๒๓ (ต่อ)
บรรยากาศในห้องรับแขกมาคุเขม็งเกลียวจนอัครวินท์รู้สึกได้นับแต่ก้าวเท้าแรกเหยียบเข้ามาภายในห้อง ชายหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอสีหน้าเจื่อน สายตาล่อกแล่กลุกลนมื่อเจอสายตาถมึงทึงของผู้เป็นประมุขใหญ่แห่งอิศวัชร์ ร่างสูงใหญ่พาไหล่ห่อหย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้รอถูกไต่สวน นับเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกเข้าหน้าปู่ไม่ติดด้วยชนักติดหลังขั้นอุกฤษฏ์
“ฉันวานคนรู้จักในตม.ช่วยเช็กให้แล้ว ตอนนี้เด็กกานต์กับครอบครัวยังไม่ได้ออกนอกประเทศ เช็กกับสายการบินก็ไม่มีชื่อครอบครัวนั้นจองเที่ยวบินไหน ทั้งในประเทศแล้วก็ไฟท์บินออกนอกประเทศ พวกนั้นคงวางแผนเดินทางไม่ให้เราตามเจอตัวง่ายนักหรอก สรุปก็ต้องมาคลำหาดูว่าเจ็ดสิบเจ็ดจังหวัดในประเทศไทยนี่ เมียแกพาเหลนของฉันหนีไปที่ไหน แต่ก็คงวางใจได้อยู่หรอกว่าคงไม่พากันลงสามจังหวัดชายแดนใต้” ตลกฝืดของปู่ทั้งที่ใบหน้าขุ่นเคืองนั้น เขาทำได้เพียงยิ้มแหย รู้ตัวว่าตกจากบัลลังก์หลานรักดังแอ้กก็คราวนี้ ด้วยอัครวินท์จับอารมณ์กรุ่นโกรธของปู่ได้เป็นอย่างดี
“หรือว่าจริง ๆ แล้วกานต์จะไม่ได้หนีไปไหนครับปู่ เพียงแค่แกล้งหลอกให้ผมหัวหมุนเล่น บางทีตอนนี้กานต์อาจยังอยู่ที่บ้าน หรือไม่ก็แอบไปซ่อนตัวที่ไหนไม่ไกลนักเพื่อหลอกล่อให้ผมตายใจ แล้วก็กลับไปอยู่บ้านอย่างเก่า ถ้าอย่างนั้นเราส่งคนไปคอยจับตาดูก็ได้นี่ครับ เจอตัวแล้วเราค่อยไปเกลี้ยกล่อมดี ๆ” เขาโพล่งอย่างนึกขึ้นได้
“เรื่องนั้นฉันสั่งคนไปจัดการแล้ว แต่แกคิดหรือว่าเมียแกจะคิดอะไรตื้น ๆ เด็กเล่นแบบนั้น ในเมื่อในท้องเด็กคนนั้นมีสายเลือดของอิศวัชร์ ทางนั้นจะไม่คิดเชียวหรือว่าทางเราต้องพลิกแผ่นดินตามหาแน่ ๆ” น้ำเสียงของอินทร์ฉายเรียบขรึม หากภายในใจร้อนรุ่มแทบอยากแพ่นกบาลเจ้าตัวก่อเรื่อง เขารักอินทัชมาก พอมีอัครวินท์ก็ยิ่งรักมากเข้าไปอีก แต่อัครวินท์โตแล้วก็เป็นไปตามวัย มีเพื่อนมีสังคมของเขา การที่ได้รับรู้ว่าตัวเองจะมีเหลน แม้จะกะทันหันไปหน่อย แต่พอได้ดูคลิปแล้วก็ยังความยินดีที่จะได้รอเจอหน้าเหลนที่กำลังจะลืมตาดูโลก ยังจำได้ เด็กรพีกานต์เคยบอกว่าสามแฝดมีปฏิกิริยากับเสียงของเขา จะเรื่องจริงหรือพูดเพื่อเอาใจก็ตามแต่ แต่อินทร์ฉายก็มีความหวังในการรอเจอเหลนคลอดเข้าไปแล้ว
“ทัชบอกว่า แกเป็นต้นเหตุให้เด็กคนนั้นหนีไปอย่างนั้นหรือ” คำถามเล่นเอาอัครวินท์สะดุ้งโหยง เย็นวาบไปถึงไขสันหลัง
“ครับ กานต์คงโกรธที่ผมเคยทิ้งกานต์เมื่อก่อน จริง ๆ ก็ว่าจะลองคบแบบจริงจังดู แต่พอได้ไปเจอคุณพ่อของกานต์เข้า ผมก็เลย...ทำอะไรงี่เง่าไป” อัครวินท์ยอมรับเสียงอ่อย หลบสายตาวูบ ปู่ชอบคนแก้ไขแต่ไม่นิยมคนแก้ตัว
“เล่าให้ฉันฟังอย่างละเอียด ว่าแกเคยทำอะไรไว้ เด็กคนนั้นถึงได้หนีไปอย่างนี้” อินทร์ฉายน้ำเสียงเย็นเฉียบ อัครวินท์หน้าซีดปากสั่น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกเล่าถ่ายทอดผ่านริมฝีปากของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นหลานรัก ตลอดเวลาที่รับฟังอินทร์ฉายคิ้วกระตุกกับพฤติกรรมของหลานเป็นระยะ
“ตกลงว่าแกไปทำเรื่องระยำกับเขาจนทางนั้นต้องระเห็จหนีอย่างนั้นหรือ” อินทร์เสียงเหี้ยมคาดโทษ อัครวินท์สะดุ้งโหยงหน้าตื่น เหงื่อกาฬแตกพลั่กทั้งที่แอร์เย็นฉ่ำ
“แล้วพ่อของกานต์ก็คือผู้ชายที่เคยคบกับพ่อของแกก่อนหน้าที่อินทัชจะแต่งงาน แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไงเจ้าวิน ตกลงว่าแกเป็นเกย์จริง ๆ ใช่ไหม” ถามรวบยอดทีเดียวตรงประเด็น อินทร์ฉายคาใจเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าตัดเรื่องรพีกานต์ตั้งครรภ์ออกไป ก็เท่ากับว่าอัครวินท์เองก็เป็นแบบที่อินทัชเป็น
“ผมไม่รู้หรอก เรื่องเป็นเกย์หรือไม่เป็น เพราะผมไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนจนมาเจอกานต์ แล้วตอนคบกันมันก็รู้สึกดี ผมชอบที่กานต์เป็นกานต์ ไม่ได้ชอบเพราะกานต์เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงเสียหน่อย กานต์ทำให้ผมมองข้ามเรื่องเพศสภาพไป ผมไม่เคยรู้สึกกระอักกระอ่วนเวลาอยู่ใกล้กัน ถ้าความรู้สึกนี้ใครจะมองว่าผมเป็นเกย์ ก็คงใช่” เขายืดอกรับ คิดว่าใคร่ครวญดีแล้วในคำตอบ มันอาจทำให้ปู่ผิดหวัง แต่การปฏิเสธทั้งที่มาจนขั้นนี้ก็เท่ากับผลักไสความเจ็บปวดให้อีกฝ่าย แล้วรพีกานต์จะรู้สึกยังไง
“ผมเคยเกลียดในสิ่งที่พ่อเป็น เคยเสียใจ ผิดหวังตอนเห็นพ่อกับแม่ทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว จะรักใคร รักก็คือรักครับปู่ คนเราต่างหากที่แบ่งแยกให้มันวุ่นวายไปเอง แค่รักกับผู้ชายไม่ได้ทำให้โลกแตกเสียหน่อย”
“แกยอมรับว่ารักผู้ชาย” อินทร์ฉายถามหลาน แต่เหมือนคำถามนั้นเป็นการบอกตัวเองกลาย ๆ เสียมากกว่า
“ผมรักกานต์ครับ ถึงกานต์ไม่ท้อง วันนึงผมก็จะพากานต์มาให้ครอบครัวเรารู้จักอยู่ดี” ชายหนุ่มรู้ตัวว่าทำผิดมามาก ที่รพีกานต์หนีไปก็เพราะเขาทำตัวเองล้วน ๆ
“รู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังพูดอะไรอยู่ แกอายุแค่นี้อาจจะสับสนไปกับโลกที่มันเปิดกว้างขนาดมีซีรีส์เกย์ออกฉายทางทีวีโครม ๆ แถมเป็นที่นิยมขนาดมีแฟนคลับ” อินทร์ฉายไม่อยากเชื่อหูตัวเองนัก เอาจริง ๆ คือไม่อยากยอมรับเสียมากกว่า แต่ก็ต้องยอมรับว่าโลกปัจจุบันเปลี่ยนไปรวดเร็ว จนคนอาบน้ำร้อนมาก่อนหลายสิบปีปรับความคิดตามแทบไม่ทัน
“ไม่มีผู้ชายคนไหนไม่รู้ตัวเองหรอกครับปู่ ผมกล้าพูดได้เลย รู้ตัวทั้งนั้นแหละว่าสนใจหรือไม่สนใจผู้ชายด้วยกัน อยู่ที่จะยอมรับหรือเปล่าต่างหาก ถ้าผมเป็นเกย์แล้วผมจะไม่ใช่หลานปู่หรือครับ ปู่จะตัดปู่ตัดหลานกับผมเลยหรือ แค่ผมรักกับผู้ชายแล้วมีความสุข ปู่ไม่อยากเห็นผมมีความสุขหรือครับ” คำถามแทงใจดำอย่างจัง อินทร์ฉายเหลือบมองบุตรชาย อินทัชไม่เคยทำให้ผิดหวังสักครั้งยกเว้นเรื่องเดียว แต่ลูกก็ยอมเฉือนหัวใจตัวเองเพื่อแลกกับคำว่ากตัญญู รอยยิ้มของอินทัชหลังแต่งงานนับว่าหายากกว่าน้ำในทะเลทรายเสียอีก ทุกวันนี้ก็ยังถามตัวเองว่าทำถูกไหมที่บังคับอินทัชแต่งงาน แต่ผลิตผลที่ออกมาเป็นอัครวินท์ก็เป็นสิ่งปลอบใจจอมปลอมได้เสมอมา
“แล้วทีนี้จะทำยังไงต่อไป ถึงตามตัวเจอ แล้วคิดหรือว่าเด็กกานต์จะยอมกลับมากับแก ในเมื่อแกทำร้ายเขาขนาดนั้น ใครบ้างจะไม่ระแวงกับพฤติกรรมเลว ๆ ที่ผ่านมาของแกกัน นี่ฉันตามใจแกเกินไปใช่ไหม ถึงได้ทำอะไรร้ายกาจแบบนี้” ยิ่งได้รู้สาเหตุการหนีไปของรพีกานต์ ก็ยิ่งกรุ่นโกรธคนของตนเอง
โธ๋เอ๋ย เจ้าสามแฝด ต้องมารับเคราะห์เพราะมีพ่อสามานย์ เหนืออื่นใด ทวดเองที่ผิดกว่าใคร
อินทร์ฉายโอดครวญในใจด้วยความเสียใจ ในใจละห้อยหาเหลนที่ไม่รู้จะไปตกระกำลำบากที่ไหน นึกแล้วก็อยากเฉดเจ้าตัวพ่อมันออกจากบ้านนัก เห็นแล้วชังน้ำหน้าขึ้นมาครามครัน
“ผมขอโทษ” อัครวินท์เสียงอ่อยด้วยความรู้สึกผิดเต็มเปี่ยม
“คนที่แกสมควรขอโทษไม่ใช่ฉัน ฉันจะบอกอะไรให้นะเจ้าวิน คนเราถึงขอโทษแล้ว ถึงเขาจะยกโทษให้ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เวลาไม่ได้ช่วยเยียวยาทุกอย่างได้ สิ่งที่มันแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไปแล้วไม่มีทางกลับคืนมาได้อย่างเก่า โดยเฉพาะความเชื่อใจ ถ้าแกได้ลองทำลายความเชื่อใจของใครไปแล้ว แกแทบจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์ตัวแกเอง” น้ำเสียงฉาดฉานของปู่สะท้อนถึงความเสียใจและผิดหวังอย่างรุนแรงจนอัครวินท์ใจเสีย
“ถามตัวเองสิว่า แกหนักแน่นพอไหมสำหรับบททดสอบนี้ ถ้าคิดว่าทำได้ ต่อให้พลิกแผ่นดิน ฉันก็จะตามเด็กคนนั้นกลับมาให้จงได้ แต่ถ้าตัวแกเองยังไม่แน่ใจว่าแค่หลงไปชั่วคราวหรือเปล่า ก็ปล่อยเขาไป เด็กคนนั้นกับครอบครัวเขาคงเลี้ยงเหลนฉันได้ดีกว่าที่ฉันเลี้ยงแกมา” ประมุขแห่งอิศวัชร์เอ่ยหนักแน่นและเด็ดขาดทั้งที่เสียใจอยู่ลึก ๆ อัครวินท์คือกระจกสะท้อนความบกพร่องจากการเลี้ยงดูของครอบครัวขนานแท้ และภาพสะท้อนนั้นเล่นเอาจุกเจ็บไม่น้อย
“คุณพ่อพูดแบบนี้ แสดงว่าคุณพ่อยอมรับเด็กผู้ชายคนนั้นหรือคะ” ผดาชไมแทรกขึ้นหลังนั่งฟังอยู่นาน กระแสเสียงแฝงนัยไม่พอใจลึก ๆ เมื่อทราบที่มาของรพีกานต์
“ไม่ยอมแล้วจะให้ทำยังไง เหลนฉันอยู่ในท้องเด็กคนนั้นตั้งสามคน จะทำเหมือนว่าเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ทำรังเกียจรังงอนแม่เขา ทั้งที่อยากได้ลูกเขาน่ะหรือ” อินทร์ฉายถามกลับสะใภ้ ใช่ว่าตัวเขาจะไม่ตะขิดตะขวงใจกับเพศสภาพของรพีกานต์ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าไม่ยอมก็คงหมดวังที่จะได้เจอสามแฝด ยิ่งรู้ว่าอัครวินท์ทำร้ายกาจกับอีกฝ่ายแค่ไหน ตัวเขาก็ยิ่งรู้สึกผิดต่อทางนั้นและโหยหาสามแฝดหนักกว่าเดิม
“งั้นเราก็ยื่นข้อเสนอรับเด็กมาเลี้ยงเองก็ได้นี่คะ ยังไงทางเราต้องเลี้ยงได้ดีกว่าอยู่แล้ว พ่อแม่ยังวัยรุ่นรักสนุก เขาคงไม่อยากนำพาภาระให้ตัวเองหรอกค่ะ” ผดาชไมเสนอแบบคนที่เห็นปัญหาวัยรุ่นท้องในวัยเรียนยุคปัจจุบันที่เห็นได้เกร่อ สุดท้ายก็กลายเป็นภาระของพ่อแม่ในภายหลัง
“กานต์ไม่ยอมหรอกแม่” อัครวินท์ทักท้วงอย่างคนรู้จักนิสัยรพีกานต์ดี
“ทำไม หรือเด็กนั่นอยากเก็บลูกเอาไว้ต่อรองกับเราเรื่อย ๆ เห็นว่าเราสนใจอยากได้เด็ก เลยคิดจะขายลูกกินอย่างนั้นหรือ”
“กานต์ไม่ใช่คนแบบนั้นนะแม่ กานต์เคยบอกว่าไม่อยากให้วินเป็นพ่อของลูก ไม่อยากให้ลูกนิสัยไม่ดีเหมือนวิน ถึงได้หนีไปไง”
“งั้นก็ปล่อยเขาไป ตัวแกเองเดี๋ยวก็เจอคนถูกใจใหม่ ๆ แล้วก็คงลืมไปเอง” หล่อนบอกฉุนเฉียว ไม่นึกยินดีตั้งแต่รู้ว่าญาติทางนั้นเป็นใครแล้ว
“แม่คิดแบบนั้นได้ยังไง แม่พูดเหมือนไม่เชื่อว่าคนอย่างผมจะรักใครเป็นอย่างนั้นแหละ”
“แกคิดน้อยเกินไปแล้วนะตาวิน ตัวแกไม่ได้มีแค่ตัวแกนะ ชื่อเสียงหน้าตาวงศ์ตระกูลจะได้ป่นปี้ก็คราวนี้” ผดาชไมขึ้นเสียงเสียงเขียวกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวน อย่างไรหล่อนก็ไม่มีทางนับญาติกับทางนั้นเป็นแน่ ดวงตาขุ่นตวัดมองสามีทางนิตินัย
“ก็ในเมื่อเด็กคนนั้นไม่ต้องการความรับผิดชอบจากทางเราก็ปล่อยไปสิคะ ไม่นานตาวินก็คงลืมไปเอง รักฉาบฉวยของวัยรุ่นที่ดันพลาดท่าจนท้อง ในเมื่อเขาไม่อยากเกี่ยวข้องกับเราก็แล้วแต่เขา เดี๋ยวตาวินโตขึ้นกว่านี้ก็รู้จักมองคนเอง แล้วอนาคตก็จะมีเหลนใหม่ให้คุณพ่อ ไม่เห็นจะต้องวุ่นวายตามหานี่คะ เขาอยากไปก็ปล่อยให้เขาไป เราไม่ได้ขับไล่ไสส่งเสียหน่อย” หล่อนสรุปรวดเดียวเด็ดขาด ใบหน้ามีสง่าราศีเชิดขึ้นอย่างนางพญาที่ยังคงความสวยสะพรั่งราวหญิงสาววัยยี่สิบกลาง ๆ
“แม่ ทำไมแม่พูดอย่างนี้ แม่ไม่รู้สึกอะไรกับหลานในท้องบ้างหรือครับ” อัครวินท์เขย่าแขนมารดาด้วยความตกใจระคนร้อนรน
“รู้สึกผิดหวังที่แกทำตัวแบบนี้ไงวิน” หล่อนมองบุตรชายด้วยความผิดหวังจริง ๆ
“แม่...”
“เขาหนีไปอย่างนี้ อย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่าทางนั้นไม่ได้หวังอะไรจากเราเลย ก็น่าจะดีไม่ใช่หรือ คนที่อยากเกี่ยวข้องกับอิศวัชร์ก็มีแต่พวกหวังผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ” อินทัชเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ หากแต่กระตุกใจหลายคนนัก
“ที่เข้าข้างเพราะอยากจะเกี่ยวดองกับทางนั้นมากหรือคะ” หล่อนเหน็บด้วยความพาล ทำตัวเป็นจระเข้ขวางคลองทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าอินทัชเป็นเกย์ ก็ในเมื่อหล่อนต้องตกนรกทั้งเป็น หล่อนก็จะไม่ยอมทนทรมานคนเดียวหรอก ดีหน่อยที่สมบัติมหาศาลของอิศวัชร์นั้น ทำให้หล่อนเชิดหน้าชูตาในวงสังคมได้อย่างนางพญา ผดาชไมถือว่านั่นคือสิ่งที่อินทัชสมควรชดเชยให้แก่หล่อน
“คุณลืมไปแล้วหรือว่าตัวเองก็มีลูกสาวน่ะหือ ถ้ายัยรินเจอแม่ผัวมหาประลัยหวงลูกชายเหมือนจงอางหวงไข่ เจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตคู่ของลูกไปเสียทุกเรื่อง ชีวิตจะมีความสุขได้ยังไง เราเลี้ยงลูกได้แต่ตัวนะคุณ แล้วเรื่องนี้ตาวินก็เป็นคนผิดเต็มประตู ทางนั้นจะระแวงก็ไม่แปลก หยุดให้ท้ายลูกเสียที ให้เจ้าตัวรู้จักผิดชอบเสียบ้าง ไม่งั้นอนาคตไม่รู้จะไปก่อเรื่องเดือดร้อนให้ใครอีก ยิ่งนามสกุลใหญ่ยิ่งดี เขาด่าทีด่ายันโคตร สะดุ้งไปถึงที่เก็บอัฐ” ผดาชไมคอแข็งเมื่อเจอคนไม่ค่อยพูดบริภาษได้อย่างเจ็บแสบ อินทัชไม่อยากต่อปากต่อคำกับภรรยาเท่าไร แต่งานนี้ต้องพูดเสียบ้าง
“แล้วตกลงคุณพ่อจะทำยังไงต่อไปหรือครับ” อินทัชหันมาปรึกษาอินทร์ฉายเป็นงานเป็นการ หลังไล่เบี้ยเจ้าตัวดีเสร็จ
“ทำยังไงล่ะ ตามกลับมาแต่คนของเราเป็นเสียอย่างนี้ ฉันเองก็ละอายใจไม่กล้าสู้หน้าเด็กคนนั้น ไม่รู้เหลนฉันจะไปตกระกำลำบากอยู่ที่ไหน ไม่เจ็บช้ำน้ำใจจริง ๆ เขาจะหนีหรือ ยอมทิ้งอนาคตตัวเองกันเลยทีเดียว” อินทร์ฉายส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจกับเจ้าหลานตัวดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยอมรับอยู่ในใจว่า อัครวินท์คือผลพวงของการเลี้ยงดูแบบผิด ๆ ปู่แม่รังแกฉันโดยแท้
“เห็นที เราเองคงต้องดัดนิสัยคนของเราลงโทษกันบ้าง เรื่องตามหาผมจะลองหาทางอีกที” อินทัชเสนอ ซึ่งอินทร์ฉายก็พยักหน้าเออออเห็นด้วย เวลานี้ลมหายใจเข้าออกของอินทร์ฉายมีแต่ความห่วงใยและคิดถึงสามแฝด
“พ่อจะลงโทษวินยังไง”
“อายัดบัตรเครดิต ใช้แค่เอทีเอ็มพอ จากนี้ฉันจะจ่ายแกเป็นรายเดือน เดือนละหมื่นห้าเท่าสตาร์ตของป.ตรี จบใหม่ เอ๊ะ หรือจะจ่ายวันละสามร้อยเท่าค่าแรงขั้นต่ำดี แกเองไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำค่าไฟอยู่แล้ว นอนที่บ้านหรือคอนโดก็แล้วแต่ใจ ถ้าประหยัดหน่อยกินข้าวที่บ้านก็เซฟเงินได้อีก” อัครวินท์อ้าปากเหวอเมื่อเจอรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมของบิดา คราวนี้อินทัชลงโทษบุตรชายได้เต็มที่โดยไม่มีใครขัดลำให้ท้ายเจ้าตัวดี
“แล้วค่าน้ำมันรถล่ะพ่อ เดือนนึงหมื่นห้ามันจะพอได้ยังไง” อัครวินท์ถึงกับเต้นผาง
“พอสิ ฉันจะยึดกุญแจรถแกด้วย นั่งรถเมล์ หรือใช้บริการรถไฟฟ้าแบบคนอื่นเขาบ้าง เผื่อจะเข้าใจความยากลำบาก จะได้รู้จักให้เกียรติคนอื่นขึ้น ต่อไปแกจะมารับช่วงต่อจากฉัน เรียนรู้เสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ดี คนอื่นยังอยู่กันได้ อยากได้เพิ่มก็หางานพิเศษทำเอา”
“พ่อ”
“อ้อ อีกอย่าง อย่าคิดให้แม่แกช่วยเชียว ไม่งั้นผมจะจัดการคุณเหมือนที่จัดการมัน รักลูกให้ถูกทาง ดัดกันตอนนี้เพื่ออีกหลายสิบปีข้างหน้า เจ้าวินจะได้โตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหัวคิดกว่านี้” เขาบอกลูกชายพลางหันไปทางภรรยาอย่างรู้ทัน
“ฉันวางตัวแกให้ขึ้นมารับช่วงต่อจากทัชได้ ฉันก็ปลดแกลงได้เหมือนกัน ลองทำงานเป็นลูกน้องของเจ้าสามแฝดดูหน่อยไหมตาวิน” อินทร์ฉายทิ้งท้ายเสียงเฉียบหากสะท้านไปถึงทรวงในคนเป็นหลาน ปู่กับพ่อผนึกกำลังกันเฉ่งแบบไม่เหลือพื้นที่ให้อุทรณ์ ฤทธิ์ของสามแฝด ขนาดยังอยู่ในท้องแถมแม่พาหนียังทำเอาเสือผยองกลายเป็นแมว
“ฉันหาเมียกับลูกของแกเจอเมื่อไร การลงโทษก็สิ้นสุดเมื่อนั้น"
"แต่ถ้าไม่ดีขึ้น แม่เขาหอบลูกหนีอีก แกเองก็เตรียมเนรเทศตัวเองออกไปจากบ้านได้เลย บ้านนี่ฉันจะให้ทัชทำพินัยกรรมยกให้เหลนฉัน”
!!!
คราวซวยมาเยือน อัครวินท์รึจะยิ่งใหญ่ไปกว่าคนจ่ายตังค์ ไม่มีคนถือหางแกแล้วนะวิน หัวเรือใหญ่กลับลำไปหาเหลนแล้ว สมบัติเขาก็จะยกให้เหลนแล้วเนี่ย เหอ ๆ