-8-
-ซูกัส-
บนเตียงของหมอว่าน… ในอ้อมกอดของหมอว่าน...
อุ่นจัง... ผมไม่เคยโดนผู้ชายที่ไหนนอนกอดแบบนี้มาก่อนเลย มีความสุขซะจนอดคิดไม่ได้ว่าอยากจะตบหน้าตัวเองสักฉาดสองฉาดเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป แต่ความจริงไม่ต้องทำถึงขนาดนั้น ความแสบที่บั้นท้ายที่ยังรู้สึกได้ก็เป็นเครื่องยืนยันได้แล้วล่ะว่าคงไม่ได้ฝันไปจริง ๆ นี่กัสกับหมอ... นี่เรา.... อ๊ากกกกก
ไหนแม็กบอกหมอเค้าจะไม่ทำอะไรไงล่ะ รู้งี้ซื้อกางเกงในใหม่ซะก็ดี
เอ๊ะ! ไม่ดิ สุดท้ายมันก็แทบไม่ได้ใช้อยู่ดี งั้นช่างมันเถอะ แต่ถ้าเล่าให้แม็กฟัง มันต้องด่าแน่เลยว่า....
แรด!!
รู้สึกเหมือนเสียงแม็กม่าดังก้องตีลังกาอยู่ภายในหัวหลายตลบ
ถึงงั้นก็เหอะ! ใครจะสน? พนันกันไหมล่ะต่อให้แม็กมาอยู่ตรงนี้ แม็กก็แม็กเหอะ มันก็ต้องแรดเหมือนกัสแหละ!
ก็ดูหมอสิ ดูหมอ...
เอ่อ... เพราะไฟดับลงแล้วก็เลยมองไม่เห็น แต่... ทำไมนึกออกขึ้นมานะ เสียงนุ่มๆ และใบหน้าของหมอตอนที่..
พอยังซูกัส?? นี่เพ้อจบหรือยัง?? หมอเค้าหลับไปแล้วนะ แกควรจะหลับบ้างได้แล้วนะ แต่ว่า...
คร่อกกกกก.... เอ่อ.... แสบท้อง...
ผมพลิกกายไปมา นอนไม่หลับ แล้วจากนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ
“ซูกัส... ถ้าไม่อยากถูกมดกัดอีกรอบ อย่ายั่วหมอครับ!!”
อะฮ้า... นี่มดยักษ์สิไม่ว่า ถึงกัดเจ็บทะลวงไส้ขนาดนี้!
“อะไรของหมอ ใครยั่ว?” ผมหันไปถามหมอพร้อมคิ้วที่ขมวด
“ก็กัสขยับยุกยิกทำไมครับ ไม่ยอมนอน”
“ก็กัสนอนไม่หลับ...” ผมตอบกลับไปเสียงอ่อย
“แปลกที่?”
“หึ! กัสหิว!!”
“ฮะ!!!!!!!” ผมมองไม่เห็นหน้าหมอหรอกเพราะมันมืด แต่คิดว่าพี่แกต้องเหวอมากแน่ๆ
หมอคงลืมไปว่าหมอแวะไปหาผมที่โรงพยาบาล แล้วผมก็(หนี)ตามหมอกลับมา แล้วอยู่ดีๆ หมอก็.... (ละไว้ในฐานที่เข้าใจ) จากนั้นหมอก็จูบราตรีสวัสดิ์ส่งซูกัสเข้านอนเลย
โอเค... หมออาจจะอิ่มอกอิ่มใจจนไม่หิวข้าวหิวปลา ถึงผมไม่ค่อยได้ทำอะไรแต่เสียพลังงานไปตั้งสองน้ำ! กัสจะหิวน่ะมันผิดตรงไหนเหรอ? แล้วยังมีหน้ามาหาว่าคนอื่นเค้ายั่วอีก ตัวเองหื่นเองก็บอก!
“งั้นรอนี่นะ เดี๋ยวหมอมา...” คุณหมอลุกขึ้นจากเตียงอย่างกระตือรือร้น เดินออกจากห้องไปทั้งๆ ที่ไฟยังดับสนิท
และแล้วไม่ถึงสิบนาทีหมอก็กลับมาเปิดไฟในห้องจนสว่างจ้าเห็นถาดในมือเสิร์ฟให้ถึงเตียง ผมรีบลุกขึ้นจากที่นอนที่พลิกไปพลิกมาอยู่ครู่ใหญ่เพราะความหิวจัด ชะโงกหน้าไปดูอย่างสนใจ
โจ๊ก.... คิดว่าเป็นโจ๊กสำเร็จแต่ใส่ไข่ด้วย
“ทานของย่อยง่ายๆ แล้วกันนะ ในครัวไม่ค่อยมีอะไรเลยไม่ครบห้าหมู่ ขอโทษด้วย” หือ... นักโภชนาการมาเอง
แต่หิวขนาดนี้ใครจะสน ต่อให้ต้มมาม่าให้ กัสก็กินหมดอ่ะ!
“ไม่เป็นไรครับ” ผมตอบ ยื่นมือจะรับชามโจ๊ก แต่คุณหมอยึดชามไว้ใช้ช้อนตักโจ๊กขึ้นเป่าแล้วป้อนให้ถึงปาก
อ้ำ.....
“จืดๆ นะครับ หมอไม่ปรุงให้กัสหน่อยเหรอ?”
“ทานรสจัดมากไม่ดีหรอก ยิ่งถ้าลดน้ำหนักอยู่ล่ะก็งดเค็มได้ยิ่งดีเลย ทานมากร่างกายจะสะสมน้ำ”
“หมอหาว่ากัสอ้วน?”
“เปล่าซะหน่อย แค่พูดถึงเฉยๆ” หมอตอบยิ้มๆ ยื่นช้อนมาจ่อที่ปาก ผมกินโจ๊กนั่นอีกคำเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจแล้วรีบยื่นมือไปคว้าชามไว้ในมือแทน
“ผมกินเองดีกว่า กว่าหมอจะป้อนแต่ละคำ... แล้วหมอไม่กินเหรอ?”
“หึ แอปเปิ้ลลูกเดียวก็อิ่มแล้ว” หมอหยิบแอ๊ปเปิ้ลในถาดขึ้นมากัดกร้วม
“ไม่เห็นครบห้าหมู่เลย...” ผมบ่นบ้าง
“ก็มันชินน่ะ หมอไม่ค่อยทานข้าวเย็นหรอก กลับมาก็เหนื่อยแล้วอยากนอนมากกว่าเลยกินรองท้องแค่นั้น เรื่องปกติของหมอนั่นแหละ ดูแลตักเตือนคนอื่นไปทั่ว แต่ตัวหมอเองบางครั้งไม่ได้รักษาสุขภาพสุดๆ อย่างที่คนอื่นคิด ความจริงอาชีพหมอมีอายุเฉลี่ยสั้นที่สุดเลยรู้ไหม?”
“ฮ้า จริงเหรอ?” ผมถามอย่างตกใจ
“ไม่แน่ใจตัวเลขนะ น่าจะน้อยกว่าอายุเฉลี่ยคนไทย 5-10ปี มั้ง” โห ทำไมเยอะจัง...
“โหย... งี้ไม่ดีนะ ปกติหมอก็อายุมากกว่าผมตั้ง10 ปีแล้ว ถ้าหมอตายก่อนผมตั้งห้าปี เท่ากับผมต้องอยู่คนเดียวตั้ง 15 ปีเลยนะเนี่ย เหงาแย่เลย” ผมเบะหน้าเหมือนคนจะร้องไห้
“อายุเฉลี่ยเนี่ย มันคืออายุคนหลายๆ คนรวมกันแล้วเอามาหารนะ ไม่ได้แปลว่าหมอจะตายก่อนซูกัส15 ปีเป๊ะๆ ซะหน่อยนะ” เออ จริงสิ เช็ดน้ำตาแป๊บ...
“ไม่รู้แหละ ถ้าหมอส่วนใหญ่อายุสั้นเพราะมัวแต่ดูแลคนไข้จนไม่มีเวลาดูแลตัวเองล่ะก็ กัสจะดูแลหมอเองนะ โอเคไหม?”
“หือ? ดูแลยังไง”
“อะเอ่อ... ไม่รู้เหมือนกัน แค่อยากดูแลหมอเฉยๆ ทำยังไงก็ได้ ให้หมออยู่กับกัสไปนานๆ ” แปลกจัง คนที่เจอกันแค่สองเดือนเนี่ยทำให้เรารู้สึกอยากอยู่กับคนๆ นี้ไปทั้งชีวิตได้เลยเหรอ...
“ขอบใจนะซูกัส ขอบใจ” แล้วหมอว่านก็ยิ้ม เป็นยิ้มที่มองแล้วแสนอ่อนโยน เขายกมือลูบหัวผมเบาๆ “ถ้าคนอย่างกัสเรียกว่านิสัยไม่ดี โลกนี้ก็คงมีแต่คนเลวแล้วล่ะ”
ไม่จริงซะหน่อย... ผมไม่ได้เป็นคนดีหรอก
แต่...ผมแค่รักหมอ
ผมขดตัวอยู่ในผ้าห่มจนสาย ทั้งๆ ที่รู้สึกว่าไม่ได้ทำอะไรหักโหมมากนัก เสื้อผ้าก็ครบถ้วนดีแต่ตอนตื่นกลับรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อไม่สบายตัวเท่าไรนัก เหมือนไข้จะขึ้น ผมลืมตาขึ้นพบว่าหมอยื่นยัดบางอย่างใส่ปาก...
เอ๊ะ! นี่ทำใครคิดลึกหรือเปล่า? ได้ข่าวว่าคือปรอทวัดไข้...
“มีไข้จริงๆ นะเนี่ยถึงจะไม่สูงก็เถอะ อุตส่าห์ระวังแล้วแท้ๆ” หมอบ่นงุ้งงิ้งแล้วเดินหายไป กลับมาอีกทีพร้อมผ้าผืนเล็กและอ่างน้ำเช็ดตัวให้ผมอีก ให้ตายสิ! เมื่อวานเพิ่งบอกว่าจะดูแลหมอแท้ๆ เลยทำไมกลายเป็นว่าถูกหมอดูแลอีกแล้วล่ะเนี่ย
“หมอไม่ไปทำงานเหรอครับ” ผมถามเสียงอ่อยระหว่างยื่นเขนให้หมอเช็ดตัวให้อย่างว่าง่าย
“ไปสิ แต่คงเข้าช้าหน่อย โทรไปบอกให้หมอคนอื่นราวด์เช้าแทนให้แล้ว กัสล่ะ ไปเรียนไหวไหม?”
“เอ่อ...จากสภาพนี้ กัสว่ากัสโดดดีกว่า” วันนี้วันศุกร์พอดี พักยาวสามวันไปเลย ขืนไปทั้งๆ แบบนี้คงได้โดนแม็กม่าซักจนขาวแน่นอนว่าไป “แรด” ที่ไหนมา...
“ไว้หมอจะเขียนใบรับรองแพทย์ให้นะ” โอ้... รู้สึกเหมือนมีคนสนับสนุนให้ซูกัสสามารถโดดเรียนอย่างถูกต้อง!
“ไม่ต้องหรอกหมอ ปกติกัสไม่ได้โดดบ่อยๆ ขาดแค่วันเดียวคงไม่มีผลอะไรหรอก” วันนึงเรียนตั้งหลายวิชาผมไม่รู้ด้วยว่าจะเอาใบลาไปยื่นใครอาจารย์คนไหน
“หมอขอโทษนะ กัสเจ็บมากไหม?” หมอถาม ในน้ำเสียงมีแววรู้สึกผิดเด่นชัด
“หมอจะขอโทษทำไมล่ะ ผมไม่ได้บอกสักหน่อยว่าไม่ชอบ” พูดจบแล้วรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงแม็กม่าด่าด้วยคำเดิมแบบรัวๆ แร่ดๆๆๆๆๆๆ
“หึ! ก็ได้ งั้นเปลี่ยนจากขอโทษเป็นขอบใจแทนแล้วกัน เมื่อวาน...หมอมีความสุขมากจริงๆ” หมอบอกยกมือขึ้นลูบหัวผมอย่างเอ็นดู รอยยิ้มของหมอเวลาที่เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้... กร๊าวใจซูกัสมากจริง! ผมไม่ได้ตอบอะไรได้แต่พยายามหดคอให้สั้นลงอีกแล้วพยายามมุดตัวจมหายลงไปในผ้าห่ม...
วันนี้ทั้งวันผมขลุกตัวอยู่แต่บ้านหมอ ทำให้หมอไปโรงพยาบาลสายเพราะต้องดูแลหาข้าวปลา เช็ดตัวและอื่นๆ เป็นนาน บ่ายๆ หมอก็กลับมาดูอาการคนไข้ส่วนตัวอีกครั้ง ทำเอาผมรู้สึกผิดเลยทีเดียวที่ทำให้ต้องวุ่นวายไปๆ มาๆ แบบนั้น พอผมเอ่ยปากขอโทษขึ้นมา หมอก็ยิ้มตามแบบของหมอแล้วตอบกลับมาว่า
“ซูกัสเป็นคนไข้ที่หมอดูแลแล้วมีความสุขมากที่สุดเลยนะ และก็คิดอยู่ว่าต่อให้ไม่ป่วยไข้ก็อยากดูแลซูกัสไปตลอดตราบเท่าที่ตัวเองจะอยู่ได้ เฮ้อ... นี่เพิ่งเข้าใจจิตใจพวกตาแก่มีเมียเด็กตอนนี้นี่แหละ ขนาดจะตายก็ห่วงเมีย”
“โห เปรียบซะ!! หมอไม่ได้แก่หงำขนาดนั้นสักหน่อย”
“แต่จริงๆ นะ ถ้ามีช่วงเวลาที่เราต้องจากไปไหนไกลๆ หมอก็กลัวนะว่าจะไม่มีคนอยู่ดูแลซูกัสน่ะ จนอดคิดไม่ได้เลยว่าถ้ามีลูกได้ก็คงดีเนอะ”
“นั่นสิ มีกันๆ” ผมรีบตอบรับทันทีด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ทั้งๆ ที่เดาได้ว่าหมอคงจะตอกกลับมา ว่าด้วยเรื่องที่มาของเด็กต่างต่างนานาอีกมากมาย แต่ครั้งนี้... หมอกลับนิ่งเงียบไปนั่งมองผมอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า...
“หมอตัดสินใจแล้วนะกัส ว่าจะลาออกจากโรงพยาบาล” หมอตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบมีรอบยิ้มอ่อนโยนฉาบอยู่ตลอดเวลา
“อ้าวทำไมล่ะ?”
“ก็จะได้มีเวลาให้กัสมากขึ้นไง”
“ถึงกัสจะบ่นบ้าง แต่กัสก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้หมอเลิกเป็นหมอซะหน่อยนะ”
“ไม่ได้เลิกเป็นหมอหรอก แต่ว่าจะเรียนต่อเฉพาะทางต่อยอดน่ะ แต่สำหรับหมอถึงจะเรียนก็ไม่เหมือนเรียนหรอก คล้ายๆ ย้ายที่ทำงานมากกว่า”
“30 แล้วยังจะเรียนอีกเหรอ?”
“อายุปกติต่างหาก กว่าจะจบแพทย์เป็นหมอทั่วไปก็ 24 ใช้ทุนอีก 3ปี ก็ 27 เฉพาะทาง 3 ปี ก็30 ถึงจะต่อเฉพาะทางต่อยอดได้” โห อะไรจะเรียนเยอะขนาดนั้น!
“อ้อ... เรียนเยอะขนาดนี้นี่เองถึงว่าไปโรงพยาบาลทีไรได้เจอแต่หมอหน้าแก่ๆ” ยกเว้นพี่หมอว่านคนเดียว แลหน้าเด็กกว่ารุ่นพี่วิศวที่ม.ซูกัสจมเลย!
“หมอจบใหม่ก็เยอะนะ แต่อาจจะจับฉลากไปอยู่กันแต่ไกลๆ จะว่าไปรวยๆ อย่างซูกัสนี่ ที่จริงถ้าไม่สบายน่าจะไปโรงพยาบาลเอกชนมากกว่าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงมาโรงพยาบาลที่หมออยู่ได้ล่ะ?”
“เอ่อ...ที่จริง... โรงพยาบาลหมอแค่อยู่ใกล้ม.กัสแค่นั้นเอง กัสไม่รู้หรอกว่ามันของรัฐหรือเอกชน แต่อยู่ดีๆ ก็มาเจอหมอเฉยเลย กัสว่านี่มันพรหมลิขิตชัดๆ หมอทำให้โรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่แบบ...ต่อให้ไม่ป่วยก็อยากมา”
“แต่สิ่งที่กัสทำอ่ะ ทั้งมาหาหมอแล้วคุยเรื่องประหลาดๆ หรือแอบสะกดรอยตามคนอื่นแบบนี้น่ะ พฤติกรรมคนโรคจิตทั้งนั้นเลยรู้ไหม?”
“แต่ตอนนั้นกัสอยากมีลูกจริงๆ นะ”
“ถามจริงๆ นะซูกัส ถ้าสมมุติว่าพี่สาวกัสหายแล้วอ่ะ กัสจะยังอยากมีลูกอยู่อีกไหม?”
“หมอจะถามทำไมล่ะ ถึงกัสจะอยากมี หมอก็บอกเองว่าหมอทำไม่ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่.. ถึงตอนนี้จะยังไม่ได้ แต่หมอเชื่อนะว่าสักวันต้องเกิดขึ้นได้ วิวัฒนาการทางการแพทย์น่ะก้าวหน้าเร็วมาก ที่จริงแล้วตอนนี้ที่สวีเดนมีการปลูกถ่ายมดลูกให้ผู้หญิงที่ไม่มีมดลูกแต่รังไข่ทำงานปกติ แพทย์ได้ทำเด็กในหลอดแก้วฝังลงไปจนเธอตั้งครรภ์ได้ คลอดเป็นลูกชายด้วยนะ แถมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยคอร์แนลในสหรัฐก็กำลังคิดค้นครรภ์เทียมที่สามารถอุ้มท้องในเพศชายได้อีก เอ่อ...ถึงตอนนี้จะทำสำเร็จแค่ในหนูก็เถอะ แต่ไม่แน่วันดีคืนดีอาจจะสำเร็จในคนก็ได้จริงไหม? หมอเลยอยากถามล่วงหน้า ถ้าวันนั้นมาถึง... กัสอยากมีลูกกับหมอไหม?”
อะไรของหมอเนี่ย ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ที่เถียงว่าทำไม่ได้มาตลอด บทหมอบอกว่าจะทำได้ก็ยกข้ออ้างมาซะยาวเป็นพรืดขนาดนี้เลยเหรอ
“ถ้าสำเร็จก็ดีนะครับ ถึงอนาคตพี่ดี้จะหายแล้ว ผมก็อยากมีลูกกับหมอนะ”
“อาจจะอีกสิบหรือยี่สิบปี ถึงตอนนั้นกัสจะรอได้ไหม?”
“ได้สิครับ ถ้ากัสยังอุ้มท้องไหว นานแค่ไหนก็จะรอ”
++++++++++
5 เดือนต่อมา... โรงพยาบาลจิตเวช
“กัสไม่อยู่ตั้งอาทิตย์นึงแน่ะ... พี่ดี้คิดถึงกัสไหม?” ผมถามพร้อมก้มตัวลงกอดร่างพี่แคนดี้ไว้จากด้านหลัง พี่แคนดี้ซึ่งนั่งอยู่บนม้านั่งยาวแบบมีพนักหันหน้ามามองผมด้วยแววตาสดใสและรอยยิ้มที่แสดงออกว่าดีใจเหมือนคนปกติ แต่กลับไม่ยอมพูดอะไร ผมปล่อยกอดแล้วขยับไปนั่งข้างๆ
“กัสซื้อช็อกโกแล็ตมาฝากพี่ด้วยนะ” ผมบอกเปิดถุงที่ถือมาดึงกล่องช็อกโกแล็ตขึ้นมา
“กว่ากัสจะอ้อนหมอให้พาไปญี่ปุ่นได้ต้องรอเกือบครึ่งปี แต่พอได้ไปจริงๆ ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรกลับมา จะให้เลือกพวกเครื่องสำอางหรือเสื้อผ้าแฟชั่นผู้หญิง กัสก็เลือกไม่ค่อยถูก เลยได้แค่ของกิน ถ้าพี่ดี้ไปด้วยก็คงดีเนอะ” ผมหันไปมองหน้าพี่ซึ่งจ้องมองกลับมาเงียบๆ ทำไมนะ รู้สึกเหมือนแววตาที่มองกลับมาถึงอ่อนโยนเหมือนพี่แคนดี้คนเก่ามากเหลือเกิน
“กัสอยากให้พี่แคนดี้หายไวๆ จัง จะได้กลับไปอยู่บ้านด้วยกัน กัสอยากแนะนำหมอให้พี่แคนดี้รู้จัก กัสอยาก...ฮึก... ให้คนที่กัสรักสองคนรู้จักกัน...ฟืด” ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ
อีกแล้วสิ! มาทีไรก็พูดแต่แบบนี้! แล้วก็บ่อน้ำตาแตกมันทุกรอบเลย ฮือ... ผมก้มหน้าใช้หลังมือทั้งสองปาดน้ำตาออกเหมือนเด็ก แต่ก็ไม่ยอมหยุดสะอื้นง่ายๆ แล้วระหว่างที่นั่งร้องได้เป็นเด็กขี้แยอยู่นั้นเอง พี่แคนดี้ก็ยื่นมือมาแตะที่ไหล่เบาๆ เหมือนจะปลอบ
“ไม่เอาสิซูกัส... ร้องไห้แล้วไม่น่าดูเลย...” ผมเงยหน้าขึ้นเบิกตากว่างเพ่งดูใบหน้าพี่สาว หัวเต้นรัวด้วยความดีใจและตื่นเต้นเมื่อพบว่าอีกฝ่ายส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้อีกครั้ง
“พี่แคนดี้?” นี่อย่าบอกนะว่า... พี่แคนดี้...หายดีแล้วจริงอ่ะ ฮือ...
พี่จ๋า.... ผมรีบโผเข้ากอดพี่ไว้ทันทีเหมือนลุกเล็กๆ อ้อนคุณแม่ทีเดียว
“พี่คิดถึงกัสจัง” พี่แคนดี้บอกเอามือลูบหลังผมเบาๆ “รอตั้งหลายวันแน่ะว่าเมื่อไรกัสจะมา ที่แท้หนีไปเที่ยวกับแฟนมานี่เองก็เลยลืมพี่”
พี่แคนดี้บอกผลักผมออกจากอ้อมกอดแล้วขยับตัวหนี เบะหน้างอนซะเฉยๆ
อะไรอ่ะ!!! ที่จริงกัสก็รู้หรอกนะว่าพี่อาการดีขึ้นเรื่อยๆ แต่พอถามหมอ หมอก็ยังบอกว่าขอดูอาการอีกหน่อย กัสก็ไปเที่ยวอค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วพี่ดันมาหายเอาตอนกัสหายไปเที่ยวมาเนี่ยนะ!
“ไม่ใช่อย่างงั้นนะ!!! กัสไม่ได้ลืม...แต่กัสไม่รู้นี่ว่าพี่จะหายตอนนี้” ผมรีบแก้ตัวทันทีด้วยน้ำเสียงร้อนรนกลัวว่าพี่สาวจะโกรธ
“พี่ล้อเล่นน่ะ เห็นกัสมีความสุขพี่ก็ดีใจแล้ว... กลับบ้านกันนะกัส” ผมพยักรับยิ้มทั้งน้ำตา
“แต่ก่อนที่เราจะกลับบ้าน... ให้กัสแนะนำคนๆ นึงให้พี่รู้จักก่อนนะครับ”
+++++++++++++
**แก้คำผิดให้แล้วนะคะ ขอบคุณค่ะ
+++++
บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า เรื่องนี้ท้องแบบ วิทยาศาสตร์นะคะ ดังนั้นที่ซูกัส ไม่ท้องไม่ใช่เพราะ เชื้อหมอไม่แรง แต่เป็นเพราะ...
หมอใส่ถุงยางคับ!

(ไม่ใช่ละ55)