ตอนที่ 8"วันนี้ชนะดูอารมณ์ดีจังเลยนะคะ มีเรื่องอะไรดีๆ รึเปล่าเอ่ย" แฟนสาวถามเสียงหวาน มองบุรุษหนุ่มข้างกายด้วยความหลงใหล "อารมณ์ดีอย่างนี้ เราไปดูหนังกันสักเรื่องนะคะ วิมมีเรียนอีกทีตอนเย็น..."
ชนะเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์มือถือ แล้วหันมองผู้หญิงข้างกาย "ผมไม่ชอบดูหนัง"
แฟนสาวยิ้มค้าง ดวงตากลมโตมีแววตัดพ้อ แต่ก็ไม่กล้าแสดงกิริยาออกนอกหน้า ด้วยรู้ว่าผู้ชายอย่าง ชนะ โรจนโภคิน เกลียดผู้หญิงประเภทไหน ถ้าเขาบอกว่า 'ไม่ชอบ ไม่เอา ไม่อยากไป' เอาช้างมาฉุด เอารถสิบล้อมาลาก เจ้าตัวก็ไม่ยอมไปอยู่ดี
ชนะไม่เคยตั้งกฎเหล็กในการคบเป็นแฟนกับผู้หญิงคนไหน แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอทั้งหลายจะรู้กันเองว่า...ถ้าหากอยากยืนอยู่ในที่ที่ใครก็หมายปองตรงนี้ ...อย่าขัดใจชนะ เขาพูดหรือต้องการอะไรก็ให้เออออไปตามนั้น
วิม ปรีประภา เป็นผู้หญิงที่คบกับชนะได้นานกว่าแฟนคนไหนๆ ด้วยเพราะเธอทำในสิ่งที่แฟนคนก่อนๆ ทำไม่ได้ วิมไม่เรียกร้องในสิ่งที่ชนะไม่ให้ เธอไม่โวยวาย แม้จะต้องเป็นฝ่ายโทรตามชนะให้มารับมาส่ง หรือโทรนัดทานข้าว เธอรู้ว่าโทรบ่อยไม่ได้...เขาจะรำคาญและพาลไม่มาหา แต่ถ้ารู้จังหวะโทรในตอนที่เขาอารมณ์ดีเช่นตอนนี้ เธอออดอ้อนเสียงหวานนิดหน่อย เขาก็มา
"คุยกับใครอยู่คะชนะ" วิมยังคงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน ไม่วีนเหวี่ยงเมื่ออย่างผู้หญิงทั่วไปที่เห็นแฟนเอาแต่แชทเฟซอยู่กับใครบางคน
"เพื่อน" ชนะตอบกลับเสียงเรียบ ไม่มีคำอธิบายอะไรต่อจากนั้น แล้วก้มหน้าก้มตากดแป้นพิมพ์ต่อ ใบหน้านิ่งและสายตาเรียบเฉยเวลาที่อยู่กับเธอหรือใครต่อใคร แปรเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้มจาง ดวงตาหลังแว่นกรอบดำเป็นประกายอย่างน่ามอง
วิมเม้มริมฝีปาก ระงับอารมณ์ เพราะไม่ใช่เรื่องแปลก...ตั้งแต่เริ่มคบกันแล้ว ที่ชนะทำตัวติดมือถือ อยู่ในสังคมก้มหน้า ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยกับเธอ แม้กระทั่งตอนที่ขึ้นเตียง...เสร็จธุระกันแล้วมือถือของเขาก็จะเป็นสิ่งแรกที่เขาหยิบมันขึ้นมาดู เธอไม่เคยขอค้น ไม่เคยถามชื่อเพื่อนที่เขาคุยด้วย ทั้งๆ ที่อยากกรีดร้องใส่หน้าเขาใจแทบขาด อยากโยนมือถือเขาทิ้งแล้วคาดคั้นว่าคุยอยู่กับใครที่ไหนเกือบตลอดเวลา แม้กระทั่งในตอนกลางคืน เธอเคยโทรไปหาหลังสี่ทุ่ม ก็เจอแต่สายไม่ว่าง...ยาวนานไปจนถึงตอนเช้า เธอกดจนนิ้วแทบล็อคก็ยังติดต่อไม่ได้ เธอพยายามคิดในแง่ดี คิดว่าเขาคงคุยกับเพื่อนอีกเหมือนเดิม เธอจึงเปลี่ยนเวลาติดต่อ ทักแชทเฟซไปในตอนหัวค่ำ แต่เขาตอบกลับมาเอาตอนเช้าของอีกวัน เคยโทรไปหาช่วงเวลาสามทุ่ม แต่เขารีบคุยแล้วรีบวาง เธอยังพูดไม่ถึงสิบประโยคเสียด้วยซ้ำ... เธออดทนกับเรื่องแบบนี้มานานถึงสองเดือน อดทนจนเหมือนคนบ้าที่เอาแต่วิ่งตามเขา ดูเหมือนคนหน้าด้านที่ไปโพสสเตตัสที่เฟซบุ๊คเขาฝ่ายเดียวโดยที่เขาไม่เคยแม้แต่จะกดไลค์หรือแสดงความคิดเห็นอะไรตอบกลับมาเลย
วิมอยากจะเดินออกไปจากตรงนี้...อยากเลิก อยากฟาดมือลงบนใบหน้าเขาสักสองทีแล้วตะโกนบอกว่า ฉันทนต่อไปไม่ไหวแล้ว แต่เธอทำไม่ได้...อะไรหลายอย่างผูกมัดเธอเอาไว้ ...คงเพราะรู้ว่าตัวเองเป็นที่อิจฉาในหมู่เพื่อนมากแค่ไหนที่ได้แนะนำให้ใครต่อใครรู้จักกับ ชนะ โรจนโภคินในฐานะแฟน มีแต่คนเข้ามาบอกว่าเธอโชคดี แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าที่ที่เธอยืนอยู่ในตอนนี้...มันทำให้เธอไร้ค่า ถูกทำเหมือนของตายมากแค่ไหน
"แล้วเย็นนี้ชนะว่างไหมคะ เย็นวันศุกร์อย่างนี้...ไปหาร้านนั่งดื่ม แล้วคืนนี้ค้างที่ห้องวิม..."
มือบางส่งไปแตะที่ข้อศอกของอีกฝ่ายแผ่วเบา ชนะหันมองแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ว่าง เพื่อนผมกลับมา ต้องไปเจอ"
"เพื่อน...เหรอคะ" วิมทวนถาม น้ำเสียงเริ่มสั้นห้วน แต่ใบหน้ายังคงยิ้ม
"อืม มีอะไรรึเปล่า"
ใบหน้าสวยชะงักนิ่งเพราะคำถามที่ถูกถามราวกับเจ้าตัวไม่ได้ทุกร้อน ทั้งๆ ที่กำลังปฏิเสธการเชิญชวนของแฟนเพื่อไปเจอกับเพื่อนที่แฟนก็ไม่รู้จักหน้าค่าตาว่าเป็นคนแบบไหน
"เราไม่ได้อยู่ด้วยกันตามลำพังมานานแล้วนะคะ..."
"แล้วยังไง" ชนะเริ่มรู้สึกรำคาญใจ จ้องมองผู้หญิงข้างกายด้วยความเย็นชา "ผมก็ไม่ได้เจอเพื่อนมานานแล้วเหมือนกัน คุณจะบอกว่าไม่ให้ไปเหรอ"
"มะ...ไม่ใช่นะคะ วิมแค่...แค่คิดว่าเรา..." วิมเริ่มจับน้ำเสียงของชนะได้ รีบละล่ำละลักพูดแก้ต่าง "เราควรอยู่ด้วยกันบ้าง...ชนะไม่เคยค้างที่ห้องเลย ไม่รู้ว่าเพราะห้องของวิมคับแคบ ทำให้ชนะอึดอัดหรือเปล่า...วิมแค่สงสัย"
"ผมไม่เคยค้างห้องใคร ไม่ชอบ ไม่ได้เกี่ยวว่าอึดอัดหรือคับแคบ คุณอิ่มรึยัง จะได้ไปกันสักที เดี๋ยวเพื่อนผมมารับ"
"อิ่มแล้วค่ะ" วิมเม้มริมฝีปาก น้ำตาคลอ มองแฟนหนุ่มด้วยความเสียใจ "งั้นพรุ่งนี้ มารับวิมไปช็อปปิ้งได้ไหมคะชนะ"
"โทษทีนะ ผมไม่ว่าง ถ้าคุณรอได้ เย็นวันจันทร์ผมจะพาไป"
วิมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเพียงนิด พยักหน้าแล้วเข้ากอดแขนของชนะอย่างเอาใจ "รอได้ค่ะที่รัก ขอบคุณนะคะ"
ริมฝีปากอิ่มบรรจงจูบลงบนแก้มของแฟนหนุ่มที่เรียกพนักงานมาเช็คบิลค่าอาหาร จัดการเคลียร์บิลพร้อมให้ทิปพนักงานแล้ว สองหนุ่มสาวก็พากันเดินออกจากร้าน เดินตรงไปยังรถเบนซ์คันหรูที่มีชายสวมสูทสีดำเปิดประตูคอยท่า
"ไปส่งเธอที่คณะแพทย์ ผมจะให้เพื่อนมารับ" ชนะสั่งการ ดึงแขนออกจากการเกาะกุมของแฟนสาวแล้วขยับถอยให้เธอเดินขึ้นรถ
"แล้วเจอกันนะคะที่รัก" วิมบอกลา แล้วหันมาหอมแก้มเขาก่อนจะก้าวขึ้นรถไป
"คุณหนูครับ เย็นนี้...คุณท่านบอกว่า..."
ชนะยกมือปรามในสิ่งที่บอดี้การ์ดต้องการพูด "ผมบอกกับยะไว้แล้วว่าไม่กลับ เขาจะบอกกับป๋าเอง พี่ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ไปเถอะ"
"โอเคครับ มีอะไรโทรหาผมนะครับ"
"อืม"
รถเบนซ์คันหรูเคลื่อนตัวออกไปแล้ว ชนะถอนหายใจก่อนจะคลี่ยิ้มเมื่อมองตรงไปยังอีกฝั่งถนน เห็นหัวเกรียนๆ ของใครบางคนกับมอเตอร์ไซค์ฟีโน่คันสีชมพูของมัน เขารีบก้าวขายาวๆ ตรงไปหาทันที
"นั่งเบนซ์ดีๆ ไม่ชอบ ชอบลำบากเนอะคนเรา" เสมอยิ้มแฉ่ง ยักคิ้วกวนพร้อมกับยื่นหมวกกันน็อคมาให้ "ไหนมาดูหน้า หูยยย ลิปสติกอ่ะ เช็ดๆๆ"
ไม่ว่าเปล่า เหมอส่งมือกร้านแดดมาเช็ดถูที่แก้มจนชนะหัวเราะลั่น พร้อมกับผลักหัวเกรียนๆ ของมันไปด้วย "เช็ดแรงไปไอ้เหมอ ถลอกหมดแล้วมั้ง"
เหมอยั้งมือ ก่อนจะถือโอกาสลูบแก้มของชนะ "หวานกับแฟนไม่เกรงใจฟ้าไม่เกรงใจดิน" และไม่เกรงใจเหมอด้วย!
"ไม่ได้หวาน เขาทำของเขาเอง"
"แล้วปล่อยให้ทำเหรอ หวงตัวบ้าง รูปหล่อขนาดนี้ เดี๋ยวสึกหมด"
ไอ้เหมอมันทำหน้ายุ่ง ย่นจมูก แต่ริมฝีปากยังคงยิ้ม "คิดถึงมะ" ยักคิ้วส่งมาให้อีกระลอก แต่ชนะยักคิ้วกลับ
"เหมอล่ะ?"
"คิดถึงมากกกกก ไม่เจอนาน คิดถึงไอ้กวิ้นด้วย" ต้องมีไอ้กวิ้นต่อท้าย ไม่งั้นคงเป็นรูปประโยคที่แปลกพิลึก
ชนะหัวเราะหึหึอย่างพึงพอใจ ล็อคคอไอ้เกรียนไว้แล้วลูบหัวมันเหมือนลูบหัวหมา "เด็กดีๆ"
"ชะน้าาา เหมอไม่ใช่หมาาา"
"ฮ่าๆๆ เหมือนคนที่ไหนล่ะเหมออ่ะ"
แค่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของชนะ...ก็ทำให้คนกลับใจอยากเป็นหมาไปแล้ว
"เป็นหมาก็ได้...ถ้าชนะเป็นเจ้าของหมา ฮี่ๆ"
"ตอนฝึกโดนใครตีหัวมาป่ะ กลับมาแล้วพูดจาแปลกๆ" ชนะถามแล้วตบหัวเหมออีกหลายที จนเหมอคิดว่าคืนนี้อาจจะฉี่รดที่นอนไอ้กวิ้นเพื่อนยากก็เป็นได้
"พอๆ นะะะ พอออ" ต้องรีบเบรค ไม่งั้นคนหล่อมันก็ตบหัวเกรียนๆ ของเหมอไม่หยุด "ว่าแต่จะไปนอนบ้านไอ้กวิ้นแล้วเสื้อผ้ามีไหน"
"ไม่ได้เอามา เดี๋ยวไปซื้อที่ห้างหลังจากกินข้าวเสร็จก็ได้" ชนะตอบง่ายๆ ยกหมวกกันน็อคขึ้นสวม
"เฮ้ย ซื้อทำไม เปลือง ใส่ของเหมอนะ เหมอเอามาสามชุด รู้ใจว่าคนแถวนี้ไม่เก็บเสื้อผ้าหนีตามเหมอไปหรอก"
เหมอยิ้มกริ่ม ภูมิอกภูมิใจกับมุกหยอดของตัวเอง ตบกระเป๋าเป้ที่สะพายมาดังป๊าบๆ
"ใครจะหนีตามใคร เอาให้เคลียร์" ชนะทำเสียงนิ่ง แกล้งกอดอกจ้องเขม็งมองเพื่อนหัวเกรียนที่จากมันยิ้มร่า หุบยิ้มหน้าหดเหลือสองนิ้ว
"เหมอหนีตามนะก็ได้" ตอบเสียงงุ้งงิ้ง มองหน้าชนะตาปรอย "คิดถึงอ่ะ ขอกอดได้ไหม ไม่เจอนานแล้ว"
เหมอแทบจะยกมือตบปากตัวเอง แต่ความคิดถึงมันกลับกระตุ้นให้พูดอะไรตามใจนึก คงเพราะยิ่งเห็นหน้า...ยิ่งรู้ว่าคิดถึงมากแค่ไหน แถมไอ้ชายมันยังบอกก่อนที่เหมอจะขึ้นรถกลับบ้านอีกด้วยว่า กลับไปคราวนี้เหมอต้องทำอะไรบ้างแล้ว ไม่ใช่ทำตัวเป็นเพื่อนหยอดเขาทีเล่นทีจริงแบบนี้ แต่ไอ้ชายมันไม่ได้รู้เลยว่า...เพราะคำว่าเพื่อนนี่แหละที่ทำให้ไปไกลกว่านี้ไม่ได้
"ก็ไหนนะบอก...กล้าก็เอา อื้ออออออ แน่นไปปปปป" เหมอยังพูดไม่ทันจบประโยคก็โดนชนะรวบตัวเข้าไปกอดแน่นจนกระดูกแทบหัก แต่หลังจากที่เหมอท้วง อ้อมกอดที่รัดแน่นก็คลายออกเล็กน้อย เหมอได้โอกาสซุกหน้าลงกับอกกว้างของอีกฝ่าย สูดดมความหอมที่แสนคิดถึง หลับตาซึมซับไออุ่นที่อยากเบียดชิดอยู่ทุกคืนวัน
"คิดถึง" เหมอบอกเบาๆ กอดตัวชนะแน่นยิ่งกว่า สูดความหอมเข้าเต็มปอด แล้วผละใบหน้าออก เงยขึ้นมองชนะที่อมยิ้ม ยักคิ้วกวนส่งมาให้ "ผอมลงอ่ะ ไหนบอกกินข้าวครบสามมื้อ"
"ครบ แต่กินไม่เยอะ"
เพราะคำตอบของคนที่ทำให้เป็นห่วงรวนอย่างนี้ เหมอถึงได้ทำหน้ายุ่ง "ชนะต้องกินเยอะๆ รู้ไหม ตัวผอมจะแย่ ดูเหมอดิ ฝึกทุกวันแต่ไม่รู้อ้วนได้ไง"
"อืม หน้ากลมเป็นซาลาเปา หัวก็เกรียนอีก โคตรตลก"
"ฮะๆ แล้วชนะชอบกินซาลาเปาไหม" ว่างๆ จะพาไอ้เหมอไปช่วยชาวบ้านเขาหยอดข้าวโพด เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้มันขยันหยอดเหลือเกิน...
"ไม่ชอบ"
แป่ววว! เสียงในใจของไอ้เหมอดังสะท้อนก้อง แต่ไม่รู้ทำไมถึงยังยิ้มอยู่ได้... พูดกันตามจริงแล้ว เหมอแอบหวังกับเรื่องของชนะไว้มากตั้งแต่ที่พักหลังมานี้คุยโทรศัพท์กันทุกคืน เหมอรู้สึกว่า...นี่มันไม่ใช่เพื่อนแล้วนะ แต่ก็นั่นแหละ ...มันก็ยังคงใช่อยู่ดี หูยยย แต่ได้อย่างนี้ เป็นเพื่อนก็เอาป่ะวะ!
"นะตัวหอมอ่ะ กอดไอ้กวิ้นเมื่อกี้ อย่างกะกอดถังขยะ" เหมอพูดกลบเกลื่อนการกระทำผิดผีของตัวเอง ไพล่ไปโยนไอ้กวิ้นที่ความจริงแล้วก็ไม่ได้ตัวเหม็นอะไรเลย ทั้งยังไม่ได้กอดมันด้วยซ้ำ แค่แวะไปหาที่คณะ ทักทายไม่กี่คำ ก่อนจะบึ่งมอเตอร์ไซค์มารับเพื่อนคนสำคัญที่แชทมาขอใช้บริการฟีโน่คันสวยของเหมอ
"เดี๋ยวมันได้ยินก็น้อยใจ"
"ไม่หรอก ไอ้กวิ้นมันไม่คิดมาก หรือเรียกอีกอย่าง เป็นคนไม่คิดเหี้ยไรเลย"
"ฮ่าๆๆ ก็ไปว่ามัน ป่ะ ไปหามันกันเถอะ เอากุญแจมา ผมขับเอง"
"ครับคุณชาย ติดใจน้องพิ้งของเหมอล่ะซี ชอบขี่น้องอยู่เรื่อย แต่เจ้าของน้องพิ้ง น่าขี่กว่านะ ฮี่ๆ"
"ไปเล่นตรงนู้นไป"
หื้มมมมม ใจร้ายจริงๆ พ่อคุณ ถ้าหลงรักเหมอเมื่อไหร่ล่ะก็ จะใจร้ายใส่ให้เข็ดเลย... โซ่ แส้ กุญแจมือ เหมอมีพร้อม ขาดแต่เทียนไข ที่ถูกไอ้ปิ๊กขโมยไปใช้ตอนเล่นผีถ้วยแก้วกันที่หอ คิดแล้วมันน่าเจ็บใจ ทวงถามเมื่อไหร่ ไอ้ปิ๊กหนุ่มใต้ก็ทำประชดบอกจะซื้อเทียนพรรษาคืนให้ แต่จนบัดเดี๋ยวนี้ แม้แต่ขี้เทียนสักนิด เหมอก็ยังไม่เห็น!
เกือบทุ่มครึ่ง สามเพื่อนซี้พากันเดินเข้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือหน้ามอที่ชนะเคยบอกว่าจะเลี้ยงเหมอไว้ เหมอรีบให้ชนะไปจองโต๊ะ ส่วนเหมอเดินออกมาซื้อลวกจิ้มหน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเรือเข้ามากินด้วย เจ้านี้อร่อย เหมอรู้ดีเพราะเวลามารอไอ้กวิ้นกับชนะที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ เป็นต้องได้แวะซื้อกินทุกที
"หูยยยย ไอ้นะ มึงเคยเห็นปลากระดี่ป่ะวะ กูแม่งเพิ่งเคยเห็นกับตาตัวเองนี่แหละ ทำหน้าระริกระรี้อย่างกะปลากระดี่ได้น้ำ ตามคำสุภาษิตสุดๆ ไอ้สัดเหมอ" ไอ้กวิ้นคงน้อยใจที่ได้รับความเอาใจใส่จากเหมอน้อยกว่าชนะ แต่มันจะมาตีโพยตีพายได้อย่างไร ในเมื่อมันรูปไม่หล่อเท่าพ่อดาวประจำใจของเหมอ
"น้ำแข็งขั้วโลกละลายจนญาติมึงไม่มีบ้านให้อยู่เหรอ ถึงได้มากัดมาแขวะคนอื่นเขา นะ เอาลูกชิ้นไหม อร่อยอ่ะ" เหมอหันไปฟาดปากกับไอ้กวิ้น เอ่ยถามชนะพอเป็นพิธีแล้วคีบลูกชิ้นในถ้วยของมันให้อย่างไม่ต้องรอคำตอบรับของอีกฝ่าย
"แล้วนี่มึงหายไปทำอะไรมา เฟซก็ไม่อัพเดท กูนึกว่าโดนระเบิดตายห่าไปแล้ว"
"ซ้อมสวนสนาม เหนื่อยจะตาย เอาเวลาที่ไหนอัพเดท"
"แต่ก็เห็นมึงออน แล้วไม่เคยคิดจะทักกู"
เหมอมองหน้าไอ้กวิ้น รู้สึกถึงความน้อยใจของมันเด่นชัด จึงคีบลูกชิ้นลูกสุดท้ายในถ้วยให้กับมัน "กูออนเฟซดูนั่นดูนี่ไปเรื่อย อย่างอนไปเลยน่ามึง นี่ไง กลับมาปุ๊บ ไปค้างบ้านมึงปั๊บ"
ปกติก็คอยแกล้งไอ้กวิ้น แต่ความจริงแล้วเสมอก็ใส่ใจความรู้สึกของเพื่อนอยู่เหมือนกัน แม้บางครั้งจะทำเหมือนไอ้กวิ้นเป็นส่วนเกินบ้างก็ตามที
"จิ๊ ใครงอนมึง แดกๆ ไป ไอ้นะ มึงสั่งโค้กเพิ่มหน่อย แม่งโคตรเผ็ด" ไอ้กวิ้นได้ทีจิกปากใช้ เหมอตวัดตามองมัน ก่อนจะเบรกไม่ให้ชนะต้องลำบาก
"เดี๋ยวเหมอไปสั่งเอง ชนะนั่งเฉยๆ" ความจริงถ้ามากับไอ้กวิ้นสองคน ไม่มีทางที่เหมอจะยอมลุกจากที่นั่งเพื่อบริการคนอื่น แต่ด้วยเพราะมากับชนะ ผู้ชายที่แค่ลุกจากที่นั่งสาวๆ ที่นั่งโต๊ะอื่นก็ส่งสายตาเชิญชวนมองตามเป็นพรวนแล้ว ไม่เสี่ยงจะให้ไปเดินเฉียดใกล้ใครหรอก เหมอหวง
"ไปด้วยกันดิ ผมจะไปห้องน้ำพอดี ปวดฉี่" เกือบถามออกไปแล้วว่าให้เหมอไปฉี่แทนให้ไหม ชนะจะได้ไม่ต้องลุกเดินไปไหนมาไหนให้เมื่อยขา แต่ก็เกรงว่าจะโดนลูกถีบเข้าให้
"อ๋อ โอเคๆ" อย่างน้อย เดินไปด้วยกัน ก็สามารถกันท่าคนอื่นๆ ได้ แม้สาวๆ จะไม่คิดว่าไอ้หัวเกรียนข้างๆ พ่อรูปหล่อจะมีจิตพิสวาทกับเขาก็ตาม แต่บอกไว้เลย เหมอเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวนะ เพราะเหมอทุ่มเกินร้อย มีสิบเหมอให้พัน มีพันเหมอให้แสน
ยิ้มกริ่มกับตัวเองแล้วลุกเดินตามชนะ แต่เดินไปได้ไม่ทันไร เสียงร้องอย่างตกอกตกใจที่แสนคุ้นหูก็ดังขึ้น
"เฮ้ยยย ไอ้เหมอ!" อ้าวเฮ้ย! นั่นไอ้ชายนี่หว่า!
ชนะหยุดเดินพร้อมๆ กับเหมอ แล้วหันไปมองเพื่อนหัวเกรียนเหมือนๆ กับไอ้เกรียนข้างๆ เดินเข้ามาทัก ไอ้เกรียนนั่นทำหน้าประหลาดไม่ต่างจากไอ้เกรียนข้างๆ เขา
"ไอ้ชาย มึงไม่กลับอุบล?" เหมอเอ่ยถาม ใบหน้ายังคงค้างความประหลาดใจเอาไว้
"เออ มาหาน้องหมอนอ่ะดิ แล้วมึงอ่ะ...มากับ??" ชาติชายมองคนข้างกายเสือเหมอจอมโหดของรุ่นแล้วเลิกคิ้ว ไอ้หล่อหน้านิ่งไร้มนุษยสัมพันธ์นี่มันใคร เอาแต่มองหน้า ไม่พูดจาทักทายกันสักคำ
"นี่ชนะ...เพื่อนกู" เหมอแนะนำ มองไอ้ชายแล้วเลยไปยังโต๊ะที่มันเพิ่งลุกจากมา เห็นน้องสายสมรสาวแว่นท่าทางเรียบร้อยนั่งคอยท่าอยู่ "นะ นี่ไอ้ชาย เพื่อนที่โรงเรียน"
"อ๋อ หวัดดี" ชนะพูดสั้นๆ ไม่มีรอยยิ้ม ส่วนชาติชายทำหน้าฉงนหนักกับสายตาของเสือเหมอที่มองไอ้รูปหล่อ มันมีประกายแปร๊บๆ ราวกับกำลังส่งสัญญาณเรียกฟ้าผ่าในหน้าแล้ง
"ไอ้เหมอ"
"อะไร"
"นี่ใช่คนที่มึงคุยโทรศัพท์ด้วยป่ะวะ" เข้ามากระซิบกระซาบ ง้างคอเพื่อนให้ก้มลงต่ำแล้วเหลือบมองไอ้รูปหล่อยิ้มยากเป็นระยะ "น้องนานะ?"
ชาติชายได้แต่ภาวนาในใจ ขออย่าให้นานะที่หลงคิดว่าเป็นผู้หญิงมาสองปีกว่าๆ นี้ เป็นไอ้หน้านิ่งนี่ไปได้เลย ทว่า...คำภาวนาของมันไร้ความหมายทันที เมื่อเสือเหมอแถลงไข
"กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าชื่อนะ" เหมอกระซิบเสียงดุ ตบหัวเพื่อนแก้โง่ไปหนึ่งที
"อ้าว...เอี้ยยย ผู้ชายเหรอวะ"
"มึงเห็นใส่กระโปรงรึไงเล่า!"
"เหี้ยยย หล่อขนาดนี้จะยอมให้มึงเสียบเหรอ! ป่านนี้ฉกดาวคณะไปหลายคนแล้วมั้งน่ะ ไอ้เหมอ มึงแม่งงงง กูไม่แปลกใจที่เขาไม่ยอมไปงานราตรีกับมึง"
"ไอ้สาดดดด ก็อย่างนั้นสิวะ แต่กูนี่แหละจะให้เขาเสียบเว้ย เออ ไม่เถียง ดาวคณะเสร็จเรียบไปหมดแล้ว ไม่ดิ เชี่ยนี่ ชวนคุยไรวะเนี่ย"
ชาติชายแทบสำลักน้ำลายกับเสือเหมอที่จะยอมให้คนอื่นเสียบ ทั้งท่วงท่า หน้าตา และรูปร่าง...ไม่ได้จะอรชรอ้อนแอ้นพอที่จะทำสะดิ้งอยู่ใต้ร่างชายใดได้เลยสักนิด โลกนี้ถึงกาลวิบัติแล้วหรืออย่างไร...
"เหมอ ถ้าจะคุยอีกนาน ผมไปนะ" ชนะเอ่ยแทรก มองสองเกรียนที่กระซิบกระซาบกันด้วยความเย็นชา "เสร็จธุระแล้วก็ไปหาไอ้กวิ้น มันนั่งอยู่คนเดียว"
"อือ เดี๋ยวเหมอคุยกับเพื่อนอีกแป๊บ ไอ้ชาย มึงไปคุยกับกูนอกร้าน"
"เหี้ย ไม่เอา กูไม่อยากมีเรื่อง"
"คิดไรของมึงเนี่ย ไปๆ เดี๋ยวเหมอมานะ"
ชนะพยักหน้าแล้วเดินแยกไปห้องน้ำ ส่วนเหมอก็ลากคอไอ้ชาติชายออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเรือชื่อดัง ไม่ลืมที่จะตะโกนสั่งโค้กไปให้ไอ้กวิ้นที่ยืดคอมองมาด้วยความสงสัยด้วย
เอาจริงๆ ก็ไม่ได้คาดคิดจะมาเจอหนุ่มอุบลอย่างไอ้ชายกลางร้านก๋วยเตี๋ยวที่เมืองกรุงนี่เลย ใครใช้ให้น้องสายสมรมาเรียนที่มหาลัยเดียวกับพ่อรูปหล่อของเหมอกันวะ!
"ไอ้เหมอ มึงบ้าป่ะเนี่ย ยังเต็มอยู่รึเปล่า" ไอ้ชายเปิดประเด็น กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ แค่เห็นหน้าไอ้รูปหล่อนั่น ก็เห็นประตูคนช้ำรักเปิดอ้ารับเสือเหมอเพื่อนของมันแล้ว
"ไอ้เหี้ย ถ้ากูจะบ้า ก็บ้ามาตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้วเว้ย" เหมอยอมรับว่าเหมอมันบ้า บ้าที่หลงรักชนะมายาวนานเกือบค่อนชีวิตของตัวเองอย่างนี้ แต่ให้ทำไงได้...คนมันรักไปแล้ว แม้จะรู้ว่าไม่มีหวัง ก็จะหวังลมๆ แล้งๆ อย่างนี้ต่อไปให้ถึงที่สุด
"มึงเอ้ย ดูก็รู้ว่านั่นผู้ชายแท้ๆ เลยนะเว้ย เขาจะมาปิ้งมึงได้ไงวะ แห้วมาจะเข้าปีที่สามแล้วไม่คิดมั่ง ไอ้ทีแรกกูก็นึกว่าเป็นแค่ผู้หญิงเล่นตัวจัด ที่ไหนได้ โธ่ น้องนานะของกู" ไอ้ชายคร่ำครวญ เห็นใจเพื่อนก็เห็นใจ แต่เห็นใจตัวเองที่เคยวาดฝันรูปร่างของน้องนานะที่ทำเอาไอ้เหมอเพ้อพกมาตั้งแต่เป็นนักเรียนขึ้นเหล่ามากกว่า คิดไว้ว่าคงสวย เอ็ก เซ็กแอพพิลสูง ที่ไหนได้...สูงชะลูด หุ่นดีปานนายแบบ หน้าหล่อล้ำเหนือเทพ นึกแล้วอยากจะถุยที่มีความคิดเคยขอไอ้เหมอมันจับนมน้องนานะสักครั้ง
"กูรู้น่า เขาก็มีแฟนแล้วด้วย เป็นผู้หญิง สวยเฉียบ แต่กูกับเขาก็มีช่วงฟินๆ ด้วยเหมือนกันนะมึง มึงก็รู้นี่ กูคุยโทรศัพท์กับเขาทุกคืนอ่ะ มึงคิดว่าคนไม่คิดอะไรจะคุยกับกูขนาดนี้เหรอวะ อย่า... หุบปาก อย่าดับฝันกูไอ้ชาย" เหมอผู้ไม่ยอมรับความจริง ชี้หน้าปรามไอ้ชายที่กำลังอ้าปากแย้ง "กูรู้สึกเว้ย ถึงเขาไม่พูดอ่ะ แต่กูก็รู้สึกว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆ แค่ให้เวลาเขาหน่อย เขาอาจจะทำใจยอมรับยากก็ได้ที่จะได้เมียเป็นคนหล่อๆ อย่างกู"
มีแต่คำว่าคนหล่อนี่แหละที่ชาติชายทนอยู่เฉยไม่ได้อีกต่อไป มันปรี่เข้ามาตบเกรียนเสือเหมอแล้วพูดเย้ย "ถ้าอย่างมึงหล่อ อย่างกูก็บอย ปกรณ์ไอ้สัด" จากนั้นสีหน้าของไอ้ชายก็เปลี่ยนโหมดเป็นซีเรียสอย่างที่ชีวิตหนุ่มอุบลขาดรักมาหลายปีอย่างมันจะเป็นได้ "เอาจริงๆ ไอ้เหมอ ถึงกูจะไม่ใช่ชาวสีม่วง แต่กูก็คิดว่าคนที่จะโดนเสียบเนี่ยต้องตัวเล็ก เอวบาง ปากแดงหน้าจูบ ตัวขาวๆ ผิวสวยๆ ป่ะวะ แล้วดูมึงดิ๊ มึงมีอะไรให้เขาพิสวาทมั่ง มึงแดกแห้วมายาวนานแล้วนะเว้ย มีสติได้แล้ว อะไรที่มันเป็นไปไม่ได้ ก็เป็นไปไม่ได้ป่ะวะเหมอ"
ชาติชายมีใบหน้าจริงจังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แค่คิดว่าไอ้เหมอมันจะยอมไปเป็นเมียใครก็กล้ำกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ ไม่ใช่ว่าไอ้เหมอมันไม่ดี ไม่ใช่ว่ามันขี้เหร่ดูไม่ได้...แต่ไอ้เหมอ เสือเหมอจอมโหดประจำรุ่นของเพื่อนๆ แข็งแกร่งดุจหินผา กล้ามท้องเป็นลอน กล้ามแขนเป็นมัด หัวเกรียนเหมาะกับใบหน้า แม้จะดูบ้านๆ แต่มันก็มีสาวเมียงมองไม่น้อย มันมีเสน่ห์ คารมณ์ดี อยู่กับมันมีแต่เสียงหัวเราะ แต่มันไม่ได้น่ารักตุ้งติ้งอย่างที่มันชอบแสดงออกว่ามันอยากจะเป็น ทุกอย่างที่เป็นไอ้เหมอ ตรงข้ามกับสิ่งที่ไอ้ชายจำกัดความไว้ทั้งหมด
"กูรู้ตัวเว้ยว่ากูเป็นยังไง แต่กูก็แค่รักเขาป่ะวะ ถึงกูจะบ้านๆ แถมยังเป็นผู้ชาย เออ ไม่เอวบาง ตัวเล็กอย่างที่เขาชอบ แต่กูก็รักเขาไม่แพ้ใครนะมึง อย่าพูดอย่างนี้ดิวะ กูมีความหวังขึ้นมาแล้วอ่ะ...ให้กูหวังต่อไปเถอะ" เหมอมีสีหน้าเจ็บปวดซึ่งน้อยครั้งที่คนเฮฮาอย่างมันจะแสดงออกมา ชาติชายมองอย่างเป็นห่วง ตบไหล่แล้วก็นิ่งเงียบ
"ชนะเป็นคนดีนะมึง เขาไม่ใช่คนที่มองใครจากภายนอกหรอก แล้วมันก็...ไม่มีใครบอกไว้ด้วยว่า คนเป็นรับ ต้องตัวเล็ก หน้าสวย ผิวเนียน บอบบาง แต่ถ้ามีใครบอกไว้ กูจะไปต่อยให้ปากแตกแล้วบอกมันไปเลยว่ากูนี่แหละที่แหกคำนิยามพวกนั้นมา ...ความรักของกูมันข้ามขีดจำกัดของชายหญิงมาแล้ว จะให้มาตายเพราะตัวกูถึกนี่...มันจะตลกไปป่ะวะ แม่ง..." เสือเหมอก็ยังเป็นเสือเหมอ ถ้ามันได้ปักใจมุ่งมั่นแล้ว จะน้ำ ผืนฟ้า หรือหุบผา ก็ขวางคนอย่างมันไม่ได้
"เออๆ กูเข้าใจละ แต่ถ้าสักวันหนึ่ง...มันหวังต่อไม่ได้แล้ว มึงต้องรับความจริงนะเว้ย พวกกูเป็นห่วงมึงนะ ไอ้เชษฐ์มันก็ถามบ่อยๆ มึงเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายด้วยกันมา พวกกูก็อยากเห็นมึงมีความสุข"
"แม่งทำซึ้ง แต่เวลาโดนลงโทษไม่ยักกะมีใครมาช่วยออกรับกับกู แสรดดด ไปหาน้องสายสมรของมึงได้ละ แล้วโทรบอกไอ้ปิ๊กให้แบกเทียนพรรษาจากบ้านมันมาให้กูด้วย ไอ้เชี่ยนั่นขโมยเทียนไขกู"
"นี่มึงยังติดใจเรื่องนั้นอีก เทียนไขเล่มละไม่กี่บาท" ไอ้เสือเหมอที่ใจกว้างดุจมหาสมุทรแปซิฟิกคนเดิมเลือนหายไปตามกาลเวลา มันเคยใจกว้างขโมยเหล้าราคาแพงของพ่อมันมาเลี้ยงเพื่อนๆ แต่กลับคิดเล็กคิดน้อยกับเทียนไขแค่ไม่กี่เล่ม
"ไม่กี่บาทบ้านมึง กูอุตส่าห์ให้พี่หมัยไปหาคนแกะสลักเทียนสวยๆ หมดค่ามือไปเล่มละหลายร้อย มึงคูณจำนวณไปดิวะ ไม่รู้ล่ะ บอกไอ้ปิ๊กด้วยว่าถ้ากูไม่ได้เทียนพรรษา กูจะไปถล่มบ้านมัน ไปละ เดี๋ยวสุดที่รักกูกริ้ว ฮิฮิ"
แล้วมันก็กลับมารื่นเริงตามเดิม ชาติชายได้แต่ถอนหายใจ ก้าวเท้าเดินตามเสือเหมอเข้าร้าน คิดในใจว่าคงต้องโทรหาไอ้ปิ๊กให้แบกเทียนพรรษามาจากบ้านมันจริงๆ สักที ไม่งั้นไอ้เสือเหมอมันไม่ลบออกจากบัญชีหนังหมาแน่ ว่าแต่มันจะเอาเทียนแกะสลักไปทำไรวะ???
.........................................................TBC.........................................................
ถึงไอ้ปิ๊ก เอาเทียนมาเผื่อหนึ่งเล่มลูกกกกก
