ความทรงจำ [ the Remember ]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำ [ the Remember ]  (อ่าน 15197 ครั้ง)

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
ความทรงจำ [ the Remember ]
« เมื่อ24-07-2008 21:59:44 »

สวัดดีครับ พอดีวันนี้ ผมได้เข้ามาอ่านนิยายแล้วชอบมาก

อยากแบ่งปันเรื่องราวที่ได้พบเห็นและอ่านให้เพื่อนๆกันครับ

* ผมได้ขอก็อปมาให้อ่านน่ะครับ ผมเห็นว่าน่าสนใจ


ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 1


"..เราไปก่อนนะ  ลาก่อน.."  เสียงแผ่วของเด็กน้อยหน้าขาวๆ ตรงหน้า ทำให้ก้อนอะไรบ้างอย่างจุกขึ้นในลำคอ    รอยยิ้มจางๆเกิดขึ้นบนหน้าเด็กน้อย แต่แววตาเศร้าดูขัดกับรอยยิ้ม เด็กคนนั้นหันหลังกลับเดินไปอย่างช้าค่อยๆ เลือนหายไป ขณะที่เด้กน้อยตัวเล็กๆอีกคนเพิ่งรู้สึกตัว หันไปตะโกนสุดเสียง "นายอย่าลืมเรานะ เดี่ยว......"   เด็กคนแรกหันมองพร้อมยิ้มกว้างแล้วเดินจาก .......

กริ๊ง! ๆๆๆๆๆ ...เสียงนาฬิกาปลุก ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้อง เสียงกรีดร้องของมันสามารถกระชากร่างหนึ่งที่อยุ่บนที่นอนกระดอนตัวขึ้นมาเพื่อปิดการทำงานของมัน

"นี่ใครเลือกนาฬิกาปลุกเสียงอุบาทว์มาว่ะเนี้ย" เด็กหนุ่มเจ้าของห้องสบถอย่างหัวเสียก่อนนึกขึ้นได้ว่า เป้นคนซื้อมันมาเอง  แต่มันก็ได้ผลชะงักนักสำหรับเด็กชาย ผู้นอนขี้เซาแบบเขา  เด็กหนุ่มเหลือบตามองปฏิทินแล้วเกาหัวแบบเบื่อหน่าย

"วันนี้เปิดเทอมอีกแล้วเหรอ อะไรว่ะ"   เขาคิดพลางเตือนตัวเองให้ไปอาบน้ำแล้วรีบไปโรงเรียน วันนี้เป้นวันเปิดเทอมวันแรกของเขา จริงๆแล้วไอ้การขึ้นม.4 นี่มันก้น่าตื่นเต้นอยู่หรอก เพราะจะได้เจอเพื่อนที่ห่างกันไปเกือบ 2 เดือน คงมีเรื่องที่จะได้คุยสนุกพิลึก  แต่เทียบความอิสระในช่วงปิดเทอมแล้ว ทำให้เด็กหนุ่มใจเหี่ยวลงทันตา

เด็กหนุ่มยังคงหน้าบูดเมื่อเดินทางไปโรงเรียน ความจริงการนั่งรถเมลล์ไปเรียนนั้นสะดวกดี แต่เพราะระยะทางที่ไม่ได้ไกลมากเขาจึงตัดสินใจเดินเพราะวันนี้ตื่นเร็วเลยมีเวลาเหลือเฟือ ทางเท้าที่ปูอิฐหยาบที่เรียงทอดยาว กำลังพา เขาเดินมุ่งหน้าไปสู่โรงเรียนมัธยมประจำอำเภอ ซึ่งเขาเรียนจบม.ต้นมาจากที่นี่   เด้กหนุ่มเดิน ตามองมายังบ้านข้างทางหลังหนึ่งที่ดุเหมือนจะปิดไว้เฉยๆ นานแล้ว แนวรั้วรกรุงรังไปด้วยดอกเล็บมือนางที่เจ้าของบ้านคนเก่าปลูกไว้ เมื่อขาดการตัดแต่งจึงทำให้เป็นเช่นที่เห็น  เหมือนกับอุปทานตาเด็กหนุ่มมองไปเห็นเด็กน้อยสองคนวิ่งเล่นหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน โดยเด้กชายตัวโตตัวขาว กำลังวิ่งหนีในขณะที่เด็กน้อยแก้มยุ้ยอีกคนกำลังวิ่งไล่ตาม"เก่งจริงก็จับเราให้ได้ดิ ไอ้เก่งหน้าหมา" เด็น้อยตัวโตกว่าร้องล้อเลียน " ไอ้บ้าเดี่ยว อย่าหนีนะ "เด็กน้อยผิวขาวเหลืองร้องไล่อย่างขัดใจ ภาพเด้กๆวิ่งไล่กันค่อยจางหาย   เก่งยิ้มให้กับตัวเองเมื่อรู้สึกว่าได้มองเห็นอดีต ช่วงวัยเด็กช่างมีความสุขเหลือเกิน โลกของเก่งตอนนั้นมีแต่พ่อแม่พี่สาว และ "เดี่ยว" ผู้เป็นเพื่อนเล่นในวัยเด็ก

"ตอนนี้เดี่ยวจะเป็นไงมั่งนะ"  เด็กหนุ่มคิดเมื่อเห็นบ้านเก่าของเพื่อนวัยเด็ก อาจเป็นเพราะเมื่อเช้าเพิ่งฝันถึง จึงทำให้ภาพเด้กน้อยที่ถูกลืมเลือนฟืนขึ้นมาอีกครั้ง  "ตอนนี้สงสัยเรียนอยู่ที่เชียงใหม่มั้ง"   เก่งบอกไม่ถูกว่าทำไมจำภาพวัยเด้กของเดี่ยวได้ชัดเจน ทั้งที่ตอนนั้น ไม่ไม่เต็ม 5 ขวบด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะเป็นเพื่อนเล่นคนเดียวของช่วงวัยเด็กก้ว่าได้  ตัวเขาเองก็จำไม่ได้แล้วว่าเดี่ยวต้องย้ายบ้านเพราะอะไร จำได้เพียงลางๆว่า เดี่ยวย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่เชียงใหม่เท่านั้น   แต่พี่สาวของเก่งเคยเล่าให้ฟังว่าพ่อแม่เดี่ยวย้ายไปรับตำแหน่งอะไร ประมาณนี้ และยังล้อด้วยว่าช่วงนั้น เก่งซึมมากอย่างเห้นได้ชัด แต่พอเข้าโรงเรียนก็ดูสดใสขึ้น  

เก่ง ละสายตาจากบ้านแล้วเดินต่อไปตามทางอิฐ  โดยไม่ได้สังเกตุว่าในบ้านมีคนอยู่ !           "เฮ้ย! เก่งหวัดดี" เสียงทักดังมาข้างหลังในขณะที่เก่งกำลังจะเดินเข้าประตูโรงเรียน  เด็กหนุ่มหันไปมองรอยยิ้มบนหน้าหวานๆ ของเพื่อนรอยมาก่อน                                "เออ หวัดดี แก้ว "เก่งทักแล้วหยุดรอเด็กหนุ่มตัวเล็กๆอีกคนที่กำลังเดินมา  ไอ้แก้วนั่นเองรู้สึกตัวมันจะสูงขึ้นกว่าเก่าแต่หน้าหวานเหมือนผู้หญิงเหมือนเดิม   "เป็นไงมั่งว่ะช่วงปิดเทอม เห็นเอ้งเงียบหายไป" เก่งถามแก้วขณะเดินขึ้นชั้นเรียน          "ก็ไม่อะไรหรอก ข้าอยู่บ้านเงียบๆน่ะ บ้างที่ก็ขี่จักรยานไปวาดรูปที่ทุ่งบัวน่ะ"แก้วตอบขณะที่เดินหาห้อง   "แล้วเอ็งล่ะ บอกว่าจะไปหาข้าที่บ้านไปวาดรูปกันไง แต่ไม่เห็นมาเลย" แก้วถามมั่งเมื่อนึกถึงเรื่องที่พูดกันก่อนปิดเทอม                                                 "โทษที่คือข้าเอาแต่นอนอยู่บ้านน่ะ ขี้เกียจเลยไม่ได้ไปไหน" เด็กหนุมตอบ "เออ เอ็งดูสูงขึ้น นี่เกือบเท่าข้าแล้ว ไปทำไรมา" เก่งร้องถามแก้วเหมือนจะแซว                                                                                                                                    "แหม! ไอ้เก่ง  คนมันถึงวัยแล้วมันก็ต้องมีการพัฒนามั่งดิ เอ็งจะให้ข้าเตี้ยเป็นเด็กประถมอยู่ได้ไงวะ" ไอ้แก้วตอบแล้วมองหน้าแบบเอาเรื่อง  "ถึงยังไงกูก้ยังเตี้ยอยู่ดี อยากสูงแบบไอ้พวกรุ่นพี่ ม.6 มั่งจังว่ะ" แก้วพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจขณะที่กำลังเก้าเข้าห้อง                                                                             " เอาน่าเดี๋ยวเอ็งกะข้าก็สูงเองแหละ ล้อเล่นแค่นี้คิดมาก"เก่งหัวเราะขำเมื่อเห็นเพื่อนจ๋อยลงไป จะว่าไปเพื่อนทุกคนตอนนี้ก้เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายไปหมด ดูกลายเป็นหนุ่มเป้นสาวกันหมด เก่งเองก้เช่นกันความสูงที่เพิ่มมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้มากเพียงแต่สูงมากว่าแก้วเล็กน้อย

หลังเคารพธงชาติแล้วเมื่อเด็กๆทุกคนถูกปล่อยให้เข้าห้องเรียน ความเงียบก่อนหน้านี้ถูกแทรกด้วยเสียงจ้อกแจ้กจอแจ ของเหล่าเด็กที่เพิ่งแตกเนื้อหนุ่มสาว ทุกคนมีเรื่องคุยกันเหมือนว่าไม่ได้เจอกันมาแล้วเป็นชาติ ไม่เว้นแม่แต่กลุ้มของเก่ง                                                "นายเป็นไงกันมั่งน่ะ  เก่ง แก้ว ปิดเทอมไม่โทรหาเลยไหนว่าจัดนัดไปเที่ยวบ้านแก้วไง " เด็กหญิงหน้าตาน่ารักผิวเหลือง เอ่ยถามเมื่อทุกคนจัดที่นั่งตามใจชอบเรียบร้อยแล้ว  "ใช่ เราก้รออยู่ว่าจะไปกันวันไหน แต่ไม่เห้นมีใครโทรมาเลยนะ ว่าไง ไอ้พัฒน์ ไอ้เคน"เด็กหญิงอีกคนเอ่ยบ้าง ผิวสองสีที่ดูเนียนๆไม่ทำให้รู้สึกว่าเธอคนนี้เป้นคนผิวคล้ำ           "หยุดเลยพวกเธอสองคน หนอยแน่! แล้วนึกได้ทำไมตัวเองไม่โทรนัดล่ะ  จริงๆแล้วพวกเธอก้ขี้เกียจใช่มะ" ไอ้พัฒน์ คนปากกล้าประจำกลุ่ม เอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด                                      "ใช่แล้ว ยายพวกตัวดีทั้งหลาย"ไอ้เคนกับเก่งร้องสนับสนุน            "อ้าวแล้วพวกนายล่ะ ทำไมไม่โทร  มันก็เหมือนกันแหละใช่ม้า "บีมสาวน้อยตาคมถามแล้วยักคิ้วตอบอย่างท้าทาย                                                                                                "เอ้ย! หยุดเถียงกันได้แล้ว มันพอกันทั้งกลุ่มแหละ หน่อยแน่! โยนกันไปโยนกันมานะไอ้ความผิดเนี้ย  วันหลังบอกมาตามตรงว่าไม่อยากไปนะ จะได้ไม่เสียเวลารอ" ไอ้แก้วหน้าหวานร้องห้ามแบบเคืองแล้วนิ่งไป                                                                                                                                                         ทุกคนในกลุ่มหันมองเจ้าของเสียง หน้าเสียกันไปตามๆกัน  ไม่เว้นแม้แต่เก่ง เก่งเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยที่ไม่ได้กระตือรือร้นทั้งที่เพื่อนตั้งหน้าตั้งตารอให้ไปเที่ยวบ้าน     แก้วยังคงนิ่งไม่หันมาคุยกับเก่งและเพื่อนๆ   "เฮ้ย! ไอ้แก้วมันโกรธแล้วดูดิ ไม่น่าเลย"ไอ้พัฒน์หันมากระซิบบอกคนอื่นๆ สองสาวหน้าใสหน้าเสียเพระเป้นต้นเหตุ " ไอ้เก่ง เอ็งไปดึงมันมาที่เดี๋ยวไงพวกเราจะต้องขอโทษมัน "ไอ้พัฒน์กระซิบบอกเก่ง เด็กหนุ่มหันไปอย่างว่าง่าย พลางสะกิดเพื่อนตัวเล็ก                                                                                                                             "สะกิดทำไม มีไร ห๊า" แก้วตอบกลับมองตาขวาง  เก่งและเพื่อนรู้สึกหนาวขึ้นมายังไงไม่รู้    ถึงแม้แก้วจะเป้นคนตัวเล้ก แต่ใจแข็งเหลือเกิน จำได้ว่ามันเคยโกรธไอ้พัฒน์ที่ล้อ มันว่าเป็นกระเทย จนมันไม่ยอมพูดด้วยเกือบเดือน  เก่งคิดว่าคราวนี้ดุส่อเค้าว่าจะเป็นแบบเดิมอีกเพราะดูแก้วจะโกรธมาก " มีไรก็พูดมา" มันทำเสียงเย็นชาใส่เก่งและเพื่อน ทำให้ทุกคนต้องสะกิดเกี่ยงกัน "ตกลงมีไรกันแน่ " ไอ้แก้วตาขวางมองเรียงตัว  " คือพวกเราขอโทษนะที่ทำให้นายรอน่ะ พวกเราไม่ได้เจตนานะ" แพทถูกดันมาให้เป็นคนเจรจา ส่วนเก่งและเพื่อนคนอื่นพยักหน้าพร้อมกัน  " เอาเป้นว่าเรารับคำขอโทษแล้วกันแต่เราจะจำไว้ว่าพวกเธอทำอะไรไว้กับเรา" มันพูดพร้อมมองเรียงตัว แล้วหันหน้าเดินมุ่งหน้าไปที่ประตู ก่อนหันหน้ากลับมามองเก่งและเพื่อนที่หน้าเสียอยู่ พร้อมตะโกนขึ้นว่า " กูล้อเล่นโว้ย !!!! .... ฮ่าๆ ว่าแล้วแก้วก็วิ่งหนีไป ตามด้วยเสียงด่าทอของเพื่อนพร้อมเสียงวิ่งไล่ของเก่ง พัฒน์และ เคน สนั่นห้องเรียนไปหมด

นี่! ทุกคนเงียบ ๆ  เสียงอาจารย์ที่ปรึกษาดังมาเมื่อเห็นว่าเสียงดังพึมพัมยังไม่เงียบขณะที่เดินเข้ามา เก่งเงียบเสียงและปล่อยมือจากคอเพื่อนตัวเล็ก หลังจากที่จับแก้วได้หลังห้องเรียน และกำลังลากตัวมาให้เพื่อนๆฉลองศรัธทา  แต่เสียงอาจารย์เข้ามาขัดจังหวะก่อน "ฝากไว้ก่อนเหอะ เอ็ง" เก่งและเพื่อนคำรามเมื่อเห็นแก้วยิ้มร่าเมื่อรอดตัวไปได้    อาจารย์ท่านนี้เป็นที่คุ้นเคยกันดีเพราะเคยสอนคณิตให้เก่งมาแล้ว  แต่ไม่เคยอยู่ในความดุแลของอาจารย์ลักษมี(ชื่ออาจารย์)เลย แต่เก่งคิด
ว่าอาจารย์ดุท่าทางใจดี ถึงแม้ว่าจะพยายามทำตัวให้ลูกศิษย์กลัว แต่แววตาและสีหน้าบอกให้ถึงใจใจที่มีความปราณีสูง   ห้องของเก่งนั้นส่วนมากเป็นคนคุนเคยกันเพราะเรียนร่วมกันมาตั้งแต่ ม.3   เก่งอยู่ห้อง 2 สายวิทย์ ถึงแม้ไม่ใช่ห้องคิงแบบห้อง1  แต่เก่งกลับดีใจที่มาอยู่ห้องนี้เนื่องจากทุกคนในห้องรักกันดี จนอาจารย์หลายท่านเอ่ยปากชมเด็กห้องของเก่ง

"วันนี้มีเด็กใหม่เข้าเรียมรวมกับเราด้วยนะ เพิ่งย้ายมา เอ้าเธอแนะนำตัวซิ"  อาจารย์ลักษมีบอก เมื่อเด็กหนุ่มตัวขาวสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา "แพทดูดิ หล่ออะ" สาวบีมผู้ก่ากั๋นกระซิบบอกแพทผู้เรียบร้อย โดยที่แพทก้มองเป้าหมายเดียวกับบีม "ผมชื่อณัฐพล ครับยินดีที่ได้รู้จัก" เสียงฮือฮาของสาวในห้องดังขึ้น เมือเด็กหนุ่มตัวสูงขาว เอ่ยแนะนำแล้วยิ้ม     "อืมไอ้นี่หน้าขาวชะมัดยาดเลย ตัวแม่งโคตรสูงเลย เอ คุ้นๆ ว่ะ" เก่งคิด แล้วรู้สึกงงตัวเอง ตัวเขาจำได้แน่ว่าไม่เคยเจอไอ้ผู้ชายคนนี้มาก่อน  แต่ความรู้สึกมันไม่ใช่นี่   !  เก่งพยายามคิดเพราะมั่นใจว่าต้องเคยเจอแน่ แต่ไม่รู้ที่ไหน เก่งจ้องนานจนเด็กหนุ่มยืนหน้าชั้นเรียนสังเกตจึงมองตอบมา แล้วยิ้มมุมปากให้  รอยยิ้มนั้นดูดีใจ แต่มันทำให้เก่งยิ่งงง!

วันนี้อีกวันที่วุ่นวายของเก่ง เนื่องจากไหนจะต้องเรียนไหนจะ ต้องเตรียมหาชมรมกิจกรรมเสริม(โรงเรียนบังคับให้เข้า)  เก่งหนักใจเนื่องจากชอบหลายอย่างโดย เฉพาะชมรมบาส กับฟุตบอลแต่สุดท้ายก็โดนอาจารย์ฝ่ายศิลปกรรมลากเข้ามาที่ชมรมจนได้ไอ้แก้วเช่นกัน    เก่งรู้สึกเซ็งเมื่อโดนบังคับ ก็ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อตัวเขาเป็นนักกวาดถ้วยรางวัลศิลปกรรมประจำเขตอยู่แล้ว  จึงไม่แปลกที่เก่งต้องมานั่งอยู่ในห้องศิลปะอีกครั้ง ทั้งที่บอกกะตัวเองไว้แล้วว่า เทอมนี้จะเข้าชมรมบาสให้ได้

" เฮ้ย เบื่อ" เก่งร้องออกมาหลังจากเลิกชมรม พร้อมเตรียมตัวกลับบ้าน                                   " ทำไมว่ะ" ไอ้แก้วร้องถามขณะที่ลงมือเก็บดินสอลงกล่องแล้วใส่กระเป๋า    "ก็ข้าเบื่อต้องมานั่งวาดรูปง่ะ ข้าอยากออกไปอยู่ชมรมอื่นมั่ง " เก่งบ่นกะปอดกระแปด  " มันสายไปแล้วว่ะ  อาจารย์เค้าคงอยากเก็บเอ็งกะข้าไว้ล่ารางวัลน่ะสิ เอาเหอะ เอ็งก็ช่วยจารย์แกหน่อย  แล้วค่อยหนีไปเล่นบ้างแกก็คงไม่ว่าหรอแล้วอีกอย่างกิจกรรมมันก็มีวันเดียวเอง  "แก้วพูดปลอบแต่เด็กหนุ่มยังคงหน้าหงิก แล้วชวนกันเดินออกมาหน้าประตูโรงเรียน  " ไอ้พวกนั้นมันกลับไปหมดแล้วง่ะ เอ็งกะข้ากลับกันมั่งเหอะ" ไอ้แก้วบอก พลางตบไหล่โบกมือลา                                                                                                    เก่งเริ่มเดินเงียบเมื่อเริ่มคิดถึงเรื่องนักเรียนใหม่คนนั้น      "หน้ามันคุ้นนะ แต่นึกไม่ออก " เก่งขมวดคิ้วพึมพำกับตัวเอง คิดวนไปวนมาอยู่หลายรอบ เสียงกริ้งจักรยานดังรัวๆขึ้น" เฮ้ยหลบๆๆ" เก่งหันมองแล้วรู้สึกว่ามันพุ่งเข้าถึงตัวอย่างรวดเร็ว!  "เฮ้ย !" เก่งกระโดดหลบจักรยานลงข้างทาง จักรยานคันนั้นก็หักหนี แล้วชนเข้ากับต้นไม้โครมใหญ่!  ก่อนจะล้มลง เก่งมารู้สึกตัวอีกที่ก้เห็นว่าขาตัวเองอยู่ในสระบัวข้างทาง ดีที่น้ำตื้นแค่เข่า  ส่วนเจ้าจักรยานซิ่งคันนั้นลิ้มกลิ้งอยู่ตรงนั้น เจ้าของจักรยานหันมามองด้วยสายตาตกใจ                                                                                               "เอ้ย! นายเป็นไรเปล่า เราขอโทษเราเบรกไม่ทัน " ไอ้เด้กใหม่ที่เพิ่งเข้าวันนี้น่ะเอง อ้าวดูดิยังมายิ้มขำอีก                       "เราไม่เป้นมั้งเนี้ย แค่ลงมาแช่โคลนเล่นเท่านั้นเอง " เก่งพูดกวนกลับ ก็แหมไอ้บ้าเอ้ยเห้นอยู่เนี้ย                                                                                                                 "นายไม่เป็นไรก็ดีแล้ว เอ้า! ขึ้นมา"เด็กใหม่ พูดพร้อมยืนมือมาฉุด  " ไม่ต้องเราขึ้นเองได้ "   เก่งพูดพร้อมตะกายขึ้นจากบ่อ อย่างทุลักทุเล    " วันหลังนายหัดขี่จักรยานให้มันระวังคนมั่งนะ ทำงี้คนอื่นเค้าเดือนร้อน หัเราะทำไม ห๊า"  เก่งร้องบอกเมื่อเห้น เด็กหนุ่มตัวสูงหัวเราะสภาพของตน  แล้วเดินหนีไป   "เอ้ยเดี๋ยวเราไปส่งบ้าน " เด็กหนุ่มตัวขาวสูงตะโกนบอก  เก่งหันมองตาขวางใส่ " นายกลับไปหัดขี่จักรยานใหม่ก่อนเหอะแล้ว ไป๊" ว่าแล้วรีบเดินไปด้วยความโกรธ อะไรว่ะไอ้นี่ หัวเราะอยู่ได้ทำคนอื่นเดือดร้อนแท้ๆ  " งั้นเอาไว้วันหลังน๊า....." ดุมันยังตะโกนตามอีกไม่ได้สำนึกเลย ไอ้บ้าเอ้ย กวนติงจริงเลย เสียงหัวเราะของหนุ่มน้อยร่างสูงเมื่อกี้ ทำให้เก่งเคืองมากจริงๆ   แต่ความรู้สึกที่เหมือนคุ้นเคยกัน ยังคงวนเวียนอยู่นั่นเอง...


{ มีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }

*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 20:19:13 โดย THIP »

joypluss

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #1 เมื่อ24-07-2008 22:09:02 »

เข้ามาอยู่เป็นเพื่อน  .....
มาต้อนรับนิยายใหม่  ...   :mc4: :mc4:
แล้วมาต่อไวๆน้า   :bye2:

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #2 เมื่อ25-07-2008 10:02:51 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 2


เก่ง..กลับถึงบ้านด้วยสภาพโคลนเต็มตัว เสื้อนักเรียนเสียขาวสะอาดมีรอยด่างของโคลนกระเด็นใส่   รองเท้านักเรียนก็เต็มไปด้วยโคลนมากมาย ตัวเขามองสภาพที่เกิดขึ้นกับตัวแล้วนึกถึงลูกหมาที่เพิ่งไปคลุกโคลนมา    ไม่รู้สึกเจ็บตัวอะไรแต่เจ็บใจอยู่ลึกๆ เมื่อนึกถึงหน้าขาวๆที่อมยิ้มขำๆและหัวเราะเมื่อ เห็นสภาพของตัวเขาในตอนนี้   ในหัวเก่งยังคงกรุ่นไปด้วยความแค้นที่มันก่อมาจากรอยยิ้มและหัวเราะของไอ้เด็กใหม่หน้าขาวนั่น

"เก่ง  กลับมาแล้วเหรอ อ้าวทำไมเปื้อนขนาดนี้" แม่ของเก่งตกใจมากเมื่อมองเห็นสภาพของเก่ง     "ไม่มีอะไรหรอกแม่แค่เดินไม่ระวังเลยพลาดก้าวลงบ่อบัวริมทางน่ะ " เก่งบอกแม่แต่ไม่ได้บอกหมดทุกอย่าง       " โอย!ซุ่มซามเหลือเกินลูกชั้น "  คุณนายแม่บ่นเข้าให้แล้ว     เก่งไม่อยู่รอฟังเพราะมันต้องกินเวลาไปหลายนาทีแน่กว่าจะจบ  แยกตัวไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ   เสียงแม่ยังดังอยู่  "นี่เก่งวันนี้ น้าอรมาหาแม่ล่ะ จำน้าอรได้รึเปล่า น้าอรแม่ของเดี่ยวไง"     คุณนายแม่ยังคงพูดไปเรื่อย เก่งยังคงนิ่งฟังเสียงแม่ตนในขณะที่ลงมือซักผ้า   "น้าอรน่ะ เค้าย้ายกลับมาแล้วนะ เห็นคุณวิทย์น่ะเค้าเข้ามารับตำแหน่งที่นี่อีกครั้ง  เลยย้ายกันมาหมด "    คุณนายแม่ยังคงบอกเสียงใส  " โอยวันนี้ น้าอรเขามา แม่คุยกันซะมันหยดเลย  ไม่เจอกันนานเลยที่เดียวสิบกว่าปีนะ"     เก่งยังคงเงียบอยู่ในห้องน้ำ จริงๆน่าจะเรียกว่าไม่ได้ฟังมากกว่า เพราะมัวแต่เจ็บใจไอ้รอยยิ้มบ้าๆนั่นอยู่   "นี่ๆ เดี่ยว ก็ย้ายมาด้วยนะ แต่แม่ยังไม่เจอเลย ไม่รู้หน้าตาเป็นไงมั่ง " เก่งสะดุดหู เดี่ยวเหรอ! เดี่ยวเพื่อนเก่าเนี่ยเหรอย้ายกลับมา    เก่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ภาพเด็กน้อยตัวขาวในอดีต โผล่ขึ้นมา  หน้าตาเดี่ยวตอนนั้น ตาตี่ตัวขาวๆ ผิวใสที่ใครเห้นเป้นต้องเข้ามาชม  ส่วนเก่ง นั้นเป็นเด็กตาโตๆ แก้มยุ้ยแล้วเด็กพ่อแม่ก็ชอบจับแต่งตัวเป้นผู้หญิงเลือเกิน จนใครๆก็คิดว่าเก่งเป็นเด็กผู้หญิง      เก่งยิ้มให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องอดีต............

 

" เรา2 คนเป็นความหวังของโรงเรียนเรานะ ยังไงก็สุดฝีมือแล้วกัน " อาจารย์ฝ่ายศิลปกรรมบอกกับเก่ง  และแก้ว เมื่อถึงเวลาใกล้ที่จะส่งผลงานเข้าประกวด    เก่งและแก้วมองหน้ากันอย่างเซ็งๆ   "ครับ อาจารย์ " เก่งตอบรับแผ่วๆ    แล้วเสียงบ่นก็ดังขึ้นเมื่ออาจารย์เดินออกไป   "ทำไมอาจารย์แกเพิ่งมาบอกเอาตอนนี้เนี้ย  แล้วนี่จะทำทันไม๊ มีเวลา อยู่แค่อาทิตย์เดียวเอง " เด็กหนุ่มบ่น หน้าเริ่มง้ำ      "เออน่า  ดีแล้วล่ะที่มีเวลาให้ตั้ง  1 สัปดาห์นะ  ปีที่แล้วน่ะ  3  วัน "แก้วบอกอย่างปลงๆ     " ถ้าเราไม่รีบทำซะตั้งแต่ตอนนี้ เสร็จไม่ทันแน่  มาเร็ว! " แก้วพูดพร้อมยิ้มอุปกรณ์ขึ้นมา      เก่งเบ้หน้าแต่ก็เดินมายังโต๊ะงานของตน                  "นีมันอะไรกันนักหนา นี่เพิ่งจะเริ่มเรียนไปได้แค่ครึ่งเดือนเอง  แล้วทำไมต้องมานั่งวาดรูป แล้วต้องกลับบ้านเย็นด้วย  เฮ้อ! "  เก่งคิด   " แต่เอาว่ะไหนๆ ก็รับปากอาจารย์ไปแล้ว สุดความสามารถแล้วกัน"   เก่งคิดแล้วกลับมาฮึดสู้อีกครั้ง จับดินสอแล้วจรดมือลงวาดรูป  ใจสงบลงเมื่อเริ่มมีสมาธิกับสิ่งที่ทำ                 ตึง! เสียงอะไรบ้างอย่างกระทบหน้าต่าง เก่งสะดุ้งเฮือก " เฮ้ย ไรว่ะ "  ลุกบาสนั่นเองที่มากระทบหน้าต่าง ดีนะที่ไม่ลอดเข้าไม่งั้นของในนี่กระจายแน่ ไอ้ข้างห้องศิลปกรรมนี่มันเป็นสนามบาสกลางแจ้งนี่  เสียงโวยวายเสียงหัวเราะ พร้อมกับ มีเด็กหนุ่มร่างสูงๆ วิ่งมาเก็บบอล ผิวขาวๆ ที่โผล่ออกมานอกเสื้อกล้ามสีขาว ดูเป็นมันเงาเพราะเหงือ ตามแขนขามีแต่มัดกล้ามแสดงให้เห้นว่าเจ้าของร่างเป็นคนออกกำลังกาย  เก่งมองออกไปแล้วขมวดคิ้ว " ไอ้พวกบ้านี่เสียงดังจริง ไม่มีสมาธิเลย"  และเหมือนคนโดนมองรู้ตัว เงยหน้ามองมา  อ้าวนั่นมันไอ้เด็กใหม่นี่   เด้กหนุ่มตัวสูงขาวเลิกคิ้วเป้นเชิงถามเมื่อเห้นเก่งจ้องแบบเอาเรื่อง   แล้วส่งยิ้มให้นิดๆ    "มันยิ้มทำไมว่ะ " เก่งขมวดคิ้ว และ หันกลับมาวาดรปต่อ        "มองไรว่ะเอ็งอ่ะ" แก้วถาม    " เปล่านีไม่มี อะไร แค่รำคาญเสียง" เก่งตอบแล้วพยายามทำสมาธิวาดภาพต่อ  แต่สิ่งที่ได้มาแทนสมาธิ คือภาพรอยยิ้มเมื่อกี้   เก่งยังสงสัยว่าเด็กใหม่คนนั้น ยิ้มให้ตนทำไม   จะว่าไป ตนก็ไม่ได้คุยอะไรกับเด็กใหม่คนนั้นเลย  อาจเป็นเพราะยังเคืองที่หัวเราะเยาะเก่งตอนตกบ่อบัว       ถึงแม้จะอยุ่ห้องเดียวกัน เก่งก็ยังไม่รู้เลยจริงๆ ว่าชื่อเล่นของเด็กใหม่นั่นชื่ออะไร   เพราะไม่ได้สนใจใครเลยนอกจาเพื่อนในกลุ่มเท่านั้น ......

  เหลือเวลาอีก  2 วัน แล้ว ที่เก่งต้องส่งรูปเข้าประกวด รูปของเก่งในตอนนี้ เกือบเสร็จแล้ว เหลือเก้บรายละเอียดอีกไม่มากนัก  ตอนนี้ในห้องศิลปกรรมมีเก่งอยู่คนเดียว เพราะแก้ววาดรูปเสร็จแล้วจึงกลับบ้านก่อน  เก่งมองรูปที่แก้ววาด ภาพสีโปสเตอร์นั่นเป็นเรื่องราวของพราะพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้นั่งประทับอยู่ใต้ต้นโพธิ์  เบื้องหน้ามีสามนางมารคอยร่ายรำหลอกล่อให้หลงไหล  ภาพที่แก้ววาดเป็นภาพกึ่งฝันกึ่งจริง  เก่งรุ้สึกได้ว่าแววตาของมางมารทั้ง 3 มองเย้ายวนมา ช่างเป็นภาพที่งามจริงๆ   เก่งคิด     ส่วนภาพของเก่ง เป็นภาพสีน้ำเป็นเรื่องราวตอนที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับมาจากดาวดึงส์           เก่งตั้งใจอยากมากกับรูปนี้  และรู้สึกภูมิใจเมื่อสิ่งที่อดทนมาตลอดสัปดาห์กำลังจะสำเร็จ 

"เฮ้ยๆๆๆ! ระวัง" เสียงห้าวๆตะโกนมา เก่งหันไปมองอย่างหัวเสีย " ไอ้บ้า เอ้ยจะแหกปากกันทำไ ....เฮ้ย! " เก่งร้องด่าไม่ทันจบ ลูกบาสพุ่งเข้าใส่อย่างเร็ว! เก่งโดดหลบด้วยสัญชาติญาณ   โครม!  เก่งลงมานอนกลิ้งอยู่ที่พื้น รู้สึกเจ็บทีข้อมือแปล็บๆ   ลูกบาสยังกระดอนอยู่ข้างตัว   เก่งเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นรูปของตัวเองล้มลงมากองกับพื้น  กลางรูปเป็นรอยเปื้อนที่ลูกบาสกระแทกเมื่อกี้          เก่งเอามือยันตัวลุกขึ้นนั่ง  รู้สึกเจ็บที่ข้อมือความโกรธปราดขึ้นหน้า " ใครแม่งทำว่ะ"   เก่งตาขวางร้องคำราม    "เฮ้ย!เราขอโทษนะ นายเป็นไงมั่ง " เสียงห้าวร้องตกใจดังข้างตัว เขาแหงนหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง  " อ๋อ ไอ้เด็กใหม่นี่อีกแล้วเหรอ " เขากัดฟันแน่นพยายามอดกลั้น แต่ไม่เป็นผล     " เจ็บตรงไหนรึเปล่า" เด็กหนุ่มตัวขาว เอื้อมมือมาคว้าแขนของเก่ง      เขาสะบัดมือออกแล้วลุกขึ้นมองหน้า     "นี่นายอีกแล้วเหรอ  เมื่อไหร่นายจะเลิกก่อความเดือดร้อนให้คนอื่นซะทีนะ   ดูดิสิ่งที่นายทำลงไปน่ะ " เก่งชี้ไปยังรูปที่มีรอยเปื้อน    เด็กหนุ่มตัวขาวหน้าเสีย " เราขอโทษ เราไม่ตั้งใจ เรา....."   " นายไม่ต้องมาพูดเลย  คำขอโทษของนายมันไม่ช่วยอะไรหรอก " เก่งหน้าแดงด้วยความโมโห   " แล้วจะให้เราทำไงล่ะ จะให้เราขอโทษนายอีกครั้งก็ได้ถ้ามันทำให้นายพอใจ " เด็กหนุ่มเจ้าของลูกบาสเริ่มหน้าแดงเสียงดัง  แสดงถึงว่าเริ่มกำลังไม่พอใจ     " นายไม่ต้องทำอไรหรอกแค่อยู่ห่างจากชีวิตเราก็พอ เราเจอนายที่ไรมันซวยทุกที"   เก่งร้องตอบ มองอีกฝ่ายด้วยนัยตาขุนเคือง แล้วเดินออกไป  ปล่อยให้อีกฝ่ายยืนนิ่ง............

เก่งรู้สึกหนักใจแทนความโกรธเมือครู่  เมื่อคิดถึงผลงานจะต้องส่งอีก  2  วัน  เก่งเองยังไม่แน่ใจเลยว่า จะทำทันรึเปล่า  " ทันสิมันต้องทัน ถ้าเราทำตอนนี้ ถ้าใช้เวลาทั้งคืน มันต้องเสร็จทันแน่" เขาคิด พร้อมค้นหาอุปกรณ์ต่างที่ตนเองเก็บไว้ในห้องนอนของตัวเองออกมา แล้วลงมือวาดรูปอีกครั้ง  ........

เสียงไก่ขันเจื้อยแจ้วทีข้างบ้านเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่า ใกล้จะเช้าแล้ว  เก่งยังคงไม่ได้นอน  เขายังคงนั่งลงสีรูปที่วาดไว้อย่างใจเย็น ตอนนี้ลงสีไปเกือบ 70 %  แล้ว  แม้ตัวเขาเองรู้สึกได้ว่าง่วงมาก แต่เมื่องานไม่เสร็จเขาก็ยังหยุดไม่ได้      เพราะนี่มันคือความรับผิดชอบของเขาที่ต้องส่งงานให้ทันเพื่อ โรงเรียน                    นาฬิกากำลังเดินไปอย่างช้าๆ เก่งยังนั่งวาดรูปอยู่ตอนนี้เกือบเสร็จแล้วเหลือรายละเอียดเล็กน้อยเท่านั้น  นาฬิกาส่งเสียงเหงงหง่าง เตือนให้เขารู้ว่า  ถึงเวลาที่ควรจะไปโรงเรียน  เขาเดินโซเซออกจากบ้าน รู้สึกมึนงง ขอบตาร้อนผ่าวไปหมด  ปวดข้อมือหนึบ  " เรายังตายตอนนี้ไม่ได้ ต้องส่งงานก่อน " เขาสั่งตัวเองดังๆแล้วจึงพยายามเดินไปยังโรงเรียน         

" เฮ้ย! นายเป็นไรเนี้ย เก่ง" สาวแพทร้องถาม เมื่อเห็นสภาพ  เก่งรู้สึกมึนๆและเวียนหัวแต่ยังฝืนยิ้มให้เพื่อนๆ  "ไม่เป็นไรหรอก  เดี๋ยวเรามานะ ไปห้องศิลปกรรมก่อน " เก่งร้องบอกเพื่อนๆ   แล้วแยกตัวออกมา ความรู้สึกเหมือนพื้นไหวๆ ตามมาเป็นระยะ  เขาเหงือซึมเล็กๆ เมื่อเดินมาถึง   พลางหยิบรูปที่เพิ่งวาดเสร็จมาตั้งที่รูปที่เสียไปเมื่อวาน แล้วเริ่มลงมือเก็บรายละเอียดอีกครั้ง   

เก่ง..วาดรูปเสร็จเมื่อสัญญาณเรียกเคารพธงชาติดังพอดี เขายิ้มกับตัวเองเมื่อภาระเหล่านี้หมดลง รอบตัวดูมันวูบไหวไปหมด เมือเขาลุกขึ้นเดินจะไปเข้าแถวเคารพธงชาติ  เขาพยายามสูดหายใจลึกๆ เพื่อไล่ความมึนงง แล้วจึงเดินไปยังสนามกลางแจ้ง       เก่งรู้สึกได้เลยว่าวันนี้เป้นวันที่แดดแรงเหลือเกิน ๆ แต่ทำไมตัวเขาหนาวๆนะ ความมึนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ขาเริ่มสั่นๆ  ไม่ไหวแล้ว เขาเอื้อมมือไปจับบ่าของแก้วที่ยืนข้างหน้าไว้   แก้วหันขวับมาดูพร้อมร้องเสียงหลง " เฮ้ย! ไอ้เก่งมึงหน้าซีด "    แล้วทุกอย่างก็ดับวูบลง..... 

เก่งลืมตาขึ้นมาอย่างงงๆเมื่อเห้น พัดลมเพดานหมุนวนอยู่ รอบตัวมีแต่สีขาว หันไปอีกทางมีเพื่อนผมครบเซ็ตยืนอยู่หน้าสลอน    "เอ้ยจะลุกขึ้นมาทำไม  นอนเลยมึง นอนลงไป " เสียงให้เคนไอ้พัฒน์ดุ เมื่อเห็นเขากำลังพยุงตัวขึ้น   "เรากะแล้วเชียวว่าแก่งต้องไม่สบาย เห้นหน้าซีดตั้งแต่เช้าแล้ว " แพทพูดขึ้นมา  "วันนี้นายนอนไปแล้วกัน เดี๋ยวเราจดงานให้ แก้วบอก   เก่งพยักหน้าแล้วยิ้มให้หน้าดูมีสีเลือดขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่มาก    "ขอบใจมากที่ลากเรามาเข้าห้องพยาบาลจนได้นะ "   เขากล่าวขอบใจเพื่อน  " ไม่ใช่พวกเราหรอกที่พานายมาน่ะ " แล้วใครล่ะ เขาคิด  " แต่เป็นไอ้เด็กใหม่น่ะสิ พอรู้ว่านายเป็นลมมันหน้าตาตื่นรีบอุ้มนายมาห้องพยาบาลเลย" บีมบอกกับเก่ง   เขางง  นี่จริงเหรอว่ะไอ้นั่นมันมาอุ้มกูจริงรึนี่ แล้วมันทำไปทำไมเนี้ย      " เออ เอ็งนอนเหอะพวกข้าไปแล้ว  "ไอ้เคนเอ่ยแล้วทุกคนก็พากันทยอยกลับ      เก่งยังไม่หลับถึงแม้จะเพลียมาก แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่าเด็กหนุ่มตัวสูงคนนั้นทำมถึงมาส่งตนทั้งที่เมื่อวาน ตัวเขาเองก็ด่ามันไปแรงเหมือนกัน สักพักเก่งเริ่มเคลิ้มเพราะร่างกายต้องการพัผ่อนอย่างรุนแรง  ความคิดสุดท้ายก่อนที่จะหลับก็ยังคงวนเวียนอยู่กับ เด็กหนุ่มร่างสูงคนเดิม

กริ๊ง....... เสียงกริ๊งของอาคารเรียน บอกให้รู้ว่าเป้นเวลาเลิกเรียน เก่งตืนมาพร้อมกับหัวที่หนักอึ้งร้อนที่เปลือกตา หัวใจเต้นแรงๆ ปวดเมือยตามเนื้อตัวไปหมด  เขาเมื่อเดินออกจาก ห้องพยาบาลแล้วก้ตรงดิ่งหมายจะขึ้นรถกลับบ้านในทันที     เมื่อเดินพ้นประตูรั้วโรงเรียนมาเล็กน้อยเก่งรู้สึกได้ถึงสิ่งที่มันพุ่งขึ้นมาจากกระเพาะ   " อ้ว..... แหวะ  " ทุกสิ่งทุกอย่างทีอย่างในท้องเคลื่อนที่ออกมาทางปาก   เขาหมดแรงเดิมลงนั่งพิงต้นไม่ข้างทาง          "นายเป็ไรมากเปล่า" เสียงห้าวๆ ดังขึ้นด้านหลังของเก่ง  เขาหันมองเห็นภาพมัวๆว่าเป้นเด็กหนุ่มตัวสูง   "นายเด็กใหม่เหรอ " เก่งถามเสียงแผ่ว เหมือนคนหมดแรง   คนถูกถามเห็นสภาพแล้วเข้ามาพยุง " เฮ้ย ! นายตัวร้อนจี๋เลยอ่ะ งั้นเดี๋ยวเราไปส่งบ้านเอง " เก่งทำอะไรไม่ได้แล้วตอนนี้ เหมือนหุ่นตัวหนึ่งที่ใครจับไปไหนก็ไป ความรู้สึกของเขาตอนนี่คือมึนไปหมด   เก่งยังไม่หลับลงไปซะทีเดียว  แต่ความมึนงงทำให้ลืมตาไม่ขึ้น เขารู้สึกได้ว่าเขากำลังโอบใครสักคนอยู่โดยมีมือมาจับข้อมือไว้กันหล่น ส่วนหน้าของเขาก็พิงเข้ากับอะไรไม่รู้อุ่นๆ หอมๆ สบายๆ   เสียงห้าวๆ ยังคอยเรียกอยู่ตลอดเวลา " เก่ง นายอย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ เรากำลังจะพานายกลับบ้านแล้ว"  แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก้ดับวูบลงอีก

เขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบว่าตนอยู่ในห้องตัวเอง แม้ยังเห็นภาพมัวๆ เพราะพิษไข้  แต่ก็ยังจำได้   เก่งรู้สึกว่ามีสิ่งเย็นๆวูบไปมาบริเวณแขน  เมื่อหันหน้าไปดู พบไอ้นายเด็กหน้าขาวตัวสูงคนนั้น กำลังเอาผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวให้   "เป็นไงมั่งน่ะ นายตัวร้อนจี๋เลย เราเลยเช็ดตัวให้"    นายหน้าขาวบอก เอามือมาแตะหน้าผาก " อืมไข้ลดลงแล้ว  งั้นต้องกินยาลดไข้ด้วย " คนหน้าขาวบอกพร้อม ยื่นยามาตรงหน้าของเก่ง  "อ้าปาก ดิ  เอ้านี่น้ำ " เก่งทำตามอย่างว่าง่าย  แล้วหันหน้าหนีเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน  " และเหมือนอีกฝ่ายจะรู้  ชิงพูดขึ้นมาก่อน "เรื่องเมื่อวาน เราอยากบอกว่าเราขอโทษเราไม่ตั้งใจทำให้งานนายเสียหายนะ เราไม่ว่าอะไรถ้าเก่งจะโกรธเรา แต่ยังไงขอให้ยกโทษให้เท่านั้นได้ไม๊ เก่ง" นายคนหน้าขาวพูดแล้วมองนิ่ง เก่งงง " นายรู้จักชื่อเราได้ไงน่ะ เรากะนายอยู่ในห้องเรียนยังไม่รู้จักกันเลยนะ "         "แต่เรารู้จักเก่งนะ รู้จักดีด้วย " นายหน้าขาวพูดแล้วยิ้ม แต่เก่งยิ่งงง "แต่เราไม่รู้จักนายนะ แล้วตกลงนายชื่อเล่นชื่ออะไร "    เขาซักอีกฝ่ายเพราะแน่ใจว่าไม่รู้จัก    " ชื่อเรา นายก็รู้จักแล้วนะเก่ง แต่นายจำไม่ได้เอง  นายลองกลับไปคิดดูให้ดี ว่านายรู้จักเราไม๊  " คนหน้าขาวยังยิ้มขำ  "เรากลับบ้านเราแล้วนะ  หายไวๆ แล้วกัน  ไปล่ะ ไอ้เก่งหน้าหมา "   เอ๊ะคำนี้มันคุ้น แต่นึกไม่ออกว่าใครเคยเรียกเราด้วยคำนี้  เก่งสับสนอยู่ไม่น้อย แล้วเราไปรู้จักไอ้บ้านี่ตอนไหนว่ะ จะบอกก็ไม่บอกให้จบ โอย ! ปวดหัว  ด้วยฤทธิ์ยา เก่งก็หลับไปพร้อมกับคำถามหลายคำถามที่ยังคาใจอยู่.............



{ เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-07-2008 16:57:39 โดย sakuamru »

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #3 เมื่อ26-07-2008 03:45:35 »

เข้ามาต้อนรับน้องใหม่จ้า  :mc4:

ปล. น้องบอกว่าก๊อปมานี่แสดงว่าไม่ได้แต่งเองใช่มั๊ยค่ะ
ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตเจ้าของเรื่องหรือยังเอ่ย  :m13:

tonsai_2520

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #4 เมื่อ26-07-2008 09:45:42 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 1



"เก่ง  กลับมาแล้วเหรอ อ้าวทำไมเปื้อนขนาดนี้" แม่ของเก่งตกใจมากเมื่อมองเห็นสภาพของเก่ง   

 "ไม่มีอะไรหรอกแม่แค่เดินไม่ระวังเลยพลาดก้าวลงบ่อบัวริมทางน่ะ " เก่งบอกแม่แต่ไม่ได้บอกหมดทุกอย่าง     

 " โอย!ซุ่มซามเหลือเกินลูกชั้น "  คุณนายแม่บ่นเข้าให้แล้ว     

เก่งไม่อยู่รอฟังเพราะมันต้องกินเวลาไปหลายนาทีแน่กว่าจะจบ  แยกตัวไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ   เสียงแม่ยังดังอยู่ 

"นี่เก่งวันนี้ น้าอรมาหาแม่ล่ะ จำน้าอรได้รึเปล่า น้าอรแม่ของเดี่ยวไง"     

คุณนายแม่ยังคงพูดไปเรื่อย เก่งยังคงนิ่งฟังเสียงแม่ตนในขณะที่ลงมือซักผ้า   

"น้าอรน่ะ เค้าย้ายกลับมาแล้วนะ เห็นคุณวิทย์น่ะเค้าเข้ามารับตำแหน่งที่นี่อีกครั้ง  เลยย้ายกันมาหมด "    คุณนายแม่ยังคงบอกเสียงใส  " โอยวันนี้ น้าอรเขามา แม่คุยกันซะมันหยดเลย  ไม่เจอกันนานเลยที่เดียวสิบกว่าปีนะ"     

เก่งยังคงเงียบอยู่ในห้องน้ำ จริงๆน่าจะเรียกว่าไม่ได้ฟังมากกว่า เพราะมัวแต่เจ็บใจไอ้รอยยิ้มบ้าๆนั่นอยู่   

"นี่ๆ เดี่ยว ก็ย้ายมาด้วยนะ แต่แม่ยังไม่เจอเลย ไม่รู้หน้าตาเป็นไงมั่ง "


เก่งสะดุดหู เดี่ยวเหรอ! เดี่ยวเพื่อนเก่าเนี่ยเหรอย้ายกลับมา    เก่งรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูกเพราะไม่ได้เจอกันมานาน ภาพเด็กน้อยตัวขาวในอดีต โผล่ขึ้นมา  หน้าตาเดี่ยวตอนนั้น ตาตี่ตัวขาวๆ ผิวใสที่ใครเห้นเป้นต้องเข้ามาชม  ส่วนเก่ง นั้นเป็นเด็กตาโตๆ แก้มยุ้ยแล้วเด็กพ่อแม่ก็ชอบจับแต่งตัวเป้นผู้หญิงเลือเกิน จนใครๆก็คิดว่าเก่งเป็นเด็กผู้หญิง      เก่งยิ้มให้กับตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องอดีต............

 

{ เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }






ขอเรื่องเดียวครับ . . .  ลองจัดย่อหน้าแบบผมดูมะครับ  อ่านง่ายกว่าที่ติดกันเป็นรถราที่ถนนวิภาวดีขาออกในวันศุกร์สิ้นเดือน

ขอบคุณครับ ภาษาค่อนข้างดีกว่าหลาย ๆ  เรื่องในบอร์ด


maabbdo

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #5 เมื่อ26-07-2008 12:47:33 »

มาต้อนรับเรื่องใหม่จ้า

 :mc4: :mc4: :mc4:

joypluss

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #6 เมื่อ26-07-2008 15:48:49 »

"ไอ้เก่งหน้าหมา"    :อิอิ1:

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #7 เมื่อ26-07-2008 17:21:14 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 3


แล้ว...งานประกวดผลงานศิลปกรรมประจำเขตก็ผ่านไป   เก่งรู้ข่าวหลังจากที่ส่งผลงานไปแล้วเกือบเดือนว่า แก้วชนะเลิศรางวัลที่ 1  ส่วนเก่งเองก็ได้รางวัลที่ 2     เก่งไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าผลงานตนจะได้รางวัลเพราะเวลาแค่คืนเดียวไม่สามารถที่จะทำอะไรได้มาก   แต่ก็อดภูมิใจกับความสำเร็จไม่ได้จริงๆ     อาจารย์ฝ่ายศิลปกรรมดูหน้าบานมาก เพราะ โรงเรียนของเก่งได้รางวัลที่หนึ่ง 3 ปีซ้อนแล้ว       เก่งขำมากเมื่อเห้นอาจารย์เดินหน้าบานออกมาจากห้องผอ. พร้อมเขาและเก่ง  ในมือถือถ้วยรางวัลที่ ผอ.เพิ่งไปรับมาวันนี้     

" จารย์ขอบใจเรา 2 คนมากนะ  ยังไงถ้ามีงานหน้าต้องขอแรงอีก " เก่งตาเหลือกโอย ! อีกแล้วเซ็ง ยังมีงานหน้าอีกเหรอว่ะเนี้ย    แก้วมองหน้าเก่งเหมือนรู้ว่าคิดอะไรแล้วขำ   

"ตาเหลือกเลยเหรอเอ็ง ฮ่ะๆๆๆ " มันหัวเราะเมื่อเห็นเก่งบ่นงึมงำ   

" เอาน่า งานของโรงเรียนยังไงพวกเราก้ได้ค่าขนมนะ "  ก็มันดีตรงนี้แหละ  เก่งคิด 

" เฮ้ย มัน2  ตัวกลับมาแล้ว   "บีมสาวน้อยสองสี(ผิว) ร้องตะโกน  พลางวิ่งมาจูงมือเก่ง และแก้วลากเข้าห้องเรียน   "ดีใจด้วยนะ ทั้ง 2คนเลย  " ทุกคนในกลุ่ม บอกมาอย่างยินดี แต่ในตามีเลศนัย   

" พวกนายได้เงินรางวัลมาเท่าไรน่ะ " ไอ้พัฒน์ถามอย่างกะหยิ่มยิ้มย่อง  เอาแล้วไง ถามแบบนี้มีเลศนัย   

"แล้วพวกนายถามทำไมเหรอ"เก่งถามกลับอย่างรู้ทัน แล้วมองหน้าเค้นหาความจริงจากเพื่อนๆ     

"ก็พวกเราอยากเลี้ยงฉลองให้พวกนายไง" ไอ้เคนตะโกนออกมาแก้เขิน       

" พวกนายคิดอะไรทำไมเราจะไม่รู้  หนอย! ทำเป็นอ้ำอึ้ง อยากให้เลี้ยงก็บอกเด่ะ ฮ่าๆๆๆ" เก่งขำเมื่อเพื่อนๆ เมื่อจับไต๋ได้ ทุกคนพากันหัวเราะเขิน แหม!ไอ้มุขนี้ทำมาเป็นสิบครั้งแล้วมั้ง ถ้าไม่รู้ก็โง่เต็มทน  เก่งคิด พร้อมหันไปทาง แก้ว

" แล้วเอ็งว่าไง" เขาถามเก่ง ที่อมยิ้มขำอยู่     

"ก็ดีนะ  พวกเราไม่ได้ไปกินอะไรด้วยกันมานานแล้ว    "แก้วเห็นดีด้วยกับพวกเพื่อนๆ   

" งั้นก็ไปร้านโปรดของพวกเราแล้วกัน" แพทกะบีมเสนอ   ทุกคนเห็นดีด้วย การคุยสิ้นสุดลงเมื่ออาจารย์เดินเข้าห้องเรียน 

 เก่งเดินกลับมานั่งที่ของตน แต่ดันหันไปเห็นสายตาคมจ้องมา  คนหน้าขาวๆ ยิ้มให้เมื่อเห็นเก่งมองตอบ   

"มันยิ้มให้ใครว่ะ ตูเหรอเนี้ย "  เก่งทำหน้าสงสัย คนหน้าขาวยิ้มให้อีก คราวนี้ตัวเขามั่นใจว่ารอยยิ้มที่ส่งมานั้นเป็นของเขาแน่นอน    คนส่งยิ้มให้ทำท่าชี้มือไปยังโต๊ะ   

เก่งงง"อะไรของมันว่ะ "  อ้าปากจะร้องถาม   
"เฮ้ย! นั่งลงเร็ว ไอ้เก่ง" ไอ้แก้วร้องเตือน เมื่อเห็นอาจารย์เริ่มมอง     
เก่งยังต้องการคำตอบ  แต่ช่างเหอะเดี๋ยวค่อยถามมันอีกที ว่าแล้วพร้อมล้วงเข้าในโต๊ะเพื่อหยิบหนังสือเรียน  มือสัมผัสอะไรบ้างอย่างในโต๊ะ จึงหยิบมันขึ้น สิ่งที่ปรากฎคือ

ตุ๊กตาหมาตัวน้อยสีน้ำตาลอ่อนขนาดที่ไช้ห้อยมือถือ มีป้ายติดคอเขียนคำว่า "keng" 
มีโน๊ตติดไว้ที่ป้าย     

"ยินดีด้วยนะ ไอ้เก่งหน้าหมา"      ไม่ต้องเดาเลยว่าของใคร เก่งหันหน้าไป ไอ้เด็กใหม่หน้าขาว  มันยิ้มตอบรับกว้างจนเห็นลักยิ้ม เก่งรู้สึกได้ว่าหน้าแดงจึงหันกลับมายัดตุ๊กตาลงเป้   

"ไอ้นี่มันให้เราทำไมว่ะ" เขาคิดแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ แต่ก็ พยายามตัดใจไม่คิดแล้วเริ่มตั้งใจเรียน  แต่ก็สิ่งเหล่านั้นก้ยังวนเวียนอยู่ในหัว

เก่ง...เดินครุ่นคิดอยู่คนเดียวเงียบหลังจากที่ไปกินไอติมกระทิร้านข้างโรงเรียน ร้านนี้เป็นร้านประจำของพวกเขา  เจ้าของร้านเป็นผัวเมียเชื้อจีนวัยกลางคนที่ใจดี มักจะตักไอติมให้เป็นพิเศษให้กับเก่งและพวกเพื่อนๆ เสมอ เวลามากิน   วันนี้ทุกคนซัดไอติมกันแหลกเลย กินอยากกับตายอดตายอยาก ขนาดสาวๆ2 คนในกลุ่มยังกินเข้าไปตั้ง  5 ถ้วย พวกนี้นี่มันปอบชัดๆ เก่งคิดแล้วอมยิ้ม       

เก่งล้วงตุ๊กตาหมามาดู  ชูมันขึ้นจ้องพร้อมครุ่นคิด     "ตกลงมันให้เราทำไมว่ะ"  เ

ก่งยังหาคำตอบไม่ได้สักที  จะถามมันก้ดันไม่ได้โคจรมาเจอกันเลย ตอนนี้เก่งเริ่มรู้สึกได้ว่า ไอ้เด็กใหม่หน้าขาวนี่มันต้องมีไรบ้างอย่างแน่ ที่แน่ใจคือมันต้องเคยรู้จักเรามาก่อน  เพราะดูมันจะรู้ของเขามากเหมือนกัน   

"ตกลงเจ้านายแกเป็นใครกันแน่ หะ" เก่งบอกกับตุ๊กตา หวังให้มันบอกมา     

"มันบอกนายไม่ได้หรอก  เราสั่งมันไว้ว่าต้องให้นายนึกออกเอง"  เขาหันขวับไปตามเสียง เห็นคนหน้าขาว ที่ยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม ขี่จักรยานเข้าชิดข้าง   มันมาเมื่อไหร่ ว่ะ!ทำไมเงียบจริง  เก่งคิด       

"เราไปส่งป่ะ " ไอ้เด็กใหม่ร้องถาม  เก่งส่ายหน้า 

"เฮ้ย ไม่ต้องเกรงใจมาดิๆๆ" ยังพยายามคะยั้นคะยออยู่ 

"เรากลับเองได้ " เก่งว่าแล้วเดินหนีไป   

" เฮ้ยๆ ไม่เอาขึ้นมาเดี๋ยวไปส่ง " เก่งยังคงเดินเฉยไม่รู้ไม่ชี้ กับเสียงของไอ้คนหน้าขาว       

"ตามใจเรากำลังจะบอกนายอยู่เชียวว่าเราชื่อเล่นชื่อไร  " มันทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้มั่งแล้วทำท่าจะถีบจักรยานหนีไป     

"เฮ้ย!  เดี๋ยวก่อนรอเดี๋ยว " เก่งหันขวับตาโตร้องอย่างลืมตัว คว้าท้ายจักรยานำได้ทันหวุดหวิด  คนตัวขาวยิ้มขำอย่างสะใจพร้อมพยักหน้าให้ซ้อนท้ายที่เบาะหลัง

" ทำไมถีบช้าจังว่ะ " เก่งบ่นเมื่อรู้สึกได้ว่าไอ้คนถีบพยายามให้มันช้าลง     

"เออน่าช้าแล้วปลอดภัยไง นายเป็นคนบอกเองให้เราขี่ระวังจักรยานระวัง เราก็ทำอยู่เนี้ย " มันย้อน    ห่าเอ๊ย! ที่อย่างงี้ทำเป้นมาพูดดี     

"นี่ ทำไมนายถึงให้ตุ๊กตาหมากะเราว่ะ " เก่งถามเพราะยังคาใจ  คนขี่เงียบ

" เอ้ย ทำไมเงียบ บอกมา เร็วดิ " เก่งกระตุกเสื้อนักเรียนที่ชายหลุดนอกกางเกง  เร่งให้ตอบ   

คนขี่จักรยานเหมือนจะรำคาญ ตอบออกมาอย่างเสียไม่ได้

" ก็เห้นมันน่ารักดี  ดูเหมาะนาย เราเลยให้ไง ไอ้เก่งหน้าหมา "  มันพูดพร้อมหัวเราะ เก่งงง  อะไรกันคำนี้อีกแล้ว เคยได้ยินมาก่อนแน่ๆ        เขาเงียบนั่งใช้ความคิด รู้สึกมันมีอะไรทะแม่งๆ         

" โกรธ หรือไงที่เรียกนายแบบนี้ " ไอ้เด็กใหม่ถามเบาเมื่อเห็นเก่งเงียบ   

" เปล่า นี่ ว่าแต่นายเหอะมาบ้านเราถูกได้ไง  "ตามจริงเก่ง งงตั้งแต่ครั้งแรกที่มันหามมาส่งบ้านแล้ว   คนขับก้ยังเงียบอีก แต่ได้ยินเหมือนเสียงหัวเราะเบา   

จักรยานที่เก่งซ้อนท้ายกำลังผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่งที่คุ้นตา  ตอนนี้ซุ่มไม้เลื้อยหน้าบ้านถูกตัดแต่ง ให้เข้าที่แล้ว นี่บ้านเดี่ยวน่ะเอง ใช่สินะ แม่ของเก่งเพิ่งบอกมานี่เองว่า บ้านน้าอรย้ายกลับมาแล้ว  เดี่ยวเองก็เช่นกัน     หน้าบ้านมีหญิงวัย 30 ที่ดูดีกว่าอายุจริง ยืนตัดแต่งกิ่งไม้อยู่หน้าบ้าน น้าอรนั่นเอง ! ไอ้เด็กใหม่ จอดจักรยานพร้อมยกมือไหว้     

"อ้าวกลับมาแล้วเหรอ   อ้าวแล้วนั่นใคร" น้าอรรับไหว้ไอ้หน้าขาวอย่างคุ้นเคย พร้อมถามเมื่อเห็นเก่ง   

"เก่ง  นั้นเก่งใช่ไม๊  ต๊าย! ดูสิโตขึ้นเป็นกองเลย  เป็นหนุ่มหน้าหวานไปซะแล้ว " เก่งยกมือไหว้บ้างเมื่อเห็นน้าอร  แล้วยิ้มให้อย่างเขิน  กับคำชม   

"น้าเกือบจำไม่ได้แนะ ว่าจะพาเดี่ยวไปไหว้ แม่เรามั่ง แต่ยังไม่ได้ไปเลย ลูกน้าน่ะสิ มันบอกว่าไม่ว่าง "  น้าอร พูดแล้วค้อนใส่มาทางเก่ง เขางง ได้ยินเสียงไอ้หน้าขาวหัวเราะเบา     

" เดี๋ยวผมไปส่ง ไอ้เก่งก่อนนะแม่ " ไอ้หน้าขาวร้องบอกน้าอร  น้าอรยิ้มตะดกนบอกเบาๆ

" อย่ากลับบ้านค่ำนักนะ เดี่ยว"   

เอ๊ะ  เมื่อกี้นี้น้าอรแกเรียกใครว่าเดี่ยว แล้วไอ้นี่มันเรียกน้าอรว่าแม่เหรอ ...............เฮ้ย!   งั้นไอ้นี่ก็คือ  ...... ตายห่าแล้วตู  เก่งร้องในใจ นั่งอึ้งหน้าแดงกำด้วยความอาย  เสียงคนขับ ดังลอยมาแว่วมา พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ 

 "แล้วตกลงตอนนี้รู้รึยังว่าเราเป็นใคร" น้ำเสียงดูเย้ยๆ    เก่งกัดฟันแน่นความรู้สึกหลายอย่างปนกัน ทำไมต้องแกล้งกันด้วยว่ะ  รู้สึกโกรธจนน้ำตาคลอ   เดี่ยวยังคงไม่รู้เรื่อง อารมณ์ดีผิวปากไปเรื่อยๆ  ในขณะที่เก่งนิ่งเงียบ  เดี่ยวไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว เดี่ยวเด็กคนนั้นหายไปไหน เด็กที่ไม่เคยรังแกเขาแบบนี้  เดี่ยวคนที่คอยปลอบเวลาเค้าโดนรังแกอยู่ไหน ! 

"เอาล่ะถึงบ้านแล้ว" เดี่ยวร้องอย่างร่าเริง หันมามองเก่ง  แต่เมื่อเห็นหน้าแดงก่ำและเก่งเงียบจนไม่พูดจนแม้แต่คำเดียว  เดี่ยวเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง     เก่งลงจากรถ หันมามองเดี่ยวด้วยสายตาเย็นชา   

"สนุกมากใช่มะ   ที่แกล้งเราได้  ต้องการจะเอาคืนใช่มะที่เราด่านายไปวันนั้น" เก่งเสียงเย็น พยายามระงับอารมณ์ที่มันกำลังขึ้นลงอยู่ตอนนี้    เก่งพูดจบแล้วหนีเข้าบ้าน  แต่เดี่ยวคว้าแขนไว้ทัน 

"เฮ้ย เดี๋ยวก่อน เก่ง อย่าเพิ่งไป เราไม่ได้แกล้ง เราแค่อยากให้นายนึกออกด้วยตัวนายเองน่ะ    " เดี่ยวอธิบาย  เก่งไม่อยู่รอฟังสะบัดแขนออกแล้ว  หันกลับมามองหน้าเอาเรื่อง

" เราไม่เชื่อนาย เดี่ยว!  เราไม่เชื่อการกระทำนายมันฟ้องอยู่  นายรีบกลับไปซะ เราไม่มีเรื่องพูดนายแล้ว "  เขาไล่แล้ววิ่งเข้าบ้านปิดประตูใส่เดี่ยว   

" เฮ้ย!  เก่ง เดี๋ย......." เดี่ยวตะโกน

"เฮ้ยเก่ง ออกมาคุยกันก่อน  นายเข้าใจผิดแล้ว เก่งปิดประตู   เก่ง" เดี่ยวยังคงตะโกนเยก  แต่เก่งไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะคุยกะใครตอนนี้ แล้วยิ่งเป็นเดี่ยวด้วยยิ่งแล้วใหญ่   ความยินดี่ที่จะได้เจอหน้าเพื่อนสนิทวัยเด็กอันตธานหายไป   เหลือเพียงความโกรธที่เจือไปด้วยความน้อยใจ   เออใช่สิ เรามันโง่เองที่นึกไม่ออก    อุตส่าห์ดีใจที่จะได้เจอ   กลับมาโดนเยาะเย้ย  เก่งนิ่งงันพูดอะไรไม่ออกเมื่อนึกถึงหน้าเดี่ยว  ตอนที่เค้าเห็นเก่งตะลึงเมื่อรู้ความจริง   ใบหน้ายิ้มนั่น ยังคงลอยวนมาหลอกหลอนให้เก่งเจ็บใจ   เก่งกัดฟันพยายามอย่างหนักเพื่อสลัดภาพใบหน้าและเสียงหัวเราะ

วันรุ่งขึ้นเก่งไปโรงเรียนพร้อมความขุนเคืองใจไม่หาย เดินเงียบไปเรื่อยๆ  เสียงกริ๊งจักรยานที่ดังคุ้นแว่ว

"เก่งขึ้นมาเด่ะ ไปพร้อมกัน เราวนไปรับนายที่บ้านแต่ พี่นายว่านายออกมาแล้ว เราเลยรีบมา" ดูจากเสื้อที่ชุ่มเหงือ  แล้วเก่งก็พอจะรู้  เก่งไม่พูดหันกลับแล้ววิ่งหนีไป

"เฮ้ย เก่ง ไปไหนมาขึ้นรถเร็ว " เดี่ยวตะโกน รีบปั่นจักรยานแล้วปาดมาขวางหน้าเก่งไว้   

"นายจะทำอะไร " เก่งตาขวางใส่     

"แล้วนายล่ะทำอะไร ทำไม่ไม่ขึ้นรถ "   เดี๋ยวมองแบบเอาเรื่องบ้าง    ตอนนี้เก่งก็เหงือชุ่มตัวเช่นกัน ความโกรธจากเมื่อคืนยังไม่จาก  แต่ตอนนี้มันเริ่มทวีมากขึ้น   

" ถอย! " เก่งพยายามระงับอารมณ์ไม่ให้ระเบิดออกมา 

"ไม่" เดี่ยวเองก็ดื้อเช่นกัน     แล้วอารมณ์ที่ถูกเก็บไว้มันก็ถูกระเบิดออกมาจนได้             

" นายจะมายุ่งอะไรกะเรานักหนา  อ๋อยังแกล้งกันไม่พอสินะ  ได้ๆ ถ้าอยากแกล้งเราเมื่อไหร่ก้เชิญมาได้ทุกเมื่อนะ  เรามันผิดเองที่จำนายไม่ได้ แต่นายก็ไม่ควรมาแกล้งเราด้วยวิธีนี้   อ๋อเรารู้แล้ว นายต้องการให้เราขอโทษที่จำนายไม่ได้ใช่มะ   ได้ เราขอโทษนะที่จำนายไม่ได้ เพราะเราไม่คิดว่าคนที่เราเคยเรียกว่าเพื่อนสนิทตอนเด้กมันจะกล้ามาทำแบบนี้   เราผิดหวังจริงๆ"   เก่งตะโกนใส่เดี่ยวที่กำลังหน้าแดงด้วยความโกรธ  เก่งมองหน้าเดี่ยวด้วยสีหน้าเย็นชา     


" แล้วนายจะให้เราทำไงเก่ง เราขอโทษนายไปแล้ว   เราไม่ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นแค่เราอยากให้นายนึกออกก็แค่นั้น    แต่เราก็คิดผิด  นายไม่เคยจำสัญญาในตอนเด็กได้เลย       เราขอโทษนายแล้วกันที่ทำให้วุ่นวาย  " เดี่ยวพูดจบมองหน้าเก่ง เก่งยังคงหน้าแดง ในตามีรอยรื้นๆของน้ำตาอยู่  เก่งหันกลับแล้ววิ่งหนีไป  ทิ้งเดี่ยวให้มองตาม.......

 

แล้ว เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป...  เวลากวาดเอาทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยรวมถึง เศษซากของอารมณ์ที่ค้างอยู่ในใจคนทั้งหลายให้พัดพาไปตามกระแส     เก่งรู้สึกว่ามันผ่านไปเร็วมาก   นี่จะปิดเทอมอีกครั้งแล้ว  วันนี้เป็นสอบวันสุดท้ายของเทอมสอง   ตลอดเทอมที่ผ่านมาเก่งรู้สึกเหมือนไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง  ใช่แล้วนั่นคือการคุยกันกับเดี่ยว   ด้วยแรงทิฏฐิที่มีสูง  ทำให้เก่งไม่เคยย่างกรายผ่านเข้าไปในวงโคจรของเดี่ยวเลย   เก่งมักหลบสายตาเมื่อเดี่ยวมองมา  ก้มหน้าเมื่อเดี่ยวยิ้มให้   และ ปฏิเสธทุกครั้งที่จะต้องเข้าร่วมกิจกรรมกับเดี่ยว        เก่งรู้ตัวเองดีว่าตอนนี้ไม่ได้โกรธ เดี่ยวแล้ว แต่ทำไมถึงไม่กล้าคุยก็ไม่รู้  หรืออาจจะเป็นเพราะสายตาของเดี่ยวที่คอยมองมาทำให้เก่งต้องชะงักทุกครั้ง   มันเป็นสายตาที่มีแววตาประหลาด เก่งเองก้แปลความหมายในตานั่นไม่ถูกจริงๆ

" เฮ้ย  นี่ๆ เก่งสมัครไปทัวร์เชียงใหม่ไม๊  " บีมสาวสองสี(ผิว) ตะโกนถามเมื่อ เห็นเก่งเดินออกจากห้องสอบเป็นคนสุดท้าย           

" ใครจัดอ่ะ  " เขาถาม   

"อาจารย์ลักษมีไง บ้านแกอยู่เชียงใหม่ แกจะกลับบ้านตอนปิดเทอมนี้   แกเลยจัดทัวร์ไปเที่ยวที่บ้านแกซะเลย  " แพทหญิงในกลุ่มอีกคนอธิบาย     

" เนี้ย อาจารย์แกจัดเฉพาะห้องเราเท่านั้นแหละ  แล้วแกก้ทำหนังสือเตรียมขออนุญาติผู้ปกครองเรียบร้อยแล้ว   ตอนนี้ผอ. อนุมัติแล้ว เพราะไปแค่ห้องพวกเราห้องเดียว คนไม่เกิน 50  " แพทอฺธิบายยาวยืด   

"แล้วมีอาจารย์ท่านไหนไปมั่งอ่ะ ก็มีอาจารย์ พิณทิพย์ หมวดสังคมกะอาจารย์ สันติหมวดศิลปะ แล้วก็อาจารย์พีระ อาจารย์ฝ่ายปกครองง่ะ  " บีมบอกต่อจากแพท     

"แล้วตกลงเอ็งจะไปเปล่ากลุ่มเราน่ะไปกันหมดเลยรอถามเอ็งแล้วจะได้ไปลงชื่อน่ะ  " ไอ้เคนถามบ้าง     

"เอ็งก็ไปกะเขาด้วยหรือแก้ว  " เก่งหันมาถามแก้วเมื่อ รู้ว่าแก้วก็ไป   เก่งแปลกใจจริงๆ  เมื่อรู้ว่าแก้วไป เพราะปกติแก้วจะเป็นคนเก็บตัว และงก   

"ไปดิ ก้ข้ายังไม่เคยไปนี่หว่า  เก็บเงินไว้เพียบแล้ว ต้องเอาออกมาใช้บ้างดิ " แก้วตอบอารมณ์ดี       

"งั้นก็ok  ไปกันครบกลุ่มอย่างนี้ สนุกแน่"  เก่งและเพื่อนจึงไปลงชื่อเพื่อจองที่นั่ง   เก่งไม่ได้สังเกตุว่ามีใครมองดูอยู่ห่างๆ และตามมาลงชื่อต่อท้ายชื่อเก่ง เมื่อเก่งลงชื่อเสร็จแล้วเดินจากไป  ......

สายวันนี้..เก่งนั่งเก็บของ ทบทวนรายการอย่างละเอียดแล้วมองของที่กองไว้อยู่มากมาย  ก็แน่ล่ะไปตั้ง 5 วัน 6 คืนนี่  เก่งเอาไปแค่เป้ใบเล็กๆ คงไม่ได้แน่   เก่งเห็นของแล้วกลุ้ม "นี่จะเอาไปหมดนี่ คงไม่ไหวมั้ง  ไม่งั้นต้องแบกกระเป๋าไป 2-3 ในแน่"  เก่งตัดสินใจเอาเสื้อกันหนาวไปแค่ตัวเดียวเพราะคะเนว่า คงไม่หนาวมาก   เขาใช้เวลานานอยู่พอสมควรที่จะยัดสิ่งของมากมายที่กองตรวจหน้าเข้าให้หมด  แล้วเช็คของครั้งสุดท้าย  "อืม เสื้อ 5 กางเกง 5 เสื้อกันหนาว1 กางเกงใน 5 โฟมถุงเท้า 2  สบู่แปรง เอ! ลืมไรว่ะ อ๋อ!ผ้าเช็คตัว   " เขาตรวจเช็คทุกอย่างเรียบร้อยแล้วรูดซิบไม่ลืมคว้าถุงขนมมาวางไว้ข้างกันลืม  แล้วรอให้ถึงเวลานัดตอน 2 ทุ่มตรง


{ เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }






sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ]
«ตอบ #8 เมื่อ26-07-2008 17:34:24 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 4


เสียงจอแจ้วุ่นวายดังขึ้นตั้งแต่ ยังไม่ทุ่มครึ่งดีนัก  หน้าอาคารเรียน เต็มไปด้วยวัยรุ่นหญิงชาย ประมาณ  40 คน เสียงคุย เสียงหัวเราะ เสียงด่าทอ ที่ดังเจื้อยแจ้วอยู่ทำให้บรรยากาศที่น่ากลัวทึมๆ ของโรงเรียนดูหายไปหมด 

" ไอ้เด็กพวกนี้มันไม่กลัวผีมั่งเรอะ "อาจารย์พีระ บ่นเมื่อเห้นเด็กๆ ห้อง 2 ส่งเสียงกลบความเงียบ   

" โห จารย์พี ชั้นว่าผีมากกว่าที่ต้องกลัวพวกมัน " อาจารย์ลักษมี การันตีความแสบของเด็กในปกครองได้เห็นภาพ  เก่งมาถึงโรงเรียนก่อนเวลาขึ้นรถ  15  นาที  การเดินมาโรงเรียนตอนค่ำๆ ทำให้สิ่งแวดล้อมของโรงเรียนแปลกตาไป   

" เฮ้ยเก่งทางนี้ " ไอ้พัฒน์ ตะโกนเรียกเมื่อเห็นเขา  เพื่อนทุกคนในกลุ่มมากันครบเซ็ตแล้ว  แพทกะบีมคุยกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไอ้เคนกำลังเดินหมากอยู่กะไอ้แก้ว  โดยมีไอ้พัฒน์เป็นตัวชี้นำ  เก่งเดินตรงไปนั่งยังกลุ่มเพื่อน

"เอ้ย ! ตื่นเต้นว่ะ เพิ่งเคยขึ้นเหนือครั้งแรก "  เขาบอกเพื่อนๆ 

" เออ พวกกูก็ครั้งแรกเหมือนพวกมึงน่ะ" ไอ้แก้วร้องบอก ทุกคนหัวเราะขำ  เก่งคิดว่าต้องมีการไปปล่อยไก่กันมั่งล่ะ   สายตาสะดุดไปเห็น  ดวงหน้าขาวจ้องมา จากโต๊ะถัดไป   เก่งอึ้ง

"ไอ้เดี่ยว มันไปด้วยเหรอวะ "  เก่งหันไปกระซิบถามแก้ว  "เออดิ ทำไม "   

"เปล่า ข้าแปลกใจ ก็เห้นมันย้ายมาจากเชียงใหม่ก็เลยไม่นึกว่ามันจะไปเที่ยวด้วย"   เก่งเห้นเดี่ยวนั่งเงียบอยู่คนเดียว ดูมันหงอยพิลึก   

"เด็กๆขึ้นรถได้แล้ว" อาจารย์หมีตะโกนเรียกเมื่อรถมาถึง   ตอนนี้เหมือนกับมดเจอของหวานทุกคนฮือกันเข้าไปหมายจับจองที่ที่ต้องการ 

"หยุด !ๆๆ หยุดเดี๋ยวนี้"   อาจารย์พิณ ผู้เป็นสาวห้าวตะโกนบอก   ทุกคนหัวหดเมื่อได้ยินเสียง

" แย่งขึ้นกันอยู่นั่นแหละ ค่อยๆขึ้นไปที่ละคน เดี๋ยวจารย์เรียกชื่อแล้วค่อยขึ้นรู้เปล่า แล้วนั่งเรียงตามที่เรียกนะเวลาใครหายจะได้รู้ "  อาจารย์พิณ เริ่มเรียกชื่อตามลำดับที่ลงทะเบียน    เมื่อไอ้แก้วถูกขานชื่อและเดินขึ้นรถไป เก่งจึงเตรียมตัวเพราะจำได้ว่าลงชื่อต่อจากแก้ว   

"นายเก่งกาจ" เสียงชื่อเขา  "ครับ " เก่งร้องตอบแล้วก้าวขึ้นรถ    เอ๊ะทำไมได้นั่งคนเดียวว่ะ เก่งงงเพราะ ไอ้แก้วได้นั่งคู่กะไอ้พัตน์  แล้วตัวเขาเองล่ะจะนั่งคู่ใคร  เสียงขานชื่อลอยมาแผ่ว

"นายณัฐพล" "ครับ " เสียงตอบแล้วก้าวขึ้นรถ       

"ไฮ้ ไอ้เดี่ยวนี่  นีไอ้เดี่ยวนั่งข้างกูเรอะ"   เก่งคิด แล้วมองเมื่อเห็นเดี่ยวเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วยิ้มให้เล็กๆ   

" บังเอิญจังนะ " เออสิ โคตรบังเอิญเลย ที่ต้องมานั่งกะเอ็ง  เก่งคิด   เก่งยังคงเงียบอยู่เหมือนเดิมเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกะเดี่ยว ความรู้สึกหลายอย่างมันปนกันอยู่ในที...       

เก่งหันไปมองเดี่ยวเมื่อรถออกจากโรงเรียนได้สักพักใหญ่   ดูเดี่ยวจะอึดอัดไม่น้อยที่เดียว   ความที่มันขายาวเหลือเกินแล้วต้องมานั่งที่แคบๆ ขาแข้งจึงดูเกะกะไปหมด   ช่วงไหล่ที่กว้างของเดี่ยวเบียดเข้ากะต้นแขนเก่ง      เก่งพยายามเขยิบเพื่อจะได้ไม่ต้องเบียดกัน แต่เขยิบยังไง ต้นแขนนั่นก็ยังเบียดมาอยู่ดี มือของเก่งวางที่ต้นขาของตัวเอง ที่ติดกับขาใหญ่ของเดี่ยว   เก่งรู้สึกได้ถึงความอุ่นของขานั้นผ่านกางเกงยีนส์ที่สวมใส่ เก่งรุ้สูกแปลกๆ จะว่ามันเป็นความอึดอัดก็ไม่ถูก เพราะเค้าก้ไม่ได้รังเกียจอะไรเดี่ยว     

ทุกคนในรถยังคงคุยกัน ไอ้พัตน์ตั้งตัวเป็น เอ็นเตอร์เทนเนอร์ เอาเทปให้คนขับรถเปิดเสียงดังลั่น อาจารย์ทั้งหลายส่ายด้วยความระอา มันดึงคนนู้นคนนี้มาเต้นไม่เว้นแม้แต่ไอ้แก้วผู้เงียบเฉย ตอนนี้รถเราดูคลายๆ รถกฐินจริงๆ  เก่งขำเห็นเพื่อนผมสุดเหวียงกับค่ำคืนนี้ ต่างแบ่งขนมกันกินสนุกสนานเฮฮา  โดยไร้แอลกฮอลล์       เก่งคุกเข่ายืดตัวหันหลังไปมองกลุ่มเพื่อนๆ ที่แดนซ์กันสุดชีวิต   

ไอพัฒน์ชี้ชี้หน้าตะโกน" เฮ้ย มึงน่ะไอ้เก่งมานี่เลย  " เก่งยิ้มแล้วชี้มือมาทางเดี่ยว  ไอ้พัฒน์รับมุข พร้อมประกาศ "เอาละครับเพื่อน หลังจากที่ผมไปดึงทุกท่านมาร่วมสนุกกันแล้วตอนนี้ยังเหลืออีก  2คนที่ยังไม่มางั้นผมขอเชิญ ไอ้เดี่ยวกะไอ้ เก่งคร้าบ...." เสียงกรี้ดดังสนั่น 

" เอ้ย! ไม่เอากูเต้นไม่เป็น  " ไอ้เดี่ยวตะโกน 

"นายมาเลยไม่ต้องมาอิดออด เขาเต้นกันทั้งรถแล้วมา" เก่งถึงคราวได้แกล้งเดี่ยวบ้าง  ดึงมือที่กำรอบข้อมือใหญ่ๆของเดี่ยว   เดี่ยวมองมือแล้วมองหน้าเก่ง แล้วลุกตามแต่โดยดี   เสียงโหร้องมือเดี่ยวออกมา  หน้าเดี่ยวแดงอย่างเห้นได้ชัด   

" แต่เราเต้นไม่เป็นนะ " เดี่ยวยังอุธรณ์  เก่งมองหน้าเดี่ยวยิ้มขำ

"งั้นเต้นตามเรานะ " เก่งว่าแล้ววาดลวดลายตามลีลาตลกดังหลายคน  ไอ้เดี่ยวมองแล้วหน้าเสีย รู้ว่าเสียที่เก่งเข้าให้แล้ว  เพื่อนขำกันมากเมื่อเห็นเก่งเต้นท่าแปลก ๆ   

"ตานายแล้ว " เก่งว่าแล้วยักคิ้วให้  เดี่ยวมองหน้ากัดฟันกรอด

" จำไว้นะ " เดี่ยวคำรามข้างหูเก่ง     แล้วเดี่ยวก้เริ่มเต้นตามที่เก่งเต้นให้ดู   ทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง  รวมทั้งตัวเก่งเอง  เดี่ยวหน้าแดงไปถึงใบหูขาวๆ  ก้มหน้างุดๆ ร้องบอกพัฒน์ว่า พอแล้ว ๆ แล้วเดินกลับที่นั่ง เสียงกรี้ดของสาวยังไล่ตามเดี่ยวไปจนถึงที่นั่ง   เก่งอมยอ้มขำสะใจที่ได้แกล้งคืนเดี่ยวบ้าง   

" สะใจจริงๆ ตอนนี้ตูนอนตายตาหลับแล้วเฟ้ย   !!! "

ปาร์ตี้รถทัวร์มาเลิกเอาตอนเกือบ เที่ยงคืนมาเมื่อเจอเสียงจารย์พิณ
" นี่พวกเธอนอนได้แล้ว เดี๋ยวก็ไม่มีแรงเที่ยวหรอก"  ทุกคนจึงเดินกลับที่   เก่งมาเป็นคนสุดท้าย ถึงทีนั่งไอเดี่ยวหลับไปแล้ว  แต่ตัวเขาเข้าที่ตัวเองไม่ได้เพราะเดี่ยวนั่งขวาง  จึงก้าวขาข้ามขายาวๆที่เกะกะของเดี่ยว        ก่อนจะข้ามพ้นมีแรงรัดดึงตัวเก่งลงกับที่นั่งไปชิดตัวเดี่ยว      ตอนนี้ตัวเก่งชิดกับเดี่ยวมากเกินไปแล้ว  ลมหายใจของเดี่ยวรดแก้มของเก่ง    มันถึงกับทำให้เลือดในตัวของเก่งสูบฉีดขึ้นมาทีหน้า ทำให้รู้สึกร้อนไปหมด   

" เอ้ย! ทำไรอ่ะปล่อยๆๆ " เก่งพยายามดิ้นและร้องเสียงเบาเพราะกลัวเพื่อนได้ยิน โชคดีที่เบาะข้างหลับแล้ว       

"เมื่อกี้นายแกล้งเราใช่มะ "  เก่งไม่ตอบและไม่มองหน้า  เมื่อเดี่ยวพยายามมองหน้าเค้นหาความจริง   ไวเท่าความคิดหน้าของเดี่ยวโฉบวูบเข้ามาที่แก้มของเก่งปลายจมูก สีแก้มใสของเขาอย่างเบาบาง  แต่ถึงอย่างนั้นมันก้ทำให้เลือดของเก่งฉีดขึ้นลงอย่างแรง  เก่งอึ้งมอง เด้กหนุ่มตัวโตตรงหน้า เห็นเดี่ยวยิ้มให้ในความมืดตาเป็นประกายวาว  ใจเต้นแรงรัวอย่างไรบอกไม่ถูก  นานพอดู กว่าเก่งจะเอ่ยออกมาได้

"นายปล่อยมือดิ เราจะนอนแล้ว " เก่งเสียงสั่นเพราะใจที่เต้นรัว   คราวนี้เดี่ยวปล่อยมือง่ายดาย  เก่งข้ามไปนั่งอยู่ข้างหน้าต่างตัวแข็งไปหมด ทั้งคู่ต่างเงียบงัน   เก่งพยายามผ่อนลมหายใจเพื่อให้การเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ     

" เรานอนล่ะนะ"  เสียงเดี่ยวแผ่วข้างตัวทำให้เก่งหันไปมอง   เขาเห้นหน้าขาวใสเอียงหัวซบหน้าลงบนบ่าของเก่ง   เก่งรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง  มันแปลกในความรู้สึกที่เก่งไม่เคยเป็นมาก่อน  เก่งหันมาสำรวจเดี่ยว      ตอนนี้เปลี่ยนไปจากตอนเด็กมาก  ผิวขาวใสตัดกับไรหนวดที่ครึ้มๆ น้อย  ริมฝีปากที่แดงสดแสดงให้เห็นว่าเป้นคนสุขภาพดี   ตาที่ดูโตนั้นมีแววคมปลาบรับกับคิ้วดกเข้ม   เดี่ยวเปลี่ยนจากเด็กน้อยตาตี่ในวัยเยาว์กลายเป็นหนุมหล่อที่มากไปด้วยสเน่ห์ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในขณะที่หลับก็ตาม    เก่งคิดแลวรู้สึกเคลิ้มๆ เมื่อหลับตาแล้วทุกสิ่งก็วูบมืดลง

เก่ง ..ตื่นขึ้นมาเมื่อรถกำลังแล่นเข้าจอดณที่วัดแห่งหนึ่ง  "วัดพระธาตุช่อแฮ "  ป้ายบอกไว้อย่างนั้นรถแวะพักณ.ที่ตรงนี้เพื่อให้ทุกคน จัดทำธุระของตัวเองและหาข้าวกิน   เดี่ยวยังคงหลับ หัวเอียงซบที่บ่าของเก่ง

" เอ้ย เดี่ยวๆ นายตื่นดิ"    เก่งต้องใช้เวลานานที่เดียวกว่า เดี่ยวจะรู้สึกตัว   เด็กหนุ่มยิ้มให้เมื่อเห็นหน้าเก่ง ขณะที่ยังงัวเงียอยู่   

"ลุกได้แล้ว ไปล้างหน้าดิ เดี่ยวเค้าจะขึ้นไปไหว้พระธาตุกันแล้ว    " เก่งบอกกับเดี่ยวเมื่อเห็นเดี่ยวยังงัวเงีย   

" อืมๆ ไปดิ " ว่าแล้วเดี่ยวก็คว้าข้อมือจูงเก่งไป      เอ๊ะ!ไรเนี้ย เก่งงงกับภาพที่เห็น  แล้วนี่มันมาจูงมือทำไมวะ   ใจเริ่มเต้นแรงๆ   เก่งชักมือกลับ  มองอึ้งๆ   

"เป้นไรอ่ะ ไปดิ เร็วๆ หิวข้าว  "   ไอ้เดี่ยวยังคงอืมมือมาจับมือเก่งที่เย็นจนชื้นอย่างรู้สึกได้   เดี่ยวยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม แล้วหน้าขาวดูสว่างเมื่อกระทบแสง  เก่งเดินตามเหมือนถูกมนต์สะกด  ....

" โห  หนาว "เก่งสั่นงึกๆไม่คิดว่า อากาศจะหนาวได้ขนาดนี้เสื้อกันหนาวที่เอามาไม่ช่วยกันความหนาว ของช่วงเช้าในภาคเหนือได้เลย  เก่งกัดฟันเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ หลังจากกินข้าวเสร็จเพื่อขึ้นไปไหว้พระธาตุ   ยิ่งขึ้นสูงยิ่งหนาวเหลือเกิน เก่งตัวสั่นไปหมด   

" หนาวเหรอ "  เสียงห้าวถามดังเบาๆมาจากข้างหลัง เดี่ยวถามเมื่อเห้นเขาสั่น    เก่งไม่ตอบหันหน้าเดินต่อ

ยังไม่ทันก้าวต่อรู้สึกมีผ้าหนาๆอ่นมาคลุมตัว  เขาเงยหน้าขึ้นเห็นเดี่ยวถอดเสื้อกันหนาวของเขาออกพลางคลุมไว้ที่ตัวเก่ง   

"แล้วนายไม่หนาวเหรอ เดี่ยว" เก่งถามเมื่อเห็นตัวเดี่ยวมีแค่เสื้อยืดบางๆ   

" เราอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่เด็กนะ อากาศแค่นี่ไม่เป้นไรหรอก "      เดี่ยวตอบแล้วยิ้มใจดี         

"งั้นเอาเสื้อเราไปแล้วกัน  ใส่แค่นั้นเราว่าไม่พอหรอก " เก่งถอดเสื้อกันหนาวตัวเองแล้วส่งให้เดี่ยว ดีนะที่เสื้อของเก่งตัวใหญ่พอๆ กับของเดี่ยว       

เดี่ยวรับมาอย่างว่าง่าย พร้อมยกขึ้นดม  " อืมหอมจัง ตัวนายหอมอย่างนี้นี่เอง    " เดี่ยวจ้อง เด็กหนุ่มรูปร่างบาง เก่งรู้สึกหายใจติดขัด ร้องบอกกับเด็กหนุ่มตรง

"เรารีบขึ้นกันไปเหอะ ตามเพื่อนๆ  ไม่ทันแล้ว  " ว่าแล้วเก่งก็หันหลังกลับเตรียมเดินขึ้นบันได้ต่อ

" เดี่ยว! เก่ง "   

"อะไร " เก่งร้องแล้วหันกลับมา เดี่ยวจับหมวก ของตัวสวมให้เก่ง   

"ใส่ซะหมอกแรงแรงงี้ เดี๋ยวเป็นหวัด   เดี่ยวก้มหน้ามาสวมหมวกกันหน้าชิดกันมาก  เก่งร้อนหน้าไปหมด             

"ไปเหอะ "ว่าแล้วเดี่ยวก้จับมือเก่งจูงขึ้นเนินไป    เก่งรู้สึกได้ว่าตัวเองตัวเบาแปลกๆ เหมือนลอยเลื่อนได้อย่างประหลาด

หลังจากกราบพระธาตุแล้ว   อาจารย์ก็ปล่อยให้พวกทะโมนทั้งหลายเป็นอิสระ ให้ทำอะไรตามใจชอบเป็นเวลา  1 ชม. แล้วก็จะขึ้นรถ เพื่อเดินทางเข้าเชียง    เก่งเดินชมวิวที่ที่จุดชมวิวของวัด มองลงไปเห้เป็นป่าและตัวเมืองสลับกัน  เก่งนิ่งมองเนินนาน ปล่อยเพื่อนๆ ให้เดินร่อนเรอยู่แถวนั้น     

"ทำไรอยู่ " เสียงห้าวดังมาจากข้างหลัง เก่งหันไปถึงกับสะดุ้งเมื่อ เห้นเจ้าของเสียงอยู่ใกล้มาก หลังแทบจะชนหน้าอก  " เล่นอะไรเนี้ย ! ตกใจหมด"  เก่งร้องพลางถอนใจ   

" โทษที  ก็เห็นนิ่งไปนานเป็นห่วงเลยมาดู "   เดี่ยวเสียงอ่อย    เก่งขำ

"ไม่มีไรหรอกแค่เราดูนานๆจะจำภาพวิวไปวาดรูปน่ะ "   เก่งอธิบาย       

" เก่ง   เรามีเรื่องอยากบอกนาย นะ "  เดี่ยวมองหน้านิ่ง 

" มีไร " เก่งถามงง

" ก็เรื่องนั้นน่ะ จริงแล้วเราไม่คิดจะแกล้งนาย   เราอยากจะบอกนายหลายหนแล้วแต่ไม่มีโอกาสเลย    เรากลัวว่าถ้านายจำเราไม่ได้แล้วนายจะปฏิเสธเรา     เราไม่แน่ใจเพราะตอนนั้นนายยังเด็กกว่าเรา  แต่เราอยากบอกว่าเราจำนายได้นะ นายยังเหมือนเดิม น่ารักยังไงก็ยังเป็นอย่างงั้น   เก่ง นายยกโทษให้เราได้ไม๊ " เดี่ยวพูดรวดเดียวโดยไม่มองหน้า  เก่งเดาได้ว่าเดี่ยวต้องเขินแน่ๆ    พูดจบเดี่ยวหันมามองหน้าของเก่ง  แววตาดูวิงวอน       

" เรายกโทษให้นายไม่ได้หรอก " เดี่ยวมองหน้าเก่งแววตาเศร้าวูบขึ้น   

"นายจะมาให้เรายกโทษให้นายทำไม   นายไม่ได้ผิดอะไรสักหน่อย  อีกอย่างเรื่องวันนั้นเราลืมไปหมดแล้ว  เราไม่ดีเองที่ดันจำหน้านายไม่ได้  แล้วเราก้ไม่กล้าขอโทษนาย เรื่องนี้เราผิดเอง " เก่งพูดออกมาพลางมองดูวิวบ้าง     เดี่ยวหันมองตามีแววแปลกใจแล้วยิ้มกว้างด้วยความดีใจ 

"  ถ้างั้นก็เอาเป้นว่า เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก  งั้นเอาเป็นว่าเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไม๊  "  เดี่ยวพูดออกมาแล้วหันหน้ามายิ้มกับเก่ง พร้อมลุ้น  เก่งมองหน้าเดี่ยวอยู่นานพร้อมบอกเสียงที่ได้ยินกันสองคน 

"อืม" แล้วเก่งก้ยิ้มกว้างให้เดี่ยว ต่างคนต่างแลกยิ้มให้กันอย่างมีความสุข     

เสียงตะโกนของไอ้พัฒน์ดังมาจากทางด้านหลัง 
" เอ๊า!  ถ่ายรูปหน่อยเร็ว  "  เก่งหันกลับเป็นจังหวะที่เดี่ยวเอื้อมมือมารั้งเอวของเก่ง ให้ชิดกับตัว     เก่งเสียหลักเซ ไหล่ชิดกะทบกับหน้าออกของเดี่ยว 

"แช๊ะ" แสงแฟลชวูบขึ้นพร้อมความตื่นตะลึง ของเก่ง  แต่เดี่ยวยังคงยิ้มหน้าชื่นอยู่   มันกอดเราถ่ายรูป! มันกอดเราถ่ายรูป!   เก่งงงกับเหตุการณ็ที่อยู่ตรงนี้เหลือเกิน  เสียงหัวเราะขำๆ เริ่มดังขึ้นจากปากของเดี่ยวเมื่อเห้นอาการของ เก่ง    วะ!หัวเราะไรรกันนักหนา   เก่งคิดแล้วรู้สึกหน้าแดง

เมื่อขึ้นรถ  เก่งยังคงงงไม่หาย พยายามสงบจิตใจไม่ให้มันฟุ้ง โดยการไม่มองคนที่นั่งข้างๆ   แต่สายตาที่มองมาทำให้รู้สึกไม่สงบเอาซะเลย  เก่งยังคงนั่งเงียบมองวิวข้างทาง แต่ในหัวดันมีแต่เรื่องเหตุการณ์เมื่อกี้ เต็มไปหมด    โอย ! นี่มันวันอะไรกันนี่  นี่เราเป็นอะไรไป เราคิดอะไรอยู่กันแน่  แล้วทำไมเราต้องใจเต้นแรงแบบนี้   ไม่ไหวแล้ว !!!    ทำไงดี ..........



{ เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }



 


sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-4 ครับ
«ตอบ #9 เมื่อ27-07-2008 15:06:05 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 5


เก่ง...รู้สึกว่าวันนี้ทำไมรู้สึกแปลกๆ  เจอแต่เรื่องแปลกๆ คนแปลกๆ และ ที่แปลกมากที่สุดคือตัวเอง !     
เขาแปลกใจมากเมื่อเห้นว่าวันนี้ไอ้เดี่ยว    ป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ตัวตลอดเวลา หรือไม่ก้มักจะพยายามดึงเขาให้เดินห่างออกจากกลุ่มเพื่อน   และที่แปลกมากที่สุด ไปว่าจะไปไหนก็ตามต้องขอจับมือ ! ทำไมมันต้องขอจับมือ  !  เก่งพยายามคิดแต่ยิ่งคิดก็ยิ่งงงกะตัวเอง!

" เฮ้ย เก่ง  คิดไรอยู่  " เสี่ยงเดี่ยวดังมาข้างหลังทำให้เขาสะดุ้งเฮือก  มืออุ่นๆ จับลงที่บ่า

" ทำไมนายชอบมาข้างหลังว่ะ   ตกใจหมด " เขาบอกเดี่ยวเมื่อหายตกใจ     

"ก็เห็นนายเหม่อ เดี๋ยวก็ตกบันไดมาหรอก  ที่นี่พระธาตุดอยสุเทพนะ ถ้านายตกบันไดที่นี่ถึงตายแน่  "  เดี่ยวยิ้มล้อเมื่อเห็นเก่งมองหน้าโกรธๆ

"เราจะตกลงไปตายก็เพราะนายแหละ อยู่ๆก็เข้ามาข้างหลัง " เขาร้องเถียง  เดี่ยวหัวเราะ

"   อ้าวเหรอขอโทษ นึกว่านายขึ้นไม่ไหวแล้วเลยมาจะมาเย้ยซะหน่อย "  อ้าวนี้ดูถูกกันนี่ เดี๋ยวเถอะไอ้เดี่ยว !

" พูดอย่างนี้มาวิ่งขึ้นบันได แข่งกันไม๊ล่ะ " เก่งร้องท้า  เดี่ยวหรี่ตามองยิ้มขำ

"แน่ใจนะ " เดี่ยวย้ำ 

"เออแน่! หรือนายไม่แน่จริง" เก่งยั่ว   

" ok ได้.  ถ้าเราแพ้เราจะยอมเป็นคนรับใช้นายวันหนึ่ง  ถ้านายแพ้เรานายต้องยอมให้เราทำอะไรก็ได้วันนึง ok ป่ะ " เดี่ยวบอกพร้อมยักคิ้วให้ เมื่อเห็นเก่งเริ่มคิดหนัก

"งั้นก็ได้  เราตกลงตามนั้น งั้นเราไปล่วงหน้าไปก่อนนะ "   เก่งตะโกนบอกพร้อมกระโดดกึ่งวิ่งขึ้นบันไดที่ละ2 ขั้น

"เฮ้ย  ไอ้ขี้โกง รอก่อน!" เดี่ยวเพิ่งไหวตัวทันเมื่อเก่งล่วงหน้าไปไกลแล้ว


พักเดียวมีเด็กหนุ่มตัวเล็กๆขาวๆ นั่งหอบหน้าแดงอยู่หน้าประตูทางเข้า  ตามมาด้วยเด็กหนุ่มตัวสูงอีกคนมาล้มตัวลงนั่งหอบหน้าแดงอยู่ข้าง
" นายแพ้เราแล้ว  เดี่ยว! นายแพ้เรา"  เก่งบอกทั้งยังหอบๆ

"แพ้กะผีไร  นายขี้โกงนี่หว่า " เดี่ยวท้วง   

" เฮ้ยอย่างงี้แหละ ถูกแล้ว ก็นายได้เปรียบเราอยู่แล้ว  นายขายาวกว่านี่ นายก็ต้องต่อให้เราดิ"  เก่งเถียงพลางยักคิ้ว

" นี่แน่ะไอ้คนเจ้าเล่ห์ " ข้อแขนล่ำรัดเข้าตรงคอเก่ง เจ้าของแขนจงใจให้หน้าเขาซุกไปทีจักกะแร้   

"เฮ้ย! ปล่อยๆๆ ไอ้บ้านี่ เหม็นๆๆ  ปล่อยๆ "เก่งดิ้นรนเพราะอึดอัด ระดมทุบมือลงที่ไหล่ 

"ไม่ปล่อย ไม่ปล่อย " เดี่ยวหัวเราะเสียงดังสะใจ พร้อมจับมือของเก่งไม่ให้ทุบตน
ในที่สุดสงครามไข่เน่าก็สิ้นสุดเมื่อเก่งสูดกลิ่นไปเกือบนาที  เดี่ยวยังหัวเราะอยู่อย่างชอบใจ แต่เก่งนั้นหน้ากลับกลายเป็นตูดไปแล้ว

"บอกให้ปล่อยทำไมไม่ปล่อยวะ เหม็นจักกะแร้นายจะตาย " เก่งด่า พร้อมเช็ดหน้าที่เปื้อนเหงือของอีกฝ่าย

"ก็นายชนะเรา  นายก็ต้องเป็นเจ้านาย เราก็อยากให้นายดมกลิ่นเราไว้ไง  เป็นเจ้านายต้องจำกลิ่นลูกน้องได้รู้ไม๊ เวลาลูกน้องหลบไปไหนจะได้ตามเจอ "  เดี่ยวล้อยิ้มๆพร้อมขยี้หัวเก่ง

"เป้นไง ตอนนี้จำกลิ่น ลูกน้องคนนี้ได้ยัง "

" เอ้ย นี่เราไม่ใช่หมานะ  " เก่งเถียง   

"เอาล่ะครับ คุณท่านครับไม่ต้องโกรธ  เราเข้าไปไหว้พระกันได้แล้ว " เดี่ยวลุกขึ้นโค้งพร้อม ยื่นมา

" อะไรน่ะ ยื่นมือมาทำไม " จริงๆเก่งรู้คำตอบแล้วแต่ยังแกล้งถาม   

" อ้าว  ก้จูงมือคุณท่านไงครับเดี๋ยวคุณหลง มาครับ เพื่อนคุณท่านไปกันหมดแล้ว"  เดี่ยวก้มลงมาคว้ามือแล้วดึง เก่งให้ลุกขึ้น

"เฮ้ย ปล่อยๆๆ ไม่ต้องจับมือ เอ้ยปล่อยอายเค้า"  เดี่ยวไม่ฟังกุมมือแล้วลากเก่งให้เดินตาม
เดี่ยวยังทำไม่รู้ไม่ชี้ เดินกุมมือลากเก่งไปไหนต่อไหน แต่ตัวเก่งนี้สิ เดินก้มหน้างุดๆด้วยความอาย  เมื่อหลายคนเริ่มมอง  โดยเฉพราะไอ้แก้วที่ทำตาโตเมื่อหันมาเห็นพอดี    เก่งอายจัดกระตึกมือวูบมือหลุดจากมือของเดี่ยวแล้วเดินหนีไปหากลุ่มเพื่อนนของตน

"เมือกี้เอ็งไปทำไรมาว่ะ แล้วนี่ทำไมหน้าแดง " แก้วถามเมื่อเห็นสิ่งน่าสงสัย

" เฮ้ยเปล่าๆ ไม่มีไร ก็วิ่งขึ้นมาน่ะเลยเหนื่อย แล้วนี่จะเข้าไปไหว้กันยังล่ะ " เก่งรีบเปลี่ยนเรื่อง

"เออ ก็กำลังจะเข้าไป เขารอเอ็งคนเดียวแหละ ไปซื้อดอกไม้มาสิ"   

"เออ" สิ้นเสียงเก่งดอกบัวโผล่พรวดตรงตรงหน้า เก่งมองตามมือ

อ่ะ รับไปดิ ซื้อมาเผื่อแล้ว " เก่งรับดอกบัวมาอย่างง

" อ้าวยังยืนเซ่ออยู่อีก ไปเร็วเขา เข้าไปกันหมดแล้ว" ว่าแล้วดันหลังเก่งให้รีบ

เสียงทุกเสียงเงียบลงเมื่อ เข้ายังโบสถ์ พระพุทธรูปทอดสายตาที่เต็มไปด้วยความเมตตาลงมายังทุกคนที่อยู่ที่ห้องโถง
เก่งนั่งอยู่หลังสุดโดยมีเดี่ยวนั่งคุกเข่าชิดกัน  เก่งหลับตาลงเพื่อให้จิตใจสงบ  เก่งไม่ได้อธิฐานขออะไรเพราะตัวเขาคิดว่ามีพร้อมทุกอย่างอยู่แล้ว ถ้าจะขอแค่ความสงบสุขก็พอ ก้มลงกราบแล้วเอาดอกไม้ไปวางหน้าพระ   

" เมื่อกี้นายขอะไรเหรอ " เดี่ยวถาม 

"เราขอความสุข "เก่งตอบแล้วยิ้ม

"แล้วนายล่ะ " เก่งถามบ้าง

"เรื่องนี้เป้นความลับ " เดี่ยวยิ้มเมื่อเห็นเก่งหน้าง้ำ 

" ไร ว่ะ ที่ของเราเรายังตอบเลย "  เก่งท้วง

"เอาน่า ไว้วันหลังเดี๋ยวบอก เออไปเหอะป่านนี้อาจารย์เรียกรวมแล้วมั้ง " เดี่ยวตัดบท พร้อมดึงตัวมือเก่งมากุมไว้อีก แล้วจูงมือให้เดินตาม  ...


ค่ำนี้ทัวร์นกขมิ้นจบลงด้วยการที่ฝ่ายชายต้องพักที่วัดที่ใกล้บ้านของอาจารย์ลักษมี  บ้านของอาจารย์นั้นเป็นร้านขายของที่อยู่ในตัวตลาดกลางคืนและอยู่ใกล้กับวัด  บ้านของอาจารย์ลักษมีสนิทกับทางวัดเป็นอย่างดี เพราะช่วยเหลือทางวัดไว้มาก   จึงไม่เป็นการยากที่จะขอให้เหล่าๆเด็กชายทั้งหลาย(รวมถึงอาจารย์ผู้ชาย 2 คน) เข้าอาศัยนอน    ส่วนเหล่าหญิงสาวทั้งหลายนั้น อาจารย์จัดให้นอนที่บ้านเพื่อความปลอดภัย

อาหารเย็นวันนี้ เริ่มต้นขึ้นในเวลาใกล้ค่ำกลางตลาดไนท์บาซ่าร์  เป็นอาหารเย็นในลักษณะแบบบุบเฟ่  คือหากินตามใจตัวใครตัวมัน  เก่ง แก้ว เคนและไอ้พัฒน์ตกลงใจที่จะหาไรกินง่ายๆ แต่สาวแพทกับสาวบีมปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกินส้มตำ ไส้อั่ว ข้าวเหนียวให้จงได้

"อะไรกันพวกแกมามาเหนือยังจะมากินอาหารตามสั่งอีก ไม่พัฒนาซะบ้างเลย " บีมค่อนแคะ

" อ้าว แล้วไอ้ที่พวกเธออยากจะกินน่ะ ที่กรุงเทพไม่มีรึไง" ไอ้พัฒน์กัดอย่างเหลืออด

" ชั้นไม่รู้ แต่มาเหนือทั้งที่ต้องกินอะไรแบบเหนือๆมั่งดิ เอาเป็นว่าเราโหวตเสียงกันดีกว่า" ยายบีมไม่ยอมแพ้

" ได้เลย "  ไอ้พัฒน์ยิ้มอย่างมีชัย เพราะเมื่อเห็นว่าฝ่ายชายมีคนเยอะกว่า

" ใครอยากกินอาหารเหนือยกมือ " พรึบ!  สองสาวยกมือพร้อมกัน ไอ้เคนยกมือตามเพราะโดนยายบีมหยิก  ไอ้แก้วเองก็ยกมือ

" ก็กูอยากกินไรแซ่บๆๆ "มันบอก

" ชนะขาด  " บีมยักคิ้วกวนๆใส่คู่กรณี

" เออ ไปก็ได้วะ " ไอ้พัฒน์ทำหน้ายักษ์ตอบยายบีม

" แล้วว่าแต่ไปร้านไหนดีอ่ะ ท่าทางแถวนี้จะแพง" คำถามของแพททำให้ทุกคนมืดแปดด้าน   

" ก็บอกแล้ว ว่ากินอาหารตามสั่งดีกว่า " ไอ้พัฒน์ยังไม่ยอมแพ้

" เงียบไปเลย แกน่ะ" บีมเงื้อมือใส่เจ้าของเสียง     

" นี่ๆ เดี่ยวนายเคยอยู่เชียงใหม่มาก่อนใช่ปะ ช่วยบอกหน่อยดิ "  อ้าว! นีไอ้เดี่ยวมาด้วยเรอะ แล้วทำไมเงียบจัง   เก่งหันหลังกลับไปมองเมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ไอ้เงาที่คอยตามมาน่ะเป็นไอ้เดี่ยวนั่นเอง

"  ร้านที่อยู่ตรงโน้นไง  อร่อยด้วยถูกด้วย "  เดี่ยวชี้ไปยังร้านที่ตั้งอยู่ริมทาง ป้ายหน้าร้านเขียนตัวหนังสือล้านนา มีเสียงดนตรีดังหนุงหนิงๆอยู่ข้างใน  ทุกคนได้ที่นั่งตรงมุมเล็กข้าง ๆหน้าต่างที่อยู่ใกล้สวน ลมเย็นๆ พัดเอากลิ่นดอกไม้หอมๆ เข้ามา พื้นร้านขัดมันสะท้อนแสงโคมมัวๆที่ดูเหมือนแสงตะเกียง ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูหมือนย้อนยุค

" โรแมนติกจังเลย" บีมกะแพทร้องขึ้นพร้อมกัน พัฒน์เบ้หน้าอย่างหมั่นไส้

" เอาเถอะ! แม่คุณสั่งข้าวมากินเถอะ  หิว! " พัฒน์เร่ง เก่งยิ้มขำๆกับคู่นี้  เออ !เจอกันที่ไรกัดกันทุกทีซิน่า !    หันกลับมาอีกทาง เคนกับแพทจ้องตากันนิ่งๆ  เก่งงง เอ๊ะไอ้พวกนี้มันชักยังไงๆ แฮะ

เก่งยิ้มแล้วพอจะเดาอะไรได้  แต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นขมวดคิ้วก้มลงมองที่มือ   มือเก่งถูกกุมไว้ด้วยมือใหญ่ๆ ของคนข้างที่ยังนั่งทำไม่รู้ไม่ชี้อยู่  เขาพยายามชักมือออกแต่ไม่สำเร็จ   เก่งนิ่วหน้าจ้องเดี่ยว พร้อมใช้สายตาบังคับให้ปล่อยมือ    แต่เดี่ยวก็เฉย หันมากระซิบ

"อยู่เฉยๆ สิ อย่าดิ้น ขอจับมือหน่อยไม่ได้หรือไง " เดี่ยวกระซิบพร้อมกับประสานมือกับเก่ง   เก่งกระตุกมือกุกกักอยู่ใต้โต๊ะ

" เฮ้ย ส้มตำมาแล้ว   นี่พวกมึงสนใจกูมั่งสิ" เสียงแก้วเตือนเมื่อเห็นว่าทุกคนในโต๊ะทิ้งมันไปมีโลกส่วนตัวกันหมด !..........


"โอ้ย! อิ่มๆๆ " เก่งร้องขึ้นเมื่อแยกจากเพื่อนๆที่ยังนั่งฟังเพลงอยู่ที่ร้าน  โดยมีเดี่ยวแอบเดินตามหลังมาเงียบๆ

"นายตามเรามาทำไม ทำไมไม่กลับวัด " เก่งถามเมื่อรู้ว่าเดี่ยวตามมา

"เราเป็นห่วง กลัวนายจะหลง " เดี่ยวตอบหน้าเฉย

"เฮ้ยเราไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่หลงหรอก นายกลับไปเหอะ "เก่งบอก

"อะไร ขอมาเดินด้วยแค่นี้รังเกียจกันเหรอ "  เสียงห้าวร้องอย่างน้อยใจ

" เออ มีไรป่ะ ก็นายจักกะแร้เหม็น" เก่งล้อ เมื่อเห้นอีกฝ่ายหน้าง้ำ

" อ๋อ! งั้นเหรอ " เดี่ยวก้าวเข้าหาเก่งในขณะที่เก่งหัวเราะอย่างลืมตัว   แล้วดึงเก่งเข้าหาตัวพร้อมกดจมูกลงบนแก้มใสๆ

" เฮ้ย ! ทำไรเนี้ย " เก่งผลักเดี่ยวออกอย่างตกใจเมื่อแก้มโดนกระทบด้วยจมูก

" ก็ นายว่าเราตัวเหม็นนี่  เราก็ต้องเก็บกลิ่นหอมๆ มาไว้ในตัว เราจะได้หายเหม็นไง"  เดี่ยวพูดช้าๆสบตานานนิ่ง  จ้องมองหน้าแดงของอีกฝ่ายอย่างพอใจ 

"ไอ้บ้า" เก่งเช็คแก้มแล้วเดินหนี

เก่งเดินก้มหน้างุดๆ พยายามไม่สนใจคนที่เดินตามอยู่ข้างหลังที่ผิวปากอย่างอารมณ์ดี ! ใจยังคงเต้นรัวไมมีที่ท่าว่าจะสงบลงง่าย  นี่มันจะทำไรอยู่ว่ะ หยอกกันแรงไปเปล่าเนี้ย แล้วนี่ตูเป้นไรเนี้ย หน้าแดงอยู่ได้ โอย!   เก่งคิด
เวลาตอนนี้ถือได้ว่าค่อนข้างดึกแล้ว พระจันทร์ดวงโต ลอยเด่นอยู่กลางฟ้า  ผู้คนยังคงเดินกันขวักไขว่   เก่งพยายามเดินดูของที่เรียงอยู่ข้างทางเพื่อจะได้ไม่ต้องสนใจไอ้เดี่ยวที่เดินตามข้างหลัง   แต่มือเดี่ยวที่จับบ่าไว้ทำให้ไม่สมาธิเอาซะเลย

" เฮ้ย เราแวะดูร้านนี้หน่อยนะ  "  เก่งเลี้ยวเข้าข้างทางเมื่อเห็นร้านหยกอยู่ข้างหน้า ตาโตขึ้นด้วยความสนใจ

" นายอยากได้เหรอ " เดี่ยวถามเมื่อเห็นเก่งหยิบจี้หยกขึ้นมาชิ้นนึ้งที่แกะเป็นรูปสิงห์  ท่าทางพอใจ

" อื้อนี่ มันเท่าได๋ล่ะ " เดี่ยวส่งภาษาเหนือใส่เจ้าของร้านที่อยู่ในชุดผ้าถุง   เก่งหันมองด้วยความแปลกใจ

" 150 เน้อ " เจ้าของร้านตอบกลับเป็นภาษาเหนือ

"ลดไห๋น้อยเน๊อะ เอื้อย เน๊อะ  เฮาสิซื๋อไป่ฝากแฟน" เดี่ยวต่ออย่างอารมณ์ดี  เจ้าของร้านยิ้มให้

" เฮาล่ดให้กึ่งนึงก้แล๋วกั๋น"ว่าแล้วจัดการใส่ถึงแพร  เก่งขำๆ เมื่อได้ยินบทสทนา ไอ้เดี๋ยวมันอู้คำเมืองแล้วน่ารักดีแฮะ   เก่งล้วงกระเป๋าเพื่อจะหยิบเงินจ่าย แต่ช้ากว่าเดี่ยว เก่งมองหน้าเดี่ยวงงๆ เมื่อเดี่ยวดึงมือออกมาจากร้าน

"เฮ้ย!เรายังไม่ได้ซื้อหยกเลยนะ " เก่งบอกเบาเมื่อ เดินออกมาจากร้าน

"นายไม่ต้องซื้อหรอก  ของนี่มันเป็นของนายน่ะ  เราซื้อให้"  เก่งยังงงเมื่อเดี่ยวส่งของให้

" แต่นายบอกว่า จะซื้อให้แฟนไม่ใช่เหรอ  "

" ก้ใช่สิ ก้ซื้อให้แฟนไง " เดี่ยวหันมามองแล้วยิ้มขำๆ   แล้วมันเอามาให้เราทำไมว่ะ  เอ้ย เก่งสะดุ้ง เมื่อคิดได้ จ้องหน้าเขม็ง

" นายคิดไรอยู่อ่ะ " เก่งมองระแวงมาทางเดี่ยว  เห็นเดี่ยวหน้าแดงๆ ยิ้มให้อย่างเขิน

" ก็เราอยากให้นายน่ะ ช่วยรับไว้แล้วกันนะ " นี่ถ้าตูรับตูต้องเป็นแฟนมันไม๊เนี้ย เก่งคิดแล้วหน้าร้อนวูบๆ

" เอ้ย ไม่ต้องคิดมากหรอก รับๆ ไปเหอะ " เดี่ยวยิ้มแล้วเดินตรงมาจับมือมือ

" เอ้ย! ปล่อยๆ มาจับมือทำไมเนี้ย " เก่งสะบัดมือยิกๆ

เดี่ยวยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้ม 

"ทำไมเหรอ จับมือแค่นี้เขินเหรอ แล้วนั่นหน้าแดงทำไม" เขาก้มลงสบตาของอีกฝ่าย  เก่งหันหน้าหนีเพราะรู้สึกร้อนที่แก้ม

"เปล่า! อยากจับก็จับไปเด่ะ" เก่งก้มหน้าหลบ รับคำแล้วเดินตามไปอย่างว่าง่าย   เดี่ยวยิ้มพอใจเมื่อเห็นอีกฝ่ายรับคำ..

เก่งรู้สึกว่าถนนเส้นที่เดินกลับนี้ทำไมมันไกลจัง ตอนขามาไม่ได้รู้สึกว่ามันไกล อากาศหนาวกลางดึกเช่นนี้มันเย็นเข้าไปถึงข้างในแต่เก่งไม่ได้รู้สึกหนาวเพราะความอบอุ่น ของมืออุ่นๆ ของอีกฝ่ายทำให้ใจเต้นแรง จนทำให้ลืมเรื่องหนาว
เดี่ยวหันมามองเมื่อเห็นเก่งเงียบ  เขาสะดุดใจกับหน้า ขาวๆ เจือด้วยความแดงของแก้มเพราะอากาศหนาว สีปากก้แดงจัดเช่นกัน  เก่งเองก้รู้สึกถึงสายตาที่มองมา เงยหน้ามองเป็นดวงหน้า ขาวๆ ตาคมๆ จ้องอยู่

"หนาวเหรอ" เดี่ยวถามเสียงแผ่ว กระชับมือที่ยังคงกุมไว้

" อือ เราหนาว " เก่งบอกเสียงสั่นๆ 

"งั้นเราช่วยนะ " เสียงตอบเบาๆนั้นทำให้เก่งใจเต็นรัว และ ยิ่งเต้นแรงขึ้น เมื่อ วงแขนอุ่นรัดร่างเล็กๆของเก่งไปเบียดกับหน้าอก  ตัวเดี่ยวอุ่นมากจนเกือบร้อน เก่งไม่รู้ว่าทำไมไม่ดิ้นรนแต่ยังคงตะลึงอยู่

"เราหายหนาวแล้ว ปล่อยดิ" เก่งบอกเมื่อวงแขนนั่นไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย 

" แต่เรายังไม่หายหนาวเลย" เดี่ยวอุธรณ์
"ขอเรากอดนายอีกนิดนะ " พูดแล้วหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี   

" เฮ้ย!ไม่เอาปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็น เราง่วงแล้ว ปล่อยเหอะ"  เก่งอ้อนวอน เดี่ยวยังคงมองนิ่งแววตาเชื่อมๆ   

" งั้นเราขอจูบนายแล้วเราค่อยปล่อยได้มะ "

" เฮ้ย!  ไอ้บ้า ไม่เอาไม่เล่นนะโว้ย ปล่อยๆ อย่ามาทำไรบ้าๆ นะโว้ย " ไม่มีเสียงตอบจากเดี่ยว  มีแต่หน้าเดี่ยวที่กำลังก้มมาอย่างช้า 

" เฮ้ยไม่เอาๆปล่อยๆ " งานนี้หนีไม่พ้นแน่แล้ว  เก่งหลับตาปี๋    สัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผากที่รดเรี่ยด้วยลมหายใจอุ่นๆ เก่ง มองหน้าอีกฝ่ายงง 

" เราไม่บังคับนายหรอก "  เดี่ยวยิ้มมองเก่งอย่างเอ็นดูพร้อมคลายวงแขน  แล้วจูงมือพาเขาเดินเข้าที่พักในวัด    เก่งยังคงงงกับเหตุการณ์ที่เกิด เดินตามแรงดึงไปอย่างว่าง่าย ......

แล้วการทัวร์ครั้งนี้ก้จบลงหลังจากที่ได้ทุกคนได้ตระเวนไปทั่วเกือบทั้งภาคเหนือ ทุกคนดูเหนื่อยมากกับการเดินทาง  ขากลับจึงไม่มีใครคุยกันเลยสักคนคนเดียว แม้แต่ไอ้พัฒน์เอ็นเตอร์เทนเนอร์ตัวดี   ไอ้คนที่นั่งข้างๆ เก่งก็หลับเหมือนกัน และก็ดูมันจะฝันดีพิลึก นอนแล้วยังอมยิ้มอีก   

หน้าขาวๆที่ตัดกับไรเคราครึ้มทียังไม่ได้โกน ยังซบอยู่บนบ่าเหมือนเดิมเหมือนตอนขามา ความจริงรู้สึกหนัก  แต่เก่งก็ไม่ได้ปฏิเสธ  และหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงปฏิเสธเดี่ยวไม่ลงสักที   ตัวเขาไม่รู้ว่าเดี่ยวคิดยังไงกันแน่และไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เดี่ยวทำลงไปเพราะแค่อยากแกล้งเล่นสนุก หรือเพราะเหตุผลอื่น  แต่ตัวเก่งเองนี่สิ ชักเริ่มไม่แน่ใจว่าคิดกับเดี่ยวแค่เพื่อนเท่านั้น   เก่งไม่เคยนึกว่าตนจะมามีความรู้สึกอย่างนี้กับเพื่อนผู้ชายด้วยกัน สิ่งนี้มันทำให้เก่งสับสน    เดี่ยวอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับตัวเขาก้ได้ 

เก่งอาจจะต้องเจ็บถ้าจะคิดกับเดี่ยวมากกว่าเพื่อน      สิ่งที่ดีที่สุดตอนนี้คือเก่งต้องรักษามาตราฐานความเป้นเพื่อนให้เที่ยงตรงที่สุด   ถ้าเก่งเอียงข้างเมื่อไหร่ละก็ วันนั้นแหละคือต้องเลิกเป็นเพื่อน   "เฮ้อ!"  เก่งถอนใจเมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะตามมา  เขาภาวนากับตัวเองให้พยายามคุมใจตัวเองให้ดี แต่เมื่อเหลือบมองเดี่ยวที่ยังนอนหลับซบบ่าอยู่นั้นเขารู้ทันที่ว่าทำไม่ได้เลย  เอาน่า! เขาต้องพยายาม ยังไงต้องทำให้ได้เมื่อกลับบ้านไปแล้ว  แต่ตอนนี้ตัวเขาขอตามใจตัวเองสักครั้งนึงก้แล้วกัน   เก่งคิดพร้อมเอียงหัวซบลงบนหัวของเดี่ยวที่ยังซบไหลเขาอยู่   พร้อมปล่อยให้ตัวเองหลับไปในขณะที่ยังซบหัวของเดี่ยว ......

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-4 ครับ
« ตอบ #9 เมื่อ: 27-07-2008 15:06:05 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






joypluss

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-5 ครับ
«ตอบ #10 เมื่อ27-07-2008 23:16:19 »

 :กอด1: :กอด1:

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-5 ครับ
«ตอบ #11 เมื่อ28-07-2008 10:53:10 »


ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 6




เก่ง .. รู้สึกว่าการเริ่มต้นใหม่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งนี่มันแสนยาก  การจะปรับความรู้สึกให้เหมือนเดิมนั้น
ทำไมมันทำยากจัง!   เขายังคงพยายามสั่งตัวเอง บอกตัวเอง  ให้ลืมความรู้สึกที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ให้หมด แล้วกลับมาเป็นเพื่อนกับเดี่ยวเหมือนเดิมอีกครั้ง  ถึงแม้ว่าส่วนลึกๆ ยังมีเสียงเรียกร้องมาจากส่วนลึกในใจก้ตาม
หลังจากกลับมาจากเชียงใหม่  เก่งยังหมกตัวอยู่กับบ้าน เขาคิดว่าการอยู่สงบๆ คนเดียวมีคงเวลาคิดทบทวนอะไรบ้างอย่างอาจทำให้ใจสงบและลืมสิ่งต่างที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่ได้

" เฮ้ย ! เก่ง นี่นายจะนอนไปถึงไหนน่ะ" เสียงกวนประสาทที่ทำให้ใจไม่สงบ แล้วนี่มันทำไมต้องมาทุกวันว่ะ คนกำลังจะทำใจได้

" นายมีไรอ่ะ  แล้วมาทำไม เราบอกแล้วว่าเราจะนอนอยู่บ้านไม่อยากออกไปไหน " เขาบอกเดี่ยวที่มองมาอย่างระอา  ความจริงนี่บอกกันมาตั้ง 10 กว่าครั้งแล้ว  ทำไมมันยังไม่จำอีกว่ะ !

" เฮ้ย นอนมากเดี๋ยวสันหลังยาวกันพอดีดิ ไปๆๆ ไปข้างนอกกันเหอะ "  ไอ้เดี่ยวเอ้ย นี่ตูพยายามจะห่างๆมึงนะ แล้วยังมาชวนไปนู้นไปนี่อีก เก่งคิด
ความจริงแล้วไอ้เดี่ยวน่ะพยายามชวนเขามาหลายครั้งแล้ว  และทุกครั้งก็จะได้คำตอบ

" เราไปไม่ไป เราจะนอน" ทุกครั้ง  แต่ครั้งนี้มันมาแปลกแฮะ มาตามยันห้องนอนเลย  แต่ช่างมันก็เขาไม่อยากไปไหนกะมันให้ฟุ้งซ่านอีกนี่!  เก่งคิดแล้วพลิกตัวไปอีกทางอย่างไม่ใส่ใจ

" เฮ้ย บอกให้ลุกขึ้นเร็ว! " ไอ้เดี่ยวดุ เมื่อเห็นอีกฝ่านนอนเฉย

" ตกลงไม่ลุกแน่นะ  ได้ๆๆ  นายอย่าว่าเราแล้วกันนะ " เดี่ยวกระโดดลงบนเตียงทับตัวเก่งไว้ มื่อใหญ่ๆว่องไวจับเอวอีกฝ่ายพร้อมจับชายเสื้อดึงขึ้น

" เฮ้ย! หนัก! ออกไป เอ้ย จะทำไร เฮ้ย!ๆ ปล่อย อย่าทำไรบ้าๆนะโว้ย! "  เก่งดิ้นขลุกขลักรู้สึกว่าคิดผิดที่ปล่อยให้เดี่ยวขึ้นมาในห้อง

" เราจะพานายไปอาบน้ำไง นี่ต้องถอดกางเกงด้วย!" เดี่ยวร้องพร้อมดึงกางเกงของเก่งลง   เก่งยื้อขอบกางเกงไว้สุดฤทธิ์ 

" เฮ้ย บอกว่าอย่าเล่นอย่างนี้ ปล่อยนาเว้ย ปล่อย ผลัวะ! " เสียงศอกกระทบท้อง   เก่งกระโดดหนีมายืมหอบอีกทาง ส่วนเดี่ยวนอนกุมท้องหมดท่า

" ทำไมนายต้องเล่นแรงๆด้วยอ่ะ" เดี่ยวร้อง ก็บอกแล้วไม่ฟังนี่ไอ้บ้า เก่งคิด 

"ก็ นายอยากมาเล่นไรบ้าๆ แบบนี้ทำไมอ่ะ " เก่งบอกหน้าง้ำ

" ก้เราอยากให้นายออกไปข้างนอกกะเรานี่ แต่เห้นนายไม่สนใจเรา  ก็เลย..." เดี่ยวเสียงอ่อยเมื่อเห็นเก่งยังทำหน้างอ

" เออ อย่างอนเด่ะ ไปด้วยกันหน่อยนะ นะ นะ  "  เสียงอ้อนๆ อีกแล้วโอย แล้วนี่จะทำใจได้ไมเนี้ย

"เออ" เขาแพ้อีกแล้ว!

" แล้วนี่นายจะไปไหนน่ะ " เก่งถามขณะซ้อนจักรยานที่เดี่ยวเป็นคนขี่  หลังจากที่ออกจากบ้านแต่ยังไม่รู้จุดหมาย

"เดี่ยวก็รู้" เดี๋ยวบอก 

" แล้วบอกตอนนี้ไม่ได้รึไงว่ะ " ทำไมมันลีลาจัง เก่งคิด

" เอาน่า เฉยๆ ไว้แล้วดีเอง" เดี่ยวผิวปากอย่างอารมณ์ดี   แล้วเลี้ยวจักรยานเข้าวัด

" ถึงแล้ว " เสียงเดี่ยวร้องบอกอย่างอารมณ์ดี แต่นี่สิเก่งงง   

" นี่นายพาเราว่าวัดทำไมน่ะ " เขาถามเพราะเดาไม่ถูกว่ามาทำไม

" ก็มาทำบุญไงวันนี้วันพระนะ " เดี่ยวหยิบปิ่นโตแล้วจูงมือเก่งให้เดินตาม เขาเองก็เพิ่งสังเกตว่าเดี่ยวเอาปิ่นโตมาด้วย แล้วนี่ทำไมต้องจูงมือ

" เออ เดี่ยว!มือน่ะ ปล่อยได้ไม๊ นี่ในวัดนะ" เดี่ยวหันกลับมามองแล้วยิ้มกว้าง

" ก็ได้ๆ แล้วเดี๋ยวออกมาให้เราจูงมืออีกนะ"    โห ไม่ได้สำนึกเลย ไอ้หน้าด้าน!

ผู้คนยังคงไม่หนาแน่นมากเท่าไร เมื่อพระเริ่มสวดมนต์ให้ศีล อาจเป็นเพราะวันนี้ไม่ได้เป็นวันพระเทศกาล  ผู้คนจึงบางตา  มีแต่คนสูงอายุซะส่วนใหญ่  เก่งมองไปรอบตัวบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสงบทำให้ใจรู้สึกสบาย ความคิดต่างๆในหัวที่เคยรุมเร้ากลับหายไปหมดเมื่อเก่งมาวัด เขาหันไปมองเดี่ยวที่นั่งอยู่ข้างๆ ดูท่าทางเดี่ยวเองคงจะรู้สึกสงบเช่นกัน วันนี้ดูหน้าตาอิ่มเอิบใบหน้ามีรอยยิ้มนิดๆ ตั้งฟังพระให้ศีลอยู่เงียบๆ
"
" นั่งมองหน้าอยู่ได้ พระท่าสวดให้สินให้พรแล้วตั้งใจรับหน่อยสิ" เสียงดุๆของคนถูกมองกล่าวเตือนโดยไม่หันมามองเก่ง

" ครับ ๆ คุณท่าน" เก่งร้องล้อขำๆ ตายังมองไอ้หน้าขาว ที่พยายามทำตัวสงบเงียบ  แหมๆ วันนี่เคร่งขรึมนะ มาแปลกแฮะ!
เก่งหันกลับไปฟังพระสวดมนต์ต่อแล้วยิ้มกับตัวเอง  เขารู้สึกดีกับสิ่งรอบตัวแบบนี้จัง  รู้สึกใจปลอดโปล่งประหลาดแต่แค่นี้ก็ทำให้เค้ามีความสุขมากๆแล้ว

" เฮ้ยๆ ยกกับข้าวมาใส่บาตรดิ เหม่อทำไม" เดี่ยวส่งเตือนเบาๆเมื่อ เห็นเก่งเหม่อๆยิ้ม ๆ" หลับในเหรอ"

" เปล่านี่ " เขาบอกพลางยิ้มให้ แล้วเห็นเดี่ยวทำหน้างง  มือถือทัพพีค้าง  เมื่อเห็นเก่งยิ้มหวานให้

" เป้นไรอ่ะ หยุดทำไมใส่บาตรต่อดิ "  เก่งหันมาถามเมื่อเดี่ยวชะงักแล้วก้มหน้าลง 

" ก็นายยิ้มน่ารักนี่ เราไม่เคยเห็น" เดี่ยวตอบ  แล้วมันยังไงแค่ยิ้มเนี่ยนะ! เก่งคิด

"ปกติเห็นชอบทำหน้างอใส่เรา เพิ่งเห้นนายยิ้มให้เราแบบน่ารักๆแล้วก้วันนี้แหละ " เดี่ยวยิ้ม  อ้าวนี่ชมรึด่าเนี่ย เขาคิดงงกับคำพูดเดี่ยว

" เออ วันหลังจะยิ้มมากๆแล้วกัน เดี่ยวคนบางคนมันจะหาว่าเรายิ้มไม่เป็น "เก่งมองเหล่ๆอย่างไม่พอใจ

" นั่นไง หน้างออีกแล้ว นี่มาทำบุญแล้วทำหน้างอ เดี๋ยวก็ติดไปตลอดชีวิตหรอก " เดี่ยวล้อเลียน

" มาๆกรวดน้ำได้แล้ว เฮ้ยบอกให้เลิกหน้างอไง"  เดี่ยวหัวเราะพร้อมขยี้หัวไอ้ตัวเล็กตรงหน้าที่ยังคงหน้างอไม่เลิก!....

"วันนี้มาไม่เสียเที่ยวนะ" เดี่ยวบอกขณะที่ขี่จักรยานกลับบ้าน

" อะไรอ่ะ งง"  เก่งถามเมื่อรู้สึกงงจริงๆ 

" ก็พอพานายมาทำบุญแล้ว  นายดูสบายใจขึ้นแค่นี้เราก้ว่าคุ้มแล้ว " เสียงพูดที่มีซ่อนความดีใจไว้ ทำให้เก่งอมยิ้ม 

"เราจำได้ว่าเด้กๆนายชอบมาทำบุญกับยาย  แล้วนายจะอารมณ์ดีตลอดเลย ไม่ค่อยงอแง  เราเลยพานายไปมั่ง ก็ดูนายเหมือนจะไม่สบายใจอยู่นี่" เดี่ยวถามโดยไม่หันหน้ามอง

" เราไม่ได้เป็นไรหรอก แค่รู้สึกเบื่อๆ อ่ะ ขอบใจนะทีเป็นห่วง " เก่งว่า

" นายไม่ต้องขอบใจเราหรอก  แค่นายยิ้มให้เราเราก็พอใจแล้ว " เก่งรู้สึกชุ่มชื้นหัวใจซะเหลือเกินเพียงแค่คำพูดคำเดียว !
" วันหลังถ้านายเบื่อบอกเรานะ เดี๋ยวเราไปหา "  เดี่ยวเปรยออกมา พอให้เขาได้ยิน   เก่งจ้องดูหลังของคนพูดแต่ไม่ได้ตอบรับ   รุ้สึกดีใจจริงๆ กับสิ่งที่เดี่ยวบอกมา แต่เก่งคิดว่าต้องห่างกับเดี่ยวไว้ดีกว่า  เพราะถ้าอยู่ใกล้กัน ต้องหลุดสิ่งที่เก็บออกมาแน่ เขายังไม่อยากให้เดี่ยวรู้ตอนนี้  เพราะยังไม่มั่นใจว่าเดี่ยวคิดยังไงกันแน่!  ฉะนั้นตลอดช่วงปิดเทอม เก่งไม่ได้โทรหาเดี่ยวเลยแม้แต่ครั้งเดียว    แต่ในทางกลับกันเดี่ยวตามมาคอยกวนใจเขาถึงบ้าน จนเก่งเองไม่เวลาที่จะเบื่อเลย   โอย ! แล้วอย่างงี้เมื่อไหร่ตูจะเลิกฟุ้งซ่านซะที่ล่ะ !

แล้วก็เปิดเทอมอีกครั้ง คราวนี้เก่งดีใจที่เปิดเทอม ผิดกับตอน ม.4 ที่เบื่อแสนเบื่อ สาเหตุก็เพราะจะได้มาเจอเพื่อนๆอีกครั้ง  ตอนนี้เขา อยู่ม.5 แล้ว เริ่มรู้สึกตัวว่าจะทำอะไรเล่นๆ ไม่ได้แล้วเพราะต่อไปต้องใช้เวลาในการเรียนให้มากขึ้นเพื่อเตรียมตัวในการสอบเข้ามหาลัย ในปีหน้า

เหล่าเพื่อนทั้งหลายในกลุ่มตอนนี้จับคู่กันซะแล้ว ดูพวกมันช่างคุยกันกระจุ๋งกระจิ๋ง   ตอนนี้ก็เหลือแต่ไอ้แก้ว กับตัวเขาที่ยังไม่มีแฟน   เก่งอมยิ้มเมื่อเห็นพัฒน์กะบีมตามติดไปไหนด้วยกันทั้งที่ยังคอยต่อปากต่อคำกันอยู่ ส่วนอีกคู่ก็แพทกะเคนที่เป็นคู่หวานแห่งปี    ซึ่งเป็นคู่เขาและแก้วคอยตามล้อเลียนอยู่เสมอ    แต่เก่งเองก้ดีใจที่พวกนี้มันลงเอยกันได้เพราะเก่งรู้ว่าทุกคนเป็นคนดีและคงจะไม่ทำตัวเสื่อมเสียแน่ๆ

" เฮ้อ ! อยากมีแฟนมั่งจัง " เก่งร้องเปรยเมื่อเห็นเพื่อนๆสวีทกันจนน่าอิจฉา

" เอ็งก็มีซะสิ รออยู่ทำไม"  แก้วตอบเมื่อเห็นเขาบ่นๆ  แหมๆ ถ้ามันหาได้ง่ายๆก้ดีซิ ไอ้แก้ว!

" เอ็งก็ออกจะน่าตาดี ก้จีบใครซํกคนเข้าสิ แล้วมีคนที่ชอบแล้วยังล่ะ" หน้าบางหน้าแว๊บ เข้ามาในหัวทันที

" เฮ้ย " เก่งร้องเสียงหลง  ไม่ได้ๆ  ไอ้เดี่ยวมันเป็นเพื่อน ห้ามคิดๆ

" เอ็งเป้นไรอ่ะ ทำหน้าอย่างงี้ แสดงว่ามีคนที่ชอบแล้วดิ ใครอ่ะ บอกหน่อยดิ" เสียงเร่งเร้าอย่างตื่นเต้าของไอ้แก้วทำให้เขาเขิน

" ไม่มีเว้ย คนอย่างกูใครจะมาเอา ว่าแต่เอ็งเหอะมียัง" เก่งถามกลับ

" ยังเว้ย! ยังไม่มี  ยังไม่ได้คิด ยังไม่โตพอ"  แก้วบอก อย่างขึงขัง 

"เอ้ย เหรอ ของเอ็งยังไม่โตเหรอ" เขาถามพร้อมเหล่มองเป้าไอ้แก้วล้อๆ

" ไอ้เฮียนิ  กูหมายถึงก้ยังเป็นเด็กอยู่ รอให้เป็นผู้ใหญ่ค่อยคิดเว้ย " เสียงตอบมาพร้อมตีนที่เงื้อขึ้นถีบ เก่งกระโดดหลบทันอย่างหวุดหวิด

"มึงอย่าหนี มาให้กูถีบมึงก่อน" ไอ้แก้ววิ่งไล่ตามเก่งที่วิ่งหนีไปล่วงหน้าพร้อมเสียงหัวเราะ


เรื่องแฟนเป็นเรื่องทียังคงติดอยู่ในหัวของเก่งตั้งแต่คุยกับไอ้แก้ววันนั้น ทั้งที่ช่วงนี้เก่งยุ่งมากๆ ทั้งเรื่องการเรียนที่หนักขึ้นกว่าช่วง ม.4 ทั้งกิจกรรมของชมรมศิลปกรรมที่เก่งยังโดนลากมาเข้าอีกเป็นครั้งที่2 แล้วเก่งก้ยังพ่วงการเล่นบาสช่วงเย็นกับเพื่อนๆอีก  แต่ถึงอย่างนั้นว่างที่ไรก้เป็นได้คิดเรื่องนี่ทุกที ก็จะไม่ให้คิดได้ไง ก้ไอ้เดี่ยวยังคอยมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆตัวเหมือนเดิม นี่มันยังไม่หนำใจอีกรึวะ! ปิดเทอมก็ตามมากวนใจไม่เว้นแต่ละวัน

" เก่งกลับบ้านกันยัง วันนี้ไม่ต้องไปเข้าชมรมใช่มะ " เสียงคุ้นเคยดังขึ้นใกล้ๆ ไอ้นี่มันยังไงนะ ชอบเข้ามาใกล้ๆทุกทีมีโอกาส

" ยังไม่กลับ  เราจะเล่นบาส นายกลับไปก่อนเดะ" เก่งไม่สนใจยังคงตั้งสมาธิแล้วชู้ตลูกบาส ลงห่วง

"แล้วนายจะเล่นคนเดียวเนี้ยนะ" เดี่ยวมองมาทางเขาที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนชายเสื้อหลุดลุ่ย หน้าแดงๆมีเหงือซึม

" ก็เออสิ เล่นคนเดียวก้ได้นี่" วันนี้พวกไอ้พัฒน์ ไอ้เคนแล้วก้ไอ้แก้วติดธุระกันหมด

" งั้นเราเล่นด้วยคน " เดี่ยวพูดพร้อมถอดเสื้อออกเหลือแต่เสื้อกล้าม โห ตัวมันข้าวขาว

"  แข่งกันดีกว่า เอาอย่างงี้นะใครแพ้ต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอก ใครได้ ยี่สิบลูกก่อนชนะ" เดี่ยวก้าวลงมาพร้อมหยิบลูกบาสไว้ในมือ

" โหอย่างงี้ก้เอาเปรียบดิ นายเล่นก็เก่ง ตัวก็สูง  แล้วดูเราดิ เล่นยังไม่ค่อยเก่งแถมตัวเตี้ยกว่านายตั้งเยอะ" เก่งร้องออกมาเมื่อเห็นว่าถึงเล่นไปก้ไม่มีทางชนะ

" งั้นนายก็ยอมแพ้เลย ใช่มะ เออดีเราได้ไม่ต้องเหนือย  กะแล้วว่านายต้องไม่กล้าแข่งกะเรา " เดี่ยวร้องเย้ย

" ยอมแพ้เหรอ ไม่มีทาง " เก่งว่าพลางแย่งลูกบาสในมือเดี่ยวอย่างว่องไว แล้วชู๊ตลูกไปทันที   ลูกบาสดิ่งลงห่วงอย่างแม่นยำ เก่งหันมาทางเดี่ยวแล้วยักคิ้วให้   เดี่ยวหลี่ตามอง

" ไม่เบาเลยนี่  อย่างงี้ค่อยน่าสนุกหน่อย " เดี่ยวร้องบอก

เก่งและเดี่ยวห่ำหั่นกันอย่างสุดฤทธิ์ พลัดกันรุกไล่อีกฝ่ายหนึ่งอย่างไม่ออมมื่อ  เก่งรู้สึกได้ว่าตนใช้พลังงานไปเยอะกว่าเดี่ยวมากเพราะดูจากอาการเหนื่อยที่มากขึ้นในขณะที่เดี่ยวดูไม่เหนื่อยเลย
 ถึงคราวที่เก่งเป็นฝ่ายบุกเข้าทำคะแนนอีกครั้ง  เก่งพยายามใช้ความว่องไวของตัวเองเลี้ยงลูกเข้าประชิดห่วง เพื่อชู๊ตทำคะแนน  แต่ไม่สามารถผ่านการกีดขวางของเดี่ยวไปได้ ไอ้เดี่ยวนี่มันตัวใหญ่ยังกำแพง !

แล้วตูจะผ่านไปได้ไงเนี่ย เก่งคิด  เมื่อพยายามหลายครั้งแล้วแต่ไม่สามารถผ่านเดี่ยวไปได้เลย  มันทั้งตัวใหญ่ทั้งว่องไวสมกับที่อยู่ชมรมบาส ทำไงดีเพราะตอนนี้เก่งกะเดี่ยวเสมอกันอยู่ ถ้าเขาชู๊ตได้อีกหนึ่งลูกเขาจะชนะ แต่ถ้าเดี่ยวได้ลูกล่ะทุกอย่างก็จบเห่!

" นายไม่มีทางผ่านเราไปได้หรอก " เดี่ยวร้องเมื่อเห้นเก่งลังเลเล้กน้อยเมื่อเห็นว่าเข้าวงในไม่สำเร็จ

" ยอมแพ้ดีกว่าน่า" เก่งมองหน้าเดี่ยวแล้วเหวี่ยงลูกบาสหลบมือของเดี่ยวที่พยายามแย่งลูกบาสในมือ

"นายอย่าฝันไปเลย " เก่งโต้  เอาวะ!เสี่ยงเป็นเสี่ยง  เขาชู๊ตลูกขึ้นไปในอากาศเหนือวิถีมือเดี่ยว  ใช่แล้วเก่งตัดสินใจชู้ตลูก 3 คะแนน  ลูกบาสลอยดิ่งตรงปยังห่วง

ตึง! เกือบเข้า แต่ลุกบาสกระทบขอบห่วงแล้วกระดอนออกมา  เก่งกระโดดเข้าแย่งลูกที่กำลังจะล่วงมา กะว่าจะซ้ำอีกครั้ง   แต่ช้ากว่าเดี่ยวที่กระโดดที่เดียวเท่านั้นก้สามารถคว้าลูกที่ลอยอยู่กลางอากาศมาไว้ในมือ  พร้อมชู๊ตลูกออกไปทันที  เก่งพุ่งตัวเข้าหาหวังจะปัดไม่ให้ชู๊ตได้

" ฟุ่บ! เสียงลูกบาสลอดเข้าห่วงลงอย่างแม่นยำ "

เฮ้ย พลัก!เสียงเดี่ยวร้องเมื่อเห็นเก่งที่กระโดดปัดลูกบาสเมื่อกี้ เสียหลักทิ้งตัวมาชนเขาอย่างจัง เดี่ยวล้มลงตามแรงชน เก่งทับอยู่บนตัวของเดี่ยวอีกที โดยมีมือของเดี่ยวประคองอยู่

" นายเจ็บ ตรงไหนเปล่า " เดี่ยวถามอีกฝ่ายที่ยังทับตัวของเดี่ยวท่าทางตื่นๆ 

" เราไม่..ไม่เป้นไรขอบใจนะ"  เก่งยันตัวลุกขึ้นยืนพร้อมสำรวจตัว  เดี่ยวเองก็ยันตัวลุกขึ้นแล้วนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกเจ็บข้อศอก

" เฮ้ย นายเลือดออก! ไหลเต็มเลย " เก่งตกใจหน้าซี้ด

" ไม่ป้นไรมากนี่ แค่ถลอกนิดเดียวเอง " เดี่ยวบอกอย่างไม่แยแสตัวเอง

" เอ้ย! ยังมาพูดอีก มานี่!"  เก่งว่าแล้วดึงเดี่ยวให้เดินตาม

แสงไฟในห้องพยาบาลส่างขึ้นเมื่อเก่งสับสวิท ตอนนี้อาจารย์ผู้เฝ้ากลับบ้านไปแล้วแต่ภารโรงยังไม่ได้มาปิดห้อง  เก่งลากให้เดี่ยวเดินตามมาในห้อง

" เฮ้ย บอกแล้วว่าเป้นแผลเล็กน้อย เดี๋ยวก็หาย ไม่ต้องมาทำแผลหรอก " เดี่ยวยังคงปฏิเสธที่จะไม่ทำแผล

"เอ้ย!  ไม่ได้เดี๋ยวแผลอักเสบ  เอ้ายกแขนขึ้น " เก่งเถียงแล้วเริ่มทำแผล

" นายเจ็บมากเปล่าเดี่ยว เราขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ "เก่งทำความสะอาด ใส่ยาและพันแผลแบบเบามือ  เมื่อเห้นอีกฝ่าย นิ่วหน้า

" เราไม่เป็นไร แค่นี้มันนิดเดียวเอง ไกลหัวใจ" เดี่ยวยิ้ม

" เป้นห่วงเราเหรอ ขอบใจนะ " เดี่ยวมองตาแบบซาบซึ้ง  เอาอีกแล้ว มองแบบนี้ โอยตูหน้าแดง

" เปล่าซะหน่อย แค่ไม่อยากรู้สึกผิด " เก่งปฏิเสธทันควัน

" จริงเหรอ ว้าแย่จัง คิดว่าเป็นห่วง" เก่งแกล้งทำไม่เป็นไม่ได้ยิน

" นายไม่เป้นไรก็ดีแล้ว  งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ " เก่งเดินนำออกมา โอย!ไอ้เก่งบ้า เอ้ย!เลิกหน้าแดงได้แล้ว  เดี๋ยวไอ้เดี่ยวมันก็จับได้หรอก

ฟ้าเริ่มมืดลงเมื่อดวงอาทิตย์รับขอบฟ้า ในความสลัวยังมีรถจักรยานคันนึงถีบไปอย่างๆช้า ดูไม่รีบร้อน เด็กหนุ่มตังใหญ่เป้นคนขี่ส่วนเด็กหนุ่มตังเล็กเป็นคนซ้อนท้าย

" เฮ้ย เก่ง  วันนี้นายแพ้เราอย่าลืมสัญญานะ "   เออ!  รู้แล้ว แหมไอ้นี่ทวงจริงๆ กะว่าจะเงียบให้มันลืมซะหน่อย ดันความจำดีอีก เก็งมองเดี่ยวเซ็งๆ เมื่อโดนทวงสัญญา

" สัญญาไรอ่ะ  ไม่รู้เรื่อง ไม่มีลายลักษณ์อักษร " เก่งยวนเข้าให้

" เฮ้ย ! ไรว่ะ นายจะโกงเราเหรอ"   เดี่ยวทำเสียงดุ หันกลับมามอง  " คราวนี้นายโดนดีแน่ "

" งั้นเหรอ โหกลัวอ่ะ นายจะทำไรเราอ่ะ " เก่งร้องเย้ย พร้อมหัวเราะขำ  เมื่อเดี่ยวเงียบ แล้วขี่จักรยานเร็วขึ้นด้วยความโมโห

เวลาวูบเดียวเท่านั้น   เดี่ยวก็จอดรถหน้าบ้านของตัวเอง
" เข้ามาก่อนดิ เราแวะบ้านแป็บเดียว เดี๋ยวไปส่ง" เดี่ยวร้องบอกพร้อมเดิน นำเข้าบ้าน

" กลับมาแล้วเหรอ อ้าวเก่ง หวัดดีจ้า วันนี้แวะมาเที่ยวเหรอ" เก่งหวัดดี พร้อมยิ้มรับแทนคำตอบ  น้าอรกะน้าโด่งพ่อแม่ของเดี่ยวกำลังช่วยกันทำกับข้าวในครัว ส่วนเดี่ยวเดินแยกขึ้นห้องที่อยู่ชั้นบน

" โด่งดูสิ เก่งโตขึ้นมากเลยนะเนี้ย แต่หน้าตายังน่ารักเหมือนตอนเด็กเลย" น้าอรเอ่ยชมเก่งกับน้าโง  เก่งยิ้มเขินๆ ดูท่าทางพ่อกะแม่เดี่ยวนี่รักกันดีนะ ยังดูสวีทกันอยู่เลย

"ได้ข่าวว่าอยู่ห้องเดียวกะเดี่ยวใช่ไม๊ ยังไงดูเดี่ยวด้วยนะ ไอ้นี่มันขี้เกียจ"  น้าโด่งออกตัวฝากฝัง  แหม!น้าโด่งครับไม่ต้องฝากหรอก ไอ้นี่มันเรียนเก่งกว่าผมอีก  เก่งคิด

"  วันนี้อยู่กินข้าวกันก่อนนะ " น้าอรร้องชวน แหม ผู้ใหญ่นี่รู้ใจเด็กจริงๆ  กะลังหิวเลย  ลาภปาก

" เดี่ยวๆ ลงมากินข้าวเร็ว " เสียงน้าอรเรียกลูกชายตัวดีลงมา   ตึง! ๆๆๆๆ เสียงฝีเท้ารัวกระแทกบันไดลงมา

" เดี่ยว! บอกแล้วว่าอย่าวิ่งในบ้าน  เดี๋ยวตีตาตุ่มแตกเลย " น้าอรดุลูกชายตัวโต  ทีตอนนี้กลายเป็นเด็กชายวัยไม่เกิน 5 ขวบที่อยู่ต่อหน้าแม่ตัวเอง

" ตัวโตจะแย่ ยังจะวิ่งอีกเดี๋ยวบ้านก็ถล่มหรอก " น้าอรยังไม่หยุด

" นี่แม่บ่นมากแก่เร็วนะ" เดี่ยวเถียงหมุบหมิบๆ กะไม่ให้ได้ยินแต่น้าอรหูดีใช่ย่อย

" เพี๊ยะ !  นี่ๆล้อเลียนแม่เหรอ" เสียงมือน้าอรกระทบต้นแขนของเดี่ยว   คนโดนตีกระโดดหนีไปมากาะหลังเก่งหวังว่าจะหลบให้พ้นวิถีของแม่ตัวเอง

" นี่ๆ พอๆเลย แม่ลูกคู่นี้ ไม่ได้อายแขกเลย มาๆมากินข้าวได้แล้ว " เสียงน้าโด่งห้ามทัพ  เก่งอมยิ้มกลั้นหัวเราะทำหน้าล้อเลียน เดี่ยวทำหน้าดุขึงตาใส่เพื่อให้หยุด

อาหารเย็นมื้อนี้เริ่มต้นง่ายๆ ทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะ เป็นอาหารง่ายๆ แต่อร่อยอย่างบอกไม่ถูก พ่อกับแม่ของเดี่ยวตักกับข้าวให้กันกระหนุงกระหนิง  พูดคุยหยอกล้อกันสวีทหวานน่าดู  เออ!แฮะ พ่อแม่ไอ้เดี่ยวนี่น่ารักจัง

" ดูดิ เก่ง แก่แล้วยังมานั่งสวีทกันอยู่ได้ " เดี่ยวหันมากระซิบนินทาพ่อแม่ 

" เฮ้ย ได้เดี่ยวนินทาไรพ่อกะแม่ " น้าโด่งเขินเมื่อเห้นเด็กๆ 2 คนนั่งจ้องแล้วอมยิ้ม

" แล้ว พี่เกียรติกับ พี่เพ็ญ น่ะ เป็นไงมั่ง ช่วงนี้เห็นว่ายุ่งๆ"น้าโด่งถามถึงพ่อแม่ของเก่ง

" พ่อกะแม่ผมช่วงนี้เค้ายุ่งอ่ะครับ พ่อพาลุกค้าไปทัวร์เมืองนอก กลับเดือนหน้า แม่ก็เข้าเวรดึกอ่ะครับ เลยยังไม่ค่อยมีเวลา" เก่งรวบช้อนแล้วดื่มน้ำ ตามพ่อแม่ของเดี่ยวที่อิ่มก่อนหน้าเขา

" เหรองั้น นี่ตอนกลางคืนก็ต้องอยู่บ้านกะพี่สาว 2 คนสิ น่าเป็นห่วงนะมีแต่เด้กๆอยู่บ้าน " น้าอรบอกออกมาด้วยนำเสียงกังวล

" ใช่ครับ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกะพี่ชินแล้ว " เก่งรู้สึกได้ถึงความเป็นห่วงที่ครบครัวของเดี่ยวส่งมาให้

" แม่งั้น คืนนี้ผมขอไปนอนบ้านไอ้เก่งนะ พรุ่งนี่วันเสาร์ไม่ต้องโรงเรียนอยู่เป้นเพื่อนมันได้ทั้งวันเลย" เฮ้ย ไอ้เดี่ยวมึงพูดไรเนี้ย ตูยังไม่ขอร้องเลย

" อืมไปสิเดี่ยว  เก่งจะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อน มีอะไรได้ช่วยเหลือกัน " น้าโด่งสรุป โถ่!น้าโด่งครับ ไอ้ที่น่ากลัวกว่าโจรน่ะลูกน้าแหละ  จะอ้าปากปฏิเสธ แต่ช้ากว่าไอ้คนนั่งข้าง

" ไอ้เก่งมันตกลงแล้วครับแม่ " เฮ้ย ! ยังไม่พูดไรเลย

" งั้นเราไปเอาเสื้อผ้าเลยนะ " เดี่ยวบอก แล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบน และวิ่งลงมาอีกที่พร้อมเป้ที่ยัดอะไรๆ มาจนตุง เก่งมองอย่างเซ็งๆ
" งั้นผมกลับบ้านก่อนนะครับ เดี๋ยววันหลังมาใหม่ " เก่งยกมือไหว้

" วันหลังก็มาค้างที่นี่มั่งนะ " น้าอรเออชวน เขายิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินนำออกไปนอกบ้าน

" เฮ้ย เดี่ยว! นี่เรายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะให้นายไปนอนด้วย " เขาหัวเสียเมื่อเห้นเดี่ยวดี้ด๊าเกินเหตุ

" เราไม่สนใจว่านายจะยอมรึเปล่า  แต่นายต้องทำตามที่เราบอกทุกอย่าง ก็นายเล่นบาสแพ้เรา นายก้ต้องทำตามที่สัญญา เข้าใจ๋" เดี่ยวยักคิ้วเย้ย

" ไม่รู้เรื่องสัญญาไร ไม่รู้ก้นายไม่ได้ร่างสัญญาไว้นี่จะเอาไรมาบังคับเรา"  เก่งจ้องหน้าตอบแบบลองดี

"นายแน่ใจว่านะจะให้เราบังคับ " เจ้าของเสียงห้าวต่ำก้าวเข้ามาประชิดตัวแทบติดกัน รั้งแขนเขาให้เข้ามาชิด   

" เฮ้ย!ทำไรอ่ะ "  อีกฝ่ายไม่ตอบ ยิ้มมุมปาก  ก้มลงประชิดพร้อมกดปลายจมูกลงแรงๆที่แก้มของเขา
จ๊าก! เอ้ย ! ทำไรเนี้ย !!!!!!!!!




sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-5 ครับ
«ตอบ #12 เมื่อ28-07-2008 11:00:46 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 7



หน้าเก่งชาวูบเมื่อถูกกระทบอย่างแรงด้วยจมูกของเดี่ยว หัวใจกระตุกอย่างแรงๆ อยู่หลายที  ตอนนี้ความเขินไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเดียว   แต่มีความโกรธที่มันพุ่งปรี๊ดขึ้นมาอย่างแรงด้วย

" เฮ้ย!  ไอ้บ้านี่" เก่งสะบัดหน้าออกแล้วชกสวนไปอย่างแรง เดี่ยวหลบแล้วคว้าข้อมือเล็กๆนั่นไว้ได้  แล้วก้มลงหอมแก้มอีกข้าง   

" เอ้ยปล่อยๆ ทำไมทำแบบนี้วะ " เก่งร้องลั่น

" ไม่ปล่อย คนไม่รักษาสัญญาต้องโดนแบบนี้แหละ  "  เดี่ยวยิ้มสะใจ 

" ตกลงนายจะทำตามที่สัญญากับเรารึเปล่า " เดี่ยวคาดคั้น

" ไม่ทำก็ไม่เป็นไร เราจะได้ทำอย่างอื่นกะนายอีก "

“ เอ้ย ๆไม่เอาๆ “ ไอ้บ้านี่มันคิดไรว่ะเนี้ย  เก่งคิด

" ตกลงว่าไง" หน้าขาวๆก้มลงมาอีก   

" เฮ้ยๆๆ ยอมแล้วๆเรายอมทำตามนายทุกอย่างแล้ว ปล่อยมือซะที่เด่ะวะ " เก่งร้องลั่น

" ดีมาก ว่าง่ายๆ จะได้โตไวๆ   งั้นขอค่ารักษาสัญญาก่อน นะ" เดี่ยวก้มลงหอมแก้มแรงๆอีกครั้ง แล้วหัวเราะสะใจ    ทันทีที่ปล่อยมือ เก่งกระโดดหนีมายืนตั้งหลักซะ 1 เมตร  หน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว

" เฮ้ย! เป็นไรน่ะ  หน้าแดงเชียวเขินเหรอ" เดี่ยวร้องแซวเมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย 

" แค่นี้ก็เขินเรอะ ที่เมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราทั้งกอดทั้งหอมไม่เห็นนายจะว่าอะไรเลย"    แหม! ไอ้บ้าเอ้ย จะให้ตูเฉยๆได้ไง ตูโตแล้ว  !

" เอ้า! ไปกันเหอะ  เราอยากไปนอนบ้านนายเต็มแก่แล้ว " เดี่ยวหันมาสั่งแล้วผิวปาก   อืมๆๆ! อารมณ์ดีนะ!

"  อ้าวยังยืนงงอยู่อีก ไปเร็วดิ  หรือต้องให้อุ้มไป " เดี่ยวหันมาดุใส่

"ไปแล้ว ๆ " เก่งหน้าหงิกร้องสวนไป  เร่งจริงนะไอ้เดี่ยว ฝากไว้ก่อนเหอะ !....

 

 

" อ้าว ตัวกลับมาแล้วเหรอ ทำไมวันนี้กลับช้าล่ะ   แล้ว..นั่นใคร"   เดี่ยวหันไปมองตามเสียงเมื่อเดินตามเก่งเข้าบ้าน 

" อ๋อนี่ไอ้เดี่ยว  ลูกน้าอรไง ที่เมื่อก่อนเป็นเพื่อนเล่นของเค้าไง " เดี่ยวหวัดดีพร้อมยิ้มกว้างๆให้กับพี่กานต์ พี่สาวของเก่ง 

" อ้าวเดี่ยวเหรอเนี้ย  โห จำไม่ได้เลย โตขึ้นหน้าเปลี่ยนไปนะ "  พี่กานต์ร้องบอกอย่างแปลกใจ

" แล้วนี่ตัวกินข้าวยังล่ะ" เก่งถามพี่สาวด้วยความเป็นห่วง

" เค้ากินแล้วล่ะ รอตัวไม่ไหวเลยกินก่อน ว่าแต่ตัวเถอะกินไรรึยัง "

“เค้ากินข้าวมาจากบ้านเดี่ยวแล้วไม่ต้องเป็นห่วง” แหมน่ารักซะจริงไอ้เก่งนี่มันพูดตัวพูดเค้ากะพี่สาว       

เดี่ยวมองสำรวจสองคนพี่น้อง   แล้วร้องได้คำเดียว โคตรเหมือนกันเลย พี่น้องคู่นี้   เออนะ  พี่กานต์ดูเป็นคนสวยน่ารักไม่น้อยเลยที่เดียว  ตาโต คมๆหวานๆ  ปากจิ้มลิ้มสีชมพูอิ่ม แก้มใสเนียน    แล้วนี่ไอ้เก่งนี่มันก็ก๊อปปี้พี่มันมาได้เหมือนทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ ดูแล้วอย่างกับฝาแฝด  ดีหน่อยที่ไอ้เก่งยังตัวสูงกว่าพี่มันพอสมควร

" วันนี้ไอ้เดี่ยวมันขอมาค้างด้วยนะ " เก่งบอกกับพี่ตัวเองไม่หันมองคนถูกกล่าวถึง

"  อืมตามสบายนะ " พี่กานต์ว่าแล้วยิ้มให้

“ เค้าขึ้นห้องไปอาบน้ำก่อนนะ   ตัวก็อย่านอนดึกล่ะ  “   เก่งร้องบอกพี่แล้วเดินขึ้นห้อง...

 

 
เดี่ยวมองห้องของเก่งด้วยความรู้สึกแปลกๆ อะโห นี่มันห้องนอนรึ แกลลอรี่ภาพกัน แน่ ตามฝาผนังเต็มไปด้วยภาพวาดของฝีมือเจ้าของห้อง  มีทั้งภาพสีน้ำมัน  สีน้ำ และ ภาพสีเทียนในตอนเด็กๆ ที่เจ้าของห้องยังอุตสาห์ จัดใส่กรอบมาแขวนไว้    ตรงมุมห้องติดริมหน้าต่างมีขาตั้งภาพอยู่โดยข้างบนยังมีภาพที่วาดค้างไว้   ข้างๆกันเป็นโต๊ะตัวใหญ่   บนโต๊ะมีขวดโหลแก้วใส่ดอกบัวเต็มแน่น ที่เริ่มโรยลงไปบ้างแล้ว  ถัดจากโหลแก้วเป็นกองพู่กัน  ที่ผ่านการทำความสะอาดแล้ว 

" โทษทีนะ ห้องรกไปหน่อย  ไม่ได้คิดว่าจะมีใครร้องตามมาขอนอนด้วย " เก่งเปิดฉากกัดเพื่อนซะงั้น   จริงๆจะเรียกว่าห้องรก นั้นก็ไม่ได้ เพราะเตียงนอนยังจัดไว้อย่างสะอาดเอี่ยม โต๊ะเขียนหนังสือที่ยังเป็นระเบียบดีอยู่

“นายวาดรูปไว้เยอะเลยนะเนี้ย” เดี่ยวมองภาพที่ติดไว้มากมายแล้วคะเนว่าจะมีประมาณ 20 กว่ารูป  นั่นยังไม่รวมที่กองไว้กับพื้น  ส่วนใหญ่เป็นรูป วิวหรือไม่ก็ดอกไม้ 

เก่งมองหน้าเดี่ยวที่มองภาพอย่างสนใจ  ในใจยังแค้นกรุ่นๆ ไม่หาย  โอย!ต้องมานอนกะไอ้บ้านี่อีกเบื่อโว้ย!   เก่งทำหน้าเซ็ง

“ เป็นไรอ่ะ ทำไมหน้างอ “ เงียบไม่มีเสียงตอบจากเก่ง 

“ เฮ้ย เป็นไร “ เก่งยังเงียบอีก

“ จะบอกดีๆ หรือต้องให้ใช้กำลังห่ะ” เดี่ยวเหลืออด โดดเข้าหาอย่างหมั่นเขี้ยว 

ผลั่ก! !! เสียงเท้าเก่งที่เงื้อรอ กระทบกับสีข้าง 

“ นายเข้ามา เด่ะ   เราสู้นาเว้ย  “ เก่งร้องบอกตั้งท่ารออย่างเอาจริง

“ อูย เออ ๆยอมแล้ว ไม่เห็นต้องใช้กำลังเลย “ เดี่ยวร้องอ้อน สีหน้าไม่ได้แสดงว่าเจ็บปวด   

“ ก็นายอยากมาเล่นไรแผลงๆนี่หว่า  “

“ เราก็ไม่ได้ทำไรแผลงๆแค่จะจับมาคุยกันให้รู้เรื่อง “ เดี่ยวเง้างอดเป็นเด็กๆ

“ แหม พูดจาดูดีจังนะ  ห่านิ ไม่ได้เล่นแผลงๆเหรอ  แล้วไอ้เมื่อเย็น นี่มันอะไร ห๊า” เก่งตวาดอย่างเหลืออด  นี่เมื่อกี้ถ้าไม่ถีบมันออกมาก็ไม่รู้ว่าต้องโดนไรอีก

“ ก็เค้าแค่ล้อเล่นเอง  ตัวโกรธเค้าเหรอ “ เดี่ยวล้อเลียน  เก่งมองหน้าเคืองๆ  พยายามอย่างหนักที่จะไม่โกรธตอบ เพราะรู้ว่าเดี่ยวกำลังยั่วโมโหตนอยู่ โดยหวังผลอะไรบางอย่าง

“ เออ !  อยู่เพ้อเจ้อไปคนเดียวเหอะ เราไปอาบน้ำแล้ว เชิญตามสบายเลย “เก่งโมโหจนต้องเดินหนีเข้าห้องน้ำ

“ เฮ้ยอาบน้ำด้วยคนเด่ะ “ ไอ้บ้าหน้าขาวร้องแซว   

“ หุบปากไปเลย!” เก่งตะโกนตอบเมื่อปิดประตูสนิท

 โอย! ไอ้เดี่ยวนี่มันยังไง ตามมายียวนกวนบาทาอยู่ได้  แล้วยังคอยจ้องเข้ามาเล่นไรแผลงๆอีก    ไอ้นี่นับวันยิ่งไว้ใจไม่ได้เลย  เกิดเผลอขึ้นมาเดี๋ยวเสร็จมันแน่   แล้วนี่ทำไมตูต้องหน้าแดง นี่ตูเขินมันเหรอว่ะเนี้ย   แต่ เอ! แล้วทำไมต้องเขิน  แล้วเพราะอะไร ...... โอยช่างมันเหอะ !  เลิกคิดดีกว่า   เก่งหันไปมองหน้าตัวเองในกระจกห้องน้ำแล้วพบว่า หน้าของเขาแดงจัด ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแดงได้ง่ายๆ

 

เก่ง..ออกจากห้องน้ำด้วยชุดแต่งกายที่มิดชิดอย่างมาก   ปกติเขาจะใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้น เป็นชุดนอน  แต่เพราะวันนี้ดันมีแขกที่ไม่ได้เชิญมานอนด้วย  การแต่งตัวเช่นทุกวันอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตและ ทรัพย์สินของท่าน!

“ นี่ชุดนอนนายเหรอ เนี้ย” เดี่ยวมองงง เมื่อเห็นเก่งใส่กางเกงผ้าขายาวและเสื้อยืดแขนยาว ตัวใหญ่

“ แล้วนายมีปัญหาอะไร  “  เก่งถามเคืองๆ   จริงๆคนที่มีปัญหาน่าจะเป็นเก่ง  เพราะเหงือที่เริ่มตกจากอากาศที่ร้อนและชุดเสื้อผ้าของเขา 

“นายไปอาบน้ำได้แล้ว  ไอ้ตัวเหม็น “

“คร้าบ..บ เจ้านาย “ เดี่ยวเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย  เสียงฝักบัวผสมกับเสียงฮัมเพลงลั่นห้องน้ำ

เก่งส่ายหน้าอย่างระอา !

กลิ่นสบู่หอมฟุ้งลอยออกมาจากห้องน้ำเมื่อประตูเปิดออก  เก่งนั่งหันหลังทำไม่สนใจ  ยังคงวางเฉยนั่งวาดภาพที่ค้างต่ออย่างสงบ  แต่หางตายังเหลือบไปมองเดี่ยวที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เนื้อตัวเต็มไปด้วยหยดน้ำ


“นี่ดึกแล้วนายยังวาดรูปอีกเหรอ”  เสียงของเดี่ยว ดังอยู่เหนือหัว  เงยหน้าขึ้นจึงพบกับหน้าที่มองมา หยดน้ำจากผมที่เปียก    หยดลงมายังใบหน้า และ ลำคอของเก่ง

“ นายไปเช็ดตัวให้มันแห้งก่อนเหอะ น้ำหยดใส่รูปเราหมดแล้ว “  จริงๆ เขาไม่อยากมาเห็นเปรตแถวนี้ต่างหาก เดี่ยวหันกลับพลางรื้อกระเป๋าหยิบกางเกงบอลออกมาสวม  แล้วนั่งเช็ดผมอยู่ที่เตียง   อึ๋ย! นี่จะจ้องมาทำไมฟะ เขาคิดเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอียงคอมอง

“ นี่ๆ ดึกแล้วมานอนกันดีกว่า “ เฮ้ย หูฝาดไม๊เนี้ย  มันว่ามานอนกันดีกว่า !

“นายนอนไปก่อนเหอะเราจะทำงานของเราต่อ  แล้วนายทำไมไม่ใส่เสื้อวะ” เก่งรำคาญหรืออายไม่แน่ใจ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเดินไปเดินมาไม่ใส่เสื้อซะที

“ทำไมอ่ะ ก็อยู่บ้านเราไม่ใส่เสื้อนอนนี่  นายมีไรเหรอ “  เดี่ยวถามงงๆ

“ก็เปล่า ไม่มีไร “ เก่งหันกลับเมื่อรู้สึกว่าตัวเองมองเดี่ยวมากเกินไปแล้ว  ทำไมตัวมันล่ำจังวะ! โคตรแมนเลย

“ งั้นก็มานอนดิ มานอนพร้อมกันไง”    ทำไมเซ้าซี้จัง  ไอ้เดี่ยวนี่

“เอ!  ก็บอกแล้วไงว่าให้นอนไปก่อน จะทำงาน! “ เก่งไม่สนใจวาดภาพต่อ

“ ไม่เอาดิ  มานอนด้วยกันเร็วๆ” ไอ้เดี่ยวร้องเหมือนเด็กเอาแต่ใจอีกรอบ 

“ จะมาดีๆหรือจะให้ไปอุ้มมา” เมื่อเห็นเก่งไม่สนใจเลยยื่นคำขาด   

 “ เก่งจริงก็เข้ามาดิ “ เก่งร้องท้ากะว่าจะได้ฉลองศรัทาสักทีสองที แต่แล้วก็ร้องเสียงหลง

“เฮ้ย ปล่อย! “  เดี่ยวมาจากไหนไม่ทันเห็น รู้อีกทีก็โดนอุ้มตัวลอยวางลงบนเตียง 

“ นายคิดว่านายดิ้นหลุดไปได้ ก็ลองดู” เดี่ยวเย้ย เมื่อตอนนี้กอดเก่งไว้แน่น  นอนคู่กันบนเตียง  ตายังคงมองกันนิ่ง

“ ปล่อยเราได้แล้ว เราร้อนนะ “  เก่งคิดว่าอาจะมีอะไรเลยเถิดแน่ถ้ายังนอนกอดกันอยู่แบบนี้

“ เหรอ  งั้นเราถอดเสื้อให้นะ “ เสียงกระซิบยั่วให้เก่งความคิดเตลิด

“ เฮ้ย! ไม่ต้องไม่ร้อนแล้ว  ปล่อยมือจากเราดิ “ เก่งเริ่มผ่อนลมหายเพื่อระงับอารมณ์บางอย่าง   

“   เราไม่ปล่อย วันนี้ขอเรากอดนายนอนก็แล้วกัน ตัวนายหอมดีเราชอบ “   เดี่ยวยื่นหน้าเข้ามาใกล้จน

“ เฮ้ย ไม่เอา ปล่อยเรา เราอึดอัดนาโว้ย”  เก่งดิ้นเพราะรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเตลิดจนกู่ไม่กลับแล้ว 

“ นี่เป็นคำสั่งนะ อย่าลืมว่านายต้องทำตามคำสั่งเรา  หรืออยากให้เราบังคับอีก  “ เดี่ยวใช้ไม้ตาย  เออๆ ก็ได้วะอยากกอดก็กอดไป ไอ้บ้าเอ้ย!

 

เก่งบอกไม่ถูกว่ายังไงเพราะตอนนี้มันเป็นความรู้สึกทีประหลาด  รู้สึกตื่นเต้นกึ่งเขินอาย แต่ก็ยังรู้สึกพอใจเล็กๆที่ได้รับความอบอุ่นของร่างอีกฝ่าย

“ คิดอะไรอยู่เหรอ  ทำไมยังไม่นอน“ เสียงนุ่มถามแผ่วๆเมื่อเห็นเก่งยังไม่ยอมหลับตา   ทั้งที่ปิดไฟไปแล้ว

“แล้วนายล่ะ ทำไมยังไม่นอน”  เก่งถามกลับเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหลับตาเหมือนกัน

“เรารอให้นายหลับก่อนแล้วเราค่อยนอน “ เดี่ยวยิ้มให้ในความมืดสลัว

“ งั้นเรานอนแล้วนะ  ราตรีสวัสดิ์ “ เก่งตัดบท 

“ เก่ง “ เสียงกระซิบเรียก เบามากแต่ก็ยังพอได้ยิน

“ มีอะไรอ่ะ “ เขาถามโดยไม่ลืมตา

“ ขอเราจูบนายได้ไม๊ “ เอ๊ะๆๆ!สงสัยฝันแน่เลย ฮ่าๆ วันนี้ฝันแปลก

“ เก่งได้ยินรึเปล่า เราจูบนายได้ไม๊ “ เฮ้ย !ไม่ใช่ฝันแล้วมั้ง  เก่งลืมตาอย่างตกใจ

“นายว่าอะไรนะเอาใหม่ดิ “ อาจจะฟังผิดก็ได้มั้ง เขาคิด 

“ เราอยากจูบนายน่ะ ได้ยินไม๊ว่าเราอยากจูบนาย “ ชัดเลยคราวเก่งตาโต มองเดี่ยวที่ยิ้มให้

“ เฮ้ย! ไม่ได้ๆ ไม่เอาอย่ามาเล่นอะไร บ้าๆนาเว้ย”

“ เราไม่ได้เล่น เราเอาจริง นายยังไม่เคยจูบใครใช่มะ งั้นขอเราเป็น first kiss แล้วกันนะ”

เดี่ยวพลิกตัวขึ้นทับกันเก่งดิ้นหนี  พร้อมจุมพิตลงอย่างแผ่วเบา เก่งตะลึงลืมตัวหัวใจกระตุกเต้นวูบวาบ ความหวานซ่านไปทั่ว  ฉับพลันความหวานเปลี่ยนเป็นความซ่านเสียวไปทั่วตัว เมื่อเดี่ยวบดลงริมฝีปากลง พร้อมจูบซ้ำเวียนวนไปมา ลิ้นของเดี่ยวล่วงล้ำเข้ามา เขายิ่งเริ่มสั่น หมดแรงไปดื้อๆ  เดี่ยวยังไม่ยอมถอนปากออกไปง่ายๆยังเฝ้าจูบซ้ำเวียนวนเหมือนกับกำลังและเล็มของหวาน

“ พอ.. พอ ก่อน  พอแล้ว” เก่งกัดฟันร้องออกมาแต่เสียงแผ่วๆ ไปเข้าใจว่าทำไมไม่มีเสียง   แต่หายใจแรงๆเหมือนคนเล่นกีฬามาหนักๆ

“ เราขอโทษนะ อดใจไม่ไหวจริงๆก็นายมันน่าจูบนี่ “ เก่งยังงง สมองยังไม่สั่งงาน   

“ นาย..  นายอย่าทำกับเราอย่างนี้  อีก..นะ “ หัวใจเต้นแทบทะลุออกจากอก เขาไม่กล้าสบตาเดี่ยวที่ก้มลงมามอง

“ นายนอนเถอะ  ถ้านายไม่ชอบเราจะไม่ทำอีก นอนเถอะอย่าคิดมากเลย “ เดี่ยวพลิกตัวกลับมานอนที่เดิมแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ

เก่งยังคงลืมตาในความมืด มองคนตรงหน้าอย่างงง รอยจูบเมื่อกี้ยังไม่คลาย มันยังคงเหลือความรู้สึกไว้ที่ริมฝีปากอย่างเบาบาง  เก่งเผลอยกมือขึ้นแตะ  นี่มันอะไรกันนี่ทำไมเป็นแบบนี้! ทำไมรู้สึกอย่างนี้!  เมื่อกี้มันจูบเรา แต่เราไม่โกรธมันเลยเหรอ  แล้วนี่เราเป็นอะไรทำไมต้องใจเต้นแรงด้วย!    นี่ความรู้สึกที่เรากดมันไว้มันกลับมาอีกแล้วเหรอ!  แล้วทำไงดีล่ะ เขายังไม่อยากให้เดี่ยวรู้   ใช่แล้วเขาต้องพยายามกดมันไว้อีก  แต่เสียงเล็กที่มันสั่งมาจากส่วนลึก มันมีอำนาจมากว่า  เก่งรู้สึกว่าคราวนี้เค้าห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้ว เค้าชอบเดี่ยวมากเหลือเกิน !   เก่งไม่สนใจสิ่งที่มันอยู่เถียงกันอยู่ในหัวอีกแล้ว  เขาหลับตาลงแล้วซุกหน้าลงกับอกของเดี่ยว  บอกกับตัวเองว่าขอทำตามที่ตัวเองปรารถนาสักครั้ง....


sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-5 ครับ
«ตอบ #13 เมื่อ28-07-2008 11:08:49 »


ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 8



เก่ง..ลืมตาขึ้นเมื่อแสงแดดอุ่นๆยามเช้า ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา สิ่งแรกที่รู้สึกคือตอนนี้ตนนอนหนุนแขนของเดี่ยว ตัวเขายังแนบชิดกันเหมือนตอนก่อนนอน ลมหายใจอุ่นของอีกฝ่าย ปะทะหน้าผ่าวๆ    เดี่ยวไม่รู้สึกตัวยังคงนอนหลับตาพริ้ม  ไรหนวดเริ่มเขียวขึ้น  หน้าตอนหลับของเดี่ยวทำไมชวนมองขนาดนี้   ใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน

เก่ง ลุกออกจากที่นอนเบาๆเพื่อไม่ให้เดี่ยวรู้สึกตัว   แสงแดดอุ่นๆ  ทีส่องมากระทบร่างที่นอนหงายอยู่บนเตียง กล้ามเนื้อต่างๆที่ได้สัดส่วนถุกล้อมด้วยผ้าห่มขาวสะอาด  ดูเป็นประกายท่ามกลางแสง หน้าอกเปลือยล่ำทอดยาวไปจนถึงหน้าท้องที่อยู่เหนือขอบกางเกง ขนอ่อนรำไร ช่างดูเป็นภาพศิลป์ที่สวยงามน่าเย้ายวน      เก่งนั่งลงหยิบกระดานสเก็ตรูปแล้วลงมือวาดภาพที่เห็นตรงหน้า  เพื่อเก็บสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นภาพน่าตรึงใจ....

 
เดี่ยว..งัวเงียตืนขึ้นมาเมื่อแสงแดดเริ่มร้อนแรงขึ้น นี่วันนี้เขาตื่นสายน่าดูเลย  ลุกขึ้นมากุมหัวเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
" ทำไปจนได้ซิน่าเรา" เขายิ้มกับตัวเองเมื่อนึกถึงมือคืน แต่ก้รู้สึกใจคอไม่ดี 

" เก่งมันจะเกลียดเราไม๊นะ " เหลียวมองไปรอบห้องแต่ไม่พบร่องรอยของคนที่คิดถึง

"นี่มันหายไปไหน  คงไม่ได้หลบไปร้องไห้ เหมือนตอนเด็กหรอกนะ "  เขาคิดพลางเปิดประตูห้องออกเดินหา

เดี่ยวเลี้ยวตามเสียงกุกกักที่เกิดขึ้นในครัว แสงแดดส่องให้เห็น เด็กหนุ่มที่เขาตามหา กำลังทำอะไรง้วนอยู่หน้าเตาไฟ

" นายทำไรอ่ะ  หอมจัง " เขาเอ่ยปากชม แต่ไม่ได้หมายถึงกับข้าว

" ถ้าไม่อยากโดนตะหลิวเคาะหัว ก็ปล่อยมือ! "  เก่งไม่หันหน้ามอง แต่รู้สึกได้ว่ามีมือแตะเอวอยู่

"  ok  เรายอมแพ้ " ว่าแล้วก็ถอยห่างออกมา 1ก้าว

"พอยังคับ "

" เออ อยู่ตรงนั้นแหละ" เก่งก็ยังไม่หันหน้ามาสักที 

" ให้เราช่วยป่ะ " เดี่ยวเสนอตัว   

" งั้นช่วยหยิบจานส่งมาที่เด่ะ "  เมื่อเสนอเก่งเลยสนอง  กับข้าวร้อนๆ ควันขึ้นฉุยส่งกลิ่นหอมไปทั่ว ถูกส่งมาวางตรงหน้าของเดี่ยวพร้อมไข่เจียวอีกหนึ่งจาน    เก่งตักข้าวร้อนๆ ใส่จานส่งให้

" เอ้ากินซะ"

เดี่ยวยังไม่อยากกินข้าวตอนนี้ เพราะเรื่องที่ยังค้างในใจอยู่ ทำไมเค้าดูไม่ออกว่าเก่งคิดยังไง สิ่งที่เค้าเห็นคือความนิ่งเฉย  แววตาที่ดูสงบนิ่งทำให้ใจเขาฟ่อลง

" เก่ง  เรื่องเมื่อคืนน่ะ เรา..." เดี่ยวทำใจให้กล้าแล้วพูดออกมา 

" นายเลิกพูดเรื่องนั้นได้แล้ว ตอนนี้เวลากินข้าวนะ กินซะ"  เก่งเบือนหน้าไปอีกทาง เขาอึ่งไม่นึกว่าเก่งจะปฏิเสธไม่พูดเรื่องเมื่อคืน 

“ รึเก่งมันเกลียดเรา”  เมื่อคิดแล้วเดี่ยวรู้สึกใจเหี่ยวลงทันตา

" เอ้า! เป็นไร กินข้าวซะที่สิ   กับข้าวไม่อร่อยรึไง " เก่งท้วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายก้มหน้ามองข้าว

" เปล่า " เดี่ยวเงยหน้าสบตากับตากลมโตคู่นั้น แล้วตักข้าวเข้าปากหลายคำอย่าประชด

" จ๊าก ! ร้อน  " เดี่ยวคว้าน้ำดื่มตามลงไปอย่างเร็ว  รู้สึกได้ถึงลิ้นที่ชาๆ

" ฮ่าๆๆ เดี่ยวนายนี้ตลกจัง กินเข้าได้ไงข้าวร้อนขนาดนั้น " เก่งหัวเราะแล้วยิ้มสดใส  เดี่ยวมองหน้านั้นอย่างลืมตัว บอกกับตัวเองว่า แม้เก่งจะรังเกียจเขาอย่างไร แต่เขาก็จะไม่ยอมแพ้ต้องทำให้เก่งมารักเขาให้ได้!

 

เก่งยังคงพยายามอย่างหนักที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเดี่ยว นี่มันก็ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้ว  แต่มันไม่มีทีท่าว่ามันจะกลายเป็นความทรงจำเก่าๆ ไปได้ ก็เมื่อว่างที่ไรเป็นต้องแว๊บเข้าในหัวทุกที ช่วงนี้เก่งไม่อยากปล่อยตัวเองให้ว่าง พยายามหาอะไรทำเพื่อให้ยุ่งตลอดเวลา เช้าเรียน กลางวันวาดรูปในห้องศิลป เย็นเล่นบาส   แต่ก็ยังไม่สงบลง อาจเป็นเพราะต้องเจอหน้ากับเดี่ยวทุกวันนั่นเอง

" เอ้ย ไอ้เก่งเกิดเรื่องใหญ่แล้วมากะกูเร็ว" ไอ้แก้ววิ่งหน้าตื่นมาฉุดมือเขาให้ออกวิ่งตาม

" เฮ้ยมีไร ช้าๆ ใจเย็นเล่าเรื่องมาก่อน"  เก่งยื้อมือให้แก้วหยุด

"เย็นไม่ได้แล้ว ก็ไอ้พัฒน์อะดิ จับเรา2 คนเป็นเชียร์ลี้ดเดอร์" ไอ้แก้วร้องขึ้นอย่างแค้นเคือง

" เฮ้ย!  ไอ้แม่ยาย จิงดิ  ไอ้เเฮียนิเล่นแรงไปแล้ว " เก่งสบถ " มันอยู่ไหน  "

"ในห้องเรียน "  เก่งวิ่งจี๋ออกไป " เอ้ยไอ้เก่ง รอกูด้วย "

" อ้าวไอ้เก่งมาพอดีเลย กูกำลั...  พลั่ก!  " ไอ้พัฒน์ร้องทักแล้วล้มลงไปกอง เมื่อเจอเก่งทักตอบด้วยเท้า   "เฮ้ย มึงเล่นไรว่ะ "

" มึงยังมีหน้ามาพูดอีก  เรื่องไรอยู่ดีๆมาจับกูกะไอ้แก้วไปเป็น เชียร์ลีดเดอร์ ห่ะ กูไปตกลงกะมึงตอนไหน"  ว่าแล้วเงื้อตีนกะจะซัดอีกที

" เฮ้ยอย่าเพิ่งฟังกูก่อน " ไอัพัฒน์ร้องลั่น กระโดดหลบพัลวัล   ไอ้แก้วที่วิ่งตามมาที่หลังห้ามทัพไว้

" เฮ้ย มึงอย่าเพิ่งไปทำมัน ฟังเหตุผลมันก่อนดิ"  เก่งนิ่ง " เออมึงมีไรว่ามา"

 " ก็พวกมึงแหละ ผลักภาระให้กูต้องไปเป็นรองประธานกีฬาสีปีนี้  แล้วนี่กูต้องทำทั้งเชียร์ทั้งขบวนพาเหรด กู ไม่มีเวลาไปหาลีดนี่หว่า กูเห็นพวกมึงก็ว่างกู กูเลย ...."  ไอ้พัฒน์หลบตา เมื่อเห็นเพื่อนๆ 2คน จ้องเขม็ง

" มึงจะให้พวกกูช่วยทำไมมึงไม่ขอ " ไอ้แก้วเสียงดุ 

" มึงไปถอนชื่อออกให้กู 2 คนเลย กูไม่ว่าง กูก็มีงานของกู กูอายด้วย" เก่งร้องบอกอย่าเอาเรื่อง

" มันไม่ทันแล้วอ่ะดิ  กูส่งรายชื่อให้อาจารย์ไปแล้ว "  ไอ้พัฒน์บอกเสียงอ่อย เตรียมตั้งท่าหนี

" เฮ้ย !  "  เก่งร้องเสียงหลง

"กูไม่เอายังไงกูก็ไม่เป็น " เก่งฉุนขาด 

" ไม่รู้แหละ ยังไงมึงต้องไปถอนชื่อให้กู มึงรู้ไม๊ กูต้องวาดรูปแสตนเชียร์ ไหนจะต้องร่วมทีมบาสกะพวกมึง แล้วนี่กูต้องไปเป็นลีดอีกพวกมึงจะให้กูทำไง"

" เออ ไอ้เก่งกูว่าช่วยมันไปเหอะ ดูท่าทางมันจะหาใครไม่ได้แล้วจริง ๆ เห็นมันกลุ้มใจมาหลายวันแล้ว " ไอ้เคนเข้ามาเกลี้ยกล่อม

" แล้วมึงทำไมไม่ได้เป็นอ่ะ " เก่งย้อนถาม 

" ก็กูเป็นรองประธานฝ่ายสวัสดิการนักกีฬาวันงานกูคงต้องดูแลนักกีฬาดิ "

"ไอ้เก่ง กูว่าก็จริงของมันนะ พวกมันก็ยุ่งไม่แพ้เราหรอก ยังไงงานนี้คงต้องช่วยมัน "  อ้าวไอ้แก้วอยู่ๆ ก็ใจอ่อนไปเข้าพวกไอ้พัฒน์ได้ไง

"นะ ไอ้เก่ง นะนะ ช่วยกูที กุไหว้ล่ะจะให้กูทำไรก็ยอม มึงอยากได้อะไรกูจะหามาให้ไงมึงช่วยกูที่นะ  " ไอ้พัฒน์อ้อนวอนจนแทบจะก้มลงกราบ

"เออ ก็ได้ มึงอย่าลืมสัญญาแล้วกัน เอางี้เดี๋ยวกูดูแลทีมลีดเดอร์แทนมึงเอง นี่มึงเพิ่งเซ็ตทีมได้ใช่มะ มีใครมั่งอะ" เก่งรับปากอย่างเป็นต่อ ไอ้พัฒน์ดูดีใจขึ้นมาทันตา

" ก็มีแพทกะบีมแล้ว จริงๆต้องหา ให้ได้  6 คน ขาดไป  2  " ไอ้พัฒน์รีบบอก 

" ตอนนี้แพทกะบีมกำลังติดต่อกับคนมาฝึกหัดอยู่  ยังขาดทีมเชียร์ม.ต้น แล้วก็ดรัมเมเยอร์  " ไอ้เคนเสริม

" เดี๋ยวเรื่อง ลีดม.ต้น กูกะเก่งจัดการให้พวกเอ็งไปคุมพาเหรดเหอะ "  ไอ้แก้วเสนอ

" ok งั้นตกลงตามนี้แหละ  " ทุกคนร้องพร้อมกัน

ไอ้พัฒน์ทำหน้าซึ้ง  " กูขอบใจพวกมึงมากนะ"



งานกีฬาสีประจำปี จะเริ่มขึ้นเมื่อต้นฤดูหนาวของทุกปี  โดยเด็กม.ปลายจะแบ่งหน้าที่กันอย่างชัดเจน  เริ่มจากม.4 จะต้องเดินพาเหรด และ จัดของสวัสดิการรวม  ม.5มีหน้าที่คอยจัดการควบคุมงานเกี่ยวกับการออกแบบพาเหรดทีมเชียร์ลีดเดอร์ ทำสแตนเชียร์  และควบคุมสวัสดิการนักกีฬา โดยที่ต้องเลือกเด็ก ม.5 ขึ้นเป็นรองประธาน ซึ่งปีนี้ไอ้พัฒน์ถูกดันให้เป็น  ส่วนม.6 จะรับผิดชอบหาเงินสนับสนุนเข้าสีแล้วก็คุมเชียร์และการแสดงของสี  ฉะนั้นหน้าที่หนัก ก็ตกอยู่ที่ม.5  เนื่องจากเด็กม.6 ต้องเตรียมตัวเอ็นทรานซ์

เก่งลืมนึกไปว่างานกีฬาสีนี่มันใกล้เข้ามาแล้ว มีเวลาอีก  2  เดือนเท่านั้น การที่ยังอยู่เฉย โดยที่เพื่อนๆ กำลังวุ่นวายกับงานกีฬาประจำปีทำให้เขาละอายจนต้องรับปากไอ้พัฒน์ไป ทั้งที่ไม่อยาก แต่ไหนๆก็ไหนๆ แล้ว รับปากแล้วก็ต้องทำให้ดีที่สุด!

ไอ้แก้วรับหน้าที่  ไปเลือกเฟ้นหาลีดเดอร์ม.ต้น ซึ่งก็ไม่ยากเกินความสามารถเพราะแก้วค่อนข้างสนิทกะเด็กๆ  ในเวลาไม่นาน ก็ได้ เด็กหญิงม.3 หน้าตาน่ารัก  3  คน กับเด็กชายหน้าตาดีอีก  3  คนมาทำทีม

ส่วนเก่งเอง ดึงเอาเพื่อนที่เคยเรียนอยู่ ป.6 ด้วยกันมา 2 คน เป็นเด็กหญิงตาคม ชื้อส้ม  กะ เด็กผู้ชายที่เป็นเพื่อนของส้มอีกที ชื่อ เบิร์ด มาร่วมทีมม.ปลาย

" ดูมันยังขาดสีสันที่มันเจ็บๆอยู่นะ " แพทบอกเมื่อเห็นทีมลีดเดอร์ของสีดูสงบเสงี่ยมเกินไป 

" งั้นก็หาลีดที่มันเป็น lady ดิ  รับรองสีอื่นฮือฮาแน่"บีมออกความเห็นทุกคนฮือฮาเห็นด้วย

แล้วทีมก็เซ็ตเสร็จ โดยใช้เวลาแค่  2  วัน  โดยได้ลีด lady มาอีก 3 คน  เก่งและเพื่อนๆรู้สึกโล่งใจเมื่องานเดินหน้าไปด้วยดี

 

"ตอนนี้ทีมลีดเป็นไงมั่ง" ไอ้พัฒน์ถามเมื่อเจอยายบีมที่พักซ้อมอยู่ เก่งฝึกซ้อมอย่างตั้งใจเพราะรู้ว่าเวลาเหลือน้อยต่อจากซ้อมลีดเสร็จก็ต้องซ้อมบาสต่อ โดยมี ไอ้พัฒน์ไอ้เคนมาตามเก่งกะแก้วไปซ้อมบาส

" ก็โอเค นะ ทุกคนตั้งใจดี   ว่าแต่นายน่ะ หาดรัมเมเยอร์ได้ยัง" บีมถามกลับ 

"ได้แล้ว พรุ่งนี้เราจะเอามาให้ฝึก แล้วนี่ใครหัดเป็นมั่งน่ะ "

" ยังไม่รู้เลย อาจจะเป็นพี่ที่เป็นเมื่อปีที่แล้ว ถ้าไม่มีใครก็ต้องเป็นเก่งแหละ เพราะม.ต้นมันเคยเป็น ดรัมเมเยอร์ไม้ 2นี่" แพทเสนอ

" แล้วทำไมแต่แรก ไม่เอามันเป็นดรัมเมเยอร์อ่ะ " ไอ้เคนถามอย่างสงสัย

"ก้ตัวมันเล็กเกินไปนี่หว่า" ไอ้พัฒน์บอก  อ้าวนี่พวกมึงตูได้ยินนะ หนอยๆ นินทาโคตรดังเลย

"เฮ้ย ไอ้เก่งไอ้แก้วไปซ้อมบาสกันได้แล้ว "  เสียงไอ้พัฒน์ตะโกนเรียกเมื่อ เห็นเก่งไม่สนใจ 

" เออ กูมาแล้ว กว่าจะเรียกได้คุยกะสาวๆนานชิบเลย" เก่งร้องแซว  ไอ้  2คนนั้นที่ได้แต่ยิ้มเขิน...

 

" เก่งกลับบ้านกันเหอะ " เสียงคุ้นเคยตะโกนเรียกเมื่อการซ้อมบาสจบลงตอน 6 โมง เดี่ยวอยู่ในชุดเสื้อกล้าม เพิ่งซ้อมบาสเสร็จพร้อมกับเก่งเมื่อกี้  ขี่จักรยานมารอ

" เป็นไงมั่ง เราเห็นนายควบหลายหน้าที  ท่าทางจะเหนือย"  เดี่ยวร้องถาม เมื่อเห็นสภาพ

" อืมเหนือย"  เก่งตอบแบบหมดแรง

" งั้นทำไมไม่เลือกทำสักอย่างล่ะ  ระวังไม่สบายนะ" เดี่ยวถาม

" อืมไม่เป็นไรหรอกแค่เล้กน้อย เราสู้ว่ะ " เก่งตอบพร้อมพิงหลังของเดี่ยว 

"ขอเราพิงหน่อยนะ " ว่าแล้วก็เงียบไป

เดี่ยวรู้ได้ทันที่ว่าเก่งหลับไปเพราะเหนือย พยายามขี่จักรยานช้าๆ แต่หัวใจเต้นเร็วขึ้นๆ

" เฮ้ยเก่งถึงบ้านแล้ว เก่งๆ"  เดี่ยวเขย่าตัวเรียกเบาๆ

" หะ อะไร อ๋อถึงบ้านแล้วเหรอขอบใจนะ ! " เก่งเดินงงเข้าบ้าน เดี่ยวยิ้มส่ายหัว ไอ้เก่งนี่มันเหมือนเด็กๆ เลย.....

 

ความแปลกใจเกิดขึ้นกับเก่งเมื่อเห็นเดี่ยวมาด้อมๆ มองๆ เข้ามาในที่ฝึกซ้อมลีดเดอร์  ไอ้นี่มันแอบดูไรว่ะ คนยิ่งเขินๆอยู่

"อ้าวดี่ยวมาแล้วเหรอ มาๆ พี่เนตรรออยู่" เสียงบีมเรียกเดี่ยวที่เดินเด๋อด๋าเข้ามา

" พี่เนตรค่ะ นี่ไงดรัมเมเยอร์สีหนู  ฝากดูแลด้วยนะพี่ " บีมแนะนำเดี่ยวกับพี่เนตรดรัมเมเยอร์ปีที่แล้ว

เก่งงงหนัก เอ๊ะ นี่ไอ้เดี่ยวมันเป็นดรัมเมเยอร์รึเนี้ยแล้วใครลากมันเข้ามาวะ จำได้ว่ามันไม่ค่อยชอบทำตัวเด่น เขามองเดี๋ยวแล้วรู้สึกงง  เดี่ยวเห็นเขามองมาจึงยิ้มกว้างให้

" นี่ๆ เก่งรู้จัก ผู้ชายคนนั้นด้วยเหรอ" ส้มถามอย่างตื่นเต้น

" อืม ใช่มันเป็นอยู่ห้องเดียวกันกะเราอ่ะ มีไรเหรอ" เก่งซัก

"ก็ ไม่มีไรหรอก ..แค่อยากรู้จักน่ะ เราปลื้มเค้าม้าก มาก" โห แหม เสน่ห์แรงจริงนะ โคตรหมั่นไส้เลย!

"  วันหลังเดี๋ยวเราแนะนำให้รู้จักนะส้ม"  เก่งตอบรับแบบแกนๆ บอกไม่ถูกว่าทำไมไม่พอใจ !

 

" เฮ้ยเดี่ยว คิดยังไงถึงได้เป็นดรัมเมเยอร์น่ะ แล้วนี่ใครไปลากตัวมา" เก่งซักเมื่อซ้อนท้ายจักรยานกลับบ้าน

"ก็ เปล่าซักหน่อยไม่มีใครไปลากมาหรอก พัฒน์มันมาขอแรงก็เลยช่วยน่ะ  เราเลยตอบรับเพราะเราจะได้กลับบ้านพร้อมนายไง"  เก่งใจเต้นตุบๆ แต่คิดถึงเรื่องของส้มแล้วใจเหี่ยวลง

" เดี่ยวนายรู้ตัวรึเปล่าว่านายน่าตาดี"  เก่งบอกเบาๆ

"อืมขอบใจนะ " เดี่ยวหัวเราะ

" มีเพื่อนเราสนใจนายอยู่นะ พรุ่งนี้เราจะมาแนะนำให้นายรู้จัก  นายคงไม่รังเกียจเพื่อนเรานะ "  เก่งบอกเสียงแผ่ว เหมือนมีไรมาจุกคอ

" นายต้องการให้เราทำอย่างนั้นเหรอ ต้องการอย่างนั้นจริงเหรอ" เดี่ยวหยุดรถกระทันหัน เอี้ยวตัวมาถามหน้านิ่ง ราวกับจะหาคำตอบจากเขา

" เราอยากให้นายรู้จักส้มนะ ส้มน่ารักเหมาะกับนาย "  เก่งไม่สบตาหันไปมองข้างทาง รู้สึกอึดอัด

" ถ้านายต้องการอย่างนั้น เราก็จะไม่ขัดนาย "เสียงตอบห้วนแข็ง เดี่ยวหันกลับ ขี่จักรยานเร็วขึ้น ความเงียบเกิดขึ้นเด็กหนุ่มทั้ง  2 คน….

 
เก่งรู้สึกเหมือนว่าอารมณ์ไม่ค่อยจะเบิกบานในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่แนะนำส้มให้รู้จักกับเดี่ยว    2 คนนี้เข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ   เก่งรู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นดาวเคราะห์ที่หลุดวงโคจร  รู้สึกเหงาแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก  รู้เพียงแต่มันอึดอัดในอก   เมื่อเห็นเดี่ยวนั่งคุยหัวเราะกับส้ม !

เหลือเวลาอีก  2  อาทิตย์ก็จะถึงงานกีฬาสีแล้ว  เพื่อนๆ ดูแผนงานที่เซ็ตไว้อย่างภูมิใจ เพราะทุกอย่าง เข้าที่เข้าทางตามที่คำนวณไว้  ตอนนี้ก็ยังคงเหลือ เรื่องเสื้อผ้าของทีมเชียร์  และอุปกรณ์ในการเดินพาเหรดอีกนิดหน่อย    ช่วงนี้เก่งเร่งวาด คัตเอาท์  ให้เสร็จก่อนวันงาน ฉะนั้นทุกคนในห้องจึงมาช่วยกัน.ในวันเสาร์อาทิตย์ เพื่อนช่วยกันลงสีอย่างสนุกสนานในขณะที่เก่ง หงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

“ นายมาด้วยเรอะ เดี่ยว วันนี้ไม่ไปเที่ยวกะส้มเหรอ“  เก่งอดถามไม่ได้  ก็จะไม่ให้ถามได้ไงตั้งแต่แนะนำส้มให้เดี่ยว  2 คนนั้นก็คุยกันหนุงหนิงทุกวัน  นี่ป่านนี้คงเป็นแฟนกันแล้วมั้ง  เก่งเซ็งเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

“ ก็ว่าจะไปเย็นนี้แหละ  แล้วนายไปด้วยกันรึเปล่าล่ะ  “ เดี่ยวถามหน้าเฉยๆ ไม่ยินดียินร้าย

“ นายไปกัน  2 คนเหอะ วันนี้เราเรามีนัด”  ไปให้เลี่ยนรึไง ไม่ไปหรอก!

“ แล้วนายจะไปไหน”  จะมาสนใจทำไมวะ ตัวมันเองกำลังจะไปเที่ยวกับส้มนี่ 

“ เราจะไปดูแบบเสื้อผ้าของลีดและก็ดรัมเมเยอร์ด้วย  พอดี เบิร์ดมันเก่งด้านนี้”   เดี่ยวหันมามองขวับ ตาคมดุจ้องขวางๆ

“อ๋อ!ที่แท้ ก็ไปกะไอ้เบิร์ด   จะไปเที่ยวกันก็บอกมาดิ ไม่เห็นต้องปิด “ น้ำเสียงเย้ยเยาะของเดี่ยวทำให้เก่งฉุนกึก

“ เราไม่เหมือนนายหรอก เราไปเรื่องงานของสีเท่านั้น นายจะคิดยังไงก็เรื่องของนาย  “ อารมณ์น้อยใจของเก่งระเบิดออกมาเพราะโดนดูถูก  เขาหน้าแดงด้วยความโกรธมองหน้าอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง  แล้วหันหลังวิ่งหนีไปอีกทาง

เก่งวิ่งหลบมาหลังตึกโรงยิม ก้มหน้าเท้ามือลงกับอ่างล้างหน้า  รู้สึกว่ามีน้ำอุ่นๆนองแก้มไปหมด  เก่งวักน้ำล้างหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย    ทำไมต้องร้องไห้ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาเค้ายังเข้มแข็งตลอดไม่ใช่หรือ แล้ววันนี้ทำไม ทำไม !      ไม่!  เขาไม่ยอม เขาต้องไม่เป็นอย่างนี้ เขาจะอ่อนแออย่างนี้ไม่ได้  ไอ้เดี๋ยวมันมีแฟนไปแล้วก็เรื่องของมัน แต่ทำไมเขาต้องรู้สึกจุกอยู่ในหน้าอก หายใจสะท้านๆ   

 “ เก่ง มึงเป็นไรไป “ ฝ่ามืออุ่น ของแก้วแตะมาที่บ่า  เก่งเงยหน้ามองทั้งที่ น้ำเกาะอยู่เต็มหน้า

“ กูไม่เป็นไร แค่ฝุ่นเข้า “   เก่งโกหก แต่แก้วดูออก 

“ ถ้าฝุ่นมันเข้าตามึงก็เอามันออกสิ ปล่อยให้เคืองแล้วมานั่งร้องไห้ทำไม” แก้วเปรยออกมา เหมือนรู้เรื่อง  เก่งมองหน้าแก้ว แล้วยิ้มขมๆ

“ ถ้ามันเอาออกได้ง่ายๆ กูก็ไม่ต้องมานั่งร้องไห้หรอก “ เก่งหันหน้าไปอีกทางเมื่อน้ำตาเริ่มคลอ   

“ เอาวะ สักวัน มึงก็เขี่ยออกเองแหละ  เข้มแข็งเข้าไว้นาเว้ย”  แก้วกอดคอของเขาพลางให้ยิ้มกำลังใจแก่เพื่อน   

“ ขอบใจมากว่ะ “ เก่งหันไปยิ้มให้   แต่หางตาเหลือบไปเห็นคนร่างสูงมองมานิ่งๆ สีหน้ายังเรียบเฉย แต่แววตาตัดพ้อ ที่หันหลังเดินกลับไปทำเป็นไม่สนใจ

“ นี่ใช่มะผงในตาของนาย “ แก้วถามย้ำว่าเค้าคิดไม่ผิด



sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-5 ครับ
«ตอบ #14 เมื่อ28-07-2008 11:15:29 »


ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 9


เก่งดูแบบเสื้อผ้าไม่รู้เรื่องเลยตั้งแต่มา   เขากลายเป็นก้อนหินที่ถูกเพื่อนลากไปลากมา  แพทกะบีมดูแปลกใจที่วันนี้เขาดูแปลกๆ  แต่แก้วก็มาช่วยแก้ให้ทุกที

“ อ๋อ มันปวดท้องน่ะ  เลยไม่ค่อยพูด “ แก้วแหลได้สมบทบาท เก่งมองอึ้งๆ โห น่าได้ตุ๊กตาทอง

“ งั้นกลับบ้านก่อนรึเปล่า “ เบิร์ดถามอย่างเป้นห่วง  เก่งรู้สึกได้ว่า เบิร์ดห่วงเขามากกว่าเพื่อน แต่เขาไม่ได้ชอบเบิร์ด 

“ ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรมาก  เดินต่อกันเหอะ”  เก่งพยายามสลัดความคิดในหัว แล้วสนใจหาเสื้อผ้าต่อ  ตาสะดุดกับชุดๆ นึง  เป็น สูทสีขาวที่สั้นแค่เอวพอดีตัวข้างในเป็นเสื้อเช็ตผูกด้วยเนกไทด์สีน้ำเงิน กางเกงขายาวสีดำ คู่กับร้องเท้าดำสนิท มีอินทนู สีดำทองตรงบ่า

“ เฮ้ย หยุดก่อน “ เก่งร้องเรียกเพื่อนๆ โดยที่เขาเองเกาะกระจกมองอยู่   

“อะไรเหรอแก้ว “ บีมเดินมายืนมองข้าง       

“ นี่ไงชุกดรัมเมเยอร์ไง  แบบนี้เท่ดีนะ “ เก่งคิดภาพที่เดี่ยวใส่ชุดนี้ แล้วรู้สึกว่มันเหมาะกับเดี่ยว

“อืมเท่ดีนะ “ แพทเสริม 

“ แต่น่าจะแพง” แต่ทุกคนก็ตกลงใจที่จะเอาชุดนี้ เพราะเห็นตรงกันว่าเท่  การต่อรองราคาเช่าเกิดขึ้นอยู่นานมาก กว่าที่จะตกลงกันได้   

 เก่งรู้สึกดีได้ชุดที่เหมาะกับเดี่ยว  แต่ก็ใจหี่ยวลงเมื่อรู้ว่าเขาคงไม่มีโอกาสที่จะมองเดี่ยวใส่ชุดนี้หรือ ยิ้มให้เดี่ยว  เพราะเดี่ยวมีแฟนแล้ว  หน้าที่นี้คงต้องเป็นของแฟนของดี่ยว     เก่งรู้สึกจุกจี๊ดขึ้นมา  แต่กัดฟันเดินต่อเพื่อไม่ให้เพื่อนสงสัย…..

 

“ เฮ้ย ทุกคนพร้อมนะ  ต้องลงแข่งแล้ว  ทุกคนสู้! “ ไอ้เคน เรียกนักกีฬาในทีม แล้ววิ่งลงสนามเตรียมตัวแข่ง  การแข่งบาสรอบชิงชนะเลิศเริ่มขึ้นก่อนวันงานกีฬาสี 7 วัน     การแข่งครั้งนี้เป็นการชิงชัยระหว่างสีฟ้า กับสีเขียว   จะว่าไปทีมของเก่งก็มีฝีมืออยู่ไม่น้อย เพราะอุตส่าห์ฝ่าฟันมาจนถึงรอบชิงจนได้   เก่งนั้นยังไม่ได้ลงสนามเลยต้องแต่รอบแรก เพราะเป็นตัวสำรอง    แต่ก็ เพราะทุกคนก็ทำได้ดี

“ เอ้ย วันนี้เราจะสู้มันได้เหรอวะ ไอ้สีเขียวเนี้ยมันมีนักกีฬาโรงเรียนเยอะ  “ ไอ้แก้วบอกออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ดูมีภาษีกว่า

“ ทำอย่างกะสีเราไม่มีอย่างงั้นแหละ  มีทังไอ้เคน ไอ้พัฒน์ แล้วก็ไอ้เดี่ยว“ เก่งสะอึกเมื่อพูดชื่อนี้ขึ้นมา  ดูเหมือนช่วงนี้ชื่อนี้จะกลายเป็นของแสลงไปแล้ว  เก่งไม่อยากเอ่ยไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยินอะไรเกี่ยวกับชื่อนี้ แต่ก็ยังคงต้องเจอหน้าทุกวัน ก็มันซ้อมควงคฑาอยู่ใกล้ๆกันทุกวัน

เก่งมองเดี่ยวที่โลดแล่นอยู่ท่ามกลางฝ่ายตรงข้าม หลบหลีกไปมาอย่างชำนาญ สมกับที่เป็นตัวของโรงเรียน   เดี่ยวกลายเป็นตัวทำคะแนนของทีมเพราะด้วยความสูงบวกกับความว่องไว

เมื่อแต้มเริ่มนำ สีเขียวเริมใช้ความรุนแรงมากขึ้นจนนักกีฬาสีฟ้าบาดเจ็บไปหลายคน หลังครึ่งแรกไม่นานทีมสีของเก่งจึงต้องขอเวลานอก

“ ตอนนี้พวกสีเขียวมันเริ่มเล่นแรงแล้ว ยังไงพวกเราอย่าพยายามปะทะกะมัน” ไอ้เคนคนคุมทีมบอกทุกคน

“ ไอ้ โอ๊ตมึงเป็นไง ไหวปะ  ไอ้เอก มึงพักก่อน ไอ้เก่งมึงลงแทนไอ้เอกแล้วกัน  เฮ้ยทุกคนไปโว้ย “   เก่งพยักหน้ารับแล้ววิ่งตามลงสนาม 

“ นายระวังตัวนะ พวกนั้นมันเล่นแรง” เสียงที่คุ้นเคยบอกมาเบาๆ อย่างเป็นห่วง เก่งหันกลับไปมองแล้วพยักหน้า   แม้ยังรู้สึกโกรธ แต่งานต้องมาก่อน

ทีมสีเขียวทุกคนยิ้มกริ่มเมื่อเห็นเก่งเดินลงมาประจำตำแหน่ง  “ แม่งเอาเด็กมาเล่นกะเราทำไมว่ะ” เสียงอีกฝ่ายร้องเย้ย เออพวกมึงเดี๋ยวคอยดูกู

สิ้นเสียงนกหวีด เก่งเริ่มเคลื่อนที่ไปอยู่ใต้แป้น   โดยที่อีกฝ่ายไม่สนใจ  เดี่ยวเห็นช่องส่งลูกให้เก่งรับ เขาโดดรับโดยที่ไม่มีใครป้องกัน แล้วชู๊ตลูกลงห่วงอย่างง่ายดาย!     เก่งยักคิ้วให้อย่างสะใจ   ไอ้พัฒน์ชูนิ้วโป้งยกย่อง  กำลังใจเขาขึ้นมาเป็นกอง

ตอนนี้ทีมของเก่งเริ่มทำคะแนนออกห่างแล้ว  สีเขียวเองก็เริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่สามารถทำคะแนนตีตื้นตามทัน    เก่งยังคงตามเก็บคะแนนให้ทีมได้ที่ละ 2 คะแนน ด้วยลูกทีเผลอ   ตอนนี้อีกฝ่ายเริ่มรู้ตัวไม่ยอมให้เก่งครองลูก

เวลาดำเนินมาจนเหลืออีก  5  นาทีสุดท้าย ทุกคนในทีมกำลังเหนื่อย เก่งเองก็เริ่มไม่ไหว แต่ตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว เพราะ บาดเจ็บกันทุกคน  ไอ้แก้วเองก็ต้องลงมาแทนเพื่อนที่บาดเจ็บ

“ พวกนายอดทนหน่อย ใกล้หมดเวลาแล้ว ถ้าเราดึงเวลาไม่ให้อีกฝ่ายทำคะแนนได้ทุกอย่างก็จบ “ เดี่ยวให้กำลังใจทุกคนแต่มือจับบ่าของเก่งแน่นแล้วบีบเหมือนจะส่งผ่านความอบอุ่นให้แก่เขา

“ นายเองก็พยายามหน่อยนะ” เดี่ยวบอกกับเขา เก่งรู้สึกมีกำลังใจบางอย่างทำให้เขาหายเหนื่อย

“ เฮ้ย “ เสียงเดี่ยวส่งสัญญาณให้เก่งรับลูกในขณะที่เดี่ยวถูกล้อมอยู่ขยับไม่ได้  เก่งโดดรับลูกไว้กำลังจะเข้าใต้แป้น แต่ติดอยู่ที่ไอ้เด็กสีเขียวที่ตัวใหญ่อย่างกะกำแพง คอยกั้นขวาง จนเก่งไม่สามารถผ่านไปได้ และเริ่มมีคนอื่นมาช่วยรุม   เก่งดูเวลามันเหลือเวลาอีกแค่3นาที ต้องทำให้ได้  !

เก่งตัดสินใจชู๊ต ทำลูก 3 คะแนน  ลูกลอยละลิ่วลอดมืออีกฝ่ายไปได้  เดี่ยวมองตามกะเข้าซ้ำถ้าลูกไม่ลง 

“ซ้วบ! ..”ลูกบาสไม่กระแทกห่วงเหมือนคราวที่แล้วแต่คราวนี้ลงอย่างแม่นยำ เก่งกระโดดตัวลอยด้วยความดีใจ ทีมสีเขียวอึ้งนึกไม่ถึงว่าจะลง  เก่งยักคิ้วให้ไอ้เด็กตัวใหญ่ที่ตามคอยขวาง  มันกัดฟันด้วยความเจ็บใจ มองตาขวางขณะเก่งวิ่งไปรวมกับเพื่อนๆ เพื่อเตรียมป้องกันฝ่ายตนเอง

“ขออีกลูกแล้วกัน” เก่งคิดเมื่อแย่งลูกมาจากอีกฝ่ายได้ด้วยความว่องไว เตรียมจะชู๊ต   ไอ้ตัวใหญ่คนเดิมวิ่งเข้ามาแย่งลูก แล้วชนเข้าเต็มแรง   เก่งกระเด็นไปตามแรงชน  เสียงเป่านกหวีดดังขึ้น เพื่อให้หยุดการเล่นเพราะมีคนเจ็บ

“ เฮ้ย เก่ง” เดี่ยวถลาเข้าคว้าตัวเก่งที่ล้มลงอยู่ที่พื้น แล้วอุ้มออกไปข้างสนาม 

“ นายเป็นไรมากเปล่า “ เสียงเดี่ยวร้องถามอย่างเป็นห่วง

“ เราไม่เป็นไร  แค่เจ็บขา นายไปแข่งต่อ ยังไงสีเราต้องชนะ  ไปดิ” เก่งสั่งเมื่อทุกคนกำลังรอให้เดี่ยวกลับเข้าแข่งขัน

“ งั้นชัยชนะครั้งนี้เรา จะเอามาให้นายให้ได้ “  เดี่ยวบอกเหมือนให้คำสัญญาหันหลังกลับเข้าสนาม

เก่งนั่งมองอย่างลุ้นๆ  เพราะทุกคนในทีมเหนือยกันหมด เดี่ยวเองก็เหนื่อย แต่ยังคงพยายามทำคะแนนเพิ่ม

เหลือ15 วินาทีสุดท้ายแล้ว เดี่ยวได้ครองลูก แต่อยู่ไกลจากแป้นมาก  เก่งเห็นเดี่ยวมองมาแล้วยิ้มให้แว็บนึงเหมือนจะบอกอะไรบางอย่าง  แล้วชู๊ตลูก 3 คะแนนออกไป

“ซ้วบ!  ... ปรี้ด!  “ สัญญาหมดเวลาพร้อมกับลูก 3 คะแนนของเดี่ยวที่ลงห่วงอย่างแม่นยำ ทุกคนในทีมกระโดดตัวลอยเมื่อตัวเองชนะ  เสียงโห่รองของกองเชียร์ดังกระหึ่ม   

เดี่ยวเดินเข้ามาหาเก่งพร้อมย่อตัวลงคุกเข่า “ ลูกเมือกี้มันเป็นของนายนะ เราให้นาย “ เก่งยิ้มกว้างน้ำตาคลอ

 
“ เดี่ยว...ว “ เสียงเรียกที่คุ้น  พร้อมร่างๆเล็กที่วิ่งหน้าบานเข้ามา 

“ สุดยอดเลย ในที่สุดก็ชนะ เก่งจังเลย ดูสิเหงือเต็มเลย ส้มเช็ดให้นะ “  มือน้อยๆของส้มยื่นออกมาซับเหงือที่หน้าของเดี่ยว  เก่งเบือนหน้าไปทางอื่นไม่อยากเห็นภาพบาดตา เจ็บจี้ดในอก น้ำตาคลอทั้งที่พยายามระงับ

“ ไปเหอะ เก่งเดี๋ยวเราพาไปห้องพยาบาล “ แก้วเหมือนจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเดินมาหิ้วปีกเขา  “เฮ้ยแก้วนายไม่ต้อง เดี๋ยวเราพาไปเอง “ เดี่ยวโพล่งออกมา น้ำเสียงเข้มขึ้น

“นายอยู่กับส้มไปนั่นแหละดีแล้ว เราไปกับไอ้แก้วได้” เก่งบอกโดยไม่หันไปมองเดี่ยวที่มองมาแบบตัดพ้อ

เมื่อพ้นจากโรงยิมน้ำอุ่นๆก็ไหลนองหน้า อย่างสุดกลั้น “ ไอ้เก่ง เงียบเลยนะมึง  อายเค้าบ้างสิ”

“ ข้าขอโทษข้าระงับไม่อยู่จริงๆ ข้าทนไม่ไหวจริงๆ” เก่งเสียงเครือ น้ำตาไหลเป็นสาย

“ เออ ไม่เป็นไรร้องไห้เสร็จก็กลับมาเข้มแข็งให้ได้ล่ะมึง”  แก้วปลอบโดยไม่มองหน้าที่ยังเต็มไปด้วยน้ำของเก่ง

“เดี๋ยววันนี้ข้าไปส่งเอ็งเอง ดูท่าทางเอ็งจะเดินไม่ไหว”  แก้วบอกพร้อมยิ้มให้เก่ง แต่เก่งไม่รับรู้อะไรนอกจากอกที่มันร้าวราน


ความมืดเข้าปกคลุมห้องของเก่งอีกครั้ง  ขาของเขาถูกพันผ้าไว้เพื่อลดอาการบวม ขาที่มันเคล็ดไม่ได้มีความรู้สึกเหนือไปกว่า ความเจ็บปวดที่ใจ  เขาพยายามลืมภาพที่เห็นในโรงยิมให้หมด เพื่อจะได้ไม่ต้องเจ็บปวด แต่ทำไมมันทำไม่ได้     

“ นี่ไงล่ะ ผลของการไม่ระงับใจของนาย  เป็นยังไงล่ะรสชาดของมันหอมหวานเหมือนที่นายคิดไม๊”   เสียงเยาะเย้ยจากจิตตัวเองดังกระหน่ำอยู่ในหัว   เก่งก้มหน้าลงปิดหูให้สนิท แต่ไม่สามารถหนีเสียงนั้นไปได้

“นี่เป็นเพราะเรา เก็บมันมาไว้ในใจเรา เราถึงต้องเจ็บอย่างนี้” เก่งคิดย้ำ 

“ เราต้องลบมันออก “ เขาหันมองไปยังรูปภาพที่บรรจงเขียนด้วยความรู้สึกต่างๆที่มีต่อเดี่ยว  รูปนี้วาดจนเกือบเสร็จแล้ว ดวงหน้าในภาพที่หลับใหลยังน่ามอง แต่ตอนนี้มันกลับเป็นสิ่งที่บาดใจ   เก่งหันกลับค้นหาบางสิ่งในลิ้นชัก   คัตเตอร์อันเล็กๆ ถูกหยิบขึ้นมาถือในมือ   เก่งเดินตรงไปยังรูปของเดี่ยวพลางจรดปลายคัตเตอร์ลง มือสั่นๆแต่ใจยังสั่ง

" ทำลายมันทิ้งสิ "  เก่งมองภาพนิ่ง ดวงหน้าในภาพเหมือนกับจะเว้าวอนไม่ให้ทำ  น้ำตาอุ่นไหลลงอย่างไม่รู้ตัว  คัดเตอร์ล่วงจากมือ เหมือนกับหัวใจ ที่ถูกใครบางคนทิ้งลงพื้น 

“ ทำไม่ได้! “เก่งทรุดลงนั่ง ร้องไห้เงียบๆ  เมื่อรู้ว่าตัวเองตัดใจจากเดี่ยวไม่ได้เหมือนกับที่ตัดใจทำลายรูปของเดี่ยวไม่ได้

 

" เฮ้ย เป็นไงมั่งว่ะ "เสียงถามอย่างเป็นห่วงของไอ้พัฒน์เมื่อเห็นสภาพขาของเก่งที่บวมเป่ง

" เออ ไม่เป็นไรแล้วแค่ขาเคล็ดเดี๋ยวก็หาย " เก่งร้องบอกเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้ากังวล

" นี่อีก  6  วันจะถึงงานกีฬาสีแล้ว เอ็งจะไหวเหรอ" เสียงทุกคนยังไม่คลายกังวล

" เฮ้ย บอกไม่เป็นไรไง ยังไหว  นี่ๆเดินให้ดู " เก่งลุกขึ้นเดินแสดงให้รู้ว่าเขาไม่เป็นไร  แต่ขายังจี๊ดๆอยู่

" เออ มึงพอเลย เดินมากเดี๋ยวไม่หายหรอก วันนี้งดซ้อมลีดไปก่อนแล้วกัน" ไอ้แก้วร้องขัดขึ้นเมื่อเห็นเขาดันทุรังที่จะเดิน

" เฮ้ยไม่เป็นไร บอกแล้วว่ายังไหว มันใกล้วันแล้วนะเว้ย ยังไงก็ต้องซ้อม" เก่งขัด 

" เออ!ๆ ตามใจละกัน ขี้เกียจเถียง แต่ถ้าไม่ไหวต้องพักนะเว้ย " ไอ้แก้วส่ายหน้าระอาในความดื้อของเขา

"ลีดพร้อม ลีดพร้อม 3..4 " เสียงแก้วร้องนำ ลีดเดอร์ทุกคนอยู่ท่าเตรียมพร้อมสำหรับแสดงในเพลงมาร์ชของโรงเรียนซึ่งเป็นเพลงที่ใช้แข่งขัน  การซ้อมในอาทิตย์นี้ถือว่าเป็นการซ้อมใหญ่เพราะเหลือเวลาอีก5วัน ทุกคนจึงทุ่มเต็มที่ เก่งเองก็เช่นกัน การแข่งขันในเพลงมาร์ชโรงเรียนนี้ต้องใช้ลีดเดอร์ทุกคนในการแสดง จึงใช้เวลาพอสมควรที่จะทำให้พร้อมเพรียงกัน
เก่งรู้สึกปวดขาหนึบๆ แต่เขาพยายามเฉยๆกับมัน เพราะการซ้อมอาจชะงักได้ถ้าเขาขอหยุด

" นายเป็นไรรึเปล่าน่ะ " เบิร์ดที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องถาม

" เปล่านี่เราปกติ "เก่งทำหน้าให้ปกติไม่มีพิรุธ

" แต่ขานายดูท่าทางจะเจ็บอยู่นะ " เบิร์ดมองตาไปยังผ้าพันแผลที่ข้อเท้า

" อ๋อเรา ไม่เจ็บหรอกแต่ต้องพันผ้าไว้เพราะหมอสั่ง " เก่งบอกยิ้ม

" แต่เราว่า " เบิร์ดยังคงข้องใจ

" เฮ้ย เราไม่ได้เป็นไรจริงๆ ซ้อมต่อกันได้แล้ว "เก่งตัดบท หันไปซ้อมต่อ  แต่หางตาเหลือบไปเห็นคนร่างสูงที่กำลังฝึกควงคฑาจ้องมองมาห่างๆ ตาที่มองมาลดต่ำลงมาที่ข้อเท้าที่พันผ้าไว้ แววตาดูเหมือนจะสื่ออะไรบ้างอย่าง   เก่งหันหน้ากลับ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองตอบ รู้สึกอึดอัดลึกๆอยู่ในอก  นี่มันคงสมเพชเราอยู่สินะ ! 

“ เดี่ยวๆ” ส้มร้องเรียกเมื่อเห็นเดี่ยวมองมาแล้วยิ้มร่าโบกมือให้    เก่งหันมองไปหน้าของอีกฝ่ายที่ถูกเรียก รอยยิ้มที่เดี่ยวยิ้มให้ส้ม ทำให้เก่งรู้สึกขมในปากความอึดอัดเกิดขึ้นอย่างมากมาย 

การซ้อมเป็นไปอย่างเข้มงวดอย่างที่เก่งนึกไม่ถึง  เนื่องจากต้องใช้พลังขาในการเดินแปรขบวนลีด เพื่อความสวยงาม ต้องทั้งเดินทั้งวิ่งจนขาของเก่งที่มันบวมอยู่แล้ว ยิ่งบวมมากขึ้น

“ เก่ง เราว่านายไม่ไหวแล้วนะ  กลับไปพักที่บ้านดีกว่า “ แพทและบีมบอกเมื่อเห็นเก่งเริ่มเดินเขย่งๆ ออกมาเมื่อพักซ้อม

“เอ็งรีบกลับบ้านไปเลย  เดี๋ยวถ้าหายไม่ทันวันแข่งมันจะลำบาก “ ถูกของไอ้แก้วเพราะถ้าหายไม่ทันทุกคนต้องวุ่นวายแน่    “งั้นเดี๋ยวเรานั่งดูไปก่อนแล้วกันนะ เดี๋ยวค่อยกลับ “

“ ตามใจ  แต่ยังไงต้องรีบกลับนะมึง “ ไอ้แก้วร้องกำกับ แล้วเดิบกลับไปซ้อมต่อ

เก่งนั่งมองเพื่อนที่ซ้อมอย่างขะมักเขม้นแล้วรู้สึกตัวเองกลายเป็นตัวถ่วง  เพราะทุกคนต้องรอให้ตนหายก่อนจึงจะซ้อมใหญ่ได้อีกครั้ง  แต่นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัย เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ตัวเองเจ็บ  แต่ทางที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ต้องรีบหายโดยไว!

“ นี่เป็นท่าสุดท้ายที่พี่จะสอนให้นะ เป็นท่ายาก “ เสียงพี่เนตรบอกเดี่ยวที่ซ้อมอยู่ห่างๆ ดังแว่วมา  เก่งหันไปมองตาม  เดี่ยวกำลังหัดท่านี้อยู่  ใช่!ท่านี่มันยากแน่นอน   เป็นท่าที่ต้องเหวี่ยงคฑาให้ขึ้นไปหมุนในอากาศ แล้วต้องใช้มือรับกลับให้ได้ ท่านี่โอกาสเสียงผิดพลาดสูงมาก   ต้องอาศัยแรงเหวี่ยงที่พอดี ถ้ามากหรือน้อยไป ดรัมเมเยอร์จะรับคฑาไม่ได้

“ ท่านี้เป็นการแสดงความเคารพสูงสุดต่อประธานนะ “ พี่เนตรเสริม  เก่งรู้สึกได้ว่าเดี่ยวตั้งใจฝึกฝนมาก พยายามฝึกหัดอยู่หลายครั้ง


เก่งเองก็เคยฝึกท่านี้มาก่อน ยังไม่ชำนาญมากแต่ก็พอจะรู้วิธีในการควบคุมการเหวี่ยงคฑาได้

" เก่งๆ  มาช่วยสอนเดี่ยวแทนที วันนี้พี่มีธุระ ต้องรีบกลับบ้าน โทษที พี่ไปนะ" พี่เนตรบอกโดยไม่รอคำตอบ แล้วเก็บกระเป๋าแล้วรีบวิ่งกลับบ้านทันที  เมื่อวางหูโทรศัพท์
เดี่ยวเดินมายืนตรงหน้านิ่งเหมือนจะรอคำสั่ง    เก่งเกลียดการเผชิญหน้ากันในขณะที่ตอนนี้เขาเองก็ยังอ่อนแออยู่มาก

" นายฝึกอะไรบ้างมาแล้ว ลองทำให้ดูหน่อย “เก่งบอกเป็นสัญญาณให้เดี่ยวเริ่มต้น
เดี่ยวพยักหน้าพร้อมยืดตัวตรง ย่ำเท้าไปมาท่าท่างราวกับทหารเดินสวนสนาม  มือก็กวัดแกว่งคฑาอย่างสง่างาม     

”ไอ้พัฒน์นี่มันเลือกได้ถูกคนจริงๆ “เก่งคิดนั่นเพราะเดี่ยวดูสมาทร์มาก อย่างที่เก่งนึกไม่ถึง

เดี่ยวยังคงควงคฑาด้วยลีลาที่สง่างาม   จนถึงท่าสุดท้ายที่ยากที่สุดที่พี่เนตรเพิ่งสอน เดี่ยวเหวี่ยงคฑาไปด้วยแรงที่มี คฑาดรัมเมเยอร์หมุนคว้างขึ้นกลางอากาศ แล้วดิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว

”เฮ้ย ! ”  คฑาลอยไปไกลห่างจากวิถีที่คนเหวี่ยงจะสามารถรับได้   และมันอาจจะหักถ้ากระแทกพื้น   แต่มันอยู่ในวิถีของเก่ง    เก่งดีดตัวขึ้นรับคฑา ได้ทันก่อนที่จะตกถึงพื้น   แรงของไม้ที่ตกมาทำให้เขาเซเล็กน้อย

“ โอ้ย !”  เก่งล้มพับลงไปนั่ง ขาที่ยังเจ็บยิ่งเจ็บมากขึ้นเมื่อเกิดแรงกระแทก  เก่งกัดฟันระงับอาการเจ็บ     

“ เฮ้ย! เก่ง” เดี่ยววิ่งมาเมื่อรู้สึกตัว  นั่งลงจับขาข้างที่เก่งนั่งกุมอยู่   

“ โอ้ย !เจ็บ อย่าจับปล่อย !” เก่งร้องเมื่อเดี่ยวเปิดผ้าพันแผลออก 

“ นี่ทำไม่ ปล่อยให้มันบวมขนาดนี้หะ “  เดี่ยวเสียงเข้มขึ้นเมื่อเห็นขาที่บวมของเก่ง

“มานี่ “ เก่งลอยวูบขึ้นตามแรงช้อนตัว

“ เฮ้ย ปล่อยเราลงนะโว้ย จะพาเราไปไหน “ เก่งร้องลั่นอย่างตกใจ ต่อด้วยความอายก็แล่นตามมาเมื่อเห็นสายตาหลายคู่จ้องมา

“ เงียบเหอะน่า   เจ็บขนาดนี้ยังมาเถียงอีก “ เดี่ยวร้องดุเมื่อเห็นอีกฝ่ายยังคงดิ้นๆ   “ ยังฤทธิ์มากเหมือนเดิมนะ”  เดี่ยวบอกพร้อมรัดแขนที่อุ้มแน่นขึ้น.....


sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-5 ครับ
«ตอบ #15 เมื่อ28-07-2008 11:24:25 »


ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 10


หัวใจของเก่งยังเต้นตูมๆ แม้เดี่ยวจะวางเขาลงจากวงแขนให้นั่งลงบนเตียงขาวสะอาดแล้วก็ตาม   เดี่ยวหาอะไรกุกกักในห้องพยาบาลที่เพิ่งมาถึงเมื่อกี้ กลับมาอีกครั้งพร้อมกะละมังที่บรรจุน้ำแข็งไว้เต็มเปี่ยม  และ ครีมลดอาการปวดกล้ามเนื้อ

เดี่ยวคุกเข่าลงตรงหน้าเก่ง เอื้อมมือมาจับข้อเท้าที่บวมเป่งอย่างเบามือ แต่ถึงอย่างงั้น เก่งก็ยังนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“ เก่ง นายอดทนหน่อยนะ   “ เดี่ยวประคองข้อเท้าเล็กๆไว้ในมือ  บีบครีมลงที่ข้อเท้า แล้วเริ่มนวดเบา

 “ เป็นไงมั่ง เจ็บรึเปล่า”  เสียงเดี่ยวถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นอีกฝ่ายนิ่วหน้า

“ เราไม่เป็นไร “ เก่งแข็งใจตอบแต่ความเจ็บทวีมากขึ้น

“ อดทนอีกนิดนะ “ เก่งหยุดการนวด แล้วจับขาเก่งลงแช่อ่างน้ำแข็ง

“ โอ้ย! …!!   ปวด “ ความเย็นของน้ำแข็งลามขึ้นมาตามกล้ามเนื้อเหมือนเป็นตะคริว คราวนี้ความปวดทวีมากขึ้น  เดี่ยวจับขาเก่งไว้แน่น เมื่อเก่งพยายามชักขาออก 

“ อดทนหน่อยนะ ต้องแช่ไว้อย่างนี้จะได้หายเร็วๆ” เดี่ยวบอก เมื่อเห็นเก่งกัดฟันแน่น  รู้สึกได้ว่าเก่งจะปวดมากเพราะน้ำตาคลอ

“ รู้สึกดีขึ้นแล้วรึยัง “ เสียงนุ่มๆ ถามเบาๆ   เก่งพยักหน้าแทนคำตอบ   

“ เมื่อวานนายกลับยังไงน่ะ”  เดี่ยวเมื่อเห็นสภาพแล้วเมื่อวานไม่น่าจะกลับได้เอง   

“ ไอ้แก้วไปส่งเราที่บ้าน” เก่งสวนกลับ ก้อนบางอย่างเคลื่อนมาจุกคอ เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน

“ทำไมนายไม่กลับพร้อมเรา  เรามาหาที่ห้องพยายาบาลแล้วไม่เจอ “  เดี่ยวถามแล้วจ้องหน้านิ่ง

“ เรากลับเองได้นายไม่ต้องเป็นห่วง เราอยากให้นายอยู่กับแฟน แล้วไปฉลองกันมากกว่า “ เก่งก้มหน้าลงไม่สบตา ใจวูบไหว

“ ที่พูดนี่หมายถึงส้มเหรอ  เรากับส้มยังไม่ได้เป็นแฟนกันนะ “ แต่คงเกือบๆแล้วใช่ไม๊ล่ะ  อย่ามาโกหกดีกว่า เก่งคิด

“ เรารักคนอื่นอยู่แล้ว “ เดี่ยวว่าพลางจ้องตานิ่ง จับมือ " ตอนนี้เค้าอยู่...... "

“เฮ้ย ! เก่งเป็นไงมั่ง “  แก้ว แพท บีม และ เพื่อน ๆทีมลีดอีกหลายคนเดินเข้าตะโกนทัก  เก่งหันมองพร้อมดึงมือออก เมื่อสายตาส้มมองมาที่มือ

“ เออ ไม่เป็นไรแล้ว เดี่ยวมันช่วยนวดให้ “ เก่งยิ้มรับ แกล้งทำไม่เห็นสายตาที่ร้อนแรง

“ ถ้าเก่งไม่เป็นไรก็ดีแล้ว   เดี่ยว เรากลับบ้านกันเถอะ”  ส้มพูดแซงขึ้นมาแล้วเดินมาจับแขนเดี่ยว

“ วันนี้เราจะไปส่งเก่งที่บ้าน  ส้มกลับบ้านเองนะ “ แววตาโกรธฉายวาบขึ้นมาจากตาส้ม 

“ งั้นก็ ok พรุ่งนี้เจอกันนะ” ส้มหันหลังกลับทันทีเมื่อพูดจบ  ปล่อยทิ้งให้เพื่อนๆ งง

 “ เออ  ถ้าเดี่ยวไปส่งไอ้เก่งก็ดีเหมือนกัน งั้นพวกเรากลับบ้านกันเหอะ “ ไอ้แก้วตัวดีทำตัวเป็นพ่อสื่ออีกแล้ว   มันต้อนบีม แพทและเพื่อนๆ จนเหลือเดี่ยวอยู่กับเขาแค่ 2 คน

“ งั้นเรากลับบ้านเหอะ “ เดี่ยวอมยิ้มขำๆ เมื่อเห็นแก้วเปิดทางให้   

“ แล้วนี่จักรยานนายจอดอยุ่ไหนล่ะ เดี๋ยวเราเดินไปเอง “ เก่งรีบบอกก่อนที่จะโดนอุ้มต่อหน้าคนอื่นอีกครั้ง

“ เราไม่ได้เอามา “ เดี่ยวตอบแล้วเฉย

“ อ้าวแล้วจะกลับไงอ่ะ”  หน้าเดี่ยวเปลี่ยนจากเฉยเป็นอมยิ้ม

“ ก็กลับอย่างงี้ไง”  เดี่ยวคว้าเก่งขึ้นขี่หลัง 

“เฮ้ย ไม่เอา ปล่อยเราลงนาเว้ย  นายปล่อยเราลง ! “ เก่งดิ้นจะลงจากหลังเดี่ยวให้ได้

“ นี่ๆ อย่าดิ้นสิ  ถ้าดิ้นมากเดี๋ยวนายจะโดนจูบ“ แรงดิ้นของคนที่อยู่บนหลังหยุดลงในพริบตา  แต่ยังมีเสียงอ้อนวอน 

“ เฮ้ย  ปล่อยเราลงเหอะ นะ เราอาย นะ”

“ ไม่เห็นต้องอายเลย  “   เสียงหัวเราะขำของคนแบกดังลอดมา   

“ เฮ้ย หัวเราะอะไรน่ะ “  เก่งร้องอย่างเคือง

“ เปล่าคับ คุณหนู” เสียงตอบก็ยังคงเจือด้วยเสียงหัวเราะอยู่ดี

เก่งรู้สึกได้ว่าตัวเองกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง  เด็กที่ครั้งนึงเคยขี่หลังของเดี่ยวยามหกล้มขาเจ็บ แล้วร้องไห้โยเย้ ไม่ยอมเดิน จนเดี่ยวต้องแบกกลับ ตอนนี้เหมือนเขาได้ย้อนไปอดีตทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยมีความสุข   เก่งยิ้มกับตัวเองพร้อมรัดแขนรอบคออีกฝ่าย  “ พี่เดี่ยว! “ สรรพนามที่เก่งละเลยที่จะเรียกกันมานาน  ถูกเรียกขึ้นอีกครั้ง

“ หือ มีไรคับ “  เดี่ยวถามเมื่อรู้สึกว่าคางอีกฝ่ายเกยอยู่ที่บ่า 

“ เราไม่ได้ขี่หลังพี่เดี่ยวมานานแล้วนะ “

“ นั่นดิ นานพอๆกับที่นายเลิกเรียกเราว่าพี่” เดี่ยวตอบแล้วรู้สึกผ่าวๆ เมื่อรู้สึกไอ้ถึงลมหายใจอุ่นๆหอม ๆ รดเรี่ยอยู่ข้างแก้ม

“แหม ก็แก่กว่าแค่ 4 เดือนจะให้เรียกพี่ไปตลอดได้ไง “ เก่งเถียง 

“ ก็ที่เด็กๆนายยังเรียกเลย “ เดี่ยวไม่ยอมแพ้   

“ นี่ตกลงคืออยากให้เรียกพี่เดี่ยวใช่มะ “ คนแบกพยักหน้าแทนคำตอบ   

“งั้นก็ ต้องให้ขี่หลังบ่อยๆ นะ ถ้าให้ขี่หลังเมื่อไหร่จะเรียกพี่เดี่ยวทุกคำเลย “  เก่งตอบรับอย่างสนุก

“อ้าวถึงบ้านแล้วนี่  ปล่อยเราลงได้แล้ว “ ไม่มีเสียงตอบรับ แต่คนแบกเดินตรงเข้าไปในบ้านโดยไม่ฟังคนบนหลัง

“ ไม่เป็นไร เดี๋ยวไปส่งถึงห้องเลย เอากุญแจมา “ เสียงนุ่มๆ สั่งเบา แต่มันก็มีอำนาจให้อีกฝ่ายล้วงกุญแจออกมาได้

“ถึงแล้วปล่อยเราลงดิ !  “ คนแบกยังทำท่าอาลัยอาวรณ์ แล้ววางเก่งลงที่เตียง

“ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรามารับนะ นายห้ามเดินไปเอง ขายังไม่หายดีใช้ขามากไม่ได้ “ เดี่ยวร้องสั่ง

 “ คับได้ คับ คุณพี่เดี่ยว “ เสียงตอบล้อเลียน ทำให้เดี่ยวยิ้มแล้วหันมาเขกหัวเบา

“ นี่แนะ ล้อเลียน กลับแล้วนะพรุ่งนี้เจอกัน บาย “   วันนี้โลกกลายเป็นมีสีสันอีกครั้งสำหรับเก่ง  เขาภวนาให้มันยั่งยืนต่ออย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ที่เถอะ....


“  เก่ง!ขาหายแล้วเหรอ “  บีมร้องถามด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นเก่งเดินเหินได้ตามปกติ  ทั้งที่เมื่อวานยังบวมอยู่มาก

“ อือ  หายเจ็บแล้ว เราได้หมอดี” แถมหมอยังให้ขี่หลังกลับบ้านอีก เก่งคิด   

“ เออ โล่งอก เป็นห่วงแทบตาย   วันนี้ชุดลีดมาแล้วอย่าลืมไปลองนะ“ แพทเอ่ยบ้าง

“ เฮ้ยๆเมื่อวานเป็นไงมั่งวะ “  แก้วกระซิบถาม เอ! ดูมันยิ้มแปลกแฮะ

“ ก็ดีนี่ ไม่มีไรนะ “ เก่งตอบกลางๆ เพราะไม่รู้ว่าเพื่อนมาไม้ไหน

“ เหรอ พวกเอ็งเข้าใจกันดีแล้วใช่ป่ะ  เออ ค่อยดีหน่อย อุตส่าห์ช่วย” อ้าวแล้วกันเป็นอย่างที่คิดไม่มีผิดเลย  เก่งถียงไม่ออกอมยิ้มเขินๆ  ไอ้แก้วเพื่อนตัวดีดันมาแซวกันได้

“ เก่ง มากับเราหน่อยสิ เรามีเรื่องจะพูดด้วย “ เก่งหันหลังกลับตามเสียง  ส้มนั่นเอง สีหน้าเย็นชาทำให้เก่งรู้สึกหนาวขึ้นมาเล็กๆ   “ อืมได้สิ “ เก่งรับคำแล้วเดินตามเพราะรู้สึกได้ว่าต้องเป็นเรื่องร้ายแรง

“ เก่ง เราขอร้องนายอะไรอย่างนึงได้ไม๊   รับปากเรา  ไม่สินายสัญญากับเราได้ไม๊  ว่า จะทำตามที่เราขอร้อง “ เสียงขอร้องของส้มฟังดูแปลกๆในความคิดของเก่ง

“เธอจะขออะไร   บอกเราก่อนได้ไม๊ “  ความรู้สึกแปลกๆในท่าทางส้มทำให้เก่งต้องเอ่ยถาม

“ นายสัญญามาก่อน! “ ส้มมองด้วยสายตาที่คมปราด   

“ ก็ได้ๆเราสัญญา” เก่งยอมแพ้

“ เราต้องการให้นายเลิกยุ่งเกี่ยวกับเดี่ยวซะ!   “ ความเย็นชาของเสียงส้มทำให้เก่งรู้สึกหนาวไปถึงหัวใจ แต่มันยังน้อยกว่าถ้อยคำที่ออกมาจากปากของส้ม

“ เรากับเดี่ยวเป็นเพื่อนกันนะ  “ เก่งนึกไม่ถึงว่าส้มรู้ความในของเขา  และกล้าที่จะพูดกันอย่างนี้

“แต่เดี่ยวกับเราเป็นแฟนกัน  เราไม่อยากให้นายเข้ามายุ่ง” ส้มมองหน้าอย่างเอาเรื่อง

“  ยังไงเดี่ยวก็เลือกเรา”  ส้มยิ้มเยาะแล้วหันหลังเดินกลับ  ทิ้งเก่งให้ยืนสับสนอยู่คนเดียว!

 

“ เฮ้ย เป็นอะไรไปว่ะ “  เก่งเดินกลับมาถึงโต๊ะที่แก้วนั่งคอยอยู่โดยไม่รู้สึกตัว 

“ เปล่าไม่เป็นไร” เก่งตอบเสียงแผ่ว ตามองเลยไปยังเดี่ยวที่กำลัง ซ้อมควงคฑา  โดยมีส้มคอยนั่งส่งเสียงเชียร์อยู่ไม่ห่าง   ก้อนอะไรบางอย่างเคลื่อนขึ้นมาจุกคออีกครั้ง

“ เออ งั้น ไปลองชุดกันได้แล้ว   “  เก่งเดินตามเสียงแก้วไปอย่างสับสน นี่ตกลงมันเป็นแฟนกันแล้วใช่ไม๊ แล้วที่บอกเมื่อวานมันคืออะไร ตกลงใครโกหกกันแน่!

“ เฮ้ย นายใส่ได้ใช่ปะ  “ แก้วถามเมื่อเห็นเก่งแต่งตัวเสร็จเดินออกมาส่องกระจกบานใหญ่ในห้องนาฏกรรมของโรงเรียน   แต่เก่งไม่ได้สนใจชุดที่ตัวเองใส่   ตายังคงมองคนที่กำลังลองชุดอยู่มุมห้องตรงข้าม ที่เขาไม่รู้ว่าเข้ากันมาตอนไหน

“ เดี่ยวเท่จังเลย ดูสิใส่แล้วพอดีตัวเลย ใครเลือกให้นะตาถึงจัง”    เก่งมองตามมือของส้มที่ลูบไปตามปกคอ และใบหน้าของเดี่ยว  กัดฟันแน่นหันกลับมาอย่างเร็ว  แน่แล้วสิ  2 คนนี้เป็นแฟนกันแล้ว  ไอ้เก่งเอ้ย โดนหลอกแล้ว!

“ไอ้แก้ว  ข้ากลับบ้านแล้วนะ “  เก่งเก็บเสื้อเข้าที แล้วบอกกับแก้วเบาๆเสียงสั่นๆ ของเก่งทำให้ ไอ้แก้วหันมองด้วยความฉงน 

“ นายเป็นอะไรรึเปล่า “ เสียงร้องถามด้วยความเป็นห่วงของแก้ว บีบให้เก่งต้องฝืนตัวเองอีกครั้ง

“ ข้าไม่เป็นไรนี่ แค่ปวดหัวอยากกลับไปนอน” เขายิ้มให้จางๆ   

“ เออถึงว่าหน้าแดง  เฮ้ย! เดี่ยว ไอ้เก่งจะกลับบ้านแล้ว“    แก้วหวังดีในสิ่งที่เก่งกำลังต้องการจะหนี

“ ไม่เป็นไรเรากลับก่อนดีกว่า เดี่ยวมันต้องไปส่งส้มนี่ “ เก่งกัดฟันบอกปฏิเสธ แล้วหันหลังเดินจะเดินกลับ

“ เก่งๆ รอก่อน เดี๋ยวเรากับเดี่ยวจะกลับพร้อมกันเลย รอเรากับเดี่ยวแป๊บนะ “ ส้มตะโกนเรียกเสียงหวานหน้าบานยิ้ม ชื่น แต่ทุกสิ่งของส้มที่แสดงมันตรงกันข้ามในสายตาของเขา  นี่ส้มต้องการอะไรกันแน่เขาก็ทำตามที่ต้องการแล้วนี่ !

“ เฮ้ยเก่ง เห็นว่าไม่สบายเหรอ เป็นไรน่ะ เมื่อเช้ายังดีๆอยู่”  เดี่ยวเอ่ยถามเมื่อเห็น สีหน้าของเก่ง   

“ เราไม่เป็นไรนี่แค่ปวดหัวเลยกลับไปนอน” เสียงพูดแผ่วเบาลอดออกจากปากมาจนได้  เก่งไม่แม้แต่จะมองตอบกลับ ยังคงเมินหน้ามองไปทางอื่น

“ อืม ไม่เป็นไรก็ดีแล้วนะเก่ง   นี่ๆ เดี่ยว ว่าชุดที่ส้มใส่น่ะสวยไม๊” ส้มเป็นห่วงเก่งแบบขอไปทีแล้วหันไปคุยกับเดี่ยวต่อ

ตอนนี้เก่งเริ่มเข้าใจแล้วว่าส้มต้องการอะไร  ทำไมต้องมาทำให้เขาเห็นต่อหน้าต่อตาขนาดนี้  แค่บอกให้เลิกยุ่งกับเดี่ยวมันเจ็บปวดไม่พอรึไง  เก่งอยากจะวิ่งหนีจากบรรยากาศตรงนี้ไปให้พ้น  แต่สิ่งที่ทำได้คือเดินตามหลังเดี่ยวและส้มที่ยังสนุกกับการคุย

“ ส้ม เราส่งแค่นี้นะ เดี๋ยวเราจะไปส่งเก่งต่อ  “ เดี่ยวบอกกับส้มที่หน้างอลงอย่างเห็นได้ชัด

“ ก้ได้ พรุ่งนี้เจอกันนะ นี่แนะ “ ส้มบีบจมูกของอีกฝ่ายแล้วยิ้มโบกมือลาวิ่งขึ้นรถ    พอ !  พอกันที่ไม่ทนแล้ว  เก่งรีบเดินหนีภาพที่เห็นไปทันที

“ เฮ้ย เก่งรอเราก่อน “ เสียงตะโกนดังตามมาข้างหลัง เก่งเร่งจังหวะ ให้เร็วขึ้น  แต่ยังช้ากว่าคนที่ตะโกนตามเนื่องจากขาที่ยาวกว่า

“ เราบอกให้หยุดไง “ เดี่ยวบอกเสียงดุ ยึดบ่าของเก่งไว้แน่น  แล้วกระชากให้เขาหันหลังกลับมา

“ นายเป็นอะไรทำไมต้องเดินหนีเรา “ เสียงดุอย่างเอาเรื่องเมื่อเก่งพยามแกะมือของเขาออก

“ ปล่อยเรา..เราจะกลับบ้าน   ”เก่งน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ทุกสิ่งทุกอย่างที่กลั้นไว้พังทลายพร้อมน้ำตา

 “ นายเลิกยุ่งกะเราซะที  เราขอร้อง “ เก่งก้มหน้าลงเมื่อน้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“ เก่ง .. “ เดี่ยวขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น   “ ทำไม พูดแบบนั้น “  ไม่มีเสียงตอบนอกจากเสียงสะอื้น


“ทำไม! “ เดี่ยวถามเสียงดังขึ้นเมื่อเห็นเก่งก้มนิ่ง  น้ำตาหยดลงพื้นมากมาย

“ เราไม่อยากผิดใจกับส้ม นายเข้าใจเราไม๊  นายกับส้มเป็นแฟนกัน นายก็ควรจะเลิกยุ่งกะเรา  “ เก่งร้องออกมาทั้งที่ยังสะอื้น

“ ส้มจะไม่พอใจมากนะ ถ้านายยังมาคอยเป็นห่วงเราแทนที่จะเป็นส้ม“

เดี่ยวขมวดคิ้วหน้าเข้มขึ้น  เสียงห้าวๆ ตะคอกใส่เก่งที่ยังก้มหน้าสะอื้นไห้

“ทำไมนายต้องคอยยกเราให้ใครต่อใครด้วย   เราไม่ใช่ตุ๊กตาที่นายจะเที่ยวยกให้ใครต่อใครก็ได้นะ  เรามีความรู้สึกเราเลือกเองได้ว่าเราจะรักใคร “  เดี่ยวกำข้อมือแน่นรอบ แขน

“ เจ็บ ปล่อยแขนนะ ปล่อย!  “ แรงบีบทำให้เก่งเจ็บ  พยายามแกะมันออกแต่แรงกลับหายไปหมดเมื่อใจมันเจ็บปวด  น้ำตาก็ยังคงไหลไม่หยุด

“ ปล่อย !ฮือ..  “ มือเล็กๆกำเข้าทุบไปที่หน้าอกของเดี่ยว   

“ บอกให้ปล่อยไง  ฮือ ๆ  ปล่อย! “ เก่งสะอื้นมืออีกข้างก็ยังทุบไปยังอกของเดี่ยวไม่หยุด เหมือนต้องการให้ของเขาเจ็บปวดที่อกเหมือนกับเก่ง   เดี่ยวเฉยนิ่งไม่ตอบโต้

“ ทำไมเดี่ยว  ทำไมต้องทำอย่างนี้ นายจะเก็บเราไว้ทำไม ก็นายกับส้มเป็นแฟนกันแล้ว เราไม่อยากรู้เห็นเรื่องของนายกะส้มอีกแล้ว เราเจ็บ ปล่อยเราไปซะที ” เก่งร้องฟูมฟามอย่างเหลืออด เดี่ยวมองหน้าเขา  แววตาเจ็บปวดฉายออกมาอย่างระงับไม่อยู่ เดี่ยวคลายมือออก ยกมือขึ้นกุมขมับ หยดน้ำใสไหลรินลงมา เดี่ยวหันหน้าไปอีกทางเพื่อซ่อนน้ำตาตัวเอง

“ เราขอโทษ เก่งเราขอโทษ แต่เราทำไม่ได้“  เสียงบอกเบาๆ  ที่เก่งไม่ได้ยิน   เดี่ยวยังยืนนิ่งมองเก่งที่เดินจากไป

 
เก่งเดินกึ่งวิ่งหนีออกมาจากเดี่ยว น้ำตายังคงไหลนองหน้า ถึงแม้พยายามจะปาดมันทิ้งไป แต่ก็ไม่เคยแห้งได้เสียที  นั่นคงเป็นเพราะ หัวใจมันยังคงเจ็บปวดอยู่สินะ   

“ ให้มันเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว  “ แต่น้ำตายิ่งไหลอย่างจับสาเหตุไม่ได้  “ นี่ทำไมเราร้องไห้”  เก่งคิดพร้อมปาดน้ำตาออกให้แห้ง พยายามยิ้มกับตัวเอง

“ เราต้องไม่เป็นไร  ต้องไม่ร้องไห้  แค่เราต้องเลิกยุ่งกับเดี่ยว  แค่นี้....“ แล้วน้ำตาอุ่นก็ทะลักออกมากลบเลือนรอยยิ้มจนหมด   หัวใจเต้นช้าๆเหมือนกำลังจะขาดใจ   ขาไร้เรี่ยวแรงจะเดินต่อแล้ว

“ ทำไมต้องเป็นแบบนี้  เดี่ยวเราอยากบอกนายนะ เรารักนาย “  เก่งทรุดลงนั่งก้มหน้าที่เก้าอี้สาธารณะ  ปล่อยให้น้ำตาหยดลงเป็นดวง  ซบหน้าลงร้องไห้ไว้อาลัยให้กับคำพูดที่ไม่เคยได้เอ่ยแก่เดี่ยว     ลมหนาวต้นฤดูที่พัดมาช่างทรมานกับคนที่กำลังเจ็บปวดเหลือเกิน....


ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #16 เมื่อ28-07-2008 13:06:29 »

ลงชื่อไว้  เด๋วมาอ่านครับ

joypluss

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #17 เมื่อ28-07-2008 19:23:36 »

 :m15:  เศร้าอะ  ....
 
มาต่อเร็วๆน้า...อยากอ่านฉากตอนคืนดีกันอ่ะ

+1 ให้ด้วย..

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #18 เมื่อ30-07-2008 14:42:59 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 11


ความเย็นของอากาศในช่วงเช้าของต้นฤดูหนาว ทำให้เด็กชายที่ใส่เสื้อยืดบางๆมาแค่ตัวเดียวสั่นสะท้านเมื่อลมพัดผ่านไปเล็กน้อย วันนี้แล้วสินะวันกีฬาของโรงเรียน เขาหยุดอยู่ตรงประตูที่ติดป้าย ” สีฟ้า” แล้วผลักมันเข้าไป

" เฮ้ยเก่ง มึงมาแล้วเหรอ มาเร็วมาช่วยกันหน่อย" ภาพความวุ่นวายที่อยู่เบื้องหน้า  ทำให้เก่งถึงกับงงเมื่อเห็นภาพ  นี่มันยังเพิ่งตี 5 เท่านั้นเองทำไมคนถึงเยอะขนาดนี้   ไอ้เก่งผู้มาก่อนเขา กำลังวิ่งวนหยิบโน่นหยิบนี่ให้สาวๆที่กำลังแต่งตัว   แต่ใช่ว่าไอ้เก่งจะมาเพียงคนเดียวยังมีไอ้พัฒน์กับไอ้เคนเข้ามายืนเกะกะในห้องด้วย

" นี่ๆ พวกนาย ถ้าไม่มีหน้าที่อะไรในนี้ ก็ออกไปซะ ผู้หญิงเค้าจะแต่งตัว  " เสียงยายบีมกะยายแพทร้องอย่างเหลืออดเมื่อเห็นสายตาของไอ้พัฒน์ไอ้เคนที่จ้องเอาจ้องเอา

" อ้าวก็ที่ไอ้แก้วกะไอ้เก่งมันยังอยู่ได้เลย " ไอ้พัฒน์เถียงแต่ตายังมองจ้องยายบีมไม่วางตา

" ก็ พวกมันเป็นลีดนี่  แต่พวกนายไม่ใช่ " คนถูกมองเริ่มรู้ตัว เชิดหน้ากลับไปแต่งหน้าต่อ ปากก็ยังบ่น

" พวกนายนี่มันบ้าจริงๆไล่ก็ไม่ไป  "

"ถ้าไปก็ไม่เจอของดีๆสิ " ไอ้พัฒน์เถียงแล้วยิ้มสมใจที่ได้อยู่ต่อ     เก่งยิ้มขำหันไปพยักเพยิดกับไอ้แก้ว ที่ส่ายหน้าอย่างขำ

ทุกคนดูมีความสุขดีจัง สวีทกันน่าดูเลย  เก่งคิดเมื่อรู้สึกเป็นสุขไปกับความรักของเพื่อนที่ทำให้บรรยากาศรอบข้างเป้นสีชมพู  แต่มันยังไม่สามารถฟื้นฟูใจที่มันยังอ่อนแอให้กลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง   เขาเหลียวมองไปรอบตัว เดี่ยวยังไม่มาหรือนี่  แล้วนี่ทำไมต้องมองหามันเนี้ย  เลิกๆ ตัดใจซะ  เก่ง คิด

" เฮ้ย เก่ง เอ็งไปเปลี่ยนชุดดิ  มัวแต่ยืนเอ๋ออยู่นั่นแหละ "  อ้าว เออ ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดนี่

" เออ ไปเดี๋ยวนี้แหละ " เก่งหยิบชุดของตัวเองที่แขวนไว้ ข้างมีชุดดรัมเมเยอร์ของเดี่ยวอยู่  นี่แสดงว่าเดี่ยวยังไม่มาแน่นอน    เก่งมองชุดนิ่งบอกความรู้สึกตัวเองไม่ถูก เขาอยากเห็นเดี่ยวใส่ชุดนี้ใกล้ๆจัง แต่คงทำไม่ได้แล้วตอนนี้

เก่งงับประตูห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเบาๆ  แล้วจัดการถอดเสื้อผ้ากางเกง แล้วแขวนไว้  ตอนนี้เหลือแต่กางเกงในติดตัวอยู่   

" เราเปลี่ยนด้วยคนนะ " เสียงห้าวๆ ดังเหมือนกระซิบข้างๆ หู

" เอ้ย !  " เก่งสะดุ้งสุดตัวหันหลังกลับมามองอย่างเร็ว  คนหน้าขาวตัวใหญ่ ยืมมองยิ้มๆ อยู่ข้างหลัง
" ทำไรน่ะ เล่นงี้เราตกใจนะ "

" เราแค่จะบอกนายว่าจะเข้ามาเปลี่ยนชุดด้วย  " เดี่ยวพูด แต่สายตาเลื่อนต่ำลงมาเรื่อย จากหน้าผ่านมายังช่วงอก และ....
" เฮ้ย! มองไร หันหลังไปนะเว้ย "  เก่งร้องอย่างตกใจเมื่อรู้ว่าตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเหลือแต่กางเกงใน

" ไปเห็นต้องอายเลย ทำอย่างกับเด็กๆ ไม่เคยเห็น " เดี่ยวไม่พูดเปล่าถอดเสื้อยืดและกางเกงยีนส์ที่สวมอย่างรวดเร็ว  จนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียวเหมือนกัน

" ตอนนี้เราก็เท่าเทียมกันแล้ว " เก่งตาโตตะลึงมอง เฮ้ย! มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้วทำไรนี่  เก่งหันหลังกลับ หลบหน้าเข้ากำแพง มือสั่นพยายามคว้าเสื้อมาสวมให้เสร็จ  แต่รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายโน้มตัวลงมาชิดเกินไป จนหน้าอกชิดกับแผ่นหลัง แขนล่ำสันยันกำแพงไว้ ลมหายใจกรุ่นๆมาพร้อมกับเสียงกระซิบที่ข้างหู 

" เก่ง เรา...เราจูบนาย ได้ไม๊ "  เสียงวิงวอนที่กระซิบแผ่วเบาอย่างแทบจะทำให้เก่งตอบรับด้วยความเขินอาย   แต่คำสัญญาที่ให้ไว้กับส้มยังก้องอยู่ในหัวแล่นเข้ามาเตือนสติไว้ทัน

" ไม่เดี่ยว เราคุยกันแล้วนะเมื่อวาน  นายไม่ควรทำอย่างนี้ " เก่งไม่หันหน้าให้ แข็งใจบอกออกโดยหวังให้อีกฝ่ายถอยห่างโดยไว

" เราไม่รับรู้  เรารู้แต่ว่าอยากจูบนายตอนนี้ " มือที่ยันกำแพงไว้เปลี่ยนมารัดเอวจนตัวแนบชิดกัน จมูกและปากของอีกฝ่ายเคลียเคล้าไปตามข้างใบหน้าและซอกคอของเก่ง 

" เฮ้.. ! " เก่งร้องดังด้วยความตกใจ แต่มืออีกฝ่ายปิดไว้ทัน แต่จมูกก็ยังไม่เลิกซุกไซร้ เก่งดิ้นขลุกขลักแต่ไม่ยักหลุด

" ไอ้เก่ง มึงแต่งตังเสร็จยัง ไวๆ หน่อย " เสียงเรียกของได้แก้ว ทำให้เดี่ยวชะงัก แล้วถอนหายใจแรงๆ  คลายมือออกจากเอวเก่งแต่ยังคงปิดปากไว้ แต่น้ำอุ่นๆไหลมาถูกมือของเขาที่ปิดปากเก่งไว้ ทำให้เขาแปลกใจ 
“เก่ง! ..นาย..ทำไม.”

 เก่งตัวสั่นๆบอกไม่ถูกว่าน้ำตาที่ไหลลงมามันเกิดจากอะไร ความกลัว ความพ่ายแพ้ ความละอาย รึความต้องการ  เก่งเอื้อมมือสั่นๆ หยิบกางเกงและเสื้อขึ้นสวม แล้วพรวดพราดออกไป

 

" อ้าวไอ้เก่งเป็นอะไรนี่ หยังกะวิ่งหนีใครมา " ไอ้แก้วถามด้วยความแปลกใจ เห็นหน้าเพื่อนยังมีรอยน้ำตา

" เปล่านี่ "   เก่งพยายามทำหน้าเป็นปกติ แต่มันไม่ทำให้ไอ้แก้วคลายความสงสัยได้

"งั้น มานี่เดี๋ยวข้าช่วยแต่งตัวให้ " ไอ้แก้วสลัดความสงสัยทิ้งเพราะรู้ว่ายังไงก็ไม่ได้คำตอบจากไอ้เพื่อนปากแข็ง    แก้วอยู่ในชุดที่แต่งเสร็จแล้ว  กางเกงผ้าขายาวสีขาวปลายขาบานน้อยๆ   เสื้อสีฟ้าเป็นคอจีนเนื้อผ้าเบาบางเห็นไปถึงข้างใน  ผ่าลงมาถึงอกไม่มีกระดุม เดินเส้นเงินเส้นทอง ตรงแถบบ่าไล่ลงมาถึงแขนเสื้อที่ยาว แต่แขนเสื้อถูกถลกพับยู่ยี่ขึ้นที่ข้อศอก  ข้อมือข้างซ้ายมีริบบิ้นสีฟ้าและทองผูกทิ้งชายยาวถึงศอกจำนวน 3-4 เส้น   ที่คอมีสร้อยเงินทำพิเศษเป็นชื่อของแก้วห้อยอยู่ซึ่งทำเพื่อหลีดทุกคน  นี่เป็นชุดลีดของทีมม.ปลาย  ส่วนชุดลีดชายม.ต้นต่างไปตรงที่เสื้อเป็นเสื้อยืดรัดพอดีตัวสีฟ้า กับกางเกงยีนส์สีกากีหลายกระเป๋า

“ นี่เอ็งมาตั้งแต่กี่โมง “ เก่งถามแก้วเมื่อเห็นว่าแต่งตัวเสร็จก่อนคนอื่น 

“ ก็แต่เช้าแหละ บ้านข้ามาลำบากเลยต้องออกเร็วหน่อย “ แก้วตอบขณะ กำลังผูกโบตรงมืออีกฝ่ายอย่างตั้งใจ    เก่งหันมองเพื่อนที่กำลังแต่งตัว แพท และ บีมนั่งคุยกันอยู่อย่างหลบมุม เพื่อหลบสายตาไอ้สองเสือพัฒน์กับเคนทีจ้องเอาจ้องเอา   เก่งยิ้มขำเมื่อเห็นท่าทางของเพื่อน 

“ยายแพทยายบีมเอ๋ย !  จะไม่ให้มันมองได้ไงก้พวกแกสวยซะ! “   เก่งคิดเมื่อเห็น เพื่อนสาว2 คนที่ใส่ชุดลีดเรียบร้อยแล้ว  เสื้อคอจีนที่ตัดเข้ารูป ผ่าถึงอกเหมือนกันข้างในเป็นเกาะอกสีขาว  เนื้อผ้าสีฟ้าน้ำทะเลเป้นคล้ายแพรบางๆ ลวดลายแขก มีดิ้นทองตามลวดลายนั้น ส่วน ท่อนล่างใส่กางเกงบอดี้สูทสีขาว  ทับด้วยกระโปรงเนื้อเบาบางพริ้วสีเดียวกันที่ไล่ระดับเฉียงลง    มือขวาผูกริบบิ้นไว้เช่นกัน  เก่งยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนของเขาอยู่ในอารมณ์แห่งความรัก

“ แก้ว ทำไมไม่ไปแต่งหน้า  พี่ช่างแกคอยอยู่นะ “ เสียงแพทตะโกนบอก เพราะเหลือแต่ไอ้แก้วกับเขาที่ยังไม่ได้แต่งหน้า   

“ เราไม่ต้องแต่งหรอก ไม่ชอบอ่ะ”ไอ้แก้วเบ้ปาก หน้างอ เก่งเองก็เห็นด้วย เพราะไม่ชอบ

“ ไอ้บ้า แล้วมันจะได้ยังเล่า ออกไปหน้าจืดๆเรอะ “ ไอ้เคนช่วยผสมโรงพราะรู้ดีว่า เขาและเก่งไม่ชอบจึงหาเรื่องแกล้ง

“ เออ จะออกไปหน้าจืดอย่างงี้แหละ ทำไมแล้วเอ็งมายุ่งไร ก็คนไม่ชอบ“ ไอ้แก้วหน้างอลงอย่างเห้นได้ชัด พวกเพื่อนหัวเราะขำเมื่อแกล้งไอ้แก้วได้สมใจ

“ เอางี้ๆ ไอ้แก้ว ถ้าเอ็งยอมแต่งหน้า ข้ากะไอ้พัฒน์จะให้เอ็งร้อยนึง “ ไอ้พัฒน์ยื่นข้อเสนอ ไอ้ แก้วสายหน้าดิก ๆอย่างไม่แยแส 

“ ไม่สนเรอะงั้น 2 ร้อย “ ไอ้พัฒน์เสนอต่อ

“ ตกลง เอ็งจ่ายมาเลย “ ต่อมงกของไอ้แก้วแตกอีกแล้ว ไอ้พัฒน์ขำก๊าก   แต่เก่งตาโตมองอย่างแปลกใจ

“ เฮ้ย ไอ้เก่งทำไมมึงเปลี่ยนง่ายงี้อ่ะ เมื่อกี้ยังหยิ่งทระนงอยู่นี่ “

“ ก็แหมเงินมันตั้ง 2 ร้อยนะโว้ย “ ไอ้บ้าแก้วยังคงยิ้มดี้ด้าเมื่อได้เงินมาสมใจ  ส่วนเก่งกุมขมับอย่างกลุ้มๆ…

 

เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที. แต่เก่งรู้สึก เหมือนมันนานมากๆ ทรมานที่ต้องอยู่นิ่งๆ ต้องโดนรุมทึ้งจากทั้งช่างแต่งหน้าช่างผม นั่งจนขาชาไปหมด ตลอดเวลาจะได้ยินแต่เสียงคำชม
“ ต๊ายน้องหน้าใสจัง เนียนๆ “
“ ผมน้องเนี้ย นิ้มนิ่มนะคะ “  โอย พี่ครับ รู้แล้วแต่ช่วยเร่งหน่อยเหอะ เมื่อย! เก่งคิดอยู่ตลอดเวลาที่นั่งทน

ในที่สุดการแต่งหน้าก็เสร็จสิ้น  เก่งโล่งใจมากๆ นี่ถ้ารู้ว่ามันต้องทรมานขนาดนี้ รู้งี้ไม่รับปากไอ้พัฒน์ก็ดี   เก่งหันหน้าไปมองไอ้แก้วที่ทำหน้าเมื่อยอยู่ข้าง  อะโห ไอ้แก้ว เหรอเนี้ย  เก่งมองแก้วอย่างงง! แม่งโคตร สวยเลย!

 “ เฮ้ย ไอ้เก่ง ไอ้แก้ว  พวกมึงแต่งหน้าแล้วสวยว่ะ รู้งี้กูจับพวกมึงไปประกวดที่พัทยาดีกว่า “ ไอ้เคนร้องบอกหัวเราะเสียงดัง

“ ไอ้พวกเฮียนิ “ ไอ้แก้วถลาเงื้อเท้าไปเสนอให้ แค่อีกฝ่ายหลบทัน 

“ แน่ะๆ เขิน “ ไอ้เคนวิ่งหนีทันแล้วหัวเราะขำ เพื่อนทุกคนหัวเราะ เก่งมองไปยังกระจก ภาพเบื้องหน้าไม่ใช่เด็กน้อยอีกแล้ว ขนตาที่ถูกดัดจนงอนทำให้ตาที่โตยิ่งโตขึ้น ปากทาสีออกส้มๆ แก้มปัดแดงน้อย  กากเพชรระยิบระยับน้อยๆอยู่ที่เปลือกตา ผมถุกจับเสยตั้งและยีทำให้ดูยุ่งๆ แข็งมากเพราะโดนฉีดเสปรย์   คิ้วหนาถูกกันจนเหลือจนกลายเป็นคิ้วเรียวบาง

“ โถ่ คิ้วตู “ เก่งนิ่วหน้า

“ เฮ้ย แพท พี่เค้าแต่งหน้าเข้มไปแล้วมั้ง”  เก่งบ่นอุบอิบเมื่อเห็นทุกอย่างบนใบหน้า 

“ ก้ไม่นี่ เก่ง เค้าแต่งอย่างงี้ ทุกคน  “  เก่งหันมองตาม เออจริงด้วย ไอ้เบิร์ดมันยังแต่งจัดกว่าเค้าอีก

“ เอาน่าเก่ง ดูดีแล้ว อย่ากังวลเลย อย่างนี้กำลังน่ารัก “  แพทยิ้มให้กำลังใจ   

“ ขอบใจมาก แต่วันนี้แพทก็สวยมากนะ ไอ้เคนมันแอบชมตั้งหลายรอบแล้ว “  เขายิ้มให้พร้อมแซวแพทที่แค่ได้ยินชื่อไอ้เคนก็หน้าแดง   

“ บ้า เก่งนี่ เราไม่คุยด้วยแล้ว  “ อ้าวพูดแค่นี้ต้องเขินจนเดินหนีเลย  ฮ่าๆ ยายแพทเอ้ย

เก่งก้มหน้าลงสำรวจตัวเอง
“เอ สร้อยชื่อประจำตัวเราอยู่ไหน” เขาก้มมองหาที่พื้น
“ เอ! จำได้ว่าว่าไว้บนโต๊ะ นี่แล้วมันหายไปไหน” 

“ นายกำลังหาอะไรอยู่  “ เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างหลัง  เออ ได้เดี่ยวนี่มันชอบเข้ามาข้างหลังเงียบๆซะจริง    แต่เขายังไม่อยากที่จะพูดกับเดี่ยวตอนนี้เพราะมีสายตา ส้มมองอยู่

“ นายหานี่อยู่รึเปล่า “ เดี่ยวยื่นสร้อยที่เงินที่เป็นชื่อของเก่งยื่นให้ 

“ ขอบใจ “ เก่งเอือมมือคว้า แต่อีกฝ่ายเบี่ยงหนี

“ เดี๋ยวเราใส่ให้นายเอง อยู่นิ่งๆ “ เดี่ยวพูดจบก็เดินเข้าชิดตัว เอาสร้อยคาดคอแล้วเอื้อมมือชะโงกหน้าไปมองตรงคอเก่ง เพื่อติดตะขอ  แต่ทำไมช้านัก ดูเหมือนว่าเดี่ยวใช้เวลานานเกินไปนะ  ลมหายใจก็รดหน้าของเก่งอยู่อย่างไม่ขาดช่วง

“ วันนี้นายน่ารักจังเลยนะเก่ง “  เสียงกระซิบบอก

” เก่ง เมื่อกี้นายร้องไห้ทำไม “ เดี่ยวกระซิบถาม แต่เก่งเงียบเพราะยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่สักที

“ กลัวเราเหรอ “เสียงของเดี่ยวยังถามมาแต่ไม่มีเสียงตอบจากเก่ง

“ นายไม่ต้องกลัวเรานะเราไม่ทำอะไรนายหรอก “ เดี่ยวเปรยเบาๆ   ก่อนที่จะเอามือออก เจ้าของเสียงยิ้มหวานให้อย่างเอ็นดู เก่งพยักหน้ารับไม่กล้าเอ่ยตอบ หันกลับจะเดินเลี่ยงออกมา แต่ถูกคว้ามือไว้

“ เก่งเดี๋ยวก่อน ! “  เสียงเรียกเบา  “ ไรอีกล่ะ “ เก่งถามแล้วมองมือพลางกระตุกออก

“ ช่วยเราหน่อย  “ เดี่ยวยื่นเนคไทให้  จริงสิ นี่เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเดี่ยวแต่งตัวเสร็จแล้ว  แต่ยังไม่ได้ผูกเนคไท

 เก่งรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้มายืนมองเดี่ยวที่แต่งชุดนี้อย่างใกล้ๆเหมือนอย่างที่หวัง  เดี่ยวดูสมาร์ทมากๆ ร่างสูงๆ นี่เหมาะกับชุดอย่างที่คาดเดา 

“ ผูกให้เราที เราผูกไม่เป็น  “ เดี่ยวร้องวอน  สายตาหวานก้มมองตาของเก่ง

เก่งเอื้อมมือเขย่งสุดตัวเอาเนคไท คล้องคอเดี่ยว  พยายามบังคับไปทีเนคไทที่กำลังผูกปมอยู่   แต่ตายังเลยไปเห็นปากสีสดที่รายรอบไปด้วย ไรหนวด เขียวจางๆ   แล้วความซ่านของอารมณ์ก็พลุ่งพล่านขึ้นมาเมื่อ นึกถึงเมื่อเช้า

“นี่หน้าแดงทำไมน่ะ  “เดี่ยวถามเมื่อเห็นอยู่เก่งก็หน้าแดง เอ๊ะ นี่มันมองเขาอยู่ตลอดเลยเหรอ

 “ เปล่า เราแค่หนาวน่ะ “ เก่งตัดสินใจพูดอะไรสักอย่างแต่พูดออกไปแล้วก็อยากกัดลิ้นตัวเอง   โอยนี่เดี๋ยวได้โดนแบบตอนอยู่เชียงใหม่หรอก

“ แล้วนายอยากให้เรากอดเหมือนตอนอยู่เชียงใหม่รึเปล่า”  เดี่ยวกะซิบ มองมองหน้าแล้วอมยิ้ม  เดินประชิดตัวให้เก่งรูดเงื่อนเนคไทให้เข้าที่     

“ พูดเป็นเล่นไปได้ “  เก่งบ่นพร้อมรูดเนคไทขึ้นจนรัดคอ 

“ เฮ้ย จะฆ่ากันเรอะ แล้วอย่ามาเสียดายนะ “  เก่งมองเหล่หน้างอใส่อีกฝ่ายยังคงคลายปมให้ตัวเองหายใจสะดวกขึ้น  เก่งเองยังหน้าแดงไม่หยุดสักที  เออ ไปดีกว่า !

“ เฮ้ย ไอ้พัฒน์ถ่ายรูปที  “  มือของใครบางคนจับเข้าที่ข้อมือเก่งแล้วกระตุกแรงๆ เก่งปลิวตามแรงดึง  รู้อีกที่ก็โดนรัดด้วยแขนล่ำที่รอบเอวแน่น  อีกมื่อกดไหล่กันดิ้นหนี   แสงแฟลชวูบขึ้น  เก่งตะลึงงง อีกแล้วเรอะเนี้ย  เพื่อนๆอมยิ้มขำกันเป็นแถบ  ไอ้แก้วตัวดียิ้มมองชี้ให้แพทและบีมดูเขากับเดี่ยว

“ ไอ้บ้าเดี่ยว! ปล่อย ”  เก่งคำรามพร้อมถ้องศอกออกไปโดยแรง  ได้ผล! ไอ้บ้าหน้าขาวตัวงอ เก่งพุ่งพรวดออกมา อายเพื่อนๆ อย่างมาก ไอ้เดี่ยวนี่มันยังไงนะ นี่กล้าทำแบบนี้ต่อหน้าเพื่อนเลยเรอะ  โอย อยู่ไม่ได้แล้ว  เก่งวิ่งพรวดออกจากห้องไป   ตอนนี้ที่หลบภัยที่ดีที่สุดคงจะเป็นห้องน้ำ

เก่งยังคงคิดอะไรหนักอยู่หลายอย่าง นี่เพื่อนจะรู้สึกกับเขายังไง  แล้วนี่ส้มมันต้องโกรธแน่เลย ไอ้เดี่ยวเอ้ย ทำกันได้

“ เฮ้ย เก่งอยู่ข้างในเปล่า ออกมาได้แล้ว “ เสียงทูตสันธวะไมตรีเข้ามาเจรจาต่อรอง  แต่เก่งรู้สึกว่าไอ้คนพูดมันเป็นยมทูตมากกว่า   

“ นายมีไรล่ะ  เดี่ยว “ เก่งตะโกนถามแต่ยังไม่เปิดประตู   

“ เพื่อนๆให้มาตาม น่ะ เค้าเริ่มเดินขบวนพาเหรดกันแล้ว  “ อ้าวเออ จริงด้วยนี่ถึงเวลาตั้งแถวแล้ว   แต่ทำไมเพื่อนตูมันต้องให้ไอ้นี่มาตามด้วย  !

“นายไปก่อนเดี๋ยวเราตามไป  “  เสียงฝีเท้าหายออกไปจากห้องน้ำ  เก่งคิดว่าสิ่งไม่ความปลอดภัยคงไปแล้ว  จึงเปิดประตูออกมาอย่างสบายใจ

“ เฮ้ย ! “ เก่งร้องเมื่อเห็น ไอ้บ้าเดี่ยวยังยืนพิงไหล่อยู่ 

“ ทำไมนายยังไม่ไปวะ” เก่งถามระแวง   

“ เราจะรอไปพร้อมนาย “ เดี่ยวพูดพร้อมจับข้อมือดึงลากออกไป 

“ เฮ้ย ปล่อย เราเดินเองได้  “ เก่งร้องบอก แต่คนเดินหน้ายังกำมือแน่นไม่ปล่อยข้อมือของเขาเลย พาเดินไปยัง ห้องที่แต่งตัว ที่ตอนนี้ไม่มีคนแล้ว

“ เอ้า !นายถือนี่ให้เราด้วย “ ส่งของบางอย่างมา  คฑาครัมเมเยอร์ที่ถูกขัดจนหัวคฑาเงาเป็นมัน   เชือกถักสีน้ำเงินเข้มเงาๆ พันเกี่ยวกับเชือกสีทองจนสุดปลายแล้วทิ้งชายพู่ลง  ตรงยอดหัวคฑามีตุ้งติ้งเล็ก ๆ เป็นตราโรงเรียนห้อยติดอยู่  เก่งมองงง แล้วทำไมไม่ถือเองวะ  !  เดี่ยวเดินนำไปยังสนามหญ้าโรงเรียน  ที่บัดนี้  มีคนอยู่เต็มสนาม  กำลังตั้งแถวเตรียมเดินขบวน   

รอบข้างสนามมีแสตนเชียร์ของแต่ละสี   สแตนสีฟ้าอยู่กึ่งกลางของเส้นขอบสนาม  เสียงเด็กคุยกัน เซ็งแซ่ไปหมด ที่สแตนเชียร์มีพี่ม.6 คอยดูแล และบอกให้น้องพร้อมร้องเพลง   เด็กทุกคนใส่เสื้อสีเมื่อนั่งรวมกันทำให้เห็นสแตนเชียร์ดูเหมือนมีผืนผ้าสีต่างๆมาคลุมไว้   

เก่งยังคงเดินตามเดี่ยว แล้วหยุดเมื่อเห็นเดี่ยว เข้าประจำที่ของตนที่ขบวนพาเหรด   

“ เก่ง จำที่เราซ้อมท่านั้นได้ไม๊ นายคอยดูเรานะ“ เดี่ยวยิ้มกว้าง สบตาอย่างลึกซึ้ง 

“ เราจะเอาใจช่วยละกันนะ “ เก่งยิ้มตอบ พลางส่งไม้คฑาให้     เสียงกลองของวงดุริยางรัวขึ้น เป็นจังหวะให้ทุกสีเตรียมเคลื่อนขบวน  โรงเรียนของเก่งนั้นถือว่าเป็นโรงเรียนประจำ อำเภอ เวลามีกีฬาสีที่ไรมักจะออกไปเดินขบวนที่ถนนข้างนอกโรงเรียน และ มักจะจัดใหญ่โต  ผู้คนรวมทั้งโรงเรียนที่อยู่ใกล้เคียงจึงมักให้ความสนใจเป็นพิเศษ  วันกีฬาสีจึงมักมีเด็กโรงเรียนอื่นเข้ามาดู

  เดี่ยวควงคฑาให้สัญญาณแก่ทุกคนให้ออกเดิน แล้วเดินนำหน้าออกไปอย่างสง่างาม เสียงสาวๆ ม.ต้น ที่อยู่สแตนเชียร์ร้องกรีดกราดดังลั่น เมื่อเดี่ยวออกเดิน  แหม ไอ้เดี่ยวนี่มันเสน่ห์แรงไม่ตก !

เสียงกลองดังหายไป นานประมาณ ครึ่งชม.  แล้วก็ดังมาแว่วอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่า  ขบวนพาเหรดกำลังจะกลับมา 

“ เฮ้ย พวกเราประจำที่ได้แล้ว” แก้วร้องสั่ง เพื่อน และน้องๆ อยู่ในท่าเตรียมพร้อม แล้วก็ตั้งแถวเดินเดินเรียงหนึ่งออกไปกลางสนามหน้าสแตน  เสียงกรีดร้องของเด็กๆ ทำให้เก่งรู้สึกประหม่า

“ เฮ้ย แก้ว กูตื่นเต้น “ เก่งร้องบอกเมื่อหัวใจเต้นตูมๆเพราะไม่เคยอยู่ต่อหน้าคนมากๆ

“ ไม่ใช่มึงคนเดียวหรอก กูก็เป็น “  ไอ้แก้วบอกเสียงสั่น ไม่หันหน้ามามอง 

“ เก่งนาย สูดลมหายใจลึกนะ “ เก่งทำตามเสียงแนะนำของเบิร์ด 

“ ขอบใจว่ะ “ เก่งรู้สึกดีขึ้นเมื่อทำตามที่บอก

ลีดสีฟ้าทุกคนยืนเรียงแถวยิ้มร่า   โดยจัดแถวเป็นสามเหลี่ยมหน้าจั่ว  ทีมม.ปลายอยู่ทาง ซ้ายมือ  โดยชายยืนซ้อนหลังหญิงห่างกัน  1 ก้าว   ทีมม.ต้น อยู่ขวามือ   ส่วนทีมเลดี้สุดสดใส ยืนอยู่  3  คนเรียงหน้า เป็นฐาน

เสียงกลองยังดังก้องเข้ามา  ขบวนสีเขียวเดินนำมาแล้ว เสียงร้องเพลงของสแตนสีเขียวดังก้อง ลีดทีมสีเขียวเต้นรับขบวนพาเหรดอย่างพร้อมเพรียงกันดูสมบรูณ์แบบ  เก่งบอกกับตัวเองว่าต้องเต็มที่เช่นกัน !

แล้วขบวนสีฟ้ามาถึง เมื่อเก่งเห็น  ร่างสมาทร์ในชุดที่เขาเลือกเดินเข้าจังหวะกลองมาอย่างสง่างาม  เก่งทำหน้าที่ตัวแทนลีด ร้องรับขบวนพาเหรด ตะโกนบอกแสตนเชียร์เสียงก้อง

“ ลีดพร้อม ! ลีดพร้อม ! กองเชียร์พร้อม!  รัวๆๆ  “ ทีมลีดทุกคนรัวมือเป็นสัญญาณ

เก่งมองตามไปยังเดี่ยว เห็นว่าเดี่ยวชี่ปลายคฑาเข้ามายังเขา  เก่งงงน้อยๆ เมื่อเดี่ยวหยุดย่ำเท้าอยู่กับที่ แล้วตวัดมือเหวี่ยงคฑาขึ้นบนท้องฟ้า

“ เฮ้ย !” เก่งมองลุ้นอย่างลืมตัว 

คฑาหมุนเป็นวงกลมขึ้นไป   แล้วดิ่งลงมาด้วยความเร็ว  เก่งลืมหายใจลุ้นตัวโก่ง  วูบ ! !!!   มือใหญ่รับคฑาได้อย่างแม่นยำ ก่อนยิ้มให้   

เก่งดีใจยิ้มกว้าง “ไอ้เดี่ยวมันทำได้แล้ว!”  เขาต้องให้คำชมเป็นกำลังใจเดี่ยว

“รัว ๆ  3...4  “ เก่งตะโกนก้องบอกให้สัญญาณ “  เสียงปรบมือ เป็นจังหวะ ดังกึกก้อง  เก่งและลีดทุกคนทำท่ากันอย่างพร้อมเพรียง ตามเสียงร้องเพลงมาร์ชสีฟ้าดังกระหึ่ม เดี่ยวชูไม้คฑาขึ้นเหนือหัวรับคำชม  พร้อมยิ้มกว้างมาให้เมื่อเก่งแอบชูนิ้วโป้งให้ ...

 

ขบวนพาเหรดแยกย้ายกลับเข้าสีเมื่อ ผู้อำนวยการเริ่มเปิดงาน ซึ่งต่อจากนี่ก็จะเป็นการแข่งขันกีฑา  ทีมลีดม.ปลาย หยุดเปิดโอกาสให้ทีเชียร์ม.ต้นและ ทีม lady  ออก โชว์ฝีมือกันก่อน โดยให้ทีมlady เป็นทีมเยือนไปประชันกับลีดตามสีอื่นๆก่อน  เก่งแอบดูน้องๆอยู่ข้างสแตนเชียร์ ทุกคนทำกันอย่างเต็มที โดยทีม lady ที่เค้าตั้งทีมขึ้นมานั้น ดูโดดเด่นมากด้วยเครื่องแต่งตัวที่สะดุดตา ด้วยเสื้อแขนตุ๊กตาสีฟ้าสดใส และ กางเกงสีขาวขาสั้นพองๆเหนือเข่า  แต่ที่เด่นมากคือ ทุกคนใส่วิกผมบ๊อบติดกิ๊บเพชรเก๋ไก๋

“ เก่งนายมานี่หน่อย ดิ “ เดี่ยวเดินมาข้างหลัง พร้อมดึงแขนให้เดินตาม

“ จะพาไปไหนน่ะ  “ เก่งงง เมื่อเดินตามแรงมืออีกฝ่ายที่ดึงไป

“ นายมีอะไรทำไมต้องมาถึงที่นี่” เก่งงงเมื่อเดี่ยวมาหยุดริมสระน้ำข้างหอประชุม    “ แบมือสิ”  เดี่ยวสั่ง

“ จะทำอะไรน่ะ “ เก่งระแวง แต่ก็แบมือออก  เดี่ยววางสร้อยอะไรบางอย่างลงมาในมือ  เก่งหยิบขึ้นมาพินิจดู

“ นี่มันตุ้งติ้ง ของคฑาดรัมเมเยอร์นี่ “ เก่งมองหน้าเดี่ยวรอคำตอบ  “ เราให้นาย  รับมันไว้เหอะนะ ”  เดี่ยวสบตาแล้วยิ้ม   

แต่เก่งมีรู้สึกหลายอย่างปนกัน   ดีใจแต่ละอายใจเมื่อคิดถึงส้ม     ส้มกับเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดจนเมื่อแยกกันเมื่อเข้าเรียนมัธยม    ส้มไม่เคยทำให้เขาต้องเดือนร้อนแต่เขากลับกลับทำร้ายเพื่อน    เก่งรู้ว่าส้มชอบเดี่ยวมากเพราะการแสดงออกของส้มที่ผ่านมาทำให้เขาตระหนัก    เขาไม่โกรธส้มเลยที่ส้มทำอย่างนั้น แต่รู้สึกว่าเจ็บปวดมากว่าเมื่อต้องผิดใจกับเพื่อน   แล้วเขาก็คิดไว้แล้วว่าเรื่องของเขากับเดี่ยวคงนั้นคงไปกันไม่ยืด มันคงเป็นแค่อารมณ์ของเด้กหนุ่ม 2 คนที่สนิทกันมากเกินไปและ ความรักของเพศเดียวกันมันคงไม่ยั่งยืน .  เพราะอย่างนั้นส้มควรจะได้เก่งไป และเค้าควรจะตัดใจ

“ นาย คิดอะไรอยู่น่ะ “ เดี่ยวเห็นเก่ง เหม่ออย่างเห็นได้ชัดมือกำสร้อยตุ้งติ้งแน่น    “ ไม่มีอะไรหรอก นายไม่มีอะไรแล้วใช่ไม๊ งั้นเราไปรวมกับเพื่อนๆก่อนนะ “ เก่งตอบเงียบเดินจากไป ทิ้งเดี่ยวให้ยืนงงนิ่ง…..
 

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #19 เมื่อ30-07-2008 14:49:34 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 12


“ เดี่ยวๆ ไปไหนมาน่ะ  อาจาย์เรียกรวมถ่ายรูปแล้วนะ “ เสียงของส้มร้องเรียกให้เขาเดินมา ในขณะที่ทุกคนรวมตัวกัน แล้ว  เดี่ยวเองยังคงงงกับปฏิกิริยาของเก่ง  เขาคิดว่าเมื่อเก่งได้รับตุ้งติ้งไปแล้วน่าจะดีใจแต่นี่กลับตรงกันข้าม ทำไมมีแต่ความนิ่งเฉย 

เดี่ยวยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะบางครั้งเก่งดูเหมือนจะรักตน ไม่ขัดขืนตน แต่ในบ้างที่ กลับเย็นชา คอยปฏิเสธตน เหมือนมีน้ำแข็งบางๆมาหุ้มไว้   นี่เขาคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไปหรือเปล่าว่าเก่งคงจะชอบเขาบ้าง  แต่ตอนนี้เก่งทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย    เดี่ยวพยายามค้นหา ว่าเก่งชอบใครบ้าง แต่คำตอบที่ได้คือไม่มี  คนที่เข้ามาก็มีแต่เบิร์ดเท่านั้นที่ดูจะเข้ามาจริงจังกับเก่ง แต่เก่งไม่ได้เล่นด้วย  หรือจะเป็นแก้ว ก็เป็นไปไม่ได้ เลยเพราะดูแต่ความเป็นเพื่อนเท่านั้นสำหรับ 2 คนนี้  แล้วอย่างนั้นเก่งรักใคร !

“  เดี่ยวมายืนนี่นะ ยืนข้างส้ม เราจะได้ถ่ายรูปคู่กัน “ เดี่ยวเดินเข้ามาอย่างว่าง่าย  ส้มเกาะแขนแล้วยิ้มให้ เขายิ้มตอบอย่างแกน ๆ รู้สึกผิดที่ดึงส้มลงมาในเกมส์ของเขา  เดี่ยวอยากจะบอกกับส้มตรงๆ ว่าไม่ได้ชอบส้มเลย แต่นึกได้ว่าส้มอาจจะรับไม่ได้ ทำให้เขาต้องระงับแล้วฝืนไว้ 

แสงแฟลชวูบวาบขึ้น ตาของเดี่ยวยังมองแลเลยมายังเก่งที่ยืนชิดกับแก้ว  หรือเขาจะเข้าใจผิด  เก่งอาจจะชอบแก้วก็ได้  เดี่ยวขมวดคิ้วขึ้น รู้สึกอยากจะเข้าไปดึงเก่งออกมาแต่ ก็ได้แต่คิดเท่านั้น  !!

 
“ เอ้า ทีมลีดม.ปลายลงเชียร์ได้แล้ว”  เสียงของพี่เนตรที่คุมเชียร์อยู่อีกต่อ  ร้องบอกให้ทุกคนเตรียมตัว  เก่งลุกขึ้นเข้าแถวแล้วเดินนำออกไปกลางสนาม  เสียงกรีดร้องดังสั่นอีกครั้งเพราะลีดหนุ่มหล่อสาวสวย ออกไปแสดงเชียร์ แทน ทีมลีด ม.ต้นที่วิ่งกลับเข้ามาพัก

เดี่ยวมองตามเก่งที่เดิน ยืดตัวออกไป  “น่ารักจริงไอ้เก่งนี่ “    ตาโตๆแก้มใส ที่เค้าต้องการจะจับจะหอม  แต่เจ้าของมักไม่ให้ความร่วมมือ   ทุกครั้งที่อยู่ใกล้กันเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากจริงๆ เพื่อหักห้ามใจ  แต่มันก็ห้ามได้บ้างไม่ได้บ้าง  เขาไม่รู้ว่ารักเก่งตั้งแต่เมื่อไหร่แต่  รู้อีกทีก็เมื่อเขาต้องการเก่งอย่างมาก

เดี่ยวนั่งมองเก่งและเพื่อนที่ยังยืนเด่นอยู่กลางสนามท่ามกลางแดด  ทุกคนทำสัญญาณมือกันอย่างพร้อมเพรียง เดินแปรขบวนกันอย่างน่าดู เสียงเพลงเชียร์ดังกึกก้องสนาม

“ เฮ้ยน้ำ  ! “ เสียงของพัฒน์ ที่มือมันยื่นขวดน้ำมาให้  พร้อมหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ  อีกข้างนึงมีเคนนั่งลง   เดี่ยวรับขวดน้ำแล้วยกกรอกเข้าปาก 

“ นายมานั่งดูใครอยู่ตรงนี้ “   พัฒน์เอ่ยถามเมื่อเห็นสายตาของเขาที่ยังคงจ้องมองไปยังกลุ่มลีดเดอร์ม.ปลาย  ที่ยังคงวิ่งวนในสนาม

“ เรามองคนที่เราชอบอยู่ “ เดี่ยวเลี่ยงที่จะตอบตามตรง 

“ แล้วใครล่ะ ไอ้เก่ง หรือยายส้ม “  เคนถามตรง เดี่ยวมองหน้าของทั้ง 2คนงงๆ  แล้ว ยิ้ม

“ แล้วนายคิดว่าใครล่ะ “  เดี่ยวยังคงไม่เอ่ยนามกรของบุคคลที่ 3 ที่เอ่ยถึง

“เราคิดว่าเรารู้นะว่านายชอบใคร อยากให้เราบอกนายไม๊“   พัฒน์ยิ้มแล้วหัวเราะเมื่อเริ่มไล่เขาให้จนมุม

 “ ok  ยอมแพ้ ๆ “ เดี่ยวยกมือขึ้นอย่างราบคาบ 

“ แล้วพวกนายรู้ได้ไงวะ” เดี่ยวถามเพราะสงสัย   เคนกับพัฒน์หัวเราะพร้อมกัน

“พวกเราแอบสังเกตมาตั้งนานแล้ว ว่านายน่ะชอบตามไอ้เก่งมันซะเหลือเกิน” เคนเอ่ยขึ้น เดี่ยวยิ้มเก้อ ๆ มือของอีกฝ่ายตบลงบนบ่าของเดี่ยว 

“ เราไม่รู้ว่านายคิดจะทำยังไงกะไอ้เก่งนะ  แต่ว่าไอ้เก่งเป็นเพื่อนเรา นายอย่าหลอกมันแล้วกัน”    พัฒน์กับเคนพูดอย่างเปิดอกกับเขา    เดี่ยวยิ้มรับพร้อมบอกกับตัวเองว่าแน่นอนเขาจะไม่หลอกเก่ง ถ้าเก่งกับเขาตกลงเป็นแฟน  แต่แล้วเมื่อไหร่ล่ะ ! เมื่อไหร่!

 
“ โอย ! พักซะที ร้อนๆ “เสียง บ่นของยายบีมดังก้องมาแต่ไกล เก่งเองก็ร้อนมากเหมือนกัน แต่การบ่นไม่น่าจะทำให้อะไรดีขึ้น “ เอ้าสาวๆน้ำจ้า“ เสียงเคนตะโกน ในมือถือกระติกแช่ขวดน้ำแต่หยิบส่งให้แพทแค่คนเดียว

“  เฮ้ยไอ้เคน เอ็งลำเอียงนี่ เพื่อนก็อยู่กันครบทุกคนหยิบแจกแค่คนเดียว “ เก่งร้องแซว

“แล้วเอ็งจะบ่นทำไมไอ้เก่ง  ของเอ็งก็มีแล้ว “เก่งหันตามที่ไอ้เคนพยักหน้าบอก  เห็นขวดน้ำที่มีมือใครบางคนถืออยู่ แต่คนถือยังลอยหน้าลอยตา

“ เอ้ารับไปสิ หิวน้ำไม่ใช่เหรอ “  เดี่ยวเร่งเก่งรับน้ำมาแต่โดยดีแต่ตามองเขม็งมาทางเพื่อน  อ๋อ พวกมึงสุมหัวกันแกล้งตูเรอะ !

“ค่อยๆ กินนะเดี๋ยวสำลัก “ เสียงเตือนดังอยู่ข้างหูเมื่อคนส่งน้ำนั่งแทบจะติดกัน “ อุ๊บ แค่กๆ”  เก่งสำลักจนได้

“ ฮ่าๆ นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำเลย  “ คนส่งน้ำ หน้าขาวหัวเราะ พร้อมเอามือตบหลังเบาๆ   

“ พอแล้วไม่ต้อง ขอบคุณ “ เก่งปัดมือของเดี่ยวออกเพราะเหตุผลที่แท้จริงที่เค้าสำลักน้ำ คือสายตาของส้ม

 

“นี่เอ็งเป้นไรวะ เดินวนไปวนมาทำไม กูเวียนหัว” ไอ้แก้วบ่น แต่เก่งยังคงไม่หยุด เดินวนไปวนมาเหมือนหนูติดจั่น

“ นึกออกแล้ว “ เก่งโพล่งออกมา “ อะไร ของมึงเนี้ย เสียงดังว่ะ “ แก้วถามงง

“ ไอ้แก้ว เอ็งมาเป็นแฟนข้าที่เด่ะ “ ไอ้แก้วตาโตร้องด่า

“ ไอ้เฮียนิ ไอ้บ้า มึงเป้นไรเนี้ยห่ะ กูไม่เอาด้วยนาโว้ย “  ไอ้แก้วรัวคำด่าเขาเป็นชุด   

“ กูไม่ได้ให้มึงเป็นจริงๆ  แค่แกล้งแสดงน่ะเข้าใจไม๊ “ เก่งบอกสายหน้าอย่างระอา

“ เออ โล่งอก กูนึกว่ามึงประสาทกลับไปแล้ว   แต่มึงจะทำไปเพื่ออะไรน่ะ “ แก้วซักเขาเพราะเห็นว่านี่มันน่าจะไม่ใช่แค่แกล้งกันสนุกๆ ธรรมดาเท่านั้น

“ ข้าอยากให้ ไอ้เดี่ยว มันเลิกมาตามข้า  ข้าไม่อยากผิดใจกับส้มวะ  เอ็งไม่เห้นส้มมองกูเหรอโคตรน่ากลัวเลย “ เก่งเสียงเบาลงเหมือนกับต้องฝืนใจบางอย่าง

“ เอ็งทำอย่างนี้แล้ว ตัวเอ็งล่ะ เอ็งยังชอบมันอยู่ไม่ใช่รึ “  แก้วถามเพราะรู้เรื่องต่างๆมาบ้างแล้ว 

“ ข้าคิดดีแล้วว่ะ  ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ถึงข้าจะกับไอ้เดี่ยวจะมาเป็นแฟนกัน แต่ความสัมพันธ์มันคงไม่ยาวหรอก สู้ข้าตัดใจตอนนี้จะง่ายกว่า“   เก่งยิ้มกลบสีหน้าเจ็บปวดไม่ให้ใครเห็น  ทำไมเวลาคิดถึงเรื่องนี้ต้องเจ็บนะ มันก็แค่อารมณ์พาไปเท่านั้นไม่ใช่หรือ

“ เออ ถ้าเอ็งคิดว่าดี  ข้าก็จะช่วยเอ็ง  “ ไอ้แก้วยิ้มปลอบใจแล้วเดินเข้ามา ตบบ่าเบา “ไปเหอะ ไปกินข้าวกันได้แล้ว เดี๋ยวอีก ครึ่งชม.เราต้องแข่งแล้ว “

 

“ เอาล่ะ อีก  5  นาทีจะแข่งเชียร์ลีดเดอร์แล้ว  ใครปวดฉี่ปวดอึก็รีบไปนะ  เอ้าสาวๆหน้ามันแล้วโบ๊ะหน้าเร็วเลย “ เสียงพี่เนตรร้องสั่งให้ทุกคนเตรียมตัว   

“ ทุกคน วันนี้เต็มที่เลยนะเพื่อถ้วยเชียร์”  เสียงพี่เนตรร้องสั่งในขณะที่ทุกคนล้วมวงประสานมือกันไว้

“ สีฟ้าสู้! เฮ” เสียงตะโกนเพื่อเรียกกำลังใจดังขึ้นอยู่ข้างสแตนเชียร็  เหมือนเป็นสัญญาณให้เหล่าบรรดากองเชียร์สีฟ้า 300 กว่าชีวิต ที่อยู่บนสแตนเชียร์กรีดร้องดังลั่นต้อนรับลีดเดอร์สีฟ้าทุกคน  เสียงกลองทอมบ์ดังรัวๆเมื่อเห็นสัญญาณมือของลีดที่วิ่งออกมาตั้งแถว   ทุกคนยิ้มสู้อย่างหึกเหิ้ม   

เก่งมองดูลีดทุกคนตั้งท่ากันพร้อมเพรียงแล้วตะโกนสั่งเสียงดังก้อง

” รัว ๆๆ3.. 4  …..12 123 12 12 1 “ เสียงปรบมือเป็นรหัสของกองเชียร์สีฟ้าที่ดังก้องสนาม   ทีมลีดสีฟ้าทุกคนแสดงรหัสมือกันอย่างเต็มที่    สีอื่นๆ เงียบหันมองเมื่อเห็นสีฟ้าตั้งแถว ยืนเอามือไขว้หลังยืดอกแบบเตรียมพร้อม !

 

เพลงมาร์ชโรงเรียน  กระหึ่มดังก้องไปทั้งโรงเรียน ด้วยเสียงของกองเชียร์ของทุกสี

ทีมลีดสีฟ้าโบกรหัสมือพร้อมกับเดินแถวแปรขบวน ทุกคนดูแข็งขัน ริบบิ้นที่ผูกไว้ถูกโบกสะบัดไปตามแรงมือ     แดดทีร้อนระอุแต่ทุกคนยังยิ้มสู้ ยังคงแปรขบวนแถวอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อถึงท่อนสุดท้ายของเพลงมาร์ช     เก่งพยักหน้ากับแก้วและเบิร์ดเป็นสัญญาณ  ทั้ง  3  แปรขบวนเดินนำออกมา แพทบีม และส้ม ย่ำเท้าตามออกมาอยู่ข้างหลัง  ลีด หญิงม.ต้น  3  คน เดินนำออกมาข้างหน้าอย่างซ้อมกันไว้ ส่วน คนอื่นเตรียมใกล้ตำแน่งของตัวที่ทำสัญลักษณ์ไว้ 

เก่งหันกลับ พยักหน้าส่งลีดชายม.ต้น และ ลีด lady  หยิบธงสีฟ้าที่วางไว้ตามจุด ขึ้นโบก
แล้วย่ำเท้าอยู่กับที่  นี่เป็นโอกาสของเขามาถึงแล้วเมื่อเพลงมาร์ชจบลง  เก่งตะโกนบอกกองเชียร์สีฟ้า

“ ลีดพร้อม ลีดพร้อม   กองเชียร์ฟ้าพร้อม รหัสมือ 3 รหัสมือ3    รัวๆๆ  “  เก่งพยักหน้าพร้อมมองทุกคนอีกครั้ง ทุกคนพยักหน้ารับ  งานนี้พราดไม่ได้  เก่งสูดหายใจลึกๆ ตะโกนอีกครั้ง 

“ ลีดพร้อม     “ 3………4  !

สิ้นเสียงเก่งสั่ง กลองทอมบ์ตีกระหน่ำลง  เก่ง และ แก้ว   ย่อตัวคุกเข่ากระทันหัน   แพท  และ บีม ก้าวเหยียบไหล่ของฝ่ายชาย  ส้มขึ้นเหยียบหลังของเบิร์ด ที่ย่อโค้งตัวลง  แพทเหยียบเท้าซ้ายไว้ที่บ่าของเก่งส่วนเท้าขวาเหยียบลงที่สีข้างด้านซ้ายของเบิร์ด  ส่วนบีมก็เหยียบสีข้างด้านซ้ายของเบิร์ดไว้เช่นกัน     

ลีดทุกคนโบกสัญญาณมือหนักแน่นพร้อมเพรียง  ลีดชาย และ พวก lady โบกธงจนสะบัดพริ้ว  พร้อมเดินกึ่งวิ่งสลับตำแหน่งไปมาตามที่ซ้อม    ลีดสาวม.ต้น 3คน โบกสัญลักษณ์มือ พร้อมเคลื่อนไหว  คุกเข่าลงหยิบป้ายผ้า” BLUE FIGHT” ชูขึ้น ส่วนคนกลาง โผขึ้นไปข้างหน้า ก้มลงกราบจังหวะเดียวกับสียงสุดท้ายของกลอง 

ทุกเสียงในสนามเงียบลง และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องดังลั่น จากทุกสี    เก่งและ เพื่อนชูมืออย่างดีใจ

“ สำเร็จแล้ว !” รอยยิ้มแห่งความดีใจเกิดกับทุกคน  เพลงมาร์ชสีฟ้าจากแสตนเชียร์สีฟ้าดังกระหึ่มก้องโรงเรียน   เหมือนเป็นการให้เกียรติแก่ทีมลีดเดอร์   

“ ลีดทุกคน กลับ “  เก่งตะโกนสั่งเมื่อทุกคนยืนแถวจนเป็นระเบียบ แล้วเดินนำหน้ายืดตัวตรงเรียงหนึ่งกลับสแตนอย่างสง่างาม เสียงกรีดร้องรับก้องไปหมด   เก่งตาเหลือบมองข้างสแตนเห็นคนตัวสูงหน้าขาว ยกนิ้ว 2 โป้ง  2นิ้วให้ เก่งยิ้มกว้าง พยักหน้ารับอย่างเต็มใจ...

 

“ทำดีมากเลยนะทุกคน ถ้าได้รางวัลเดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง “  พี่เนตรยิ้มร่ามาแต่ไกล ในมือถือน้ำดื่มและผ้าเย็นแจกทีมลีดเดอร์ ที่เหงือโทรมกาย 

“ ปีที่แล้วถ้วยเชียร์ที่สีเราครองทุกปี ถูกสีชมพูแย่งไป  แต่ปีนี่พี่ว่าสีเราต้องแย่งคืนมาได้แน่ๆ “ พี่เนตรบอกย่างเชื่อมั่นทุกคนเองก็คิดอย่างงั้นเช่นกัน

“ ตอนนี้พักก่อน เดี๋ยวพักครึ่งแข่งฟุตบอล เราต้องลงกันต่อ “

“ เดี่ยว! ขอบใจนะที่ให้กำลังใจเมื่อกี้นี้น่ะ เราดีใจมากเลย เดี๋ยวเราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ “ เสียงส้มที่ขอบอกขอบใจไอ้คนตัวสูงหน้าขาวที่ยิ้มรับนิ่งๆ ดังแหลมเข้ามา  เก่งรู้สึก จี๊ดๆในหัวแปลกๆ ตกลงแล้วมันทำให้ส้มนี่เอง    เก่งคิดแล้วใจวูบไหวขึ้นมาทัน  แต่ ให้มันเป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว...

 

“เอาล่ะ  ทุกคนครั้งนี้เป็นการไปประชันกับสีอื่นครั้งสุดท้ายแล้ว  ทีม.ปลาย ไป สีชมพูก่อน  ที่เหลือ อยู่เฝ้าสแตนนะ  “ พี่เนตรร้องสั่งแผนการไปเยือนประชันลีดที่เตรียมไว้  อันที่จริงแล้วลีดจะต้องอยู่สีใครสีมัน แต่ทางผู้อำนวยการเห็นว่า  ถ้าเต้นอยู่สีใครสีมันก็จะน่าเบื่อ จึงจัดให้มีการ เดินไปประชันตามสีต่าง  เก่งเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้เช่นกัน

หลังจากที่รับแผนไปแล้ว เก่งและเพื่อนตั้งแถว ยืดตัวตรงเดินไปยังสีชมพู แชมป์เชียร์ปีที่แล้ว   ลีดเดอร์สีชมพูตั้งแถวอยู่ในท่าเตรียมรออยู่แล้ว  หัวหน้าทีมลีดมองมาแล้วยิ้มเย้ย   เก่งเองก็อยู่ในฐานะคนคุมทีมม.ปลาย  จ้องกลับแล้วยิ้มตอบแบบไม่เกรงกลัว   

“ เชิญเจ้าบ้าน ก่อนครับ” เก่งตะโกนบอก  อีกฝ่ายพยักหน้า

” ประชันคู่หญิงๆชายๆนะ” หัวหน้าสีชมพูร้องบอกเก่ง แล้วเริ่มสั่ง

“รัวๆ ลีดพร้อม ลีดพร้อม  3…4 “ ทีลีดสีฟ้าและชมพู โบกรหัสมือพร้อมกันเพียงแต่ท่าทางไม่เหมือนกันเพราะคนสอนมาจากคนละสำนัก สิ้นเสียงกลองที่ตีเป็นจังหวะรหัส หัวหน้าทีมตะโกนอีกครั้ง

“ รัวๆเก่งกระเด้ง 6 ครั้ง     3....4”

การประชันเริ่มที่ ส้มที่ยืนหัวแถวซ้ายมือ และจะไล่มาเรื่อยๆคนถึง หัวแถวด้านขวามือที่เก่งยืนอยู่

เสียงเพลงเชียร์ดังกระหึ่ม จนกองเชียร์สีฟ้าที่อยู่ใกล้ หันมอง  ส้มเป็นคนแรกที่ต้องเต้น การเต้นเชียร์เพลงนี้จะวัดกันที่ท่าที่ว่าใครเซ็กซี่มากว่ากัน   

“ โอยตูไม่ถนัดเพลงนี้โว้ย “  เก่งกำลังน้ำท่วมปากจะบอกใครก็ไม่ได้ จำยืนทนให้ใจมันเต็นตูมๆ

ท่าเต้นของส้มทำให้กองเชียร์กรีดร้องไม่ขาดปาก แน่นอนส้มทำได้ดี  ต่อจากนั้นก็เป็นแพทบีม เบิร์ด และมาถึงไอ้แก้วที่อยู่ก่อนเขา  เสียงกรีดดังสนั่นจนสแตนแทบพัง  เมื่อไอ้แก้วใช้ท่าลูบเป้าอันลือลั่น  ดูมันหน้าแดงสั่นๆ แต่คงสั่นสู้ 

“ เอาวะ  สู้โว้ย! “เก่งฮึดสู้พลางโบกสัญญาณมือ   หัวหน้าสีชมพู โชว์ลีลาก่อนในท่าคลายกับเก่ง แล้วหันมายักคิ้วให้  เก่งไม่ยอมแพ้ เอามือข้างหนึ่งจับท้ายทอย อีกมือแปะไว้ใตขอบกางเกงแล้วหมุนเอววนสะบัดน้อยๆ  พยายามทำหน้าให้เซ็กซี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้  เสียงกรี้ดดังลั่น ของกองเชียร์ทั้ง 2  สแตน ทำให้ทุกสีหันมอง  เก่งหยุดเมื่อ เสียงร้องเพลงเชียร์หยุด แต่เสียงกรีดร้องยังไม่ยอมหยุด เสียงตะโกนร้องเรียกดังมาจากทุกที่  เก่งสั่งลีดทุกคนให้ก้มหน้าขอบใจ ลีดสีชมพู   แล้วเดินตัวตรงกลับสี   โอ๊ย! ทำไปได้นะตู

 “ ไอ้เก่งมึงเต้นโคตรเซ็กซี่เลย  “ ไอ้แก้ว ร้องบอกขำๆ เมื่อในขณะยังเดินกลับสี   

”มึงพอเลย ไอ้แก้ว กูอายคน “ เก่งบอกแต่หูก็ยังได้ยินเสียง ร้องของสาว

” กรี๊ด พี่เก่งน่ารักจัง” มาตลอดทาง


เก่งหันไปยิ้มอายๆแล้วเดินก้มหน้าเข้าสี   ตาปะทะกับสายตาของใครบางคนที่ยืนอยู่ ที่ยืนอมยิ้มกลอกตาไปมาอย่างล้อเลียน  เก่งยิ่งหน้าแดงหนัก โอย นี่มันมองอยู่ตลอดเลยเรอะเนี้ย  เก่งแข็งใจเดินผ่านเดี่ยวโยไม่มองหน้า

 “ นายนี่เซ็กซี่จังนะ ..หึๆ..    เฮ้ย เก่ง !“ เสียงเปรยที่มาพร้อมเสียงหัวเราะขำ ทำให้เก่งอายจนเดินสุดขาตัวเอง แต่เดี่ยวก็ไวพอตัวคว้าแขนไว้ไม่ให้ล้ม

“ เป้นไรน่ะ แซวแค่นี่ขาแข้งอ่อนเลยเหรอ  “ เดี่ยวแซวต่อเมื่อเห็นเก่งไม่ได้เจ็บอำไร เพราะยังตีหน้ายักษ์ได้ตามปกติ

“ นายไปไกลๆเลย อย่ามากวนประสาทแถวนี้ “   เก่งหัวเสียออกปากไล่เมื่อโดนแซวหนักๆ รู้สึกอยากกระโดดกัดคอไอ้คนตรงหน้าเสียให้ได้     

“ เราอยู่ตรงนี้มาตั้งนานแล้วนี่ นายจะมาไล่เราได้ไง “ เดี่ยวยังคงลอยหน้าลอยตาพูด  เก่งรู้สึกได้ยินเสียงเส้นอะไรบางอย่างขาดดัง

“ ผึ่ง !“  อยู่ในหัว  อ๋อใช้แล้ว! เส้นความอดทนนั่นเอง เก่งสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ กัดฟันแน่น  พยายามข่มเสียงให้เป็นปกติ แล้วบอกออกมา

“ ไปดีกว่า อยู่แถวนี้เดี๋ยวได้โดดกัดคอคน “  เก่งร้องบอกแล้วเดินหนี แต่หูยังได้ยินเสียงตะโกนตามหลังมาอย่างขำ

“ จะกัดคอเหรอ ดีๆ เราชอบ จะรอนะ ”เดี่ยวยิ้มแล้วลอยหน้าลอยตาหนีไป โอย ไอ้เดี่ยวไอ้บ้า ไอ้หน้าด้าน ฝากไว้ก่อนเหอะมึง!  โอยเลิกหน้าแดงซะที!

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-07-2008 15:00:01 โดย sakuamru »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
« ตอบ #19 เมื่อ: 30-07-2008 14:49:34 »





sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #20 เมื่อ30-07-2008 15:00:57 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 12 ( ต่อ )


“ นายเป็นไรน่ะ หน้าบูดเชียว” เดี่ยวย้อยกลับอีกครั้งร้องถามแล้วนั่งลงข้างๆ   นี่ ถ้าบอกมันไปว่าเพราะมันนี้มันจะเชื่อไหมวะ เก่งคิด 

“ เปล่า ไม่มีไรหรอก ร้อนน่ะ  “  จริงๆ เซ็เอ็งแหละ ! เก่งคิด แต่ไม่กล้าพูด

“งั้นรอแป๊บนึง เดี๋ยวเอาผ้าเย็นมาให้ “  เดี่ยวพูดพร้อมวิ่งออกไป 

“ เฮ้ย ไม่ต้อ..ง  โอย ไม่ได้ฟังกันเลย” เก่งมองตามจิตใจว้าวุ่น

“ มาแล้ว คับ “ เสียงเดี่ยวดังขึ้นมาจากข้างหลัง เก่งเงยหน้าขึ้นมอง คนตัวสูงหน้าขาวก้มลงมอง 

" ขอบใจ นะ " เก่งเอื้อมมือรับ แต่ๆเดี่ยวไม่ยอมให้ พลางแกะผ้าเย็นแล้วซับหน้าเขา  เก่งชะงัก

“ นายทำไรน่ะ  “ เก่งงงกับสิ่งที่ได้รับ

" โวยวายทำไมแค่เช็คหน้าให้เนี้ยนะ "  เดี่ยวยิ้มกริ่มพลางเช็คหน้าต่อ

“ เอามานี่เราเช็ดเองได้   “  เก่งเอื้อมมือคว้า แต่เดี่ยวเบี่ยงมือหนีเหมือนเล่นกะแมว

“ เออ นายอยู่นิ่งได้ไม๊ แค่เช็ดให้เนี้ยทำไมต้องวุ่นวาย ” เดี่ยวบ่นเมื่อจับหัวเก่งไว้ไม่ให้ขยับแล้วซับหน้าอย่างทะนุถนอม

“เดี่ยวถ้านายทำอย่างนี้ส้มจะเสียใจ ส้มเป็นเพื่อนเรา เราไม่อยากให้เพื่อนเจ็บ ” เก่งเสียงเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  เดี่ยวหยุดนิ่งก้มหน้าต่ำลงมา

“นายน่ะหัดห่วงตัวเองซะมั่งนะ ทำตัวเป็นพ่อพระอยู่ได้  นี่มันตัวเรา เราอยากทำอะไร เราก็จะทำอย่างนั้น นายห้ามเราไม่ได้หรอก “ เดี่ยวย้ำชัด 

“ แต่นายกำลังทำให้คนอื่นเดือดร้อน” เก่งไม่ยอมแพ้ร้องทวง เอาเรื่อง

“ ถ้านายยังไม่เงียบอีกเราจะเอาปากเราอุดปากนายที่นี่ ตรงนี้” สีหน้าของอีกฝ่ายดูเอาจริงเอาจัง จนเก่งต้องนิ่งแต่ตายังคงจ้องเขม็งด้วยใจที่เต้นรัว   

“ นี่เดี่ยวทำไรอยู่น่ะ “ เสียงส้มลอยมา เก่งดีดตัวออกห่างจากเดี่ยว  รู้สึกได้ว่าแวบนึงในสายตาของส้มจะมีความไม่พอใจเกิดขึ้น  “ เรานั่งคุยกับเก่งอยู่ ส้มมีอะไร รึเปล่า “

“ เดี่ยวไปเป็นเพื่อนส้มหน่อยนะ ส้มจะไปเอากระเป๋า  ลืมไว้ที่ชั้น 3 แต่ไม่กล้าไปคนเดียว”  ส้มอ้อนวอน แล้วยิ้มน้อยๆ เก่งขมวดคิ้วเพราะรอยยิ้มนั่นดูมีเลศนัย  นี่มันไปกันตามลำพัง 2 คน บนอาคารเรียน  !!!!!

“ เก่ง ยืมเพื่อนแป๊บนึงนะ  “ ส้มยิ้ม ย้ำคำว่าเพื่อนอย่างชัดเจน   ใช่แล้ว นี่เราลืมไปหรือ ว่าเรากับเดี่ยวเป็นเพื่อนกันอ ส่วนเดี่ยวกับส้มเป็นแฟนกัน  2 คนนี้จะทำไรกันมันก็คงไม่เกี่ยวกับเรา....

 
พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์เป็นสีส้มจับตามตัวตึกอาคารที่สีขาว  ให้กลายเป็นสีส้มตามสีของแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ เวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่ดูโรแมนติกที่สุดของสถานที่นี้   ถ้าได้อยู่กับคนที่เรารัก

แต่เก่งรู้สึกเบื่อที่จะต้องมานั่งทนปั้นหน้ายิ้มแย้มเมื่อเห็นเดี่ยวกับส้มคลอเคลียกัน  แต่เก่งก็เป็นนักแสดงที่ดี ที่ไม่มีใครสามารถจับความรู้สึกที่มันเจ็บปวดที่อยู่ลึกๆ ได้เลย นอกจากไอ้แก้วคนเดียวเท่านั้นที่รู้

“ เอ็งหน้างอไม่เลิกเลย นะไอ้เก่ง “ แก้วหันมาตบบ่าเขา ด้วยความเป็นห่วง 

“ ไม่มีไรหรอก  ข้ากำลัง รักษาโรคตาของข้าอยู่” เก่งสีหน้าดีขึ้นรู้สึกถึงความป็นห่วงของเพื่อน 

“อ๋อ ไอ้โรคน้ำตาไหลน่ะเรอะ  เค้าว่ามันต้องรักษาที่หัวใจก่อนนี่ ” แก้วตอบกลับยิ้มๆ   

“  เออ ข้ารักษาหายแล้วที่หัวใจน่ะ “ เก่งหัวเราะขื่นๆ ความรู้สึกไม่ได้บอกว่าหายแล้ว

“ เอ็งโกหก ทำหน้าตาอย่างงี้เรอะ ใครจะไปเชื่อ “  ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ เออไอ้แก้วนี่จับได้ทุกทีซินะ

“ ข้ากำลังพยายามอยู่ มันต้องสำเร็จเข้าซักวันแหละ “ เก่งยิ้มซึมๆคำตอบที่บอกออกมาไม่มั่นใจเลยว่าจะทำได้    ยิ่งเห็นยิ่งเจออยู่ทุกวัน ยิ่งทำใจยาก   

“ เออน่าไม่ต้องเป็นห่วงช่วงนี้เข้มแข็งแล้ว “ เก่งร้องบอก  ฝืนยิ้มกว้างเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร  แต่ขนตาก็ยังคงชื้นไปด้วยน้ำตา

“เฮ้ย ไปเข้าแถวหน้าสแตนได้แล้ว ผอ. จะมอบถ้วยแล้ว “ เสียงไอ้พัฒน์ตะโกนเรียก  เก่งหันหน้าไปอีกทางปาดน้ำที่ติดขนตาออก แล้วเดินกอดคอไอ้แก้วไปพร้อมกัน

“ เก่งเป็นไรรึเปล่า “ แพทร้องถามเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเก่ง

“ ไม่มีไรน่ะเราเหนื่อย แต่หายแล้ว“  เก่งยิ้มแล้วเดินมาเข้าแถวพร้อมเพื่อนๆ   ด้านหลังของทีมลีดมีพวกนักกีฬายืนตัวสูงอยู่ ข้างหลังของเก่งเองก็มีเดี่ยวยืนอยู่  เก่งรู้สึกอยากเปลี่ยนที่ยืนแต่เพื่อนคงจะผิดสังเกตจึงต้องวางเฉยไว้

“ เมื่อกี้ทำไมนายต้องกอดคอมากับไอ้แก้ว เป็นอะไร “ เสียงถามดุๆ ดังเบามาจากข้างหลัง พร้อมก้าวมาประชิดด้านหลัง

“นายไม่ต้องมายุ่งกับเราหรอก ว่าแต่นายเถอะอย่าทำไรประเจิดประเจ้อ ถ้าโดนจับได้พวกนายจะติดทัณฑ์บน “  เก่งตอบเรียบๆ   

“ นายนี่ทำตัวไม่น่ารักเลย “ เดี่ยวดุเสียงเข้ม คว้ามือมาบีบต้นแขนของเก่งเหมือนเป็นการลงโทษ  เก่งกัดฟันไม่โอดครวญเพราะกลัวว่าเพื่อนๆจะรู้โดยเฉพาะส้ม

“เราไม่ใช่ส้มนี่  จะได้น่ารักถูกใจนาย “ ความเจ็บปวดที่แล่นขึ้นไม่แน่ใจมาจากแขนหรือหัวใจ  เก่งตัดสินใจเอ่ยปากออกมา พยายามกัดฟันกลั้นน้ำตา  หวังให้อีกฝ่ายปล่อยมือ

“นายปล่อยมือจากเราได้แล้ว “ เก่งสั่งเสียงเข้มเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อย  จนแก้วเริ่มหันมอง

“ เดี่ยวนายทำอะไรไอ้เก่งมันน่ะ “ ไอ้แก้วร้องถามเมื่อเห็น เขาหน้าแดงก่ำเหมือนคนจะร้องไห้ 

“ นายกำลังทำมันเจ็บนะ ปล่อยมือ “ แก้วเสียงเขียวดึงมืออีกฝ่ายออกโดยแรง  แล้วดึงเก่งให้เปลี่ยนที่ยืน   

“นายมายุ่งอะไรด้วย “ เดี่ยวมองหน้าไอ้แก้วอย่างเอาเรื่อง แต่ไอ้แก้วยิ้มเย็น บอกเสียงชัดเจน “ นายนั่นแหละมายุ่งอะไรด้วย ไอ้เก่งกับเราเป็นแฟนกัน !”

เดี่ยวมองอย่างตะลึง หันมองหน้าเก่งเหมือนจะหาคำตอบ แต่เขาไม่มีการตอบรับ ยังคงก้มหน้านิ่ง

“อ๋อ อย่างนั้นเหรอ “ เดี่ยวพูดออกมา เหมือนไม่รู้จะพูดอะไร แววตาที่มองมาดูเศร้าสร้อย วิงวอนและตัดพ้อ

เก่งหันกลับไม่พยายามมองตาคู่นั้น     สิ่งนี้ที่ทำเพื่อส้มสำเร็จแล้วเพื่อเพื่อนคนนึงของเขา เขาน่าจะดีใจสิ แต่ทำไมเขาไม่ดีใจเลย  ช่างเถอะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้  อีกหน่อยถ้าเดี่ยวมันคบกับส้มก็คงจะลืมเราไปเอง  เก่งพยายามข่มความรู้สึกวุ่นวายๆ

“ เก่ง นายไม่เป็นใช่ปะ “ ไอ้แก้วถามเมื่อเห็นเก่งกุมแขนที่โดนบีบ

“ อือไม่เป็นไร” เก่งตอบแล้วพยายามไล่น้ำตากลับเข้าที่ 

“ เหรอ ถ้าไม่เป็นไร ก็ดีแล้ว งั้น เอามา 100  บาท “  เก่งงง เมื่อได้ยินแก้ว พูด “ อะไรวะไอ้แก้ว  ข้า งง”

“ ก็ค่าจ้างไงที่ขอให้ข้าแกล้งเป็นแฟนเอ็งน่ะ  คิดแค่ร้อยบาทเองนะเนี้ย  “ ไอ้แก้วพูออกแล้วยิ้มขำ

“ โห ไอ้เลว ไอ้มหาสมุทรเรียกพี่ “ เก่งด่าพร้อมกับหัวเราะกับความเค็มของไอ้แก้ว ทั้งที่น้ำตายังคลอ..

 
เสียงกรีดร้องที่กระหึ่มกองเสียงเพลงมาร์ชสีฟ้าที่จบลงไปนานกว่าครึ่ง ชม. แล้ว แต่มันยังคงดังกึกก้องอยุ่ในหัวของเก่งอยู่ตลอดเวลา  ยิ่งโดยเฉพาะช่วงเวลา  ประกาศผลรางวัลถ้วยเชียร์  เมื่อสิ้นคำว่าสีฟ้าออกจากปากของผอ.  เก่งรู้สึกว่าเสียงเหมือนจะลอยขึ้นมาให้ได้ ทุกคนกอดคอกันอย่างดีใจที่ทำสำเร็จ เสียงกรีดกึกก้องสนาม  ตอนนั้นไม่รู้ใครดันหลังg-kออกไปแต่รู้อีกที่ถ้วยเชียร์ปีนี้ก็อยู่ในมือเก่งแล้ว

 ปีนี้สีฟ้าไม่ได้รางวัลถ้วยรวมกีฬา แต่การที่ได้ ถ้วยกองเชียร์กับถ้วยบาสมาครองก็ถือว่าเป็นผลงานชั้นเยี่ยมแล้วสำหรับทุกคน

“ทุกคน เดี๋ยวอีก 20 นาทีมารวมกันที่นี่นะ พี่จะพาไปเลี้ยง “เสียงพวกพี่ ม.6 ตะโกนบอกเรื่องงานเลี้ยงค่ำนี้ 

“เอ้ย แก้ว เดี๋ยวข้าไปล้างหน้าก่อนนะ” เก่งร้องบอกไอ้แก้วที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าอยู่ 

“ เออเดี๋ยวข้าตามไป “  เก่งเดินสะพายเป้เลี้ยวจะขึ้นตึก

“ อ้าวประตูปิด  ไปหลังโรงยิมก็ได้วะ “ เก่งเดินเลยไปแล้วเลี้ยวซ้าย  ความมืดปกคลุมแถวนี้เกือบหมดแล้วเพราะเป็นหน้าหนาว แต่ท้องฟ้ายังเป็นสีออกแดงม่วงดูสวยดี   นาฬิกาที่ข้อมือบอกเวลา 18.37 น. เก่งวางเป้ลงข้างก๊อกน้ำ ลงมือวักน้ำขึ้นล้างหน้าบีบโฟมแล้วถูกับหน้า 

เสียงฝีเท้าใครบ้างคนเดินมาหยุดใกล้ตัว ไอ้แก้วแน่เลย แต่ไม่ได้บอกมันนี่ว่า อยู่หลังโรงยิมสงสัยมันคงเดินตามมาเอง เก่งยังไม่ลืมตาเพราะโฟมอาจเข้าตาได้ ร้องสั่งคนที่ยืนข้างๆ

“ เฮ้ย เอ็งหยิบผ้าเช็ดหน้าให้หน่อยดิ มือเปียกน่ะ “ เก่งสั่งขณะที่วักน้ำล้างหน้าอีกครั้ง  แล้วคว้ามือเปะปะถูกมือข้อมือที่ถือผ้าขนหนู  เฮ้ย มืออย่างงี้มันไม่ใช่ไอ้แก้วแล้วมั้ง !  เก่งลืมตาขึ้นอย่างเร็ว  คนตัวสูงยืนหน้านิ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้!

“นายมาได้ไงน่ะ “ เก่งความข้องใจเสียงสั่นเพราะตกใจอยู่ไม่น้อย 

“ ก็เดินตามนายมาน่ะสิ  ทำไมนึกว่าผีรึไง “ เสียงเดี่ยวฟังแล้วห้วนๆพิลึก

“แล้วนายตามเรามาทำไม “ เก่งรู้สึกไม่ไว้ใจเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก้าวเข้ามาประชิดตัว

“ เราอยากรู้  ว่านาย กับ แก้ว เป็นแฟนกันจริงรึเปล่า “ เดี่ยวถามเสียงเย็นทำให้เก่งรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว 

“ นายได้ยินว่าอย่างไงก็เป็นอย่างนั้นแหละ “ เก่งแข็งใจตอบแล้วเบี่ยงตัวเลี่ยงออกไป

“ เราอยากให้นายยืนยัน “ เดี่ยวคว้าข้อมือเอ่ยเสียงเข้มแววตาที่อยู่ในความมืดฉายแววประหลาด

 “ เราไม่จำเป็นต้องยืนยันอะไรนี่ นายฟังแค่นี้ไม่เข้าใจรึไง นายถอยไปเราจะไปหาไอ้แก้ว” เก่งร้องออกมาอย่างเหลืออด ผลักอกอีกฝ่ายให้ถอยห่าง   

“ ทำไมเกลียดเรานักหรือไง “ เดี่ยวจับมือที่ผลักอกไว้แล้วกำแน่น

“ ใช่นายเพิ่งรู้หรือไงว่าเรา เกลียด.. “แขนล่ำกดหัวเก่งให้ติดกับหน้าอกจนเก่งหายใจไม่ออก ก่อนที่จะพูดจบ

“ไม่! นายอย่าพูดมัน นายอย่าพูด “  เสียงอ้อนวอนดังพึมพำจากปากของเดี่ยว

“ เก่งเราขอร้อง อย่าบอกว่าเกลียดเรา  เราขอร้อง”  เดี่ยวหยุดทุกสิ่งแล้วกดหน้าของเก่งแนบหน้าอกเขาไว้ เสียงเครือเหมือนร้องไห้ “ เราขอร้องนะ อย่าพูดคำนั้นกับเรา”

เก่งพยายามผลักตัวออก แรงที่ไม่เท่ากันทำให้ตัวเขาไม่หลุดออกมาง่าย

“ ปล่อยหายใจไม่ออก “ แต่แรงกอดกลับเพิ่มขึ้น   
“ เราบอกให้นายปล่อย  ! “ เก่งบอกเสียงแข็ง ผลักอกเต็มแรงจนเซออกมา  หน้าแดงด้วยความโมโห

“ เราจะพูด เราเกลียดนาย  เราเกลียดที่นายทำอย่างนี้กับเรา  ทั้งที่นายเป็นแฟนกับส้ม  เราเกลียดนายได้ยินรึเปล่า  “  เก่งตะโกนตอบทั้งที่น้ำตาคลอ 

“นายกลับไปได้แล้วไปทำหน้าที่แฟนส้มให้ดี  ถ้าส้มรู้เข้าจะเสียใจเราไม่อยากให้เพื่อนเสียใจ แล้วจำไว้ด้วยว่าเรากับนายเป็นแค่เพื่อนกัน“  เก่งหันหลังกลับ ยันมือเข้ากำแพงหลบตาตัดพ้อ

“   ก็ได้ เราจะกลับไปทำหน้าที่ของเรา  นายไม่อยากทำให้ส้มเสียใจ   แต่รู้ไว้ด้วย นายทำให้เราเสียใจ” เสียงของเดี่ยวเหมือนมีดที่แทงเข้าที่หัวใจ  เสียงของเดี่ยวยังก้องอยู่ในหัว  นี่เขาทำอะไรลงไป

 

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #21 เมื่อ30-07-2008 15:08:51 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 13


เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มจนคุยกันไม่รู้เรื่อง ควันบุหรี่ลอยคละคลุ้งไปทั่ว  สถานที่แบบนี้ไม่ได้เป็นที่ถูกใจของเก่งเลย แต่เพราะหลวมตัวตามมาด้วยแล้วก็ต้องอยู่จนกว่างานเลี้ยงเลิก   

“ เป็นไงเก่งนั่งหงอย เชียว” พี่เนตรโน้มตัวลงเหมือนจะเลื้อยจากโซฟาข้างๆ ถามเก่ง

“ หายใจไม่ออกอ่ะพี่ ผมแพ้ควัน” เก่งตอบตามตรง 

“ พี่ทำไมต้องมาเลี้ยงที่นี่อ่ะ  แล้วมันไม่แพงเหรอ  “  ไอ้แก้วถามคำถามอันเกิดจากวิสัยงกของมัน

“ ที่นี่เป็นผับของเพื่อนพ่อพี่ยุทธน่ะ เขาลดให้  50% เลย” พี่เนตรหมายถึงแฟนของพี่เนตรที่เป็นประธานสีปีนี้

“ แล้วนี่ดื่มอะไรกันรึยังล่ะ “ พี่เนตรหันมองรอบโต๊ะ ซึ่งมีแพท บีม พัฒน์และ เคน นั่งอยู่ส่วนเก่งนั่งข้างไอ้แก้วที่ยังทำหน้าที่เป็นนักแสดงตุ๊กตาทองเจ้าบทบาท เพราะโซฟาอีกตัวใกล้ๆกันมีเด็กหนุ่มตัวสูงนั่งนิ่งไม่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

เก่งเองนั่งคอแข็งนิ่งเงียบเพราะโซฟาอีกตัวมีคู่รักแห่งปีนั่งคลอเคลียกันอยู่   ทำไมต้องชิดกันขนาดนั้นนะ กลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าเป็นแฟนกัน

“ นี่ๆ เก่งเรากะเดี่ยวสนิทกันมากรึเปล่า” พี่เนตรถามคำถามสะกิดใจ 

“ไม่ได้สนิทกันหรอกครับ  “ เก่งตอบเสียงเข้ม

“ อ้าวเหรอ เมื่อเช้าเห็นเดี่ยวมันให้เราถือคฑามาให้มันนึกว่าเราสนิทกะมันซะอีก” นี่พี่เนตรแกจะพูดอะไรเนี้ย เก่งคิดงงแต่ไม่ถามต่อ

“ แล้วถือคฑาให้มันเกี่ยวไรกันล่ะ พี่ “ ยายบีมเป็นหนึ่งในบรรดาผู้อดรนทนไม่ได้ที่ต้องเอ่ยถามมา

“ อ๋อ ไม่มีไรหรอกส่วนมากเค้าให้คนที่ตัวเองชอบถือให้ น่ะ ” นั่นไงกะแล้วว่าแล้วพี่เนตรพูดแปลก ๆ

“ คงบังเอิญหรอกครับ เพราะเมื่อเช้าๆไอ้เดี่ยวไปตามผมที่ห้องน้ำเลยพลาดไม่ได้ให้ส้มถือน่ะ “ เก่งแก้ตัวไปได้อย่างน้ำขุ่น ๆ

“ งั้นก็แล้วไป แล้วนี่จะสั่งเครื่องดืมอะไร “ พี่เนตรหันมองไปตามโต๊ะ เห็นพัฒน์กะเคนเท่านั้นที่กินโค้กเจือแอลกฮอลล์  นอกนั้นกินแต่น้ำอัดลมเพียวๆ

“ เก่งกะแก้ว ไม่กินเหล้าเรอะ “ พี่เนตรถามด้วยแปลกใจ

“ อ๋อ พี่ ไอ้พวกนี้มันกินไม่เป็นหรอก  ปกติมันจะพกนมมากิน “คำของไอ้พัฒน์ทำให้พี่เนตรหัวเราะ

” ไอ้พัฒน์มึงเคยยินมะ วัยรุ่นยุคใหม่ห่างไกลอบายมุขน่ะ หาเคยได้ยินไม๊ ”ไอ้แก้ว เถียงขึ้นมา
ทุกคนในกลุ่มหัวเราะกันร่วน

เสียงหัวเราะชะงักลงเมื่อบริกรในร้านวางแก้วบรรจุอะไรบางอย่างเป็นสีใสๆ ตรงหน้าเก่ง   เขางงมองหน้าบริกรที่ยิ้มให้

“พี่ส่งผิดโต๊ะแล้ว ผมไม่ได้สั่งนะ “ เก่งท้วงเพราะคิดว่าส่งผิด 

“  ไม่ผิดครับ  พี่ผู้ชายโต๊ะนู้นให้เอาเครื่องดื่มมาให้น้องน่ะครับ นี่ครับ “ บริกรส่ง โน้ตให้ เก่งรับมาอ่านอย่างงง  ทุกคนในกลุ่มจ้องเขม็ง  เขาส่งโน้ตให้เพื่อนที่กำลังสงสัยอ่านต่อ 

“ อยากรู้จักครับ  เดช !“ แก้วอ่านออกเสียง  ทุกคนตาโตหันมองหาว่าใครเป็นเจ้าของเครื่องดืมนี้   ส่วนคนตัวสูงที่อยู่โต๊ะใกล้ๆ หันมองแว๊บเดียวแล้วหันกลับไปคุยกับคู่ของตัวเองต่อ

“ เอาแล้วไงมึงไอ้เก่ง  “ ไอ้พัฒน์ร้องเมื่อเห็นเป็นชายวัยทำงานหน้าตาดีคนนึงมองมาที่เก่งแล้วยกแก้วขึ้นแสดงตน  เก่งหันมองตาม

“ มึงนี่เสน่ห์แรงไม่ตกนะ ไอ้เก่ง “ ไอ้เคนแซวขำๆ ทุกคนหัวเราะกันเกรียว  เก่งเหลือบหางตาไปมองเด็กหนุ่มตัวสูงที่นั่งหลังตรง  ที่ยังคงนั่งดื่มโดยไม่สนใจเรื่องเขา     

“เออ มันคงเกลียดเราแล้ว” เก่งยิ้มขมๆจี๊ดที่อกเมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองมา

เก่งยิ้มน้ำตาคลอ  รู้สึกเหงาในใจเป็นที่สุด เมื่อตอนนี้ไม่มีเดี่ยวคอยห่วงเขาอีกแล้ว

ชายคนเดิมยังคงยกแก้ว ขึ้นเชิญเก่งให้ดื่ม     เก่งมองแก้วเหล้านิ่งก่อนจะยกขึ้นกระดก ทีเดียว  หมด!   ทุกคนในโต๊ะตาโต เมื่อเห็นเก่งผู้ไม่แตะต้องแอลกฮอลล์กระดกเหล้าเข้าปาก

 
" ไอ้เก่งมึงจะบ้ารึไง นั่นไม่ใช่น้ำเปล่านะ " ไอ้เคนถลึงตามอง

" เดี๋ยวเมาตายหรอกไอ้วอดก้านี่มันเหล้าขาวเราดีๆนะโว้ย" เก่งไม่รู้สึกถึงคำพูดของเพื่อน เพราะสิ่งที่ดืมเข้าไปกำลังออกฤทธิ์ รู้สึกร้อนในท้องไปหมด ความร้อนทวีขึ้นมาทั่วร่างกายแล้วตามด้วยความมึนงงในหัว เขารู้สึกเบลอกับสิ่งรอบข้าง 

" ไม่เป็นไรหรอกน่า " เก่งบอกแต่ความจริงรู้สึกหนักหัวอย่างบอกไม่ถูก
เจ้าของเหล้าเจ้าปัญหาเมื่อครู่นี้ เดินลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งแล้วเดินยิ้มกริ่มเข้ามา

" หวัดดีครับ ขอพี่นั่งด้วยนะ " หนุ่มหน้าตาดีคนนั้นบอกกับเก่งแล้วนั่งลงโดยไม่รอคำตอบ  เก่งมองหน้างงๆ รู้สึกเบลอ  ทุกคนในโต๊ะอึ้งกับความใจกล้า
" ให้พี่เลี้ยงอีกแก้วนะครับ เอาแบบเดิมนะ" ชายแปลกหน้า บอกพร้อมกวักมือสั่งเครื่องดืม 

" น้องน่ารักดีพี่อยากรู้จัก ชื่อไรอ่ะครับ " ชายแปลกหน้าชะโงกหน้าเข้ามาคุยใกล้ๆ เพราะเสียงที่อึกทึก  เก่งเงียบแทนคำตอบยังคงมึนๆ

" เหล้ามาแล้ว ok หมดแก้วนะ " ชายแปลกหน้ายื่นแก้วให้   เก่งซึ่งอยู่ในภาวะครองสติไม่ได้ หันมองพลางกระดกวอดก้าตรงหน้าให้หายลงไปในลำคอ   ทำให้ทุกคนมองเขม็ง   

“เต้นรำกับพี่นะครับ” เก่งส่ายหน้าปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มแปลกฉุดแขนให้ลุกขึ้นแล้วพาไปกลางกลุ่มคน เก่งมึนงงไปกับคนที่เบียดเสียด มองไปที่ไหนก็เบลอไปหมด ขาอ่อนไม่มีแรง อยากกลับโต๊ะ แต่ถูกแขนอีกฝ่ายรั้งไว้

” นี่พวกนายห้ามเก่งหน่อยสิ  ไอ้นายนี่มันไม่น่าไว้ใจนะ “ แพทบอกทุกคนเพราะไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า

" ไม่เป็นไรหรอก ดูดิไอ้เก่งมันคอแข็งจะตายกินไป 2 แก้ว ยังไม่ออกอาการเลย "ไอ้เคนบอกไอ้พัฒน์

" ไอ้บ้า คอแข็งกะผีอะไร เนี้ยแหละมันเมาแล้ว มึงดูมันดิเดินทืออย่างนั้น " ไอ้พัฒน์มองเก่งอย่างเป็นห่วง

“ ไปเอาเก่งมันกลับมาดีกว่า “ บีมกระวนกระวาย เมื่อเห็นเก่งชักเริ่มพยุงตัวไม่ได้แล้ว

“ พวกนายเฉยๆ ไว้ก่อน มันไม่ทำอะไรไอ้เก่งหรอกถ้าพวกเราดูอยู่ ” แก้วกลายเป็นคนทีมีสติที่สุดในตอนนี้  แต่ก็อดห่วงไม่ได้

ความหนักหัวมีมากขึ้นจนเก่งต้องสะบัดหัวไล่ความมึนงง เขาพยายามเบิกตากว้างเพื่อไม่ให้หลับ แต่ตอนนี้รู้สึกง่วง อยากนอนเหลือ  แต่ตอนนี้เขาอยู่กับใครเนี้ยไม่รู้จักเลย

“ เออ พี่โทษทีผมจะกลับบ้านแล้ว เพื่อนเรียก ” เก่งบอกเสียงแผ่วมึนหัวแทบประคองตัวไม่อยู่ นี่สงสัยเขาคงจะเมาจริงแล้วมั้ง   

“ ให้เพื่อนกลับบ้านไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปส่ง “ มือที่จับแขนเลื่อนมาจับเอว  เก่งโงนเงน มองหน้างงๆ  ตาใกล้จะปิด

“ ไม่เป็นไรอ่ะพี่ขอบคุณ ”   เก่งปลดมือแล้วเดินโงนเงนจะกลับไปยังโต๊ะ 

“เฮ้ย เนี้ยเดินไม่ไหวแล้ว ไปงั้นพี่ไปส่งเดี๋ยวนี่เลยแล้วกัน ” คนแปลกหน้าคว้าเอวเก่งอีกครั้ง แล้วพาเดิน จะออกจากร้าน แก้วตาไวกว่าเพื่อนวิ่งมาขวางไว้ทัน

“ พี่จะเอาเพื่อนผมไปไหนน่ะ “ แก้วถามเสียงเอาเรื่อง แต่อีกฝ่ายไม่กลัวเพราะตัวที่โตกว่ามาก 

“ ก็พาไปส่งบ้านไง น้องคนนี้เขาบอกให้พาไปส่ง “  เก่งได้ยินเสียงเถียงกันแว่วๆพยายามแกะมือออก 

“ พี่ไม่ต้องวุ่นวาย เพื่อนผมผมพากลับเองได้  ไปไอ้เก่ง” แก้วพูดพร้อมดึงแขนเก่งแต่อีกฝ่ายไม่ปล่อย 

มือหนาของใครบางคนตบลงบนบ่าชายแปลกหน้าอย่างแรงพร้อมกระชาก  คนแปลกหน้าหันมองเอาเรื่อง

“ เฮ้ย ไรว่ะ “  แต่คนตบไหล่ดูท่าทางตัวใหญ่ไม่น้อย ทำให้คนแปลกไม่กล้ามาก

“ ไม่มีไรหรอก แค่อยากบอกให้คุณปล่อยมือจากเด็กคนนี้แค่นั้น ”  เสียงใครเนี้ยคุ้นๆ เก่งพยายามมองแต่ตาลืมไม่ขึ้น

“ แล้วมึงยุ่งไรด้วย  ไอ้เด็กเนี้ยมันบอกจะไปกะกู “ รอยยิ้มกวนบาทา ทำให้คนตัวสูงๆ กัดกร้ามแน่น   ไอ้คนแปลกหน้าหันกลับไปทางโต๊ะของมัน แล้วพยักหน้า เรียกพวกที่นั่งอยู่อีก 2 คนให้เดินเข้า 

“ มึงมีปัญหาไรกะเพื่อนกู “

เสียงถามดูเหมือนอยากมีเรื่อง “ ผมบอกให้เพื่อนคุณปล่อยมือจากเด็กคนนี้ เพื่อนคุณฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเอง “  เสียงห้าวที่ตอบอย่างไม่เกรงกลัว มองหน้าแบบเอาจริง     คนฟังยังยิ้มเยาะเพราะเห็นว่าพวกมากกว่า

“ กูบอกมึงให้ปล่อยเด็กคนนี้ “ เสียงห้าวต่ำตวาดดังลั่น ของใครคนหนึ่งบอกให้ปล่อยเก่ง   

“ ไอ้พัฒน์ ไอ้เคน  มึงมานี่หน่อยทางนี้มีปัญหาวะ “ ไอ้แก้ว  เห็นท่าว่าไอ้คนตัวสูงใหญ่อาจจะโดนรุม  ตะโกนเรียกเพื่อนมาเสริมกำลัง  ไอ้คนแปลกหน้า 3คนถึงกับผงะ เมื่อเห็นคนมาเพิ่ม

“ แล้วทำมึงต้องมาเสือกอะไรเรื่องของกู มึงเป็นไรกับเด็กนี่รึไง “ ไอ้คนที่ยังหิ้วเก่งไว้ถามด้วยเสียงฉุนเฉียวเมื่อรู้ว่าไม่สมหวัง  เก่งยังคงพยายามลืมตา แต่เรี่ยวแรงเดินแทบไม่มี

“ เออเด็กนี่เป็นแฟนกู มึงทำไม หะ ” เสียงตวาดดังไปจนทั่ว  พร้อมมือที่กระชากร่างบางๆของเก่งจากคนแปลกหน้าเข้ามาสู่อ้อมอกอุ่นๆ

คนนี้มันใครกัน! .บอกว่าเราเป็นแฟนมันเนี้ย เก่งคิด   เก่งพยายามเป็นครั้งสุดท้าย ลืมตาขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง ถึงแม้เบลอแต่ก็จำได้  เดี่ยวเหรอ !  แล้วทุกอย่างก็วูบลง…

 

เดี่ยวมองร่างเล็กที่เมาหลับคาออกเขา  อยากพากลับบ้านเสียเดี๋ยวนี้แต่เรื่องตรงหน้ายังสะสางไม่เสร็จ!

“ มึงจะมาโทษว่ากูหลอกแฟนมึงไม่ได้นะ แฟนมึงยอมกูเอง ” ไอ้คนแปลกคนแรกท้วงแบบเอาตัวรอด

“ ถ้ามึงยังไม่หยุดพูดว่าแฟนกู  มึงเจอดีแน่ “ เดี่ยวคำรามมือขยุ้มคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างเอาจริง

“แฟนกูเค้าเป็นเด็กดี จำใส่กระโหลกมึงไว้ด้วย”   เดี่ยวพูดจบแล้วผลักอกอีกฝ่ายเซไป

“ ไป กลับ “ เดี่ยวร้องบอก กับเพื่อนๆของเก่ง  ทุกคนลุกพรึบพร้อมกันไม่มีใครอิดออด   เดี่ยวยังประคองร่างบางๆที่อยู่ในอ้อมอกรู้สึกโล่งใจที่เก่งปลอดภัยดี

 
“ เราขอบใจนายมากนะ เดี่ยวถ้านายไม่เข้ามาช่วยป่านนี้ไอ้เก่งมันถูกพาไปถึงไหนๆแล้ว  “ แก้วและทุกคนบอกขอบใจขณะส่งเขาขึ้นรถแท็กซี่   

“ ดูแลเก่งมันด้วย นะ “  แก้วร้องสั่งด้วยความเป็นห่วง  เดี่ยวพยักหน้ารับแล้วบอกจุดหมายแก่โชเฟอร์

เก่งที่ยังอยู่ในอ้อมกอดหายใจแผ่วเบาดูเหมือนคนหลับมากว่า   เดี่ยวรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเก่งไม่ได้เป็นอะไร เขาบอกไม่ถูกว่าทำไมต้องเป็นห่วงเก่งขนาดนี้  ทั้งที่เก่งเกลียดเขา

“ นายรู้จะไม๊ว่านายทำอะไรกับเราไว้บ้าง” เดี่ยวพูดกับเก่งที่กำลังหลับพลางลูบผมเบาๆ  ความเจ็บปวดที่ได้รับจากคำบางคำ รู้สึกมันจะทุเลาลงแล้วเมื่อได้ร่างบางมากอดไว้แนบอก หัวใจของเขาเต้นตูมตามเหลือเกิน  บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกบางอย่างมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อได้ใกล้ชิดเก่ง    เดี่ยวนึกถึงเรื่องมือเย็นแล้วถอนใจเฮือก 

“นี่เก่งมันเกลียดเราจริงๆ หรือ  ” เดี่ยวมองหน้าคนที่หลับอย่างไม่รู้ตัว  เหมือนกับจะคนหาคำตอบ    นี่เราจะคงจะเลวมากสินะ เพราะ ตั้งแต่รู้จักเก่งไม่เคยเห็นเกลียดใครสักคน นี่เขาคงเป็นรายแรกมั้งเนี้ย!

   
“เอาไอ้เก่งส่งบ้านมันตอนนี้ มันโดนพ่อแม่ด่าตายเลย” เดี่ยวคิดได้ เมื่อแท็กซี่ขับเลยผ่านบ้านของเดี่ยวมา2-3 ซอยแล้ว   เขาสั่งรถให้จอดข้างทางตรงหน้า แท็กซี่ดูงงเพราะไม่มีบ้านคนแต่ก็ตัดสินใจรับเงิน แล้วขับออกไป

เดี่ยวเหลือบมองไอ้เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอด  ที่ยังหลับไม่รู้เรื่องเช่นเดิม  เขาถอนใจเมื่อเห็นบ้านของตนอยู่อีกไกลพอดู  ส่วนตุ๊กตาตัวอุ่นที่อยู่ในแขนก็ดันตัวอ่อนปวกเปียก สร้างความลำบากในการเดิน

“ แบกขึ้นหลังไปก็ได้ “ เดี่ยวทุลักทุเลพอดูกว่าจะเอาคนเมาขึ้นหลังได้   ลมหนาวยามดึกที่พัดผ่านหนาวเย็นเฉพาะแต่ผิวหนัง หัวใจตอนนี้อบอุ่นเมื่อได้อยู่ใกล้คนที่เขารัก  ถึงแม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะรักตอบหรือเปล่า

แก้มแดงๆ ของอีกฝ่ายที่ซบลงที่บ่าของเขายังคงหลับสนิท  เดี่ยวอยากให้มันเป็นอย่างนี้ตลอดไป  ไม่มีการขัดขืน ไม่มีใครเข้ามายุ่งเกี่ยว กับเขา 2คน

“ เดี่ยว ...” เสียงแผ่วที่ออกมาจากปากของเก่ง ทำให้เดี่ยวหันไปมอง

“ อ้าวละเมอเหรอ  “ เขายิ้มขำ เฮ้อ!เด็กเหลือเกิน   แต่น้ำอุ่นๆที่ไหลมาโดนที่ต้นคอของเขาทำให้แปลกใจ   

“ เดี่ยว..  ขอโทษ”เสียงแผ่วๆสะอื้นกับน้ำตาที่ไหลออกมาทั้งที่ยังหลับ ทำให้เขารู้ว่าเด็กน้อยบนหลังฝันร้ายเรื่องของเขา    เดี่ยวมองแก้มที่มีน้ำตาไหลลงมาเป็นสาย แล้วเช็ดมันอย่างเบามือ

“ นิ่งซะนะ คนดี”  เสียงนุ่มๆ ดังแผ่วปลอบโยนเด็กน้อยที่ร้องไห้      เดี่ยวบอกไม่ถูกถึงน้ำตาของเก่ง ความสงสัยเกิดขึ้นมากมาย ทำไมเก่งร้องไห้ ทั้งที่เก่งเกลียดเขา!

 
ประตูห้องนอนถูกเปิดออก เงาคนตะคุ่มของใครบางคนเดินมาที่เตียงนอน แล้ววางของบางสิ่งลง   ไฟสว่างขึ้นเมื่อเดี่ยวกดเปิดสวิตท์  ร่างบางๆของเก่ง นอนแผ่หลากลางเตียงนอน  เดี่ยวสายหัวระอา

“ นี่มันกินไม่เป็นแล้วกินเข้าไปทำไมวะ “ เดี่ยวบ่นเมื่อเห็นสภาพไม่ได้สติของเก่ง  เข็มสั้นนาฬิกาชี้เลยเลข  12 ไปเล็กน้อน 

“โห นี่มันเที่ยงคืนแล้วเหรอ “ เดี่ยวฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าที่บ้านเก่งยังรออยู่แน่

“ หวัดดีครับ พี่กานต์เหรอครับ ครับ เดี่ยวเองครับ “ เดี่ยวกรอกเสียงลง เมื่ออีกฝ่ายพูดตอบ

“ เก่งเหรอ  อยู่บ้านผมครับ หลับแล้วครับ  อ้าวเหรอครับ   แล้วจะกลับวันไหนล่ะครับ ไม่เป้นไรครับ ให้อยู่นี่ก่อนก็ได้ครับ ! ไม่เป็นไรครับ “ เดี่ยววางสายโทรศัพท์เมื่อโทรหาคนที่บ้านของเก่ง  ข่าวดีที่ว่าบ้านเก่งจะไปต่างจังหวัด 2 วัน ทำให้เขาดีใจ

“ นี่เราจะได้นอนกอดไอ้เก่งตั้ง 2 คืนแนะ “ เดี่ยวยิ้ม หันมองร่างที่นอนนิ่งมันเตียงตาเป็นประกาย

เสื้อโปโลของเก่งถูกถอด ถึงอย่างนั้นเจ้าของก็ยังไม่รู้ตัว    ในความสว่างของแสงไฟ แสดงให้เห็น หน้าตาและเนื้อตัวที่แดงกว่าปกติเพราะฤทธ์แอลกฮอลล์     เดี่ยวชะงักเพราะความฟุ้งซ่านในอารมณ์พล่านไปทั่วตัว  เขาถอนหายใจ ระบายอารมณ์  แล้วหันกลับหยิบผ้าแล้วชุบน้ำ 

ซับไปตามหน้าตาเนื้อตัวของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา ไอ้เก่งนี่มันไม่ได้เป็นเด็กแล้วนี่  ถึงแม้จะรูปร่างเล็กแต่ก็มีกล้ามเนื้อน้อยๆ  ขนอ่อนรำไรเหนือขอบกางเกงเอวต่ำ ที่สำคัญคือขาวไปหมดทั้งตัว  เดี่ยวรู้สึกตัวเองว่าหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ  พยายามระงับอำนาจลึกลับอะไรบางอย่างที่พล่านอยู่ในตัว  มือเลื่อนผ้าชุบน้ำต่ำลงไปยังหน้าท้องน้อย

“ นี่ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ “ เดี่ยวบ่นเมื่อเห็นเก่งยังคงหลับตานิ่ง  แล้วแกล้งเขี่ยนิ้วไปมาที่แก้มของเก่งแล้วหยุดวนไปวนมาที่ริมฝีปากหวังให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว

“ไม่รู้สึกรึ แล้วแบบนี้หล่ะ “ เดี่ยวล้มตัวลงทับเก่ง จนตัวแนบชิดกัน ลมหายใจแรงๆ ของเขารดไปตามหน้าขาวๆของอีกฝ่าย แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา

“นายปลุกไม่ตื่นเองนะ  ก็อย่ามาโทษเราที่หลังแล้วกัน” เสียงกระซิบกระเส่าๆเหมือนอารมณ์ของคนพูด เดี่ยวลุกขึ้นถอดเสื้อตัวเองโยนไปอีกทาง  ก้มหน้าจนชิดหน้าของเก่ง   มองด้วยแววตาประหลาด ยิ้มให้เก่งที่หลับตาพริ้ม   แล้วประกบปากลงอย่างร้อนแรง !.....


sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #22 เมื่อ30-07-2008 15:18:15 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 14


ความเย็นของยามเช้าในฤดูหนาว ทำให้เก่งรู้สึกตัวกระชับผ้าห่มแน่น   แต่หนักหัวอย่างมากจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ ตายังลืมไม่ขึ้น   รอบข้างยังคงมืดสนิท  ภาพที่มองดูเบลอๆ ความจำครั้งสุดท้ายที่นึกขึ้นได้คือ ตนอยู่ในผับและเดี่ยวกำลังกอดเขาอยู่  แล้วหลังจากนั้นเขาก็จำอะไร ไม่ได้  เก่งงัวเงียคิดถึงความฝันของเมื่อคืนที่ผ่านมา ช่างเป็นความฝันที่เหมือนความจริงมากๆ  เขาฝันว่าได้ขี่คอเดี่ยว  ฝันว่าเดี่ยวจูบและกอดเขาแล้วก็...   โอ้ย ปวดหัว ฝันอะไรบ้าๆก็ไม่รู้   เก่งหยุดคิดแล้วนอนต่อ เพราะปวดหัวจี้ดขึ้นมา

“หนาว” เก่งขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ท้องฟ้าเริ่มสว่างบ้างแล้วแต่ในห้องนอนยังขมุกขมัว   เก่งยังคงสลึมสลือ ครึ่งหลับครึ่งตื่น กึ่งจริงกึ่งฝัน

“ หนาวเหรอ” เก่งรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงนุ่มห้าวดังมาจากที่ไกลๆเหมือนกับความฝัน  แต่ก็มาพร้อมกับความอบอุ่นๆ  เก่งหลับไปอีกครั้งพร้อมความอุ่นที่ได้รับจากความฝัน !

 

เก่งรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรสากมากระทบแก้มแรง  อาการปวดหัวเหลืออยู่เล็กน้อย  เขาลืมตามองแดดที่ส่องเพดาน  รู้สึกเหมือนมีมือใครรัดเอวไว้แน่นเก่งคิดว่าตัวเองฝันเพราะ เป็นไปไม่ได้ใครมันจะเข้ามาในห้องเขา!   แต่ลมหายใจของใครบางคนรดแก้มเขา    เก่งหันขวับไปตามแรงลมหายใจ

“ เฮ้ย “

“ นายตื่นแล้วเหรอ  เป็นไงมั่งปวดหัวไม๊ “ หน้าขาวๆที่ห่างกันแค่คืบยิ้มทัก

“ นายมาที่นี่ได้ไงอ่ะ   แล้วทำไมมาอยู่นี่ “ เก่งมองหน้าอีกฝ่ายงง พยายามจะลุกแต่ติดที่แขนของอีกฝ่ายที่ยังรัดเอวไว้แน่น  ท่อนบนล่ำๆ ไร้ซึ่งเสื้อคลุมไว้  เดี่ยวนอนทับตัวเขาที่ยังคลุมผ้านวมไว้อย่างมิดชิด

“ เราว่านายยังเมาค้างอยู่แน่เลย ที่นี่ไม่ใช่ห้องนายนะ แต่เป็นห้องเรา“ คนตัวโต บอกขำๆ เมื่อเห็นท่าทางของเก่งที่เหมือนเด็กหลงทาง

“ทำไมนายไม่พาเราส่งบ้าน วันนี้เราต้องไปต่างจังหวัดกับที่บ้านนะ  “ เก่งร้องขึ้นอย่างร้อนรน

“ ปล่อยมือดิ เราจะกลับบ้าน “ เก่งแกะมือนั่นออกแล้วเคลื่อนตัวเร็วๆ จากผ้านวม   

“เฮ้ย “  ผิวที่สัมผัสความเย็นทำให้รู้ว่าไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว  เขาคว้าผ้านวมไว้ทันก่อนที่จะหลุดจากตัว  แล้วจับห่อตัวเองวุ่นวายไปหมด

“นาย ถอดเสื้อผ้าเราทำไม   นายทำอะไรเรา ” เก่งถามเสียงตื่นๆ ใจเต้นรัวหายปวดหัวปลิดทิ้ง พยายามคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง  ใช่แล้ว  !  นั่นมันไม่ฝันนี่หว่า 

เดี่ยวยันศอกให้อยู่ในท่ากึงนั่งกึงนอน  มองหน้าเก่งแล้วกลั้นยิ้มแต่แววตามีแววขบขัน แล้วแกล้งมองสายตาเล้าโลมใส่

“เราถามว่านายทำอะไรเราเมื่อคืน ห๊า  ” เด็กหนุ่มตัวเล็กร้องถามอย่างขัดใจเมื่อรู้สึกว่าสายตาบ้าๆนั่นมันทำให้เขาร้อน

“ เปล่านี่ “ เดี่ยวตอบหน้าตาเฉย

“ ไอ้โกหก “   เก่ง วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้าของตัวเอง เขาอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว   

“ นายเอาเสื้อผ้าเราไปไหน เราจะกลับบ้าน “

“เราเอาไปซักแล้ว  “  เดี่ยวยั่ว และหัวเราะขำด้วยความสะใจ  แต่เก่งไม่เล่นด้วย วิ่งวุ่นหาเสื้อผ้า ไม่ยอมแพ้   เดี่ยวสายหน้าอย่างระอากับความดื้อ   ก้าวลงจากเตียงเดินมาคว้าเอวเก่ง  ลากกลับเตียงแล้วจับโยนให้นอนลง

“ นายจะทำไรอ่ะ อย่าทำไรบ้าๆ นาเว้ย “ สถานการณ์เริ่มตึงเรียดเมื่อ เดี่ยวยืนกอดอกทำหน้าดุใส่

“ นายฟังเรามั่งรึเปล่าเราบอกแล้วว่าเอาไปซักแล้ว “ เสียงเข้มขึ้นสงสัยมันกำลังโกรธแน่เลย 

“ แต่เราจะกลับบ้าน “  เก่งกลัวแต่ไม่ยอมแพ้เถียงแซงขึ้นมา

“ แต่ 2 วันนี้นายต้องอยู่ที่นี่เพราะ พี่นายฝากนายไว้กะเรา” เก่งรู้สึกเหมือนโลกจะแตก พี่กานต์ทำไมทำงี้เนี้ย ไอ้นี่มันบ้ากามนะ

“เราจะกลับบ้าน  เรากลัวที่นี่“  ใช่แล้ว เพราะที่นี่มีนายแหละเลยน่ากลัว เก่งคิด

“แล้วนายกลัวอะไรที่นี่  “ ก็เอ็งนั่นแหละ  เก่งไม่ตอบแต่มองเขม็งมาที่อีกฝ่าย  เดี่ยวเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“ เราเหรอ “ เสียงถามเมื่อเห็นว่าเขาไม่ให้คำตอบ

“นายจะกลัวอะไรเราที่เมื่อก่อนไม่เห็นกลัวเลย “ เดี่ยวเดินยิ้มเยาะจ้องเขาเหมือนจ้องลูกไก่ตัวน้อย   

“ แล้วที่เมื่อคืนน่ะไม่เห็นปฏิเสธสักคำเลยนี่” เดี่ยวก้าวยาวๆครั้งเดียวก็มานั่งติดเก่งที่ขยับตัวไปจนติดหัวเตียง   โอบกอดรัดรวดเร็วโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้ตัว

“ เฮ้ย เดี่ยวนายอย่านะโว้ย อย่าทำไรบ้าๆนะ “ ตอนนี้เก่งเป็นลูกไก่ในกำมือของเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว  ลูกไก่ตัวน้อยๆ ก็พยายามดิ้นหนีสุดชีวิต

“นายจะดิ้นทำไมเล่า เดี๋ยวเราสอนให้อีกรอบไงเห็นเมื่อคืนไม่รู้สึกตัว ”  เดี่ยวยิ้มมองลูกไก่ในมือตาเป็นมัน  ปากและจมูกถูลงที่ซอกคอเก่ง ไล่ขึ้นมาที่แก้ม   

ก่อนที่จะมีอะไรเลยเถิดไปมากกว่านี้ ลูกไก่ที่อยู่ในมือเดี่ยวกลายร่างเป็นหมา กัดหมับเข้าที่คอของเดี่ยวอย่างจัง        “ โอ้ย”  เดี่ยวปล่อยมือออก  เก่งที่ตอนนี้กลายร่างเป็นหมาไล่งับคอของเขาอย่างบ้าเลือด

เก่งถอยห่างเหนื่อยๆ จ้องหน้าคนตัวสูงแบบเอาเรื่อง

“ Ok  ยอมแพ้แล้ว ไม่เล่นแล้ว ไม่เล่นแล้ว “  เดี่ยวถอยห่างแต่รู้สึกเสียดาย เฮ้อ! นึกว่าเช้านี้จะมีลุ้นซะอีก  แต่อีกฝ่ายดันไม่ห้ามร่วมมือ

“ตกลงให้เรากลับบ้านได้ยัง “ เก่งเสียงสั่นเพราะใจที่เต้นรัวจากเหตุเมื่อกี้   

“ ไม่ได้ เรารับปากพี่นายไว้แล้ว นายอยู่นี่แหละ เราไม่ทำไรนายหรอก “  ถ้าไม่เผลอนะ ! เดี่ยวยิ้มหวานแต่ตาแววเจ้าเล่ห์

“งั้นนายก็ไปเอาเสื้อผ้ามาดิ เราไม่อยากโป๊  ” เก่งหน้าแดง พันผ้านวมคลุมหัวเมื่อเห็นเดี่ยวใช้สายตาไล้ไปตามตัวแทนมือ 

“ ไม่เห็นต้องอายเลย  เด็กๆ นายมาแก้ผ้าอาบน้ำบ้านเราออกจะบ่อย ”  เดี่ยวยิ้มกริ่มตายังไม่เลิกมองใจจริงอยากให้เก่งอยู่ในชุดนี้ทั้งวันเลย   

“ ไอ้บ้าเอ้ย นี่เราโตแล้วนะจะให้มาแก้ผ้าได้ไง นายไปเลย ไปเอาเสื้อผ้ามาให้เราใส่” เก่งรู้สึกอายๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายอ้างว่าเคยเห็นเขาทั้งตัวมาแล้ว

“งั้นนายไปอาบน้ำก่อนเดี๋ยวเราหาให้”  เก่งเดินกระย่องกระแย่งลากผ้านวมไปเปิดประตูห้องน้ำหันหลังมองจนแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มองมา   ก่อนที่จะปล่อยให้ผ้าน่วมให้ร่วงลงไปที่ปลายเท้าแล้วก้าวเข้าห้องน้ำไป             
เดี่ยวหันมองพอดี รู้สึกหายใจติดขัดเมื่อเห็นเก่งเต็มตาจากด้านหลัง 

“ไอ้เก่งแม่งโคตรเซ็กซี่เลย! “   อยากเข้าไปอาบน้ำด้วยแต่ก็ยังเข็ดกับคมฟันที่ประทับรอยอยู่ตรงคอ

เก่งปิดประตูล็อกแน่นหนา สิ่งแรกที่ทำคือสำรวจดูตัวเอง หน้ากระจก   นี่เมื่อคืนเขากับไอ้เดี่ยว......กันเหรอเนี้ย   ว้าก!  ทำไมมันเป็นอย่างนี้  ทำไมถึงไม่รู้สึกตัววะ   โอยไม่น่ากินเข้าไปเลยไอ้เหล้าเนี้ย   !!!!?

แล้วนี่ต่อไปจะทำไงต่อดี เก่งไม่แน่ใจเลยว่าจะทำตัวปกติกับเดี่ยวได้รึเปล่า  แค่ตอนยังไม่มีอะไรกันแค่มองเขาก็สั่นจะแย่   แล้วนี้เรื่องมันเลยเถิดไปจนถึงขนาดนี้แล้วให้ทำไงดี   เก่งมองรอยจูบจางที่ต้นคอ เอื้อมมือไปแตะเหมือนโดนของร้อน เหมือนอีกฝ่ายฝากรอยไว้เป็นสัญลักษณ์ให้เขารู้   ความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นปนกัน  นี่เดี่ยวเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันแน่   เดี่ยวทำกันเหมือนเขาเป็นแค่สิ่งที่บำบัดความต้องการ   ถึงแม้ใครจะบอกว่าเป็นผู้ชายไม่เสียหาย แต่ความรู้สึกที่เสียไปมันเอาคืนไม่ได้

เก่งสะบัดหน้าไล่ความคิดในหัวออก น้ำเย็นๆนี่คงช่วยให้เราลืมเรื่องบ้าๆ นี่ได้    เรื่องบ้าๆที่จริงๆแล้วเค้าจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ !


เดี่ยวยังคงอมยิ้มขำกับตัวเองอยู่ตลอดเวลาที่นั่งซักเสื้อผ้าให้เก่ง     เมื่อคิดถึงเก่งที่ทำหน้าเหมือนโดนผีหลอก   เดี่ยวเองรู้สึกเสียดายเรื่องเมื่อคืนมากๆ แต่ก็บอกตัวเองไว้ว่าต้องได้รับความยิมยอมจากอีกฝ่ายก่อน    แหม!แต่เมื่อคืนนี้เก่งเป็นอะไรที่ทำให้เค้าอดใจไม่ไหวจริงๆ  ทั้งที่เดี่ยวคิดว่าเขาเป็นคนมีความอดทนพอสมควร  เดี่ยวขำตัวเองเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน   

ตอนนั้นในขณะที่อารมณ์พุ่งพล่านร้อนแรงจนเขาคุมสติไม่ได้ ทุกอย่างกำลังจะดำเนินไปตามอารมณ์เหล่านั้น  แต่ไอ้คนเมาตัวดีก็คายของเก่าทุกสิ่งที่กินเข้าไปออกมา  เลอะทั้งเขาทั้งตัวคนเมา      นั่นแหละเดี่ยวถึงได้รู้สึกตัว แล้วก็มาคิดได้ว่าถ้ารอให้เก่งยินยอมมันน่าจะดีกว่านี้   แต่เขารู้สึกสนุกกับการที่จะให้เก่งคิดไปเองว่าเก่งกับเขามีอะไรกันแล้ว  เขาจะได้มีโอกาสได้ใกล้ชิดเก่งมากๆ  เอ! ทำไมเราคิดได้ชั่วร้ายขนาดนี้    แต่เอาเหอะ ร้ายเพราะรักก็แล้วกัน!

เก่งย่องออกมาจากห้องน้ำโดยมีผ้าขนหนูพันช่วงล่างผืนเดียว  ปากสั่นเมื่อลมหนาวพัดโชยเข้ามา  เขาเหลียวหาเจ้าของห้อง แต่ไม่เห็นใครนอกจากเสื้อผ้ากองหนึ่งวางอยู่บนเตียง    เก่งรีบเช็ดตัวให้แห้งโดยเร็วแล้วหยิบกางเกงและเสื้อขึ้นสวม  เสื้อตัวใหญ่ใส่แล้วหลวมมีกลิ่นเหงือของเจ้าของบางๆ ใส่แล้วทำให้รู้สึกเหมือนว่าเจ้าของเสื้อมายืนอยู่ใกล้ๆกัน   

เก่งมองสำรวจห้องดูเรียบง่ายของแต่งห้องน้อยชิ้นแต่ดูเข้ากันผิดกับห้องเขา   โต๊ะเขียนหนังสือเต็มไปด้วยตำราวางเรียงราย   มีกรอบรูบไม้เรียบๆดูเหมือนทำเองวางอยู่บนโต๊ะในรูปเป็นเด็กชาย2คนคนนึงตัวโตคนนึงตัวเล็ก ยืนประคองกันท่ามกลางสายหมอกบนยอดเขา

“ นี่มันรูปนั้นนี่!  “ เก่งเอื้อมหยิบกรอบรูปขึ้นดู  มันเป็นรูปที่เขาและเดี่ยวถ่ายด้วยกันตอนไปเที่ยวเชียงใหม่  เขาไม่คิดว่ารูปนี้จะมาอยู่ที่นี่ได้  เพราะเขาเคยขอแล้วไอ้พัฒน์ไม่ยอมให้   เก่งมองสีหน้าของตัวเองในรูป   นี่ตอนนั้นตื่นเต้นจนไม่ได้ยิ้มเลยรึนี่ ก็โดนกอดนี่นา!

“ นายกำลังดูอะไรอยู่ ” หน้าขาวๆที่ยังไม่ได้โกนหนวดชะโงกหน้ามาจากข้างหลังจนหน้าแทบจะสีกัน   เก่งเหลือบตามองแว๊บนึงดูเหมือนคนข้างๆจะยิ้มอยู่ 

“นายได้รูปนี้มาได้ไงน่ะ” เก่งหันหน้ามาถาม

“เราอยากได้เลยขอไอ้พัฒน์มา”    โห ไอ้คุณเพื่อนพัฒน์   หนอยๆตูขอไม่ให้ที่คนล่ะรีบประเคนเชียวนะ   

“ นายก็อยากได้รูปนี้เหรอ” เดี่ยวถามยิ้มเกยคางลงบนบ่าของเก่ง   

“เปล่า” เก่งสะบัดไหล่ออก พลางถอยห่างจากไอ้บ้ากาม 1ก้าว  รู้สึกหน้าแดงๆ แข็งใจถามหาเรื่องกลบเกลื่อน

“นายไม่ใส่เสื้อไม่หนาวเหรอ  “ เอ๊ะ! ถามเรื่องอะไรหนาวนี่จะโดนอีกมั้ยเนี้ย   เก่งเริ่มระแวง

“ ไม่หรอก  เมื่อคืนเราได้ความอบอุ่นมาเยอะแล้ว   ก็ตัวนายมันอุ่นนี่ ” เข้าเนื้ออีกจนได้    เก่งหน้าแดงก้มหน้าลงซ่อนมันไว้  เดี่ยวยิ้มรู้สึกชอบใจเวลาแซวให้เก่งเขินได้   

“ นี่ ๆเลิกหน้าแดงได้แล้ว!  ไปกินข้าวกัน ” เสียงของเดี่ยวและมืออุ่นที่คว้าข้อมือให้เดินตาม ทำให้เก่งต้องเงยหน้าขึ้นมองตามไปที่รอยยิ้มกว้างๆที่ถูกส่งมาให้    รอยยิ้มที่ดูสดใสจนเขาต้องเดินตามไปอย่างงงๆ ทั้งที่ตั้งใจจะดึงมือคืนมาแท้!

 
“ไหนอ่ะเดี่ยว  ข้าวเช้าที่นายว่า “ เก่งถามอย่างงง เมื่อเห็นบนโต๊ะไม่ได้มีอะไร

“ นี่ไงข้าวเช้า “ เดี่ยวชี้ไปที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป 2ห่อ

“ ล้อเล่นใช่มั้ย” เก่งงง หันกลับมามองหน้าคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา แต่คนตัวสูงส่ายหน้าตอบว่าไม่ได้ล้อเล่น

“โทษทีนะ บ้านเราไม่มีไรกินน่ะ พ่อกะแม่ ไปดูงานเมืองนอกเป็นอาทิตย์แล้ว “   เดี่ยวยิ้มแห้งๆ

“ เราเลยต้องกินแต่ไอ้นี่แหละ “ เก่งยังคิดว่าเดี่ยวพูดเล่นเดินไปเปิดตู้เย็น โอ้ !นี่มันอะไรกันมีแต่ไข่2-3ใบ กับข้าวเย็นเหลือๆเท่านั้นเรอะเนี้ย

เก่งถอนใจเฮือก ไอ้เดี่ยวนี่มันท่าทางอดอยาก  “ นายนั่งรอแป๊บนะ “ เดี่ยวมองหน้างงแต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี ในขณะที่เก่ง เดินไปทำโน่นทำนี่อย่างเร็วๆ  จนเดี่ยวมองตามแทบไม่ทัน  นี่เก่งจะทำอะไร  !

ชั่วเวลาผ่านไปแว๊บเดียว  อาหารที่ถูกปรุงสุกใหม่ๆ ก็ถูกเสิร์ฟไว้ตรงหน้า เป็นข้าวผัดไข่ กับไข่น้ำแกงจืด   เดี่ยวรู้สึกทึ่งกับความรวดเร็ว   มองอาหารตรงหน้า  ด้วยความรู้สึกเต็มตื้นในใจ

“ นายไม่เห็นต้องลำบากเลย เรากินมาม่าก็ได้ “  เดี่ยวบอกอีกฝ่ายที่กำลังง้วนกับการตักข้าวผัดใส่อีกจาน

“ ทำไมกลัวไม่อร่อยรึไง “ เก่งหันมาทำหน้ายักษ์ใส่

 “ เปล่าคร้าบ “  เดี่ยวพูดพลางก้มหน้าตักข้าวเข้าปาก  อืม! อร่อยแฮะ

เก่งยิ้มมองเดี่ยวที่ตั้งหน้าตั้งตากินข้าวผัดพูนจาน  เออไอ้เดี่ยวนี่มันโตแต่ตัวจริงๆ ! อืม ไหล่หนาชะมัดเลย  สายตามองไล่ไปเรื่อยๆ จนหยุดที่รอยฟันแดงๆจนเกือบเป็นสีม่วง   นี่ท่าทางจะเจ็บมากนะนี่!

“ มองอะไรอยู่น่ะ  “ เดี่ยวเงยหน้าขึ้นมองเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม   

“ นั่นนะเป็นไงมั่ง  เจ็บเปล่า“ เก่งพยักหน้ามองที่รอยกัดจากคมเขี้ยวของตัวเองบนบ่าของเดี่ยว

“ ไม่เป็นไรหรอก เราถือว่าเป็นรอยฝากรัก “ เสียงแซวธรรมดากลับทำให้เก่งร้อนวูบ  ที่คอเค้าก็มีเหมือนกันนี่ ! เก่งก้มหน้านิ่ง

“ ช่วยไม่ได้นายอยากเล่นอะไรบ้าๆ เอง “   เก่งหงุดหงิดรู้สึกตัวเองเป็นรองไปทุกที ที่พูดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา

“ เก่ง นายไม่อยากรู้เหรอว่าเมื่อคืนเราทำอะไรนายน่ะ  “ เดี่ยวเริ่มดำเนินแผนการเมื่อเห็นอีกฝ่ายอวดดีซะเหลือเกิน   

“ พอแค่นั้นแหละ  เรายังไม่อยากคุยเรื่องนั้น  “ เก่งผลักจานข้าวตรงหน้าออกแล้วลุกขึ้นหันหลังเดินหนี แต่เดี่ยวคว้ามือไว้ทัน 

“ อยาเพิ่งไปซิ   แต่เราอยากคุยนะ “ 

“ แต่เราไม่อยากคุย   ปล่อย! “ เก่ง หน้าแดง นี่จะมาเอาอะไรอีกนะ  เมื่อคืนยังไม่พอเรอะเนี้ย

“ อ้าวไม่อยากคุยเรอะ  แหมดี เรากำลังอยากทำอย่างอื่นอยู่พอดี  “ เดี่ยวบอกเสียงแผ่ว มือดึงร่างที่รั้งไว้ให้เข้ามาสู่อ้อมอก  แล้วดันตัวเก่งเข้าชิดกำแพง

“ เฮ้ย จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ “ เก่งสั่น นี่มันจะทำให้เขารู้รึว่าเมื่อคืนมันเป็นยังไง   เก่งออกแรงดัน หน้าอกชิดเข้าเต็มที่แบบแกล้งกันเห็นๆ   

“ เฮ้ย  อย่านะ  เมื่อคืนนายก็ทำไปแล้ว ยังจะมาเอาอะไรอีก “  เก่งตะโกน เมื่ออีก ฝ่าย ก้มมาจนชิดเกือบจะได้จูบกันอยู่แล้ว   

“  นายทำแบบนี้มันทำให้เรารู้สึกแย่นะ “  เก่งก้มหน้าลง มือที่ไม่มีแรงยังคงพยายามดันหน้าอกอีกฝ่ายออก   เดี่ยวชะงัก ถอนใจเฮือกเสียดายรสจูบที่กำลังจะได้รับ

“ แล้วถ้าเราทำให้นายสมัครใจล่ะ “ เดี่ยวถามขึ้นบ้าง ทั้งที่ลมหายใจยังคงกรุ่นไปด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน

“ ไม่มีทาง “  เก่งยังคงอวดดีอยู่นั่นเอง

“ งั้นเรามาพิสูจน์กันไหมล่ะ “เดี่ยวหมั่นไส้แกมอยากเอาชนะไอ้เด็กตรงหน้านี่เหลือเกิน   

“ เราขอเวลา ถึงสิ้นปี ถ้าเลยจากวันสุดท้ายของปี นายยอมให้เราจูบแต่โดยดี แสดงว่าเราชนะ  และนายต้องยอมเรา “   ฮ่าๆ ไอ้เก่งเอ๋ย เสร็จแน่ มันอีกตั้ง 15วันแน่ะยังไงก็ยังมีโอกาส เดี่ยวยิ้มเยาะเมื่อเห็นเก่ง

กัดปากตัวเองแบบไม่ยอมแพ้ แต่หน้าก็แดงเพราะคำ ”ยอมเรา” ที่ได้ยิน

“ แต่ถ้าเราไม่ยอมจูบนายภายในวันสิ้นปีนี้ล่ะก็ นายต้องเลิกยุ่งกับเรานะตกลงรึเปล่า “  เก่งเสนอบ้าง

เดี่ยวเครียดหน้านิ่งมองหน้าเก่งเหมือนจะหาคำตอบ  ตอนนี้เก่งและเขา มีความเสี่ยง 50 : 50 โดยเอาความรู้สึกเก่งเป็นเกณฑ์ตัดสิน นี่เป็นเกมส์ที่มันบ้าชัดๆ  แต่เขาไม่ยอมแพ้  ถ้าเข้าแพ้ต้องเสียเก่งไปแน่ๆ !

“งั้นก็ตกลง “ เก่งกับเดี่ยวบอกพร้อมกัน   

“งั้นเราควรหาอะไรเป็นตัวสัญญาเพื่อกันคนบางคนโกง” เดี่ยวรีบเสนอเพราะรู้ฤทธิ์ ของคนตรงหน้าดี   เก่งมองหน้าแบบไม่สบอารมณ์ หนอยๆ ไอ้เดี่ยวนี่ไม่เชื่อใจกันเลยใช่ไม๊เนี้ย!

“มานี่ “ เดี่ยวจูงมือเก่ง  พาเข้าห้องนอนอีกครั้ง   “ ยื่นมือมา “   เก่งยื่นมือซ้ายให้อย่างว่าง่าย     เดี่ยวสวมสร้อยอะไรบางอย่างไว้ที่ข้อมือ

“ นี่มันตุ้งติ้งดรัมเมเยอร์นี่“   เก่งถามเมื่อเห็นสายตุ้งติ้งห้อยตราโรงเรียนเส้นเล็ก ที่ได้รับมาจากเดี่ยวเมื่อวาน แต่ตอนนี้กลายเป็นสร้อยข้อมือ

“เราอยากให้นายใส่มันไว้ติดตัวน่ะ ให้มันเป็นพยานให้เรา“   เดี่ยวยิ้มเขิน เงยหน้ามองเพดานเมื่อเห็นเก่ง มองหน้าทำเหมือนจะถาม      เก่งอมยิ้ม ไอ้เดี่ยวนี่เวลาเขินแล้วน่ารักจังเลย   เก่งคิดอะไรได้ ถอดสร้อยเงินชื่อตัวเองออกจากคอ  แล้วพันเข้ากับข้อมือของอีกฝ่าย

“ ทำอะไรน่ะ “ เดี่ยวถามเมื่อเห็นสร้อยของเก่งที่ข้อมือตนเอง “ ก็แลกของกันไง  นี่มันก็เป็นพยานของเรา “ เก่งยิ้มให้แล้วมองที่สร้อยข้อมือที่บรรจุความรู้สึกหลายๆอย่างรวมไว้

“เก่ง โกนหนวดให้เราหน่อยดิ “ เสียงเรียกอีกฝ่ายที่ดังอยู่หน้ากระจก ทำให้เก่งหันมอง  ที่คางเจ้าของเสียงมีฟองครีมสีขาวเต็มไปหมด  เก่งหน้ายุ่งแต่ก็เดินมาหยิบมีดโกนแต่โดยดี

“ ถ้าได้แผลก็อย่าว่าเรานะ “  อืม! สักแผลดีมั้ยนะ  ถึงคิดอย่างนั้นแต่เก่งก็ยังโกนอย่างเบามือ จนเสร็จ   เจ้าของหน้าที่เพิ่งโกนหนวดล้างครีมที่เหลืออยู่ แล้วลงด้วยอาฟเตอร์เชฟกลิ่นอ่อนๆ เก่งมองอีกฝ่ายแล้วรู้สึกแปลก เดี่ยวนี่มันมีเสน่ห์จัง สายตาของเดี่ยวน่ะเหมือนกับแมวเหลือเกิน

เวลาจ้องตาใครคนนั้นจะรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต และต้องยอมทำตามได้โดยง่าย   เก่งยอมรับว่าเขาเองก็โดนสายตานั้นสะกดจิตเหมือนกัน หวุดหวิดเกือบยอมให้เดี่ยวจูบเมื่อ2วันที่แล้ว  ดีที่ดึงสติกลับมาได้เร็ว   เรื่องจะให้ยอมน่ะหรือไม่มีทาง  เขาไม่ชอบสิ่งที่เดี่ยวทำอย่างนั้นกับเขาในคืนนั้น   มันไม่แฟร์ที่เดี่ยวไม่ให้เกียรติกัน

“นี่ ขอบใจนะ” เสียงขอบคุณเมื่อเห็นเก่งมองเงียบๆ 

“ นี่ดูดินายโกนไม่เกลี้ยง ” เดี่ยวคว้ามือของเขาขึ้นถูตรงคางที่ยังสากๆแล้วเลื่อนมือขึ้นแตะที่ปากจุมพิตมันลงเบาๆ  แค่นั้น มันทำให้เก่งพลุ่งพล่านขึ้นได้มากว่าเดิมเป็นหลายเท่า ! เดี่ยวยิ้มกระซิบเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยน

“เราขอจูบนายได้มั้ย”

แทนที่จะทำให้เก่งเขินอายมันกลับให้ผลตรงกันข้าม  นี่มันต้องการที่จะได้แค่นั้นจริงๆเหรอ!  เก่งดึงมือกลับ
“ เราไปโรงเรียนกันได้แล้ว  เรารออยู่หน้าบ้านนะ ” เก่งหันหลังกลับในขณะที่คนตัวสูงมองตามด้วยความผิดหวัง

 
“นี่มันเหลือเวลาอีกกี่วันนะ” เก่งมองดูปฏิทิน อีก9วันก็จะถึงวันสิ้นปี   นี่เหลือเวลาอีก9วันแล้วเหรอ  เขาบอกตัวเองไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง  ช่วงนี้ทำไมสมองเขาคิดมีเรื่องให้คิดมากมายขนาดนี้ ดูมันสันสนวนเวียนไปหมด   เก่งถอนใจเฮือกพยายามสนใจรูปที่วาดค้างไว้ตรงหน้า  เสียงวิทยุประจำโรงเรียนยังคงเจื้อยแจ้วต่อไป

“เพลงต่อไปนะคะเพื่อนๆ  คนขอเค้าบอกว่าถึงไม่ใช่วันวาเลนท์ไทน์ แต่เค้าก็อยากขอให้กับคนที่เค้าให้ ”ตุ้งติง” ไว้ค่ะ สาวๆได้ยินแล้วทำใจนะคะ  เพลงนี้ดรัมเมเยอร์สีฟ้าเค้าขอมาค่ะ  “ เสียงเจื้อยแจ้วของดีเจประจำโรงเรียนหยุดลงลงเมื่อเสียงเปียโนในเพลงดังพลิ้วพราย  เก่งหยุดมือนั่งฟังนิ่ง

                       if there were no words , no way  to  speak,  l  would  still  hear you

                  if  there were  no tears,  no way  to feel inside,  l would  still feel you

ใช่แล้วนี่มันเพลง valentine    นี่เดี่ยวมันขอเพลงนี่ให้ เขาหรือนี่  !  ทำไมมันรู้ว่าเขาชอบเพลงนี้   เสียงเพลงยังคงก้องไปทั้งห้องศิลปกรรม  เก่งยังคงนั่งนิ่งความรู้สึกหลายอย่างปนกัน

                  And even if  the  sun  refused  the shin , even if romance run out of  rhyme 

                                  You would still have my heart until the end of time ,

                                   you all  I need  my love, my valentine ….

เสียงเปียโนพลิ้วๆ ดังแว่วผ่านไป แต่เนื้อเพลงท่อนสุดท้าย ยังคงอยู่ในหัว เก่งเข้าใจความหมายของมันดี  นี่เดี่ยวต้องการจะส่งสารรักให้เขาจริงๆ หรือ แค่ต้องการจะเอาชนะ   แต่จะยังไงก็ช่างตอนนี้หัวใจมันเปี่ยมล้มไปหมดแล้ว....

 
เก่งเดินตัวเบาหวิวเข้าห้องเรียน  เพื่อนในกลุ่มทุกคนหันมองมาแล้วยิ้มๆ  หน้าขาวของใครบางคนที่รวมกลุ่มอยู่ด้วยยิ้มกว้างอย่างเห็นได้ชัดเจน   เก่งทำไม่สนใจ เดินเข้ามานั่งข้างแก้วที่เขยิบที่ให้นั่ง

“ แก้ว  ขอบใจนะเว้ยที่ขอเพลงให้ “เก่งแกล้งทำไม่รู้ว่าใครขอเพลง บอกขอบอกขอบใจแก้วที่นั่งทำหน้างง

“ ข้าไม่ได้เป็นคนขอนะ “  แก้วหันมาตอบงงๆ

“ เออ ไม่ต้องมาแกล้งอำหรอกน่า  “ เก่งยังคงยิ้มแต่ตามองไปยังคนตัวสูงที่นั่งมองมา 

“ จะใครก็เหอะเราขอบใจนะ  “ เก่งหันหลังกลับไปนั่งโต๊ะตัวเองแล้วยิ้มอยู่คนเดียว  เสียงเดินของใครคนนึงเดินเฉียดเข้ามาที่โต๊ะพร้อมกับ  เสียงนุ่มๆดังขึ้น 

“ เราเต็มใจให้นายนะ”  แค่นี้แหละที่ต้องการจะได้ยิน...


sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
Re: ความทรงจำ [ the Remember ] PART # 1-10 ครับ
«ตอบ #23 เมื่อ30-07-2008 15:24:59 »

ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 15


“ เก่ง  กลับบ้านกันเหอะ “ เสียงเรียกที่ดังเข้ามาเก่งหันขวับมองออกไป   เดี่ยวอยู่ในชุกเสื้อนักเรียนเปียกชุ่ม ยืนอยู่กวักมืออยู่ตรงหน้าประตูห้องศิลปกรรม    เก่งเก็บของเข้าที่แล้วเดินตามเสียงออกมานั่งลงตรงที่ซ้อนท้ายจักรยาน

“ เก่ง  วันนี้นายไปนอนบ้านเรานะ “ เสียงนำเสนอของเดี่ยวกลายเป็นสิ่งที่คุ้นเคยเพราะ 9 วันที่ผ่านมาหลังจากทำสัญญากัน เก่งต้องไปนอนเป็นเพื่อนเดี่ยวทุกวัน เพราะพ่อแม่ของเดี่ยวยังไม่กลับ จริงๆก็ไม่ได้อยากไปเลย เพราะถ้าเผลออาจโดนลักหลับไม่รู้ตัวแบบคราวก่อนอีกแน่   แค่นอนด้วยกันยังระแวงจนนอนไม่หลับ แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงเลยซักที

“ งั้นนายต้องไปกินข้าวที่บ้านเราก่อนนะ พ่อแม่เราสั่งมา “  ตั้งแต่รู้ว่าเดี่ยวอยู่บ้านคนเดียว คุณนายแม่ของเก่งก็สั่งการเด็ดขาดว่าให้เดี่ยวมากินข้าวที่บ้านทุกวัน  เดี่ยวเลยกลายเป็นลูกชายไปอีกคน   แต่ไม่ยักยอมนอนที่ห้องเขา ยังยืนยันจะกลับไปนอนที่บ้านตัวเอง  แถมยังลากเขาไปอีกด้วย  ชะช้า!  รู้นาเว้ยคิดอะไร อย่าหวัง !   เก่งแยกเขี้ยวให้โดยที่คนข้างหน้าที่ยังคงไม่รู้เรื่อง

 
“ เดี่ยว  ! “ เสียงเรียกที่หวานใส  พร้อมเสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาหา  เดี่ยวหยุดจักรยานร้องทัก

“ อ้าวส้มทำไมอยู่เย็นจัง    ยังไม่กลับบ้านอีก บอกแล้วไม่ต้องรอ “

“ ไม่เป็นไรหรอกส้มรอได้  “ ส้มยิ้มจนแก้มปริ 

“ นี่ ขอบใจนะเดี่ยวที่เมื่อกลางวันขอเพลงให้น่ะ  แล้วเมื่อไหร่ล่ะจะให้ตุ้งติ้งกะส้มซะที “ เก่งรีบซ่อนมือตัวเองไว้ไม่ให้ส้มเห็นว่าตนสวมอะไรที่ข้อมือ   วันนี้ดูส้มจะมีความสุขมากๆ  เก่งละอายใจเมื่อรู้ว่าถ้าส้มรู้ความจริงจะต้องเจ็บปวดมากและต้นเหตุมันคือเขา !

“ เดี่ยววันนี้นาย ไปส่งส้มเหอะ เราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ”  เก่ง ลุกขึ้นจากที่ซ้อน เดี่ยวหันหน้ามองงง

“ จะไปไหน “ เสียงที่ถามอย่างเป็นห่วงทำให้เก่งต้องเหลือบไปมอง ส้มที่ยังคงยืนจ้องเขานิ่งเงียบ

“เราจะไปซื้อสีน่ะ มันหมดแล้ว “ ท่าทางอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ มองเหมือนต้องการคำตอบจริงๆ

“ นายไปส่งส้มเหอะเดี๋ยวเราไปเองได้ร้านมันอยู่ไม่ไกลหรอก  ไปแล้วนะ โชคดีนะส้ม”  เก่งย้ำก่อนออกวิ่งไปทิ้งให้เดี่ยวยังมองตามแบบไม่เข้าใจ

 
เสียงไฟที่เปิดสว่าง เก่งนั่งเงียบอยู่โต๊ะทำงาน  หลังจากเบี้ยวไม่ไปนอนที่บ้านของเดี่ยวตามที่ตกลงกันไว้เมื่อเย็น   ทำให้เก่งมีเวลาพอจะคิดอะไรบางอย่าง    เขานั่งมองภาพที่ตัวเองเขียนขึ้น นี่มันนานแล้วมั้งที่เขาไม่ได้ลงสีให้เสร็จ เพราะมัวแต่เอาเวลาไปวุ่นวายเรื่องอื่นมากจนเกินไป   

เก่งหยิบพู่กันขึ้นแล้วถอนใจ วันนี้เขายอมรับว่ารู้สึกดีๆกับเดี่ยวมาก มากพอที่จะยอมให้อะไรๆมันเกิดขึ้นในคืนนี้   แต่เมื่อส้มเดินเข้ามาเขาก็ละอายใจเกินกว่าที่ทำอย่างนั้นได้   ส้มเป็นคนที่โชคร้ายมากที่เป็นเพื่อนเขา  เก่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะทำร้ายส้มที่ละน้อย  เพราะงั้นเขาเลยต้องขังความรู้สึกตนเองไว้ไม่ให้มันออกมาเพ่นพ่าน

เฮ้อ! ไหนใครบอกว่าความรักมันดีไง   นี่มันไม่ใช่แล้วนี่  ทำไมมีแต่ความกังวล  ความคิดที่สับสน และเสียใจที่ไม่ได้ครอบครอง   เก่งถอนใจพยายามทำใจให้สงบ ถึงแม้จะเศร้าแต่ช่วงนี้แต่คงทำใจได้แล้วไม่มีน้ำตาเลย  ก็ดี ถ้าถึงเวลาทีแยกจากกันจะได้ไม่เจ็บปวดมาก

เก่งลงมือระบายสีรูปของเดี่ยวที่เกือบจะเสร็จ ใส่ความรู้สึกที่มีทุกอย่างลงไปในพู่กัน เหมือนต้องการจะขังบางสิ่งบางอย่างไว้ในรูป !

 
“เฮ้ย ! สิ้นปีนี้ไปหัวหินกันนะ “  ไอ้พัฒน์ร้องเสนอ ทุกคนเมื่อนั่งกันอยู่ครบท่าทางสนใจ

“ ไม่เอาอ่ะ ไม่มีเงิน” เสียงเพื่อนๆในกลุ่มร้องท้วง

“ เฮ้ย เป็นรีสอทร์ลุงเราเอง พักฟรี “  ไอ้พัฒน์นี่แหละลูกคนรวยของจริง  เพราะรู้จักกับเจ้าของที่โน้นที่นี่ไปทั่ว 

“ จริงๆ ลุงเค้าอยากให้ไปพร้อมครอบครัว  แต่ช่วงสิ้นปีพ่อแม่งานยุ่งมาก  เลยส่งข้าไปเที่ยวแทน”  ไอ้พัฒน์เสริม

“เหรอ ดีจังเลย   งั้นไปๆ ชอบของฟรี “ เสียงแข่งกันพูดด้วยความดีใจ   โห เพื่อนตูนี่ไม่ได้เปลี่ยนเลย งกทั้งกลุ่ม! เก่งคิดแล้วยิ้มขำ

“ นั่งรถไฟไปดีกว่านะ โรแมนติกดี “ แพทกะบีมเสนอขึ้น   แหม!สองสาวนี่มองอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด ไอ้พัฒน์กะไอ้เคนก็พยักหน้ารับตามไปแบบเอาใจ  มีไอ้แก้วคนเดียวส่ายหน้าดิกๆ   

“ ไอ้พวกนี้มันบ้านนอกจริง จะไปโรแมนติกบนรถไฟเนี้ยนะ “ เสียงของไอ้แก้วแดกดันจนคู่รักหวานชื่น ทั้ง2 คู่ตาเขียวใส่

“ เฮ้ยนายก็ไปด้วยกันนะ “ เสียงชวนของไอ้พัฒน์ชวนเดี่ยว  ทำให้อีกฝ่ายยิ้มรับเต็มใจ รู้สึกดีใจที่จะได้ไปเทียวกับเก่งอีกครั้ง  เผื่อนี่จะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพิชิตใจเก่ง

 
เดี่ยวถอนใจเมื่อคิดถึงเวลาที่มันเริ่มกระชั้นเข้ามา นี่เหลือเวลาอีก 5วัน  ไม่มั่นใจเลยว่าทำสิ่งที่หวังสำเร็จรึเปล่า  ความหวังดูริบหรี่ลงเรื่อย เพราะ อีกฝ่ายยังคงใจแข็งไม่เปลี่ยนแปลง   ไม่ว่าเขาจะทำวิธีไหนก็ตาม    เดี่ยวเองอยากจะล้มเลิกเสียเดี๋ยวนี้เพราะดูเหมือนความหวังนั้นแทบไม่มี   แต่ใจเขาก็ยังหวังลึกๆว่า เก่งอาจจะหันมาตอบรับเขาสักวัน แต่จะมีวันนั้นรึเปล่านะ!

 
เสียงเคาะประตูดังขึ้นแล้วถูกเปิดออกโดยที่เจ้าของห้องยังไม่ได้อนุญาตแสดงถึงความคุ้นเคย  "เฮ้ย "  เก่งตกใจนึกขึ้นได้ว่ารูปเดี่ยวยังตั้งโชว์หราอยู่ที่ขาตั้ง   

" เก่ง   นั่นรูปอะไรน่ะทำไมต้องเอาผ้าคลุมไว้" เสียงถามเห็นเก่ง กระโดดวูบเอาผ้าคลุมรูปที่อยู่บนขาตั้งไว้อย่างรวดเร็ว  นี่มันจะเห็นรึเปล่านะ!  เก่งตื่นเต้นอยู่มากที่เดียว

" ไม่มีอะไรนี่ รูปนั้นเรารักมาก ไม่อยากให้ฝุ่นจับน่ะเลยเก็บไว้อย่างดี " เก่งตอบเลี่ยงๆไม่อยากให้อีกฝ่ายสนใจของที่กำลังพูดถึง

" เหรอ ขอเราดูมั่งดิ  นะๆ"  คนตัวโตอ้อนวอน แล้วหน้ายุ่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเห็นเขายังคงนิ่งเงียบ   ก้าวยาวๆเข้าไปเปิดผ้าคลุม

“เฮ้ย !  “  เก่งมือไวคว้าผ้าคลุมไว้ทันก่อนที่จะภาพจะถูกเผยออกมา  เดี่ยวมองงง

“ อะไรกัน ขอดูหน่อยไม่ได้รึไง  มีอะไรปิดบังรึเปล่า“  เดี่ยวหันมากอดอกมองหน้าเหมือนจะจับผิด

" สียังไม่แห้งน่ะ “ เก่งแก้ตัวน้ำขุ่นๆไปจนได้

“ เอาไว้สักวัน เราจะให้นายดูนะ "  ถ้าเราแน่ใจแล้ว!  คำพูดประโยคหลังถูกลืนหายไปในลำคอ  เก่งยังคงไม่รู้ว่าเขาจะกล้าเอาภาพออกมาให้เดี่ยวดูหรือไม่ !   เก่งถอนใจเฮือกเบื่อที่ต้องมานั่งปิดบังทุกสิ่งที่มี!

 
“ เฮ้ยทำไมเก็บของนานจังอ่ะ มานอนได้แล้วเดี๋ยวตืนสายไปไม่ทันหรอก” เสียงเรียกของเดี่ยวที่มันดังน่ารำคาญ วันนี้เดี่ยวมานอนด้วยเนื่องจาก พรุ่งนี้ต้องไปขึ้นรถไฟแต่เช้า     แต่นี่ดันมาก่อความรำคาญให้เขาอีก จะไม่ให้รำคาญได้ไง เรียกอยู่อย่างนี้มาเป็นครั้งที่5 แล้ว   เก่งหน้ายุ้งร้องด่า

“ นายก็นอนไปก่อนดิ มารอทำไมเล่า “

“ ก็มันหนาวนี่เรานอนไม่หลับ  เร็วดิมานอน ”  เดี่ยวร้องอ้อนเป็นเด็ก3 ขวบ 

“เออๆ นอนก็นอน รำคาญชะมัด “ เก่งล้มตัวลงนอนข้างๆคนตัวใหญ่ที่นอนเกือบเต็มที่    แทบไม่เหลือที่ให้เขานอน

“ เขยิบมาดิ เดี๋ยวตกหรอก  เฮ้ยหันหน้าไปทางนั้นทำไม หันกลับมา “  เสียงบงการที่ดังอยู่ข้างหูก่อความรำคาญ เก่งไม่สนใจเอาหมอนปิดหูไม่รับรู้   เสียงเงียบลงแล้วแต่ดันมีขาและแขนท่อนใหญ่ๆพาดทับลงมาอย่างจงใจ

“ เฮ้ย !  หนัก เอาออกไป “ เก่งจะลุกขึ้นยกขาออกแต่ทำไม่ได้เมื่อโดนแขนที่ทับอยู่กดไว้ 

“ บอกให้เอาออกไป “  เก่งรู้สึกว่าตัวเองเสียงสั่นเมื่อสัมผัสที่รู้ว่าไม่ได้เฉพาะขาอย่างเดียวเท่านั้นที่ทับอยู่ที่ตัวเขาเพราะรู้สึกได้ว่าสิ่งอะไรบางอย่างอุ่นจัด  เบียดเข้าที่สะโพก เก่งนิ่งไม่กล้าขยับ  หน้าของอีกฝ่ายแนบมาที่ตนคอ คางสากโดนซอกคอทำให้เก่งขนลุกซู่

“ กลัวเรารึเปล่า”  เหมือนคนตัวใหญ่กว่า จะรู้ตัว ถามเก่งออกมา

เก่งเงียบแทนคำตอบจะบอกว่ากลัวก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ ไอ้ความรู้สึกแปลกที่มันเกิดขึ้นนี่มันอะไร

" ไม่ทำอะไรหรอก ขอกอดไว้แค่นี้ก็แล้วกันนะ  "  เสียงของคนที่คิดว่าเขากลัวยังคงบอกมาอย่างอ่อนโยน  “นอนได้แล้ว “ คนตัวใหญ่จับเก่งพลิกตัวหันหน้าเข้าหากันแล้วกอดด้วยวงแขนจนตัวแนบกัน  จนเก่งเคลิ้มหลับไป
เดี่ยวมองคนร่างเล็กที่หลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขน  เขาบอกตัวเองว่าขอใช้เวลาให้คุมค่าที่สุดเพราะ วันเวลาตรงนี้มันอาจไม่มีอีกแล้วในอนาคต  เฮ้อ! ไม่อยากให้เวลามันผ่านเลยไป  เพื่อเขาจะได้อยู่อย่างนี้ไปนานๆ ...


เสียงหวูดรถไฟดังลั่นสถานีหัวลำโพง  ทำให้เก่งหันมองรถไฟที่เข้าชานชลา  ทุกคนดูกระตือรือร้นที่จะได้ขึ้นรถไฟจะมีก็แต่เขาที่ยังง่วงงุน และ แก้วที่เฉยๆ ไปซะะทุกสิ่ง
เก่งมองหน้าเพื่อนๆ งง รู้สึกมึนหัวไม่หาย โอยทำไมต้องให้มาแต่เช้านะ  บ้านก็อยู่ไกลหัวลำโพงเหลือเกิน ต้องตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าตรู่เลย  เก่งอ้าปากกว้างหาว

" นี่ อ้าปากซะแมลงวันบินเข้าไปหลายตัวแล้ว " เสียงแซวมาพร้อมเสียงหัวเราะขำ ทำให้เขาหันกลับไปมองคนพูดด้วยสายตาขุ่นๆ  แหม ไอ้เดี่ยว สดชื่นจริงนะ ! 
ดูหน้าตายังแช่มชื่นเหลือเกินไม่เหมือนคนนอนไม่หลับเลย  เมื่อคืนนี้ตัวมันนอนไม่หลับก็ยังมาคอยแกล้งไม่ให้เขาหลับตามไปอีก วันนี้เลยสายเลย เมื่อรถไฟจอดเรียบร้อย กลุ่มของเก่งเป็นกลุ่มแรกที่ขึ้นนั่งจองที่   คนที่ดูตื่นเต้นที่สุด น่าจะเป็นสองสาว แพทกะบีมที่นั่งติดกัน  ส่วนไอ้พัฒน์กะไอ้เคน ก็ดีใจเช่นกันที่ได้นั่งมองสองสาวในดวงใจ   เก่งนั่งคู่กะแก้วเพราะดึงตัวไว้ทัน  ส่วนไอ้คนตัวสูงหน้าขาวตาคม ก้อนั่งคนเดียว !

เก่งเองก็ตื่นเต้นไม่น้อย  เพราะเพิ่งเคยนั่งรถไฟ แต่ยังคงง่วงอยุ่  แต่เดี่ยวเป็นคนละเรื่องกันเลยดูไม่ตื่นเต้นนั่งอ่านหนังสือเฉย!

“ โห รถไฟออกแล้ว “ เก่งมองรถไฟที่นั่งอยู่เคลื่อนออกจากชานชลาช้า ๆ ตื่นเต้นจนลืมง่วง แต่ก็สะดุดหูเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ

“ เฮ้อ !  เด็ก หนอ เด็ก “ เสียงของคนตรงหน้าที่ยังลอยหน้าลอยตาหัวเราะขำๆ  เก่งแยกเขี้ยวใส่ พร้อมเตะขาเข้าที่หน้าแข้งอีกฝ่ายอย่างจัง

“ โอย !  “ หน้าดุของไอ้คนตัวสูงจ้องตอบ

“ ฝากไว้ก่อนเหอะ “ เสียงคำรามดังมา เก่ง  ยักคิ้วให้สะใจๆ    เดี่ยวแยกเขี้ยวกลับแต่ยังทำอะไรไม่ได้

“ เฮ้ย ไปห้องน้ำเฝ้าของให้ด้วย “ ไอ้แก้วลุกพรวดออกไป  คนตัวสูงที่อยู่ตรงหน้ายิ้มแล้วกระโดดเข้านั่งแทนที่

“อ้าว เฮ้ย ที่ตัวเองมีทำไมไม่นั่งเนี้ย “ เก่งโวยเพราะเริ่มโดนเบียด

“ นี่นายทำไมต้องเบียดวะ”   แต่เดี่ยวก็ยังไม่ตอบเขยิบเบียดชิดมากขึ้น  จนเก่งรู้สึกว่าจะกลายเป็นกล้วยทับ  เท่านั้นไม่หนำใจหยิบมือเก่งขึ้นมากุมมันไว้ด้วยกัน

เก่งมองหน้าเขม็ง หน้าแดงขึ้น “ เฮ้ยปล่อยเดี๋ยวใครเห็น “  เก่งบอกให้ได้ยินกันแค่ 2 คน “ ไม่เป็นไรเราไม่อาย “เดี่ยวลอยหน้าลอยตาบอกน้ำเสียงยียวน เออ แต่ ตูอายนี่   

“ นายทำอย่างนี้ไม่ได้นะ นายมาจับมือเราแล้วแฟนเรามันจะคิดไง “ เก่งหมายถึงไอ้แก้วผู้เป็นแฟนรับจ้างให้เขา

”แล้วอีกอย่างนายก็เป็นแฟนส้มนี่  ส้มน่ะมันเพื่อนเรานะ “

“ นายนี่ทำไมชอบยกเราให้คนอื่นนะ  เราบอกแล้วว่าเราไม่ได้เป้นแฟนกับส้ม  แล้วเราก็แน่ใจว่านายไม่ได้เป็นแฟนกับแก้ว  ฉะนั้นตอนนี้นายกับเราโสดทั้งคู่ก็จับมือกันได้ “ ดูมันหาเหตุผล !  โคตรหน้าด้านเลย

“ นี่ นายมารู้ได้ไงว่าเรากับไอ้แก้วไม่ได้เป็นแฟนกัน หา !  อีกอย่างส้มก็ยืนยันหนักหนาว่านายเป็นแฟน “ ถึงแม้จะโดนจับได้ว่าโกหกแต่เก่งก็ไม่ยอมแพ้

“ เออ เรื่องนั้นน่ะช่างมันเหอะ เอาเป็นว่าตอนนี้ทิ้งเรื่องคนอื่นไปก่อนแล้วกัน  ช่วยคิดถึงแต่เรื่องเรา 2 คนเท่านั้น  เข้าใจไม๊ “ เอ๊ะ เรื่องของเรา 2 คน  นี่ตูกับมัน เป็นแฟนกันเรอะถึงเรียกเรา    แต่แค่นั้นอยู่ๆหน้าก็แดงวูบขึ้นมาเฉยๆ  เก่งเงียบทันควันหันมองวิวไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย ที่ดูยิ้มสดฃื่น

“ มาแล้ว..ว “ เสียงไอ้แก้วดังมาก่อนตัวมองมางง  เก่งเอากระเป่าทัมมือที่ถูกจับไว้ไม่ให้แก้วสังเกต

“ เฮ้ย แก้วขอแลกที่นั่งนะ “ เสียงห้าวของเดี่ยวบอกกับแก้วที่ยังงง แต่ก็พยักหน้าหงึกๆ อมยิ้ม 

“ จะนั่งด้วยกันก็ไม่บอกแต่แรก “ แล้วไอ้แก้วเพื่อนผู้แสนดีก็นั่งลงอ่านหนังสือต่อไม่สนใจใคร  ปล่อยให้เก่งเผชิญชะตากรรมคนเดียว

“ นี่เลิกเบียดเราได้แล้ว เราอึดอัดนะเว้ย “ เก่งชักทนไม่ไหวเพราะ ตอนนี้ตัวเริ่มแบนแล้ว   

“ ไม่ !จนกว่านายจะขอโทษเราที่เตะขาเรา” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นต่อ เก่งรู้สึกหมั่นไส้น้อยๆ แต่ก็ต้องยอมเพราะอึดอัด “ก็ได้ ขอโทษ”

“ ไม่เอา ขอหวานๆดิ “ โอย ไอ้นี่เรื่องมาก 

“ ขอโทษคร้าบ “ เก่งกัดฟันบอกรู้สึกเสียเชิง  งานนี้ต้องเอาคืน

“ ก็แค่เนี้ย “ ว่าแล้วนายหน้าขาวก็เขยิบออกแต่มือไม่ยักปล่อย ยังนั่งอมยิ้มสะใจอยู่ได้  มันจะดีกว่านี้แน่ถ้าเก่งไม่ได้ประสานมือไปกับเดี่ยวด้วย!

รถ ไฟยังคงแล่นไปเรื่อยจาก ครึ่งชั่วโมง. กลายเป็นสองชั่วโมง  จากสอง  ชั่วโมงกลายเป็นสามชั่วโมง   แต่รถไฟก็ยังไม่ถึงสักที !   นี่มันเพิ่งถึงแค่เพชรบุรีเองรึเนี้ย  ทุกคนเริ่มนั่งกระสับกระส่าย รู้สึกเมื่อยก้นกบ สาวๆเริ่มบ่น มีแต่ไอ้แก้วคนเดียวเท่านั้นที่ยังเย้ยเพื่อนด้วยน้ำเสียงมีชัย

“ เป็นไงล่ะ โรแมนติกดีมะ “ แพทกะบีมที่นั่งเก้าอี้ อีกฝั่งหนึ่ง   ส่งค้อนขวับเข้าให้   

เก่งเองก็เมื่อยบวกกับความง่วงที่สะสมมาตั้งแต่เช้า  ทำให้นั่งสัปหงก  แต่รู้สึกมีมือใหญ่ดันหัวของเก่งอย่างเบามือให้ซบลงกับไหล่หนาๆ  เก่งลืมตามองงง ขืนหัวออก

“ เอ้านอนลงซิ จะได้หลับสบาย “ เก่งยังคงงงเพราะง่วง

“นอนเหอะนะ! “ รู้สึกง่วงเต็มที่ เก่งเอียงหัวลงตามคำสั่ง  ยิ้มกับตัวเองแล้วผล่อยหลับไป...


{ เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }

andy_kwan

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจังเลย เก่ง+เดี่ยว
เดี๋ยวจะตามมาอ่านต่อ

joypluss

  • บุคคลทั่วไป
จะมีกุ๊กกิ๊กๆกันที่ทะเลป่าวเนี่ย..อิอิ  :m13:

ออฟไลน์ duchess

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 153
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-4
 :m23:

อ้างถึง
ติดกันเป็นรถราที่ถนนวิภาวดีขาออกในวันศุกร์สิ้นเดือน

555+ เอาซะนึกภาพออกเรยค้าบบบ

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 16


“เก่งตื่นได้แล้ว  ตื่นสิถึงแล้ว “ เสียงกระซิบดังอยู่ใกล้ทำให้เก่งลืมตามองรอบๆอย่างงงๆ   ที่นี่ที่ไหน!   โอย กำลังหลับสบายเลย

เดี่ยวมองสภาพ เก่งที่เพิ่งตื่นขึ้นมาอย่างขำๆ ทำอย่างกะเด็กหลงทางแน่ะ     เหงือที่ซึมจากหน้าของไอ้เด็กตัวน้อยของเขา   ยังเปียกอยู่ที่หัวไหล่กลิ่นหอมอ่อนของแป้งเด็กที่เก่งใช้ติดอยู่จางๆ    มันทำให้เขาไม่รู้สึกเมื่อยที่โดนพิงไหล่ กลับกันเขารู้สึกเหมือนหัวใจมันย้ายจากหน้าอกมาที่หัวไหล่   หึๆ เรานี่บ้าไปใหญ่แล้ว !   

เด็กน้อยของเดี่ยวยังคงงงๆจนเดี่ยวต้องจูงมือลงจากรถไฟ   หน้าตาดูสลึมสลือบอกบุญไม่รับเหมือนเด็กอดนอนมากๆทำให้   เดี่ยวมองหน้าอีกฝ่ายขำๆ  เฮ้อ!ไอ้เก่งนี่มัน เกิน 5  ขวบรึยังเนี้ย!

แล้วเด็กตัวน้อยๆของเดี่ยวก็ทำให้เขาแปลกใจอีกครั้ง ตลอดเวลาที่นั่งรถต่อมายังรีสอสร์เก่งเอาแต่หลับตลอดทาง     แต่เมื่อก้าวลงจากรถเข้าสู่รีสอทร์ของลุงไอ้พัฒน์  เก่งก็แปลงกายเป็นเด็กบ้าพลังเปลี่ยนเป็นคนละคนทันตาเห็น  จนเดี่ยวตามอารมณ์ไม่ทัน

รีสอทร์ของลุงกับป้าของพัฒน์ อยู่ไกลจากหัวหินมาประมาณ  10 กิโลจึงทำให้ดูเงียบสงบเหมาะสำหรับการพักผ่อนตากอากาศ   นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนขาประจำซะเป็นส่วนใหญ่ และมักเป็นแขกชาวต่างประเทศ  เพราะ ต่างติดใจบรรยากาศที่ดี และ ความเป็นมิตรตัวเจ้าของ

ตัวรีสอท เป็นอาคารทรงปั้นหยาแบบโบราณที่ยังดูไม่เก่า  แยกออกเป็นหลังๆ เล็กใหญ่เรียงราย ต้นไม่ใหญ่ร่มครึ้มเย็นสบาย  ด้านหน้าเป็นศาลารับลมขนาดใหญ่  ล้อมรอบไปด้วยต้นลีลาวดีต้นใหญ่ๆ ที่โปรยดอกร่วงลงพื้นหญ้าเขียว    ชายหาดขาวสะอาด  สลับกับโขดหิน  เลยออกไปไกลทางซ้ายมือ เป็นหน้าผาเล็กๆมีเส้นทางเดินป่า ที่ทางรีสอทร์จัดไว้ให้นักท่องเที่ยว

อาหารทะเลมื้อใหญ่ที่เป็นอภินันทนาการจากลุงกับป้าของไอ้พัฒน์ ถูกวางเรียงรายเต็มโต๊ะอาหารตัวยาว  เดี่ยวรู้สึกว่ามันมากมายเกินกว่าคน 7 คนจะกินหมด  แต่เมื่อทุกคนเริ่มลงมือกิน   มันทำให้เดี่ยวรู้ว่าเค้าคิดผิด เพราะอีก 6 คนที่ร่วมวงกินข้าวกันอยู่นั่น กลายร่างจากเด็กมัธยมเป็นปอบ !

ทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะถูกกวาดเรียบโดยใช้เวลาไม่นาน  เออนะ  ไอ้พวกนี้นี่มันเหมือนกันนี่เองถึงคบกันได้    เดี่ยวยิ้มขำเมื่อเห็นหัวหน้าปอบที่นั่งข้างเขาลูบท้องไล่ความอึดอัด แต่ก็ลุกขึ้นมากินต่อได้เมื่อเจอของหวาน    โห  ไอ้เก่งนี่มันกินมากขนาดนี้ทำไมไม่โตนะ !.   เฮ้อ !ใครได้ไปเป็นแฟนกระเป๋าฉีกแน่ๆ  เดี่ยวคิดแล้วหันมองคนข้างๆที่นั่งกินของหวานอย่างมีความสุข     เอ  แต่ก็นะ! กระเป๋าฉีกก็ยอมวะเรา!

 

“ เฮ้ยๆลุกๆ  ไปเล่นน้ำทะเลกันเหอะ “   เก่งตะโกนบอกเพื่อนๆกำลังเอนหลังเคลิ้มๆบนเสื่อที่ปูใต้ต้นลีลาวดี หลังจากฟาดข้าวเที่ยงมื้อใหญ่

“ ไม่อาอ่ะ ง่วง!  จานอน ไปเล่นคนเดียวไป๊“ เสียงไอ้แก้วที่ขยับตัวหนีการรังควานของเก่ง ร้องไล่ให้ไปไกลๆ

“ กูก็ไม่ไป ร้อน! กลัวดำ “ ไอ้พัฒน์บอกออกมาก่อนเมื่อเห็นเก่งหันมองหลังจากผิดหวังจากไอ้แก้ว   

“ ไอ้พวกบ้า ไปคนเดียวก็ได้วะ “ เก่งงอนเมื่อไม่มีใครสนใจไปด้วย จะมีก็แต่อีกคนที่ยังไม่หลับทำท่าสนใจจะไปด้วย แต่รอให้เขาชวน   เอ มันก็น่าชวนนะ   แต่ไม่ชวนดีกว่าเมื่อกลางวันอยากแกล้งตูทำไม !

เก่งมองไปที่ชายหาดที่มี่หมาตัวโตกำลังคุ้ยทรายเล่นอย่างเมามัน  อะ เค้าได้เพื่อนเล่นแล้ว   เก่งถอดเสื้อออกแล้ววิ่งถลาลงไปเล่นกับเจ้าหมาที่กระดิกหางรอเหมือนรู้กัน     

เดี่ยวนั่งมองภาพที่เห็นอย่างขำๆ แยกไม่ออกเลยว่าไหนคนไหนหมา เพราะทั้งหมาทั้งคนวิ่งเล่นกลิ้งเกลือกทราย โดดลงน้ำ จนมอมไปด้วยกันทั้งคู่   ผมรองทรงที่เริ่มยาวของเก่ง   เปียก สะบัดไปตามแรงวิ่ง ทั้งที่มีทรายเกาะติดอยู่   เนื้อตัวมีทรายเกาะติดไปตามผิวขาว ๆ มันทำให้เดี่ยวไม่มีสมาธิจะอ่านหนังสือ  ต้องวางหนังสือลงมองความสดใสที่ดูเย้ายวนนั่นอย่างเพลินตา 

เสียงหัวเราะร่าเริงที่ ผสมกับเสียงเห่า ดังห่างออกไป เมื่อเก่งเริ่มเดินห่างจากด้านหน้าของรีสอทร์ไปสำรวจยังหน้าผาเล็กที่ห่างออกไปลิบๆ โดยมีเพื่อนที่เพิ่งสนิทกันวันนี้  เดินคลอเคลียขาตามไปชวนเล่นต่อ   เดี่ยวยิ้มมุมปากเมื่อคิดอะไรได้แว๊บนึงแล้วถอดเสื้อวิ่งตามออกไป

 

ใกล้กับหน้าผาที่รกครึ้มด้วยต้นไม้เหนือพื้นทรายที่สะอาดราบเรียบ มีปราสาททรายเล็กที่เก่งเพิ่งสร้างขึ้นใหม่ๆ  ข้างกันมีเพื่อนใหม่ที่นอนกัดกิ่งไม้อยู่  เก่งรู้สึกสนุกกับการที่ได้เที่ยวทะเล นี่มันนานมากแล้วมั้งที่ไม่ได้มา แดดอุ่นๆทำให้ เก่งล้มตัวลงนอนเหยียดยาวริมชายหาดปล่อยให้คลื่นซัดสาดเข้าหาตัว หลับตาลงอย่างผ่อนคลาย    โดยไม่รู้ว่ามีสายตามองใครบางคนที่หยุดมองอย่างตะลึง

 
เดี่ยวจ้องภาพข้างแล้วรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว  เด็กตัวน้อยที่ตอนนี้ไม่ได้เป็นเด็กอย่างที่คิด  ตัวขาวๆที่นอนอยู่กลางคลื่นที่ซัดเข้ามา  ดูมันช่างเร้าใจ เขาชะมัด!

 
“ เก่ง “ เสียงดังมาจากข้างหลังไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป้นใคร 

“ทำไมเดินมาไกลจัง มันอันตรายนะ“  เดี่ยวบ่นพร้อมนั่งลงข้างๆแต่อีกฝ่ายที่ลุกขึ้นมานั่งอย่างรำคาญใจ   

“เรามาดูหน้าผา แล้วนายตามทำไม ”เก่งย้อนถาม

“ อ้าวแล้วกันคนอุตสาห์เป็นห่วง  “  เฮอะ ! ไอ้อันตรายที่ว่าน่ะนายมากกว่า  เก่งคิดระแวง  เมื่อเห็นรอยยิ้มมุมปากเกิดขึ้นวูบนึง

“ นี่ เก่งเราขอคุยเรื่องคืนนั้นหน่อยดิ “ อ้าวไอ้นี่อีกแล้ว  ยังคิดไม่ทันขาดตอนเลย     เก่งลุกขึ้นมาดื้อๆ

“ เรากลับแล้วนะ “ เก่งจะเดินหนีแต่มือที่ไวกว่าดึงไว้

“เดี๋ยวดิ คุยกันก่อน “  เก่งรู้สึกสยองเมื่อเดี่ยวยิ้มแววตาแปลก ๆ

“ ไม่เอาจะกลับแล้ว    เฮ้ย !“  เดี่ยวไม่พูดพร่ำทำเพลงคว้าเก่งลากเข้าตรงซอกหินที่หน้าผา   เก่งใจเต้นตูมสุดขีดเมื่อโดนกดให้นอนลงบนพื้นทรายแล้วโดนอีกฝ่ายทับไว้จนขยับตัวไม่ได้   

“ นายจะทำอะไรน่ะ  เฮ้ยปล่อย “ เก่งร้องลั่นเมื่อเดี่ยวก้มหน้าลงซุกที่ข้างแก้มแล้วเลื้อยลงมาที่ซอกคอ  ช่วงล่างของเดี่ยวกดทับลงอย่างหนักหน่วงจนบางสิ่งที่แข็งๆร้อนจัด บดเบียดเข้ากับสิ่งหนึ่งของเก่งที่เริ่มร้อน 

“ เดี่ยว อย่า  อา “เสียงร้องห้ามเมื่อ เดี่ยวจดปากลงที่หน้าอก วนเวียนจูบไล้จนเก่งสะท้านไปทั้งตัว  เก่งหลับตาปี๋ทั้งกลัวทั้งสะท้าน  มือของเดี่ยววนเวียนลูบไล้ไปมาที่ท้องน้อยแล้วเลื่อนลงไปจะดึงกางเกงที่เก่งใส่อยู่

“ ไม่ พอแล้ว “ เก่งดึงกางเกงไว้ไม่มันเลื่อนออกไปจากตัว มือพยายามผลักไหล่ของเดี่ยวออก แต่แรงไม่มี เดี่ยวยังคงไม่สนเคลื่อนหน้าลงวนลิ้นที่รอบสะดือ   เลื่อนหน้าลงไปยังส่วนที่เก่งพยายามเอามือมาปกปิด แกะมือนั่นออก พรมจูบลงไปจนทั่ว  เก่งสะดุ้งตัวแอ่นลอยรู้สึกสะท้านไปทั้งตัว     เดี่ยวมองปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ยิ้มอย่างพอใจในผลงานเมื่อเห็นอีกฝ่ายนอนนิ่งสิ้นฤทธิ์ตัวสั่นสะท้าน หอบหน้าแดง  อยากจะทำให้มันมากกว่านี้ แต่ต้องรอให้เก่งบอกว่าต้องการเขาก่อน    เดี่ยวเคลื่อนตัวมาทับร่างบางไว้อีกครั้ง  ก้มหน้าลงหอมแก้มใสๆ ของเก่งที่เบือนหน้าหนีอย่างกลัวๆ  น้ำตาเริ่มคลอ

“ เป็นไงมั่ง  ทีนี่นายรู้รึยังว่าคนที่เค้าจะมีอะไรกัน มันรู้สึกไง “ เดี่ยวกระซิบเสียงแผ่วจมูกยังคงวนเวียนอยุ่ที่แก้มของเก่ง

“ แล้วนายมาบอกเราทำไม เราบอกแล้วว่าไม่อยากคุยรู้เรื่องนี้ “ เก่งเถียงแผ่วๆ  ตัวสั่นอยู่ใต้ร่างที่ยังนอนทับอยู่

“ เราแค่จะบอกว่าคืนนั้นนายกะเรายังไม่มีอะไรกัน  แต่นายไม่ฟังเราเอง   เราเลยอยากทำให้นายรู้  ว่ามันเป้นยังไงเผื่อนายจะอยากยอมเราขึ้นมามั่ง “ เดี่ยวบอกอย่างเย้ายั่ว เก่งอายจนไม่กล้ามองหน้าอีกฝ่าย นี่เขาคิดมากไปเองเรอะ ก็ใครจะไปคาดว่ายังบริสุทธิ์อยู่  เล่นแก้ผ้ากันซะงั้น ตอนนี้ความกลัวไม่มีหลงเหลือ  กลายเป็นความแค้นใจแทน  แต่ยังเงียบอยู่เพราะตกเป็นรอง 

“ งั้นตกลงนายจะยอมให้เราจูบนายได้รึยัง “ เดี่ยวถามเสียงกระเส่า ก้มหน้าลงจนลมหายใจร้อนรดหน้าเก่ง 

“ อืม นายหลับตาก่อนนะ “ เก่งบอกเสียงแผ่ว  เดี่ยวยิ้มอย่างลิงโลดหลับตาลงพร้อมยื่นหน้าเก่งจูบได้ถนัดๆ  ทรายกำใหญ่ถูกโป๊ะเข้าปากของเดี่ยวจาก เก่งที่กำลังโมโห

“ เฮ้ย !  ทรายที่ซัดเข้าเต็มปากทำให้เดี่ยวเผลอปล่อยมือจากเก่ง  ความโมโหวูบขึ้นมาในหัว   เก่งถือโอกาสวิ่งหนี เมื่อเป็นอิสระ  แต่เดี่ยวที่ขายาวกว่าวิ่งตามไม่กี่ก้าวก็กระโจนที่เดียวรวบเก่งไว้ในอ้อมแขนได้  “ เฮ้ย ปล่อย !” เก่งดิ้นแรงสุดกำลังจนเดี่ยวที่รวบตัวเขาไว้เสียหลักล้มลง กลางคลื่นที่ซัดสาด


“ เล่นแรงอย่างนี้ งั้นนายก็เจอของจริงเลยแล้วกัน “ตาที่มองแบบถมึงทึงทำให้เก่งสั่นไปด้วยความกลัว  เดี่ยวคำรามกดเก่งให้นอนลง พร้อมซุกหน้าลงที่ซอกคออีกครั้ง  มือ2ข้างเก่งถูกจับกำยันไว้เหนือหัวโดยมือข้างเดียวของเดี่ยว  มือข้างที่ว่างกระชากกางเกงของเก่งออกจนมันเลื่อนหลุดไปกองที่เข่า   

เก่งหัวใจกระตุกวูบจะพยายามดิ้นรนแต่มือยังโดนเดี่ยวกำไว้แน่นไม่หลุด   เดี่ยวซุกไซร้ไปทั่วรุนแรงเอาแต่ใจ  ก่อนผงกหัวขึ้นมอง เดี่ยวยิ้มสะใจมองดูเก่งไปทั่วตัว แต่มาสะดุดกับหน้าของเก่งนิ่งเงียบมองหน้าเดี่ยวเขม็งสั่นๆน้ำตาทะลักออกมาจากตาเหมือนคนช๊อกหนัก ๆ  เดี่ยวหุบยิ้มขมวดคิ้วมอง น้ำตาที่ไหลเป็นสายโดยตัวคนร้องไม่ได้สะอึกสะอื้นแม้แต่น้อย  นั่นทำให้เขารู้สึกใจหายวูบ นี่เขาทำรุนแรงไปเหรอ !

“ เก่ง อย่าร้องไห้ เราไม่ทำอะไรแล้ว  อย่าร้อง “ เดี่ยวดึงเก่งตัวที่ยังสั่นๆขึ้นปลอบ กอดไว้เมื่อเห็นเก่งยังคงนิ่งเงียบ

 “ อย่าเกลียดเรานะเก่ง อย่าเกลียดเรา “  เก่งที่ยังคงนิ่งอยู่ในอ้อมกอดมันทำให้เดี่ยวกลัว 

“ อย่าร้องนะ เราขอโทษ นายจะว่าเรายังไงก็ได้แต่อย่าเกลียดเรานะ “  เดี่ยวเช็ดน้ำตาให้เก่งแล้วกอดไว้แนบอกแน่นเนิ่นนานไม่มีเสียงพูดจากเดี่ยว  มีแต่เสียงหัวใจเต้นรัวที่ด้วยความกลัว   นั่นให้เก่งรู้ว่าเดี่ยวคนเดิมกลับมาแล้ว หลังจากที่เดี่ยวอีกคนที่เค้าไม่รู้จักผ่านเข้าทำให้เขากลัว   

“ เราอยากกลับแล้ว  “  เก่งยันตัวออกพลางลุกขึ้น ไม่รู้สึกกลัวแล้ว  แต่ขาก็ยังสั่นอยู่ไม่มีแรงเดิน

“ ไป ! เราพากลับเอง “ เดี่ยวคว้าเก่งขึ้นขี่หลัง  เก่งดูเกร็งๆตัวอย่างระแวง แต่ก็ผ่อนคลายในที่สุด 

“ ขอบคุณนะ พี่เดี่ยว “ เสียงบอกแผ่วที่ทำให้คนตัวใหญ่ใจคอดีขึ้น นี่เก่งมันหายโกรธแล้วสินะ   

“ ไม่ต้องขอบใจหรอก  ขอแค่ไม่เกลียดเดี่ยวก็พอแล้ว   “   เดี่ยวยิ้มกับตัวเองรู้สึกโล่งไปหมด   เห็นเก่งกลับกลายเป็นเด็กน้อยคนเดิม ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก

 
“ นี่ ๆ พี่เดี่ยว อย่าเพิ่งดีใจ ไม่เกลียดแต่ยังไม่หายโกรธนะ    “  เก่งรู้สึกหมั่นไส้คนที่ให้ขี่หลังเมื่อรุ้ว่าเขาอารมณ์ดีขึ้น  เดินผิวปากเบาอย่างสบายอารมณ์  แต่ก็ชะงักเมื่อได้ยินเสียงเตือน   

“ อ้าวแล้วกัน  ยังโกรธอยู่เหรอ อุตสาห์ให้ขี่หลังนะ “

“ ไม่เกี่ยวเลยพี่เดี่ยว  เราโกรธนะที่พี่เดี่ยวมาหลอกเรา  รู้เปล่าว่าเรารู้สึกแย่ไปเลย “  เก่งบ่นอยู่บนหลังของคนตัวโตที่รู้สึกดีเมื่อเก่งเรียกเขาว่า” พี่ “   เหมือนตอนเด็กๆ

“ แล้วจะให้ทำไงถึงจะหายโกรธ “ เดี่ยวถามอย่างเอาใจเมื่อเห็นเด็กน้อยบนหลังกำลังอารมณ์ดี 

“ ก็อยากให้ทำให้หลายอย่างนะ  แต่ตอนนี้คิดไม่ออก เดี๋ยวคิดออกแล้วบอกได้มั้ยล่ะ” เก่งยิ้มยื่นหน้าไปมองหน้าคนที่กำลังแบกตนอยู่เพื่อให้ขอคำตอบรับ

“ ก็ได้ “ แล้วสัญญาผูกมัดก็ถูกเอ่ยออกมาจากปากของเดี่ยว  เก่งยิ้มรับ

“ งั้นตอนนี้ วิ่งกลับห้องไปเล้ย ! “

“ ได้เลย !“  แล้วคนตัวใหญ่ก็ออกวิ่งฉวัดเฉวียนสะบัดไปมาทำท่าทางเหมือนม้าพยศ พาคนที่อยู่บนหลังไปยังห้องพัก  เสียงหัวเราะที่ผสมกับเสียงร้องโวยวายของทั้งคู่ดังก้องอยู่ในสายลมของชายทะเล

 
“เอาล่ะ ถึงแล้วครับ “ แล้วม้าพยศตัวใหญ่ก็มาถึงห้องพักขนาดหกคน  ในเรือนพักขนาดย่อมที่ลุงกะป้าของพัฒน์จัดไว้ให้   เดี่ยววางเก่งลงแล้วไขกุญแจ   เก่งเหนียวตัวจัดก้าวห้องอย่างรีบร้อน

“ เราขออาบน้ำก่อนนะ เดี่ยว“   เก่งหยิบเสื้อผ้าแล้วก้าวหายเขาไปในห้องน้ำแล้วงับประตูไว้อย่างรีบๆ

เดี่ยวมองตามร่างเล็กตัวขาวที่เดินไม่ใส่เสื้อเข้าห้องน้ำไป จริงๆ อารมณ์ที่มันคุขึ้นมายังไม่สงบลง  ก็นะ ! คนที่ก่ออารมณ์ให้เขายังเดินเฉียดไปเฉียดมา  แถมเมื่อกี้ยังขี้คอตัวสีกันจนเขาแทบลุกเป็นไฟ แต่ตอนนี้ยังทำอะไรไม่ได้ เฮ้อ ! ทรมานซะจริง   เดี่ยวยืนพิงอยู่ข้างประตูห้องน้ำ ถอนใจเฮือก มือเอื้อมไปหมุนลูกบิดหวังให้มันไม่ล็อค   เฮ้ย! ไม่ได้ล็อคนี่   แต่อย่าดีกว่าเดี๋ยวไอ้เก่งมันโกรธอีก    แต่ก็........ เอาวะ แค่อาบน้ำด้วยแค่นี้คงไม่โกรธหรอกมั้ง...

เสียงฝักบัวดังจนคนข้างในไม่ได้ยินเสียงลูกบิด เดี่ยวถอดกางเกงที่เปื้อนทรายออกแง้มปะตูแล้วปิดล็อคมันอย่างเบามือ   เก่งยังคงไม่รู้ว่ามีคนแปลกปลอมยืนดูเขาอาบน้ำอยู่ไม่ห่าง   โอยทนไม่ไหวแล้วโวย!

ร่างที่อยู่ท่ามกลางน้ำฝักบัวที่รดลงมา  เร้าอารมณ์ ซะจนทำให้มือใหญ่ๆของใครบางคนอยู่เอื้อมมากอดข้างหลังอย่างอดไม่ได้   “เฮ้ย “ เก่งสะดุ้งเฮือกตกใจสุดขีด   ไม่ต้องคิดแล้วว่าใครเพราะไอ้คนที่ทำงี้ได้มีคนเดียว

“ อย่าทำอะไร บ้าๆ นะ” เก่งร้องเตือนอย่างหวั่นๆ รู้สึกว่าคราวนี้อาจไม่รอดเหมือนเมื่อกี้แน่ ทำไงดี  แล้วนี่ทำไมตูสะเพร่าขนาดลืมล็อคประตูขนาดนะนี่   

“ เราเปล่าทำอะไรนะแค่จะอาบน้ำด้วย ขี้เกียจรอ “  เก่งไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อยเพราะหลักฐานมันแนบอยู่ที่ด้านหลังเขา และนั่นแหละทำให้เก่งไม่กล้าขยับเพราะถ้าขยับต้องโดนมันแน่   

“ คิดว่าเราจะทำอะไรเหรอ  “เสียงหัวเราะขำๆเมื่ออีกฝ่ายตัวแข็งเป็นหินไปแล้ว

“ ก็ .... ถ้างั้นก็ปล่อยมือดิ อยากจะอาบก็อาบไปดิ ทำไมต้อง....” เก่งเว้นไว้ไม่พูด รู้สึกอายมากๆที่จะพูดว่าเดี่ยวกำลังกอดเขาอยู่ 

“ ก็ได้ งั้นนายอาบน้ำให้เราหน่อยนะ “  เดี่ยวกระซิบ จับเก่งให้มาประจันหน้า

“ เฮ้ย ไอ้บ้านี่ “ เก่งหลับตาปี๋เมื่อเห็นคนตรงไม่ได้ใส่อะไรเลยแม้แต่ชิ้นเดียว

“ อายทำไม ตอนเด็ก แก้ผ้าอาบน้ำด้วยกันบ่อยจะตาย “  มันจะไปเหมือนได้ไงว่ะ ไอ้เดี่ยว!  นี่มันโตแล้วนะ แล้วเอ็งก็ ....

“ นี่ๆลืมตาได้แล้ว ใส่กางเกงแล้ว “  เดี่ยวบอกขำๆเมื่อเห็นคนตรงหน้ายังหลับตาเอาเป็นเอาตายไม่กล้าลืมตามอง จนต้องหยิบกางเกงมาใส่ 

“ เอ้า ลืมตาสิ “ เก่งค่อยแง้มตาดูนิดหน่อยเมื่อเห้นว่าปลอดภัย เลยลืมตาขึ้นเต็มที่ ถอนใจเฮือก 

“ ทำไมต้องเล่นอะไรแผลงๆอยู่เรื่อยวะ “ 

“ก็เรากลัวนายขาดทุนที่วันนี้เราเห็นของนายไปแล้ว เราเลยให้นายดูบ้าง “ คำตอบของเดี่ยวทำให้เก่งอึ้งเงียบหน้าแดงวูบ   ไอ้หน้าด้าน !

“ นี่เลิกพูดเรื่องนี้ซะที่ดิ   จะให้อาบน้ำให้ก็นั่งลง “  เก่งร้องสั่งเมื่อรู้สึกว่า อีกฝ่ายยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นเขาอาย  สายตาที่จ้องมาดูมีแวววูบพิลึก แต่ก็นั่งลงกับพื้นห้องน้ำโดยดี   มือเล็กๆของเก่งขยี้แชมพูลงบนหัวของคนตัวโตที่นั่งเอนหลังพิงขาของเขา  เสียงคุยของคนนั่งยังเจื้อยแจ้วไปเรื่อย ชวนคุยเรื่องนู่นเรื่องนี้ตลอดเวลา  แต่เก่งก็ยังคงนิ่งเงียบ มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อย่างเกินจะบรรยาย  เฮ้อ อยากอยู่อย่างงี้นานๆจัง  ไม่อยากกลับเลย

“นี่ทำไมเงียบล่ะ คิดอะไรอยู่ “  เสียงเรียกของเดี่ยวดึงให้เก่งกลับมาสู่ความเป็นจริง  ไม่มีเสียงตอบจากเก่งเพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง

“ เก่ง เราขออะไรนายอย่างนะ  อีก 2 วันที่เหลือน่ะ อย่าคิดเรื่องคนอื่นได้ไม๊  “ เสียงอ้อนวอนดังขึ้นพร้อมดวงหน้าที่หันกลับมาสบตา   เก่งจ้องตาตอบเหมือนจะค้นหาความจริงจากสายตาที่อ้อนวอน

“ ทำไมนายถึงต้องการแบบนั้น “เก่งยังคงมองลึกลงไปในดวงตาคมหวังว่าจะเจอคำตอบอยู่ลึกๆ

“เรา..... คือ ... เออ นายอย่าถามเลยทำตามที่เราบอกเถอะ นะ เราขอร้อง  เราอยากมีประสบการณ์ดีๆร่วมกับนายเหมือนตอนเด็ก” เพียงนั้นเสียงหัวใจของเก่งก็ทะเลาะกันวุ่นวายไปหมด  แล้วจบลงด้วยการที่ฝ่ายสนับสนุนคำพูดเดี่ยวเป็นฝ่ายชนะเพราะสายตาที่มองมาและรอยยิ้มนั่นทำให้เก่งตอบปฏิเสธไม่ลง   เฮ้อ !แล้วนี่เขาก็บ้ามากหน้าแดงก่ำไม่เลิกซะที 

 “ งั้นก้ได้  แลกกับที่นายให้เราขี่หลังแล้วกันนะ “   แต่จริงๆเพราะเก่งเองก็ต้องการให้มันเป็นอย่างนั้นเหมือนกัน   เฮ้อ!ขอโทษนะส้ม !  ขอลืมสัญญาสัก  2  วันแล้วกัน ....   

sakuamru

  • บุคคลทั่วไป
ความทรงจำ [ the Remember ] # PART 17


“ เฮ้ย! วันนี้นะ  มีลุงกะป้าข้าเค้าจัด ปาร์ตี้ฉลองส่งท้ายกันนะ  ข้าขอแรงพวกเอ็งหน่อยดิ  “ ไอ้พัฒน์แจ้งข่าวทุกคน หลังจากที่พาดข้าวเที่ยงและเตรียมตัวจะออกเที่ยว

“ ก็เอาดิ ไม่เสียหายนี่  ดีเลย กำลังเกรงใจเหมือนกันที่มาพักฟรีน่ะ “  ไอ้เคนเสนอทุกคนก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย 

“ แล้วทำไมมาจัดวันนี้ล่ะนี่เพิ่งวันที่ 30 วะ” เก่งถามงง 

“ ก็ วันที่31 ป้ากะลุงแกไม่อยู่ เลยฉลองล่วงหน้า  แต่ลุงพงศ์แกให้ลูกมาคอยดุแลแขกแทนแล้วนะ ” ไอ้พัฒน์อธิบาย

 “ แล้วนี่ต้องทำไรบ้างล่ะ “  ยายบีมถามแล้วหยิบกระดาษจะจดรายละเอียด   

“ ก็ทำช่วยกันทำกับข้าวจัดสถานที่ จัดเครื่องดื่มไรประมาณเนี้ย “   ไอ้พัฒน์อธิบายคร่าวๆ

“ แล้วแขกล่ะ มีกี่คน    “ไอ้แก้วถามขึ้นบ้าง

“ ก็ไม่มากนะ ประมาณ  40  คน “  ไอ้พัฒน์บอกแบบธรรมดาๆ แต่เพื่อนตาโต 

“ หา 40 เนี้ยนะไม่มาก “ ยายบีมโวยวาย  “ แล้วนี่มีเวลาเตรียมตัวแค่นี้เองเรอะ   โอย ชั้นจะบ้า  “

 “ นี่อย่าเพิ่งเถียงกันสิ  “ ยายแพทรีบห้ามทัพคู่กัดประจำกลุ่ม   “ ตอนนี้เขาทำไรกันไปมั่งแล้วน่ะ  “

“ ตอนนี้คนงานกำลังจัดไฟน่ะ   แต่ยังไม่ได้ทำกับข้าว “ ไอ้พัฒน์บอกเสียงแผ่ว หน้ามุ่ยเมื่อโดนยายบีมดุ

“ เออ งั้นข้าว่าเราจัดสถานที่ก่อนแล้วค่อยไปช่วยทำกับข้าวก็ได้  “ ทุกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเมื่อเก่งเสนอ

 
เสียงทุ่มเถียงของคนหลายคนดังลั่นจนแขกที่มาพักต้องหันมองแบบงง ๆ  ไอ้พัฒนกับยายบีมยังทะเลาะกันเสียงดังเรื่องแบบการตกแต่งที่แต่ละคนเขียน   ไม่มีใครยอมใคร ส่วนเสียงที่ดังอีกเสียงคือไอ้แก้วที่คอยร้องห้ามอย่างรำคาญๆ

ทุกอย่างดูวุ่นวาย ไปหมด  แต่ในที่สุดก็ตกลงกันได้เพราะทุกคนที่เหลือ นอกจากไอ้พัฒน์กะยายบีม เลือกแบบที่ไอ้แก้ว เขียนเสนอไว้

ผ่านไปกว่ากว่า 3 ชั่วโมง ทุกอย่างก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง  แต่เก่งกับแก้วถูกสองสาวเกณฑ์ให้ไปช่วยทำกับข้าวก่อนที่จะทันเห็นสถานที่ตกแต่งเสร็จสมบรูณ์

ในครัวดูวุ่นวายเพราะมีแม่ครัวกับลูกมือเพียงคนเดียว  เมื่อพวกของเก่งมาทำให้ป้าแม่ครัววัย 40 ดีใจจนออกนอกหน้า สั่งการวุ่นวายไปหมด    เก่งกับแก้วได้หน้าที่เสียบบาร์บีคิว   ส่วนแพทกะบีมนั่งหั่นขนมปังเตรียมทำขนมปังหน้าหมูอยู่ใกล้ๆกัน

“ ไอ้เก่ง  เมื่อวานมึงไปไหนมา ไปเล่นน้ำแล้วหายไปเลย “  ไอ้แก้วถามแต่หน้าที่อมยิ้มทำให้เก่งรู้ว่าไอ้นี่รู้อะไรดีๆ อีกแล้ว

“ แล้ว เอ็งคิดว่าข้าไปไหนล่ะ  “ เขาย้อมถามหยั่งเชิง

“ เอ็งจะให้ข้าบอกไม๊ ว่าข้าเห็นอะไร “ อ้าว เฮ้ย นี่มันเห็นอะไรเนี้ย !!!!!!   

“ แหมเล่นขี่ม้าส่งเมืองกันสนุกเลยนะมึง “  ไอ้แก้วบอกขำๆ “ แล้วพากันเข้าห้องไปเนี้ย ไปทำไรกัน “

“ ก็ไปอาบน้ำดิ  มึงถามแปลกๆ “ เก่งบอกแต่ไม่หมดเว้นคำว่า ”อาบน้ำด้วยกัน” ไว้   

“ แค่นั้นจริงเรอะ  ปิดบังอะไรข้าเปล่า “  โอย! ไอ้เก่งนี่มันอ่านใจออกได้ไงวะ

“ไอ้เฮียนิ  มึงคิดอะไรอ่ะ  “เก่งเขิน ยกตีนเงื้อขึ้นถีบเบา ๆ  “ ฮ่าๆ เขินทำไมล่ะมึง  ถ้าไม่อะไรมึงเขินทำไม! “ อ้าวเสร็จกันมันรู้จนได้  เก่งหน้างอใส่ไอ้แก้วที่หัวเราะอย่างมีชัย 

“ เฮ้ย ไม่มีไรจริงๆ นะเว้ย ก็กูอาบน้ำแล้วก็นอนพัก  แค่นั้น” ไหนๆก็คิดจะโกหกแล้วเอาให้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน

“ เออ ไม่มีก็ไม่มี  อย่าให้กูจับได้นะ  นี่มึงอย่าลืมว่ากูมีสถานะเป็นแฟนมึงอยู่ “ไ อ้แก้วแซวยิ้มๆ   แหมๆ ยังแสดงตัวทำหึงได้สมบทบาทเหมือนเดิม 

“เฮ้ย เก่งแล้วมึงจะเอาไงต่อกับไอ้เดี่ยววะ  ดูมันจริงจังกับมึงนะ   “ เก่งถอนใจกับคำถามที่มันหาคำตอบได้ยาก

“ มันใกล้จบแล้ววะ กูมีเวลาอีก  2  วัน ที่จะอยู่กับมัน แล้วจากนั้นก้จะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน“  เก่งตอบแล้วก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ 

“ ไอ้เก่งมึงฟังกูนะ มึงไม่เห็นจำเป้นต้องทำเพื่อใครเลย  ทำไมไม่ทำตามที่ใจมึงต้องการล่ะ “  เก่งถอนใจอีกเฮือก

“ ก็กูบอกแล้ว กูกะมันไม่ยั่งยืนหรอก   ปล่อยให้เรื่องมันผ่านเลยไป เดี๋ยวกูคงลืมมันไปเอง “ เก่งหันมายิ้ม  ยังไงความหวังดีของเพื่อนก็ยังคงทำให้เขายิ้มได้   

“ ปล่อยให้มันผ่านไปน่ะดีแล้ว  เรื่องของกูกะมันยังไงก็ไม่มีใครรับได้หรอก “ .....

 
“ เฮ้ย ไอ้เก่งกูไปอาบน้ำก่อนนะ “   เก่งหันกลับไปมอง พยักหน้าเชิงตอบรับ  งานตรงหน้ายังเหลือค้างอยู่เล็กน้อย  เก่งยังคงนั่งทำไปอย่างเงียบๆ  ไม่มีสมาธิในที่จะทำงานตรงหน้าเลยเมื่อนึกถึงเวลาที่กำลังเดินหน้าต่อไป มันช่างรวดเร็วกว่าที่เขาจะคว้ามันเก็บไว้ได้   

“ เก่ง “ เสียงของคนที่กำลังคิดถึงดังอยู่ข้างหลัง 

“ ทำไมยังไม่ไปอาบน้ำล่ะ นี่มันมืดแล้วนะ “  ร่างสูงๆ เดินออกจากเงามืดเดินมายังที่ที่เขานั่ง

“ก็ยังทำไม่เสร็จนี่ นายไปก่อนเหอะ “ เก่งหลบหน้าไม่มองหน้าตอบ การเจอหน้ากันตอนนี้มันทำให้รู้สึกชาๆในใจ

 “มา เราช่วย “ คนตัวสูงนั่งลงข้างๆอย่างไม่รอคำตอบ  เก่งนั่งนิ่งเงียบสบตาอีกฝ่ายแววตาละห้อยโดยไม่รู้ตัว  เดี่ยวก็นิ่งเงียบสบตามองเด็กน้อยของเขา  เก่งถอนสายตาออกเมื่อรู้ว่าถ้ามากไปกว่านี้ทุกอย่างมันต้องถูกเผยออกมา

“ เสร็จแล้ว  “ เก่งลุกขึ้นถือถาดของที่เพิ่งทำเสร็จ  หันไปวางรวมกับของอื่นๆที่เสร็จแล้ว 

“ งั้นเราไปอาบน้ำก่อนนะ” เขาบอกแล้วหันมายิ้มน้อย แล้วก้าวออกจากห้องครัว   แต่ก้มีเสียงพูดของคนที่นั่งนิ่งอยู่ดังขึ้น

“ เก่ง เราอยากให้นายยอมรับเรา  ได้ไม๊ “ เสียงที่ดูวิงวอน ทำให้เก่งชะงักงัน มันยากที่จะให้ตัดสินใจตอนนี้ เพราะความสับสนที่มีมากในใจ     เก่งสะบัดหน้าเดินหนีปัญหาที่เกิดขึ้น   ทิ้งให้เดี่ยวมองมาด้วยสายตาที่ตัดพ้อ

 
ท้องฟ้าสีชมพูม่วงของช่วงเย็นทำให้ทะเลตอนนี้ดูลึกลับลมทะเลของฤดูหนาวทำให้เก่งขนลุกเพราะความเย็น  เส้อโปโลเนื้อบางสีขาวที่สวมไม่ช่วยอะไรเลย  ดีหน่อยที่กางเกงขาสามส่วนของเขาค่อนข้างหนา     เสียงเพลงดังคลอเบาลอยตามลมมาจากศาลากลางสวน   
เขาเดินมาจนใกล้ศาลา หยุดมองบรรยากาศของคืนนี้  แสงเทียนที่ถูกจุดส่องประกายวับๆ ไหวไปตามแรงลม    ม่านเบาบางที่ติดไว้ปลิ้วสะบัด กลางศาลามีร่างสูงมองมา รอยยิ้มน้อยๆ ถูกส่งมาให้เมื่อเก่งเดินเข้าไปใกล้   

“ มาแล้วเหรอ  “  เดี่ยวก้าวเข้ามาประชิดตัว เอื้อมมือปัดผมที่ยุ่งเพราะโดนลม

“ หวีผมมารึเปล่า”  เสียงถามอย่างเอ็นดูก่อนจะล็อกคอให้เก่งเดินตามไปยังโต๊ะ  “

“ แล้วคนอื่นละ  “ เก่งแกะแขนที่ล็อกคอไม่ยอมปล่อย ถามแก้เขิน เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆหายไปกันหมด

“ ไปเดินเล่นกันน่ะ “  แม้จะพูดถึงคนอื่นแต่เดี่ยวก็เอาแต่นั่งเท้าคางจ้องมองเก่ง   นั่นทำให้เก่งรู้สึกวูบวาบแปลกๆ

“ เราไปเดินเล่นด้วยดีกว่า “ เก่งเดินแหวกริบบิ้นที่ถูกผูกทิ้งชายลงมาจากต้นลาลาวดี ให้ดูเป็นม่านปลิ้วๆ   ใจเต้นวูบไหว   เก่งเดินเร็วๆมายังชายหาดที่ยังเงียบสงบ ไม่เห้นเงาเพื่อนแม้แต่คนเดียว  เสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมาทำให้เก่งต้องหันมอง  เดี่ยวนั่นเอง  ที่วิ่งตามมาดึงมื่อเก่งไว้ทันก่อนที่จะเดินหนี 

“นายจะไปไหน ไอ้พวกนั้นมันไปทางโน้น “ อ้าวแล้วกัน !ถึงว่าไม่มีคนเลย

“ นี่นายมาทางนี้ นี่คิดถึงเรื่องเมื่อกลางวันรึไง “  เดี่ยวเย้าเสียงห้าวต่ำ  ทำให้เก่งยิ่งหน้าแดง  “ รึว่านายเกิดติดใจ “

“ ไอ้บ้า “ เก่งพึมพำ  หน้าแดงจนร้อน    คนตัวสูงยิ้มชอบใจดึงเก่งที่หน้ามุ่ยเข้ามากอดคอ พาเดินกลับ “ ล้อเล่นน่า  แค่นี่ทำหน้างอไปได้ “ เสียงหัวเราะเมื่อแกล้งเขาให้อายได้  เก่งหันมองไปที่มือที่กอดคอ อมยิ้มกับตัวเอง แล้วเดินตามไปนิ่งๆ

 
เมื่อแขกเริ่มหนาตา เสียงคุยดังระงมไปทั่ว  เก่งหันไปมองทางไหนก็เป็น เห็นแต่หัวทอง หัวแดง อยู่เต็มไปหมด  ส่วนมากที่จะมาเป็นคู่ฮันนี่มูน  รึไม่ก็เป็นคู่สามีภรรยาวัยเกษียณ    ทุกคู่ดูสวีทหวาน กันท่ามกลงบรรยากาศโรแมนติก  ไม่เว้นแม้แต่ เพื่อนๆของเขา  !


“เฮ้ย พัฒน์เป็นไง “ กลุ่มผุ้ชาย 3 คนที่แต่งตัวเหมือนนักศึกษา เดินเข้ามา  ทำให้ทุกคนในกลุ่มหันมอง   

“ อ้าวพี่พจน์  มาแล้วเหรอ  “ ไอ้พัฒน์ทักอย่างคุ้นเคย   “ พวกเอ็งนี่พี่ข้าพี่พจน์ลูกลุงกะป้าไง  “

“ เออ หวัดดี  น้องคับตามสบายนะ พี่พาเพื่อนมาเที่ยวด้วย ไอ้ตัวสูงนี่ชื่อใหญ่ ส่วนไอ้ดำนั่นชื่อโต้  “ สองหนุ่มที่เหลือ พยักหน้าให้ยิ้มๆเมื่อ เก่งและเพื่อนยกมือหวัดดี   เพื่อนพี่ไอ้พัฒน์นี่หน้าตาดีกันทุกคนเลย  แต่ที่แปลกคือคนที่ชื่อใหญ่มองมาทางที่เก่งนั่งอยู่อย่างตะลึงบวกแปลกใจ 

นั่นทำให้คนตัวสูงที่นั่งข้างๆเขาเขยิบชิดเข้ามาแล้วคว้ามือขึ้นกุม  เก่งงงมองมือ ที่โดนกุม  แต่คนตัวสูงยังทำไม่รู้ไม่ชี้ ยักคิ้วให้กับคนที่มองมา    นั่นทำให้เก่งพอจะเข้าใจว่าเดี่ยวกำลังแสดงความเป็นเจ้าของอยู่   

“ เฮ้ย เดี่ยวปล่อยมือ เราอายคน” แต่ไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แค่เดี่ยวส่งสายตาหวานเยิ้มให้ก็ทำให้เก่งนิ่งลงทันควัน หน้าแดงวูบ

เพลงแนวแจ็สเบาๆ ถูกแทนที่ด้วยเพลงแดนซ์  คู่รักหนุ่มสาวหลายคู่ที่กำลังเริ่มได้ที่จากแอลกฮอลล์  เริ่มออกวาดลวดลายกลางฟลอร์   เก่งเดินตามแรงดึงจากสองสาวแพทกะบีมและแก้วให้ออกไปร่วมสนุกด้วย  เดี่ยวนั่งมองนิ่งดูเก่งที่เต้นอยู่ท่ามกลางกลุ่มเพื่อน  กระดกเครื่องที่ถือเข้าปากเหมือนจะระงับความร้อนจากภายใน   เฮ้อ !  ไอ้เดี่ยวเอ้ย สงสัยงานนี้คงได้แห้งเหี่ยวหัวโตแน่   

สายตาเหลือบไปเห็นกลุ่มเพื่อนพี่ของไอ้พัฒน์ กวักมือเรียกพวกเขาให้ไปนั่งร่วมโต๊ะ   เดี่ยวไม่สบอารมณ์ที่จะไปนั่งด้วยแต่ต้องรักษามารยาท     สายตาของไอ้พี่ใหญ่ยังคงมองไปทางเก่ง ทำให้เดี่ยวรู้สึกขวางๆ   สักพักคนในกลุ่มก็ขอตัวเข้าไปร่วมเต้นด้วย    เหลือแต่เพียงเขากับไอ้พี่ใหญ่ 

“ พี่มองอะไรแฟนผมนักหนา “ เดี่ยวถามขึ้นมาแบบอดไม่ได้

“ แล้วคนไหนล่ะ แฟนนาย คนขาวๆตาโต นั่นเรอะ  “ เสียงถามของอีกฝ่ายแล้วยิ้ม

“ เออ นั่นแหละ ! “ แม่งรู้แล้วยังเสือกถามอีก

“ เฮ้ย สบายใจได้พี่ไม่ได้มองคนนั้น  พี่มองอีกคนนึงอยู่  นั่นน่ะ คนนั้น  “ คนตอบพยักหน้าไปยังแก้วที่เต้นอยู่ข้างกับเก่ง   เออ แล้วไป !

“ นายนี่ท่าทางหลงน้องตัวขาวนั่นน่าดูเลยนะ “ เสียงไอ้พี่ใหญ่แซวขำ  เดี่ยวยิ้มให้อย่างเขิน 

“ ขอเดาอีกอย่างนะ ยังไม่ได้เป็นอะไรกันใช่มะ “ เดี่ยวอึ้ง ทำไมรู้วะ 

“ งง อะสิ  ดูจากอาการของน้องนั่นก็รู้แล้ว   “  เดี่ยวมองหน้าอีกฝ่ายที่หัวเราะขำๆ   

“ พยายามเข้านะน้อง พี่เอาใจช่วย   เอ้า! ชน “  เดี่ยวกระดกเครื่องดืมเข้าปาก แล้วคิดในใจ  มันจะพยายามยังไงก็เหลืออีกแค่วันเดียวแล้ว  เฮ้อ! กลุ้ม.....

 

เพลงดังไกลจากจุดที่เก่งยืน รับลมอยู่  เหงือที่ซึมเริ่มแห้งเพราะลมทะเลที่พัดแรง   ลมทะเลยามดึกหนาวซะจนเก่งต้องห่อไหล่  เมื่อนึถึงหนาวภาพของเดี่ยวก็ลอยเข้าหัวมา  แปลกจริงๆ หนาวที่ไรต้องนึกถึงเดี่ยวทุกที สงสัยโดนกอดจนเคยตัว

“ หนาวเหรอ “ เสียงนุ่มดังมาจากข้างหลัง เก่งสะดุ้งเฮือก 

“ ทำไมชอบมาข้างหลังเงียบวะ  นายนี่ “  เก่งบ่นอย่างรำคาญเมื่อให้อีกฝ่ายยิ้ม ตาเป็นประกาย  ลมหายใจกรุ่นไปด้วยแอลกฮอลล์

“เมื่อกี้เห็นนายท่าทางหนาวนะ มาเราช่วย “  เดี่ยวดึงมือขอเก่งเข้าหาตัว แต่เก่งยันหน้าอกไว้ทัน

 “ เฮ้ย!  ไม่เอา เหม็นเหล้า   นี่นายเมารึเปล่าเนี้ย “   เก่งถามพยายามแกะมือออก แต่มือแข็งๆนั้นแกะออกยากมาก  คนตัวสูงยังคงปล่อยให้เก่งแสดงฤทธิ์เดชอยู่ในอ้อมแขนจนพอใจ  เสียงหัวเราะขำเกิดขึ้นเมื่อเก่งมองหน้าอย่างขัดใจ สบตาลงมาด้วยแววตาประกายกล้าเข้ม   จนเก่งนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด จนต้องก้มหน้าหลบตา

เสียงเพลงเปลี่ยนเป็นเพลงช้าจังหวะเบาๆ  เดี่ยวยิ้มให้เก่งที่อยู่ในอ้อมแขน

“ เต้นรำกับเรานะ “คำขอที่ทำให้เก่งเงยหน้ามองเดี่ยวนิ่งๆ  งงๆ รู้สึกว่าเหมือนหูฝาดแต่รอยยิ้มที่เห็นตรงหน้าบอกให้รู้ว่ามันจริง

 “ นะครับ “  เสียงอ้อนวอนแผ่วๆจากเดี่ยว  มีผลกับหัวใจของเก่งอย่างมาก   เก่งก้มหน้าตอบรับ  หัวใจเต้นตูมๆอยู่ในอก   เดี่ยวเริ่มเคลื่อนตัวไปตามเสียงเพลงก้มมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนัย     เก่งรู้สึกว่าตัวเองลอยเบาหวิวไปกับตามการเคลื่อนไหว   โอยนี่มันไม่ไหวแล้ว

มือข้างหนึ่งของเดี่ยวกดหัวของเก่งให้แนบหน้าอกของตน เก่งสัมผัสได้ถึงเนื้อตัวที่ร้อนผ่าวที่แข็งแกร่ง  เสียวหัวใจของเดี่ยวที่เต้นรัวอยู่ในอกนั่นทำให้เก่งต้องเงยหน้าขึ้นมอง 

“ นายได้ยินเสียงของหัวใจเราไม๊  มันเต้นรัวขนาดนี้เพราะนายนะ” เสียงบอกแผ่วๆ กับลมหายใจร้อนๆทำให้เก่งหวั่นไหวไม่เป็นตัวของตัวเอง หน้าของเดี่ยวเคลื่อนลงมาช้า  เก่งหลับตาพร้อมปล่อยใจให้ไปตามอารมณ์  ยอมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้น

 “ ไอ้เก่ง  !   มึงอยู่ไหน “  เสียงเรียกของเพื่อนๆ ทำให้เก่งสะดุ้งผลัดออกของเดี่ยวออก หันไปทางเสียงตะโกนเห็นเพื่อนเรียกอยู่ไกล ๆ   เดี่ยวชะงักถอนลมหายใจอย่างเสียดายมองตามเก่งที่วิ่งกลับไปยัง      นี่เขาเกือบจะได้จูบแห่งคำสัญญาแล้ว แต่ในที่สุดก็ชวดไปอย่างน่าเสียดาย     เดี่ยวมองตามร่างเล็กที่วิ่งหนีไป นี่โอกาสสุดท้ายของเขา หลุดไปแล้ว หรือนี่…….
 

"เฮ้ย !  ไอ้เดี่ยวหายไปไหนเนี้ย   “ ไอ้แก้วถามเมื่อถึงห้องพักแล้วไม่เป็นเงาของเพื่อนอีกคน    เก่งนึกขึ้นได้ว่าไม่เห็นเดี่ยวอยู่ในงานตั้งแต่ เขาแยกจากมา

“ กูไปตามมันเอง “ เก่งออกเดินกึ่งวิ่งไปยังชายหาด  นี่มันเป็นอะไรรึเปล่าเนี้ย  เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างประหลาด  เก่งวิ่งมาเจอร่างๆหนึ่งนอนนิ่งอยู่กลางชายหาด   เขาวิ่งเข้าหาร่างที่นอนนิ่งอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ    แต่ร่างนั่นยังหายใจอยู่   เก่งโล่งอก  อ๋อมันเมานี่เอง

“ เดี่ยว ตื่นๆ นอนตรงนี้ไม่ได้นะ “  นายตัวสูงที่นอนราบอยู่กับพื้นทราย ลืมตาขึ้นคว้ามือของเก่งไว้  แน่น

“ เก่งเราอยากอยู่กับนาย 2 คน คืนนี้อยู่เป็นเพื่อนเรานะ “เสียงอ้อแอ้แผ่วๆของเดี่ยวดังขึ้น  เก่งที่นั่งยองมองหน้าอย่างชั่งใจ

“ นะ เราข้อร้อง” เสียงอ้อแอ้นั่นอ้อนวอนและมันได้ผลทุกที   เก่งนั่งลงอยู่ข้างคนที่ยังนอนแผ่อยู่ที่ชายหาด  มองทะเลกลางดึกอย่างเงียบ ๆ

อ้อมกอดอุ่นมาพร้อมลมหายใจที่เจือไปด้วยกลิ่นเหล้า
 “ เก่ง ทำไมใจร้ายกะเรานักนะ  ทำไมไม่ตอบรับเราซักที “ คางสากวางลงบนบ่าของเก่งบ่นต่อว่าทั้งที่เสียงอ้อแอ้ 

“ ตอบรับเราเหอะนะ  นะ  “ จมูกปากและคากสากเสียดสีไปมาข้างแก้ม  คนเมาก็ยังคงพึมพำอยู่

“ นะเก่ง นะ “  เสียงพึมพำเงียบลงคนข้างหลังของเก่งนิ่งเงียบไป   อืมหลับไปซะแล้ว แต่ก็แขนยังกอดเขาแน่นอยู่   เก่งมองทะเลที่ซัดสาดไปมาอย่างชั่งใจ สิ่งที่ต้องเลือกตอนนี้มันคือความรัก กับ สังคม  เขาจะเลือกอันไหนดี   เก่งหลับตาลงแล้วบอกกับตัวเอง  ช่างมันเถอะตอนนี้ ขอเป็นแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน....

 

เก่งลืมตาอีกครั้งเมื่อมีมือบางมือลูบหน้าปลุกให้เขาตื่น  งัวเงียลืมตาก็เห็นคนตรงหน้าที่มองมาด้วยตาคมๆ 

“ นายตื่นแล้วเหรอ “  เก่งเงียบแล้วยันตัวลุกขึ้นนั่ง มองฟ้าที่เพิ่งเริ่มมีแสงรำไร ฟ้า 

“ เก่งนายดูนั่น “ เดี่ยวลุกมานั่งข้างๆชี้มือไปที่ขอบฟ้า

 พระอาทิตย์ค่อยๆ โผล่มาจากเส้นขอบฟ้า  แสงสีแดงค่อยเข้มขึ้น  เดี่ยวหยิบมือของเก่งมากุมแล้วรั้งให้เขยิบมาใกล้

 “ เก่งนายจำตอนนี้ไว้ให้ดีนะ  ว่าได้มานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นครั้งสุดท้ายของปีนี้คู่กับเรา  เพราะต่อไปเราอาจไม่มีโอกาสแบบนี้แล้ว นะจำไว้  นะอย่าลืมนะ”   พระอาทิตย์ที่กำลังขึ้นทำให้เก่งใจหายนี่มันวันนี้แล้วหรือ  ทำไมเวลาเดินเร็วขนาดนี้ ....

มือที่ยังจับปะสานกันของเก่งกับเดี่ยว ทำให้สร้อยข้อมือที่ใส่อยู่เกี่ยวกระทบ  เพื่อนๆมองมาที่มือของเก่งกับเดี่ยวแล้วยิ้มๆ แต่ไม่มีใครกล้าแซวเพราะหน้าตาของทั้ง  2 คน ไม่ได้แสดงให้รู้ว่ามีความสุข    เดี่ยวเองก็ยังคงนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา กุมมือของเก่งไว้แน่นเหมือนไม่อยากปล่อยมือนี้อีกเลย

หลังจากที่ลาลุงกับป้าของพัฒน์กลับบ้านแล้ว   เดี่ยวกับเก่งยังคงนิ่งเงียบแต่ก็กุมมือของกันและกันไว้ไม่ปล่อย   ตลอดเวลาที่นั่งรถกลับบ้านมีไม่เสียงพูดหยอกล้อเหมือนตอนขามา    มีแต่ตาของทั้งคู่ที่หันมามองสบตากันส่งผ่านความรู้สึกต่างให้กันตลอดทางที่นั่งรถกลับ

 

“เราไปแล้วนะเก่ง   “ เสียงเดี่ยวเอ่ยลาหลังจากเดินมาส่งเขาที่บ้าน  มือที่กุมประสานกันมาตลอดทางถูกปล่อยออกให้หลุดจากกัน     เก่งมองตามร่างสูงๆ ของเดี่ยวเดินหายไปในความมืด ความรู้สึกที่มันปั่นป่วนทำให้เก่งรู้สึกทรมาน มันเหมือนกับหัวใจเป็นอัมพาต   รู้สึกชาๆอยู่ในหัวใจ

 เก่งมองภาพในกระจกเงาในห้องน้ำอยู่อย่างนิ่งเงียบเหมอลอย  เงาในกระจกสะท้อนให้เห็นเด็กชายคนหนึ่งที่กำลังโต  แต่เก่งไม่ได้มองเห็นเงาตัวเอง  กลับเห็นแต่หน้าของคนตัวสูงที่เพิ่งลากลับไปเมื่อกี้  ”นายตอบรับเราได้ไม๊ “เสียงคำพูดที่ยังดังก้องอยู่ในหัว   เขาเองก็บอกไม่ถูกว่าทำไมไม่ตอบรับเดี่ยว  ทั้งที่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเดี่ยวก็แสดงออกอย่างมาก ว่าคิดมากกว่าเพื่อน ทุกอย่างมันน่าจะลงตัว  แต่มันติดอยู่ที่เขาคนเดียวเท่านั้น !  เขากลัวอะไร


เก่งมองนาฬิกาที่ผนัง อีกครึ่งชั่วโมงแล้วก็จะเที่ยงคืน วันปีใหม่ใกล้เข้าทุกที   การอาบน้ำไม่ทำให้จิตใจดีขึ้น อากาศเย็นของฤดูหนาวดูธรรมดาเมื่อจิตใจยังคงสับสน   เก่งพยายามหาคำตอบว่าเพราะอะไร   แต่ไม่มีคำตอบอะไรเกิดขึ้น   เก่งเดินหยุดมาที่รูปวาดตรงหน้าแล้วดึงผ้าคุลมออก  ภาพวาดที่ของเดี่ยวยังคงหลับใหล  ทำให้เขารู้สึกอย่างจะเจอกับตัวจริงอีกครั้ง   อยากจะคุยด้วยอีกครั้ง

 

เก่งมารู้ตัวอีกทีก็เมื่อตนถือหูโทรศัพท์ เสียงรอสายดังนานเหมือนเจ้าของบ้านไม่อยู่  เก่งถอนใจเมื่อไท่มีใครรับสาย  จะวางหู   

“ สวัสดี ครับ  “ เสียงที่อยากได้ยินดังลอดมา นั่นทำให้เขานิ่งอุนใจขึ้นอย่างประหลาด 

“ สวัสดีครับ !” เสียงเรียกอีกครั้งเมื่อเก่งยังไม่พูดอะไร   

“อืม เราเองนะ” เก่งตอบเสียงสั่นรู้สึกตันๆในลำคอ

“ นายเป็นอะไรรึเปล่าเสียงแปลกๆ ไม่สบายเหรอ “  เสียงถามที่ยังคงเป็นห่วง  นั่นทำให้เก่งเต็มตื้นในใจน้ำตาคลอ  ความรู้สึกอยากเจอหน้ารุนแรงขึ้น  เก่งมองนาฬิกาเหลือเวลาอีกไม่ถึง15 นาที

“ เดี่ยว เราอยากเจอนาย เดี๋ยวเราไปหานะ “ เก่งวิ่งออกจากบ้านเมื่อวางหูไว้โยไม่รอคำตอบ นี่ยังเหลือเวลาอีกกี่นาทีนะ  อีกนาทีจะเที่ยงคืน    เวลาเอ๋ยอย่าเดินเร็วนักนะ

เก่งใช้เวลาวิ่งมาถึงบ้านของเดี่ยวเกือบ 10 นาที คนที่นั่งรออยู่หน้าบ้านลุกขึ้นยืนรอรับหน้าตาเป็นห่วง

“ นายทำไมจะมาตอนนี้ล่ะ  มันดึกแล้วนะอันตราย  “ เดี่ยวดึงมือให้เก่งเดินเข้ามาในบริเวณบ้าน เสียงห้าวๆร้องบ่นเมื่อเห็นเขาหายใจแรงด้วยความเหนื่อย 

“เราจะเอาของขวัญปีใหม่มาให้นายนะ “  เก่งตอบเงยหน้าขึ้นมอง แต่เดี่ยวทำหน้างงเพราะไม่เห็นเขาถือของอะไรมา

“ไหนของขวัญ “  เดี่ยวก้มหน้าลงมองหาของขวัญ 

“ นีไง” เก่งเขย่งสุดตัวจูบปากของเดี่ยวที่ยังไม่ได้ตั้งตัว     ยิ้มให้จางๆ เมื่อถอนปากออก  เดี่ยวยังคงมองเขานิ่ง  “ สุขสันต์วันปีใหม่นะ “ เก่งเอ่ยทั้งน้ำตาคลอ  หันหลังเดินกลับ

“เดี๋ยว !  เรายังไม่ได้ให้ของขวัญปีใหม่นายเลย” มืออุ่นๆจับบ่าไว้ดึงให้เก่งหันหน้ากลับ  แล้วรัดไว้ในอ้อมกอด  ก้มหน้าลงจูบ   เก่งหลับตารับมันไว้อย่างเต็มใจ   เดี่ยวยังคงวนเวียนจูบเขาอยู่เนิ่นนาน เหมือนจะสื่อความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้เขารู้  เสียงพึมพำ ดังอยู่ข้างหูเมื่อกอดเขาแนบออกไว้

“นายยอมรับเราแล้วใช่ไม๊ “  เก่งพยักหน้าตอบรับบอกกับตัวเองว่าขอทำตามใจตัวเองอีกครั้ง    นั่นทำให้คนตัวโตระบายลมหายใจอย่างเป็นสุข   

“ งั้นเราขอแกะของขวัญที่นายให้วันนี้นะ “เสียงกระซิบกระเส่าๆ ทำให้เก่งหน้าแดง   มือแข็งแรงของเดี่ยวอุ้มเก่งพาหายเข้าไปในบ้าน โดยไม่สนใจ ท้องฟ้าที่สว่างไปด้วยพลุที่ถูกจุดฉลองปีใหม่........


{ เช่นเคยครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ ไงช่วย comment ด้วยน่ะครับ ผมจะได้ปรับปรุง }

marchmenlo

  • บุคคลทั่วไป
แว่ว ๆ มาของความเหงา และ เศร้า .......แต่จบตอนลงด้วยความสุข และ ....อิ่มเอิบในใจ :o8:

อยากให้บรรยากาศอย่างนี้คงอยู่นาน..............นาน :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด