คาถาที่ 13 :: Closer. [ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดเข้ามาอีกหน่อย] (35%) เรียวจันทร์กะจะคุยกับจอมทัพเรื่องที่ดินให้เข้าใจว่าเขาไม่ได้ต้องการฟาร์มนี้ด้วยใช่หรือไม่ แต่จอมทัพบินไปใต้หวันและจะไปต่อฮ่องกงกับญี่ปุ่นเป็นเวลาสองอาทิตย์ ลูกน้องจอมทัพบอกว่าเขาไปคุยธุรกิจ แบบนี้จะติดต่อยาก รอเขาติดต่อกลับมาจะดีที่สุด ตัวคุณนายเองก็ไม่ได้จะเซ้าซี้มาก เพราะกะว่าจอมทัพกลับมาค่อยคุยกันก็ยังได้
“เสี่ยฝากบอกว่า เขาไปกับเลขา และไม่นอกลู่นอกทางแน่นอนครับ” เรียวจันทร์บึนปากใส่แม็คที่เอาข่าวมาบอกในเช้าวันหนึ่งในขณะที่คุณนายแกกำลังเคลียร์บัญชีของฟาร์มอยู่
“เลขาสวยว่างั้น”
“ผู้ชายครับ แก่แล้ว เป็นคนของพ่อเสี่ย” เรียวจันทร์เบิกตากว้าง ทำหน้าทึ่งน้อยๆ
“แล้วเสี่ยของนายจะเว้นจากเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนั้นเชียว?”
“เวลางาน เสี่ยเขาก็ทำงานอย่างเดียวครับ” เรียวจันทร์เลิกคิ้วแล้วพยักหน้าไปเรื่อยเปื่อย ไม่ได้นึกสนใจเป็นจริงเป็นจังว่าจอมทัพจะไปนอนกับใครหรือไม่นอนกับใคร
“ขอบใจมากที่มาบอก ฉันรอเขากลับมาก่อนค่อยคุยก็ได้ ไม่ได้รีบมาก…” เรียวจันทร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง เงยหน้าจากกองเอกสารขึ้นมองหน้าลูกน้องเสี่ยจอมทัพ
“…ถ้าจะมีธุรกิจเยอะขนาดนั้น ที่ดินตรงนี้ก็ไม่เห็นจำเป็น”
“คนอย่างเสี่ย ถ้าเขาอยากได้ เหตุผลก็คืออยากได้ครับ” เปลือกตาเรียวจันทร์หรี่ปรือมองคนตรงหน้า
“โอเค ฉันเชื่อละ เพราะเขาก็เคยบอกแบบนี้กับฉัน” นางส่ายหัวน้อยๆ แม็คยิ้มนิดหน่อยแล้วหมุนตัวเดินออกไปจากออฟฟิศ ผ่านไปครู่สั้นๆ คมเขี้ยวก็เดินเข้ามาด้านใน
“คุณรู้จักคนนั้นด้วยเหรอ” เรียวจันทร์ทำหน้าประหลาดใจ
“เอ้า ก็ต้องรู้จักสิ เขาเป็นคนงานของนายนี่”
“แล้วมันมาคุยอะไรกับคุณ” คมเขี้ยวหรี่ตามองอย่างข้องใจ
“มาทักทายคนสวย” เรียวจันทร์กะพริบตาวิ้งๆ ทำท่าชะม้อยช้อยชายรูปหล่อ คนโดนแอ๊วแต่เช้ามองอย่างหมดอารมณ์
“งั้นคนสวยมานี่ ไปอาบน้ำให้วัวก่อน ฝึกเอาไว้ จะได้เป็น” เรียวจันทร์หน้าเหวอ มองคมเขี้ยวอย่างตื่นตระหนกตกใจ แล้วก็แผดเสียงแว้ดๆ ลั่นออฟฟิศทันที
“อะไรนะ อาบน้ำให้วัว?! ไม่! จะบ้าเหรอ ให้ไปเก็บขี้มันก็พอแล้ว นี่ยังจะให้ฉันไปขัดสีฉวีวรรณให้มันอีก!”
“ไป ถ้าไม่ไป ผมไม่ถ่ายแบบกับคุณพรุ่งนี้นะ” เรียวจันทร์ลุกขึ้นพรวด เดินเข้าไปยืนตรงหน้าไอ้เขี้ยวกุด แหงนหน้าถลึงตามองพ่อยอดชาย ก่อนที่จะสะบัดเสียงใส่หน้าอีกฝ่าย
“ก็ได้!” คมเขี้ยวยิ้มอย่างเหนือกว่า ยักคิ้วให้คนที่บอกว่าตัวเองสวยหนึ่งที เรียวจันทร์มองด้วยความหมั่นไส้ แล้วนางก็รีบฉกหอมแก้มสากของคมเขี้ยวไปหนึ่งฟอด ก่อนที่จะวิ่งหนีไปอย่างเร็ว
“ไอ้… เนี่ย!” คมเขี้ยวถลึงตามองตามแผ่นหลังร่างบางที่หายไปลิบๆ ยกมือขวาขึ้นลูบแก้มตรงที่โดนหอม ถอนหายใจเบาๆ แล้วเดินตามอีกฝ่ายไป
วันถัดมาเสี่ยจอมทัพก็โทรมาหาเรียวจันทร์ตอนเช้าที่ไทย โทรมาก็ปากหวานว่าคิดถึง อยากให้มาด้วยกัน เขาชวนแล้วละ แต่เรียวจันทร์ไม่ว่างไป เพราะติดงาน อีกอย่างคิดว่าไปก็คงเบื่อน่าดู เพราะอีกฝ่ายบอกไปเรื่องงาน ให้เดาคงแว้บไปดูธุรกิจบ่อนคาสิโนละมั้งน่ะ
“ยาที่ให้ไป ใช้รึยังล่ะ” จอมทัพถามถึงยาปลุกเซ็กส์ที่ให้ลูกน้องไปหามาให้เรียวจันทร์ในวันที่เจ้าตัวให้หามาให้ ขอวันนั้นเสี่ยทัพก็จัดให้วันนั้นเลย
“แหม เพิ่งได้มา จะให้รีบใช้เลยรึไง ใจเย็น” คนสวยว่าเสียงอู้อี้เพราะกำลังมาร์คหน้าอยู่เลยขยับปากมากไม่ได้ เดี๋ยวจะทำให้หน้าย่น ต้องบำรุงให้ฉ่ำก่อนเริ่มงานสักนิดก็ยังดี จอมทัพหัวเราะน้อยๆ แล้วก็ถามต่อ
“แล้วคุณมีอะไรจะคุยกับผม”
“เรื่องที่ดินที่คุณอยากได้ ฉันอยากรู้ว่า คุณไม่ได้จะซื้อฟาร์มอรุณพยัคฆ์ด้วยใช่มั้ย”
“ที่ดินมันก็ติดๆ กันอะนะ” เรียวจันทร์สะดุดกึก ปากอ้าหวอนิดๆ อ้าเยอะไม่ได้เดี๋ยวมุมปากย่น
“เสี่ย ที่นี่มีเจ้าของแล้ว”
“ผมถึงกำลังขอซื้อเขาอยู่นี่ไง” จอมทัพตอบกลับอย่างสบายๆ ฟังแล้วไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจแต่อย่างใด เรียวจันทร์กลืนน้ำลายลงคอนิดหนึ่ง
“แต่นี่มันบ้านเขานะเสี่ย เขาอยู่กันมาตั้งนาน”
“อ้าว พอผมซื้อ เขาก็ได้ตังค์ แล้วก็เอาตังค์ไปซื้อบ้านใหม่สิ” จอมทัพว่าง่ายๆ เรียวจันทร์ขมวดคิ้วนิดหนึ่ง อยากจะขมวดเยอะๆ แต่มาร์คอยู่บนหน้าเลยทำได้แค่นี้ คุณนายแกเริ่มสัมผัสถึงความวุ่นวายที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดว่ามันจะมีหรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง
“ฉันไม่อยากให้คุณยุ่งกับฟาร์มเลย เอาแค่ที่ดินรอบนอกไม่ได้เหรอ” เรียวจันทร์ขยับปากพูดเสียงชัดขึ้นอีกนิด ใช้น้ำเสียงต่อรองเล็กน้อย แต่ดูแล้วจะไม่ได้ผล
“คุณเรียวจันทร์ คุณเป็นลูกหนี้ผม ถึงผมจะชอบคุณมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณจะขัดผมได้” เป็นครั้งแรกที่เรียวจันทร์ได้ยินน้ำเสียงแสดงอำนาจที่เหนือกว่ากับตนเองจากจอมทัพ เพราะทุกทีผู้ชายคนนั้นจะมีแต่พูดจาอ่อนหวานกับเขาตลอด พอเจอแบบนี้เล่นเอาคุณนายแกสะอึกไปเหมือนกัน
“ทำสิ่งที่คุณอยากทำไป แค่นี้ผมก็ยอมคุณมากพอแล้ว” จอมทัพทิ้งความหนักอึ้งไว้ให้กับเรียวจันทร์แล้วตัดสายทิ้งไป เรียวจันทร์กลืนน้ำลายลงคอ ต้องยอมรับว่าใจคอไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
อ้าว เผลอย่นคิ้วหนักมาก ว้ายยย! หน้าย่นรึเปล่าเนี่ย?!
“คุณเรียว! ทีมงานมาแล้วครับ!” เสียงของดินนอกออฟฟิศทำให้สติที่เลื่อนลอยไปครู่หนึ่งกลับมารวมตัวกัน เรียวจันทร์ดึงแผ่นมาร์คสีขาวออกจากใบหน้า หลับตาลงแล้วพยายามจัดระเบียบสติให้เข้าที่เข้าทาง พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อนแล้วกัน มาจัดการเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นก่อนดีกว่า
เรียวจันทร์เดินออกไปนอกออฟฟิศก็เจอกับทีมงานแม็กกาซีนหัวใหญ่ของไทย นำทีมโดย บ.ก.สาวของนิตยสารที่ลงทุนมาดูงานเองเพราะอยากให้งานนี้ออกมาดีที่สุด เนื่องจากเป็นการขึ้นปกของเรียวจันทร์ นายแบบดางรุ่งผู้โด่งดังครั้งแรกบนปกของตนเอง ทุกคนเอ่ยทักเรียวจันทร์ด้วยรอยยิ้ม เรียวจันทร์สวมกอดกับช่างผมและสไตล์ลิสต์ด้วยความสนิทสนมเพราะเคยร่วมงานกันในงานเดินแบบมาบ้าง
“สวัสดีค่ะคุณแม่” เรียวจันทร์หันไปเอ่ยทักช่างแต่งหน้าเก้งสาวมือทองของเมืองไทยคนหนึ่งที่ปลาบปลื้มเรียวจันทร์มานานแสนนาน งานนี้เจ้าตัวก็ขอมาทำเองเพราะอยากมาแต่งหน้าให้นายแบบเก้งสาวที่ไปโด่งดังถึงเมืองนอกเมืองนา
“ได้เจอตัวจริงสักที อยากบอกกับหนูมานานว่าพี่ภูมิใจแทนหนูมากที่ได้ลงเว็บนางแบบนายแบบระดับโลก” เรียวจันทร์ฉีกยิ้มสวย ช่างแต่งหน้ามองอย่างถูกอกถูกใจ
“ดู๊ดู สวยอยู่แล้ว ยิ้มยิ่งสวยไปอีก ถ้าเปลี่ยนถ่ายมดลูกได้เมื่อไหร่ หนูไปทำเลยนะลูกนะ” เรียวจันทร์ยิ้มกว้างขำขัน เหล่าทีมงานหัวเราะกันครื้นเครง
ทักทายกันอีกสักพัก เรียวจันทร์ก็พาทุกคนเดินไปทางโรงนาที่อยู่ติดกับคาเฟ่ ซึ่งจะใช้เป็นสถานที่หลักในการถ่ายแม็กกาซีนเช่นเดียวกับรายการทำอาหารก่อนหน้านี้ที่เรียวจันทร์ถ่ายทำไป แต่กองแม็กกาซีนจะไปถ่ายในจุดอื่นๆ ในฟาร์มด้วย วันนี้จะสะดวกกว่าวันถ่ายรายการ เพราะเป็นวันปิดฟาร์ม ไม่มีคนภายนอกเข้ามาวุ่นวาย
“แล้วนายแบบของฉันล่ะ” บรรณาธิการสาวร่างผอม แต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด ใบหน้าโหนกแก้มชัดเจนหันไปถามเรียวจันทร์
“อ้าว ไม่ใช่คนนี้หรอกเหรอยัยปุ๋ย” ช่างหน้าชี้ไปที่ดินที่ยืนอยู่ข้างเรียวจันทร์ ดินทำหน้าเงอะงะ หันไปมองเรียวจันทร์ที่ยิ้มให้
“ไม่ใช่ค่ะคุณแม่ นายแบบวันนี้เป็นคุณคมเขี้ยวเจ้าของฟาร์ม คุณแม่รู้จักมั้ยคะ”
“เออ รู้จักๆ เคยเห็นอยู่ หล่อมาก แต่คนที่ยืนข้างแม่เรียวก็ดีนะ ดีมากด้วย” ช่างแต่งหน้ามือทองมองไอ้ดินอย่างชื่นชม แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการออกหน้าอะไรมาก
“ก็เก๋ดีนะคุณแม่” บรรณาธิการสาวมองดินแล้วยิ้มพึงใจ
“มาก ดีมาก รูปร่างดีมาก... หนูเป็นลูกครึ่งเปล่าลูก” ช่างแต่งหน้าพยักเพยิดมาทางดินที่ยืนทำหน้างง สักพักก็สั่นหัวปฏิเสธ
“เหรอ นึกว่าลูกครึ่งนะ มีความไทย แต่มีกลิ่นอาย เอ่อ ของอะไรล่ะ พวกอเมริกาใต้ บราซิลอะไรแบบเนี้ยนะ แต่ไทยแท้เลยเหรอคะ” ไอ้ดินอ้าปากพะงาบๆ ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ก็เข้าใจแหละว่าคุณคนนี้ถามมันอยู่
“ทะ… ไทยครับ ไทยเต็มตัวเลย” ดินหันไปมองเรียวจันทร์ที่ยิ้มให้กำลังใจอยู่
“ฉันชอบนะ เธอไม่ลองเอาเขาถ่ายวันนี้ด้วยล่ะ” ช่างแต่งหน้าหันหน้าไปถามบรรณาธิการสาว
“อู๊ย ก็อยากค่ะคุณแม่ แต่คอนเซ็ปต์วันนี้เป็นคอนเซ็ปต์หวานๆ เหมาะกับคนสองคนอะสิ…” บ.ก.สาวมองดินอย่างพิจารณาจนเจ้าตัวทำตัวไม่ถูก เรียวจันทร์ยิ้มแล้วยกมือตบไหล่ดินเบาๆ เป็นเชิงปลอบ
“…อันนี้ใครอะคะน้องเรียว”
“ลูกน้องคุณคมเขี้ยวค่ะพี่ เป็นคนงานในฟาร์มนี้แหละ”
“จริงสิ? ต๊าย คนงานอะไรดี๊ดี เอาแบบนี้ งานหน้า ถ้ามีคอนเซ็ปต์เหมาะๆ กับน้องเขา พี่จะติดต่อมาแล้วกัน” เรียวจันทร์ทำหน้าว่าอู้ว หันไปยิ้มดีใจกับดินที่ยังทำหน้าตื่นๆ อยู่
“ได้ถ่ายแบบกับอองชองเต้ (Enchante) เลยนะดิน” ไอ้ดินยิ้มแหย เพราะไม่รู้จักชื่อที่คุณเรียวว่า
“เดี๋ยวพี่ติดต่อผ่านน้องเรียวได้ใช่มั้ยคะ” เรียวจันทร์หันไปพยักหน้าแล้วยิ้มพยักพเยิดเห็นด้วย บรรณาธิการสาวหันไปหาช่างแต่งหน้าที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์
“คุณแม่ตาถึงมาก”
“เนี่ย มีงานหน้า เรียกเขาเลย ฉันว่าเขาเกิดมาก หนูเอาไปนิวยอร์กด้วยยังได้เลยนะเรียว โพเทนเชี่ยลเขาดีมาก โครงหน้าชัด สันกรามแน่น ผิวเข้มคร้ามแดด เขาจะรุ่งแน่ๆ” ช่างแต่งหน้าเก้งสาวสุดเปรี้ยวคอนเฟิร์มด้วยความมั่นใจ
เรียวจันทร์หันไปหัวเราะเบาๆ กับดิน “อยากไปมั้ย”
ไอ้ดินส่ายหัวรัวๆ “ไม่ครับ ดินกลัวเครื่องบินตก” เรียวจันทร์หัวเราะน้อยๆ ช่างแต่งหน้ากับบ.ก.สาวได้ยินก็หัวเราะไปด้วย แต่สักพักจุดสนใจของเจ้าหล่อนก็ถูกหันเหไปเมื่อร่างสูงโปร่งแต่กำยำของคมเขี้ยวเดินเข้ามาในโรงนา
“อ๊าย คุณคมเขี้ยว สวัสดีค่า” หญิงสาวหันไปพะเน้าพะนอคมเขี้ยวที่ยกมือไหว้พร้อมรอยยิ้ม ชายหนุ่มยกมือไหว้สวัสดีทีมงานทุกคน
“มาค่ะ ไหนๆ ก็มาพร้อมสองคนแล้ว มาคุยคอนเซ็ปต์ให้เข้าใจกันอีกที” เรียวจันทร์เดินไปนั่งบนเก้าอี้กองฟางที่มีโต๊ะไม้ตั้งตรงกลาง คมเขี้ยวนั่งลงใกล้ๆ กับเขาแต่ก็ไม่ได้ติดกันมาก ส่วนดินขอตัวออกไปทำงาน
“อย่างที่บอกไปคราวก่อน คอนเซ็ปต์จะออกหวานๆ หน่อยค่ะ น้องเรียวเนี่ย มีความสวย ความหวานอยู่ในตัว เรื่องสถานะทางเพศพี่ไม่แคร์เลย ส่วนคุณคมเขี้ยว ก็จะมาในแบบผู้ชายหล่อ ล่ำ แมน เอาง่ายๆ ว่าเหมือนแฟนกันน่ะค่ะ แต่มาในสถานะของผู้ชาย อันนี้เป็นแค่คอนเซ็ปต์นะคะ ไม่ได้จะให้เป็นแฟนกันจริงๆ” บรรณาธิการสาวหัวเราะร่วน เรียวจันทร์ยิ้มขำน้อยๆ คมเขี้ยวทำเพียงยกยิ้มมุมปาก
“ตากล้องคะ มาบอกนายแบบนางแบบหน่อยเร้วว่าต้องการสื่อสารกันยังไง” ช่างภาพหนุ่มที่เรียวจันทร์รู้มาว่ากำลังเป็นช่างภาพมือใหม่มาแรงของวงการเดินเข้ามานั่งข้างบรรณาธิการของนิตยสาร
“เดี๋ยวต้องถามคุณคมเขี้ยวก่อนว่า คิดมากมั้ยครับ กังวลกับภาพลักษณ์ตัวเองหรือเปล่า” คมเขี้ยวเบะปากนิดหนึ่งแล้วส่ายหัวช้าๆ
“ไม่นะครับ มันก็เป็นงาน…” เขาหันไปมองเรียวจันทร์ที่หันมามองเขาอย่างเงอะงะ เพราะงงที่จู่ๆ ไอ้เขี้ยวกุดก็หันมามองตัวเอง
“…ทำไปแล้วก็จบ ผมไม่ใช่คนดัง เรื่องภาพลักษณ์ก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น” เรียวจันทร์เม้มปาก นึกสงสัยอะไรกับตัวเองไปเรื่อยเปื่อย ไอ้เขี้ยวกุดต้องการจะบอกว่าไม่ได้คิดอะไรสินะ เหมือนจะดีที่หมอนี่รับงานคู่กับเขา แต่จริงๆ เหมือนต้องการจะบอกว่าทำได้เพราะไม่ได้คิดอะไรด้วยมากกว่า
ย่ะ! แนวคิดบาดคมเหลือเกิน เพราะชายแท้ทั้งหลายที่เรียวจันทร์ร่วมงานด้วย เขาก็จะทำงานกันตามปกติ งานคืองาน ไม่ได้กังวลเรื่องภาพพจน์อะไรทั้งนั้น
“โอเค งั้นหวานใส่กันไปเลยนะครับ เวลาผมบอกให้มองตาก็สื่อสารหากันให้ชัดเจน ใกล้ชิดกันก็ส่งเคมีออกมาให้ฟุ้งไปเลย สวยกับหล่ออยู่ด้วยกัน มันเป็นเรื่องที่ชวนฟิน เป็นเหมือนคู่รักหนุ่มคาวบอยกับคาวเกิร์ล”
ทั้งสองคนนั่งฟังช่างภาพเล่าว่าต้องการอะไรบ้างในงานอย่างตั้งใจ มีบรรณาธิการคอยเสริมบ้างเป็นบางจังหวะ หลังจากคุยกันประมาณสิบนาทีได้ ทั้งคู่ก็ปล่อยให้ช่างหน้าช่างผมจัดการตัวเอง พอแต่งเสริมเติมหล่อกันเสร็จก็ไปเปลี่ยนชุด เรียวจันทร์ใส่เชิ้ตขาวบางตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลอ่อน ใส่รองเท้าบู๊ทสีน้ำตาลเข้ม และมีหมวกหมวกคาวบอยสีน้ำตาลเข้มอีกใบไว้ใช้เป็นพร็อพ
คมเขี้ยวมาในลุคส์ที่ไม่ได้ต่างจากชีวิตประจำวันสักเท่าไหร่ ก็แค่ดูหล่อคมกริบขึ้นเพราะการทำผม เหมือนได้เก็บลายความหล่อให้ชัดกว่าเดิม เสื้อเชิ้ตลายสก็อตสีน้ำเงินสลับขาวพับแขน แหวกออกให้เห็นแผงอกแน่นๆ ชายเสื้อปล่อยออกนอกกางเกงยีนสีดำ รองเท้าบู๊ทสีเดียวกับเรียวจันทร์แต่ส้นหนากว่าทำให้คมเขี้ยวสูงขึ้นอีกนิด ที่ข้อมือซ้ายใส่นาฬิกาสีดำของแบรนด์ที่เป็นสปอนเซอร์ในการถ่ายแบบครั้งนี้ เรียวจันทร์เหลือบมองอีกฝ่ายในตอนที่มายืนอยู่ใกล้กัน เป็นจังหวะเดียวกับที่คมเขี้ยวกดหน้าก้มมองเรียวจันทร์พอดี
“อ้อ เอ่อ หล่อเหมือนทุกวันเลย” เรียวจันทร์พูดเพื่อทำลายจังหวะเงอะงะของตัวเองที่เกิดขึ้นตอนประสานสายตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ คมเขี้ยวยักคิ้วสองข้างตอบกลับมา
“เดี๋ยวเรียวไปยืนซ้อนด้านหน้าของเขี้ยว แล้วเขี้ยวโอบเอว เรียวยกแขนขวาคล้องคมเขี้ยวไว้ เอาแก้มชิดกับคางของเขี้ยว ใช่ๆ อย่างนั้นละ…” ทั้งสองคนสบตากัน คมเขี้ยวมองดวงตาเหมือนกวางน้อยของเรียวจันทร์นิ่งสงบ เรียวจันทร์ถึงกับเกิดอาการประหม่า
“ยังไม่ต้องรีบร้อนมองตากันนะ เดี๋ยวมองกล้องก่อน” ช่างภาพแซว เสียงหัวเราะทีมงานดังเบาๆ นางแบบและนายแบบละสายตาออกจากกันแล้วหันไปมองกล้อง แต่ใบหน้าของทั้งสองยังคงใกล้ชิดติดกัน เรียวจันทร์พยายามกลั้นขำ เพราะรู้สึกจั๊กจี้เคราของคมเขี้ยว
“ขำอะไรเนี่ยคุณนาย” เรียวจันทร์หันไปจะมองหน้าคมเขี้ยว แต่จมูกดันไปโดนแก้มอีกฝ่าย คุณนายแกเลยเอนหน้าถอยหลังห่างนิดหนึ่งแล้วก็ยิ้มขำ
“หนวดนายคันดีอะ” เรียวจันทร์หัวเราะขบขัน คมเขี้ยวเผลอยิ้มขำไปด้วย เสียงชัตเตอร์ดังรัวๆ ก่อนที่ทั้งสองคนจะหันกลับไปมองกล้องตามเดิม
“ดีครับ… เรียวเชิดหน้าขึ้นนิด เขี้ยวกดจมูกลงบนคอเขาเบาๆ… ช่าย แบบนั้น เคมีดีมาก…” เรียวจันทร์เผลอกลั้นหายใจตอนที่คมเขี้ยวกดจมูกลงบนซอกคอตัวเองแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเบาๆ มือขวาที่แปะอยู่ช่วงท้ายทอยของอีกฝ่าย เผลอเลื่อนขึ้นขยุ้มเส้นผมแน่น
“จิกหัวผมทำไม” คมเขี้ยวกระซิบถาม
“ฉันเสียวอะ ขนฉันลุกไปหมดแล้ว” คมเขี้ยวยิ้มมุมปากอย่างขำๆ เลื่อนจมูกตัวเองขึ้นไปบนขมับของคนในอ้อมแขน แล้วกระซิบเสียงแผ่ว
“ถ่ายแบบนะคุณ ไม่ได้มีเซ็กส์กัน…” เรียวจันทร์ปล่อยมือออกจากเส้นผมของคมเขี้ยว แล้วหันตัวเข้าหาคนตัวโต แหงนหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเชิญชวนแบบที่ลึกๆ ในใจของคมเขี้ยวก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า
ยั่วยวนดี…
“เออ… ดีครับ ไหลไปเลย” เรียวจันทร์วางมือลงบนอกเปลือยที่ไม่ได้ติดกระดุมเสื้อ แล้วตอนนั้นเองที่คมเขี้ยวลืมตัวที่จะละสายตาออกจากดวงตาและใบหน้าของเรียวจันทร์ เขามองหน้าสวยหวานเกินชายของเรียวจันทร์ราวกับโดนสะกด เรียวจันทร์กรีดยิ้มน้อยๆ มือขวาลูบอกซ้ายของคมเขี้ยวเบาๆ ปลายจมูกของทั้งสองคนชนกันแผ่วๆ ริมฝีปากสีชมพูสดกับริมฝีปากสีแดงอ่อนอยู่ห่างกันเพียงนิดเดียว
“โอ๊ย ยังไงน่ะ ยังไง จะได้กันมั้ย” บรรณาธิการสาวว่าด้วยเสียงตื่นเต้นเบาๆ อยู่ตรงหน้าจอแม็คบุ๊คที่มีภาพจากกล้องถูกทรานส์เฟอร์ลงมาแบบเรียลไทม์
“เยี่ยมมาก เดี๋ยวเปลี่ยนท่าใหม่นะครับ” ช่างภาพลดกล้องลง หันไปดูภาพที่หน้าจอทันที ทิ้งให้นายแบบทั้งสองคนยืนมองตากันค้างครู่หนึ่ง ก่อนที่เรียวจันทร์จะเป็นฝ่ายค่อยๆ ถอยหน้าออกพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม คมเขี้ยวเหมือนหลุดออกจากมนตร์สะกด เขามองหน้าเรียวจันทร์ค้างอีกสักพัก แล้วก็เลื่อนสองมือที่โอบบั้นท้ายอีกฝ่ายไว้ออก
“ฉันชอบโมเม้นต์นี้จัง” เรียวจันทร์ยิ้มกว้างแล้วยักไหล่ คมเขี้ยว (แสร้ง) ขบกรามแน่นแล้วมองอีกคนเอือมๆ เรียวจันทร์ยื่นมือขวาไปเกาคางคมเขี้ยวเบาๆ เจ้าตัวทำเพียงเอนหน้าหนี เรียวจันทร์หัวเราะคุคิๆ คนเดียว
“เดี๋ยวเขี้ยวนั่ง แล้วเรียวนั่งตักเขี้ยวนะ” หลังจากเช็กภาพเสร็จ ตากล้องก็หันไปบอกนายแบบทั้งสอง ทีมงานกำลังจะยกเก้าอี้ไม้เข้าไปในเซ็ทแต่ตากล้องโบกมือปฏิเสธ
“เดี๋ยวนั่งบนกองฟางเลย” ช่างภาพหนุ่มเดินเข้าไปบอกทีมงานว่าต้องการอะไรวางไว้ตรงไหน จัดยังไง นายแบบทั้งสองยืนรอทีมงานจัดฉากอยู่ข้างๆ กัน เรียวจันทร์ยื่นมือไปดึงมือคมเขี้ยวให้ถอยห่างทางเดินของทีมงานเพื่อให้ทุกคนทำงานได้สะดวกขึ้น
“มาครับ เดี๋ยวเขี้ยวนั่งนี่ แล้วเรียวก็ตามไปนั่งทับตักเขาไว้” คมเขี้ยวนั่งลงบนกองฟาง ตากล้องจัดให้เขานั่งแหวกขาเพื่อให้เรียวจันทร์เดินเข้าไปตรงกลางแล้วหย่อนก้นลงบนต้นขาซ้ายของเขาได้ เรียวจันทร์นั่งลงพร้อมกับยกแขนขวาคล้องคอหนาของชายหนุ่ม
“มองหน้ากัน แล้วยิ้มให้กัน ถ้าผมเรียกก็ค่อยหันมานะ” ทั้งสองคนพยักหน้ารับคำสั่งนั้น เรียวจันทร์หันไปมองหน้าคมเขี้ยวที่มองก่อนอยู่แล้ว คุณนายแกอมยิ้มเขินแวบหนึ่ง แล้วเลื่อนสายตาหนีไปมองทางอื่นเพื่อไม่ให้เขินไปมากกว่านี้
“เขินได้ด้วยรึไง” คมเขี้ยวถาม ริมฝีปากกึ่งยิ้มกึ่งขำ เรียวจันทร์เลื่อนสายตากลับมามองหน้าหล่อๆ ของคมเขี้ยวตามเดิมแล้วก็หลับตาปี๋แวบหนึ่งก่อนจะลืมขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย และพยักหน้าสองสามที คมเขี้ยวย่นคิ้ว แต่ใบหน้าก็เปื้อนยิ้มขบขัน เรียวจันทร์เขินจัดเลยแก้เขินด้วยการเอาหน้าผากตัวเองไปชนกับหน้าผากคมเขี้ยวเบาๆ หลับตาลงเพื่อไม่ให้ตัวเองเห็นหน้าอีกฝ่าย
“เมื่อกี้ยังยั่วอยู่เลย” คมเขี้ยวกระซิบ เสียงชัตเตอร์ดังไปเรื่อย แต่เหมือนทั้งสองคนก็อยู่ในโลกของตัวเองกันไป พอตั้งสติได้ เรียวจันทร์ก็ลืมตาขึ้นมองตาคมเขี้ยวที่มองเขาตาเป็นประกาย เรียวจันทร์ดึงหน้าตัวเองออกแล้วยกยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ตั้งสติให้อยู่กับงาน
“หันมาทางกล้องเลยครับ” ทั้งสองคนหันไปมองกล้อง ถ่ายได้ห้าหกภาพ คุณนายแกก็เลื่อนตัวเองลงไปนั่งตรงกลางหว่างขาของคมเขี้ยว
“อ้า ดี ดี โอเค ผมชอบ” เรียวจันทร์ดึงแขนคมเขี้ยวมาโอบรอบเอวตัวเอง และใช้สองมือจับหลังมือคมเขี้ยวไว้เบาๆ แล้วก็เอนหัวซบอกของของคนตัวโต
“อกนายอุ่นจัง” เรียวจันทร์ว่ายิ้มๆ ทั้งที่สายตามองกล้อง คมเขี้ยวก้มมองรอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดขึ้นบนใบหน้าสวยผุดผ่อง
“หัวใจเต้นหนักเหมือนกันนะ…” คมเขี้ยวชะงัก ผ่อนลมหายใจเบาๆ ยาวๆ แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองกล้อง แต่สักพักก็ต้องก้มลงไปมองหน้าเรียวจันทร์ใหม่เพราะเสียงกระซิบเล็กๆ
“…ฉันก็เหมือนกัน เต้นหนักมากเลย” เรียวจันทร์ยิ้มบางเบา สายตายังคงมองกล้อง ไม่ได้แหงนขึ้นสบตาของอีกฝ่าย คมเขี้ยวมองอย่างสับสน กำลังเกิดความรู้สึกงงกับตัวเองว่าว้าวุ่นอะไรอยู่
“ดีครับ ดีมาก เดี๋ยวเปลี่ยนชุดใช่มั้ยครับพี่…” ตากล้องหันไปถามสไตล์ลิสต์กับบรรณาธิการ และปรึกษาอะไรกันสักอย่าง
เรียวจันทร์ยังคงนั่งพิงอกของคมเขี้ยว โดยที่เจ้าของอกอุ่นก็นั่งนิ่งให้พิงโดยที่ไม่ได้ผลักไสไล่ส่ง มือหนายังคงวางไว้ที่เอวบางของคนตัวเล็ก คมเขี้ยวเม้มปาก เงยหน้าขึ้นมองรอบโรงนาแล้วก็วกกลับมามองใบหน้าสวยๆ อีกที เรียวจันทร์แหงนหน้าขึ้นมองแล้วส่งยิ้มจิ้มลิ้มมาให้ คมเขี้ยวขบกรามจนสันกรามขึ้นนิดๆ
“ไปเปลี่ยนชุดกันดีกว่าเนอะ” เรียวจันทร์ยิ้มกว้างแล้วก็ลุกขึ้นยืน เอื้อมมือไปดึงมือคมเขี้ยวใหลุกขึ้นตาม และเดินจูงมือคนตัวโตไปทางโซนเสื้อผ้าด้วยกัน
เขาใกล้ชิดกันขึ้นมาอีกนิดแล้นนะคะ อะคริๆ เต๊าะนิดเต๊าะหน่อย อ่อยเบาๆ เข้าทางแม่เรียวมากทีเดียว
งานนี้พี่เขี้ยวของเราถูกจับได้ว่าใจเต้นด้วย แอร๊ยยยย พี่เขี้ยวหวั่นไหวกับความน่ารักของแม่เรียวชิมิล่ะ ฮิๆ แหมมม ก็แม่เรียวออกจะน่ารัก ถ้าตัดนิสัยผีๆ ที่แม่มีออกไป แม่ก็เป็นคนน่ารักมากนะ 5555
ตอนนี้พี่เขี้ยวคะแนนเพิ่มขึ้นอีกนิดละเนาะ หุๆ ค่อยๆ มา มาทีหลังต้องปังๆ นะพี่เขี้ยว เสี่ยเขานำไปไกลแล้ววว
ส่วนคุณเสี่ยเริ่มขู่แม่เรียวนิดหน่อย แต่ก็ยังมาวินในใจสาวๆ อยู่สินะ เรารู้ 55555
เจอกันกับที่เหลือค่าาา
สำหรับแท็กในทวิตสำหรับเรื่องนี้ใช้ว่า #WorksTheMagic หรือ #คมเขี้ยวเรียวจันทร์ ก็ได้ค่ะ