++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ++หมอครับ... ผมอยากมีลูก [MPREG] ++ แจ้งข่าว หน้า 1  (อ่าน 123985 ครั้ง)

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
พี่สาวหายแล้วส่วนซูกัสน่ารักสุดๆ

ออฟไลน์ pe-ar

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 351
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
คราวหน้าสดเลยหมอ
ซูกัสจะได้ท้อง 555555 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4:

ติดตามความรัก และน้ำยาพี่หมอ

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
กัสจะท้องได้ไงหว่าาาา  :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
แอร๊ยยยย  กัสจะพาพี่หมอมาแนะนำตัวอ่ะๆ    :impress2:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
รอครั้งหน้าที่หมอจะไม่ใส่ถุงยาง  :hao7:

ออฟไลน์ =นีรนาคา=

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2546
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +296/-6
พี่สาวหายแล้ว ดีใจด้วยนะซูกัส

รอหมอเรียนต่อแล้วคงมีวิธีทำให้กัสท้องได้แหละ รอหมอ สู้ๆ

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
ขอเดาว่าถ้ากัสอยากได้ลูกจริงๆก็ทำได้แต่ไม่ใช่ลุกแท้ๆนะ ให้หมอจดทะเบียนสมรสกับพี่แคนดี้ ทำอิคซี่เสร็จแล้วคลอดออกมาก็จะเป็นลูกของหมอกับพี่แคนดี้  เป็นหลานของซูกัสแต่กัสเลี้ยงด้วย ถ้ากัสอยากมีลูกจริงๆโดยไม่ต้องผ่าตัดอะไรนะ
มดลูกเทียมอะไรนั่นมันจะดีกับเด็กจริงๆเหรอทั้งสังคมของเด็กในตอนที่โตด้วย รอเฉลยนะคะคุณนิ   :pig4: 

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-9-





   -หมอว่าน-


   “การรักษาภาวะมีบุตรยากมีหลายวิธี ง่ายสุดเลยคือการฉีดน้ำเชื้อเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง หรือ Intra-uterine insemination (IUI) สำหรับกรณีที่อสุจิเดินทางไปหาไข่ได้ลำบาก อาจจะเป็นเพราะช่องคลอดมีภาวะกรดด่างเป็นต้น เป็นวิธีที่ใกล้เคียงธรรมชาติมาก แต่เนื่องจากมีข้อจำกัดอยู่หลายอย่างจึงไม่ใช่ว่าจะสำเร็จเสมอไป วิธีต่อมาคือการทำเด็กหลอดแก้ว หรือ In-vitro Fertilisation (IVF) เป็นการปฏิสนธินอกร่างกาย โดยการเก็บไข่จากช่องคลอดแล้วนำไปผสมกับอสุจิเพื่อให้มีการปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ เมื่อได้ตัวอ่อนแล้วค่อยย้ายกลับไปฝังในโพรงมดลูก วิธีต่อมาคืออิ๊กซี่ หรือ Intracytoplasmic Sperm Injection (ICSI) วิธีนี้...” ระหว่างที่หมอกำลังเลกเชอร์วิชา “ผสมเทียม” ให้คนไข้ประจำตัวฟังอย่างละเอียดในห้องแล็บของคลินิก คนฟังที่ตอนแรกก็เหมือนจะฟังเงียบๆ ก็เริ่มจะทนไม่ไหว

   “หมอ!!! เดี๋ยวๆ มันมีกี่วิธีเนี่ย?” ซูกัสร้องถามยกมือห้ามไม่ให้หมอพูดต่อ บ่งบอกว่าตอนนี้กำลังมึนได้ที่

   “7-8 ได้มั้ง”

   “โห... งั้นพอเถอะ อธิบายไปผมก็ไม่เข้าใจหรอก หมอสรุปมาเลยดีกว่าว่าเราต้องใช้วิธีไหนอ่ะ” คนไข้พิเศษซึ่งมีปัญหาตั้งครรภ์ยากเอ่ยขัดด้วยความใจร้อน

   “วิธีแรกตัดไป อืม... ตัดกิฟท์กับซิฟไปด้วยเพราะน่าจะทำได้เฉพาะกับผู้หญิงนะ ส่วนกัส...เอ่อ... ความจริงแล้วหมอก็มั่นใจในน้ำเชื้อตัวเองพอสมควรนะ เลยคิดว่าแค่เด็กหลอดแก้วก็น่าจะพอ แต่เพราะเคสนี้มันเสี่ยงมาก หมอก็เลยคิดว่าจะไม่ทำอะไรโดยเอาแค่ความเชื่อของตัวเองมาตัดสิน เลยกะจะข้ามขั้นพวกเด็กหลอดแก้ว อิ๊กซี่ อิมซี่ ยาวไปทำ Blastocyst Culture เลย” ซูกัสเริ่มเกาหัวอีกครั้ง

   “หมอ...ขอร้อง พูดภาษาคนเถอะ”

   “แล้วซูกัสเห็นว่าหมอพูดภาษาต่างดาวอยู่หรือไงครับ?”

   “อธิบายง่ายๆ แบบไม่ต้องวิชาการน่ะเป็นไหมหมอ?”

   “โอเค... งั้นรวบยอดเลยนะ วิธีอื่นๆ จะเหมือนทำเด็กหลอดแก้วธรรมดา แต่จะไม่ปล่อยให้อสุจิผสมเอง โดยถ้าแพทย์จะฉีดอสุจิเข้าไปในไข่เพื่อเพิ่มโอกาสในการสำเร็จนี่คืออิ๊กซี่ ถ้าใช้กล้องส่องเพื่อคัดอสุจิที่แข็งแรงที่สุดด้วยจะเรียกว่าอิมซี่ หลังจากได้ตัวอ่อนมาแล้วเลี้ยงต่ออีกห้าวันในแล็บเรียกว่าบลาสโตซิสต์ คัลเจอร์ ถือว่าเพิ่มอัตราการตั้งครรภ์ได้มากเลย แล้วตั้งแต่อิ๊กซี่ขึ้นมาเนี่ย สามารถแช่แข็งตัวอ่อนเก็บไว้ได้ด้วยนะ แต่เราจะตกลงกันก่อนว่าเราจะมีลูกกันแค่คนเดียว หลังจากซูกัสคลอดแล้วหมอจะผ่าเอามดลูกเทียมออกทันที โอเคนะ”

   “เอาออกทำไมอ่ะหมอ ทิ้งไว้ไม่ได้เหรอเผื่ออยากมีอีกไง” ซูกัสเริ่มต่อรองตั้งแต่ยังไม่มีอะไรอยู่ในตัวเขาเลยด้วยซ้ำ

   “จริงอยู่นะมดลูกเทียมที่ว่าเนี่ยสร้างขึ้นจากการตัดต่อพันธุกรรมโดยการเพิ่มเซลล์เลียนแบบเนื้อเยื่อของมดลูก ซึ่งตอนนี้หมอยังไม่พบว่ามันจะมีอันตรายอะไร แต่เพราะปัญหาทางจริยธรรมที่ห้ามไม่ให้ทดลองของพวกนี้กับมนุษย์ และซูกัสก็ยังเป็นผู้ชายคนแรกที่จะลองอีก หมอจะแน่ใจได้ยังไงว่ามันจะไม่มีผลข้างเคียงอะไรจริงๆ ดังนั้นอะไรก็ตามที่ไม่ใช่อวัยวะที่จำเป็นต่อร่างกายของเราและไม่รู้ว่าจะปลอดภัยหรือไม่มันก็ไม่ต่างจากไส้ติ่งหรอก ถ้ามีโอกาสตัดออกไปซะก็ปลอดภัยกว่าทิ้งไว้ กันไว้ดีกว่าแก้ไง”

   “ครับเข้าใจละ ว่าแต่มดลูกเทียมที่ว่าน่ะจะไปหามาจากไหน?” เป็นคำถามที่ดีเลย

   “ก็ทำวิจัยอยู่นี่ไง แต่บอกไม่ได้เหมือนกันว่าจะสำเร็จเมื่อไร” หมอเคยบอกซูกัสไปแล้วว่าอาจจะนานเป็น 10 ปีด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้มันจะมีหวังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก หมอก็อยากจะอุบไว้เซอร์ไพร้ส์เขาอยู่ดี   

   “ไหนเคยบอกว่าที่อื่นมีทำแล้ว แบบนี้ไม่เรียกว่าก๊อปเหรอ?”

   “ของอย่างเดียวกันแต่วิธีทำต่างกันน่ะไม่เรียกก๊อปหรอก ก็เหมือนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไงมีหลายรส ถึงจะต้มยำกุ้งเหมือนกัน แต่วัตถุดิบและปริมาณเครื่องปรุงต่างกันก็ไม่ผิดแล้วจริงไหม?”

   “อืม... ผมเพิ่งเข้าใจคำว่าหัวหมอตอนนี้แหละ ถ้าไม่เป็นหมอแล้วไปเป็นพวกทนายคงดีเนอะ พูดประโยคนึงกลับผิดเป็นถูกได้เลย”

   “นี่ชมหรือด่าหมอครับ?”

   “ชมสิ... ตรงไหนด่าอ่ะ?” เขาตอบกลับมา ไม่มีท่าทีว่าประชดเลย

   “ถ้าบอกก๊อปแนวคิดมาแล้วมันผิด จะให้หมอเลิกทำตอนนี้เลยก็ได้นะ ถ้ากัสเปลี่ยนใจไม่อยากมีลูกแล้ว”

   “โธ่หมอ อย่ามางอนดิ กัสแค่แซวเล่นเฉยๆ แต่กัสสงสัยนะ เราฝังตัวอ่อนแบบไม่ต้องมีมดลูกไม่ได้เหรอครับ เอ่อ...ที่จริงผมเพิ่งดูจูเนียร์มาน่ะ” ได้ข่าวว่าหนังเก่ากึ้กมากเลยนะเนี่ย!

   “อ๋อ... จูเนียร์ที่อาโนลเล่นใช่ไหม? ถ้าทำแบบในหนังแล้วผู้ชายท้องได้จริงคงท้องกันเป็นว่าเล่นเลยล่ะ เพราะมันทำง่าย ถ้าเรามีไข่อยู่ล่ะก็ หมอทำให้กัสท้องตอนนี้เลยยังได้ แต่ลองถามตัวเองก่อนดีกว่าว่าจะ“กล้า” ท้องไหม?”

   “ทำไมล่ะครับ?” เขาถามอย่างสงสัย

   “ก็ความจริงแล้วการท้องนอกมดลูกเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในผู้หญิง1ในหมื่นเลย แต่เวลาตั้งครรภ์ปกติรกที่เป็นตัวแลกเปลี่ยนอาหารจะยึดกับผนังมดลูก เมื่อคลอดก็จะหลุดลอกออกมาง่ายๆ แต่ถ้าเราท้องโดยไม่มีมดลูก รกอาจจะไปยึดติดกับอวัยวะอื่นในช่องท้องทำให้เกิดการตกเลือดได้ ในกรณีของผู้หญิงถ้าตรวจพบการตั้งครรภ์นอกมดลูกก็ยังต้องผ่าตัดออกเพื่อความปลอดภัยเลย แต่ถ้ากัสคิดว่าแกร่งมากพอจะท้องแบบนั้นโดยไม่เป็นอะไร จะลองดูก็ได้นะ?” หมอถามกลับยิ้มๆ เป็นเชิงหยอก แต่อีกฝ่ายกลับเบะหน้าใส่แล้วโวยวาย

   “หมอ!! ทำไมพูดงั้นล่ะ กัสแค่อยากมีลูก กัสไม่ได้อยากตายนะ  นี่คบกันยังไม่ถึงปี หมอก็เบื่อกัสจนถึงขนาดวางแผนฆาตกรรมกันแล้วเหรอเนี่ย!!” ซูกัสใส่ความยาวเป็นพรืด ทำราวกับหมอคิดจริงจังว่าจะให้เขาลองทำเรื่องอันตรายแบบนั้นจริงๆ อย่างนั้นแหละ

   “เปล่าซะหน่อย ก็เห็นสงสัยมาก ก็เลยถามดู”

   “ชิ...” เขาส่งเสียงรอดไรฟันงอนๆ เห็นแล้วน่ารักน่าเอ็นดูปนมันเขี้ยว

   “มานี่ซิครับ ซูกัส” หมอบอกเขาที่ยืนอยู่ห่างๆนั่นให้ขยับมาใกล้

   “หือ? ทำไมครับ?” เขาถามอย่างสงสัยแต่ก็เดินเข้ามาอย่างไม่ลังเล

   หมอยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มเขาฟอดใหญ่อย่างมันเขี้ยว

   “ทำไมชอบลวนลามผมอยู่เรื่อยเลย...” อีกฝ่ายจับแก้มแล้วถาม

   “ชอบน่ะสิ... ไม่ได้เหรอ?”

   “ไม่ได้บอกว่าไม่ได้” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม หมอขยับเข้าไปกอดเขาไว้ ลูบแขนเขาไปมาเพลินๆ   “กัสเบื่อหมอไหม?”

   “หือ.. เบื่ออะไร ทำไมต้องเบื่อ?”

   “ไม่รู้สิ ก็หมอชอบพูดอะไรยากๆ ใช่ไหมล่ะ? ต้องแปลไทยเป็นไทยตลอด”

   “ไม่หรอก...กัสโง่เองมากกว่า เลยไม่เข้าใจอ่ะ ดีนะที่ไม่เรียนหมอ ไม่งั้นสมองทึบๆ อย่างกัสนี่คงเรียนไม่ไหว”

   “ความจริงคนเรียนหมอก็ไม่ได้ว่าต้องฉลาดมากๆ นะ แค่หัวพอใช้อาศัยความอดทนและขยันเพิ่มเท่านั้น อีกอย่างหมอน่ะฉลาดแคบ โง่กว้าง”

   “ยังไงเหรอครับ”

   “ก็ถ้าถามเรื่องโรคต่างๆ ที่เรียนมาก็จะตอบได้เป็นคุ้งเป็นแคว แต่กับเรื่องง่ายๆ บางอย่างที่กัสคิดว่าหมอน่าจะรู้ หมออาจจะไม่รู้ก็ได้”

   “เช่น?”

   “ไม่รู้สิ เดี๋ยวต่อไปก็รู้เองแหละ”

   แอ๊ด... เสียงประตูกระจกเปิดออกทำให้หมอผละออกจากร่างซูกัสทันทีแล้วหันไปมองที่หน้าประตู

   “อ้าวขอโทษค่ะหมอว่าน อ้อนึกว่าห้องว่าง” เสียงหมออ้อเอ่ยปากขอโทษ ทั้ง ๆ ที่หมอเองต่างหากที่เอาห้องแล็บคลินิกมาใช้ส่วนตัว

   “อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะกลับแล้วด้วย” หมอหันไปยิ้มตอบ เห็นหมอรัชนกหรือหมออ้อหันไปมองซูกัสอย่างสนใจ

   “เอ๊ะ! น้องชายหมอว่านเหรอคะ น่ารักจัง” เธอร้องถามพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส

   “อ๋อ เปล่าครับ นี่ซูกัส แฟนหมอเองแหละ” หมอบอก ยิ้มเขินๆ เพราะมองจากสายตาแล้วหมออ้อคงขำนั่นแหละที่หมอคบคนที่อ่อนกว่าแบบนี้

   “อ้อ... ที่แท้หมอก็สายโลลินี่เอง” นั่นไงว่าแล้ว...ว่าต้องโดน!

   “เอ่อ กัส นี่หมออ้อนะเป็นสูติแพทย์มือดีของที่นี่อีกคน”

   “สวัสดีค่ะ”

   “สวัสดีครับ” ทั้งสองทักทายและยิ้มให้กันตามมารยาท

   “งั้นผมไปแล้วครับ เชิญตามสบาย” หมอบอกเธอยิ้มๆ จูงมือซูกัสเดินออกมาที่หน้าประตูแล้วหันไปช่วยถอดกาวน์ยาวสำหรับใส่ในห้องแล็บของเขาออกแขวน ก่อนจะถอดให้ตัวเองแล้วเดินออกมาจากห้อง

   “ผมเข้าใจแล้วแหละ ทำไมหมอบอกว่าหมอฉลาดแคบโง่กว้าง” ซูกัสเอ่ยขึ้นเมื่อประตูห้องแล็บปิดลง

   “ทำไมล่ะ?”

   “ก็โลลิน่ะมันแปลว่าชอบเด็กผู้หญิง ถ้าชอบเด็กผู้ชายต้องเรียกว่าโชตะต่างหาก เรื่องง่ายๆ ขนาดนี้หมออ้อเค้าก็ไม่รู้” คงไม่ใช่แค่หมออ้อไม่รู้หรอก หมอว่านก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ศัพท์เฉพาะแบบนี้!!

   
++++++++++




   1 ปีต่อมา...


   หมอสั่งให้ซูกัสอดข้าวอดน้ำเพื่อเตรียมตัวเข้ารับการผ่าตัดฝังมดลูกเทียมลงในช่องท้องของเขา โดยขอความช่วยเหลือจากเพื่อนวิสัญญีแพทย์สมัยเรียนให้มาช่วยตอนคลินิกปิด และการผ่าตัดก็สำเร็จลงด้วยดี หมอนั่งเฝ้าซูกัสในห้องนอนที่ตกแต่งเพิ่มเติมที่ชั้นสามของคลินิกซึ่งปกติแทบไม่มีใครขึ้นมา

   “อื๊อ... เจ็บจังเลยหมอ” ซูกัสบ่นทันทีที่ตื่นขึ้นเต็มตาอีกครั้งภายหลังจากที่ตื่นมาแบบงัวเงียรอบหนึ่งหลังผ่าตัดเสร็จและหลับไปอีกเพราะฤทธิ์ยาสลบที่ยังหลงเหลือ

   “อยู่เฉยๆ ก่อนสิ ขยับมากเดี๋ยวก็แผลก็เปิดหรอก” หมอเตือนด้วยเสียงที่เผลอดุ

   “หิวน้ำ” รมยาสลบทำให้คอแห้ง และมีข้อเสียหลายอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะไม่แน่ใจว่าจะผ่าตัดนานเกินสามชั่วโมงไหมล่ะก็คงใช้วิธีบล็อกหลังแทนไปแล้ว

   “ครับ เดียวหมอเอาน้ำให้นะ” หมอบอกรินน้ำเปล่าใส่แก้วจับหลอดให้คนไข้ดูดอย่างทุลักทุเล

   “จะอ้วกอ่ะ” เขาว่าทำท่าผะอืดผะอมจนหมออดสงสารไม่ได้

   “อาจจะคลื่นไส้บ้างหลังรับยาสลบน่ะ เดี๋ยวก็หาย” หมอปลอบทั้งที่เป็นอาการปกติของคนไข้หลังรับยาสลบที่เห็นจนชินตา แต่พอเป็นคนคนที่เรารักกลับทำให้หมออดสงสารไม่ได้

   “อ้าว...ผมนึกว่าท้องแล้วซะอีก” หมอขมวดคิ้วไม่แน่ใจว่าพูดจริงหรือเล่นมุก

   “ซะที่ไหนล่ะ เมายาสลบจนเพ้อแน่เลย ฝังแค่มดลูก ยังไม่ได้ใส่ตัวอ่อนลงไป”

   “แล้วนี่...”

   “ชู่... ไม่ต้องถามแล้ว หมอไม่อยากไห้พูดเยอะ มันสะเทือนแผล”

   “แต่...” ยัง...ยังจะดื้ออีก

   “ตอนนี้ผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ หมออยากให้พักไปก่อนอีกสักพักค่อยลองเดิน กัสพักผ่อนให้มากๆ ก่อน แล้วก็จะให้ฮอร์โมนเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอร์โรนปรับสภาพร่างกายทีละนิด แล้วก็ดูอาการว่าร่างกายของกัสจะต่อต้านมันไหมค่อยเพิ่มลดฮอร์โมนอีกที มีเวลาอีกหลายเดือนระหว่างรอแผลผ่าตัดหายกว่าจะดำเนินเรื่องฝังตัวอ่อนต่อไป ช่วงนี้ยังทานข้าวไม่ได้ไปอีกหลายวันแหละ หมอจะให้อาหารน้ำไปสักพักนะ อ้อแล้วก็....”

   “เข้าใจแล้วครับ คุณหมอ” ซูกัสรีบรับคำเหมือนรำคาญทั้งๆ ที่หมอยังพูดไม่จบทำให้รู้สึกอยากจะกอดแน่นๆ สักทีให้หายมันเขี้ยว แต่เกรงจะทำให้แผลเปิดซะเปล่าจึงทำได้แค่ก้มลงแตะจมูกที่ปลายจมูกเขา

   “ไม่พูดแล้วก็ได้ พักผ่อนตามสบายนะครับ...ว่าที่คุณแม่”




++++++++++


ที่จริงว่าจะโพสสักทุ่มนึง แต่มาเห็นคอมเม้นคุณ 月亮 แล้วก็เลยโพสเลยละกัน

เพราะเหมือนว่าจะพอเดาเรื่องได้แล้ว แหะๆ


ขอเดาว่าถ้ากัสอยากได้ลูกจริงๆก็ทำได้แต่ไม่ใช่ลุกแท้ๆนะ ให้หมอจดทะเบียนสมรสกับพี่แคนดี้ ทำอิคซี่เสร็จแล้วคลอดออกมาก็จะเป็นลูกของหมอกับพี่แคนดี้  เป็นหลานของซูกัสแต่กัสเลี้ยงด้วย ถ้ากัสอยากมีลูกจริงๆโดยไม่ต้องผ่าตัดอะไรนะ
มดลูกเทียมอะไรนั่นมันจะดีกับเด็กจริงๆเหรอทั้งสังคมของเด็กในตอนที่โตด้วย รอเฉลยนะคะคุณนิ   :pig4: 


ทฤษฎีมดลูกเทียมที่หมออ้างถึงนั้น ตอนนี้มีอยู่จริงๆ (ยังไม่สำเร็จในคน) แต่คิดว่าทำรองรับสำหรับคู่สามีภรรยาที่ฝ่ายหญิงตั้งครรภ์เองไม่ได้เพราะมีปัญหาเกี่ยวกับมดลูก ไม่ได้ทำเพื่อคู่รักร่วมเพศค่ะ และถึงจะทำสำเร็จขึ้นมาจริง นิเชื่อว่าก็คงไม่ต่างกับกรณีอุ้มบุญค่ะ คือต้องไม่ได้รับการยอมรับง่ายๆ ถ้าจะนำไปใช้สำหรับคู่รักร่วมเพศ (ไม่ว่าจะทั่วโลกหรือในไทย คงถกเถียงเป็นปัญหาเหมือนกฏหมายแต่งงานในเพศเดียวกันยาวแน่ๆ)

สำหรับในนิยายที่นินำเสนอ นิดึงทฤษฎีพวกนี้มาใช้ก็ไม่ได้ชี้โพรงหรืออะไรนัก ถามว่าดีหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

เพียงแต่เมื่อนิแต่งนิยายแนวท้องได้ นิก็จะแต่งในแบบของนิ คือถ้าไม่ใช่ อิทธิปาฏิหาริย์ ก็ต้องอ้างอิงด้วยวิทยาศาสตร์ได้

นิไม่อยากแต่งนิยายแนวนี้ขึ้นมาโดยไร้เหตุผลเท่านั้นเองค่ะ อย่างน้อยก็ควรมีที่มาที่ไป ให้คนอ่านรู้สึกเชื่อถือในงานเขียน และให้ความรู้ร่วมด้วย ส่วนจะดีหรือไม่อย่างไรนั้น ถือเป็นสิทธิ์ของคนอ่านที่จะต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านค่ะ

**ส่วนตัว นิคิดว่าหมอทำไม่ถูกนะคะ แต่ไม่ว่าจะหมอ หรือใครๆ ก็ตามบนโลก ย่อมมีความต้องการและความเห็นแก่ตัวด้วยกันทั้งนั้น แต่ในการตัดสินใจที่ผิดนั้น หมอก็ทำลงไปเพราะรักและอยากมีลูกกับคนที่ตัวเองรักจริงๆ ค่ะ♥

ยังไงก็ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์ยาวๆนะคะ ติชมได้ เสมอ  :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2016 12:57:28 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
เย้.  คุณนิใจดีจัง. เลยได้อ่านก่อนเวลา. 
เราดีใจนะที่กัสมีมดลูกแล้ว นี่สิถึงจะเป็นนิยายแนวmpreg จริงๆอิงวิทย์.  :katai2-1:
พอดีทำงานด้านนี้ค่ะเลยสงสัยนิดหน่อย เขียนได้ดีแล้วค่ะข้อมูลแน่นแล้ว ไม่ต้องมากไปน้อยไป
ทีนี้ก็ขาดแค่ไข่บริจาคและน้ำเชื้อ หมอเอาไงดีคะของกัสคนนึง ของหมอคนนึงดีไหม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ minmin96

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ชอบความน่ารักของน้องซูกัส

ส่วนพี่หมอเราจริงใจ รักเมีย สายโชตะตัวจริง!!

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
ว้าวๆ ใกล้ความจริงแล้ว ว่าที่คุณแม่

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
มันคือการสมมุติโดยการอ้างอิงวิทยาศาสตร์ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดหรือไม่มีความเป็นไปได้ แต่มันก็ทำใก้เรื่องดูมีที่ไปที่มาสมจริงขึ้นนะคะ รออ่านอีก

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
อิๆๆ รออ่านต่อค่ะ จะเป็นคุณแม่แล้วววว ว่าแต่ไม่รอเรียนจบก่อนหรอ??

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
หมอน่ารักนะ รักซูกัสจริงๆ

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-10-
   
   -ซูกัส-

   ผมเคยคิดว่าคนป่วยก็ทานอาหารปกติได้มาตลอด แม้อาหารของโรงพยาบาลจะจืดกว่าอาหารที่คนทั่วไปกินกันก็ตาม แต่หลังจากผ่าตัดฝังมดลูกเทียมแล้วผมทานข้าวไม่ได้เลยสองวัน ได้ทานแต่อะไรก็ไม่รู้ที่หมอเรียกว่า “อาหารน้ำ” วันละ5-6 รอบ ถึงได้เข้าใจคำว่า “นอนหยอดน้ำข้าวต้ม” เป็นยังไงเอาตอนนี้แหละ! อยากจะขอบใจหมอที่ช่วยชี้ทางสว่างเสียจริง! แต่ถึงจะบ่นก็เถอะ ถ้าเพื่อลูกของเราแล้วล่ะก็เรื่องแค่นี้จิ๊บๆ อีกอย่างหมอก็วางแผนไว้อย่างดีเลือกผ่าตัดฝังมดลูกตอนปิดเทอมหนึ่งของปีสี่ ผมเลยมีเวลาพักผ่อนเยอะไม่มีผลกระทบกับการเรียน แต่ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องราวมันจะบานปลายกว่าที่คิด!

   “ซูกัสเป็นยังไงมั่งลูก...” เสียงคุณแม่เอ่ยถามทันทีที่ท่านเปิดประตูห้องนอนพิเศษของคลินิกที่ผมกะจะใช้พักฟื้นเงียบๆ เข้ามาด้วยอาการตกใจเกินเหตุ รีบเดินเข้ามายืนข้างเตียงแล้วจับมือผมไปกุมไว้ เหมือนดั่งลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้รับอุบัติเหตุปางตาย (ถึงอาการตอนนี้เกือบใกล้เคียงก็เถอะ!)

   “เอ๊ะ...แม่มาได้ยังไง?” ผมถามอย่างแปลกใจแล้วก็หันไปมองหน้าพี่แคนดี้ที่ตามแม่มาด้วย

   “ไม่กลับบ้านเกือบอาทิตย์ โทรมาก็ไม่รับสาย ไม่สบายทำไมไม่บอก!” แม่ดุซะดังลั่น จนผมได้แต่เงียบ ทั้งที่ในใจนึกเถียง ถึงผมจะเป็นอะไรไป ถ้าพี่แคนดี้ไม่บอก กว่าพ่อกับแม่จะรู้คงผ่านไปเป็นเดือนแล้วล่ะมั้ง เพราะที่ผ่านมาคุณพ่อมักจะยุ่งอยู่กับงาน ส่วนคุณแม่มักจะสนใจแต่งานเลี้ยงและการเข้าสังคมไม่เคยใส่ใจผมเลยสักนิด นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ผมสนิทกับพี่แคนดี้มาก

   “ผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ” ผมตอบสั้นๆ

   “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว โชคดีนะที่มีแฟนเป็นหมอเก่ง เลยผ่าตัดได้ทันก่อนไส้ติ่งจะแตกไปซะก่อน” คำพูดของคุณแม่ทำเอาผมขมวดคิ้วมุ่น จากผ่าตัดฝังมดลูกไหงมันกลายเป็นผ่าตัดไส้ติ่งอย่างนั้นล่ะ?

   “ฮะ อะไรนะ?” ผมทำหน้าเหวอหนัก ไอ้เรื่องที่พูดมานั่น สาบานเลยว่าผมไม่เคยเล่าให้ท่านฟังแน่ๆ แต่พอเห็นหน้ากลั้นหัวเราะของพี่แคนดี้แล้วก็เข้าใจ จับตัวคนร้ายได้โดยไม่ต้องสืบ!

   “จะอะไร มีแฟนก็ไม่บอก ป่วยก็ไม่บอก ทำไมทำตัวห่างเหินขนาดนี้นะซูกัส ดีนะที่แคนดี้บอกแม่ ไม่งั้นถ้าลูกชายหนีตามใครไปก็คงยังไม่รู้!!” เฮ้ย! แรง!!! ทำไมคุณแม่พูดตรงและแทงใจดำขนาดนี้

   “โธ่แม่...”

   “ไม่ต้องมาโธ่หรอก เอาไว้พ่อเรากลับจากสิงคโปร์ก่อนเถอะ!”

   อะไร? นี่แม่มาคนเดียวยังไม่พอ จะพาคุณพ่อมาอีกเหรอ?

   “แล้วนี่... ไหนคุณหมอที่ว่า... ชื่ออะไรนะดี้”

   “ว่านค่ะ พี่หมอว่าน..” พี่แคนดี้ตอบแม่ออกไปด้วยรอยยิ้ม พี่แคนดี้เพิ่งจะอายุ 27 ปีนี้ และเธอก็เรียกหมอว่านว่า “พี่หมอ” แบบที่ผมไม่เคยเรียกเลยสักครั้ง

   “หมอไปเรียนครับ เดี๋ยวก็คงมา” ผมตอบ

   “อ้าวยังเรียนไม่จบอีกเหรอ? ไหนว่า 30 กว่าแล้วไง” แม่หันไปไล่บี้เอากับพี่แคนดี้ ซึ่งอีกฝ่ายก็ทำหน้าเหมือนตอบไมได้ เลยหันมาทางผมต่อ ผมเลยต้องตอบเสียเอง

   “เรียนเฉพาะทางต่อยอดน่ะครับ จบไปก็เป็นผู้เชี่ยวชาญแล้ว”

   “ตกลงหมอเค้า... เป็นหมอผู้ชายจริงๆ ใช่ไหม?” คราวนี้ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง...

   “ครับ...”    

   “กัส....” แม่เรียกแล้วมองหน้าผมนิ่งนานเหมือนมีบางอย่างจะพูด  ผมเดาออกว่าแม่จะพูดอะไร เลยยั้งท่านไว้เสียก่อน

   “ผมรู้ว่าพ่อกับแม่อาจจะไม่ชอบ... แต่ผมกับหมอรักกันจริงๆ เราไม่ใช่เด็กที่คิดอะไรด้วยอารมณ์ชั่ววูบ เราคิดไปไกลมากกว่านั้น คิดไปถึงการสร้างครอบครัวแล้วด้วยซ้ำ ผมอยากให้แม่เข้าใจนะ...”

   “แม่เข้าใจ แม่รู้จักกัสดี ลองปักใจอะไรไปแล้วก็วิ่งหัวชนฝาจนกว่าจะได้นั่นแหละ แต่แม่ไม่ยังไม่รู้จักหมอ... ไว้พ่อกลับมาก่อน แล้วหมอพร้อม พาไปพบคุณพ่อด้วย”

   “ครับ...” ผมรับคำ อย่างจำใจ พลางคิดต่อ.. ทำไมมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นล่ะ!
   

   แม่กับพี่แคนดี้กลับไปแล้ว ปล่อยผมอยู่กับนางพยาบาลที่หมอจ้างมาดูแล เกือบสามทุ่มแล้ว ประตูห้องนอนเปิดออกพร้อมกับร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์สั้นและเอกสารบางอย่างในมือเหมือนกับทุกๆ วัน ผมหันไปมอง พบว่าเป็นหมอจึงลดแทบเลตที่แอบขอให้พี่แคนดี้เอามาให้เล่นแก้เซ็งลงยัดไว้ใต้ผ่าห่มอย่างเร่งร้อน…. กลัวหมอด่า! แต่เห็นสายตาที่ส่งมาทิ่มแทงก็พอจะรู้แล้วล่ะว่าไม่ทัน...

   “บอกให้พักผ่อน... ยังจะเล่นอีก!” หมอเดินเข้ามายืนข้างเตียงแล้วดุผม ทำไมฟังแล้วน่ารักมากกว่าน่ากลัวกันนะ

   “เพิ่งจะเล่นก่อนหมอมาไม่ถึงห้านาทีเอง” ผมตอบ แอบไขว้นิ้วใต้ผ้าห่มเพราะโกหก

   “ทานข้าวได้แล้วใช่ไหม” หมอถามระหว่างที่อ่านเอกสารในมือต่อไปอีกบ่นพึมพำ “ไม่มีไข้ ความดันปกติ....”

   “ครับ แต่อยากกินอย่างอื่นมากกว่าข้าวต้มแล้วอ่ะหมอ”

   “อาหารอ่อนมันย่อยง่ายดี...”

   “กัสเบื่อ...” ผมบ่นงุ้งงิ้งส่งสายตาออดอ้อน ที่หมอเห็นแล้วก็ยิ้มขำ

   “อยากกลับบ้านหรือยังครับคนไข้...”

   “อือ...ใจนึงก็อยาก อีกใจนึงก็ไม่”

   “ทำไมล่ะ...”

   “หมอหล่อ เลยอยากอยู่กับหมอมากกว่า” ผมบอกแล้วส่งสายตาหวานเชื่อม หมอเหล่ตามามองแล้วก็ยิ้ม...ยิ้มแบบหมอ... ซึ่งผมโคตรชอบเลย ยิ้มแบบคิดอะไรบางอย่างในใจ

   “จนป่านนี้แล้วนะกัส” คุณหมอเอ่ยลอยๆ ยกมือขึ้นปัดเส้นผมที่จากแก้มผม ค่อยๆ โน้มตัวลงมาหา “ยังไม่เลิกอ่อยหมออีก”

   อะฮ้า... นี่ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย แค่ชมหมอนิดเดียวเอง ทำไมหมอหาว่าอ่อยไปได้    

   แต่ถึงหมอจะว่ายังไงผมก็ไม่สนหรอก ถ้าผลของมันคือการที่หมอก้มลงแตะปากสวยนั่นลงบนปากซีดๆ ของคนไข้อย่างผม หัวใจของผมเต้นรัว ยิ่งจูบนั่นลึกซึ้งมากขึ้นเท่าไรยิ่งชุ่มชื่นและมีความสุข จนตามมาด้วยเจ็บแปล๊บแถวหน้าท้อง

   “อื๊อ..ซื้ด...” ผมเผลอร้องขึ้นเมื่อหมอผละริมฝีปากนั่นออกไป

   “เป็นอะไร?” คำถามดูแปลกใจในอาการของผม

   “เจ็บแผล...”

   “จูบที่ปากทำไมเจ็บแผล อ๋อ... สงสัยกัสคงเกร็งหน้าท้องล่ะมั้ง” แล้วหมอก็หลุดหัวเราะ “ขอโทษนะ ไม่จูบละก็ได้”

   ไม่เอาสิหมอ อย่าเอาความสุขเล็กๆ ของคนไข้ไปเลย คราวหลังกัสจะไม่โอดครวญอีกแล้ว... ฮือ....

    แล้วหมอก็หันไปลากเก้าอี้มานั่งข้างเตียง แสดงว่าเลิกราวด์วอร์ดแล้ว ตอนนี้เปลี่ยนตัวเองเป็นญาติคนไข้แทน

   “หมอ...วันนี้แม่มาด้วยล่ะ” ผมเอ่ยขึ้นลอยๆ

   “แล้วท่านว่ายังไงบ้างล่ะ?” ถามกลับเรียบๆ ไม่มีทีท่าตกใจอะไรสักนิด

   “ก็ถามว่าทำไมไม่บอกว่าผ่าตัดไส้ติ่ง เฮ้อ... ถึงจะโกหกก็เถอะแต่ความจริงพี่แคนดี้ไม่น่าบอกแม่เลย”

   “หมอเป็นคนให้แคนดี้บอกคุณแม่เองแหละ”

   “อ้าว...ทำไมล่ะหมอ?”

   “ก็ท่านถามว่าซูกัสหายไปไหนตั้งหลายวัน จะให้โกหกว่าไปเรียน อยู่มหาวิทยาลัยนี่ก็ช่วงปิดเทอม แล้วอีกอย่างกัสก็ไม่สบายอยู่ หมอก็ไม่ค่อยอยู่ เลยคิดว่าบางทีถ้ามีแม่มาเยี่ยมกัสอาจจะรู้สึกดีก็ได้”

   “ซะที่ไหนล่ะหมอ ผมล่ะโคตรอึดอัดเลย ยิ่งแม่รู้เรื่องหมอแล้วด้วย ไหนจะพ่ออีก ยังบอกอีกนะให้หมอไปหา ผมคิดทั้งวันจนหัวจะระเบิดอยู่แล้วว่าจะอธิบายยังไงดีท่านถึงจะเข้าใจกันน่ะ”

   “ไม่เอา...ไม่เครียดนะครับ ความเครียดน่ะไม่ดีต่อร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดโรคตั้งหลายอย่าง กัสน่ะอยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว ที่เหลือหมอจะจัดการเอง ถึงหมอจะเป็นสายวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ไสยศาสตร์แต่กัสเชื่อใจหมอได้...” ผมกระพริบตาปริบๆ มองหน้าหมอ ทำไมนะรอยยิ้มอ่อนโยนนั่นยังฉาบไว้ตลอดเวลา ราวกับไม่มีเรื่องทุกข์ร้อน  นี่หมอมั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอว่าพ่อกับแม่ผมจะไม่คัดค้านเรื่องของเราน่ะ...

   “ร่างกายปกติ ฟื้นตัวดี ไม่มีอาการแทรกซ้อน อาทิตย์หน้า หมอจะให้กลับบ้านแล้วนะ”

   “ครับหมอ”

   “แล้วถ้าคนไข้ออกจากคลินิกแล้ว จะไปอยู่ที่ไหนครับ?”

   “จะที่ไหนล่ะถ้าไม่ใช่ที่บ้าน?”

   “หมอหมายถึง... จะไปอยู่บ้านตัวเอง หรืออยู่บ้านสามีครับ?”

   ฮื้อ...หมอ...  :o8:






++++++++++


   ม้าหินอ่อนหน้าตึกคณะบริหารธุรกิจตอนช่วงสายคลาคล่ำไปด้วยผู้คน ผมนั่งฟังกลุ่มเพื่อนสามสี่คนเม้าท์นั่นนี่ไปเรื่อยๆ ระหว่างรอเวลาเข้าเรียนวิชาต่อไป

   กึ่ก… แก้วกาแฟสตาร์บัคส์วางลงตรงหน้า ผมค่อยๆ ขยับศีรษะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของนักศึกษาชายคนหนึ่งซึ่งจัดว่าหน้าตาหล่อพอใช้ ผู้ซึ่งอาจหาญจะจีบหนึ่งใน “คู่เบี้ยน” ประจำคณะได้ลง

   “พี่กัส... ผมซื้อมาฝากครับ” เอ...ถ้าเรียกว่าพี่แสดงว่าเป็นรุ่นน้อง ทำไมหน้ายังกะเรียนปี 5 ก็ไม่รู้

   “ขอบคุณครับ” ผมตอบรับพร้อมรอยยิ้มหวาน  ไสแก้วไปให้คนข้างกาย “รู้ได้ยังไงนะว่าเพื่อนพี่ชอบสตาร์บัคส์มาก วันหลังซื้อมาอีกนะครับ รสไหนก็ได้หมด”

   “เอ่อ...” ชายผู้โชคร้ายหน้าเจื่อน... รีบถอยทัพโดยไว

   “ตายแล้วซูกัส... รู้ไหมว่านั่นใคร? อดีตเดือนคณะนิเทศเลยนะยะ” เสียงกุล เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นมา

   “แล้วยังไง... กัสมีแม็กอยู่แล้วทั้งคน...เนอะ...” ผมเอ่ย เอียงคอซบแม็กม่าที่นั่งดูดน้ำฟรีอย่างสบายใจ

   “พอเถอะกัส ขนลุก ใครมาเห็นเค้าจะเข้าใจเป็นเบี้ยน” แม็กม่าห้ามด้วยเสียงเฉยชา เป็นเชิงว่ารำคาญการเกาะติดเป็นตังเมของผมเต็มทน

   “ช่างปะไร.. ดีซะอีกจะได้เลิกมายุ่ง รำคาญ” ผมตอบแบบไม่ใส่ใจนัก ยังคงกอดแขนซบไหล่อีกฝ่ายตามเดิม

   “ใช่สิ! ตัวเองมีแฟนลอยลำไปคนเดียวแล้วนี่ เลยไม่สน แต่ไม่คิดจะใจบุญปล่อยเพื่อนให้มีคนมาจีบมั่งเลยหรือไง?” แม็กม่าเอ่ยประชดตามแบบของเขา ทำให้ผมเบี่ยงตัวออกจากห่างแล้วส่งสายตาแปลกใจ

   “แม็กอยากมีแฟนกับเค้าด้วยเหรอ? เห็นวันๆ ทำหน้าบอกบุญไม่รับตลอด ใครเค้าจะกล้ามาจีบ” ผมแซวแล้วหัวเราะ

   “หึ! ก็เพราะมีเคะสายแบ๊วอย่างแกอยู่ด้วยตลอดไงล่ะถึงไม่มีใครมาจีบซะที ไม่รู้เลยสินะว่ามีแต่คนเค้าด่าทั้งนั้นแหละ ว่าไม่มีอะไรคู่ควรกับซูกัสเลยสักนิด จนก็จนกว่าแถมยังหน้าธรรมดา การที่ซูกัสชอบเนี่ยช่างเป็นมหาโชคของแม็กม่าเสียเหลือเกิน!! หารู้ไม่ นี่ไม่ได้ภูมิใจเลยสักนิดเดียว! การที่มีคนอย่างแกอยู่ใกล้ๆ เนี่ย มันเป็นอะไรที่ซวยสุดๆ” แม็กม่าเบะปากใส่แล้วด่าตรงๆ ทำให้ผมชะงักอ้าปากค้างแล้วค่อยๆ คลายอ้อมแขนออกจากแขนเขาและลุกขึ้นยืน...

   “ใจร้ายยยยย เราเลิกกัน!!!” ผมพูดใส่หน้าแม็กม่าซะเสียงดัง เบะหน้าเหมือนจะร้องไห้

   เสียใจ... ทำไมต้องบ่นยาวขนาดนี้ด้วย ที่จริงผมไม่เคยอยากให้คนอื่นเข้าใจผิดสักหน่อย แต่เพราะแม็กเป็นเพื่อนสนิทที่รักมากและอยู่ด้วยกันตลอดเท่านั้นเอง ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะรำคาญขนาดนี้! ฮือ...

   ผมป้ายน้ำตาที่ซึมๆ เพราะความน้อยใจ ขยับขาก้าวออกจากโต๊ะ

   “จะไปไหนซูกัส จะถึงคาบเรียนแล้วนะ” เสียงกุลเรียกในขณะที่แม็กยังคงเงียบอยู่ ทำให้ความรู้สึกน้อยใจที่มีอยู่แล้วยิ่งเพิ่มจนล้นขึ้นมาอีก รีบเดินออกมาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

   ระหว่างที่เดินออกมา ผมดึงมือถือขึ้นต่อสายหาคนที่คิดว่าพึ่งพาได้มากที่สุด

   “หมอ....”

   “โทษนะกัส หมอติด ER” หมอหมายถึงเคสฉุกเฉิน ทำให้รู้ว่าไม่ควรเอาเรื่องไร้สาระมารบกวน

   “ไม่มีอะไรครับ...ฮึก... แค่นี้นะหมอ” ผมบอกแล้วกดวางสายทันที...      

   ผมโดดเรียนคาบนั้น นั่งหลบร้องไห้อยู่ในมุมแคบๆ ของห้องสมุดจนเที่ยง

   หิว... แสบตา… แต่ยังคงน้อยใจอยู่จึงไม่อยากออกไปไหนจนกระทั่งหมอโทรมา

   “ซูกัส เรียนอยู่หรือเปล่า หมอว่างแล้วนะ”

   “ผมอยู่ห้องสมุดน่ะ“

   “แล้วทานข้าวหรือยัง”

   “ยังเลยครับ กัสอยากกินข้าวกับหมอน่ะ” ผมรีบอ้อนทั้งๆ ที่รู้ว่าหมอมาไม่ได้

   “ได้สิ อีกสิบนาทีจะถึงม.แล้ว เจอกันหน้าคณะ...”

   เฮ้ยเดี๋ยว!!! จะมาจริงดิ!



     
   “เมื่อเช้าแกได้อยู่ไหม ตอนซูกัสบอกเลิกแม็กม่าน่ะ”


   “อะไรนะ? จบตำนานรักคู่เบี้ยนแล้วเหรอ?”



   “คราวนี้แหละ คณะเราหัวบันไดไม่แห้งแน่นอน”




   ฮึ้ย...นินทาอะไรกัน! น่ารำคาญ!

   ผมไม่สนใจ เสียงนินทาเซ็งแซ่ที่เกิดขึ้นเมื่อผมเดินมายังจุดนัดหมาย เอาแต่ชะเง้อชะแง้ไปยังถนนเพื่อมองหาหมอ

   “แม็ก...นั่นไงซูกัส...  กัส!!!” ผมปรายตาไปมองคนเรียก เห็นกุลลากแม็กให้เดินเข้ามาหา

   “หายไปไหนมาเนี่ย รู้ไหมว่าเป็นห่วง” เสียงแม็กม่าเหมือนดุมากกว่าจะง้อ

   “ชิ! เลิกกันแล้ว...ให้มันจบๆ ไป” ผมพูดใส่หน้าแม็กด้วยโทสะ ความน้อยใจยังคงอยู่

   “แค่พูดความจริงเข้าหน่อย ถึงกับจะเลิกคบกันเลยหรือไง?” อีกฝ่ายถามแล้วส่งสายตาเชือดเฉือน...

   “ก็ใครล่ะอยากเลิกก่อน...” ผมเถียงกลับ

   “ไม่เอาน่ากัส... แม็กอุตส่าห์มาง้อ หายงอนได้แล้ว” เสียงกุลไกล่เกลี่ย

   “ก็แม็กเกลียดกัสนี่ ไม่รักกัส แล้วจะต้องมาง้อทำไม? ” ผมเบะหน้างอนต่อ ทำไมรู้สึกอยากร้องไห้อีกแล้ว

   “เฮ้อ... กัสครับ แม็กขอโทษนะ กลับมาเหมือนเดิมนะครับ” แม็กพยายามดึงมือผมไปจับไว้แล้วง้อด้วยท่าทีที่อ่อนโยนเกินพอดีจนผมแปลกใจ

   “ไหนบอกไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด แล้วทำแบบนี้ทำไมวะแม็ก” ผมถามเสียงเบาอย่างไม่เข้าใจ ปกติมันไม่ชอบให้ผมทำตัวงุ้งงิ้งออดอ้อนให้คนอื่นเข้าใจผิดมาตลอด แต่นี่กลับมาทำซะเองหน้าคณะเนี่ยนะ มันผิดวิสัยแม็กม่า!

   “ช่างเถอะ ปลง... จะยอมทนอีกครึ่งปี เพราะถ้าไม่มีกันชนอย่างฉันล่ะก็ คงมีไอ้หนุ่มมามาตามวอแวแกไม่จบไม่สิ้น” คำอธิบายนั้นทำให้ผมถึงบางอ้อ...

   โธ่แม็ก นี่รำคาญแต่ยังจะใจบุญ

   แต่มันคงไม่จำเป็นแล้วล่ะ... วันนี้กัสจะปลดปล่อยแม็กไปซะที พอกันทีตำนานรักคู่เบี้ยน...

   “ขอโทษนะแม็ก... เราคงไปกันไม่ได้แล้วล่ะ” ผมบอกเขาด้วยโทนเศร้าที่เร่งโวลลุ่มให้ดังขึ้นกว่าปกติ เหมือนอยากให้คนอื่นๆ ได้ยิน แล้วรูดมือเขาออกจากแขนตัวเอง แม็กม่ากับกุลทำหน้าเหวอ

   “กัสมีคนใหม่แล้ว”

   เสียงซุบซิบที่เบาลงเพื่อพยายามแอบฟังว่าพวกเราคุยอะไรกันตอนแรกค่อยๆ ดังขึ้นอีกเหมือนผึ้งแตกรัง ในระหว่างที่เราสามคนยืนเงียบมองหน้ากัน ไม่ถึงชั่วนกกระจอกกินน้ำก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล่นมาจอดเบื้องหลัง เพื่อนทั้งสองและแทบจะทั้งหมดที่อยู่หน้าคณะหันไปมองด้วยสายตาที่สนใจปนทึ่ง

   ผมพลิกกายไปทางถนน เห็นคุณหมอสุดหล่อคนเดิมออกจากรถ mercedes benz คันงามที่ถึงจะติดป้ายขาว แต่ยังใหม่กิ๊ง หมอว่านในเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงิน ออร่าความเท่สามารถทำให้คนแถวนั้นเงียบปากเหมือนไม่มีตัวตนได้เป็นครู่ทีเดียว

   “รอนานไหม? กัส” คุณหมอเดินมาหา เอามือแตะข้อศอกผมไว้แล้วกระซิบถาม

   “ไม่หรอกครับ” ผมรีบปฏิเสธ สังเกตเห็นหมอหันไปมองเพื่อนสองคนที่ยืนด้วยกัน “เอ่อ..นี่เพื่อนกัสนะ ชื่อ แม็กม่าแล้วก็กุล”

   “สวัสดีครับ” หมอเป็นฝ่ายทักทายก่อนแล้วยิ้มละลายโลก... ช็อตนี้พากันตายหมู่ทั้งคณะ!

   “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” แม็กม่ากับกุลทักกลับด้วยเสียงลอยๆ แบบยังไม่เลิกตะลึง

   “หมอมารับซูกัสไปทานข้าวน่ะ ไปด้วยกันไหม?” หมอบอกแล้วชวนอย่างอัธยาศัยดี แม็กกับกุลหันมามองหน้าผมเหมือนขอความคิดเห็น แล้วผมก็เค้นสายตาใส่และส่ายคอนิดๆ เป็นเชิงห้ามแบบไม่ให้หมอรู้สึก...

   ร้อยวันพันปี หมอจะว่างมาหาที่คณะ พวกแกห้ามไปขัดฟินฉันนะเฟ้ย!

   “เชิญหมอกับกัสตามสบายเลยค่ะ พวกเรามีงานต้องทำต่อพอดี” เยี่ยมมากเพื่อน...

   “ครับ งั้นขอตัวก่อนนะครับ..” หมอบอกพร้อมรอยยิ้มเทพเจ้าที่แทบจะฆ่าเพื่อนซูกัสตายอีกรอบ..

   แล้วร่างของผมก็หมุนตามแรงแขนที่หมอเอื้อมมาโอบรั้งพาเดินไปที่รถ ผมมองนิ้วเรียวที่พาดอยู่บนไหล่ตัวเองแล้วทำให้อุณหภูมิร่างกายเหมือนจะสูงขึ้นนิดหน่อย..

   “แล้วนี่เด็กขี้แย เลิกร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไร” หมอถาม ยกมือแตะจมูกผมเบาๆ เหมือนหยอกล้อ

   “หมอรู้เหรอ?” ผมถามกลับอย่างแปลกใจ

   “เสียงร้องไห้ของกัสน่ะ หมอฟังบ่อยจนร้องตามได้เป็นทำนองเลยล่ะ” ให้ตายเถอะ ผมเป็นเด็กงี้แยขนาดนั้นเลยเหรอ?

   “เพราะผมร้องไห้... หมอก็เลยมาปลอบกัสเหรอ?” เพราะวันปกติหมอจะไม่ว่างก็เลยไม่เคยมาหาผมที่มหาวิทยาลัยเลยสักครั้งเดียว

   “ใช่.. สำหรับคนอื่น หมอจะรักษาร่างกายของเค้าให้หาย แต่สำหรับซูกัส... หมอจะดูแลทั้งร่างกาย ทั้งหัวใจ”
   



++++++++++



พักเรื่องท้องมาหวานๆ กันมั่ง

สำหรับเรื่องนี้มี 15 ตอนจบนะคะ  ถือว่าเป็นนิยายที่สั้นมากๆ เลย มาเร็วเคลมเร็ว 555+

อาจจะเป็นนิยายท้องได้ที่ไม่ค่อยเห็นความน่ารักของเด็กเท่าไร เพราะนิไม่ค่อยถนัด (แปว)


ยังไงก็ทักทายพูดคุยกันได้ที่เพจนะคะ

ช่วงนี้มีเปิดพรีนิยายด้วยเรื่องนึง เผื่อใครตังค์เหลือจะได้ไปช่วยอุดหนุน 555+


แฟนเพจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2016 14:08:05 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :o8:  หวานน่ารักมากเลย หมอว่านสุดยอด  :mew1: 
จากนี้รอหมอไปสู่ขอกับคุณพ่อคุณแม่น้องกัสเนอะ
ขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4

ออฟไลน์ บูมพอส

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
หมอว่านหล่ออะ เท่อะ ชอบบบบบ

มาเป็น กลจ.ให้น้องกัสจ้าาาาาา   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Alice111

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-1
เคยอ่านเจอ การวิจัยถุงการตั้งครรภ์เทียมสำหรับผู้ชายที่ประสงค์จะตั้งท้องแทนภรรยา เพราะมีบางคู่สามีภรรยาที่ประสบปัญหาการมีบุตรยากไม่สามารถมีได้เลย
คุณหมอว่านนี้น่ารัก และซูกัสก็น่ารัก จะจบแล้วเหรอเนี๊ยะ

ออฟไลน์ NRedu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
รอรวมเล่ม แอร้ย

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
หมั่นไส้ซูกัสมากส่วนหมอว่านน่ารักสุดๆ

ออฟไลน์ КίmY

  • BJYX♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1715
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-3
แม่ะ หวานกันซะ  :-[

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
-11-

   -ซูกัส-


   เชื่อแล้วล่ะ... ถึงไม่พึ่งไสยศาสตร์หมอก็แก้ปัญหาทุกอย่างได้จริงๆ ผมถึงกับอึ้งเลยทีเดียวตอนที่คุณหมอพานายทหารยศสูงท่านหนึ่งมาคุยกับพ่อและแม่ให้ที่บ้านของผม ท่าทีขึงขังที่คุณพ่อเตรียมไว้รับหน้าว่าที่ลูกเขยนี่ดูเจี๋ยมเจี้ยมลงไปทันตาเมื่อเจอผู้ใหญ่ฝ่ายหมอเข้าไป จะไม่ให้กลัวได้ยังไง เล่นใส่ชุดในเครื่องแบบติดบั้งอะไรไม่รู้มาเต็ม...   
   
 “ผมก็เข้าใจหรอกนะ ว่ามันอาจจะเป็นความรักที่ผิดแปลกไปสักหน่อย แต่โลกนี้มันก็หมุนเร็วขึ้นทุกวัน แก่ๆ อย่างเราถ้าตามไม่ทันก็จะหกล้มได้” นับเป็นวาทะที่ชวนงงมากทีเดียว แต่ไม่น่าเชื่อว่าคุณพ่อจะเก่งถึงขนาดฟังเข้าใจเลยตอบรับว่า

   “ครับ”

   “ว่านน่ะเป็นหลานชายแท้ๆ ของผมเอง พ่อของเค้าเป็นแพทย์ทหารยศพันเอกพิเศษ เสียดายอายุสั้นประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกตั้งแต่ว่านยังเรียนไม่จบ ส่วนแม่ของว่านเป็นสูติ-นรีเวชที่เก่งมากทีเดียวแต่ก็เป็นมะเร็งเพิ่งจะเสียไปเมื่อสี่ปีก่อนได้เพราะครอบครัวเขาไม่เหลือใคร จึงต้องมาขอร้องให้ผมมาพูดให้ ทีแรกผมก็โกรธเหมือนกัน แต่พอคิดอีกทีมันก็ไม่มีใครอายุก็ปาเข้าไป32 แล้วด้วย มันคงไม่มาขอร้องผมเพราะความคิดชั่ววูบหรอก น่าจะคงรักลูกของคุณจริงๆ ดังนั้นถึงจะดูประหลาดๆ ไปหน่อยที่ผู้ชายสองคนจะรักกัน แต่ถ้าเด็กมันรักกันขนาดนี้.. ก็ควรจะให้โอกาสคนสองคนได้พิสูจน์ความรักนั้นบ้างจริงไหม?”

   การหว่านล้อมอันยาวนานของผู้ใหญ่ฝ่ายหมอยังคงยืดเยื้อยาวนานไปอีกไม่จบแค่นั้น  ผมกับหมอซึ่งเด็กสุดไม่ได้มีปากเสียงอะไรเลยนอกจากนั่งฟัง... แม่ก็เช่นกัน... เหลือแต่พ่อที่คอยรับคำครับๆ เพราะความเกรงใจบั้งบนบ่าคนพูด จบท้ายคุณลุงของหมอก็ไสพานสินสอดยัดเยียดให้พ่อกับแม่ไป กลายเป็นบรรยากาศการสู่ขอที่มาคุสุดๆ ไปเลย...

++++++++++

   หลังจากผ่านด่านพ่อตามาได้ หมอก็เหมือนจะได้ใจเกินเหตุ พาลูกขายเขามานั่งกินลมชมวิวเตร็ดเตร่เที่ยวแพแถวกาญจนบุรีทันทีทันควัน  ตกเย็นอากาศกำลังดีผมนั่งตักหมออยู่บนเก้าอี้ยาวระหว่างทอดมองทิวทัศน์เรื่อยเปื่อย ต้นไม้เขียวขจี น้ำใส รอบๆ ที่พักที่เป็นเรือนแพ ดูแสนโรแมนติก..

   “หมอนี่จริงๆ เลย กะจะมัดมือชกพ่อกัสเลยสินะ ถึงให้ลุงมาพูดให้แบบนี้...”  ผมบ่นอยู่ในอ้อมกอดของหมอที่ตัวเองเอนตัวพิง ทิ้งน้ำหนักไว้ได้อย่างเชื่อมั่นไว้ใจ

   “ที่จริงแล้วหมออยากพูดเองนะ แต่มาคนเดียวก็ไม่รู้จะโดนลูกซองหรือเปล่าก็เลยต้องหาแบ็กมากันเหนียว แต่ไม่คิดเหมือนกันว่าลุงแกจะร่ายยาวขนาดนั้น” จะว่ายาวก็ยาวจริงๆ นั่นแหละ นั่งฟังพูดประโยคเดิมวนซ้ำไปมายังกับกรอเทป!

   “โชคดีจัง ที่หมอมีคนมาช่วย ผมยังกลัวตลอดเลยว่ามันจะเป็นยังไง ถ้าพ่อไม่ยอมรับ”

   “จบแบบนี้ก็ถือว่าแฮปปี้ดีนะ แต่ถึงพ่อกัสเค้าไม่ยอมตอนนี้ เอาไว้กัสเรียนจบก่อนเถอะ ยังไงก็ต้องยอม” คำพูดนั้นมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมจนผมต้องพลิกกายหันไปมองหน้าหมอ

   “ทำไม... หมอจะชวนผมหนีตามเหรอ?”

   “พาหนีทำไม ให้กัสอยู่บ้านเฉยๆ เดี๋ยวพ่อกัสก็เอามาให้” คำเฉลยยิ่งพาให้งงหนัก

   “เอ๊ะ ทำไมล่ะ?”

   “อ้าว... ก็ทำลูกชายท้องป่องแล้วนี่ จะไม่ยกให้ก็เกินไป” คำตอบนั้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ แล้วหน้าแดงขึ้นทันทีส่งเสียงเรียกอีกฝ่ายลั่น

   “หมอ!!!!” อดคิดไม่ได้นะว่า หมอที่แสนดี... พอบทจะเจ้าเล่ห์ ก็ร้ายกาจกว่าที่คิดเยอะเลย!

   “ถ้ากัสเรียนจบแล้ว ยังไม่ต้องหางานทำนะ เอาไว้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยว่ากัน” หมอเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนุ่มๆ ซึ่งถึงหมอจะไม่บอกผมก็คิดไว้อย่างนั้นแหละ ให้ไปทำงานทั้งๆ ที่ท้องโตคงตลกน่าดูเลย...

   “พอหมอเรียนจบก็กะจะพักเหมือนกัน คงอยู่แต่คลินิก รับเคสเบาๆ แล้วก็ดูแลกัสไปเรื่อยๆ แล้วต่อไปจะเป็นอาจารย์หมออย่างที่มีคนแนะนำหรือจะอยู่คลินิกฟูลไทม์ค่อยคิดอีกที”

   “แล้วแต่หมอครับ กัสยังไงก็ได้” ผมตอบกลับไป แล้วยิ้มให้ดูน่ารักมากที่สุด ซูกัสน่ะเป็นช้างเท้าหลัง หมอว่ายังไง กัสก็ว่าอย่างงั้นแหละ

   “แล้วกัสคิดบ้างหรือยังว่าเราจะใช้ไข่จากไหน?” เจอคำถามนี้เล่นเอาผมงง เพราะนึกว่าหมอจะหาทางออกเตรียมไว้หมดแล้วเสียอีก

   “เอ๊ะ หมอสังเคราะห์ขึ้นมาไม่ได้เหรอครับ?”

   “จนปัญญาน่ะ” เมื่อเจอคำตอบแบบนั้นทำเอาใจแป้ว จากที่หัวสมองโล่งขาวเป็นช้างเท้าหลังอยู่เมื่อครู่ กลายเป็นเร่งรีบระดมสมอง(อันน้อยนิด) ช่วยคิดทันที

   “อืม... ถึงหมอจะบอกว่ามันผิดกฎหมายก็เถอะ แต่ถ้าเราแอบๆ ซื้อ ไม่ให้คนอื่นรู้ก็ไม่น่าเป็นอะไรนี่ครับ ยังไงหมอก็มีคลินิกสูติ- นรีเวชเป็นของตัวเองอยู่แล้วน่ะ”

   “บอกตามตรงนะ ตอนแรกหมอก็คิดอย่างกัสนี่แหละ คงไม่ยากถ้าจะขอซื้อไข่จากคนไข้ที่มาคลินิกแบบลับๆ เพราะในความรู้สึกของหมอต่อให้เราจะใช้ไข่ของใครก็ตามหมอก็ไม่สนใจหรอก หมออยากมีลูกกับกัสและจะมองว่าเค้าเป็นลูกของกัสแค่นั้น แต่มันจะดีกว่าไหมถ้าเราได้ไข่จากคนที่จะทำให้เค้ามีลักษณะคล้ายกัสมากที่สุด” คำถามนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วงุนงง

   “คือยังไง ผมงง” คำถามโง่ๆ ของผมทำให้หมอชะงักไปนิดนึง

   “ผู้หญิงที่สามารถบริจาคไข่ให้ได้โดยไม่ต้องซื้อ และจะไม่มีทางฟ้องร้องหรือทำให้เกิดคดีความขึ้นในอนาคต แล้วก็มีส่วนคล้ายกัสมากๆ ลองคิดดูสิว่าคือใคร?” คำถามนั้นทำให้คิดว่าหมอคงมีคำตอบในใจนานแล้ว เพียงแต่ไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง

   “หมอหมายถึง...พี่ดี้เหรอ?”

   “เอ่อ... หมอคิดว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเรานะ แต่นั่นก็แล้วแต่กัสกับพี่สาวจะตัดสินใจยังไง เพราะเรื่องแบบนี้มันก็ละเอียดอ่อนพอสมควร”

   “ผมเข้าใจ การที่เราจะใช้ไข่จากคนในครอบครัวคงจะเซพสุดแล้วจริงๆ แล้วถ้าเป็นไข่ของพี่แคนดี้ เด็กของออกมาเหมือนลูกของหมอกับกัสจริงๆ เลยล่ะ แต่กัสไม่รู้เหมือนกันว่าพี่ดี้เค้าจะยอมหรือเปล่า” ผมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงความกังวล

   “ลองไปคุยดูก่อน เพราะมันเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา แต่ถ้าพี่สาวกัสเค้าไม่ยอม หมอก็จะลองหาทางอื่นดูอีกที และถ้าหากว่าจะใช้ไข่ของคนอื่นจริงๆ แล้วเด็กออกมาไม่เหมือนกัสเลย หมอก็หวังนะว่ากัสจะรักเค้าเท่าเดิม”

   “โธ่ ต้องรักสิหมอ อยู่ในท้องมาตั้ง 9 เดือนจะไม่ให้รู้สึกอะไรเลยได้ยังไง แต่ก็นั่นแหละ ผมจะลองขอพี่แคนดี้ดูก่อน เผื่อว่าพี่เค้าจะโอเค”


   หลังจากกลับมาจากไปเที่ยว ผมก็ลองไปคุยกับพี่แคนดี้ ซึ่งพี่แคนดี้ตอบตกลงอย่างง่ายดาย เพียงแค่ถามกลับซ้ำๆ หลายครั้งว่าผมจะปลอดภัยแน่ๆ หรือเปล่า ถึงในความเป็นจริงตัวผมเองจะกังวลอยู่บ้าง แต่ก็รับคำมั่นเหมาะเอ่ยชมว่าหมอว่านน่ะเก่งอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่มีทางปล่อยให้ผมเป็นอันตรายแน่ๆ อยู่แล้ว พี่ก็เลยวางใจ แต่เราพักเรื่องไข่ไปก่อนเพราะตอนนี้ผมยังเรียนไม่จบ...

   กระทั่งผมผมเรียนใกล้จบเต็มทีแล้ว และอยู่ในช่วงสอบ หมอก็นัดพี่แคนดี้มาตรวจร่างกาย อัลตร้าซาวด์เพื่อกระตุ้นไข่และนัดวันเก็บไข่ ในระหว่างนั้นผมก็เกิดคำถามมากมายขึ้นมาอีก

   “ถ้าเอาไข่ออกมาแล้ว อนาคตพี่แคนดี้เค้าแต่งงานใหม่นี่ยังท้องได้อยู่ใช่ไหม?” ผมถามขึ้น

   “แน่นอนสิ ร่างกายผู้หญิงผลิตไข่ทุกเดือนอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้รับการผสมก็กลายเป็นประจำเดือนน่ะ”

   “แล้วนี่ ตอนเอาไข่ออกมามันจะเจ็บไหมครับ?”

   “ถามหมอ หมอก็ไม่รู้หรอกนะ แต่ที่สังเกตคนไข้ บางคนก็เดินตัวปลิวกลับบ้านได้เลย บางคนก็มีอาการเจ็บๆ บ้างจนต้องนอนพักเป็นวันก็มี ขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน”

   “อืม...เดี๋ยวนะ เราเอาไข่ออกมายังไงนะ?”

   “เก็บจากทางช่องคลอดไง...” หมอตอบกลับมาด้วยเสียงที่แสนจะธรรมดามากทีเดียว

   “ช่องคลอด... ช่องคลอดมันก็...ฮะ!!... แล้วใครจะเป็นคนเก็บ..หมอเหรอ?” ผมถามด้วยน้ำเสียงตกใจเพราะเพิ่งนึกขึ้นได้

   “ก็หมอน่ะสิ จะเป็นใคร?”

   “งั้นก็ต้อง...” ผมเอ่ยค้างแค่นั้น นึกภาพพี่แคนดี้ขึ้นขาหยั่งแล้วหมอก็... อ๊ากกกก ทนไม่ได้ “ไม่เอาอ่ะ เอาออกมาทางอื่นได้ไหมเนี่ยหมอ”

   “เก็บไข่นะ จะให้เอาออกมาทางไหน!!” หมอเถียง สีหน้าบ่งบอกว่าเพลียใจกับผมเหลือเกิน “คิดมากน่าซูกัส นี่หมอน่ะทำคลอดมาไม่รู้กี่คนแล้ว ไม่รู้สึกอะไรหรอก”

   “หมอไม่รู้สึก แต่ผมรู้สึกนี่นา” ผมโวยวายไม่ยอมท่าเดียว

   “นี่สรุปว่ากัสหวงหมอ หรือหวงพี่สาวกันแน่”

   “ก็หวงทั้งสองคนแหละ”

   “รู้ทั้งรู้ว่าหมอไม่ชอบผู้หญิงงั้นเหรอ?”

   “ไม่ใช่แบบนั้น... แค่ขอไข่มาก็เกรงใจพี่จะแย่อยู่แล้ว ยังจะต้องให้ผู้ชายคนอื่นทำแบบนั้นอีก ถ้าเป็นหมออื่นก็ว่าไปอย่างยังเจอแค่ครั้งเดียว นี่เป็นแฟนน้องชายนะหมอ ยังต้องเจอะเจอกันอีกตั้งกี่ครั้ง” ผมอธิบายยาวยืด สมมุติตัวเองว่าถ้าผมเป็นพี่แคนดี้คงมองหน้ากันไม่ติดแน่เลยอ่ะ คิดในใจต่อว่าหมอว่านนี่บางเรื่องก็ฉลาดรู้ดีไปหมด แต่คอมมอนเซนส์แบบนี้ทำไมเข้าใจยากจัง...

   “อืม... ก็จริงของกัส” ในที่สุดหมอก็เถียงไม่ขึ้น “ขอโทษนะที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย เพราะงานทำให้หมอไม่รู้สึกอะไร คนไข้ก็เหมือนเป็นงานที่ต้องทำตามปกติ อีกอย่างเพราะเรื่องนี้มันไม่ค่อยถูกต้องหลายๆ อย่าง เลยอยากจะให้รู้กันแค่ไม่กี่คน อะไรทำเองได้ก็อยากทำเอง แต่ถ้ากัสไม่สบายใจ หมอจะให้หมออ้อมาเก็บไข่ให้ก็ได้ แต่เราจะบอกหมออ้อแค่ว่าพี่แคนดี้เป็นคนไข้ของหมอเท่านั้นนะ ไม่เอ่ยถึงความสัมพันธ์อื่นๆ ”

   “ครับ ยังไงก็ได้” ผมตอบรับง่ายๆ


   ขอแค่คนที่ทำหน้าที่นั้นไม่ใช่หมอว่านก็พอแล้วล่ะ!
   

++++++++++


รู้ที่มาของไข่แล้วนะคะ

มีคนถามนิว่าแบบนี้เรียกว่าอุ้มบุญหรือเปล่า

นิว่าไม่ใช่ค่ะ เพราะคนที่อยากมีลูกไม่ใช่พี่แคนดี้+หมอ

กรณีของซูกัสที่อยากมีลูกเองจึงไม่ใช่การอุ้มบุญ แต่เรียกว่า "การตั้งครรภ์เองโดยวิธีรับบริจาคไข่" ค่ะ ♥


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2016 19:35:36 โดย ๛ナーリバス๛ »

ออฟไลน์ arij-iris

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2922
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-5
หมอว่านน่ารักอ่ะ  เจ้าเล่ห์ใช้ได้เลยน้าาาาา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย น่ารักๆๆๆๆ :m3: :m3
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2016 19:56:58 โดย arij-iris »

ออฟไลน์ ❣☾月亮☽❣

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6774
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-6
 :katai2-1:    ลงตัว. อิอิ
ใกล้จะได้ท้องแล้วนะกัส พร้อมยังเอ่ย

ออฟไลน์ patchylove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1585
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-4
เย้ๆ ซูกัสจะเป็นคุณแม่แล้ว :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ ♀♥♀DearigA♂♥♂

  • ♥kacha♥
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด