ตอนที่.8
เย็นวันนั้นผมกลับลงมาจากดอยสุเทพ ไอ้โอ๊ตมันก้อกลับไปแล้วไอ้วินก้อออกไปข้างนอกไม่อยู่ห้อง เมื่อผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก้อเจอจดหมายสอดเข้ามาทางใต้ประตู ตอนนั้นผมงงมากเพราะยังไม่ได้ให้ที่อยู่กับใคร แต่พอเห็นว่ามันมาจากใครความโกรธมันก้อเข้ามาแทนที่ มันเป็นเงิน 100 บาท พร้อมทั้งจดหมายอีก 1 ฉบับ
“นี่เป็น ค่าโจ๊กเมื่อเช้า ไม่ต้องทอน กูทิปให้” ไอ้วินมันนั้นเอง ตอนนั้นผมรู้สึกได้เลยว่าตัวผมสั่นไปด้วยความโกรธ นี่เราทำอะไรอยู่ เราไปยุ่งกับคนอย่างนี้ทำไม และหลังจากวันนั้นผมเองก้อพยายามที่จะเลี่ยงที่จะเจอกับไอ้วินมัน แต่กับโอ๊ต ผมกับมันเราสนิทกันมากขึ้นเพราะนิสัยเราเหมือนกันหลายอย่าง และในสุดสัปดาห์นี้มันก้อชวนผมไปเที่ยวที่ ดอยเชียงดาว
“ว่างัย รอน ไปป่าวพี่ๆที่คณะไปกันหลายคนนะสนิทๆกันทั้งนั้น” ผมลังเลนิดหน่อย ก้ออยากไปนะ แต่ ติดตรงที่ต้องเดินเท้าไปอีกประมาณ6 ชั่วโมงกว่าจะถึง
“เอาว่ะ ไปก้อไป”
และในเช้าวันที่เราออกเดินทาง ผมก้อแทบไม่อยากไป ไอ้วินมันก้อไปด้วย มันก้อกวนผมตั้งแต่เราเจอหน้ากัน
“ไอ้โอ๊ต มึงชวนมันไปทำมั๊ยวะ กูไม่อยากมีภาระว่ะ แม่งดูแล้วไม่น่าจะเดินไหวว่ะ”
“ไอ้วิน มึงนี่ยังงั๊ย เพื่อนกันทั้งนั้น คราวที่แล้วก้อได้ไอ้รอนมัน ตอนที่มึงเมาเหมือนหมาอ่ะ”
“ไม่เป็นไรโอ๊ต เราไม่ถือ เราทำบุญไม่ค่อยขึ้นน่ะ ชอบโดนเนรคุณอยู่บ่อยๆ” ไอ้วินมันมองผมแบบแทบจะกินผมให้ได้ ส่ะใจดี นานๆจะทำให้มันโกรธได้
พวกเราออกจากเชียงใหม่กันแต่เช้า ผมกับไอ้วินก้อเหมือนเดิม กัดกันไปตลอดทาง เรามาแวะที่ หน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้าขัด เพราะว่าเราต้องมาหารุ่นพี่ไอ้โอ๊ต เค้าทำงานอยู่ที่นี่และเค้าจะเป็นคนพาพวกเราไปเที่ยวในครั้งนี้ เมื่อเรามาถึงจุดหมาย เราก้อต้องเดินขึ้นไปประมาณ 5-7 ชั่วโมง ผมท้อเลยครับ ตอนนั้นมีทั้งกล้อง กล้องดูดาว และสัมภาระอีก เราเดินกันมาได้สักพักใหญ่ๆ ก้อหยุดพักกัน ตอนนั้นขาผมแทบจะเดินไม่ไหว มันล้าไปหมด
“ไหวป่าว รอน เห็นหน้าซีดๆ”ไอ้โอ๊ตมันเข้ามาถามผมด้วยความเป็นห่วง
“อือม์.... ยังไหวอยู่ ขอบใจมากโอ๊ต”ผมยิ้มให้โอ๊ต ไม่อยากเป็นภาระมันด้วย ยิ่งไอ้วินมันมองผมกับโอ๊ต สายตาเหมือนจะเยาะเย้ยผมอยู่
“ทำมั๊ยมึงห่วงกันจังว่ะไอ้โอ๊ต ที่กูมึงไม่เห็นถามว่ะ” ไอ้วินมันมองผมกับโอ๊ต แบบแปลก
“ ไอ้ห่านี่คิดมาก เพื่อนกันทั้งนั้น กูชวนเพื่อนมากูก้อต้องดูแลเพื่อนสิว่ะ” โอ๊ตบอกไอ้วินแต่ผมว่าหน้ามันแดงๆชอบกล
เรานั่งพักกินข้าวกินน้ำกันสักพักใหญ่ๆ ก้อเดินกันต่อ ตลอดทางโอ๊ตก้อมาเดินกับผมตลอด เราคุยกันไปตลอดทางมันทำให้ผมลืมเหนื่อยไปเลย จนพี่ศักดิ์ที่เป็นเจ้าหน้าที่บอกว่าอีกประมาณ ชั่วโมงครึ่ง ก้อจะถึงแล้ว ผมสังเกตว่าไอ้วินมันเดินหลังผมตั่งแต่มาถึงและ แต่ก้อไม่ได้สนใจอะไร จนถึงช่วงที่ทางขึ้นมันชัน และพื้นก้อชื้นด้วย ผมเองสะพายทั้งกล้อง ทั้งเป้ ทำให้ผมเสียหลัก หงายไปข้างหลัง ก้อมีคนมาช่วยผมไว้ และผมก้อไม่คิดว่าจะเป็นมัน
“นึกแล้ว....เห็นสะพายของมาเยอะแยะ นี่ก้อดูอยู่ว่าจะพลาดเมื่อไหร่ ไม่รู้จะขนมาทำไม” ผมไม่อยากจะคิดว่ามันจะคอยดูผมมาตลอดทาง
“เออ.. ขอบใจนายมากนะ แต่ถ้าจะมาเยาะเย้ยละก้อ อย่าช่วยดีกว่า” ผมกัดฟันขอบคุณมัน
“ทำไมว่ะ ที่คุยกับไอ้โอ๊ต พูดจาซะเพราะหน้าตามีความสุขซะขนาดนั้น ที่กับเราเหมือนไม่อยากจะพูดด้วย” มันกระซิบที่ข้างๆหูผม
“ นายน่าจะถามตัวเองก่อนที่จะมาถามเรานะ” และสิ่งที่ทำให้ผมอึ้งคือ ไอ้วินมันดึงเป้ของผมไปถือให้ครับ แล้วมันก้อไม่พูดอะไรอีกจนถึงจุดที่พี่เค้าบอกให้เราตั้งแคมป์กัน
ที่นี่มีบ้านของเจ้าหน้าที่อยู่ มีลานที่ให้เรากางเต็นท์นอนกัน เราจัดข้าวจัดของกันเสร็จก้อมานั่งคุยกัน พี่ศักดิ์พาพวกเรามาดูจุดชมวิว ตอนนี้ท้องฟ้าเป็นสีทอง มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา มีภูเขาน้อยใหญ่ที่อุดมไปด้วยต้นไม้นาๆชนิด มันทำให้เราหายเหนื่อย ผมเอากล้องคู่จามบันทึกภาพความทรงจำนี้ไว้ ว่าจะเอาไว้ไปอวดพี่นัทกับไอ้ภีม และในคืนนั้นพวกพี่ๆก้อมานั่งกินเหล้ากันที่หน้าเต็นท์ของพวกเรา โดยที่ก่อกองไฟเล็กๆไว้เพื่อให้แสงสว่างและให้ความอบอุ่นแก่พวกเรา ผมเองก้อมานั่งคุยกับพี่ๆเค้าสักพักก้อแยกออกมานั่งดูดาวไม่ห่างจากกลุ่มเท่าไหร่
ตอนนี้ความรู้สึกเก่าๆที่แสนสุขกำลังมาทำร้ายผมขณะนี้ ที่นี่ทำให้เรารู้สึกว่าเราสามารถที่จะยืนแล้วเอื้อมคว้าดาวได้ด้วยมือของเปล่า พี่นัทครับเวลาที่พี่มองดูดาวพี่คิดถึงใครมากกว่ากันนะ ระหว่างผมกับพี่วา แล้วหยดน้ำตาก้อไหลออกมาจากดวงตาทั้งสอง
“มานั่งร้องไห้คิดถึงใครตตรงนี้”ไอ้โอ๊ตมันเดินมานั่งกับผม มันพยายามจ้องตาผมแต่ผมเองกลับหลบสายตาของมัน
“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ ว่าแต่นายเถอะทำไมไม่นั่งกับพวกพี่ๆเค้าล่ะ”
“เราอยากมาคุยกับรอนมากกว่าน่ะ รอนเราถามอะไรหน่อยสิ”
“อือม์ ถามมาสิ”ผมหันไปมองมาโอ๊ต
“นายรอใครอยู่หรือเปล่า เราไม่อยากเห็นนายเศร้าแบบนี้เลยว่ะ ถ้ามันทรมานขนาดนั้นทิ้งมันไปไม่ได้เหรอ”โอ๊ตมันเอามือมากอดคอผม ผมสัมผัสได้ถึงความรัก ความห่วงใยที่เพื่อนจะมีให้แก่กัน
“ไม่เป็นรั๊ยหรอก เราก้อไม่ได้ทรมานอะไรนี่นา มันก้อมีความสุขนะทุกครั้งที่เราได้คิดถึงวันเก่าๆ เราไม่อยากโกหกกับความรู้สึกของตัวเองน่ะ ถ้าเราคิดถึงใครสักคนแล้วมันมีความสุขมากกว่ามีความทุกข์ เราก้อยังคิดถึงเค้าได้ไม่ใช่เหรอ ความสุขกับความทุกข์นะมันมีมาพร้อมกันนั่นแหละ”
“มานั่งสวีทอะไรกันว่ะ มึง 2 คน”แล้วเสียงไอ้วินมันก้อทำให้โอ๊ตไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมเองก้อไม่อยากจะทะเลาะกับมัน เพราะเมื่อเย็นมันก้อช่วยผมไว้
“รอน เดี๋ยวเราไปเอาอะไรร้อนๆมากินกันดีกว่า แล้วมึงล่ะเอาป่ะ” มันหันไปถามไอ้วิน
“เออ...ดีเหมือนกัน มึนๆหัวอยู่พอดี เหล้าป่าแม่งโคตรแรงเลยว่ะ” แล้วโอ๊ตมันก้อเดินไปทิ้งผมไว้กับไอ้วินมัน
“เมื่อเย็นเราขอบใจนายมากน่ะ”ผมพูดกับไอ้วินแต่ไม่ได้มองหน้ามันแต่พอมันพูดตอบกลับมาทำให้ผมต้องหันมามอง
“ไม่เป็นไร กู เอ้ย! เราก้อขอบใจเรื่องวันที่พี่เค้ารับน้องด้วยน่ะ” มันพูดแบบเขินๆ
“ไม่เป็นรัย นายให้ทิปเรามาเยอะล่ะ” ผมประชดมัน แต่ก้อไม่ได้จริงจังอะไร ผมเองก้อเป็นคนที่โกรธใครไม่ได้นาน แล้วมันก้อดูว่าจะพูดดีๆกับผมแล้ว ยังงัยก้อต้องเจอกันไปอีกหลายปี
“เราไม่ได้จะดูถูกนายน่ะ แต่........”มันก้อไม่ได้บอกอะไร ผมกับมันก้อไม่ได้พูดอะไรกันอีกต่างคนต่างซึมซับกับบรรยากาศรอบๆตัว แต่มันก้อไม่รู้สึกอึดอัดระหว่างผมกับวิน
“ รอน เรามาเป็นเพื่อนกันได้ป่าวว่ะ”วินมันถามผม
“แล้วตอนนี้เราเป็นอะไรกันล่ะ”ผมมองหน้ามัน
“ไม่รู้สิ เรากับนายไม่ค่อยพูดกันดีๆเลยว่ะ เวลาที่นายคุยกับไอ้โอ๊ตมันไม่เหมือนกับที่คุยกับเรา”
“งั้นเราถามหน่อยสิ ทำมัยนายถึงดูไม่ชอบขี้หน้าเราตั่งแต่วันแรก”
“ก้อ..... วันนั้นเราเมาแล้วเสียงดัง เพราะเพื่อนๆเรามันขึ้นมาจากกรุงเทพ มาส่งเราน่ะ แล้วนายก้อมาว่าเรา พอตอนเช้า ก้อมีจดหมายเตือนจากคอนโด เรานึกว่านายไปแจ้งเค้า ตอนหลังถึงรู้ว่าเป็นห้องข้างล่างพอดีระเบียงมันตรงกัน เสียงมันคงเข้าไปได้มั๊ง เราอยากจะขอโทษนายน่ะ แต่เรามันก้อปากแบบเนี้ย”มันพูดแล้วก้อหัวเราะ ผมเองก้อยิ้มๆไปกับมัน และในตอนนั้นความรู้สึกดีๆระหว่างผมกับมันก้อเริ่มต้นขึ้นตั่งแต่คืนนั้น
“อ้าว นึกว่าจะตีกันตายไปแล้ว ดีกันแล้วเหรอ”โอ๊ตเดินกลับมาพร้อมกับโอวัลตินร้อนๆ มันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีกมากมายระหว่างพวกเราทั้ง3คน
“รอนตื่นยัง ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นกัน” ไอ้วินมันเดินมาปลุกผม
“ไปเถอะ เราขอนอนอีกหน่อยล่ะกัน หนาวว่ะ” ตอนนั้นอากาศเย็นมากน้ำค้างแรงมาก ผมต้องนอนนิ่งๆเพราะถ้าขยับตัวมันจะไปโดนกับเต็นท์ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำค้าง ผมรู้สึกว่าตัวผมเหมือนโดนใครบางคนกอดอยู่
“พี่นัท มานอนทับผมอีกแล้วเนี้ย”
“ใครเหรอพี่นัท” ผมสะดุ้งเลยครับนี่มันเสียงไอ้วินนี่นา
“เฮ้ย...ตกใจหมดเลย อะไรเนี่ย”
“อ้าว..ก้อนายบอกว่าหนาวเราเลยให้ความอบอุ่นงัย ทำมัยยังหนาวอยู่เหรอมะเดี๋ยวเรากอดให้แน่นขึ้นก้อได้”
“ไม่เอาละไม่เล่นนะเว้ย ไหนว่าจะไปพระอาทิตย์ขึ้นงัย ไปดิ” แล้วผมก้อมุดเต็นท์ออกมา ก้อมาเจอไอ้โอ๊ตมันยืนอยู่หน้าเต็นท์ ดูมันแปลกใจที่เห็นไอ้วินมันตามออกมากับผมด้วย
“เมื่อคืนไอ้วินมันมานอนกับรอนเหรอ”
“ป่าว มันเพิ่งมาปลุกเราเมื่อกี้นี้เอง”
“อ๋อ.... ไปเถอะเดี๋ยวแดดจะแรงกว่านี้” และผมก้อมายังจุดที่พี่ศักดิ์พามาเมื่อวาน ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันสวยมากๆท้องฟ้าเริ่งมีแสงของพระอาทิตย์ตรงขอบฟ้า ตอนนี้สุดสายตามีแต่หมอกปกคลุม มียอดเขาโผล่ขึ้นมาท่ามกลางไอหมอก มันเหมือนเกาะเล็กๆที่อยู่บนทะเลหมอก มันสวยงามกว่าที่เราเห็นในภาพกว่าเป็นไหนๆ มันคุ้มค่ากับความเหนื่อยที่เราเดินทางมากันอย่างลำบาก มันคุ้มจริงๆ
หลังจากวันที่เราไปเที่ยวกันพวกผมทั้ง3 คนเราก้อสนิทกันมากกว่าเดิมโดยเฉพาะไอ้วินมันต้องมาเล่นที่ห้องผมทุกวัน ถ้าวันไหนที่ผมกับมันไม่มีเรียนวันนั้นมันต้องมาคลุกอยู่กับผมทั้งวัน มันทำให้ผมเองลืมความเหงาไปได้เหมือนกัน พี่นัทเองช่วงนี้ก้อเรียนหนักมาก เราเลยได้คุยกันน้อยลงแต่พี่นัทก้อยังโทรหาผมอยู่ เพื่อนๆที่เรียนด้วยกันมาตอนม.ปลายก้อห่างหายกันไปมีแต่ไอ้ภีมที่มันยังโทรหาผมทุกวัน
“เฮ้ย..รอนวันหยุดนี้ไปไหนดีว่ะ เบื่อๆไม่อยากอยู่ห้องเลยว่ะ”ไอ้วินมันถามผมขณะที่เรานอนดูหนังในห้องของมัน
“เราจะไปบ้านปู่กับย่าว่ะ ไม่ได้ขึ้นไปนานแล้ว ป้าแกโทรมาบอกว่าย่าคิดถึง”
“เออ..งั้นเราไปด้วยดิ”
“ไม่เอา ขี้เกียจเป็นภาระว่ะ”( ผมแกล้งมัน เพราะตั่งแต่สนิทกับมันทำให้รู้ว่าไอ้วินมันเป็นคนที่ขี้เหงามาก อาจเพราะขาดแม่มาตั่งแต่เด็กๆ มันเล่าให้ฟังว่า มีอยู่วันนึงมันกลับจากโรงเรียน มันได้ยินพ่อกับแม่ทะเลาะกัน มันเลยเข้าไปแอบฟัง มันถึงได้รู้ว่า ตอนนั้นที่แม่มันไม่ทิ้งพ่อกับมันไปเพราะพ่อมันสัญญากับแม่ว่าจะให้ทุกอย่างที่แม่อยาก ไม่ว่าจะเป็นเงิน
หรือสิ่งของได้ขอแค่อย่าทิ้งมันไปเพราะพ่อมันสงสารไม่อยากให้มันต้องกลายเป็นเด็กที่ขาดความอบอุ่น มันรู้ว่าพ่อรักมันมาก มันคิดอยู่หลายวันในที่สุดมันก้อเข้าไปคุยกับพ่อว่ามันอยู่กับพ่อ2คนได้ ปล่อยให้แม่ไปตามทางที่แม่อยากไปเถอะ มันสงสารที่พ่อต้องมาทนเพราะมัน
“นายรู้สึกยังงัยที่รู้ว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกคนนึง ถูกซื้อได้ด้วยเงิน” ไอ้วินมันเคยถามผมช่วงแรกๆที่แม่จากมันไปมันเสียใจมาก แต่ไม่นานก้อกลายเป็นความชินชาตั่งแต่นั้นมามันก้อไม่เคยคิดว่านอกจากพ่อมันแล้วคนอื่นจะจริงใจกับมันจริงๆเพื่อนที่มันคบก่อนที่จะมาที่เชียงใหม่ก้อหวังประโยชน์จากความมั่งมีของครอบครัวมัน ตอนที่ฟังมันครั้งแรกผมรู้สึกสงสาร แต่ก้ออดน้อยใจไม่ได้นี่มันจะรู้ไหมว่าผมจริงใจกับมันจริงๆ ผมสัญญากับตัวเองว่าจะต้องทำให้มันเห็นให้ได้ว่ายังมีคนที่จริงใจกับมันอยู่...)
“โห..ภาระอะไร เราจะเป็นเด็กดีนะ นะ นะ”มันเริ่มอ้อนล่ะ พักหลังๆถ้ามันอยากได้อะไรจากผมมันก้อมักจะมาอ้อนผมอยู่เรื่อยๆ คงเห็นว่าผมเองก้อตามใจมันทุกครั้ง
“เดี๋ยว ขอคิดดูก่อน”
“เออ...ไม่ไปก้อได้”มันทำเป็นงอน ก้อตลกดี เมื่อนึกถึงวันแรกที่เจอกันท่าทางของมันไม่น่าเชื่อว่ามันจะทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้
และในวันนี้ผมก้อจะไปบ้านปู่ ผมเลยเดินไปเรียกไอ้วินมันที่ห้อง ไอ้โอ๊ตมันไม่ว่างเลยไม่ได้ไป
“มีรัยว่ะ มาปลุกแต่เช้า”ไอ้วินมันงัวเงียมาเปิดประตู ทันที่ผมเห็นมันก้อรู้สึกแปลกๆมันหายใจไม่ทั่วท้อง เขิลๆยังงัยก้อรู้ ตอนนี้มันอยู่ในชุดนอน คือกางเกงขาสั้นตัวเดียวไม่ใส่เสื้อ หัวยุ่งๆ ก้อน่ารักดีนะ มันทำให้ผมนึกไปถึงใครบางคนที่อยู่ไกลแสนไกล หลายครั้งที่ไอ้วินมันทำให้ผมรู้สึกว่ามันคล้ายพี่นัท ชอบบังคับ ขี้อ้อน ขี้โมโห ขี้เล่น และอะไรอีกหลายๆอย่าง
“จะมาบอกว่าถ้าจะไปบ้านปู่กับย่าเราก้อให้เวลา15นาทีถ้าช้าไม่รอ”
“จริงนะ ให้เราไปแล้วใช่ปะ” มันทำหน้าดีใจแล้วก้อรีบวิ่งไปอาบน้ำ ผมมองไอ้วินแล้วได้แต่ยิ้มๆ
แล้วจากนั้นประมาณ2ชั่วโมง เราก้อมาถึงบ้านย่า เพราะเราไปซื้อของมาฝากปู่กับย่า เลยซื้อพวกอาหารสดมาให้ป้าทำกับข้าวด้วย
“รอน ที่นี่น่าอยู่ดีว่ะ”ไอ้วินมันดูว่าจะชอบที่นี่เหลือเกิน แต่ผมเองก้อชอบนะ บรรยากาศที่นี่ดีจริงๆ มันรู้สึกสบายใจที่ได้มาและที่สำคัญมันมีความทรงจำดีๆอีกมากมายที่ผมไม่สามารถลืมได้ ผมมานั่งคิดดูแล้วไม่เห็นจำเป็นที่ผมต้องลืมเลย ในเมื่อมันเป็นความทรงจำดีๆความรู้สึกดีๆ เราก้อควรจะเก็บมันไว้ และในวันนั้นผมก้อพาไอ้วินมันขี่รถเล่นไปทั่วสวน แล้วก้อพามันมานั่งเล่นที่ฝายเก็บน้ำ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือท้องน้ำที่ไม่ใหญ่มากนักแต่ก้อไม่เล็กจนเกินไป มีภาพของวิถีชาวบ้านที่ต้องพึ่งพากับแหล่งน้ำ บ้างก้อพายเรือหาปลา เด็กเล็กเด็กน้อยก้อพากันเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน มีหนุ่มสาวหลายคู่มานั่งคุยกัน มันทำให้ผมชอบมานั่งเล่นที่นี่มันรู้สึกปลอดโปร่ง และก้อสบายใจ
“รอน ขอบใจนะที่พาเรามาที่บ้านปู่กับย่าของนาย เราชอบมากจริงๆ ดูท่านรักนายมากเลยนะ”
“อือม์...ปู่กับย่าคงเห็นความเป็นลูกชายของเค้าในตัวเรามั๊ง มีหลายคนบอกว่าเราเหมือนพ่อ”
“นายโชคดีนะที่เกิดมาโดยมีความรักของคนรอบข้างอยู่รอบๆตัว”ผมมองดูไอ้วิน มันมองไปยังสายน้ำข้างหน้าสายตามันบ่งบอกถึงความเหงา
“วิน เราเองก้อขาดพ่อมาตั่งแต่ยังเด็ก แต่ก้อโชคดีที่เจอใครคนนึงที่ให้ความรักความอบอุ่นกับเรา ไม่ว่าตอนนี้เค้าจะอยู่ไกลแสนไกล แต่ความรักความห่วงใยที่เค้าส่งมาเราเองก้อสัมผัสได้อยู่เสมอ สักวันนายเองก้อคงได้เจอกับใครบางคนที่เค้าจะมอบความรักความห่วงใยให้กับนาย อย่างน้อยๆก้อมีตรงนี่อยู่อีก1คน เพื่อนที่พร้อมจะให้ความรัก ความห่วงใย เท่าที่เพื่อนจะให้นายได้”ผมเอามือจับที่ไหล่ของวินเบาๆ
“ขอบใจมากรอน นายเป็นเพื่อนคนแรกที่เรารักและเชื่อใจที่สุด เราเสียใจนะที่วันแรกที่พวกเราเจอกันมันไม่นาจดจำเท่าไหร่นัก เราคงเสียใจมากถ้าไม่ได้นายมาอยู่ข้างๆเราแบบนี้ สัญญาได้ไหม ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นายจะอยู่ข้างๆเราตลอดไป เราเองก้อจะอยู่ข้างๆนายตลอดไป” อีกครั้งแล้วที่มันทำให้ผมนึกถึงพี่นัท
“อย่ามาปากดีเลย พอนายมีแฟนแล้ว นายจะลืมเราสิไม่ว่า”ผมแกล้งแซวมัน
“ไม่หรอก แฟนก้อส่วนแฟนสิ แต่กับนายมันต่างกันออกไป เราก้อไม่รู้เหมือนกัน แต่รู้แค่ว่าอยู่กับนายแล้วเราสบายใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นะๆๆๆสัญญาว่าจะอยู่ข้างๆเราตลอดไป”
“ อือม์...เราสัญญา ” และในคืนนั้นพวกเราก้อมานอนกันบนหอดูไฟไอ้วินมันอยากมานอนบนนี้ ตอนแรกผมก้อไม่ยอม แต่ทนลูกอ้อนมันไม่ไหว
“ดาวสวยดีว่ะ กระจายเต็มท้องฟ้า พาลให้เห็นหน้าใครอีกคน”ผมพูดกับตัวเอง
“คิดถึงใครว่ะ เราอยู่ข้างๆนี่แล้วยังคิดถึงใครอีกล่ะ”ไอ้วินมันพูดยิ้มๆ
“รอน ที่นายเคยบอกว่า เคยแอบรักใครคนนึง จิงปะ แล้วเค้าเป็นใคร” ผมลังเลอยู่นานว่าจะบอกมันดีหรือเปล่า ถึงผมจะรู้จักกันไม่นานมากแต่ความไว้วางใจมันก้อมากพอ ทำให้ผมตัดสินใจเล่าให้มันฟัง
“ คนที่เรารัก คือคนที่สอนให้เราดูดาว และคอยปกป้องเราเสมอ สักวันเราจะแนะนำให้นายรู้จัก”
“แล้วนายล่ะ ไม่เคยรักใครเลยเหรองัย”ผมหันไปมองไอ้วิน
“นายเป็นคนแรกมั๊งที่เรารัก” มันมองผมยิ้มๆ ตอนนั้นผมรู้สึกใจเต้นแรงมาก มันบอกไม่ถูกรู้สึกท้องมันปันป่วนแปลกๆ
“ไอ้บ้า หมายถึงแฟนน่ะ”ผมหลบตามัน
“นี่นายเขินเราเหรอว่ะ หน้าแดงเชียวตลกดีว่ะ” ไอ้วินมันขำใหญ่เลย
“เรายังไม่เคยมีแฟนเลยว่ะ คบกันเล่นๆเป็นแฟชั่นมากกว่า เรากลัวที่จะต้องเจ็บมั๊ง” สายตามันเศร้าอีกและ
“วิน นายลองทำความรู้จักกับมันเถอะนะไอ้ความรักน่ะ แล้วถ้าวันไหนนายมีทุกข์ เราก้ออยู่นี่งัย รู้มั๊ย เพื่อนคือคนที่จะแบกความทุกข์ของเพื่อนไว้บนบ่าของเค้าเอง และเราเองจะเป็นคนแบกความทุกข์ให้นาย”วินมันหันมามอง ผมเห็นว่าที่ตามันเหมือนมีน้ำใสๆคลออยู่ แล้วมันก้อมากอดผมไว้
“ให้ตายสิทำมัยนายไม่เกิดมาเป็นผู้หญิงว่ะ เราจะได้ประกาศให้คนอื่นเค้ารู้ว่านายเป็นของเรา”
“ถ้าเราเป็นผู้หญิงเราก้อไม่เอานายหรอก” ผมกัดมันเล่นๆ
“แสดงว่าเป็นผู้ชายแล้วจะเอาใช่ป่ะ” มันกัดผมกลับ แล้วเราก้อหัวเราะให้กัน คืนนั้นผมกับมันคุยกันเกือบทั้งคืน มันทำให้ผมรักเพื่อนคนนี้มากกว่าเดิม....................................
.................................................................