น้อง พี่ ป้า น้า อา ลุงๆ ทั้งหลาย เร่เข้ามา เร่เข้ามา เปิดคอร์สแล้วจ้า ********************************************
ตอนที่ 29.2 How to…. step 1พอตี๋เดินเข้าห้องน้ำไป ผมหันไปหาแมนดี้ เห็นมันนั่งบนเตียงหยิบโน๊ตบุ๊คออกมาเปิด ข้างๆตัวมีกล้วยหนึ่งใบ โห...เตรียมการสอนรวดเร็วเชียวนะมันเนี่ย แมนดี้เงยหน้าขึ้นมาพยักหน้าให้ผมมานั่งข้างๆ
“ก่อนจะเริ่มการสอน ต้องมีการเตรียมจิตใจให้พร้อมก่อน อ่ะ....อาร์มดูรูปพวกนี้แล้วคิดตามว่าในใจจริงๆรู้สึกยังไง”
แมนดี้คลิกเปิดภาพให้เป็นโหมดสไลด์โชว์ มันเป็นภาพผู้ชายเปลือยท่อนบนแต่ยังใส่กางเกงอยู่ มีทั้งไทยทั้งฝรั่ง แต่ละคนสูงใหญ่กล้ามเป็นกล้าม ซิกแพ็คเป็นซิกแพ็ค (ก็แน่นอนจะให้ซิกแพ็คเป็นวันแพ็คได้ไง) หน้าตาก็มีทั้งหล่อมากจนถึงหน้าตาธรรมดา แต่ไม่มีใครดูดีเท่าพี่แนทของผมหรอก ผมดูแล้วก็เฉยๆนะแต่มีอิจฉานิดหน่อยเรื่องกล้ามอกกล้ามท้อง เพราะอยากมีแบบนี้บ้าง
“ไม่เห็นรู้สึกอะไร แต่มีอิจฉาเรื่องกล้ามอกกล้ามท้องนิดหน่อย เพราะเราอยากมีกล้ามแบบนี้บ้าง” ผมตอบตามความรู้สึก
แมนดี้ฟังผมจบจัดการเปิดไฟล์ภาพใหม่ คราวนี้เป็นผู้ชายเปลือยท่อนบนแต่ท่อนล่างนี่เหลือแต่กางเกงใน บางคนก็ไม่เหลืออะไรเลยแต่ใช้ท่าทางช่วยเช่นยืนหันหลังโชว์ก้นแน่นๆบ้าง หันข้างเพื่อไม่ให้เห็นส่วนนั้นบ้าง ผมเห็นก็ไม่รู้สึกดึ๋งดั๋งปึ๋งปั๋งอะไร แต่เหลือบมองหน้าแมนดี้เห็นมันจ้องตาเป็นประกาย นี่อยู่บ้านมันคงนั่งดูรูปพวกนี้ทุกวันแน่ๆเลย แถมมีการจัดเป็นคอลเล็คชั่น แบ่งระดับซ็อฟท์จนถึงฮาร์ดคอร์ แต่ต้องยอมรับว่าภาพของแมนดี้แต่ละภาพนี่จะเป็นเหมือนภาพศิลปะมีระดับ มีทั้งภาพขาวดำที่เน้นแสงเงาสวยๆ ส่วนภาพสีก็ถ่ายแบบมีองค์ประกอบที่ดี แหะ...แหะ....พอดีผมชอบถ่ายรูป และศึกษาเทคนิคการถ่ายภาพมาพอสมควร
“ก็ไม่รู้สึกอะไรนี่ ผู้ชายด้วยกัน หลังเอยก้นเอยก็มีเหมือนๆกัน แต่หลายรูปนี่แสงเงาดีนะ ช่างภาพถ่ายเก่งดี” ผมรีบตอบก่อนที่แมนดี้จะหลุดไปอยู่ในโลกจินตนาการกับพวกผู้ชายในภาพ
“โอ๊ย....นี่ไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ขัดใจคนสวยจริงๆเลย นี่เราอุตส่าห์เลือกรูปสุดยอดๆในคอลเล็คชั่นเลยนะเนี่ย อ่ะนี่....รูปชุดสุดท้าย” มันหันมาค้อนผมนิดหน่อย
ว่าแล้วแมนดี้ก็เปิดไฟล์ใหม่ คราวนี้ผมตาโต เลือดแทบออกหมูก
มันเป็นภาพผู้ชายสองคนเปลือยหมด จูบปากกอดรัดกัน แต่ช่างภาพเค้าก็เข้าใจถ่ายเลือกมุมที่ไม่เห็นเจ้าช้างน้อย เซ็ตนี้นายแบบเป็นฝรั่งทั้งหมด ภาพส่วนใหญ่เป็นภาพขาวดำเหมือนงานศิลปะ แสงเงาที่ทอดผ่านเรือนร่างเห็นมัดกล้ามชัดเจน มือที่ลูบไล้อยู่บนร่างของอีกฝ่าย หน้าตาของนายแบบที่มีอารมณ์ร่วมเสมือนจริง มันช่างดูเร้นลับดึงดูดเย้ายวนดีจริงๆเลยครับ ผมหวนคิดไปถึงความฝันบ้าๆคืนนั้นอีกแล้ว ฝันที่....ผมกับพี่แนทมีอะไรกัน คิดแล้วก็ใจสั่นหน้าแดง
โอ๊ยย....รู้สึกเหมือนจะเป็นลม
“เป็นไงอาร์ม เซ็ตนี้ดูแล้วหน้าแดงเหงื่ออกเลยเหรอ” แมนดี้ยิ้มเหมือนเป็นผู้ชนะ
“อืม...ก็ดี ดูแล้วนึกถึง...นึกถึงพี่แนทน่ะ” ผมอ้อมแอ้มตอบมันไป
“หึ....หึ.... ขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ก็ดี...อย่างน้อยอาร์มเห็นภาพพวกนี้แล้วไม่รู้สึกรังเกียจหรืออยากอาเจียน เพราะถ้าเป็นผู้ชายแท้ แล้วเห็นภาพพวกนี้จะทนดูไม่ได้หรอก” เหรอ....นี่มันเป็นแบบทดสอบว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่าหรอกเหรอ แต่จริงๆผมไม่รู้สึกอะไรแบบนี้กับผู้ชายคนอื่นหรอกนะนอกจากพี่แนทคนเดียว
“ไม่รู้สิ สมัยมัธยมเรายังชอบดูหนังสือโป๊ที่มีรูปผู้หญิงอยู่เลย ถ้าเราดูรูปพวกนี้ก่อนที่จะรู้จักพี่แนท เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทนดูได้มั้ย ก่อนหน้านี้เราไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้ชายด้วยกันมาก่อนนะ เพิ่งมากับพี่แนทนี่แหละ” ผมชี้แจงตามความเป็นจริง
“อย่างอาร์มนี่ เค้าเรียกว่าเพิ่งค้นพบตัวเองเจอไง ความรู้สึกช้า สมัยเด็กๆ เด็กผู้ชายมันก็ดูหนังโป๊ หนังสือโป๊ตามเพื่อนๆไปอย่างนั้นแหละ...”
“แต่นี่อาร์ม....ที่บอกว่าดูรูปแล้วนึกถึงพี่แนท อย่าบอกนะว่า....เคยคิดอะไรลามกๆกับพี่แนทงั้นเหรอ หรือว่าเคยทำแบบว่ากันแล้ว ไม่ต้องอายเราหรอก บอกความจริงมาเหอะ เราจะได้ปรับหลักสูตรการสอนให้เหมาะสม เพราะหลักสูตรมันต่างกันระหว่างคนมีประสบการณ์แล้วกับคนไม่มี
” โห....ดูมีการปรับหลักสูตรให้ตรงกับผู้เรียนด้วย แบบที่ฝรั่งเรียก tailor-made
“ก็เคยบอกแล้วไงว่าเรากับพี่แนทยังไม่มีอะไรกัน แต่....แต่ว่า....เราเคยฝันถึงพี่แนทเหมือนกัน ฝันว่า....เรากับพี่แนทมีอะไรกันน่ะ”
ท้ายประโยคผมพูดเบาๆรัวเร็ว
“อาร์มนี่....ร้ายเหมือนกันนะ ขนาดไม่มีประสบการณ์นะเนี่ย แต่อย่างว่าแหละ....พี่แนทออกจะหล่อเร้าใจซะขนาดนั้น ใจอ่อนๆของหนูอาร์มมันก็ต้องเตลิดไปบ้างจริงมั้ย”
มันพูดดัดเสียงตอนท้ายแล้วเอานิ้วมาจิ้มๆที่หน้าอกผมด้านซ้าย ดูเดะ...ดูมันล้อผม
“เออน่ะ จะสอนอะไรก็รีบสอน เดี๋ยวตี๋มันก็ออกมาหรอก” ผมรีบพูดตัดบท
แมนดี้คงรู้ตัวว่าผมเริ่มอารมณ์บ่จอยแล้ว เลยทำหน้าตาจริงจัง
“ก่อนเข้าสู่บทเรียน ขอถามก่อนว่า อาร์มคิดว่าเซ็กซ์คืออะไร”
คำถามนี้ตอบยากเหมือนกันแฮะ ผมนึกไปถึงตอนเรียนวิชาจิตวิทยาเป็นวิชาเลือกในมหาลัย ตอนนั้นเรียนเรื่องทฤษฎีของซิกมันด์ ฟรอยด์ นักจิตวิทยาชื่อดัง เค้าเชื่อในแนวคิดที่ว่า แรงขับ หรือ แรงผลักดัน (Drive) จากจิตใต้สำนึก (unconscious mind) ทำให้มนุษย์เรามีการกระทำต่างๆ เกิดขึ้น รวมถึงตั้งทฤษฎีอันโด่งดังคือ ‘Oedipus complex’ ซึ่งเชื่อว่าเด็กวัย 3-5 ปีจะมีความรู้สึกสับสนจนอิจฉาพ่อแม่เพศเดียวกันและหลงรักพ่อแม่เพศตรงข้าม ถ้าเด็กไม่สามารถก้าวข้ามผ่านความรู้สึกสับสนนี้ไปได้ โตขึ้นจะกลายเป็นพวกโฮโมเซ็กชวล พวกชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็ก (pedophilia) หรือแม้กระทั่งกลายเป็นโรคประสาท (neurosis) ไปเลยก็ได้
ย๊ากก..... :oนี่ตอนเด็กๆผมไม่สามารถแก้ปัญหา Oedipus complex หรอกหรือ โตขึ้นผมถึงกลายเป็นเกย์แบบนี้ มองหน้าแมนดี้ เห็นมันจ้องหน้าผมรอคำตอบอยู่
“เซ็กซ์ คือแรงปราถนาขับดันจากส่วนลึกของจิตใจ ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้เกิดการแสดงออกรูปแบบพฤติกรรมต่างๆของมนุษย์ แต่อย่างไรก็ตามคนเราก็มีขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม (superego) เป็นตัวควบคุมเรื่องเซ็กซ์อยู่” คำตอบตูทำไมเป็นวิชาการขนาดนี้เนี่ย
“โอ้ว...มายก็อด อาร์ม ไม่ต้องตอบจริงจังแบบนั้นก็ได้ เอาใหม่ ตอบมาใหม่”
“เซ็กซ์ คือการแสดงออกของคนสองคนที่ต้องการสัมผัสถ่ายถอดความรู้สึกกันและกันอย่างลึกซึ้ง แต่สำหรับเรานะ เซ็กซ์จะเกิดได้ต่อเมื่อต้องมีความรักเป็นองค์ประกอบด้วยเท่านั้น โอเคมั้ยคำตอบนี้”
“ดีขึ้นมาหน่อย เอาล่ะ....แล้วอาร์มรู้สึกยังไงกับออรัลเซ็กซ์” มันพูดพร้อมหยิบกล้วยขึ้นมาลูบๆ ผมสะดุ้งกับคำถามแมนดี้ส่วนตามองตามมือมันที่ลูบคลำกล้วยอยู่ ชักจะเห็นลางๆแล้วว่ามันให้ซื้อกล้วยทำไม
“ก็...รู้สึกตะขิดตะขวงใจนิดหน่อยอ่ะนะ มันดูสกปรกยังไงไม่รู้ แล้วแบบว่า.....วัฒนธรรมไทยมันไม่ค่อยพูดถึงเรื่องแบบนี้ด้วย” ผมตอบแบบไม่สบตามัน
“อาร์มก่อนอื่น อาร์มต้องปรับความคิดก่อนว่า ออรัลเซ็กซ์มันเป็นเพียงรูปแบบหนึ่งของเซ็กซ์ ที่คนสองคนจะมีความสุขร่วมกัน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยชอบให้คู่ของตนทำออรัลเซ็กซ์ให้ทั้งนั้นแหละ” คราวนี้แมนดี้ชูกล้วยมาไว้ตรงหน้าผม
“สมมตินี่เป็นช้างน้อย เอ..หรือจะเรียกแนทน้อยดีนะ” ผมทำท่าจะตบไหล่มัน แมนดี้รีบเบี่ยงตัวหลบหัวเราะเบาๆ
“อ่ะ...เรียกช้างน้อยก็ได้ ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีผิวหนังบางมาก และมีปลายประสาทมารวมตัวกันมากที่สุดในร่างกาย โดยเฉพาะตรงส่วนปลายนี่ เป็นส่วนที่เซ้นซิทีฟมากๆ นี่เป็นเหตุว่าทำไมผู้ชายรู้สึกดีเวลามีเพศสัมพันธ์หรือเวลาช่วยตัวเองด้วยมือ แต่....” นิ้วมันชี้ที่ส่วนกลางไล่ไปส่วนปลายของผลกล้วย ไอ้ที่มันพูดมานี่ก็เป็นความรู้พื้นๆ ผมก็เป็นผู้ชายทำไมจะไม่รู้ว่าตรงไหนรู้สึกไวตรงไหนไม่ไว
“แมนดี้ นี่มันความรู้พื้นๆ เราก็มีไอ้นี่เหมือนกันทำไมจะไม่รู้ ข้าม..ข้ามไปเลย ไม่ต้องร่ายยาว”
“อ๊ะ...ใจร้อนจริง เรากำลังพูดว่า แต่...ปากเป็นอวัยวะที่ดีที่สุดในการกระตุ้นความรู้สึก เพราะปากมีทั้งลิ้น ริมฝีปาก รวมถึงมือสองข้างประกอบกัน มันสามารถกระตุ้นปลายประสาทได้ทุกเส้นทุกอัน จนสามารถสร้างความรู้สึกเสียวซ่านได้หลากรูปแบบกับไอ้ช้างน้อยนี่ และนี่เป็นเหตุผลสำคัญที่เราต้องคิดว่า ออรัลเซ็กซ์เป็นศิลปะอย่างหนึ่งของการมีเซ็กซ์ ไม่ใช่แต่เพียงวิธีที่ทำให้ผู้ชายถึงจุดแล้วหลั่งออกมา”
“การจะเริ่มทำออรัลเซ็กซ์ มันต้องเริ่มจากต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติซะใหม่นะอาร์ม ต้องคิดว่ามันไม่ใช่แค่ทำให้คู่ของเรามีความสุข แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องสนุกแล้วมีความสุขกับมันด้วย นี่เป็นคีย์สำคัญที่สุดเข้าใจป่ะ” โอเค...ผมจะพยายามเปลี่ยนความคิดใหม่
“มันเหมือนกับการนวดตัวอ่ะนะ เวลานวดนอกจากคนถูกนวดจะรู้สึกว่ามือเรานวดอยู่ มือเราเองก็รู้สึกด้วยว่าสัมผัสที่กระทบกลับมาบนมือเราเป็นยังไง ตรงไหนกล้ามเนื้อแข็งเกร็ง เราก็ต้องนวดหนักขึ้น การทำออรัลเซ็กซ์ก็เหมือนกัน มันต้องรับรู้ความรู้สึกที่กระทบกลับมาที่ปาก ลิ้นและมือของเรา นอกจากนี้เราสามารถรับรู้ว่าคู่เราต้องการอะไร จากท่าทางที่เค้าแสดงออก เช่นการคราง การยกสะโพก การขยับตัว” เหอ...ผมอยากหลับจัง
ทำไมต้องร่ายยาวอะไรขนาดนี้ด้วย แค่คิด...แต่ผมอ้าปากหาวจริงๆ
“โหย....แค่นี้ง่วงแล้วเหรอ อาจารย์น้อยใจนะเนี่ย อ่ะ...เริ่มขั้นที่หนึ่ง ขั้นนี้ไม่ใช่การใช้ปาก ไม่ใช่ว่าเป็นออรัลเซ็กซ์แล้วจะกระโจนเข้าไปใช้ปากทันที มันต้องเริ่มด้วยการสัมผัสด้วยมือก่อน ใช้มือค่อยๆสัมผัสเจ้าช้างน้อยแบบนี้” มือมันลูบกล้วยตั้งแต่โคนสุดปลาย
“มือเราต้องสัมผัสส่วนอื่นของร่างกายคู่เราไปด้วยอย่างช้าๆ เช่น หน้าอก ท้องน้อย ต้นขาด้านใน บริเวณรอบๆเจ้าช้างน้อยอย่างถุงไข่พะโล้สองใบ ไม่ใช่มุ่งมั่นจะเอาแต่เจ้าช้างน้อยอย่างเดียว มันเป็นการค่อยกระพือสร้างความรู้สึกให้คู่ของเราอย่างช้าๆ จะทำให้คู่ของเราตื่นเต้นและเตรียมพร้อมสำหรับขั้นต่อไปที่เราจะทำให้ โอเค้” ผมพยักหน้ารับรู้
***********************************
ขอพักปาดเหงื่อปาดเลือดก่อน เดี๋ยวค่อยมาต่อตอนหน้า ตี๋มันยังคงอาบน้ำอีกนาน แบบว่า...ตกถังส้วมไปแล้ว อิ...อิ...
เม้นท์จงมา เม้นท์จงมา คือ....อยากรู้ว่าเพื่อนๆคิดว่ายังไง แรงไป เบาไป หรือวิชาการเกินไป จะได้เอาไปปรับเขียนตอนหน้า