...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 743804 ครั้ง)

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ nutae or

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
คิดถึงคุณจันทริ์บ่อยๆนะคะ เพราะะคนอ่านก็คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงง :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ Ujeen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เราเพิ่งมาอ่านรวดเดียวจนจบค่ะ เป็นอีกงานเขียนที่เนื้อเรื่องกลมกล่อมมากๆเลยค่ะ
เป็นเรื่องที่เราพยายาอ่านทุกตัวอักษรเพราะกลัวจะพลาดประเด็นอะไรไป555555
เราชอบในความเป็นจันทร์จ้าวที่มั่นใจและซื่อตรงกับตัวเอง ชอบหมอที่เป็นสุภาพบุรุษมากๆ และสามารถดึงสติ กล้าดุจันทร์จ้าวตอนหัวร้อนได้
คนที่เรานับถือมากที่สุดในความเป็นผู้ใหญ่มีเหตุมีผลและมีความรักต่อลูกหลานคือท่านนายพล คำพูดของท่านเราอ่านแล้วชอบมากๆเลยค่ะ แต่ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบผู้ใหญ่คนอื่นนะคะ แค่เน้นว่าเรานับถือท่านที่สุดในเรื่องนี้ค่่ะ
และคนอื่นๆที่คอยช่วยเรื่องหมอภวัตกับจันทร์จ้าว เราคิดว่าก็เป็นโชคดีอยู่ดีค่ะที่ทั้งสองคนมีคนคอยหนุนหลังกันขนาดนี้ ทั้งเพื่อนๆและพี่น้อง
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่คุณบัวทำให้เราเห็นว่าความรักอาจจะไม่ได้ชนะทุกสิ่ง แต่ความรักสามารถเอาชนะเราเพื่อคนที่เรารักได้ค่ะ
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ ohuii

  • Why I cannot upload profile picture?
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 346
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-4
คุณหมอหึงได้เฉียบมาก

คิดถึงจันทร์จ้าวกับคุณหมอภวัตค่ะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
แวะมาผ่านๆ คิดถึงคุณหมอกะคุณจันทร์จังค่ะ

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ถถถถ สงสารคุณหมอเลยค่ะ อย่างนี้ต้องจับคุณจันทร์มาตีให้

หนักๆ เลยนะคะ แสบมากๆ

ออฟไลน์ Rafael

  • เพราะคนเราเกิดมาเพื่อแตกต่าง
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4377
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +685/-7
ขอบคุณพี่บัวสำหรับตอนพิเศษนะคะ

สวัสดีปีใหม่ด้วยนะคะ

ออฟไลน์ huoan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คิดถึงจันทร์จ้าว อยากให้มาบ่อยๆครับ หมอหึงแรงจริง

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
ผมพึ่งเห็นตอนพิเศษ   :a5:

คิดถึงทั้งคู่มากๆเลยครับ  :กอด1: :L2:

ขอบคุณมากๆครับ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ pamhicc

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณหมอน่ารัก คุณจันทร์ก็ขยันก่อเรื่องให้หมอปวดหัว 5555555
หมอหึงแล้วน่ารักจริงๆ :pig4:

ออฟไลน์ numin

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 67
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :o8: คิดถึงคุณจันทร์กับคุณหมอมากเลยอ่ะ กลับมาอ่านรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้
แต่ที่รู้คือ อ่านกี่รอบกี่รอบก็รักคุณจันทร์ที่สุด ^^  :mew1:

ออฟไลน์ tae1234

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 380
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ chompoo14547

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รักนะ

Sent from my vivo 1718 using Tapatalk


ออฟไลน์ พ.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รักเรื่องนี้ :katai2-1:

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :pig4: :pig4: :pig4: กลับมาตามเก็บงานเก่าๆค่ะ สนุกมากๆ

ออฟไลน์ chandrarat

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
คุณจันทร์กับคุณหมอ คิดถึงนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
……………………………..
บทพิเศษ



เสียงหวดไม้เทนนิสดังแหวกอากาศครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นที่สนอกสนใจของคนในสโมสรเทนนิส โดยเฉพาะเมื่อคู่เล่นทั้ง ๒ คือนายแพทย์หนุ่มคนดังของกรุงเทพฯ และหนุ่มนักเรียนทุนอเมริกาคู่แข่งคนสำคัญ



                “ถ้าไม่บอกว่าเป็นคู่รักกัน ผมนึกว่าจันทร์กับคุณหมอทะเลาะกันมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว” เรย์มอนด์ อดัมส์หันมากระซิบกับราชนิกูลหนุ่มที่นั่งร่วมม้านั่งยาวด้วยกัน หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพยักหน้าเห็นด้วย เพราะเวลานี้เพื่อนรักของเขานามว่าจันทร์จ้าวกำลังตีโต้อย่างเอาจริงเอาจังราวกับแข่งขันเอารางวัลเลยทีเดียว



“คุณพงศ์ว่าใครจะชนะ ผมว่าเที่ยวนี้คุณหมอแรงตกอย่างไรชอบกล” เสียงของนายวินิตที่นั่งอยู่อีกฝั่งของหม่อมหลวงหนุ่มทำให้เขาและเรย์มอนด์ต้องยุติการเปรยถึงความสัมพันธ์อันซ่อนเร้นของคู่ตีเทนนิสในคอร์ด



                “คุณวินิตพูดถูก วันนี้คุณหมอตีไม่แรงเหมือนเคย จันทร์เสียอีก ฟาดเอาฟาดเอาอย่างกับไปโกรธใครมา” นายฝรั่งชะโงกหน้ามาคุยด้วย



                “เอ? หรือพวกเธอจะโกรธกันอีกแล้ว” นายวินิตพูดก่อนจะหันกลับไปมองในคอร์ด ทันเห็นตอนที่จันทร์จ้าวฟาดลูกเทนนิสใส่คู่แข่งของตนโดยแรง ภวัตรับพลาด ลูกกระทบกับไม้ของเขาและกระเด็นออกนอกสนามไป



                “ผมชนะ!” ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งเจ้าของลักยิ้มที่แก้มซ้ายและดวงตากลมใหญ่พูดเสียงดังฟังชัด ดวงหน้าอวดรอยยิ้มกว้างและลักยิ้มบุ๋ม ดูอย่างไรก็ทราบว่าเจ้าตัวออกจะมีความสุขเป็นพิเศษที่วันนี้เอาชนะคู่แข่งตลอดกาลอย่างภวัตได้



                ภวัตไม่พูดกระไร เขายิ้มสุภาพยอมรับความพ่ายแพ้ ก่อนที่คนทั้งคู่จะเดินออกจากคอร์ดมาหาเพื่อนร่วมตีเทนนิสอีก ๓ คนที่นั่งดูอยู่นาน คนแพ้นั่งลงได้ก็หยิบน้ำมาดื่ม ตรงข้ามกับคนแรงดีไม่มีตกอย่างจันทร์จ้าวที่ยืนแกว่งไม้ไปมา ปากชักชวนคนอื่นๆลงไปตีเทนนิสต่อ



                “ตาต่อไปคุณพงศ์ตีคู่ผมไหม ให้หมอตีคู่เรย์หรือคุณวินิตก็ได้”



                “ให้คุณวินิตกับคุณเรย์คู่กันเถอะครับ ผมขอนั่งพักสักหน่อย” เสียงของนายแพทย์หนุ่มดังขึ้น ทำเอาจันทร์จ้าวหันมองด้วยความแปลกใจ เขาพินิจสีหน้าภวัตด้วยความฉงน



                “หมอเหนื่อยแล้วหรือ”



เดิมที ภวัตเป็นผู้ชายแข็งแรง ถึงแม้เมื่อครู่จะใช้แรงไปมาก แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องนั่งพักเสียหน่อย



                “ครับ พวกคุณลงไปตีกันเถอะ”



คนอื่นๆพากันลุกขึ้นยืนเตรียมตัวลงคอร์ด ทว่าจันทร์จ้าวกลับทรุดตัวลงนั่งข้างคู่รักของตนอย่างรวดเร็ว



                “หมอเป็นอะไรไป ไม่สบายหรือ”



                “ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ คุณไปตีเทนนิสเถอะ” แม้ใจจะอยากถามไถ่มากกว่านั้น แต่เพราะเวลานี้ไม่ได้มีเพียงเรย์มอนด์  อดัมส์หรือหม่อมหลวงพงศ์ภราธรเท่านั้น  แต่ยังมีนายวินิตที่มองตรงมา แม้จะคบหาสนิทสนมกันอยู่มากเพราะเป็นเพื่อนตีเทนนิสชั้นดี อีกทั้งยังอัธยาศัยดีมีน้ำใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าแพร่งพรายเรื่องของภวัตและจันทร์จ้าวให้ทราบ เรื่องเช่นนี้ในช่วงเวลานี้ อย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องควรเปิดเผย



   เพื่อไม่ให้เป็นที่สงสัยว่าเพราะเหตุใด จันทร์จ้าว  รักษพิพัฒน์ จึงให้ความสำคัญกับหมอภวัตมากนัก บุตรชายคนรองของคุณหญิงผกาตัดใจที่จะซักไซ้ ยอมหมุนตัวเดินลงสนาม


ทว่า เทนนิสเกมนี้ก็ไม่เป็นที่สนใจของมือดีนามว่าจันทร์จ้าวเลยสักนิด เจ้าตัวเอาแต่มองไปยังคนที่นั่งอยู่ข้างคอร์ด เมื่อไม่มีสมาธิถึงเพียงนั้น ต่อให้เป็นมือดีอันดับหนึ่งของกรุงเทพฯ แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับฝั่งของนายฝรั่งและนายวินิตไปในที่สุด


………………………


   “วันนี้คุณจันทร์แปลก แพ้ผมกับมิสเตอร์อดัมส์เฉย! แต่...จะว่าไปเธอดูไม่มีสมาธิชอบกล ตอนตีโต้กับคุณหมอก็ดูเหมือนเคย แต่พอจับคู่ตีกับพวกเรานี่ซี ตีออกข้างบ้าง รับไม่ทันบ้าง ผิดวิสัยคุณจันทร์เป็นที่สุด เอ? หรือจะออมมือก็ไม่ทราบนะครับ”



   หลังจบเกมนั้น จันทร์จ้าวอ้างกับนายวินิตว่าเพิ่งนึกออกว่ามีธุระ ต้องขอตัวก่อน บัดนี้แล้วบุตรชายคนรองของคุณหญิงผกาผู้มั่งคั่งก็ยังไม่มีรถยนต์เป็นของตนเอง ยามไปไหนมาไหนจึงต้องพึ่งพาอาศัยหมอภวัต เมื่อเขาจะไปธุระ จึงต้องหอบหิ้วเจ้าของรถออกไปด้วย ดังนั้น นายวินิตที่เก็บความสงสัยเอาไว้จึงมีโอกาสได้ออกปากกับสองสหายรักของคนที่เพิ่งออกจากสโมสรไป



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรและเรย์มอนด์  อดัมส์ไม่ออกความเห็น แต่แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วให้นายวินิตไปหาคนมาจับคู่ตีโต้เพื่อไม่ให้เสียเวลา เมื่อนั้นนายวินิตจึงยอมหยุดพูดเรื่องนี้ได้



   กระนั้น ราชนิกูลหนุ่มก็ตั้งใจมั่นว่าจะหาโอกาสเตือนจันทร์จ้าวอีกสักที ว่าอย่าแสดงออกให้มากนัก มิเช่นนั้นแล้ว ความสัมพันธ์ที่ควรปกปิดก็อาจไม่ใช่ความลับอีก



   ทว่า...คนไม่ค่อยเก็บความรู้สึกอย่างจันทร์จ้าวนั้น บังคับไม่ให้แสดงออกว่ายากแล้ว บังคับให้เก็บงำยิ่งยากไปกันใหญ่



   ยังไม่ทันที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรจะได้สั่งสอนให้รู้จักสงวนท่าที เพื่อนรักที่เพิ่งมาถึงสำนักงานค้าหนังสือในเช้าวันต่อมา ก็เปิดประตูเข้ามายกให้เขากลายเป็นศิราณี



   “คุณพงศ์ เมื่อเช้าหมอทานข้าวน้อย”



   “อะไรของแกน่ะ” ราชนิกูลหนุ่มคบหากับจันทร์จ้าวมาแต่เล็ก แต่ให้อย่างไรก็มีเรื่องคาดไม่ถึงของเพื่อนผู้นี้มาให้ขบคิดและสงสัยอยู่ตลอด กระทั่งบัดนี้มีชายหนุ่มอีกคนเข้ามารับไม้ต่อแล้ว แต่พอมีปัญหาที่หมอภวัตช่วยเหลือไม่ได้ ก็เป็นหม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้นี้ทุกทีที่ต้องรับมือ



   “ก็หมอน่ะสิ เมื่อเช้าทานข้าวน้อยเกินไป”



   “อาจจะไม่ถูกปากเธอ”



   “ไม่จริง ร้านนั้นหมอเคยบอกว่าอร่อย แล้วเมื่อวานหมอไปส่งผมที่บ้านเช่าแล้วก็ขอตัวกลับเลย แปลก!”



   “อาจจะมีคนไข้อาการหนัก”



   “ถ้ามีคนไข้อาการหนักแล้วจะมาตีเทนนิสกับพวกเราได้อย่างไรล่ะ”



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรนึกเหตุผลไม่ออก ในขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของดวงตากลมใหญ่เดินวนไปวนมาเหมือนคิดไม่ตก



   “แล้วนี่นะ...หมอบอกว่ากลางวันนี้จะมารับผมไปทานข้าวไม่ได้ เจอกันตอนเย็นทีเดียว แบบนี้มันแปลกมาก!” ทว่าเรื่องคิดไม่ตกของจันทร์จ้าวนั้น ทำเอาราชนิกูลหนุ่มถึงกับพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย



   “ฮ้าย! กันว่าคงเพราะคุณหมอเธองานยุ่งน่ะซี ช่วงนี้คนป่วยแยะ จะให้มาหาแกบ่อยๆได้อย่างไรกัน”



   “ก็เห็นแยะมาตลอด ยังมาหาผมได้ทุกวัน” พอแย้งออกไปเช่นนั้น คนพูดก็ถึงกับขบริมฝีปาก



   “หรือว่า...หมอ...มีเรื่องอื่นให้สนใจมากกว่าเรื่องของผม”



   “แกหมายความว่าอย่างไร”



   “ก็หมายความว่า...หมอ...กำลังสนใจคนอื่นมากกว่าผม...”



   “คนไข้น่ะสิ!”



   “เลื่อนเปื้อน! เอาผมกับคนไข้ไปเทียบกันได้อย่างไร! คนไข้นั่นงาน ส่วนผมก็คู่รัก” เดิมทีก็ไม่ใช่คนเก็บงำความรู้สึกนึกคิด แต่ก็ไม่เคยพูดจาประเจิดประเจ้อออกตัวถึงสถานะของตนและภวัต ทว่าวันนี้จันทร์จ้าวมีเรื่องกังวลมากเกินกว่าจะยั้งปาก จึงได้หลุดคำสำคัญออกมาคำใหญ่



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเบิกตาด้วยความตกใจ รีบมองไปยังประตูห้องทำงานก็พบว่าปิดสนิทดีแล้ว แต่กระนั้นก็ยังเป็นห่วง


   “พูดจาให้มันเบาๆหน่อยเถอะ ใครได้ยินเข้าจะเกิดปัญหา!”



   “ใครจะได้ยิน มีแต่ผมกับคุณพงศ์ หรือคุณพงศ์จะนำความเรื่องผมกับหมอไปบอกใคร หากจะบอกใครก็บอกด้วยว่าผมรักหมอมาก!”


   “รักมากก็ไปถามเธอตรงๆซี ว่าเป็นอะไร”


   “ผมก็อยากถาม แต่กลัวหมอไม่ตอบ”


   “อ้อ เลยมาถามกัน แล้วคิดว่ากันตอบได้หรือ”


   “พุทโธ่! ก็คุณพงศ์เป็นเพื่อนผม ไม่ถามคุณพงศ์ จะถามใคร”


   “ถ้าเห็นว่ากันเป็นเพื่อน เพื่อนก็ขอเตือนแกสักหน่อย คุณหมอเธอทำงานหนัก ทุกวันมีแต่คนไข้อาการไม่สู้ดี แล้วยังต้องมาตามเอาใจแกอีก แล้วไม่ใช่กันไม่รู้ แกเอาแต่ใจน้อยเสียเมื่อไร อยากไปไหนก็ให้คุณหมอขับรถ อยากจะกินอะไร คุณหมอก็พาไป เวลาพักผ่อนเธอมีน้อยอยู่แล้ว ยังต้องตะลอนๆไปกับแกทุกวัน เธอก็จะไม่ไหว” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพูดตามที่เห็น หรือต่อไม่ให้เห็นด้วยตา ก็รับรู้จากคนนั้นทีคนนี้ทีว่ามักเจอสหายของเขาเที่ยวเล่นกับหมอภวัต บ้างก็ตามสถานที่ท่องเที่ยว บ้างก็ร้านอาหารชื่อดัง บ่อยสุดเห็นจะเป็นที่สโมสรเทนนิส เป็นอันรู้กันว่าหากเห็นคนใดคนหนึ่ง ก็จะเห็นอีกคนด้วยเสมอ


   “อีกอย่าง เรื่องของแกกับคุณหมอ...มีหลายคนพูดไปในเชิงไม่ดี”


   “แต่ผมกับหมอไม่เคยทำอะไรเสียหาย”


“กันรู้ แต่อย่างน้อย ช่วงที่คุณหมอกำลังยุ่งจนออกตัวกับแกว่ามาพบไม่ได้ ก็เป็นการดีไม่ใช่หรือที่จะทำให้เรื่องซาลง” อันความรักสุกงอมนั้นหอมหวาน ใครถือครองก็ล้วนอยากนำมาชื่นชมชมเชยอย่างออกนอกหน้า ความรู้สึกของหมอภวัตและจันทร์จ้าวก็เป็นเช่นนั้น หม่อมหลวงพงศ์ภราธรทราบดี แต่ก็ไม่อยากให้ความหอมหวานของความรู้สึกที่แสนพิเศษนี้กลายเป็นดาบสองคม


   จันทร์จ้าวเงียบไป แม้ใจจะอยากเถียงแต่สิ่งที่เพื่อนราชนิกูลผู้นี้ตักเตือนก็เป็นความจริงทั้งสิ้น



“เอาเถอะ ในเมื่อวันนี้คุณหมอมารับแกไปทานข้าวกลางวันไม่ได้ กันจะพาไปก็แล้วกัน”



“ไปกับคุณพงศ์ แล้วจะมีคนพูดไปในเชิงไม่ดีไหม”



ราชนิกูลหนุ่มตาเหลือก ถลึงตาใส่เพื่อนแทบไม่ทัน



“อ้าว! ก็ทีผมกับหมอ ยังมีคนพูดไปในทางไม่ดี แล้วผมกับคุณพงศ์เคยกระโดดน้ำคลองด้วยกันมาก่อนด้วยซ้ำ ไม่มีคนพูดในทางไม่ดีบ้างหรือ”



“ถ้าอย่างนั้นก็ทานที่นี่! ไม่ต้องไปไหน!” คนอุตส่าห์สงสาร เห็นว่าไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นเพราะสารถีเจ้าประจำไม่มา หนำซ้ำยังไม่มีรถยนต์เป็นของตนเอง แต่จันทร์จ้าวกลับพูดจาชวนให้น่าเขกมะเหงกเสียนี่



คนแผลงหัวเราะร่วน



“ล้อเล่นหรอก ใครจะกล้าพูดเรื่องผมกับคุณพงศ์ไปในทางไม่ดี ว่าแต่กลางวันนี้คุณพงศ์ไม่ต้องออกไปไหนใช่ไหม”



“ไม่ไป”



“ถ้าอย่างนั้นก็ว่างน่ะซี”



“ว่าง แกอยากจะไปที่ไหนก็คิดเอาไว้แล้วกัน”



“โรงพยาบาล”



“หือ?”



“ผมอยากไปโรงพยาบาล ตอนนี้เลย”



“ไปทำไม”



“ไปหาหมอน่ะซี!” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกะพริบตาปริบๆ คิดตามไม่ทัน



“ผมจะไปดูให้เห็นกับตาว่าหมอสนใจคนอื่นจริงไหม”



“กันพูดอยู่แหม่บๆว่า...”



“ว่าอย่าเอาแต่ใจกับหมอเกินไปนัก ผมก็ไม่ได้เอาแต่ใจกับหมอนี่ ไม่ได้จะรบกวนเวลาทำงานของหมอด้วย แล้วก็ให้ห่างกับหมอบ้าง เรื่องของผมกับหมอจะได้ซา นี่ผมก็ไม่ได้ติดหมอหนึบเป็นตังเมเสียหน่อย อาศัยรถคุณพงศ์เสียอีก”


บุตรชายคนรองของคุณหญิงผกานั้นเอาแต่ใจเก่งเป็นที่หนึ่ง เรื่องนี้หม่อมหลวงพงศ์ภราธรทราบดี แต่ที่ไม่ทราบคือนับตั้งแต่คบหากับหมอภวัต ดูเหมือนเจ้าตัวจะพัฒนาความเอาแต่ใจอย่างต่อเนื่องชนิดที่พูดไปยิ้มไปมัดมือชกคู่สนทนาไปแล้วเรียบร้อย



“ไปกันคุณพงศ์ ชักช้าจะเสียการ”


หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกะพริบตาปริบๆ แต่ไม่อาจแม้แต่จะขยับปากคัดค้านแต่ประการใด เพื่อนรักร่างสูงโปร่งก็ก้าวขายาวๆออกจากห้องไปแล้ว ทว่าก่อนจะปิดประตูก็ยังไม่วายส่งเสียงลอดมากำชับ



   “เร็วคุณพงศ์! ทำไมต้องให้ผมจี้เรื่อยเลย!”



   เป็นอย่างนั้นไป! เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง จันทร์จ้าวยังเอากระดูกมาแขวนคอ!



……………………..


   โรงพยาบาลไม่ใช่สถานที่แวะมาเยี่ยมชมเหมือนวัดวาอาราม ที่นี่เต็มไปด้วยคนเจ็บคนป่วยและญาติพี่น้อง บางคนหน้าตาแจ่มใสเพราะได้รับการรักษาจนหายดี บางคนหน้าตาอมทุกข์ตกยาก ดูแล้วทั้งหดหู่ทั้งเวทนาไปในคราวเดียวกัน



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเห็นแก่นแท้ของชีวิตมนุษย์แล้วก็ได้แต่ปลงตก ทว่าพอหันมองข้างกายแล้วก็พลันรู้สึกอยากปลงให้ได้มากกว่านี้ คนเจ็บป่วยก็ทุกข์เรื่องหนึ่ง คนใกล้ตายก็ทุกข์เรื่องหนึ่ง แต่คนสุขภาพดีไม่มีเหตุอันใดให้ทุกข์ ก็ยังต้องกุมขมับเพราะมีเพื่อนแผลง เรียกได้ว่าเป็นทุกข์อีกเรื่องหนึ่งของคนมีชีวิตอยู่ก็แล้วกัน



   “มาแอบดูอยู่ตรงนี้แล้วจะเห็นคุณหมอหรือ”



มาถึงได้พักใหญ่แล้ว แต่จันทร์จ้าวไม่มีทีท่าจะเข้าไปในตึกโรงพยาบาลเสียที เอาแต่ยืนอยู่ใกล้ประตูที่มีผู้คนเดินเข้าเดินออก



   “สมัยก่อนมาแอบดูหมอตรงนู้นแล้วไม่เห็น” พูดพลางชี้นิ้ว แต่สายตาไม่มองตามนิ้วสักนิด เอาแต่สอดส่องเข้าไปข้างในตึก


   “หือ? สมัยก่อน?”



   “สมัยที่พี่อาทิตย์ยังไม่ให้รักหมอน่ะซี”



   “อ้อ แล้วตรงนี้จะได้เห็นใช่ไหม”



   “ไม่รู้ ถ้าไม่เห็นจะเข้าไปข้างใน”



“ก็เข้าไปเสียเลยสิ”



คราวนี้จันทร์จ้าวหันมามองด้วยสายตาขุ่นเคืองเล็กน้อย



“ก็คุณพงศ์บอกไม่ใช่หรือว่าผมไม่ควรจุ้นจ้านกับหมอมากเกินไป แล้วก็ไม่ควรให้คนพูดเรื่องของผมกับหมอมากกว่านี้ นี่ผมก็อุตส่าห์ไม่เข้าไปแสดงตัวให้หมอรู้ว่าผมมาแล้วนะ คุณพงศ์จะเอายังไรอีก” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรอ้าปากค้าง อยู่ดีๆก็ถูกดุ



   “แต่ถ้าแกไม่เข้าไปข้างใน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้คุณหมออยู่ตรงไหน อาจจะตรวจอยู่ในห้องตรวจ หรือไปตรวจที่ห้องคนไข้”



จันทร์จ้าวทำหน้านิ่วคล้ายจะใช้ความคิด ทว่าไม่ทันจะตัดสินใจว่าจะทำเช่นไรดี เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น



   “คุณพงศ์ คุณจันทร์” นางพยาบาลสมฤดีก้าวเท้าเข้ามาหาชายหนุ่มที่ยืนกันอยู่ข้างประตู หล่อนเพิ่งมาถึงเพราะลางานไปจัดการธุระกับทางบ้านสามีมาเมื่อเช้านี้ แต่เมื่อมาแล้วก็ไม่ทันจะได้เข้าไปทำงานเพราะเห็นคนคุ้นตายืนเถียงกันหน้าดำหน้าแดงเสียก่อน



   หล่อนยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสอง ก่อนจะแย้มยิ้มสดใส ทว่าดวงตามีประกายความกังวลเล็กน้อยที่พบคนรู้จักมักจี่ที่โรงพยาบาลอบ่างนี้



   “มาทำอะไรกันคะ หรือมีใครไม่สบาย”



   “ไม่ใช่หรอกครับ เอ่อ...” ราชนิกูลหนุ่มนึกปั้นแต่งเรื่องราวไม่ออกว่าเหตุใดจึงมาโรงพยาบาล จันทร์จ้าวเลยพูดแทรก



   “คุณพงศ์จะมาพบหมอภวัตน่ะครับ”



   “คะ? คุณพงศ์มาพบคุณหมอภวัต?” พยาบาลสมฤดีทวน พลางหันมองชายหนุ่มราชนิกูล เขากะพริบตาปริบๆ ก่อนจะรับคำตะกุกตะกัก


   “เอ่อ...ค...ครับ ใช่ครับ” สำหรับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรอาจโป้ปดไม่เก่งนัก แต่สำหรับจันทร์จ้าวผู้รู้จักเอาตัวรอดเป็นยอดดีกลับพูดต่อลื่นไหลไม่มีสะดุดสักนิด


   “คุณพงศ์มีปัญหาเรื่องสุขภาพนิดหน่อย สุขภาพผู้ชายน่ะครับ ร้อนใจมากก็เลยมาที่นี่ แต่...ไม่แน่ใจว่าวันนี้หมอภวัตอยู่รึเปล่า จะเข้าไปดูก็กลัวจะเอิกเกริก คุณสมก็คงพอจะเข้าใจว่ามันค่อนข้างจะ...เป็นความลับ” พอเกริ่นว่าสุขภาพผู้ชาย พยาบาลสมฤดีก็พยักหน้ารับรู้อย่างเข้าอกเข้าใจทันที เป็นฝ่ายหม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้ถูกนำไปกล่าวอ้างว่ามีปัญหาสุขภาพถึงกับถลึงตาใส่เพื่อนรัก



   “ถ้าอย่างนั้นสมจะเข้าไปดูให้นะคะ” แล้วพยาบาลสาวก็รีบหมุนตัวก้าวเท้าไวๆเข้าไปในโรงพยาบาลทันที เปิดโอกาสให้คนมีปัญหาสุขภาพหันมาเฉ่งทันควัน



   “ใครบอกแกว่ากันมีปัญหาสุขภาพ!”



   “ผมบอกเอง ก็คุณพงศ์บอกว่าอย่าประเจิดประเจ้อให้มากนัก ถ้าผมบอกคุณสมไปตามตรงว่ามาที่นี่เพื่อพบหมอ คุณพงศ์ว่าคุณสมจะไม่สงสัยหรือ”



   “ก็แล้วทำไมแกไม่บอกเธอไปว่าแกต่างหากที่ป่วย!”



   “ถ้าผมบอกอย่างนั้น เกิดคุณสมไปบอกหมอว่าผมมาเพราะผมป่วย หมอได้ทิ้งทุกอย่างแล้วมาหาผมน่ะซี! ไหนคุณพงศ์บอกผมว่าอย่าจุ้นจ้านหมอมากนักยังไรล่ะ” เป็นอันว่าจันทร์จ้าวมีหนทางเถียงลงข้างทางไปได้ทุกเรื่อง หม่อมหลวงพงศ์ภราธรได้แต่แยกเขี้ยวแล้วเป็นฝ่ายเงียบเสียเอง อึดใจต่อมาพยาบาลสาวก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับออกมาจากตึก



   “คุณจันทร์คะ เห็นทีคุณหมอจะออกมาไม่ได้แล้ว”



   “ทำไมล่ะครับ หรือว่าติดคนไข้?”



   “ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณหมอต่างหากที่กลายเป็นคนไข้เสียแล้ว”



   “คุณสมว่าอะไรนะครับ?!”



   “คุณหมอป่วยค่ะ ตอนนี้นอนให้น้ำเกลือ...” สมฤดีไม่ทันจะพูดให้จบ แต่เมื่อหล่อนชี้เข้าไปในตึกเบื้องหลัง จันทร์จ้าวก็พุ่งตัวไปยังอาคารหลังนั้นแล้ว



   “คุณจันทร์! รอก่อนค่ะ! คุณหมอไม่ได้เป็นอะไรมาก คุณจันทร์!”



หม่อมหลวงพงศ์ภราธรมองตามหลังเพื่อนรักแล้วได้แต่ส่ายหน้า



   บอกว่าอย่าประเจิดประเจ้อ อย่าจุ้นจ้านและให้เว้นระยะห่าง ทำได้สักข้อบ้างไหม จันทร์จ้าว...



…………………….


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8

   บุตรชายคนรองของคุณหญิงผกายืนตกตะลึงอยู่ที่หน้าประตู ภาพเบื้องหน้าที่เขาเห็นนั้นไม่คุ้นตาอย่างที่สุด และไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็น หมอภวัตผู้แข็งแรงและมักจะมีรอยยิ้มให้เขาเสมอ กำลังนอนนิ่งมีสายน้ำเกลือห้อยโยงจากเสาข้างเตียง



   ภวัตเป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง สามารถตีโต้เทนนิสได้อย่างสนุก ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะทุกครั้ง เขาสุภาพแต่กระนั้นก็สดใสใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า ทว่าบัดนี้กลับได้แต่นอนนิ่งอยู่ใต้แสงจากหลอดไฟ ซีดขาวและดูอ่อนแอไม่ต่างจากตุ๊กตาแก้วที่เปราะบาง



   “ทำไม...เป็นอย่างนี้” จันทร์จ้าวได้แต่ครวญ ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าเข้าไปในห้อง



   “คุณหมอบอกว่าครั่นเนื้อครั่นตัวตั้งแต่เมื่อวาน...” พยาบาลสมฤดีเอ่ย แม้จะรู้ว่าอาการของหมอภวัตไม่เป็นอะไรมากนัก แต่ก็อดใจหายไม่ได้ที่เห็นเขาต้องนอนนิ่งเช่นนี้


   “เอ๊ะ เมื่อวาน?” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรชะงัก หันมองพยาบาลสาว “...เมื่อวานคุณหมอยังตีเทนนิสกับพวกเราอยู่เลยนะครับ”


   “เห็นเธอว่านัดเอาไว้แล้ว ไม่อยากเสียคำพูดค่ะ ออกไปตีเทนนิสแล้ว พอกลับมาแทนที่จะได้พัก คนไข้ของคุณหมอคนหนึ่งอาการไม่ดี เธอก็เลยต้องอยู่โยงทั้งคืนแทบไม่ได้นอน เมื่อเช้า เห็นมีคนบอกว่าก็รีบออกจากโรงพยาบาลแต่เช้า ถึงเธอจะยังหนุ่มยังแน่น แต่ถ้าป่วยแล้วไม่ได้พักผ่อนอย่างนี้ เห็นทีจะมีแต่ทรุด”


พยาบาลสมฤดีทำงานใกล้ชิดหมอภวัตมานาน ความทุ่มเทของเขาเป็นเรื่องดี การรักษาคำพูดของเขาก็เป็นสิ่งที่ควรยกย่อง แต่ถ้าสุดท้ายแล้วต้องนอนแบ่บอยู่ข้างเสาน้ำเกลือเช่นนี้ก็ได้แต่ส่ายศีรษะ



   เชือกตึงเกินไปก็ขาด เชือกหย่อนเกินไปก็ดึงรั้งสิ่งใดไม่ได้



   จันทร์จ้าวได้แต่รับฟังเงียบๆ ความรู้สึกผิดตีรวนในจิตใจจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงสักคำ ภวัตออกไปตีเทนนิสทั้งๆที่เริ่มมีอาการป่วย ก็เป็นเพราะนัดเขาเอาไว้ เมื่อเช้าทั้งๆที่แทบไม่ได้นอนแต่ก็ยังออกไปรับเขาพาไปทานอาหารเช้าแล้วพาไปส่ง



กิจวัตรหนอกิจวัตร คุ้นเคย เคยชิน แต่กลับทำให้เพิกเฉย



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเห็นสหายรักได้แต่ก้มหน้าเงียบก็พอจะเข้าใจความรู้สึก เวลานี้จันทร์จ้าวคงอยากอยู่กับภวัตเพียงลำพังมากที่สุด



   “เอ่อ...ผมว่าให้คุณหมอพักผ่อนดีไหมครับ เราออกไปข้างนอกกันเถอะ” เขาหันมากล่าวกับพยาบาลสาว ทว่าเป็นจันทร์จ้าวที่หันมามองเขา



   “ขอผมอยู่กับหมอสักครู่ได้ไหม”



   หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพยักหน้ารับ สมฤดีมีงานที่ต้องไปทำจึงไม่อิดออด แต่ไม่วายกำชับกับคนเฝ้าไข้ว่าหมอภวัตป่วยเป็นโรคติดต่อ ไม่ควรคลุกคลีใกล้ชิดนาน



   สองหนุ่มสาวออกจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว เมื่อบานประตูปิดลง จันทร์จ้าวจึงหันมามองร่างสูงที่นอนเหยียดยาวบนเตียง



   แม้จะเป็นคนทำอะไรว่องไวรวดเร็ว ทว่าแต่ละก้าวที่สาวเท้าเข้าไปหาคนป่วยกลับเชื่องช้าและเงียบเชียบ เมื่อหยุดอยู่ที่ข้างเตียง ดวงตากลมใหญ่กวาดมองใบหน้าซีดขาวของคู่รักที่นอนนิ่ง ก่อนที่ปลายนิ้วจะแตะเบาๆเข้าที่มือร้อนระอุ



   อุณหภูมิร่างกายนั้นไม่เหมือนเดิม เพียงเท่านั้นหัวใจของเขาก็ราวกับดิ่งลงสู่พื้น ทั้งช่องอกช่องท้องเย็นวาบราวกับไม่เหลืออวัยวะใดๆ  นอกเสียจากความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามาแทนที่



   ทั้งๆที่อยู่ด้วยกันแทบตลอดเวลาแท้ๆ แต่เหตุใดจึงไม่สังเกตสักนิดว่าหมอไม่สบายขนาดนี้



   “คุณจันทร์...” เสียงแหบแห้งดังขึ้นแผ่วเบา ทำเอาเจ้าของชื่อต้องหันมอง ภวัตลืมตาขึ้นแล้ว และกำลังมองมาที่เขาอย่างไม่แน่ใจนัก ราวกับคิดว่ากำลังฝัน



   “มาได้อย่างไรครับ”



   “หมอไม่สบายทำไมไม่บอกผมสักคำ” ทั้งๆที่มือของภวัตร้อนเหลือเกิน และทั้งๆที่พยาบาลสมฤดีย้ำนักหนาว่าอย่าคลุกคลีใกล้ชิด แต่จันทร์จ้าวก็อดไม่ได้ที่จะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงแล้วจับมือของอีกฝ่ายขึ้นมากอบกุมเอาไว้



   “ผมไม่อยากให้คุณเป็นห่วง”



   “ความเป็นห่วงของผมมันน่ารังเกียจหรือ หมอถึงไม่อยากได้”



รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังป่วย แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้เลย ทำไมไม่ใช่เขาที่เป็นคนคอยดูแลภวัตยามเจ็บไข้ หากไม่มาที่นี่เพราะคิดว่าภวัตสนใจสิ่งอื่นมากกว่าเขา ก็คงไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วอีกฝ่ายกำลังป่วยเพียบหนักอย่างนี้



   “ไม่ใช่นะครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณกังวลเท่านั้นเอง”



   “หมอไม่รู้หรือว่าผมยินดีกังวล ถ้าเป็นเรื่องของหมอ ผมอยากรู้ทั้งนั้น...”



ยามเจ็บไข้ได้ป่วย อย่าว่าแต่สุขภาพกายจะทรุดโทรมเลย สุขภาพใจก็ไหวเอนง่ายดายยิ่งกว่าต้นไผ่ลู่ลม ยิ่งได้ยินคำพูดอย่างนี้จากคนอย่างจันทร์จ้าวผู้รักสนุกเป็นนิจ หัวใจที่มีเลือดเนื้อก็ย่อมอุ่นร้อนไม่ต่างจากถูกจู่โจมด้วยพิษไข้



   “ขอบคุณนะครับ”



   ดวงหน้าปานรูปหล่อที่มักแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มและลักยิ้มอยู่เสมอ ยามนี้กลับดูหมองเศร้าและเต็มไปด้วยความเป็นห่วง



   “ผมขอโทษ คุณจันทร์อย่าโกรธผมเลย”



   “ผมเป็นห่วงหมอ อย่าให้ผมไม่รู้อะไรแบบนี้อีก” เป็นคำสั่งที่แสนอ้อนวอน ดวงตากลมใหญ่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกมากล้นจนคนป่วยอดใจไม่ไหวต้องขยับมือที่ถูกกอบกุมไปแตะไล้ผิวแก้มเย็นของคู่รักอย่างแผ่วเบา



   “ผมขอโทษ จากนี้ไปผมจะบอกคุณทุกเรื่อง”


“หมอสัญญาแล้วนะ”


“สัญญาครับ ยิ้มให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”



   “จะให้ผมยิ้มออกได้อย่างไรกัน หมอไม่สบาย”



   “ผมใกล้หายแล้ว น้ำเกลือหมดขวดนี้ ก็กลับบ้านได้แล้ว”



   “คุณหมอที่รักษาหมออนุญาตให้กลับหรือ มือยังร้อนอยู่เลย”



แม้จะไม่ใช่หมอ แต่จันทร์จ้าวคิดเอาว่าหากตนเองเป็นผู้รักษาคนไข้ที่ชื่อภวัต และพบว่าอุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายยังไม่ปกติเช่นนี้ ให้อย่างไรก็จะไม่ยอมให้ถอดสายน้ำเกลือแน่


   ทว่าสำหรับภวัตผู้เป็นหมอ เขาย่อมทราบดีว่าอาการของตนเองในเวลานี้ทุเลาลงมากแล้ว หากได้พักผ่อนและดื่มน้ำให้มาก ก็จะดีขึ้นตามลำดับ


   นายแพทย์หนุ่มยิ้มจาง แม้จะรู้อาการของตนดี แต่มีคนห่วงใยนั่งใกล้ชิดเอาแต่จับมือเขาอยู่เช่นนี้ ก็เห็นจะทำตัวแข็งแรงมากเกินไปไม่ได้แล้ว


   “จริงด้วยสินะครับ วันนี้ผมไม่ใช่หมอ” เขาเอ่ย แม้จะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าแต่จันทร์จ้าวคิดเอาเองว่าช่างเป็นรอยยิ้มที่ ‘เฉา’ เสียจนน่าเป็นห่วง


   “ใช่ วันนี้หมอเป็นคนไข้ หมอต้องรอให้คุณหมออนุญาตก่อน ถึงจะถอดสายน้ำเกลือและกลับบ้านได้ แต่ผมคิดว่าหมอไม่ควรกลับตอนนี้ หน้าหมอยังซีด ปากก็แห้ง มือก็ร้อน ผมไม่ให้หมอออกจากโรงพยาบาลวันนี้หรอก”



ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เพิ่งรับปากกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรมาหมาดๆว่าจะไม่จุ้นจ้านกับหมอภวัตมากจนเกินพอดี อีกทั้งจะทำตัวห่างหายจากหมอภวัตบ้างเพื่อไม่ให้เกิดหัวข้อสนทนาในทางไม่ดีที่เกี่ยวกับพวกเขา แต่จันทร์จ้าวผู้ลืมง่าย พร้อมจะลืมทุกสิ่งแค่เพียงเพราะคู่รักของตนนอนให้น้ำเกลือ



“คุณเป็นหมอไปเสียแล้ว” ภวัตหยอก แม้จะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว แต่เพราะมีคนข้างเตียงพูดเจือยแจ้ว อารมณ์ก็พลอยเบิกบานจนลืมความเจ็บป่วยไปเสียสิ้น



“ผมเป็นหมอไม่ได้ แต่เป็นคนดูแลหมอได้” วาจาเอาแต่ใจนั้นน่าเอ็นดูในความรู้สึกคนฟังเสียจนต้องยิ้มจาง ดวงตาที่ทอดมองใบหน้าของจันทร์จ้าวเจือแววหวานแม้จะอ่อนระโหยเพราะพิษไข้ก็ตามที


   “วันนี้ผมก็ไม่ใช่หมอ แต่เป็นคนไข้ คุณจะเรียกว่าหมอไม่ได้เช่นกันนะครับ”



   คิ้วเหนือดวงตากลมใหญ่เลิกขึ้น ดูเหมือนเพิ่งนึกออกว่าเขาติดปากเรียกอีกฝ่ายว่าหมอแม้กระทั่งในยามที่หมอป่วย



   “จริงด้วย แล้ว...จะเรียกว่าอย่างไรดี คุณภวัตหรือ อย่างคุณพงศ์อย่างนี้”



ภวัตชะงักไปเล็กน้อย อาจจะเพราะเดิมที ความสัมพันธ์ของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรและจันทร์จ้าวก็ออกจะแนบแน่นกลมเกลียว ยอกใจเขาอยู่หลายครั้ง ครั้งนี้เพราะยังป่วย การได้ยินว่าอีกฝ่ายจะเรียกตนอย่างที่เรียกราชนิกูลหนุ่ม ก็พาลให้นึกขึงขึ้นมา



   “เป็นอะไรไปหมอ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น หรือเจ็บปวดตรงไหน ให้ผมไปตามคนมาดูไหม” จันทร์จ้าวเห็นอีกฝ่ายเงียบไปก็ชักเป็นห่วง ซักถามหน้าตาตื่นทว่าพอจะลุกขึ้น มือร้อนของคนป่วยกลับดึงแขนเขาเอาไว้



“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ”



“แต่หมอ...” พอจะท้วงก็พลันนึกถึงได้ว่าเขาเรียกอีกฝ่ายว่าหมอจนติดปากอีกแล้ว



   “อ้าว หลุดปากเรียกหมออีกแล้ว คุณภวัต”



   “พี่ครับ...” ภวัตแทรก ทว่าคนข้างเตียงกลับกะพริบตาปริบๆ



   “...พี่ภวัต” คนไข้สำทับอีกครั้ง คราวนี้จากอาการตาปริบๆเลยกลายเป็นเบิกค้าง



   ...พี่...



   ...พี่ภวัตอย่างนั้นหรือ...


   จันทร์จ้าวไม่ใช่ลูกคนใหญ่ หนำซ้ำก็ไม่ใช่หลานคนใหญ่ เขามีพี่มากมาย ทั้งอาทิตย์เอย ทั้งญาติผู้พี่ทั้งหลายเอย ไหนจะคนรู้จักมักจี่ซึ่งไม่จำเป็นต้องสุภาพมากนักอีกเล่า รอบตัวเขามี ‘พี่’ นับร้อยนับพัน แต่...พอต้องเรียกภวัตว่า ‘พี่ภวัต’ แล้ว ก็พลันวูบไหวในหัวใจชอบกล



   “อ...เอ่อ...ท...ทำไมต้องเรียกพี่ด้วย” อารมณ์ขวยผุดพรายอยู่ตามผิวเนื้อจนร้อนผะผ่าวราวกับเป็นไข้เสียเอง จันทร์จ้าวไม่กล้าสบตาคนที่นอนอยู่บนเตียงด้วยซ้ำ ได้แต่เสสายตามองไปยังผ้าม่านที่ไหวน้อยๆนั่นแทน



   ผ้าม่านเนื้อบาง จะไหวตามลมก็เห็นจะไม่แปลก แต่ใจคนเรานี่สิหนอ ทั้งๆที่มีเลือดมีเนื้อ แต่เหตุใดจึงไหวยวบยาบแค่เพียงเพราะอีกฝ่ายอยากให้เรียก ‘พี่ภวัต’



   “พี่อายุมากกว่านี่ครับ”



อย่าว่าแต่ให้เรียก ‘พี่ภวัต’ เลย ราวกับคนไข้ผู้นี้คว้าค้อนมาทุบซ้ำๆ แต่ไหนแต่ไรสรรพนามแทนตัวว่า ‘ผม’ ทว่าวันนี้กลับเปลี่ยนเป็นเรียกแทนตัวว่า ‘พี่’ เสียนี่



   “อ...เอ่อ...ใกล้เที่ยง หมอน่าจะหิวแล้วกระมัง ผมจะไปดูอาหาร…” จันทร์จ้าวรู้ดีว่านี่ไม่ใช่วิถีคนกล้าหาญเสียเลย แต่ขืนให้เขานั่งอยู่อย่างนี้ เห็นทีหัวใจคงหยุดทำงานเอาดื้อๆ จากคนแข็งแรงจะได้ล้มหมอนนอนเสื่อข้างเตียงหมอภวัตก็คราวนี้


   ทว่าพอคนคิดหนีจะลุกขึ้นผละจากข้างเตียง มือของคนป่วยกลับคว้าแขนเอาไว้



   “จันทร์...”



นี่ก็อีก แต่ไหนแต่ไรเรียก ‘คุณจันทร์’ วันนี้นึกเหิมอย่างไรไม่ทราบเรียก ‘จันทร์’ คำเดียว ทำเอาคนชื่อ ‘จันทร์จ้าว’ หัวใจสั่นระรัวจนต้องทรุดตัวลงนั่งที่เดิม หน้าตาเหยเกคล้ายจะร้องไห้อยู่รอมร่อ


   “พอแล้ว...”



   “...ไม่ต้องเรียกแล้ว”



   “จันทร์จะหนีพี่ไป ไม่เรียกได้หรือ”



   “ม...ไม่ได้หนี” จากคนพูดเก่ง ปั้นน้ำเป็นตัวเมื่อตอนเจอพยาบาลสมฤดีที่หน้าโรงพยาบาล กลายเป็นคนติดอ่างขึ้นมาเสียดื้อๆ ราวกับเวรกรรมตามทันอย่างไรอย่างนั้น



   “ไม่ได้หนี แล้วทำไมไม่เรียกพี่ว่าพี่ภวัต”



   “ก็...” อย่าว่าแต่หัวใจไหวสั่นจนรู้สึกคล้ายหน้าจะมืดเลย กระทั่งลมหายใจยังสะดุดแล้วสะดุดอีก สรรพนามนี้น่าฉงน เปลี่ยนเพียงนิด หัวใจก็เต้นถี่ แม้จะใช้คำพื้นๆ แต่เพราะเป็นคนพิเศษ ถึงได้ปั่นป่วนจนมือไม้เย็นเฉียบ



   “จันทร์...เรียกพี่ภวัตไม่ได้หรือ”



   จันทร์จ้าวเม้มปาก ยกสองมือขึ้นปิดหน้า ใบหูแดงจัด ก่อนที่เสียงอู้อี้จะดังขึ้นเบาๆ



   “พ...ภ...”



ไม่ได้ยินสักคำ หนำซ้ำหน้าตายังไม่เห็น แต่ภวัตกลับยิ้มจางมองคนข้างกายที่ยังเอาแต่ปิดหน้าปิดตา


   “ดังกว่านี้อีกนิดได้ไหม” น้ำเสียงคนป่วยนั้น เดิมทีก็ช่างทำให้จันทร์จ้าวใจอ่อนอยู่แล้ว พอเวลาออดอ้อนเช่นนี้ ก็ยิ่งชวนให้แข็งข้อไม่ได้เข้าไปกันใหญ่



   “พี่...”



   “...พี่ภวัต...”



   ไม่รู้จากคนป่วยที่ถูกกุมมือเมื่อครู่ กลายเป็นฝ่ายกุมมือคนมาเยี่ยมไปได้อย่างไร แต่กว่าจันทร์จ้าวจะรู้ตัวก็ตอนที่มือของเขารับรู้ถึงสัมผัสร้อนผ่าว เมื่อนั้นถึงได้สติเห็นว่ามือของตนถูกกอบกุมไปแนบเข้ากับริมฝีปากของคนป่วยแล้ว



   “ชื่นใจ”



   คนป่วยชื่นใจ แต่หัวใจคนสุขภาพแข็งแรงกลับสั่นรัว จันทร์จ้าวได้แต่เม้มปาก เสสายตามองไปทางอื่น ใบหน้าแดงจัด หัวใจเต้นถี่ และมือถูกกุมเอาไว้ แม้จะไม่ได้แนบกับริมฝีปากร้อนนั่นแล้ว แต่ก็คนป่วยก็ย้ายลงมาวางแนบอกตนเองแทน สมคำว่าชื่นใจ



   “...ถ...ถ้าพี่ภวัต...ชื่นใจ...ก็หายไวๆแล้วกัน...”



   จันทร์จ้าวผู้นี้ จะยอมให้หัวใจเต้นราวกับจะหลุดออกมานอกอก หากคนป่วยจะแช่มชื่นและหายไข้ในเร็ววัน


   ................................   



   พยาบาลสมฤดีแยกไปทำงาน ในขณะที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเมื่อออกจากห้องมาแล้ว จะไปไหนก็ไม่ได้ เพราะสหายรักผู้ไหว้วานให้ขับรถพามา ไม่มีรถไปที่ใดต่อ หนำซ้ำการปล่อยให้จันทร์จ้าวอยู่กับหมอภวัตเพียงสองคนในห้องหับที่แม้มิดชิดแต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าจะถูกผู้ใดเปิดประตูเข้าไปพบเห็นเมื่อไร ก็ดูจะสุ่มเสี่ยงไม่น้อย แต่ครั้นจะให้เขากลับเข้าไปในห้องก็เกรงจะเป็นการรบกวนเวลาส่วนตัวของคนป่วยและคนมาเยี่ยม ดังนั้นนอกจากจะไปไหนไม่ได้แล้ว ก็ยังไม่อาจกลับเข้าไปในห้องได้อีก ได้แต่ยืนปักหลักเฝ้าหน้าประตูอยู่เช่นนี้



แต่เมื่อยืนรอไปได้พักหนึ่ง ภายในห้องเงียบกริบไม่มีเสียงเคลื่อนไหวก็ชักเป็นห่วง จันทร์จ้าวเป็นจอมแผลงเช่นไร บัดนี้ก็ยังแผลงเช่นนั้น เกรงว่าหมอภวัตจะไม่หายไข้ซ้ำร้ายอาจอาการหนัก จึงถือวิสาสะแอบเปิดประตูเข้าไปดู มองลอดผ่านช่องแง้มเพียงเล็กน้อย เห็นเพื่อนรักนั่งหันหลังให้ประตู พูดคุยกับคนป่วยเสียงเบาจนแทบกระซิบ แม้จับใจความไม่ได้ แต่ราชนิกูลหนุ่มก็ไวพอจะสังเกตเห็นมือของคนมาเยี่ยมถูกกอบกุมไว้แนบอกคนป่วย



เพียงเท่านั้นก็ชัดเจนแล้ว หม่อมหลวงพงศ์ภราธรปิดประตูลงอย่างเบามือ แล้วกลับมายืนเฝ้าอยู่ที่เดิม



ไปไหนไม่ได้จนกว่าจันทร์จ้าวจะเยี่ยมไข้หมอภวัตเรียบร้อย



แต่จนแล้วจนรอดคนเยี่ยมก็ยังไม่มีทีท่าจะออกมา จนกระทั่งพยาบาลสมฤดีกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยคนยกอาหาร แน่นอนว่าหม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้ยึดมั่นในหน้าที่จนไม่ได้กระดิกไปที่ใดจึงรีบออกปาก



“อาหารคุณหมอหรือครับ”



“ค่ะ แล้วคุณพงศ์มายืนทำอะไรตรงนี้คะ” พยาบาลสาวงุนงงเล็กน้อยที่เห็นอีกฝ่ายยืนขวางประตู



“เอ้อ พอดี...ผม...ออกมาเข้าห้องน้ำ”



“อ้อ แล้วคุณจันทร์ล่ะคะ ยังอยู่ในห้องหรือ”



“ครับ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรรับคำ แต่พอหญิงสาวเอื้อมมือจะเปิดประตู เขากลับขยับตัวขวางไว้



“เอ่อ...เคาะ...เคาะประตูก่อนดีกว่านะครับ” ราชนิกูลหนุ่มเคาะประตูเสียงดังสามครั้ง ก่อนจะพูดผ่านบานประตูเข้าไป



“จันทร์ คุณหมอ...คุณสมให้คนยกอาหารกลางวันมาให้ กำลังจะเข้าไปแล้ว” สมฤดีมองคนตะโกนแล้วหัวเราะกิ๊ก รู้สึกว่าเขาดูเปิ่นชอบกลแต่ก็ไม่ติดใจ อึดใจเดียว บานประตูก็เปิดออกโดยคนที่อยู่ในห้อง จันทร์จ้าวส่งยิ้มจางให้พยาบาลสาว



“อาหารกลางวันแล้วก็ยาของคุณหมอค่ะ”



“เชิญครับ” พยาบาลสมฤดีหันไปสั่งคนยกอาหารให้เข้าไปในห้อง แต่ตัวหล่อนเองกลับหันมามองจันทร์จ้าวด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะเบิกตาโต


“สงสัยคุณจันทร์จะติดไข้คุณหมอเข้าเสียแล้ว หน้าแดงหูแดงเชียวค่ะ” คนถูกทักว่าติดไข้ถึงกับชะงัก ยกสองมือขึ้นจับแก้มตนเองแล้วก็พาลเอายิ่งรู้สึกร้อนผ่าวไปกันใหญ่เมื่อนึกขึ้นได้ว่ามือข้างหนึ่งนี้ เพิ่งถูกภวัตจูบและนำไปแนบอก
   

“ตายแล้ว แดงกว่าเดิมอีก! มาทางนี้เลยค่ะ สมจะพาไปวัดไข้ คุณพงศ์คะ สมฝากดูคุณหมอสักครู่นะคะ”



ฝากฝังหมอภวัตกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรแล้ว พยาบาลสมฤดีก็รีบพาจันทร์จ้าวไปยังห้องตรวจทันที

…………………..


   จันทร์จ้าวไม่มีไข้ และเย็นนั้นหมอภวัตถอดสายน้ำเกลือ ออกจากห้องพักคนไข้เพื่อไปรักษาตัวต่อที่บ้าน กระนั้นเมื่อมีคนตามไปดูที่บ้านพักแพทย์ก็พบว่าปิดเงียบ มีคนกล่าวว่าเห็นชายหนุ่มรูปหล่อผู้มีลักยิ้มที่แก้มซ้ายขับรถพาหมอภวัตออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อตอนค่ำ ไม่ทราบว่าพาไปที่ใด แต่หน้าตาคนป่วยดูแช่มชื่นขึ้นเป็นกอง



   มีคนดูแลดีก็นับว่าเป็นเรื่องดี ต่อให้ไม่รู้ว่าถูกพาไปดูแลที่ไหนโดยใครก็ตามที



   เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อหม่อมหลวงพงศ์ภราธรขับรถผ่านที่หน้าบ้านเช่าสีเขียวอ่อนก็พบรถยนต์ของหมอภวัตจอดอยู่ จึงลงจากรถแวะเยี่ยมเยียน



เจ้าของบ้านผู้แข็งแรงและอัธยาศัยดีต้อนรับขับสู้อย่างดี แต่เมื่อหม่อมหลวงพงศ์ภราธรถามไถ่ถึงคนป่วย คำตอบของจันทร์จ้าวก็พาเอาตะลึงตะลาน



“แกว่าอะไรนะ?! ใครต้มข้าวต้ม?!”



“หมอ”



“คุณหมอ?! แกให้คุณหมอไปต้มข้าวต้มหรือ?!”



“ผมจะต้มเอง แต่หมอบอกให้ผมอยู่เฉยๆนี่ อยู่หลังบ้านแหน่ะ คุณพงศ์ไปหาสิ”



“แกให้คนป่วยไปต้มข้าวต้มกินเองหรือ?!”



“หมอหายดีแล้ว” จันทร์จ้าวแย้งเสียงเบาแล้วเผลอเม้มปาก ไม่กล้าพูดว่าคนไข้เมื่อวานนี้ที่เขาสู้อุตส่าห์พามาค้างที่นี่เพราะหวังจะดูแลปรนนิบัติ กลับอาศัยสถานะคนไข้เรียกร้องให้เขาดูแลราวกับเป็นคนสุขภาพดีด้วยซ้ำ



‘จันทร์...เรียกพี่ภวัตอีกไม่ได้หรือ’



‘ก...ก็เรียกไปแล้ว...อื้อ...หมอ...ตัวยังร้อน...’



‘แต่จันทร์ตัวเย็น...พี่...อยากกอดจันทร์...’



พิษไข้คงทำลายสมองไปหมดแล้ว เพราะหมอภวัตคนเมื่อคืนแตกต่างลิบลับกับหมอภวัตคนก่อนหน้านี้



“จันทร์...แกหน้าแดง...” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเห็นใบหน้าเพื่อนรักที่จู่ๆก็กลายเป็นสีแดงก่ำแล้วก็ต้องท้วงถามด้วยความตื่นตะลึง จันทร์จ้าวรีบยกมือถูสองแก้มอย่างประหม่า คิดหาข้ออ้างไม่ออก แต่หากจะพูดความจริงว่าเผลอคิดถึง ‘พี่ภวัต’ คนเมื่อคืน เพื่อนรักราชนิกูลคงได้ลมจับเป็นแน่แท้



“คุณพงศ์...” เสียงทุ้มติดแหบเล็กน้อยดังขึ้น ทำเอาหม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันมอง



“คุณหมอ เป็นอย่างไรบ้างครับ ผมขับรถผ่านเห็นรถคุณหมอจอดอยู่หน้าบ้าน เลยแวะมาดู”



หมอภวัตวางถ้วยข้าวต้มสองถ้วยลงบนโต๊ะอาหาร ก่อนจะเดินเข้ามาร่วมวงด้วย รอยยิ้มสุภาพเหมือนทุกทีนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ แต่จันทร์จ้าวกลับไม่กล้าหันมองสักนิด



“ดีขึ้นมากแล้วครับ จันทร์ดูแลผมอย่างดี” เดิมทีน้ำเสียงของหมอภวัตทุ้มนุ่มหูชวนฟัง แต่เพราะอาการไข้หวัดทำให้เสียงของเขาในวันนี้ติดแหบเล็กน้อย และมันชวนให้จันทร์จ้าวเผลอคิดถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอีก



‘จันทร์...ให้พี่กอดจันทร์ได้ไหม’


‘ม...หมอยังป่วย’


‘พี่ถึงต้องกอดจันทร์ เพราะจันทร์ตัวเย็นเหลือเกิน...’


‘ต...แต่...’


‘นะ คนดี...ให้พี่กอดจันทร์...’



“ถ้าคุณหมอไม่เป็นอะไรแล้วก็ดี เห็นจันทร์บอกว่าคุณหมอต้มข้าวต้มเองด้วย ไม่น่าจะต้องลำบาก ให้จันทร์วิ่งไปบอกที่วังก็ได้นะครับ”



“ไม่เป็นไรครับ คุณพงศ์ ผมทำไหว”



“แล้วคุณหมอจะกลับไปทำงานเมื่อไร”



“พรุ่งนี้ครับ คืนนี้คงต้องค้างที่นี่อีกคืน”



คราวนี้เจ้าของบ้านหันมองคนพูดทันควัน



“คืนนี้หมอก็จะอยู่ที่นี่หรือ?!” หมอภวัตยิ้มจาง มองคนรักด้วยสายตาสุภาพ ทว่ากลับทำเอาจันทร์จ้าวเม้มปากเพราะพานคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน


ไม่เห็นสุภาพสักนิด อีกทั้งยังไม่สมกับเป็นคนป่วยด้วยซ้ำ!


“ครับ คืนนี้คงต้องให้จันทร์ช่วยดูแลอีกคืน”



“จะดูแลได้เรื่องอยู่หรือครับคุณหมอ รายนี้ดูแลใครเป็นที่ไหน” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหยอก คิดเอาว่าคงถูกจันทร์จ้าวคนปากดีย้อนเป็นแน่ แต่การณ์กลับผิดคาดเพราะอีกฝ่ายเงียบกริบเอาแต่หันมองไปทางอื่น



หมอภวัตไม่พูดกระไร เพียงแต่ยิ้มอย่างเชื่อมั่น ราวกับจะบอกว่าที่อาการของเขาดีขึ้นเช่นนี้ก็เพราะการดูแลของจันทร์จ้าวทั้งนั้น แต่ถึงอย่างนั้น ราชนิกูลหนุ่มก็ยังเอื้อเฟือเพราะไม่คิดว่าเพื่อนรักจะดูแลใครได้จริง



“ถ้าคุณหมอต้องการอะไร ไปบอกที่วังได้นะครับ” เขากล่าวก่อนจะหันมาทางจันทร์จ้าว “วันนี้แกก็อยู่บ้านดูแลคุณหมอ ไม่ต้องเข้าไปที่สำนักงานหรอก”



“ขอบคุณครับคุณพงศ์” เป็นหมอภวัตที่ยังเจรจา ส่วนคนพูดเก่งกลับเงียบกริบผิดวิสัย หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหลากใจอยู่บ้าง แต่เพราะเห็นคนป่วยกลับมาแข็งแรงพูดคุยได้อย่างเดิมแล้ว จึงไม่ตะขิดตะขวง เขาบอกลาเจ้าของบ้านและคนที่มาค้างคืน จากนั้นจึงกลับไปขึ้นรถ


 ทว่าเมื่อขับรถพ้นบ้านเช่าสีเขียวอ่อนหลังนั้นออกมาได้พักหนึ่งแล้ว ก็พลันนึกขึ้นมาได้



“จันทร์?...คุณหมอเรียกจันทร์ว่าจันทร์ตั้งแต่เมื่อไรกันน่ะ?”


   ทว่าคิดไปก็เท่านั้น เห็นจะไม่ได้คำตอบ เพราะไม่ว่าจะเรียก ‘จันทร์’ หรือ ‘คุณจันทร์’ เขาก็ไม่เห็นความแตกต่างเลยสักนิด ในเมื่อหมอภวัตยังคงเป็นชายหนุ่มผู้แสนสุภาพอยู่เช่นเดิม



   แต่...หากกลับไปซักถามจากคนถูกเรียกแล้วไซร้ ก็คงได้อีกคำตอบหนึ่ง



   ‘จันทร์ มากินข้าวกันเถอะ’



   ‘อ...อื้อ...’



   ‘กินข้าวเสร็จแล้ว เช็ดตัวให้พี่หน่อยได้ไหม’



   ‘หมอ...เอ่อ...พี่...พี่ภวัตหายแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมต้องเช็ดตัวอีก...’



   ‘ยังหายไม่สนิทหรอก’



‘ต...แต่...ผ...ผมทำไม่เป็น’



   ‘ไม่เป็นไร พี่จะสอนจันทร์เอง’



   ไม่แน่ใจนักว่าหมอภวัตสอนอย่างไร เพราะบ้านเช่าสีเขียวอ่อนปิดประตูหน้าต่างเงียบตั้งแต่กลางวัน คาดว่าเจ้าของบ้านคงดูแลคนป่วยอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะเมื่อนายแพทย์หนุ่มกลับไปทำงานในวันต่อมา ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดูผุดผ่องแจ่มใส ไม่มีเค้าคนเคยป่วยเลยแม้แต่นิดเดียว


จบ   

หมอภวัตซุกหมาป่าไว้ใต้หนังแกะแหละค่ะ ฮ่าฮ่า

เขียนตอนนี้ขึ้นมาเพราะคิดถึงคุณพงศ์ (ส่วนหมอภวัตกับคุณจันทร์ ให้เขาคิดถึงกันเองแล้วกันค่ะ ฮ่าฮ่า)

สำหรับวันนี้ สวัสดีวันฮาโลวีน และสวัสดีพรุ่งนี้เดือน 11 ด้วยค่ะ (มาแบบสิ้นเดือนสุดๆ ตอนแรกคิดว่าจะเขียนไม่ทัน เพราะว่าป่วยฉุกเฉิน เพิ่งหายสนิทเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่สุดท้ายก็มาแบบชั่วโมงสุดท้ายเลย ช่วงนี้มีดรคระบาดหลายอย่าง รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ)

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ และคนคิดถึงหมอภวัต(ที่ตอนนี้เรียกร้องขอเป็นพี่ภวัต) และคุณจันทร์ (และถ้าคิดถึงคุณพงศ์ด้วย เรามาแตะมือกันค่ะ ฮ่าฮ่า) ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันเดือนหน้าค่ะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หวานหยด มดไต่ ฟักทองฮาโลวีนกลายเป็นฟักทองเชื่อมไปเลย..ยยยยย    :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
คุณจันทร์ผู้แก่นเซี้ยวถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว...พี่ภวัตช่างมีอิทธิพล 555

ก็คนป่วยอ่ะเนอะ อ้อนขออะไรก็ได้...คนดูแลเขาเต็มใจให้อยู่แล้ว อิอิ

นอกจากคิดถึงหมอและคุณจันทร์แล้ว...เพื่อนผู้กุมความลับอย่างคุณพงศ์ก็ลืมไม่ได้เช่นกัน ^^

ออฟไลน์ MSeraph

  • This too shall pass
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1751
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-3
หมอภวัตในร่างนี้ รับไม่ไหวจริงๆค่ะ
คุณจันทร์แย่แล้วล่ะ ฮืออ

ขอบคุณคุณบัวนะคะ ทางนี้คิดถึงคุณจันทร์มากๆเลย

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
 :jul1: อิพี่หมอมันร้าย ทำคุณจันทร์เลือดขึ้นหน้า
ขึ้นเพราะความเขิลนะคะ ไม่ได้เพราะความโกรธ อิอิ

คิดถึงจันทร์ คิดถึงพี่ภวัตมากเลยยยยยย
ขอบคุณที่พามาเจอในวันปล่อยผีนะคะ 55555

ออฟไลน์ haramoonlight

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
พี่ภวัต... ใจคุณจันทร์จะทนได้อย่างไรกันละลายไปหมดแล้ว~~ :-[ :o8:

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
คุณหมอนิ โอ๊ยยยยยยยยยยย

ถ้าเป็นคุณจันทร์ละลายไปแล้ว


ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ๊ยยย..ละลายแล้ว
หวานนนน้ำตาลขึ้นแต่ชอบมากๆๆค่ะ
ขอบคุณนะคะและขอให้คุณบัวสุขภาพแข็งแรงนะคะ

ออฟไลน์ OrangeryLemon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0

โอ้ย มันหวานมาก เขินตัวบิดเสียอาการ

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอน่ารัก :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด