46
ผมนอนไม่ค่อยหลับเลยคับ ก็รถไฟชั้นสามนี่นา กึ่งหลับกึ่งตื่นตลอกเวลา ดังนั้นผมจึงรู้สึกปวดเมื่อย เลยออกไปเดินเล่นแถว ๆ ท้ายขบวนซักหน่อย
อากาศตอนเช้ามืดก็ถือว่าดีนะคับ เป็นเพราะสถานีที่เพิ่งออกมามันเป็นสถานีที่อยู่ในหมู่บ้านด้วยล่ะมั้งคับ สองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าและต้นไม้ ผมปล่อยตัวเองอยู่ตรงนั้นซักพัก
“มานั่งเล่นเหรอ” – เสียงนั้นเอ่ยทักผมขึ้นมาก่อน ผมจึงหันขึ้นไปมองหน้ามัน
“อืม” – ผมตอบกับเสียงนั้น แล้วจึงหันกลับไปยังริมหน้าต่างอีกครั้ง
.
.
.
“นั่งด้วยกันป่ะ” – ผมเอ่ยชวนอีกฝ่าย
“อืม ก็ดี แม่งเมื่อยว่ะ นั่งเบียด ๆ กันเนี๊ย เราขอนั่งสบาย ๆ ดูบ้างเหอะ”
“แล้วเราจะถึงกี่โมงวะไอ้เข้ม”
“ประมาณแปดโมงมั้ง”
“เฮ้ย งี๊ก็ไปโรงเรียนสายอ่ะดิ”
“ไม่เป็นไรหรอก วันเดียว”
“กูยิ่งไม่เคยมีประวัติว่าสายอยู่” – ผมอวดไอ้เข้มเล็กน้อย มันหัวเราะ
“ใหญ่”
“หือ??” - ผมหันไปตามเสียง
“เป็นไงมั่ง”
“อะไรเป็นไง”
“กูหมายถึง มาเที่ยวสนุกป่ะ”
“หนุกว่ะ วันหลังจัดไปไหนบอกกูด้วยนะ”
“อืม”
“กูอิจฉาบ้านมึงว่ะ นั่นน่ะ บ้านในฝันกูเลยนะนั่น”
“ยังไงวะ”
“บ้านมึงน่าอยู่มาก ๆ ไม่รู้ดิ กูว่า กูชอบบ้านมึง”
“ขอบใจว่ะ”
.
.
.
.
.
“แดดส่องแล้ว กลับไปที่เหอะ” – ผมบอกไอ้เข้ม มันกำลังเคลิ้มๆ
เมื่อพวกเราถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ แท๊กซี่ที่เราได้เรียกไปที่หอไอ้เดช 1 คัน ก็แออัดไปด้วยสมาชิก 7 คน และเสียงอันอึกทึกครึกโครม (ถ้าผมเป็นคนขับแท๊กซี่ ผมคงไม่รับไอ้พวกนี้เด็ดขาด เด็กอะไรคุยได้ตลอดทาง) และเมื่อถึงหอไอ้เดช ทุกคนต่างแย่งห้องน้ำ อย่างกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน
ผมเป็นคนสุดท้าย ที่ออกจากห้องน้ำ จากนั้นพวกเราก็สะพายกระเป๋า เตรียมพร้อมจะไปโรงเรียน ตอนสิบโมง
“สิบโมงอ่ะนะมึงยังจะไปกันอีกเหรอ” - ไอ้เล็กถามเป็นคนแรก
“ดีกว่าไม่ไปไม่ใช่เหรอ” – ไอ้เดชแย้งขึ้นมา แล้วสุดท้ายทุกคนก็ฟังไอ้เดช
พวกเราเรียกสามล้อ แบ่งออกเป็น 2 คัน มาถึงโรงเรียนได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ที่ยากกว่านั้นก็คือ พวกเรามีเหตุผลอะไรที่จะเข้าโรงเรียน เพราะการมาโรงเรียนสายแล้วตามระเบียบจะไม่เกินคาบที่ 1 ก็คือตอนแปดโมงห้าสิบ ยกเว้นมีธุระสำคัญอะไร หรือไปหาหมอ อาจารย์จะอนุญาตเป็นกรณีไป แต่นี่พวกเรามาซะคาบสามแล้ว เหตุผลก็ไม่มีด้วย จะบอกว่าไปเที่ยวมาเหรอ ไม่ได้หรอก
“อ้าวใหญ่ ทำไมเพิ่งมา” – เสียงทักของอาจารย์ที่ปรึกษาผมตอน ม.4 ทักผม (ผมกับอาจารย์ที่ปรึกษาสนิทกันคับ) วันนั้นอาจารย์ที่ปรึกษาผมเฝ้าเวรห้องปกครอง
“ไปหาแม่เพื่อนมาคับ” - ผมตอบกลับไป
“แต่นี่ไม่ใช่ห้องเรานี่นา” - อาจารย์ยังคงถามผม
“อันนี้เพื่อนห้อง 8 ไงคับ อาจารย์เคยสอนพวกมันไม่ใช่เหรอ”
“แล้วเธอไปทำอะไรกับห้อง 8 ล่ะ”
“ก็เพื่อนผมนี่คับ สนิทกัน”
“แล้วไปหาทำไมเหรอ” – อาจารย์หันไปถามพวกมัน มันทำอะไรไม่ถูก
“ก็วันแม่ไงคับ”
“แล้วแม่ตัวเองล่ะ”
“อยู่ด้วยกันจนเบื่อแล้วคับ เลยไปหาแม่เพื่อนบ้าง” – ผมยังคงเถียงแบบว่า ไม่ขึ้นน่ะ
“งั้นรอครูตรงนี๊แป๊บนึง”
.
.
.
“เก่งว่ะใหญ่ ทำได้ไงวะ” – ไอ้เต้หันมาถามผม
“ฝีปากกูเว้ย เก่งป่ะล่ะ”
“มากับไอ้ใหญ่ ก็ง่ายดีเนอะ แม่งเป็นกรรมการนักเรียน” – ไอ้เต้ชมผมเล็ก ๆ
“อ่ะ ใหญ่ ของเธอใบนึง แล้วก็ของพวกนี้ใบนึง เขียนชื่อพวกเธอรวมกันเลยนะ ส่วนใหญ่ของเธอไม่ต้อง”
“ยังไงคับ”
“ครูเขียนให้เธอแล้ว” – หันมาขยิบตาเล็ก ๆ ให้ผม ผมรู้ทันที
“ขอบคุณคับอาจารย์” – พวกเรายกมือไหว้ แล้วก็เดินไปที่ห้องเรียนของตัวเอง
“คาบนี้มึงเรียนไรกันวะ” - ผมถามไอ้เต้
“ภาษาไทย มึงอ่ะ”
“อังกฤษ ไม่เป็นไรหรอก อาจารย์ใจดี”
แล้วผมก็เดินไปยังอาคารเรียนพร้อมกับพวกห้อง 8 จากนั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้องตอนสิบโมงครึ่งพอดี เพราะหมดคาบ 3 กำลังจะเปลี่ยนเป็นคาบที่ 4 ผมกับพวกมันแยกกันตรงบันได แล้วผมก็เดินเข้าห้องไป
“ไปไหนมาวะใหญ่ โทรไปที่บ้านบอกมึงไม่อยู่” – เพื่อนสนิทผมคนนึงถาม ผมไม่ได้บอกมันว่าผมจะไปเที่ยวบ้านเข้ม
“ไปเที่ยวมาว่ะ”
“ไปไหนมาวะ” - เพื่อนอีกคนอยากรู้
“ชุมพร”
“ไม่บอกกูเลย ไอ้เชี่ยนี่ – ป้าบ” – สิ้นสุดคำด่า มันเอามือมาตบหัวผมทีนึง ผมเกาหัวเล็ก ๆ
“เฮ้ย อาจารย์มาแล้วน่ะ” – เสียงรองหัวหน้าห้องร้องเตือน ทุกคนเข้าที่
แล้วพวกเราก็เรียนวิชาภาษาอังกฤษ อาจารย์คนนี้สอนดีมากเลยด้วย แต่เนื่องจากเป็นเพราะการเดินทาง ทำให้ผมเหนื่อยล้า และก็ งีบหลับไปในช่วงท้ายชั่วโมง
“ใหญ่ ตื่นเว้ย หมดคาบแล้ว”
“อืม…แง่มๆ กินข้าวแล้วเหรอ”
“เออดิ กูมีเรื่องจะคุยกับมึงด้วย” – ไอ้ไม้ดูเอาใจผมเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็คงพอจะรู้ล่ะ ว่าเรื่องอะไรที่มันจะถามผม
.
.
.
.
.
.
.
“สนุกป่ะวะ” - ไอ้ไม้เปิดประเด็นก่อน
“หมายถึงใครหนุกวะ”
“มึงน่ะ”
“ก็ดีว่ะ ก็ไม่เคยไปนี่หว่า อะไรๆ ก็ตื่นเต้นไปหมด”
“เหรอ แล้วไอ้เดชล่ะ”
“กูคิดไว้แล้วแหล่ะว่ามึงต้องถามเรื่องนี้” - ผมหัวเราะ
“เชี่ยนี่ ทำมาเป็นรู้ดี เป็นอับดุลเหรอมึง อย่าลีลา ตอบกูมา ไอ้เดชเป็นไง”
“ก็ไม่เป็นไง ก็ปกติดี”
“กูหมายถึง มันพูดอะไรถึงต่ายป่ะ”
“ก็นิดนึง บอกว่ามันคิดถึงต่าย” - ผมแกล้งแหย่ไอ้ไม้เล่น
“.............”
“เป็นเชี่ยไรเนี๊ยไอ้ไม้”
“ต่ายเขายังไม่เป็นแฟนกับกูเลยว่ะ”
“แล้วไง มึงพยายามหรือยังไอ้ไม้”
“มึงก็เห็น ตอนที่หยุดหลายวัน เขาไปเรียนพิเศษ กูน่ะตามไปส่งทุกวัน แต่เขาก็ด่ากู บอกว่างานการตัวเองไม่ไปทำหรือไง”
“กูว่าต่ายคงหวังดีในตัวมึงมั้ง คงอยากให้มึงตั้งใจเรียน”
ผมเห็นไอ้เดชเดินมาในระยะสายตาที่ผมพอจะมองเห็นได้
“ไอ้ไม้”
“ไรวะ”
“มึงพยายามเข้านะเว้ย คู่แข่งตอนนี้เขาไม่ค่อยจะพร้อมซักเท่าไหร่” – ผมหันไปมองทางไอ้เดช มันก็เห็นผมเหมือนกัน แต่มันก็ไม่เข้ามาทักผม
“มึงหมายความว่าไงวะ”
“หมายความว่าอย่างที่กูพูดแหล่ะ มึงเต็มที่นะเว้ย จีบต่ายให้ติด กูช่วยมึงอยู่แล้ว วันนึงต่ายคงใจอ่อนเองแหล่ะ” – ผมพูดดังเป็นพิเศษ กะว่าให้ไอ้เดชได้ยิน มันก็เดินสวนผมกับไอ้ไม้ไป
“เมื่อกี๊มึงพูดดังๆ ทำไมวะ หูกูไม่ตึง”
“อ้าว ก็ก็... กูย้ำมึงไง ให้จีบให้ติด” – ผมลดเสียงลงเป็นปกติ ไอ้เดชเดินผ่านไปแล้ว
พักกลางวัน หลังจากที่ผมกินข้าวเสร็จ พวกผมก็เดินกลับมาที่ห้อง ก่อนที่ผมจะเดินเข้าห้องเรียนของผม ผมก็แอบชำเลืองมองหน้าห้องไอ้เดช มันนั่งอยู่ริมระเบียงคนเดียว
“เป็นไรวะ แล้วคนอื่นไปไหนกันหมด” - ผมเอ่ยถามไอ้เดชก่อน
“ก็ไม่เป็นไร” – สายตาไม่ได้มองที่ผม แต่มองไปยังระเบียงหน้าห้อง
“มึงง่วงป่ะ กูโคตรง่วงเลย มะกี๊กูหลับในห้องด้วย” – ผมชวนไอ้เดชคุย
“ไม่” – มันยังคงมองไปที่ระเบียงตามเดิม
“มึงจะกลับหอกี่โมงวะเดช”
“เลิกเรียนก็คงกลับ”
“กูว่าจะไปซื้อของแป๊บนึง แล้วค่อยไปเอาของที่หอมึงนะ”
“อืม”
“ประมาณหกโมงเย็นนะ มึงรอกูที่หอด้วยนะ”
“.....................”
“มึงเป็นไรป่ะเดช”
“เปล่า กูไม่เป็นไร” – มันหันมามองหน้าผม แล้วก็หันกลับไป
เลิกเรียนแล้วคับ สี่โมงเย็น เวลาอันดีที่ผมและเพื่อนๆ จะออกไปทำกิจกรรมร่วมกัน เพราะผมเคยบอกพวกมันว่าผมไม่ได้ไปเล่นกับพวกมันนานแล้ว แล้ววันนี้ผมก็คงไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธอีกแล้ว อีกอย่างก็ไม่ได้เล่นมานานแล้วด้วย ดังนั้น winning จึงรอพวกผมอยู่ที่ร้านเกมส์
ห้าโมง
หกโมง
สองทุ่มแล้วเหรอ
ผมต้องได้เวลากลับบ้านแล้วดิ แล้วผมนัดไอ้เดชไว้หกโมงเย็นนี่หว่า มันจะด่าผมป่ะเนี๊ย ผมจึงนั่งมอเตอร์ไซด์ไปยังหอไอ้เดชทันที
“เข้ามาดิ” - ไอ้เดชเอ่ยเชิญผมเข้าห้อง
“คนอื่นล่ะ มาเอาของกลับไปแล้วเหรอ”
“อืม”
“ทำไรอยู่วะเดช”
“อ่านหนังสือ” - น้ำเสียงเรียบๆ เหมือนชาที่ทิ้งไว้ให้เย็น
---------------