Ex - boyfriend
อย่าบอกใคร ♡ ว่าเรา (เคย) รักกัน
10
พี่มินขับรถพาผมกลับมาเอาหนังสือที่คอนโดเปิดประตูมาก็เจอพี่ไนล์นั่งหน้ายักษ์อยู่ตรงโซฟา ยิ่งพอเขาเห็นพี่มินเดินตามหลังผมมาพี่ไนล์ก็แทบจะพุ่งเข้าไปหา ร้อนถึงผมต้องรีบกอดเอวพี่ไนล์ไว้แน่น
“มึงล่อลวงน้องกู!”
พี่ไนล์ตวาดชี้หน้าพี่มินเสียงดัง คนถูกใส่ความทำเพียงเลิกคิ้วยักไหล่แล้วพิงกรอบประตูชี้มือเข้าหาตัวเอง
“กู?”
“เออถ้าไม่ใช่มึงแล้วจะใคร ลักพาตัวน้องชายกูไปเนี่ย!” พี่ไนล์โวยวายลั่นแล้วหันมาจ้องผมอย่างคาดโทษ
“น้องก็เหมือนกัน ทำไมหลังจากส่งข้อความมาก็ปิดเครื่อง รู้ไหมว่าพี่เป็นห่วงขนาดไหน!!”
“โถ่ พี่ไนล์ครับก็แบตจิณณ์หมดพอดีแล้วก็ไม่ได้เอาที่ชารต์ไป พี่ไนล์ไม่โกรธน้องสิอีกอย่างพี่มินก็ไม่ได้ลักพาตัวน้องไปด้วย”
“นี่น้องเข้าข้างมันเหรอ!!!” พี่ไนล์เริ่มโวยวาย
“ไปกันใหญ่แล้วครับพี่ไนล์ น้องแค่ตอบความจริงไง ไม่โกรธสิครับ”
ผมเอ่ยอ้อนมองหน้าพี่ไนล์แบบแรดสุดชีวิตพี่ไนล์ฟึดฟัดอีกนิดหน่อยถึงยอมรามือ แต่ก็กอดเอวผมไว้แน่นเห็นพี่มินแอบเบ้ปากใส่ด้วย
“แล้วนี่จะออกไปไหน”
พี่ไนล์เดินตามผมเข้ามาในห้องนอนทิ้งให้พี่มินนั่งอยู่ที่โซฟาด้านนอก
“ออกไปอ่านหนังสือหรอ”
“ครับ”
“กับมัน?”
“ครับ”
“จิณณ์”
“พี่ไนล์ไหนว่าเชื่อในการตัดสินใจของน้องไง”
ผมละมือออกจากหนังสือมามองหน้าพี่ไนล์ตรง ๆ พี่ไนล์อึกอักก่อนจะยกมือยอมแพ้
“ก็พี่ห่วง พี่ผิดมากรึไง”
พี่ไนล์พูดเสียงงอนผมเลยเดินเข้าไปกอด “น้องรู้ครับว่าพี่ห่วง แต่ขอให้เชื่อใจน้องอีกครั้งได้ไหม”
“ก็เชื่อมาตลอดอยู่แล้วนี่”
“พี่ไนล์ใจดีที่สุดในโลก”
“พูดแบบนี้ทุกทีแหละตัวดื้อ”
พี่ไนล์หัวเราะในลำคอก่อนจะปล่อยผมเป็นอิสระ วันนี้เขาไม่ว่างหรอกครับบอกว่างานล้นมือทำไม่ทัน เมื่อคืนก็ไม่มีสมาธิเพราะห่วงผม ตัวผมนี่โคตรรู้สึกผิดเลยแต่ทำไงได้ ก็ผมอยากอยู่กับพี่มินนี่นา ขอโทษนะครับพี่ชาย
“อย่ากลับดึกนะรู้ไหม”
“ครับผม”
“แล้วก็อย่าให้มันจับตัวมากมายด้วย”
“โถ่พี่ไนล์”
ผมโอดครวญเสียงอ่อย พี่ไนล์ขยี้ผมของผมจนยุ่งแล้วพาเดินออกมานอกห้อง พี่มินละสายตาจากโทรทัศน์มามองผมสองคนก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง
“จะไปกันหรือยังครับจิณณ์”
เขาเดินมาหายื่นมือมารับกระเป๋าหนังสือไปจากผม พี่ไนล์มองตามการกระทำนั้นมือใหญ่ของพี่ไนล์ยังวางบนเอวผม
“สามทุ่มตรงกูต้องเห็นน้องกูมาถึงห้องนี้อย่างปลอดภัย”
พี่มินมองหน้าผมเหมือนขอความเห็น ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มบางตอบไป ไม่อยากจะขัดใจพี่ไนล์แล้วครับรู้สึกผิดที่ทำให้งานพี่ไนล์ไม่เดินเพราะมัวมาห่วงแต่ผม
“เออ กูจะดูแลอย่างดีมาส่งให้ตรงเวลามึงไม่ต้องห่วง”
“กูห่วงเพราะมึงอยู่ด้วยนี่แหละ”
“พี่ไนล์” ผมเรียกพี่ไนล์เสียงอ่อน
“เออ ๆ แตะไม่ได้เลยนะ อย่ากลับดึกนะครับเดี๋ยวสามทุ่มพี่มาอยู่ด้วยหรือจะให้พี่ไปรับที่ร้านกาแฟ”
“ไม่ต้องเลยมึง ๆ เดี๋ยวกูมาส่งน้องเอง มึงจะหวงอะไรนักหนาฮะไอ้ไนล์”
“ก็น้องกู!”
“เออก็น้องไงไม่ใช่เมียมึงไม่ต้องหวงขนาดนั้นก็ได้!”
“เอ๊ะ ไอ้เชี่ยนี่!”
“พอครับพอ ๆ ทั้งสองคนเลย ไม่ทะเลาะกันนะ”
ผมรีบปรามเมื่อทั้งคู่เริ่มจะเปิดสงครามใส่กัน เหมือนเด็กตีกันไม่มีผิดดีที่คราวนี้พี่มินเป็นฝ่ายถอยให้ก่อน พี่ไนล์เห็นดังนั้นก็ยกยิ้มชอบใจ ผมส่ายหัวให้กับพฤติกรรมพี่ชาย เขาเดินลงมาส่งผมถึงรถพี่มินแล้วผละออกไปขึ้นรถตัวเองกลับไปทำงานที่คณะต่อ
“เฮ้อ...เจอหน้ากันไม่ตีกันสักวันจะตายเหรอครับพี่มิน”
“พี่เปล่าหาเรื่องสักหน่อยเราก็เห็น”
“เห็นครับเห็นว่าพี่ทำหน้ากวนใส่พี่ไนล์” ผมเถียงพี่มินเบะปากใส่แล้วส่งมือมาวางบนหัวผมโยกเบา ๆ
“เข้าข้างมันจัง”
“เป็นอะไรของพวกพี่กัน พี่ไนล์ก็พูดว่าจิณณ์เข้าข้างพี่มิน ส่วนพี่มินก็บอกว่าเข้าข้างพี่ไนล์” ผมยู่ปากใส่ สองคนนี้เด็กแท้ ๆ เลย อย่างกับฟายากับฟรอสเตอร์เวลาที่พี่ณินสนใจใครคนใดคนหนึ่งมากกว่า
“ก็เรารักมันมากกว่าพี่”
ผมหันไปเลิกคิ้วใส่ “จิณณ์บอกอย่างนั้นหรือครับ” คราวนี้พี่มินยิ้มกว้าง
“งั้นก็แสดงว่าเรารักพี่มากกว่ามัน”
“เปล่าครับ ที่จิณณ์บอกว่าจิณณ์บอกอย่างนั้นหรือคือว่าจิณณ์เคยพูดหรอว่าจิณณ์รักพี่” คราวนี้เงียบกริบเลยครับ ผมตั้งใจจะล้อเล่นแต่ดูพี่มินจะจริงจัง มือใหญ่ละออกจากหัวผมกลับไปวางบนเกียร์ แววตาพี่มินนิ่งจนผมใจหาย
“นั่นสินะครับ”
ผมรีบคว้ามือพี่มินมากุมไว้บนตัก ก้มหน้าบ่นงึมงำอยู่คนเดียว “แต่ไม่ได้หมายความว่าต่อไปจะไม่พูดสักหน่อย” แรงกระชับที่ฝ่ามือของเราแน่นขึ้นนั้นแปลว่าพี่มินรับรู้ถึงความรู้สึกของผม
ขอเวลาผมหน่อยนะครับ ขอเวลาให้ผมมั่นใจจริง ๆ ว่าความรักของเรามันจะไม่ลอยหายไปไหนอีก เมื่อถึงวันนั้นผมจะบอกพี่จนพี่เบื่อไปเลยแหละ
“I’ll wait for you, in all of them”
ประโยคที่หลุดจากปากของคนตัวสูงนั้นทำให้ผมหยุดยิ้มไม่ได้ ถือว่านี่เป็นคำสัญญาของเราก็แล้วกันและพี่ก็ช่วยรอผมจนถึงเวลานั้นจริง ๆ ด้วยนะครับ
ร้านกาแฟที่ผมพาพี่มินมาไม่ไกลจากคอนโดผมสักเท่าไหร่ที่ดีอีกอย่างคือสาขานี้มีสองชั้นและชั้นบนค่อนข้างเงียบไร้ผู้คนเหมาะแก่การอ่านหนังสือ ผมปล่อยให้พี่มินเดินลงไปสั่งกาแฟและขนมส่วนตัวเองนั่งมองกองหนังสือตรงหน้า ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี มึนจัง งั้นเอาวิชาที่จะสอบวันแรกก่อนแล้วกัน
ชีวะกับเคมีสินะ
แค่คิดก็ท้อแล้ว ผมเป็นพวกที่ไม่ชอบวิชาท่องจำเลยจริง ๆ ผมชอบพวกคณิตศาสตร์ไม่ก็ฟิสิกส์มากกว่า มีตัวเลขมาให้คิดและพิสูจน์ได้เลย ดีกว่าพันธะเคมีอะไรก็ไม่รู้
“นั่งหน้าเครียดเลย”
“ก็ไม่เข้าใจ”
“ไหนครับ”
พี่มินหยิบหนังสือไปจากมือผม คนตัวสูงกวาดตามองแล้วเริ่มอธิบายให้ผมฟังเรื่อย ๆ อันไหนที่ไม่เข้าใจพี่มินก็จะค่อย ๆ อธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็น จนเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ผมถึงรู้สึกว่าพี่มินยังไม่ได้อ่านหนังสือของตัวเองเลย
“โอเคครับเดี๋ยวจิณณ์อ่านต่อเอง พี่มินอ่านของพี่มินเถอะ” เขาส่ายหัว
“ไม่เป็นไรครับ พี่อ่านไปหมดแล้ว”
“อ้าว”
“ก็แค่หาข้ออ้างมานั่งด้วยน่ะ อยากอยู่ด้วยกันนาน ๆ”
ผมก้มหน้าหลบสายตาซุกซนที่มองมาอย่างอ้อน ๆ ไอ้พี่บ้าคิดว่าผมเป็นใครกันหยอดได้หยอดดีจริง ๆ นี่ก็นั่งติดกันจนแทบจะนั่งตักกันอยู่แล้ว ผมขยับจนติดกระจกแล้วนะ พี่มินก็ยังขยับตามมา นี่ถ้าพี่ไนล์มาเห็นคงโวยวายลั่นร้านแน่นอน
“โอ๊ะ โออออออออ ดูสิเราเจอใคร” เสียงสดใสดังมาจากตรงบันได ผมและพี่มินเงยหน้าขึ้นไปดูก็เห็นกลุ่มชายหนุ่มกลุ่มใหญ่และหนึ่งในนั้นก็มีน้องชายตัวแสบของคนข้าง ๆ ผมอยู่ด้วยนั่นแหละ
“โลกจะกลมอะไรขนาดนั้น” พี่มินส่ายหน้าหน่าย ๆ พี่ณินเดินกอดคอพี่ซันคนสวยเข้ามาทักทายผมสองคนอย่างร่าเริง
“โทรหาแล้วไม่รับนะพี่มิน” พี่ณินนั่งลงตรงข้ามพร้อมกับพี่ซันที่ยกมือไหว้พี่มินหน้านิ่ง ๆ
“เหรอพี่ไม่เห็นรู้ตัวเลยว่าน้องณินโทรหา” น่าเชื่อมากกกกกกกกกกกกกกกกก ผมเห็นพี่มินปิดเสียงโทรศัพท์ตั้งแต่พี่ณินโทรมาสายแรกแล้ว คนบ้าอะไรโกหกหน้าตายชะมัด
“เหอะ คิดว่าณินเชื่อพี่รึไง ดีนะที่นี่ก็ที่ประจำของพวกณินเหมือนกันเนอะน้องซันเนอะ”
พี่ณินหันไปพยักหน้าให้พี่ซัน พี่มินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วหันไปมองพวกพี่คริษฐ์ที่นั่งห่างออกไปเล็กน้อย พวกนี้มากันเยอะมากครับ เป็นสิบเลยมีทั้งผู้หญิงผู้ชายนั่งกันสองสามโต๊ะผมเจอพวกพี่เขาบ่อย ๆ ครับแต่ไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากเพราะพวกพี่เขาก็มาอ่านหนังสือหรือไม่ก็ทำงานเหมือนกัน
“จิณณ์น้อยยังไม่รู้จักสุดที่รักของพี่ณินใช่ป่าว นี่น้องซันคนน่ารักของพี่ณินเอง น่ารักมั้ย ๆ” พี่ณินคว้าคอพี่คนนั้นมากอดจนแก้มทั้งสองคนแนบกัน ผมยิ้มแล้วยกมือไหว้พี่ซัน
“สวัสดีครับพี่ซัน เจอกันอีกแล้วนะครับ”
“สวัสดีครับ นั่นสิณินสมองปลาทองเนอะ ” พี่ซันอมยิ้มมองพี่ณินที่ทำหน้าเหรอหรา
“ตอนไหนง่ะ ไมพี่จำไม่ได้”
“วันนั้นไงที่บาร์วิทย์” พี่ซันเฉลย พี่ณินถึงกับร้องอ๋อ
“ว่าแต่...พี่นั่งด้วยได้มั้ยอ่า” พี่ณินพูดเสียงอ้อน
“ไม่ได้!/ไม่ได้!” สองเสียงดังขึ้นโดยมิได้นัดหมาย เสียงหนึ่งมาจากพี่มินแน่นอนส่วนอีกเสียงนั้นดังมาจากร่างสูงที่เดินมาถึงโต๊ะตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“ขอบคุณโลกนี้ที่มีคริษฐ์” พี่มินบ่นพึมพำ
“คริษฐ์แม่ง” พี่ณินทำหน้าขัดใจพี่คริษฐ์ยื่นโทรศัพท์ให้พี่ซันบอกว่าพี่ซานจะคุยด้วยพี่ซันจึงขอตัวแยกออกไปพี่คริษฐ์จึงนั่งแทน
“มึงนี่หาเรื่องแกล้งคนอื่นได้ตลอดเวลาเลยนะณิน”
“กูแกล้งใครตรงไหนกัน!”
“ก็ตรงนี้ไง แกล้งพี่มึงอยู่ได้ คนเขาอยากใช้เวลาด้วยกัน”
“ใช่มั้ยคริษฐ์ กูรักมึงที่สุดเลยน้องรัก” พี่มินมองพี่คริษฐ์ด้วยสายตาปลาบปลื้ม พี่คริษฐ์ยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นดึงคอเสื้อพี่ณินให้ลุกตาม
“กูก็อยากใช้เวลากับจิณณ์น้อยของกูเหมือนกัน!!” พี่ณินโวยวายแต่โดนพี่คริษฐ์ปิดปากแล้วลากกลับโต๊ะ พี่มินโบกมือบ๊ายบายด้วยสายตาลั้นลา ผมล่ะขำกับพี่น้องคู่นี้จริง ๆ
“เดี๋ยวพี่คริษฐ์เผลอพี่ณินก็มาครับ” ผมพูดติดตลก พี่มินหันมาบีบจมูก
“เราย้ายร้านกันไหม” ผมส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไม่เอาหรอกครับ ผมชอบที่นี่”
“แต่พี่อยากใช้เวลาอยู่ด้วยกัน”
“แล้วตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันตรงไหนครับ” ผมหันไปมองหน้าเลิกคิ้วถาม พี่มินย่นจมูกยกมือขึ้นกอดอกเหมือนเด็กเอาแต่ใจ
“ก็น้องณินชอบมาขัด”
“พี่มินก็อย่าทำหน้ารำคาญพี่ณินสิครับ ทำแบบนั้นพี่ณินก็ยิ่งสนุกแล้วก็ยิ่งแกล้ง เป็นพี่แท้ ๆ ดันไม่รู้ว่าน้องชายตัวเองนิสัยยังไง” พี่มินซบหน้าถูกับไหล่ผมอ้อน ๆ
“ก็มันไปเองนี่นา น้องณินชอบมาเกาะแกะจิณณ์ให้พี่อิจฉา” เสียงทุ้มเอ่ยเบา ผมมองหนังสือแล้วอมยิ้ม
“คนขี้อิจฉา” ผมว่าขำ ๆ
“ขี้หวงด้วยรู้ไว้เลย”
“ครับ ๆ รู้แล้วครับ”
ผมตอบรับแล้วเราก็เริ่มอ่านหนังสือกันต่อโดยที่พี่มินยังอธิบายให้ผมแหมือนเดิม ผมก็ไม่ขัดศรัทธาเพราะพี่มินอธิบายแล้วกระจ่างมาก พอลองทำแบบฝึกหัดก็ถูกหมดเลย วิธีจำของพี่มินจำง่ายกว่าที่อาจารย์อธิบายตั้งเยอะ หันไปมองทางพวกพี่ณินก็เห็นแต่ละคนนั่งอ่านหนังสือหน้าเครียด หนึ่งในนั้นก็มีพี่ซินดี้พี่รหัสผมรวมอยู่ด้วย ตรงตักพี่ซินดี้มีหัวพี่โฟล์คหนุนอยู่ ถัดไปเป็นพี่บิ๋ม พี่น้องมิว พี่ณิน พี่ปลวก โต๊ะถัดไปเป็นพวกพี่คริษฐ์และเพื่อน ๆ อีกสามคน ผมรู้จักแค่พี่ซันที่พี่ณินพามาแนะนำให้รู้จักอยู่คนเดียว
“พี่มินหวัดดีค่ะ” เสียงของผู้หญิงทำให้ผมและพี่มินละสายตาจากหนังสือขึ้นมามอง พี่ซินดี้ยิ้มหวานยกมือไหว้
“หวัดดีครับน้องแพรว”
“แพรวเอาขนมมาให้น้องรหัสค่ะ เห็นอ่านหนังสือไม่ได้พักเป็นชั่วโมงแล้ว” ผมก้มลงมองนาฬิกา จริง ๆ ด้วยผมอ่านเพลินขนาดนั้นเลยหรอ ว่าแล้วถึงรู้สึกล้าสายตา พี่แพรวส่งยิ้มสดใสมาให้ผมมือขาวเลื่อนจานเค้กมะพร้าวมาให้
“อย่าเครียดมากนะน้องรัก” เสียงใสเอ่ยขึ้นแล้วขยิบตาขี้เล่นให้ผมกล่าวขอบคุณพี่แพรวจึงเดินกลับไปที่โต๊ะ
“น้องแพรวเป็นพี่รหัสหรอครับ” พี่มินหันมาถาม
“ใช่ครับ”
“ดีแล้ว”
“หืม? ดียังไงครับ”
“ก็ดีที่ไม่ใช่ผู้ชายไง แล้วอีกอย่างน้องแพรวก็อยู่กลุ่มเดียวกับน้องณินด้วยมีอะไรจะได้คอยช่วยเหลือกัน”
“ไอ้จิณณ์ ไอ้เพื่อนเลวออกมาอ่านหนังสือไม่เรียกกูแลยนะดีนะกูไลน์หาพี่ณินแล้วบอกว่าอ่านกันอยู่ร้านนี้มึงนี่มัน...อ่าว..พี่มินหวัดดีครับ” ไอ้โฮมที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้มาถึงก็ใส่ผมเอา ๆ สักครู่มันก็สังเกตเห็นพี่มินมันเลยยกมือไหว้เสียยกใหญ่
“เอ่อ...งั้นกูไปนั่งกับพวกพี่ณินนะ” ผมยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรซักคำไอ้เพื่อนบ้าก็เผ่นแน่บไปนั่งกระแซะพี่รหัสมัน
“โฮมยังตัวเท่าเดิมเลยนะ” พี่มินพูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“จิณณ์จะฟ้องมันว่าพี่ว่ามันเตี้ย”
“หึหึ พี่เปล่าพูดซักหน่อย เราแหละพูด”
“ฮึ่ยไม่รู้แหละผมจะฟ้องมัน”
“ฟ้องแล้วโฮมมันจะทำอะไรพี่หรอ” เออว่ะ ฟ้องไปไอ้โฮมมันก็ทำอะไรพี่มินไม่ได้อยู่ดี จะให้มันต่อเก้าอี้แล้วเตะก้านคอพี่มินก็จะลงทุนเกินไปสงสารมันตกเก้าอี้ลงมาได้เตี้ยกว่าเก่าแน่ ทำอะไรพี่มินไม่ได้เลยบึนปากใส่แม่ง
“น่ารัก”
“ตะ...ตรงไหนเล่า ไอ้พี่บ้าอ่านหนังสือไปเลย” ผมกดหัวพี่มินจนแทบติดกับหนังสือ คนถูกกระทำไม่โกรธสักนิดแถมยังหัวเราะชอบใจอีก ชอบจริงเลยนะทำให้ผมเขินเนี่ย คนขี้แกล้ง
“โอ่ยมดไต่ ๆ โฟล์ค ๆ มึงรูสึกมั้ยว่าแถวนี้มันหวานแปลก ๆ” มาแล้วครับพี่ณิน สงสัยจะอ่านหนังสือจบแล้วพ่วงมาด้วยคู่ซี้ขากวนอย่างพี่โฟล์ค
“กูรู้สึกได้ถึงไอรักลอยวนทั่วร้านเลยว่ะณิน จุดเริ่มต้นมันมาจากตรงนี้นี่เอง” หน้าพี่โฟล์คแบบกวนตีนได้อีก พี่ณินหัวเราะคิกคัก
“เมียไม่รักรึไงไอ้โฟล์ค”
“โอ้โหเฮียเป็นคำทักทายคนหล่อที่เจ็บเสียดหัวใจมาก” พี่โฟล์คทำท่ากุมหัวใจตัวเองแล้วทำหน้าเจ็บปวดเลยโดนพี่มินโบกหัวไปเน้น ๆ จนหน้าทิ่ม
“มึงหนักชิบอ่ะเฮีย ทีน้องตัวเองไม่เห็นเคยลงไม้ลงมือมั่งเลยวะ” พี่โฟล์คว่างอน ๆ หันไปมองพี่ณินที่หัวเราะลั่นด้วยสายตาโกรธเคือง
“อ่าวก็นั่นน้องกู” พี่ณินกอดอกยืดแบบผู้ชนะ
“อ่านหนังสือจบแล้วหรอน้องณิน” พี่มินหันไปคุยกับน้องชายตัวเอง ตอนนี้ผมหยุดอ่านแล้วครับกำลังเล่นเกมส์ในมือถือ อ่านมากแล้วมึน ขอพักสายตาสักหน่อย
“จบไปแล้วสองวิชา พวกณินว่าจะไปกินหมูกระทะกันพี่มินจะไปด้วยป่าว” พี่มินหรี่ตามองอย่างประเมิน ภายใต้รอยยิ้มสดใสของพี่ณินขอให้พวกคุณอย่าไว้ใจ คน ๆ นี้มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คาดไม่ถึง
“ร้านนั้นจ่ายบัตรเครดิตได้ด้วยน้า” พี่ณินยิ้มหวานอย่างน่ารักทำเอาพี่มินกุมขมับ
“กี่คนครับ”
“ก็พวกณิน 11 คนรวมพี่มินกับน้องจิณณ์ด้วยก็ 13 ลัคกี้นัมเบอร์เก๋ไก๋สไลด์เดอร์” ผมว่าผมรู้แล้วแหละว่าพี่มินกุมขมับทำไม เขาต้องเป็นคนจ่ายสินะ ฮ่า ๆ
“น้า ๆ ๆ ๆ พี่มินนนนนนนน” พี่ณินโน้มตัวมาเขย่าแขนอ้อนพี่ชายตัวเอง ไม่ต้องอ้อนผมก็รู้ครับว่าผลมันจะเป็นอย่างไร บ้านนี้เขาเคยขัดใจน้องคนเล็กเสียที่ไหน
“โอเคครับ นี่ก็เย็นแล้วจิณณ์ไปมั้ย” พี่มินหันมาถาม ผมมองหน้าพี่ณินที่มองมาที่ผมด้วยแววตาขอร้อง เฮ้อ...อย่าว่าแต่พี่ชายเขาเลยครับ ผมก็เหมือนกันลองพี่ณินมองอ้อนแบบนี้ก็ยอมหมดแหละ มีหม้อให้หม้อมีไหให้ไหเลย
“ไปสิครับ น่าสนุกดี”
“เย่ ๆ ๆ ๆ อีกสักครึ่งชั่วโมงแล้วเราค่อยย้ายฐานทัพกันเนอะ” พี่ณินกอดคอพี่โฟล์คก้าวกระโดดกลับโต๊ะไป
“น้องณินนี่น้า”
“อย่ามา ก็พี่มินเองไม่ใช่หรอครับที่ตามใจพี่ณินทุกอย่าง” พี่มินขยี้ผมตัวเองจนยุ่ง
“นั่นสินะ พี่ตามใจน้องณินมากไปจริง ๆ แต่ทำไงได้ล่ะเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่นาจะให้เลิกคงทำไม่ได้หรอก”
“พี่ณินก็ไม่ได้ทำตัวไม่น่ารักซะหน่อยนี่ครับ” ผมยิ้มตอบ พี่ณินเป็นผู้ชายที่เป็นสุภาพบุรษคนนึงเลยแหละด้วยพื้นฐานของที่บ้านเลี้ยงมาดีทั้งกิริยามารยาทผู้หญิงที่ไหนเห็นก็ต้องหลงใหลทั้งนั้น ถึงจะถูกตามใจแต่พี่ณินก็ไม่ได้เสียนิสัย
“นั่นสิเนอะ” พี่มินอมยิ้ม
“โถ่รักน้องมากก็พูดมาเถอะ” ผมย่นจมูกใส่คนรักน้อง พี่มินหัวเราะแล้วหอมแก้มผมเบา ๆ
“คนนี้พี่ก็รักมากนะครับ”ฮืออออออ ไอ้พี่บ้า ไม่คุยด้วยเล่า!!!!!!
To…Chapter 11
ขอโทษที่หายไปนานนะคะ เพิ่งกลับจากบ้านได้สองวัน งานก็สุมหัว แงงงงงง