช่...เด็กกู...กูจีบอยู่"

"โถ...กูต้องสนปะ..ของแบบนี้ใครดีใครได้ ไม่ใช่ใครไวใครได้ ป่ะวะ"

"แต่ไม่ใช่ไอ้ตี๋ตาหยี๋ หน้าจืดแบบมึงแน่ๆ"

"มึงรู้ได้ไงวะ แอร์เค้ายังไม่ได้ปฏิเสธกูเลย...ใช่ป่ะครับแอร์" วิทย์พูดจบเอาหน้าเข้ามาใกล้ผมเรียกว่าใกล้มากกกก
จนเกือบจะชิดหน้าผมอยู่แล้ว

"ทำเ_ี้ยไรวะสัส ...ผลั่ก" ไอ้บุ๊คไม่รอช้า เห็นไอ้วิทย์ทำท่าจะเข้ามาชิดผมเกิน เลยผลักไอ้วิทย์จนกระเด็น

"แล้วมึงเป็นเ_ี้ยอะไรอ่ะ แอร์เขายังไม่ได้ปฏิเสธกูเลย" ไอ้วิทย์ถกแขนเสื้อทำท่าทำทางจะง้างหมัด

"หยุดๆ !! หยุดๆที ใครก็ได้ช่วยห้ามทีครับ!!!" ผมตะโกนเรียกคน ที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่ใต้ตึกวิศวะ
ให้ห้ามบุ๊คกับวิทย์ไม่ให้รัวหมัดใส่กัน ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนช้าไปแล้ว เพราะหมัดไอ้บุ๊คกำลังเสยหน้าไอ้วิทย์อยู่
ตอนนี้หาคนที่มาช่วยคงยาก ส่วนใหญ่ที่วิ่งมานั้นวิ่งมายืนดูซะมากกว่า

"เออ ตีกันเข้าไป ตีกันให้ตายเลย อย่าหยุดนะ อย่าหยุด !!!" เสียงผู้หญิงที่คุ้นเคย ทันทีที่เสียงพี่หมวยดังมาจากด้านหลัง
กลับทำให้ทุกอย่างถูกหยุดนิ่งได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ตอนนี้พี่หมวยที่ดูโกรธจนถึงขีดสุด แต่มาในมาดนิ่งๆเสียงเรียบๆ

"พี่งงมาก ว่าเราสองคนเป็นอะไร รอบที่แล้วก็มาต่อยกันที่ตึกนี้"

"อย่าให้พี่แจ้งสภานักศึกษานะ...บุ๊ค วิทย์ คะแนนความประพฤติพวกเธอใกล้จะตกขอบแล้วไม่ใช่หรือไง?"

พี่หมวยพูดไป หรี่ตามองบุ๊คกับวิทย์ ที่ตอนนี้กำลังคอตกทั้งคู่



"ก็ผมจะชวนแอร์มันไปกินข้าว ไอ้บุ๊คก็เป็นอะไรของแม่งไม่รู้ ทำอย่างกะผมไปแย่งแฟนมัน"

"ก็ผมชอบไอ้แอร์" ไอ้บุ๊คยังยืนยันเสียงแข็ง พร้อมเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่มุมปาก



"แอร์มันทำการบ้านผมพังอ่ะ ผมจะให้มันไปเลี้ยงข้าวขอโทษ"

เดี๋ยวก่อนไอ้วิทย์ มึงจะชวนกูไปกินข้าวไม่ใช่เหรออออออออออ มึงเปลี่ยนเรื่องไวจังนะมึง ไอ้ปลาไหล

"แอร์ไปกินข้าวกับวิทย์ก็ได้ครับ...จะได้จบๆ" ผมพูดจบไอ้วิทย์ทำหน้าตื่นเต้นขึ้นมาซะงั้น ทั้งๆที่คราบเลือดยังติดอยู่ที่หัวคิ้ว
แค่กินข้าวนะเว้ย ไม่ใช่จะซะบึมฮึมฮึ้มกับมึงคืนนี้สักหน่อย

"โถ่..แอร์อ่ะ ไปกับมันทำไม.." ไอ้บุ๊คทำหน้าเจื่อน คอตก

"สามทุ่มนะ ร้านอีซี่บาร์ ข้างร้านเหล้าที่เปิดใหม่ หลังซอยห้าอ่ะ รู้จักเปล่า" ไอ้วิทย์ถามผม
ร้านนั้นผมรู้จักแต่ชื่อ แต่ไม่เคยไป เพราะว่าไกลจากมอมาก ถ้าไปสามทุ่ม กลับดึก ไม่มีรถแน่นอน

"น้อยๆหน่อย..ไปกินข้าว กินแค่ร้านฉันก็พอ ร้านนั้นมันไกล แอร์เขาจะกลับหอยังไง"
พี่หมวยพูดขึ้นปรามจนไอ้วิทย์ต้องทำเสียงจิ๊ปากเบาๆ

"กลับดึกก็นอนห้องผมไงครับ..." ไอ้วิทย์มันตอบอย่างหน้าซื่อตาใส ซึ่งแม่งไม่เข้ากับหน้าตี๋ๆจืดๆของมันเลย

"ไอ้สัสนี่ ....." ผมต้องห้ามไอ้บุ๊คไม่ให้พุ่งเข้าไปต่อยไอ้วิทย์อีกที

"เออ จบๆสักที ..พอ..แยก..รำคาญ..เดี๋ยวสามทุ่มพี่จองโต๊ะไว้ให้" พี่หมวยพูดจบ ก็เดินหนีเข้าห้องชมรมไป

"ไปนะ.." ผมยกมือบอกบุ๊ค

"สามทุ่มเจอกันนะครับแอร์ เดี๋ยวผมแต่งตัวหล่อๆ" ผมไม่ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆแล้วหันหลังวิ่งกลับหอ



วันนี้มันวันอะไรวะ วุ่นวายสุดๆ ดราม่าครบรส กูนึกว่ากูอยู่ในละครเวทีบ้านทรายทอง แล้วเดี๋ยวกูกลับหอไป
กูก้ต้องเจอรูมเมทคนใหม่กูอีกใช่ไหมเนี่ย เออ...มาเลยสัส วันนี้ปัญหา พุ่งเข้ามาหากูได้เต็มที่เลย
คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้วล่ะ

ผมเดินมาจนถึงหน้าห้องตัวเอง เห็นไฟหน้าห้องเปิดอยู่ น่าจะเป็นฝีมือรูมเมทคนใหม่นี่แหละ
เปิดไฟหน้าห้องตั้งแต่หกโมงเย็นเลยนะมึง มาวันแรกก็สร้างความรำคาญให้กูละ...

"ครืด....."เสียงเลื่อนประตูเปิดก่อนที่ผมจะเอื้อมมือไปจับลูกบิด

"กลับเย็นจังนะ ไปไหนมา..." เสียงทุ้มๆที่คุ้นเคยดังขึ้น พร้อมประตูที่เปิดอย่างช้าๆ

".....................!!!!!"

"พะ..พะ..พี่คิม....!! พี่มาทำอะไรเนี่ย !!!" ผมที่กำลังช๊อคเรียกชื่อตะกุกตะกัก

รูมเมทคนใหม่ของผม ไม่ใช่ใครอื่นครับ เป็นไอ้พี่คิมเฉย ที่ช๊อคกว่านั้นคือพี่คิมกำลังอยู่ในชุดนอนลายการ์ตูน
สวมที่คาดผมสีชมพูของผม ที่ผมวางลืมไว้ในห้องน้ำ โอ้ยยย กูเขินจนไม่รู้จะเขินไงแล้วเนี่ย

"ฝากตัวด้วยนะ ..น้องแอร์..รูมเมทคนใหม่ของพี่... : )"

TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 20:59:28 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
น้องแอร์เสน่ห์แรงมีแต่คนมาชอบ ว่าแต่ทำไมรูมเมทคนใหม่กลายเป็นพี่คิมไปซะได้

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรักตอนที่ 5


BOYD : ไง

BOYD : รูมเมทคนใหม่ถูกใจป่ะ

BOYD : อิอิ

BOYD : /สติ๊กเกอร์แลบลิ้น



อิอิ บ้านมึงดิไอ้บอย แล้วไอ้การที่ผมก้าวเข้าห้องยังไม่ถึงสิบวินาที แต่ไลน์ไอ้บอยเด้งขึ้นมารัวๆ เหมือนรู้ว่าผมได้เจอพี่คิมแล้ว
นี่แม่งมีตาทิพย์หรือไงวะ เดี๋ยวมึงกับกูนี่ต้องเคลียกันยาวๆ ไปทำอีท่าไหนพี่คิมถึงย้ายมาอยู่หอกูเนี่ย

"ทำไมอ่า..พี่ย้ายมาไม่ได้เหรอ" พี่คิมพูดด้วยน้ำเสียงเวอชั่นออดอ้อนที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน ตาพี่คิมยังคงเหลือบ
อ่านข้อความในไลน์ ที่ผมกำลังพิมพ์หาไอ้บอย

"เปล่าพี่..แล้วตกลงพี่มาได้ไงเนี่ย"

"ขี่มอ'ไซด์มา" พี่คิมพูดแล้วยักคิ้วให้สองที เป็นสัญญาณว่าคงจะไม่บอกง่ายๆแน่ ว่าย้ายมาหอนี้ได้ยังไง

"กวนตีน.." ผมพูดพลางทิ้งตัวลงบนเตียงนอน เอาหนังสือบัญชียกขึ้นมาทำเป็นปิดหน้าแก้เขิน ผมไม่ชินอย่างแรง
ที่จะมาอยู่ห้องสองต่อสองกับคนที่ผมแอบชอบแบบนี้

"ก็จริงๆนี่นา พี่ไม่ได้เดินมา...ร้อนๆ...ร้อนจังเปิดแอร์ดีกว่า" พี่คิมพูดจบ ก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นเรือนร่างที่โคตรจะสมส่วน
กล้ามทุกส่วนดูพอดิบพอดีไปหมด ไม่เยอะ ไม่น้อยเกินไป ผมเองสารภาพตรงๆว่าแอบเหลือบตามองผ่านหนังสือที่ปิดหน้าอยู่
เหมือนกัน แล้วด้วยความเคยชินหรืออะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อก จนพี่คิมต้องหันมามองหน้า

"ผ้าเช็ดตัวสีขาวนี่พี่ใช้ได้ป่ะ" พี่คิมถาม พร้อมหยิบผ้าเช็ดตัวสีครีมขึ้นมา

"ตาบอดสีหรือไง สีครีมนั่นมันของแอร์ นู่นๆ..ในตู้อ่ะ ผ้าใหม่ๆแอร์เอาไปซักมา" ผมพูดจบต้องกรอกตาไปมา
เนื่องจากพี่คิมนอกจากพยายามรื้อตู้เสื้อผ้าหาผ้าขนหนูยังไม่พอ ยังทำให้กองเสื้อที่ผมพับไว้กระจัดกระจายไปหมด

"โอ้ยยยย ไม่ต้องเลย นู่นๆไปนั่งไป รื้อของแอร์จนกระจายหมดแล้วเนี่ย"

"ทำไมต้องดุพี่ด้วยอ่ะ..." มาอีกแล้ว ไม้ตายตีหน้าเศร้า ทำท่าทางเป็นหมาหงอย บอกตรงๆผมประหลาดใจเหมือนกัน
ที่พี่คิมจะมีด้านนี้อยู่เหมือนกัน จะว่าไปตอนนี้เจ้าตัว ที่โดนผมดุ ก็ไปนั่งหน้าหงิกอยู่มุมเตียง

"เอ้า ผ้า.." ผมยื่นผ้าเช็ดตัวสีขาวที่ผมซักแห้งมาใหม่ๆให้

"หอมจัง..คนนะ..ไม่ใช่ผ้าที่หอม" พี่คิมพูดจบ ก็เอาหน้ามาถูๆมือที่ผมยื่นผ้าให้ ผมเองที่ทำอะไรไม่ถูกในตอนนั้น
ก็ได้แต่จะชักมือกลับ แต่ดูเหมือนไม่ทันแล้ว เพราะโดนทั้งจูบทั้งหอมทั้งเอาหน้ามาถูทีี่ฝ่ามือ ผมนี่ขนลุกไปทั้งตัวแล้วครับ

"พูดแบบนี้กับทุกคนป่ะเนี่ย.."

"เปล่า..."

"แอร์ถามจริงๆนะพี่คิม..พี่คิมคิดยังไงกับแอร์" เห็นผมเป็นไอ้แว่นเนิร์ดๆแบบนี้ แต่ความแมนผมก็ไม่น้อยหน้ากว่าใคร
เรียกว่าถามซัดตรงประเด็น ทำเอาพี่คิมอ้าปากค้าง

"ก็..รู้สึกดี..." แม่ง..ปากโคตรไม่ตรงกับใจ รู้สึกดี ... รู้สึกดีห่าไรล่ะ

แค่รู้สึกดี  มันจะพอสำหรับการย้ายเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกันแบบนี้เลยเหรอ

แค่รู้สึกดี  มันจะเอามือไม้เข้ามาแตะต้องตัวกันขนาดนี้เลยเหรอ

หงุดหงิดว่ะ เจอผู้ชายปากไม่ตรงกับใจเนี่ย แทนที่จะทำให้เรื่องมันง่ายๆ พูดกันตรงๆก็จบแล้ว ย้ายมาอยู่มาใกล้ชิดขนาดนี้
กูก็ไม่ใช่เด็กสองขวบแล้วป่ะ ที่จะไม่รู้ว่าคิดอะไรยังไง นี่แค่ต้องการความชัดเจน

"ไปอาบน้ำไป" ผมถอนหายใจอย่างเซ็งๆ พี่คิมเองก็ดูเหมือนจะรู้ว่าผมเซ็งอะไร แต่ก็ไม่พูดอะไร เอาผ้าขนหนูสีขาวพาดไหล่
แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ

เสียงอาบน้ำดังโครมๆ แต่หัวใจผมก็ยังเต็มไปด้วยคำถามที่ยังต้องการการเติมเต็ม จากคำตอบที่มั่นใจจากปากพี่คิม
แต่ดูเหมือนพี่คิมเองก็คงไม่คิดจะสารภาพตรงๆกับผมเหมือนกัน ว่ามีใจ อยู่ใกล้กันขนาดนี้ อาการบอกชัดขนาดนี้ แต่ทำกั้ก
ทำนิ่งเพื่ออะไร ผมก็ยังหาคำตอบอะไรไม่ได้



"แค่กระจกใสบางๆ ที่กั้นตรงกลางเท่านั้น...." เพลงจากวิทยุคลื่นเก้าศูนย์ ดังขึ้นมาอย่างถูกเวลา เออ..อยู่ชิดกันขนาดนี้
ดันปล่อยให้มีอะไรบางอย่างมากั้นตรงกลาง ให้สื่อถึงกันไม่ได้ ก็จริงอย่างที่เพลงว่า

"แอร์...พี่มันเห็นแก่ตัวเนอะ" เสียงพี่คิมสะท้อนดังก้องจากในห้องน้ำ ผมก็ไม่ตอบอะไรกลับไป พี่คิมเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ
ทิ้งไว้แต่ความรู้สึกอันเงียบงันระหว่างเราสองคน บางทีมันอาจจะเร็วไปจริงๆ
ผมเองอาจจะเป็นฝ่ายเร่งรัดพี่คิมอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้ มันคงต้องใช้เวลามากกว่านี้

"พี่ขอโทษ ...พี่อยากจริงจังกับแอร์มากกว่านี้ ..แต่พี่ขอเวลาได้ไหม..พี่ชอบแอร์จริงๆนะ" พี่คิมเปิดประตูห้องน้ำออกมา
นุ่งผ้าขนหนูตัวเดียว ยืนยกมือไหว้ผงกหัวหลายที เป็นภาพที่ผมชวนเห็นแล้วไม่สบายใจเลย

"ช่างเถอะพี่ แอร์เองก็ดูเป็นฝ่ายเร่งพี่มากเกินไป" ผมปัดมือพี่คิมที่พยายามเข้ามาแตะตัวออก

"แอร์ชินแล้ว กับการรักคนอื่นข้างเดียว"

".........."

"ไม่ใช่ข้างเดียว...พี่ยืนยัน" พี่คิมดึงตััวผมเข้าไปหอมแก้ม ผมพยายามดันตัวออกเวลานี้ก็ดูไม่เป็นผล
ไม่ใช่ว่าสู้แรงไม่ได้เพียงอย่างเดียว แต่ตอนนี้ดูเหมือนตัณหา ราคะในตัวผมกำลังเดือดพล่านอย่างถึงที่สุด

"อย่าพี่..พี่คิมอย่า" ผมยังคงพยายามดันตัวออกจากการถูกพี่คิมไซร้ซอกคอ หอมแก้ม กอดอย่างแน่นหนา ยังไม่เพียงแค่นั้น
มือข้างขวาของพี่คิม ยังกำลังล้วงในสิ่งต้องห้ามเบื้องล่างของผม ผมขัดขืนเท่าที่จะทำได้ แต่ดูเหมือนจะไร้ผลอย่างสิ้นเชิง
ผมชอบเขามากเกินไป นี่น่ะหรือพลังอำนาจของคำว่า รักแรก ทำไมมันมีพลังขนาดนี้

"พี่คิดว่า จะให้เรื่องของเรามันเริ่มแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ?" ผมรวบรวมสติได้นิดหน่อย เลยกัดฟันพูดออกไปเพื่อเรียกสติ
ให้พี่คิมตื่นจากภวังค์ราคะที่กำลังเดือดพล่านในตอนนี้

"ถ้ามันเริ่มง่ายๆแบบนี้ แอร์ว่าไม่นานมันก็จะจบง่ายๆ..ไม่นานพี่ก็คงเบื่อแอร์"

"คิดให้ดีนะพี่...ถ้าพี่ตอบแอร์ว่า ว่าคิดดีแล้ว แอร์ก็พร้อมจะเป็นของพี่" ผมตอบอย่างใจดีสู้เสือ แต่ความจริงแล้ว
ผมยังไม่รู้เลยว่า ระหว่างผู้ชายด้วยกันนั้น เวลาเมคเลิฟ ร่วมรักหลับนอนกัน เค้าทำกันยังไง
ต่อให้เคยดูมาจากหนังเอวีบ้างแล้วก็เถอะนะ แต่สนามจริงเรียกว่าผมไม่เค๊ยไม่เคยเลย

พี่คิมไม่ได้ตอบว่าคิดดีแล้วหรือไม่ได้คิด แต่พี่คิมกลับถอยหลังลุกขึ้น กระเถิบตััวเองไปนั่งอยู่ที่ปลายเตียง
ผมเองที่ดูกำลังงงๆในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือไม่รู้ว่าอารมณ์ความอยากมันยังค้าง ผมเลยกระเถิบตัวเองไปนั่งที่ปลายเตียงด้วย
พี่คิมเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ต่อสิ่งที่ค้างคาไว้เมื่อครู่แล้ว เพราะกำลังสวมเสื้อ สวมกางเกง ติดกระดุมอย่างสบายใจเฉิบ

"พี่ชอบแอร์จริงๆ ...ที่พี่ยังลังเล เพราะพี่ยังมีปัญหาหลายอย่างที่ต้องสะสาง"

"แอร์เข้าใจ...ว่าพี่คิมยังลืมแฟนเก่าไม่ได้" ผมพูดไปด้วยความปากไว จนมาต้องนึกเสียใจตอนหลังว่า
ผมไม่น่าพูดออกไปเลย แต่ก็ดูเหมือนไม่ทันแล้ว

"พี่ไม่ปฏิเสธเรื่องกานต์ พี่ยังลืมไม่ได้จริงๆ..." คำสารภาพตรงๆของพี่คิมทำเอาหัวใจของผมมันกระตุกวูบไปสามวินาที
เป็นความรู้สึกที่โหวงๆอย่างบอกไม่ถูก มันชวนอึดอัด มันช่างให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังดำน้ำเป็นเวลานาน
แล้วตอนนี้กำลังขาดออกซิเจนยังไงอย่างงั้น

"พี่ขอพิสูจน์ตัวเองได้ไหม?.."

"พิสูจน์?" ผมเลิกคิ้วขึ้นตาม

"พี่ขอพิสูจน์ว่าพี่..คู่ควรกับแอร์..พี่จะทำให้แอร์เชื่อใจ..ว่าพี่พร้อมจะเริ่มใหม่กับแอร์ พี่อยากคบแอร์จริงๆ
แต่อดีตบางอย่างที่เป็นบาดแผลในใจพี่ พี่พยายามเยียวยามันอยู่...อุ๊บ.."
พี่คิมพูดพลางเอามือข้างขวาจับที่หัวตัวเอง คงเป็นเพราะอุบัติเหตุในอดีต ที่ทำให้พี่คิมเจ็บป่วยอยู่อย่างนี้ทั้งกายและใจ
ผมเริ่มชักไม่แน่ใจว่า นี่ผมเห็นใจ หรือผมกำลังหลงรักเขากันแน่

"ไม่ต้องพูดแล้ว..." ผมเอานิ้วชี้มาปิดปากพี่คิม ผมเองก็รู้ว่าทางจะตัดสินใจลงไปในตอนนี้ มันต้องมีอุปสรรค์อีกนานานับประการ
แน่ๆ แต่ผมคิดว่า ผมรักผู้ชายคนนี้ รักมานานเหลือเกิน รักจนสามารถให้ได้ทุกอย่าง นี่ผมกำลังหลงอยู่สินะ

"แอร์ทำอะไรน่ะ.." พี่คิมถามอย่างเก้อๆเมื่อเห็นผมกำลังถอดเสื้อผ้าออก จนเหลือแต่อันเดอร์แวร์ชิ้นน้อย

"พี่ก็ถอดของพี่ออกสิพี่ ผมอายนะ...อย่ามองเยอะสิ.."
ผมพูดพลางเอามือทั้งสองอย่างห่อตัวไว้ ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย
พี่คิมเองก็คงเหวอๆเหมือนกัน ที่เห็นผมจู่ๆมาแก้ผ้าให้พี่เขาดูซะขนาดนั้น

"ตัวแดงหมดแล้ว ...เขินพี่เหรอ...น่ารักจัง" พี่คิมกดผมลงบนเตียง โดยตัวเองกำลังบรรเลงถอดเสื้อผ้า
ถอดกางเกงอย่างเร็วๆ จนถึงปราการด่านสุดท้าย ถูกปลดออก ผมต้องสะดุ้งเมื่อเห็น

"ยะ...ใหญ่..." ผมตอนแรกที่กำลังใจดีสู้เสือ ปล่อยให้ความรักนำพาอารมณ์ไป เริ่มรู้สึกตื่นจากความฝัน
เมื่อเห็นไอ้น้องชายที่ใหญ่ซะเหลือเกินของพี่คิม

"ขอบคุณที่ชมครับ.." พี่คิมพูดจบก็ถอดอันเดอร์แวร์ของผมออก เผยให้เห็นบางสิ่งบางอย่างบนตัวผม
ที่มันก็กำลังตื่นตัวอยู่เหมือนกัน พี่คิมไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็ประกบปากจูบผมอย่างดูดดื่ม ถึงกับผู้ชายผมจะไม่เคยมาก่อน
 แต่ทุกอย่างในตอนนี้ มันดูลื่นไหล ไม่มีติดขัดเลย เหมือนอารมณ์เป็นตัวนำ
ทุกอย่างมันก็ถูกบรรเลงตามจังหวะท่วงทำนองเป็นไปตามธรรมชาติ

"เจ็บหน่อยนะ..ทนไหวไหม" พี่คิมถามพลางลูบไล้เส้นผมของผมอย่างช้าๆ

"ฮื่อ....."

"พะ..พี่คิม.."

"ใจเย็นๆอย่าเกร็ง..เชื่อใจพี่นะครับ..."

"อือ..อะ...จะ..เจ็บ...พี่คิม..แอร์รู้สึก...รู้สึกแปลกๆ..."

"ฮื่อ...อา..พี่ แอร์เจ็บ..."

เสียงร้องครวญครางของผมยังดังต่อเนื่องจนเช้า จนผมมานึกย้อนทีหลังว่าห้องข้างๆเขาจะคิดยังไง
แต่ดูเหมือนผมมยังมีความโชคดีอยู่ เพราะวันนั้นห้องข้างๆไม่มีใครอยู่เลย เหมือนเขาจะไม่ได้กลับห้องมาในวันนั้น
ไม่งั้นคงจะปั้นหน้าไม่ถูกชอบกล ถ้าเจอหน้าคนห้องข้างๆตรงๆ หลังจากเราเล่นหนังสดกันไปซะแบบนั้น

"เป็นไง...ร้องไห้จนขอบตาแดงไปหมดแล้วเนี่ย เจ็บไหม?"

"ยังจะถามอีกเนอะว่าเจ็บไหม...ไม่ต้องมาพูดเลย" ผมพูดพลางกลับหลังหันหน้าหนี แต่พี่คิมกับผมเอง
ที่ตอนนี้กำลังเปลือยกายอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกัน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเรากำลังมีความรู้สึกบางอย่าง ความรู้สึกที่พิเศษ
ความรู้สึกที่เกี่ยวพันกันมากขึ้น ทั้งหมดนี่เพราะเรามีอะไรกันงั้นเหรอ?

"ขอหอมหน่อย..." พี่คิมพูดจบก็ดึงตัวผมเข้ามาแนบ แล้วหอมแก้มผมเป็นสิบๆครั้ง

"แค่หอมนะ.." ผมพูดเพราะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่แข็งๆกำลังแนบหลังผมอยู่
"แล้วไอ้ที่แข็งๆที่มันแนบหลังแอร์อยู่เนี่ย มันหมายความว่ายังไง?"

"ฮ่าๆ.."พี่คิมหัวเราะแก้เขิน

"ไม่ต้องห่วงนะแอร์ พี่จะทำให้ทุกคนอิจฉาแอร์ พี่จะดูแลแอร์เอง" อ้อมกอดที่อบอุ่นรัดแน่นขึ้นจนผมเจ็บเล็กๆ
ไอ้คำว่าทำให้ทุกคนอิจฉาของพี่คิมนั้นคืออะไร ผมไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ตอนนี้หัวใจผมกำลังพองโต จากคำที่พี่คิมพูดว่า พี่จะดูแลแอร์เอง มากกว่า



KIM : กินข้าวกัน เดี๋ยวพี่ไปหา

AIR : มาเจอแอร์ที่ตึกวิศวะนะ แอร์นั่งเขียนงานอยู่กับบอย

KIM : /สติ๊กเกอร์ส่งจูบ


ผ่านมาสองวันจากที่ผมกับพี่คิมมีอะไรกัน พี่คิมก็ทำตามคำพูดจริงอย่างที่สัญญา เรียกว่าเกินสัญญาด้วยซ้ำ
พี่คิมแทบจะทักไลน์มาหาผมทุกยี่สิบนาที มารับหลังเลิกเรียน ถือกระเป๋าถือของให้
เรียกว่าตอนนี้ผมเป็นง่อยอย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างที่พี่คิมทำเรียกว่าชัดเจนซะยิ่งกว่าอะไร
จนข่าวลือระหว่างผมกับพี่คิม กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่ในคณะผม ดูเหมือนจะรู้กันทั้งมหา'ลัยแล้วว่า
หนุ่มโสดที่ใครๆหมายปองทั้งสองคน ตัดสินใจคบกันเอง

"แหม....เป็นเจ้าหญิงเลยนะมึง มีคนถือกระเป๋า ถือแก้วน้ำให้ ...พี่คิมไม่กลัวแฟนพี่เป็นง่อยบ้างเหรอพี่"
ไอ้บอยถามพี่คิม ระหว่างนั้นยังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ

"ถ้าพี่ป้อนข้าวให้ได้ พี่ป้อนแล้วเนี่ย แต่แอร์มันไม่ยอม" พี่คิมหันไปทำหน้ามุ่ยใส่ผม ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก
ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวหมูแดงร้านประจำต่อไป

"พูดมากน่า ไอ้บอย...กูอุตส่าห์ชวนมึงมากินด้วยนะเนี่ย" ผมชวนบอยมากินข้าวหมูแดงร้านประจำด้วย
เพราะตอนนี้ดูเหมือนเรื่องตึงเครียดระหว่างพี่คิมกับบอยนั้นไม่มีแล้ว ทั้งสองคนดูเข้ากันได้ดีตามปกติ
ทำเอาผมหมดห่วงได้ไปเปราะนึง แต่ถ้าบอยรู้ว่า ผมเสร็จพี่คิมไปแล้ว สงสัยคงมีช๊อค

"กินนี่ดิ..."

"กินนี่ด้วย..."

"กินเยอะๆนะ"

"พี่บอกแล้วอย่ากินน้ำอัดลมเยอะ....ฯลฯ"

พี่คิมตักหมูแดงแบ่งมาจากจานตัวเองมาให้ผม แม่ง ตั้งแต่มีอะไรกันวันนั้น พี่คิมทำอย่างกับผัวห่วงเมีย
ทำอย่างกับเมียกำลังตั้งท้องอ่อนๆอยู่งั้นอะ นี่ยังไม่นับเรื่องซ้อนมอ'ไซด์แล้วสั่งผมแบบหน้าตาซีเรียสว่าให้กอดแน่นๆด้วยนะ

"ผมนี่ยอมพี่เลยว่ะ...แอร์โชคดีจริงๆ มีพี่เป็นแฟน" ไอ้บอยขมวดคิ้ว ปากยังเคี้ยวข้าวอยู่

"แล้วนี่มึงเป็นไงบ้างอ่ะ..เที่ยวทุกวันเลยนะกูได้ข่าว" ไอ้คำว่าเป็นไงบ้างของผมมันแฝงนัยหลายอย่าง
ทั้งเรื่องไอ้บอยที่มันโอเคเรื่องของผมแล้วจริงๆใช่ไหม? แล้วตอนนี้ที่มันกินเหล้าเที่ยวเมาทุกวันนี่
มันปกติของมันหรือเปล่า หรือมันกำลังเฮิร์ท

"ก็เที่ยวอ่ะ..เที่ยวเฉยๆ ไอ้บุ๊คมันชวนก็เลยไป" ไอ้บอยตอบแบบปัดๆไป

"เออ ไอ้บอย กูได้ข่าวมึงไปอยู่กับมายด์เหรอ ไอ้มายด์นิเทศอ่ะ"

"ใช่พี่..." ไอ้บอยตอบ

"โหย...มึงนึกไงไปอยู่กับมันวะ ในคณะกูนี่ไม่มีใครกล้าคุยกับมันสักคน" พี่คิมส่ายหน้า

"ทำไมวะพี่...มายด์มันก็นิสัยดีนะ แล้วหอที่มันอยู่หรูดีด้วย ผมชอบ เงียบดี" ไอ้บอยดูดน้ำจากหลอด จนเสียงดัง
มันทำหน้างงๆถึงเรื่องที่พี่คิมถาม ผมเองก็งงด้วย เพราะอยากรู้ว่ามายด์นี่นิสัยเป็นยังไง ถึงไปเป็นรูมเมทกับไอ้บอยได้

"นั่นไง มานั่นแล้ว.." พี่คิมยักคิ้วให้ผมดู ผู้ชายเอวบางร่างน้อยที่กำลังเดินเข้ามาในร้านข้าวหมูแดงเพียงคนเดียว
ไม่มีเพื่อน ไม่มีคนติดตาม หน้าตาดูอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา แว้บนึงผมแอบเห็นพี่คิมกลืนน้ำลายเอื้อกอยู่เบาๆ
แหม..คงชอบไทป์แบบนี้สินะ กูไม่แปลกใจจริงๆ ทำไมแม่งบอกชอบกู เพราะไอ้มายด์อะไรเนี่ย
เนิร์ดชัดๆ ตัวเล็ก ขาว ใส่แว่น เหมือนผมเป๊ะ

"โอ้ย...ๆๆๆ ดึงหูพี่ทำไมเนี่ย" พี่คิมร้องโอดโอย

"ไปมองอะไรเขานักหนา..." ผมบ่นอุบอิบ

"หึงหรือไง?.."

"......"

"น่ารักจัง..."

"......"

"เห็นแอร์หึงพี่แบบนี้ พี่ยิ่งมีอารมณ์อย่างว่ารู้เปล่า?" พี่คิมกระซิบข้างหูผม แต่ดูเหมือนจะเสียงดังไปหน่อย
ไอ้บอยที่กินข้าวอยู่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะเลยได้ยินด้วย ไอ้บอยไม่ได้พูดอะไร เอาแต่ทำหน้าเหวอ อ้าปากค้าง

"โอ้ยย...กูกินตรงนี้ไม่ได้ละ หวานชิบหาย" ไอ้บอยกรอกตาไปมา แล้วยกจานหนี
ลุกขึ้นไปนั่งกับมายด์ที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียวเงียบๆ ผมกับพี่คิมไม่ได้พูดอะไรนอกจากหัวเราะแห้งๆ

"แล้ว..แอร์อยากไปไหนต่อ กลับห้องเลยไหม?" ไอ้คำว่ากลับห้องเลยไหมของพี่คิมเนี่ย
แม่งโคตรจะเข้าใจได้เลยนะว่าหมายความว่าอะไร ผมเองที่เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ก็หน้าแดงหูแดงอย่างห้ามไม่ได้

"อะ..อืม..กลับเลยก็ได้"

"เดี๋ยวพี่แวะเซเว่นแปป"

"แอร์ไม่กินอะไรแล้วนะคืนนี้ ..ไม่ต้องซื้ออะไรมาให้กินอีกล่ะ น้ำหนักขึ้นมาสองโลแล้วเนี่ย"

"เปล่า...พี่ซื้อถุงยาง"

"........"

และแล้วคืนนั้นก็เป็นไปตามคาด เสียงครวญครางของผมก็คงดังลั่นห้อง
เอาจริงๆ รอบนี้ผมไม่รู้ว่าห้องข้างๆรอบนี้จะได้ยินไหม


TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 20:49:00 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
แอร์พี่เขายังเคลียร์ความรู้สึกตัวเองได้ไม่ชัดเลย ไหงปล่อยให้พี่เขากินเอ๊ากินเอาล่ะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mikimoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: LOVE ♥ SONG เพลงบำบัดรัก ตอนที่ 6
«ตอบ #14 เมื่อ30-10-2017 06:18:36 »

LOVE❤SONGㅣเพลง♬บำบัดรักตอนที่ 6

"ตื่นยังครับ..แอร์.." เสียงทุ้มๆของพี่คิมกระซิบข้างหูผมตั้งแต่เช้า

"อือ..." ผมยังงัวเงียอยู่ แต่เห็นแสงสลัวๆจากหลอดไฟข้างถนน ลอดจากม่านเข้ามายังในห้อง
เลยประมาณเวลาน่าจะราวๆตีห้าแล้ว ผ่านมาครบอาทิตย์ผมก็ยังไม่ชินอยู่ดีกับการที่ต้องถูกปลุกแต่เช้าตรู่
ให้ลุกขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไรตามที่พี่คิมอยากให้ทำ

"ตื่นได้แล้วมั้งครับ...ที่รัก" พี่คิมพยายามปลุกให้ผมตื่นด้วยการเอาหน้ามาซุกที่คอ
นี่ไม่รู้ว่าเป็นการปลุกให้ตื่นประเภทไหนกััน ไอ้เวลาแบบนี้ปลุกแบบนี้ มีหวังเป็นอย่างอื่นมากกว่าที่จะตื่น

"แอร์จะ..นอน วันนี้ไม่มีเรียนนะ.." ผมเอาหน้าซุกหมอน หนีการลวนลามยามเช้าของพี่คิม
ผ่านมาเจ็ดวันที่พี่คิมย้ายมาอยู่หอเดียวกับผม เรียกว่าในเจ็ดวันนี้ ไม่มีวันไหนเลยที่ผมไม่ได้มีไรอะไรกับพี่คิม
แล้วแถมพี่คิมนี่ฟิตเหลือเกิน เรียกว่าจัดหนักผมทุกวัน ถ้าผมไม่ได้นอนพัก ตื่นสายๆคงจะต้องตายแน่ๆ

"แต่..วันนี้พี่จะพาไปเที่ยว..." พี่คิมหอมแก้มผมเบาๆ แล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวเตรียมอาบน้ำ

"ให้ตายเถอะ นี่ตีสี่นะพี่..พี่จะรีบไปไหน" ผมหงุดหงิดเล็กน้อยที่พี่คิมลุกขึ้นมา เปิดโคมไฟที่โต๊ะหนังสือปลายเตียง
ทำเอาผมแสบตานอนไม่ได้ แต่เอาเข้าจริงผมก็เซอร์ไพรซ์เล็กๆเหมือนกัน ที่พี่คิมจะพาผมไปเที่ยว

"จะพาแอร์ไปไหน"

"ไปทะเล"

"เห้ยยย...แอร์ไม่มีเวลาขนนาดนั้น"

"ทำไม..พรุ่งนี้ก็วันอาทิตย์ วันจันทร์ก็เรียนบ่าย..ทำไมแอร์จะไม่ว่าง" เสียงตะโกนดังผ่านประตูห้องน้ำออกมาอย่างมั่นใจ
ทำเอาผมอึ้งไปพักนึง เนื่องจากไม่คิดว่าพี่คิมจะรู้ตารางเรียนของผม

"แอร์ไม่อยากไปกับพี่เหรอ...แอร์ไม่อยากใช้เวลาอยู่กับพี่เหรอ"
พี่คิมส่งเสียงอย่างเบาๆ แต่ทำให้ผมคาดเดาหน้าตาพี่คิมตอนนี้ได้เลย ว่าพี่คงกำลังทำหน้าตาแบบหมาหงอย

"แต่พี่อยากนะ พี่อยากอยู่กับแอร์ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง อยากดูแลแอร์ อยาก.."
พี่คิมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ทำหน้าแบบหมาหงอยจริงๆตามที่ผมคิด ทำให้ผมหลุดขำออกมานิดหน่อย

"แอร์ยังไม่ได้พููดเลย...ว่าไม่อยากอยู่กับพี่" ผมอมยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้ชายตัวโตๆ กำลังทำหน้าเศร้า

"งั้นไปนะ..พี่เก็บเสื้อผ้า กับของใช้ของแอร์หมดแล้วตั้งแต่เมื่อคืน" เห้ยยยย อะไรจะขนาดนั้น

"อยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้ แอร์ล่ะกลัวพี่จะเบื่อแอร์ พี่เบื่อแอร์แล้วทิ้งแอร์ แอร์จะทำ...ไง?....อุ๊บ!!"
ผมยังพูดไม่ทันจบพี่คิมก็กระชากแขนผมเข้าไปจูบ เรียกว่าจูบอย่างดูดดื่ม จูบนานมากจนผมต้องดันไหล่พี่คิมออก
แต่ดูเหมือนพี่คิมจะไม่หยุดง่ายๆ ลิ้นของพี่คิมกำลังเลียใบหู ไล่จูบทุกสัดส่วนของร่างกายของผม จนผมตัวร้อนฉ่า

"ถ้าแอร์พูดแบบนี้อีก แอร์จะโดนพี่ลงโทษ" เออลงโทษแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พูดอีกดีป่ะ เผื่อรอบนี้จะโดนปล้ำเลย

"งั้นแอร์มาอาบน้ำพร้อมพี่เลย จะได้ไปกันเช้าๆ สายๆรถติด"

"......"

"มองอะไร..?"

"......"

"เขินพี่เหรอ...ไม่ต้องเขินแล้วมั้ง เคยเห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้ว.."

"เปล่า.."

"พี่ไม่ทำอะไรหรอก อาบน้ำกันเฉยๆ..."

"จริงเหรอ...?"

ผมบรรจงถอดเสื้อผ้าอย่างช้าๆ สายตายังคงจ้องหน้าพี่คิมระหว่างที่ถอด ทำเอาพี่คิมกลืนน้ำลายดังเอื้อก
ผมเอาร่างกายที่เปลือยเปล่าของผมในตอนนี้ โผเข้าสวมกอดพี่คิมอย่างแนบแน่น

"จะไม่ทำอะไรแอร์จริงๆเหรอ.." ผมเย้าหยอกด้วยสีหน้าทีเล่นทีจริง
ผมลูบไล้รอยสักรูปตัวโน๊ตกลางหน้าอกพี่คิมด้วยปลายลิ้น ต่อจากนั้นก็ใช้ปากจัดการส่วนที่กำลังชูชันเบื้องล่างของพี่คิม

"อะ...อือ..เมียกูเด็ดขนาดนี้เลย กูก็เพิ่งจะรู้วันนี้เนี่ยแหละ...อืออ..อ๊ะ.." เสียงครางเบาๆของพี่คิมยังคงดังตามจังหวะ
ผมเองที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกเจ็บหัวเข่าทุกสองข้าง เพราะนั่งคุกเข่าเป็นเวลานานเริ่มจะไม่ไหว เลยลุกขึ้นมาพิงพนังห้องน้ำ

"พี่ทำนะ...หรือแอร์อยากทำที่เตียงเหมือนทุกที" พี่คิมถาม แต่ก็จับผมหันหลังเอาหน้าทาบพิงพนังห้องน้ำ

"เจลหมดอ่ะ..เดี๋ยวพี่ค่อยๆใช้นิ้วไปก่อน..."

"ไม่...เป็น.....ไร..เข้ามา.."

"ทำไมทำตัวแปลกๆ" พี่คิมถามผมด้วยความสงสัย แต่กิจกรรมที่พี่คิมทำอยู่ก็ยังดำเนินต่อไป
ผมกับพี่คิมเมคเลิฟกัันในห้องน้ำตั้งแต่ตีสี่ กว่าผมกับพี่คิมจะออกมาจากห้องก็ร่วมตีห้า เรียกว่าทำผมมึนหัววิ๊งๆ

ผมแบกกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาลของพี่คิมลงบันไดมาอย่างทุลักทุเล โชคดีที่รถพี่คิมมันเด่นซะเหลือเกิน
ผมเลยเดินหาง่ายๆ เพราะที่จอดรถใต้หอผมตอนนี้ มีรถยุโรปหรูๆจอดอยู่คันเดียว นั่นต้องเป็นรถพี่คิมชัวร์อยู่แล้ว
พี่คิมยืนยันจะแบกกระเป๋าลงมาให้ แต่ผมถือวิสาสะหิ้วลงมาเอง เพราะถ้ากว่าจะรอคุณชายลงมา เที่ยงก็คงไม่ได้เดินทาง
ผมว่าจะจัดแจงของใส่รถให้เรียบร้อย แล้วแวะเซเว่นสักหน่อย

"จะไปเที่ยวไหนหรอ..." เสียงกระซิบดังขึ้นจากด้านหลัง เรียกว่าใกล้มากๆจนทำเอาผมตกใจ

"อ้าว...มาไงเนี่ย ! วิทย์" ผมเหวอๆเล็กน้อยเมื่อหันหลังไปเห็นหน้าวิทย์ ที่กำลังโบกมือทักทาย
เพราะล่าสุดผมเบี้ยวนัดที่จะไปกินข้าวกับวิทย์ แถมยังไม่ตอบรับไลน์ที่วิทย์แอดมาหาอีกตังหาก

"แวะมาหาเพื่อน....รถสวยนะ" วิทย์พูดพลางชี้ไปยังรถยุโรปคันหรูสีดำ
ที่ตอนนี้ผมกำลังยกกระเป๋าเดินทางใส่ท้ายรถอย่างทุลักทุเล

"ไม่ใช่รถแอร์หรอก รถพี่คิมน่ะ" ทันทีที่พูดจบ ไอ้วิทย์เรียกว่าชักสีหน้าทันทีที่ได้ยินคำว่าพี่คิม

"อ๋อ...ตกลงข่าวลือนี่จริงสินะ" ไอ้วิทย์เลิกคิ้วขึ้นถามพลางกัดริมฝีปากเล็กน้อย

"ข่าวอะไร..?" ผมถามไปทั้งๆที่รู้ในคำตอบ

"ข่าวที่ว่าแอร์เป็นแฟนกับไอ้คิมไง!"

".............."

"นอนกับมันแล้วดิ?" เห้ยยย.. มึงมากไปหรือเปล่าวิทย์ คือกูรู้นะว่าแม่งต้องถามอะไรในส่วนที่เกินเลย
แต่แบบนี้มันละลาบละล้วงมากไปหรือเปล่าวะ? คือมันเลยขอบเขตสามัญสำนึกของคนปกติแล้ว

"นอนกันท่าไหนอ่ะ...ไอ้คิมมันลีลาดีขนาดจนมึงหลงมันเลยใช่ปะ"

"วิทย์...พูดน่าเกลียดไปแล้วนะ...แอร์ไปทำอะไรให้วิทย์...ไม่พอใจงั้นเหรอ"
ผมพยายามแกะมือข้างขวาที่โดนวิทย์พยายามเข้ามาบีบข้อมืออยู่ ผมสู้แรงมันไม่ได้เลย

"มึงชิ่งไปแบบนั้นคิดว่ากูจะโอเคเหรอ!! กูไม่ใช่ตัวตลกของมึงนะเว่ย"

"วิทย์ แอร์เจ็บนะ ...แอร์บอกให้ปล่อย..."

"ทำไมกูต้องปล่อย...มึงคิดว่าเวลาแบบนี้ จะมีใครมาช่วยมึงได้งั้นเหรอ"
ไอ้วิทย์ที่ตอนนี้ดูโมโหตาขวาง ดูไม่เหมือนคนปกติเลยสักนิด

"มึงจะปล่อยเมียกูดีๆหรือจะให้กูต่อยมึง" เสียงพี่คิมดังขึ้นจากด้านหลังรถ ตอนนี้ว่าหน้าไอ้วิทย์ดูน่ากลัวแล้ว
แต่หน้าตาพี่่คิมตอนโมโหกลับน่ากลัวยิ่งกว่า

"กูไม่ปล่อย กูเจออีนี่ก่อนมึง" เชี่ย...เรียกกูว่าอีนี่เลยเหรอวะไอ้วิทย์ มึงนี่มันเห้..มาก

"กู......ผลั่ว!!" ยังไม่ทันที่ไอ้วิทย์จะพูดอะไรต่อ หมัดขวาของพี่คิมเรียกว่าไวตามที่ขู่ไว้
นอกจากนั้นพอไอ้วิทย์ล้มไป เท้าพี่คิมก็เรียกว่ารัวยิ่งกว่าหมัด เตะไอ้วิทย์ลงไปกลิ้งกับพื้น

"มึงกล้ามากนะ เรียกเมียกูแบบนั้นอ่ะ!!!!...มึงซ่าเหรอ..ซ่าเหรอ" พี่คิมกระทืบไอ้วิทย์อย่างสะบักสะบอม
ดูเหมือนตอนนี้มันงอตัว เอามือปิดหน้าปิดหัว เรียกว่าดูเจ็บหนักเหมือนกัน

"พี่..พอแล้วพี่.." ผมรีบไปห้ามพี่คิม ก่อนที่เรื่องมันจะบานปลายไปกว่านั้น

"แอร์อย่า..!!" พี่คิมตวาดเสียง เมื่อเห็นผมกำลังเดินไปช่วยผยุงวิทย์ ให้ลุกขึ้น 

"ขึ้นรถ..."

"แต่ว่า..."

"พี่บอกให้ขึ้นรถ" ผมขึ้นรถไปตามที่พี่คิมสั่ง พี่คิมเองก็เดินตามมาขึ้นรถในทันที
แล้วขับรถออกไปโดยไม่หันกลับไปมองไอ้วิทย์อีก ตอนนี้บรรยากาศในรถเรียกว่ามาคุสสุดๆ

"คาดเข็มขัดด้วย.." พี่คิมพูดขึ้นอย่างสีหน้าเรียบๆ

"เล่าเรื่องไอ้นั่นให้พี่ฟังหน่อย..มันมาทำแบบนั้นกับแอร์ได้ไง?"

"เอ่อ..."

"จะเล่าไม่เล่า?"

หลังจากที่ผมตัดสินใจเล่าเรื่องของวิทย์ที่มาขอเบอร์ ชวนผมไปกินข้าว รวมถึงเรื่องราวของบุ๊คกับวิทย์
ที่ต่อยกันที่ใต้ตึกวิศวะ ให้พี่คิมฟัง ก็เป็นไปตามที่ผมคาด คือนอกจากจะไม่ทำอะไรให้ดีขึ้นแล้ว
 ยังทำให้พี่คิมอารมณ์เสียกว่าเดิม

"เหมือนที่ไอ้บอยมันเตือนพี่จริงๆ แอร์ไม่ระวังตัวเลย" ผมฟังแล้วแอบฉุนในคำพูดของพี่คิมเล็กน้อย
ที่เหมือนว่าบอยจะเอาเรื่องต่างๆนานาของผมไปคุยกันกับพี่คิมกันสองคน

"สนิทกันดีจังนะ..." ผมพูดอย่างไม่พอใจ

"ไม่ใช่..พี่หมายถึง แอร์อ่ะคิดน้อยไปรู้ไหม หัดปกป้องตัวเองหน่อย"

"ก็...แอร์ไม่คิดว่า วิทย์มันจะทำถึงขนาดนี้"

"ใครๆก็ทำทั้งนั้นแหละ..."

เสียงมือถือดังพี่คิมดังขึ้นขัดจังหวะระหว่างที่พี่คิมกับผมกำลังคุยกันอยู่
ผมแอบเสียมารยาทเล็กน้อยเหลือบตามมองเล็กน้อย เห็นชื่อบนหน้าจอ



'เกนหลง '



พี่คิมยังคงขับรถต่อไป ไม่ได้พูดถึงเรื่องวิทย์อีก แล้วก้ไม่ได้สนใจรับโทรศัพท์ด้วย ผมเองตะขิดตะขวงใจเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เลยไม่ได้คิดจะถามอะไรออกไป เพราะกลัวพี่คิมจะวกมาพูดเรื่องวิทย์อีกรอบ

"แวะปั้มมั้ย..แอร์หิว.." ผมชี้นิ้วให้พี่คิมแวะปั้มน้ำมันข้างหน้า พี่คิมไม่ได้ตอบอะไร แต่เลี้ยวรถเข้าปั้มน้ำมันตามที่ผมขอ
พอรถจอดผมรีบกุลีกุจอเดินลงไปซื้อขนมหลายอย่าง ทั้งไส้กรอกทอดหน้าปั้ม ทั้งน้ำปั่น

"อืมก็มาธุระ...แค่นี้ก่อนนะ" ผมชะงักเล็กน้อยเมื่อเดินกลับมาที่รถ เห็นพี่คิมคุยโทรศัพท์กับใครสักคน
แต่เนื้อหาฟังได้คร่าวๆไม่ค่อยชัด ด้วยความที่ผมแบกถุงขนมพะรุงพะรัง เลยรีบขึ้นรถ
พี่คิมเองก็มองท้องฟ้าแล้วทำหน้าไม่พอใจที่เหมือนฝนกำลังทำท่าทำทางจะตก เลยรีบออกรถเหมือนกัน

"กินนี่ไหม" ระหว่างที่พี่คิมขับรถอยู่ ผมคีบไส้กรอกทอดเข้าปากตัวเองไปหนึ่งชิ้นเคี้ยวตุ้ยๆ

"พี่ขับรถอยู่อ่ะ กินไม่ได้.."

"..ก็แอร์จะป้อนนี่ไง" ผมพูดจบพลางใช้มือหยิบไส้กรอกทอดในถุงยื่นป้อนใส่ปากพี่คิม

"กินได้น่า แอร์ล้างมือแล้ว ไม่อยากใช้ไม้จิ้มป้อนให้ ขับรถอยู่มันอันตราย"
พี่คิมยิ้มมุมปาก แล้วเคี้ยวไส้กรอกที่ผมป้อนอย่างสบายอารมณ์ ดูเหมือนตอนนี้พี่คิมอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว

"พี่ตายแน่ๆ..ถ้าแอร์อยู่กับพี่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง" พี่คิมพูดขึ้นพลางหยิบแว่นกันแดดมาสวม

"ทำไมอ่ะ??"

"ก็แอร์ดูแลพี่ดีแบบนี้ เวลาพี่อยู่กับแอร์สองต่อสอง พี่xxxมาก(ขออนุญาตเซนเซอร์)
พี่อยากจะจัดหนักแอร์ตลอดเวลา ... โอ้ย... ตีพี่ทำไมเนี่ย..."

"ทะลึ่ง !.. " ผมค้อนใส่พี่คิมเล็กน้อย แต่มือก็ยังคงป้อนขนมใส่ปปากพี่คิมอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ดูพี่คิมแฮปปี้ดี

"ขอบคุณนะ..."

"เรื่อง?"

"ที่ยอมมากับพี่" โอ้ย ยอมมาอะไรกัน นี่ก็อยากมาเหอะ ก็อยากจะรู้เหมือนกัน ว่าจะพาไปเที่ยวทะเลที่ไหน
ส่วนใหญ่จะมากับเพื่อน ไม่เคยมากับแฟน ถ้าพูดให้ถูกก็คือไม่เคยมีแฟนเลยมากกว่า

"แอร์สิต้องขอบคุณพี่..ที่พาแอร์มาเที่ยว"

"พี่ไม่ได้พามาเที่ยว..นี่พามาฮันนีมูนนะ" ไอ้พี่คิมตอนนี้ยิ้มเล็กยิ้มน้อยเลยครับ ผมเองก็เขินไม่น้อย

"บ้าน่า...ฮันนีมูนไรกัน ฮันนีมูนเค้าไว้สำหรับคู่แต่งงานหรอก" ผมตอบปัดๆไป

"จะแต่งไหมล่ะ..แต่งวันนี้เลย" เห้ยใจเย็นๆไอ้พี่คิม โหดอะไรเบอร์นั้น

"ไม่พูดด้วยละ..อะไรก็ไม่รู้ ขับรถไปเลย" ผมส่ายหน้าให้พี่คิมแต่ในใจก็แอบดีใจอยู่เหมือนกัน
ที่เรื่องของเราสองคนนับวันยิ่งดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

ขับรถมาได้ประมาณสามชั่วโมงเต็ม โดยไม่ได้แวะที่ไหนเลย ก็ถึงจุดหมาย
บ้านพักตากอากาศส่วนตัวติดทะเลของครอบครัวพี่คิม ดููบรรยากาศร่มรื่นเป็นพิเศษ นอกจากนั้นเมื่อปรายตามองลงไปยังชายหาด ก็ช่างก็ดูเงียบและวังเวง ชวนให้รู้สึกว่าการมาเที่ยวครั้งนี้ บรรยากาศโดยรอบเป็นใจเหลือเกิน
เหมือนโลกทั้งใบเหลือเราเพียงสองคน

"พี่ไม่ได้แวะมานานแล้ว หลายปีแล้วมั้ง"

"แล้วปิดบ้านไว้เฉยๆเนี่ยเหรอ"

"อืม มันไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีโทรทัศน์ ไม่ได้ทิ้งของมีค่าไว้เลย มีแค่พวกเฟอนิเจอร์พลาสติก"
พี่คิมพูดไปพลางลากเก้าอี้พลาสติก โต๊ะพลาสติกออกมากลางลานบ้าน

"เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าวที่ตลาดนะ"

"ไม่ซื้อมาทำเองล่ะ ห้องครัวก็อย่างหรูเลยเนี่ย เตาบาร์บีคิวก็มี"

"เห้ยยย..พี่ทำไม่เป็น"

"เอาจริงอ่ะ?"

"เอาจริง!!"

พี่คิมดูเหมือนจะต้องยอมแพ้ในความตั้งอกตั้งใจของผม ที่คิดจะทำกับข้าวกินเอง เอาจริงๆเดินทางมาเหนื่อยๆ
ผมเองไม่น่าจะรนหาความลำบากใส่ตัวเลย เพียงแค่เพราะอยากทำอะไรให้มันพิเศษ ให้สมกับที่เรามาฮันนีมูน
เอ้ย! มาเที่ยว ผมเลยทำให้พี่คิมต้องเหนื่อยไปด้วย แอบรู้สึกผิดเล็กๆเหมือนกัน

ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง บาร์บีคิวร้อนๆนับสิบๆไม้ก็ถูกจัดวางอย่างสวยงามลงบนจาน
สำหรับผมการทำกับข้าวอาจจะยุ่งยากก็จริง แต่กะอีแค่บาร์บีคิวไก่เสียบไม้ นั้นสบายมาก

"อะ...อร่อย!!!" พี่คิมจัดแจงประเดิมไม้แรกก่อนเลย

"อร่อยก็ดีแล้ว..แล้วดีนะที่แถวนี้มีซุปเปอร์มาร์เกต" ผมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็น พี่คิมนั่งกินอย่างสบายใจ

"น้ำส้มไหม?" ผมพูดพลางรินน้ำส้มยี่ห้อโปรดพี่คิมใส่แก้ว "..ยิ้มอะไรพี่คิม"

"ขอบคุณนะ...พี่มีความสุขจริงๆ" พี่คิมคงหมายความอย่างที่พูดจริงๆ

ผมชายตามองลงไปยังริมชายหาด ที่เงียบจริงๆ เงียบจนได้ยินแค่เสียงถ่านปะทุในเตาบาร์บีคิว กับเสียงคลื่นทะเล

"แอร์ขอโทษนะ ที่ไม่ระวังตัว...ต่อไปจะระวังตัวให้มากกว่านี้"

"ช่างเถอะ พี่ก็ต่อยมันไปแล้วไง"

"คือแอร์ไม่เคยมีแฟนไง..แอร์ไม่รู้ว่าต้องวางตัวยังไง รักษาระยะกัับคนที่เข้ามายังไง"

พี่คิมลุกจากเก้าอี้ แล้วเข้ามาฉุดมือผมให้ลุกขึ้น "ขอกอดหน่อย"

"อะไรเล่า"

"อย่าให้ใครมาเกาะแกะอีกนะ.."

"อะ..อืมม"

ความรักอันฉาบฉวยของผมกับพี่คิม มองผ่านๆก็ดูเหมือนกำลังไปได้ด้วยดี แต่หารู้ไม่ ว่ามีพายุเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น
คงเหมือนอย่างที่ใครหลายคนเขาว่าไว้ ความสุขมักอยู่กับเราไม่นาน...

TBC*
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-10-2017 08:42:58 โดย mikimoto »

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
Re: LOVE ♥ SONG เพลงบำบัดรัก ตอนที่ 6
«ตอบ #15 เมื่อ30-10-2017 10:55:58 »

พายุที่ว่าคงมาจากคนที่โทรมาซินะ

 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด