มาแล้วจ้าาาาาา ยังมีใครรอเอิพลัมกับพี่เหมอยู่บ้างไหมคะเนี่ย?5555 ตอนนี้อาจจะไม่มีบรรยายอะไรมาก ยังไงก็ฝากตอนที่ 4 ด้วยนะคะEP.4
Hem Talk :“ทำห่าอะไรของมึงไอ้มนัส”
ผมพลักไอ้มนัสหรืออีกชื่อนึงที่มันสถาปนาขึ้นมาเองก็คือโมนาออกห่างไปจากตัว ก่อนที่จะหันไปยื่นโทรศัพท์ให้ไอ้เติ้ลเด็กปีนึ่งสุดเกรียนที่กำลังนั่งดวลเหล้ากับเพื่อนผมอย่างเมามัน
“ต๊ายยยยยย มนัสบ้านมึงสิคะอิเหม กูชื่อโมนาค่ะโมนา”
“อ้าว คุยกับไอ้พลัมเสร็จแล้วเหรอพี่?”
เติ้ลหันมาถามแต่ในมือนี่ก็ถือแก้วเหล้าพร้อมดื่ม
ไอ้เด็กเติ้ลมันคอแข็งมากครับ นั่งดื่มกันมาจะเข้าชั่วโมงที่สองแล้วมันยังไม่เมาเลย แค่หน้าแดงตามปกติของคนกินเหล้าแค่นั้นเอง แต่สติมันยังครบถ้วนแถมดูแล้วมันยังจะไปได้อีกไกลในขณะที่เพื่อนผมหลายคนเริ่มคอพับคออ่อนกันแล้ว
“แบตมึงหมด”
เมื่อกี๊ที่กำลังคุยกับไอ้เด็กพลัมตัวขาวอยู่ก็สังเกตุเห็นว่าแบตโทรศัพท์ของไอ้เติ้ลเหลือแค่ 1 เปอร์เซ็น กำลังจะเอ่ยปากบอกว่าแค่นี้ก่อนแบตมันจะหมด ไอ้มนัสมันก็ดันเข้ามาพูดแทรกเสียก่อนเป็นจังหวะเดียวกับที่โทรศัพท์ดับพอดี
ไม่รู้ว่าป่านนี้ไอ้เด็กตัวขาวนั่นมันจะเข้าใจผิดหรือเปล่า
“เออว่ะพี่ ลืมชาร์จแบตมาเลย โทษทีนะพี่”
“ไม่เป็นไร”
ผมบอก เติ้ลมันเลยรับโทรศัพท์ไปยัดลงใส่กระเป๋ากางเกงแล้วหันไปดวลเหล้าต่อ
“นี่อิเหม! มึงสนใจกูหน่อยค่ะ กูนั่งหัวโด่อยู่เนี่ยเห็นไหม?”
ไอ้มนัสจิกตาใส่ผม
“เห็น”
“โอเคค่ะงั้นมึงก็ตอบกูมาได้แล้วว่าเมื่อกี๊มึงคุยกับใครค่ะ? ทำไมถึงได้คุยไปยิ้มไป”
มนัสมันเป็นกระเทยครับ เป็นกระเทยที่สวยมากๆ ตัวเล็ก ผิวขาว ปากอมชมพูใครที่ไม่รู้จักมันแล้วเห็นครั้งแรกนี่มีเข้าใจผิดกันบ้างหล่ะ ขนาดผมตอนเข้ามาปีหนึ่งใหม่ๆก็คิดว่ามันเป็นผู้หญิงเลย แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ปิดบังอะไรประกาศออกมาด้วยซ้ำว่าตนเองไม่ใช่ผู้หญิง แต่ก็ไม่มีคนเกลียดมันนะ กลับกันมีแต่คนชอบมันซะมากกว่า ก็ไอ้มนัสมันเป็นคนเฟรนลี่ ยิ้มง่าย มีกิจกรรมอะไรขอให้บอกไอ้มนัสทำหมด มันเลยกลายเป็นที่รักของทุกคนไปไม่เว้นแม่แต่อาจารย์เพราะว่าไอ้มนัสมันเรียนเก่งด้วยล่ะ ขยัน มีความรับผิดชอบอาจารย์หลายๆท่านเลยชอบมัน
อ่อ แล้วไอ้มนัสมันก็เป็นกระเทยที่ดัดเสียงได้เหมือนผู้หญิงมากๆเลยครับ คือถ้าฟังแค่เผินๆก็จะเหมือนเสียงของผู้หญิงทั่วไปแต่ถ้าลองตั้งใจฟังดีๆแล้วก็จะรู้เลยว่าบางครั้งก็จะมีเสียงที่เหมือนเสียงดัดปนมาด้วย
“ไม่มีอะไร”
“อย่ามาโกหกมดเท็จ กูไม่เชื่อมึงหรอกค่ะอิเหม!”
“ไม่เชื่อก็อย่าเชื่อสิ”
“หน๊อย กวนตีนกูเหรอคะ”
ไอ้นมัสมึนพูดพร้อมกับเอื้อมมือมาหยิกแก้มผมแล้วดึงหันซ้ายหันขวา
ผมปัดมือมันออกก่อนที่หยิบเหล้าขึ้นมาดื่ม กินไม่เยอะหรอกครับวันนี้เพราะไม่ได้ตั้งใจว่าจะมากินตั้งแต่แรกอยู่แล้วเหตุผลจริงๆแล้วก็แค่จะมาเลี้ยงเหล้าไอ้เด็กเติ้ลเท่านั้น แต่พอดีเพื่อนผมมันได้ยินกันว่าผมจะมากินเหล้าเลยยกขบวนตามกันมาเป็นสิบและไอ้มนัสก็เป็นหนึ่งในนั้น
จริงๆแล้วผมก็สนิทกับมันพอสมควร ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันแต่เพราะมีงานกลุ่มที่ต้องทำร่วมกันอยู่หลายครั้งเลยทำให้ผมกับมันสนิทกันไปโดยปริยาย
“ชิ๊! มีแฟนแล้วก็บอกกูมาซะดีๆ คิดว่ากูไม่รู้ ไม่เห็นข่าวของมึงกับไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นเหรอคะ?”
“แล้วไง?”
“ก็ไม่แล้วไงไงค่ะ แต่แค่อธิบายมาให้กูคนนี้เข้าใจทีว่าอะไรทำให้ผู้หนุ่มที่ไม่ชอบเด่นชอบดัง ไม่ชอบออกสื่ออย่างมึงถึงกับแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นแฟนกับเด็กคนนั้น”
“หึหึ”
“กูให้ตอบค่ะ ไม่ใช่ให้มาหัวเราะหึหึใส่กู แล้วไอ้อาการที่คุยโทรศัพท์ไปยิ้มไปเหมือนคนพี้ยาแบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้นกับมึงค่ะ เพราะฉะนั้นบอกกูมาซะดีๆ ว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไง”
“ก็ไม่เห็นจะมีอะไร”
“กูไม่เชื่อ!”
“เรื่องของมึง”
“โอ๊ยยยยยย อิเหม! กูล่ะเกลียดนิสัยที่ชอบทำเป็นมีลับลมคมในของมึงจริงๆ”
ไอ้มนัสส่ายหัว เพราะมันรู้ดีว่าถ้าผมบอกว่าไม่ก็คือไม่จะไม่มีการรู้อะไรไปมากกว่านี้ เพราะผมจะไม่ยอมบอกอะไรเพิ่มเติมไปอีกแน่นอน
“ผมก็อยากรู้นะว่าทำไมพี่ถึงได้ตอบตกลงเป็นแฟนกับไอ้พลัม มันก็บอกพี่แล้วไม่ใช่เหรอว่าที่มันไปสารภาพรักกับพี่วันนั้นมันเป็นการลงโทษ”
ไอ้เด็กเติ้ลวางแก้วเหล้าลงหันมาคุยกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง ถึงแม้ว่ามันจะทำเป็นเฮฮาดื่มเหล้ากับพวกเพื่อนผมแต่หูมันก็คงจะเก็บรายละเอียดที่ผมกับไอ้มนัสคุยกันเมื่อกี๊
ผมรู้
มันเป็นห่วงเพื่อนมัน
มันคงจะเป็นห่วงไอ้เด็กพลัมกลัวว่าผมจะไปหลอกไอ้เด็กตัวขาวนั่นแล้วทำให้มันเสียใจสินะ
ผมยิ้มให้มัน
เป็นยิ้มที่ไม่ใช่แบบที่ยิ้มให้ไอ้มนัสเมื่อกี๊
เป็นยิ้มที่ผมยิ้มออกมาจากใจจริงๆ
“ไม่ต้องห่วง กูจริงจังกับเพื่อนมึงแน่”
ไอ้เด็กเติ้ลชะงักก่อนที่จะถามด้วยสีหน้าที่แสดงออกถึงความสงสัย
“พี่หมายความว่าไง? พี่ชอบเพื่อนผมเหรอ?”
“ใช่แล้ว! หมายความว่ายังไงอิเหม!?” ไอ้มนัสถามแทรกขึ้นมา
ผมส่ายหน้าไม่ตอบ ยกแก้วเหล้าในมือขึ้นจิบ
“พี่เหมพี่หมายความว่าไง?” ไอ้เด็กเติ้ลถามย้ำ
“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่กูจะต้องมาพูดให้มึงได้ยิน”
“ทำไมผมจะฟังไม่ได้ผมเป็นเพื่อนไอ้พลัมนะ เพื่อนตั้งแต่สมัยเด็กเลยด้วย!” มันตวาดขึ้นมาจนเพื่อนๆของผมหันมามอง คงจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วยล่ะที่ทำให้มันอารมณ์ขึ้นง่ายกว่าปกติ
“แต่มึงก็ไม่ใช่พลัมนี่”
“…”
“กูคงจะพูดอะไรมากไม่ได้หรอก เพราะว่า…”
“…”
“…กูจะพูดให้เพื่อนมึงฟังแค่คนเดียวเท่านั้น”
“พี่เหม…”
“…”
“…นี่พี่ชอบเพื่อนผมจริงๆด้วยสินะ”
“หึ ก็แล้วแต่มึงจะคิด กูขอตัวก่อนนะ มึงก็นั่งกินต่อไปก็ได้ ค่าเหล้าไม่ต้องห่วงกูบอกแล้วว่าจะเลี้ยง แล้วก็ดูแลตัวเองด้วยอย่าเมามากล่ะไอ้พลัมมันเป็นห่วง”
พูดเสร็จก็ลุกออกจากโต๊ะ เรื่องเงินไม่ต้องห่วงผมจ่ายให้กับทางร้านตั้งแต่ที่เริ่มดื่มแล้ว แต่ยังไม่ทันที่จะเดินออกไปพ้นโต๊ะเสียงของไอ้เด็กเติ้ลก็ทำให้ผมชะงัก
“พี่ต้องห้ามทำมันเสียใจนะ!”
“…”
“สัญญาสิ!”
“หึ กูบอกแล้วไงว่าไม่ต้องห่วง…”
“…”
“ที่ควรจะเสียใจน่ะมันกูมากกว่า”
“พี่หมายคว่ายังไง?”
ผมไม่ตอบเดินออกมาจากร้านทันที
ใช่แล้วล่ะ…
ที่ควรเสียใจมันควรจะเป็นผมสิ…
…ก็ไอ้เด็กพลัมมันดันลืมผมไปซะสนิทเลยนี่น่า
วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า เรียนเสร็จก็ก่ะว่าจะกลับหอไปนอน แต่พอลงมาจากตึกเรียนก็เจอเข้ากับ…
ไอ้เด็กพลัมตัวขาว…
ทำไมมันมาอยู่ที่นี่ได้?
พลัมมันยืนพิงเสา ก้มหน้าเขี่ยปลายเท้าเล่นเหมือนกับว่ามันกำลังรอใครสักคนอยู่ แล้วพอมันเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับผม
เด็กนั่นกลับสะดุ้ง
ผมยิ้มขำกับท่าทางแบบนั้นของมัน เดินตรงเข้าไปหา ไอ้เด็กพลัมทำหน้าตาเหรอหรา มองซ้ายมองขวาก่อนจะทำท่าเหมือนจะหมุนตัวเดินกลับ แต่ผมเข้าไปรั้งแขนเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
“เฮ้ยพี่! ทำอะไรเนี่ย!?”
พลัมพยายามจะงัดแขนของตัวเองออกจากมือของผม แต่เพราะผมจับเอาไว้แน่นแถมตอนนี้คนก็เริ่มหันมาสนใจที่เราทั้งคู่ มันคงจะอายเลยไม่ค่อยแสดงท่าทีต่อต้านอะไรมากนัก ปล่อยให้ผมจับแขนมันต่อไป แต่หน้านี่หงิกจนผมล่ะอยากจะเอามือไปดึงแก้มขาวๆนั่นสักที
“มาทำอะไรที่นี่”
“มาหาไอ้เติ้ล!”
“แล้วทำไมต้องหลบหน้ากูด้วยล่ะ”
“เปล่าสักหน่อย”
“จริงเหรอ?”
“เออ”
“หืม?”
“ครับ!”
หึหึ ไม่คิดว่ามันจะยอมฟังที่ผมเคยบอกนะ จริงๆแล้วไอ้เรื่องคำหยาบผมไม่ค่อยซีเรียสอะไรมากหรอก แต่ก็อยากให้มันพูดเพราะๆด้วยเพราะยังไงผมก็เป็นพี่มัน ตอนนั้นเลยแกล้งจุ๊บคอมันแล้วบอกว่าเป็นการลงโทษเรื่องพูดไม่เพราะกับผม
สงสัยมันจะฝังใจเพราะหลังจากนั้นดูเหมือนว่ามันจะระมัดระวังคำพูดมากกว่าเดิม แต่ก็ยังมีหลุดออกอยู่บ้างซึ่งผมก็ไม่ได้อะไรแค่อยากแกล้งให้ไอ้เด็กพลัมมันหน้าแดงแค่นั้นเอง
เพราะตอนที่พลัมหน้าแดง…
มันน่ามองมากๆเลยน่ะสิ
ถึงแม้ว่าจะหน้าแดงเพราะความโกธรหรืออะไรก็ตาม
ยังไงมันก็น่ามองมากสำหรับผมอยู่ดี
“ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยสิ”
ผมเอ่ยชวนพร้อมกับออกแรงดึงแขนพลัมให้มันเดินตามผมไปที่โรงอาหารด้วย
“เฮ้ยไม่ไป! ผมมาหาไอ้เติ้ลนะ ไม่ได้จะมากินข้าวกับพี่สักหน่อย!”
พลัมมันก็พยายามยื้อไม่เดินตามมา ผมเลยหยุดเดินแล้วหันไปมองหน้ามัน
“มึงไม่ได้จะมาหากูหรอกเหรอ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย พี่เหมอย่าคิดไปเองดิ”
“กูนึกว่ามึงอยากจะมาถามกูเรื่องของโมนาซะอีก”
แม้ว่ามันจะพยายามทำเป็นไม่สนใจอะไรแต่ผมก็เห็นว่าเมื่อกี๊มันแอบชะงักนิดหน่อยตอนที่ผมเอ่ยชื่อของไอ้มนัสขึ้นมา
“แล้วทำไมผมต้องมาถามเรื่องของคนที่ชื่อโมนากับพี่ด้วยล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่ามึงหึงกูเหรอ?”
“ห๋า!? แล้วผมจะไปหึงพี่ทำไมเล่า! เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”
“แต่สำหรับกู…ตอนนี้มึงคือแฟนของกูนะ”
“…”
“ไปกันเถอะ กูหิวแล้ว”
ผมจูงมือให้มันเดินตามมาอีกครั้งและคราวนี้มันก็ยอมเดินตามผมมาง่ายๆ
ผมแอบยิ้ม
‘ถ้ามึงหึงกูจริงๆก็ดีน่ะสิ’
จริงๆนะ
Plum Talk :
ตอนนี้ผมโคตรงงกับตัวเองเลย…
งงมากกกกกกก
งงโคตรๆ!
งงเหี้ยๆ!
งงว่าทำไมผมถึงได้ยอมเดินตามไอ้พี่เหมต้อยๆแบบนี้ แล้วก็งงด้วยว่าทำไมตัวเองต้องถ่อมาถึงคณะวิศวะเพียงเพราะแค่ค้างคาใจกับเสียงผู้หญิงในโทรศัท์ของไอ้พี่เหมเมื่อวานนี้ หลังจากที่สายมันตัดไปผมก็รู้สึกเหมือนในใจมันมีอะไรสักอย่าง สงสัย อยากรู้ คาใจจนกระทั่งเช้ารู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงคณะนี้แล้ว กำลังชั่งใจว่าจะกลับดีไหมก็เจอกับไอ้พี่เหมเข้าพอดี เลยอ้างว่ามาหาไอ้เติ้ลแทนแต่ดูเหมือนว่าพี่มันจะไม่เชื่อแถมยังพูดชื่อ ‘โมนา’ ขึ้นมาอีก
ยิ่งคาใจเข้าไปใหญ่เลยวุ้ย!
แล้วอะไรคือการที่พี่มันยิ้มอ่อนโยน เอ่ยเสียงอ่อนบอกว่ากูเป็นแฟนมันว่ะ
แม่ง! เล่นเอาซะไปไม่เป็นจนเผลอเดินตามพี่มันมาจนถึงโรงอาหารเนี่ย!
“มึงจะกินอะไรไหม เดี๋ยวกูไปซื้อให้”
“อยากกินข้าวมันไก่”
ในเมื่อเสนอตัวไปซื้อให้กูก็สนองล่ะนะ เพราะว่าตั้งแต่เช้าก็ยังไม่ได้กินอะไรเลย พอเดินเข้ามาในโรงอาหารเท่านั้นแหละ กระเพราะก็เสือกหิวขึ้นมาทันที
“นั่งรออยู่นี่แหละ”
ไอ้พี่เหมมันให้ผมเฝ้าโต๊ะกับกระเป๋า ส่วนตัวพี่มันก็เดินไปต่อแถวร้านข้าวมันไก่ ผมเผลอมองตามไอ้พี่เหมไปอย่างไมรู้ตัวจนพี่มันหันมามองนั่นแหละถึงได้สติ รีบก้มหน้าหลบแทบไม่ทัน
อีกแล้ว!? นี่ผมเป็นอะไรไปว่ะเนี่ย?
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นจะได้ไม่ต้องคิดอะไรมาก รอข้าวมันไก่จากไอ้พี่เหมสักพักพี่มันก็เดินกลับมานั่งพร้อมกับข้าวมันไก่สองจาน
“ไปซื้อน้ำให้กูหน่อยสิ”
“ทำไมต้องเป็นผมด้วยอ่ะ?”
จะเป็นเพราะหิวหรือว่าอะไรก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ไม่รู้ว่าทำไมข้าวมันไก่มันถึงได้น่ากินอย่างนี้ น่ากินจนอยากจะหยิบช้อนมาตักเข้าใส่ปากเร็วๆ ถ้าไม่ติดว่าไอ้พี่เหมมันใช้ให้ผมไปซื้อน้ำให้อ่ะนะ
“ก็กูซื้อข้าวมาให้แล้วไง มึงก็ไปซื้อน้ำบ้าง สลับกัน”
“ก็ได้ๆ เอาตังค์มาดิ”
แบมือไปตรงหน้าไอ้พี่เหม พี่มันก็มองมือผมก่อนที่จะเอื้อมมือมาจับเข้าที่มือผมแล้วลูบเบาๆ
“ทำบ้าอะไรของพี่อ่ะ!” รีบชักมือกลับมาทันที
“ก็นึกว่าอยากจับมือด้วย”
“บ้านพี่น่ะสิ จะเอาตังค์ต่างหาก”
“ออกให้หน่อยสิ กูออกค่าข้าวให้มึงแล้วนะ”
“ไม่ได้ใช้ให้ออกตังค์ให้สักหน่อย”
“ถ้างั้นระหว่างค่าข้าวกับค่าน้ำจะเลือกอะไร?”
“ค่าน้ำก็ได้! แล้วเอาน้ำอะไร?”
“ลองเดาดูสิ”
ท่าเยอะ! จะแดกน้ำอะไรก็บอกๆมาเถอะ จะทำเป็นเล่นตัวทำไมว่ะเนี่ย? แล้วกูจะไปตรัสรู้กับคุณมึงไหมว่าอยากจะแดกน้ำอะไร ขืนซื้อมาไม่ถูกใจเดี๋ยวก็ไม่แดกอีก
“ซื้อๆมาเถอะ กูชอบกินเหมือนมึงนั่นแหละ”
เหมือนผม?
ผมทำหน้างงแต่ก็ยอมลุกออกจากโต๊ะไปซื้อนมเย็นจากร้านน้ำมาสองแก้ว
“อ่ะ เอาไป”
“มึงชอบกินนมเย็นเหรอ?” ไอ้พี่เหมถามเมื่อผมยื่นแก้วนมเย็นไปตรงหน้ามัน
ผมไม่ตอบแต่พยักหน้าแทน
“ชอบอย่างกับเด็ก”
“พี่เองก็ชอบไม่ใช่หรือไง? ไหนบอกว่าชอบกินเหมือนกับผมแล้วแล้วจะมาบ่นทำไม”
“ก็ไม่มีอะไร”
“งั้นก็กินๆ-”
“แต่กูนึกว่ามึงชอบชาเย็นมากที่สุดเสียอีก”ผมชะงักทันทีที่ไอ้พี่เหมพูดเสร็จ ส่วนตัวพี่มันก็เริ่มกินข้าวโดยที่ไม่ได้สนใจท่าทางประหลาดใจของผม
ทำไม?
ทำไมไอ้พี่เหมมันถึงรู้ได้…
ทำไมพี่มันถึงรู้ว่าจริงๆแล้วผมชอบชาเย็นมากที่สุด…
“ทำไม…”
“ไอ้เติ้ลมันบอก” พี่เหมตอบเหมือนกับรู้ว่าผมจะถามว่าอะไร
“งั้นเหรอ?”
“เออดิ รีบๆกินได้แล้ว”
ผมได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจแล้วเริ่มลงมือกินข้าว พอคำแรกเข้าปากเท่านั้นแหละ…
อร่อยยยยยยยยยย!
อร่อยอ่ะ ทำไมข้าวมันไก่คณะผมมันไม่อร่อยแบบนี้มั่งว่ะ อร่อยจนอยากจะมากินอีกบ่อยๆ
“ค่อยๆกินก็ได้กูไม่แย่งมึงแดกหรอก”
“ก็มันอร่อยนี่พี่ทำไงได้”
เคี้ยวไปด้วยพูดไปด้วยแบบไม่สนใจมารยาท แต่ไอ้พี่เหมมันก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยังยิ้มแปลกๆส่งมาให้อีก
ยิ้มที่เหมือนกับตอนที่พี่มันบอกว่าผมเป็นแฟนมันเมื่อกี๊นี้…
ฮ่วย! อย่ายิ้มแบบนี้ได้ไหมเนี่ย!
มันทำตัวไม่ถูกเว้ยยยยยยย!
“เป็นอะไร?”
“เปล๊า”
“หึหึ เสียงสูงทำไม”
“เสียงสูงอะไร ผมหิวน้ำต่างหาก” ว่าแล้วก็หยิบนมเย็นขึ้นมาดูดอึกใหญ่
“อร่อยมากเลยเหรอ? ข้วมันไก่นี่”
“มากกกกก”
“ถ้างั้นทำไมไม่มากินบ่อยๆล่ะ”
“…”
“เดี๋ยวกูพามึงมากินเอง”
วันนี้ไอ้พี่เหมมันเป็นอะไร?????
ทำไมมันถึงได้ดูใจดีแปลกๆแถมยังยิ้มได้เยิ้มดีอีก ไม่ใช่ยิ้มแบบกวนตีน มันเป็นยิ้มที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ไม่ชินเลยเว้ย! แล้วไอ้ประโยคมื่อกี๊ทำไมฟังๆแล้วเหมือนพี่มันกำลังอ่อยผมอยู่เลยอ่ะ
นี่พี่มันคงจะไม่ได้กำลังจีบผมอยู่หรอกนะ?
เป็นไปไม่ได้หรอก! ถึงไอ้พี่เหมจะหญิงก็ได้ชายก็ดีแต่พี่มันคงจะไม่ได้ชอบผมหรอก…มั๊ง?
“พี่ชอบผมเหรอ?”
การกระทำไปตามความคิด พอคิดว่าไอ้พี่เหมมันอาจจะชอบผมก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป ทั้งๆที่เมื่อวานก็ถามพี่มันผ่านโทรศัพท์ไปแล้วครั้งนึง แต่ผมอยากได้ยินจากปากของพี่มันตรงๆมากกว่า
“มึงคิดว่าไงล่ะ?”
“ผมจะไปรู้กับพี่หรือไง? พี่คิดจะทำอะไรก็ทำไม่ถามความเห็นผมสักคำ ชอบบังคับนู่นนี่แล้วพี่จะบอกว่าทั้งหมดนี้ที่พี่ทำไปเป็นเพราะพี่ชอบผมอย่างงั้นเหรอ?”
“ถ้ากูบอกว่าเป็นแบบนั้นล่ะ มึงจะทำยังไง?”
“นี่พี่…ชอบผมจริงๆ…เหรอ?”
“เรื่องนั้นต่อจากนี้การกระทำของกูจะเป็นการพิสูจน์เอง มึงก็เตรียมใจเอาไว้ให้ดีๆล่ะ” พูดเสร็จไอ้พี่เหมก็ก้มหน้าลงไปกินข้าวต่อ
เดี๋ยวนะ!
ตอนนี้ผมงงไปหมดล่ะ
ขอประมวลแปป…
ไอ้พี่เหมมันบอกว่าการกระทำจะเป็นการพิสูจน์…
หรือก็คือมันกำลังจะลงมือจีบผมอะไรทำนองนี้หรือเปล่าว่ะ?
ฮ่วย! ไม่รู้เว้ย! เลิกคิดๆ
แล้วถ้าพี่มันจะจีบผมจริงๆล่ะ…
ผมจะทำอย่างไงดี?
โว้ยยยย! เลิกคิด!
ลงมือโซ้ยข้าวมันไก่ก่อนล่ะกันตอนนี้ เดี๋ยวปล่อยทิ้งไว้นานแล้วมันจะไม่อร่อย
นั่งกินกับไอ้พี่เหมไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรกันจนข้าวมันหมดเกลี้ยงทั้งจานของผมแล้วก็ไอ้พี่เหม กำลังนั่งย่อยอาหารดูดนมเย็นสบายๆ จู่ๆก็มีเสียงดังขึ้นมาจากทางข้างหลังผม
“นี่น่ะเหรอ? แฟนของเหม”
ใครว่ะ???
TBC. N.EP
------------------------------------------------------------------------->TALKKKKKKKKKKKKK : เนื้อเรื่องดำเนินไวไปไหม? หรือยังไง?55555 เนื้อเรื่องก็ตามชื่อเรื่องนั่นแหละค่ะ ช่วงนี้มรสุมงานได้ผ่านพ้นไปแล้วอาจจะอัพได้บ่อยขึ้นแล้วแต่อารมณ์คนเขียน555 แต่ก็จะพยายามอัพให้นะ เจอกันตอนหน้าค่าาาาาา ^^