"เรื่องสั้น" 〖★ ทวงร้าย.....ได้รัก ★〗 UP DATE+++ ตอนที่ 8 End(ย้ายได้เลยฮับ)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "เรื่องสั้น" 〖★ ทวงร้าย.....ได้รัก ★〗 UP DATE+++ ตอนที่ 8 End(ย้ายได้เลยฮับ)  (อ่าน 8840 ครั้ง)

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

"ทวงร้าย ได้รัก"


ไม่ผิดใช่ไหมถ้าผมจะทวงสิทธิ์ของการเป็น"ลุง"เอาหลานของผมคืนมา
หมอนี่นะเหรอไอ้ตี๋ที่เป็นพ่อของหลานผม
อย่าเอาแววตาใสซื่อของนายมามองฉัน ฉันไม่มีทางใจอ่อนยกหลานให้แกไปง่ายๆ แน่
จะใช้ร่างกายที่อ้อนแอ้นเหมือนคนเป็นโรคมาดูแลหลานฉันงั้นเหรอ ไม่มีทาง!
คนอย่าง ป้อมปราบ ไม่มีทางยอมคนง่ายๆ 
"ฉันต้องการอะไร ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่ได้ แม้กระทั่งตัวนายเอง!"


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2015 20:15:09 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย ได้รัก



    “อย่าเพิ่งวางสายนะถ้าแกยังมีความรับผิดชอบอยู่บ้าง!”

    “พี่ไม่มีทางเข้าใจหรอกว่าฉันรู้สึกยังไง!

    “หน็อยยย! ถ้าฉันไม่รู้ว่าแกรู้สึกยังไงทำไมฉันต้องมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ”

    “ฮือๆ ฉันบอกพี่แล้วไงว่าตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม ปัญหาของฉันๆ จะจัดการเองพี่กลับมาเถอะ”

    “เฮอะ! จะรอไปอีกเมื่อไหร่ รอจนกว่าลูกของแกจะลืมหน้าแกที่เป็นแม่ตัวเองงั้นเหรอ ถ้าเรื่องนี้ฉันไม่รู้เองแกก็ไม่มีทางจะปริปากบอกฉันเลยใช่ไหมว่าแกไปทำอะไร ก่อเรื่องอะไรไว้ แล้วมาหนีปัญหาจนมันล่วงเลยมาแบบนี้ ยังมีสมองอยู่อีกรึเปล่าห๊ะ!”

    “ฉันเจ็บมามากพอแล้วทำไมพี่ต้องมาพูดแบบนี้กับฉันด้วย ฮือๆ”

    “คิดว่าเรื่องนี้แกเจ็บคนเดียวรึไงยัยบ้า!”

    “พี่! เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากบอกพี่! พี่มันก็บ้าเหมือนกันนั่นแหละ!ฮือๆ ตรู๊ด ตรู๊ด!”

    “โถ่เว้ย!”ผมสบถเสียงดังกับกำแพงสูงริมฟุตบาทพร้อมกับกำหมัดแน่นกระดูกนิ้วแทบกรอบ ความรู้สึกโมโหจนโลกหมุนแทบเสียประสาท มันทำให้ผมตาลายหูอื้อไปหมดจนไม่รู้จะทำอย่างไรให้ความรู้สึกหนักอึ้งในอกนี้มันผ่อนเบาลงได้

    เรื่องราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะน้องสาวที่เอาแต่ใจของผม ตั้งแต่ที่เธอประกาศกร้าวย่างเท้าออกจากบ้านไปกับไอ้หนุ่มหน้าตี๋ที่ผมไม่เคยแม้จะเห็นหน้าเพื่อไปกัดก้อนเกลือกินทั้งที่หากเธอยู่บ้านเฉยๆ ก็มีกินไปทั้งชาตินั่นก็ไม่ได้ทำให้น้องสาวของผมลังเลใจที่จะไม่เลือกเลยสักนิด ณ ตอนนั้นบ้านทั้งหลังก็ตกอยู่ในความอึมครึมตลอดมา ทั้งพ่อและแม่ที่รั้งเธอไว้ไม่อยู่ก็ต้องมาเป็นทุกข์อยู่หลายปี จนกระทั่งวันหนึ่งผมบังเอิญไปได้ยินเรื่องของเธอเข้าจากเพื่อนของเธอว่าปลายนั่นคือชื่อน้องสาวของผม ที่กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในวงสนทนาว่าเธอกับสามีแยกทางกันและถูกสามีหอบลูกหนีออกไปจากบ้านจริงหรือเปล่า

    นั่นไม่ได้ทำให้ผมมั่นใจเท่าไหร่ว่าใช่ปลายน้องสาวของผมจริงๆ รึเปล่า จนกระทั่งผมตามสืบและได้พบกับความจริงอย่างที่ผมได้ยินมา เรื่องนี้ทำเอาผมร้อนจนแทบจะระเบิดจนกระทั่งต้องผลิกแผ่นดินหายัยน้องสาวตัวดีที่ไม่เคยปริปากพูดบอกเรื่องหลานของผมสักคำให้คนในครอบครัวเราได้รู้

    และตอนนี้ที่เป็นปัญหานั่นคือน้องสาวของผมที่เอาแต่หนีปัญหาปล่อยให้ลูกของตัวเองถูกไอ้ตี๋นั่นอุ้มหนีหายไปเอาดื้อๆ แล้วมาร้องห่มร้องไห้คร่ำครวญให้พี่ชายอย่างผมฟังเอาตอนนี้น่ะสิ แถมเรื่องหลานของผมที่ถูกไอ้ตี๋นั่นเอาไปมันก็เกือบจะนานถึง 2 ปีเต็ม นั่นยิ่งทำให้ผมแทบคลั่ง

    ทุกอย่างผมต้องดิ้นเองหมดทั้งสิ้น แม้กระทั่งสืบหาที่อยู่ของไอ้ตี๋นั่นว่ามันเอาหลานผมไปตกระกำลำบากที่ไหน และตอนนี้ผมก็รู้แล้วด้วยว่าหมอนั่นอยู่ที่ไหน บ้านเลขที่เท่าไหร่ เพราะผมตามมันมาถึงที่นี่แล้วน่ะสิ!

    แต่สิ่งที่ผมไม่อยากจะเชื่อเลยนั่นก็คือ ไอ้ตี๋นั่นดันหอบหลานของผมหนีมาอยู่ไกลถึงญี่ปุ่น แทบจะสุดขอบฟ้าเลยจริงๆ แต่หมอนั่นคงคิดผิดแล้ว ยังไงซะก็ไม่มีทางหลบได้พ้นจากสายตาตระกูลนักธุรกิจอย่างเราหรอก!

    “ฉันจะมาเอาหลานของฉันคืนให้ได้!”



    “ป๊ะป๋า อากิ หิวแล้ว หิวแล้ว หิวแล้ว!”

    “ไฮ ไฮ ได้แล้วโจ๊กที่อากิชอบที่สุดในโลก”

    “ว้าว! วันนี้อากิจะไปอวดเพื่อนๆ ว่าป๊ะป๋าทำกับข้างเก่งที่สุดเลย”

    “อากิ.....วันนี้อาจจะไปรับช้าหน่อยนะ ยังไงก็รอเป็นเด็กดีล่ะ”

       “อื้ม…..”เด็กชายหน้ากลมตาโตแก้มยุ้ยสีแดงเป็นลูกมะเขือเทศที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้เสริมของเด็ก 3 ขวบก้มหน้าก้มตาทานอาหารที่อยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางไม่สดใสเหมือนเมื่อครู ดูเหมือนเจ้าอากิตัวน้อยคงกำลังจะงอนผมเป็นแน่แท้

    “วันนี้มื้อเย็นจะเป็นอะไรดีน้า…..เอาเป็นทงคัสสึกับพุดดิ้งเป็นของหวานดีมั้ย”ผมตั้งใจจะพูดให้เจ้าอากิได้ยินพร้อมกับเก็บกวาดของในครัวแล้วรีบแขวนผ้ากันเปื้อนตัวเกงก่อนจะมาอุ้มเจ้าเด็กที่กำลังงอนเข้ามาปลอบ ผมรู้ดีว่าเวลาอากิงอนเขาจะไม่ได้แสดงสีหน้าหรือท่าทางไม่พอใจอะไรออกมาหรอก แต่ด้วยความรู้สึกผมรู้ดีว่าเด็กคนนี้เหงามากขนาดไหน

    เพราะผม.....อาจจะไม่มีคุณสมบัติที่จะสามารถเป็นพ่อที่ดีที่สุดของเขาก็ได้....ขอโทษด้วยนะครับพี่ที่ผมพยายามได้แย่มาก

    “ป๊ะป๋า…..”

    “ว่าไงอากิ”

    “สัญญาได้มั้ยฮะว่าจะรีบมารับ”

    “สัญญาสิ จุลคนนี้เคยผิดสัญญาด้วยงั้นเหรอ เอาล่ะดูเหมือนรถจะมารับแล้วไปเถอะเดี๋ยวมี่จังกับสึรุจะคอยจนร้องไห้นะ”

    “ฮะ!”ผมหอมฟอดที่แก้มยุ้ยๆ ทั้งสองข้างของอากิก่อนจะปล่อยเจ้าตัวเล็กลงแล้วไปส่งขึ้นรถตู้รับนักเรียนด้วยตัวเองกับมือเหมือนทุกๆ เช้า แล้วโบกมือลาจนรถวิ่งลับสายตาแล้วจึงจะเข้าบ้าน

    ฟูว์! หลังจากที่ภารกิจของทุกเช้าผ่านไปตัวผมก็มักจะมานั่งเอนหลังตรงโซฟาหน้าทีวีเสมอ ไม่คิดไม่ฝันเหมือนกันว่าผมจะอยู่กับอากิมาได้เกือบ 1 ปีกว่าๆ แล้ว ถึงจะเหนื่อยไปบ้างแต่รอยยิ้มของอากิมันทำให้ผมมีความสุขและคิดถึงคนๆ นั้นเสมอ ถึงผมจะไม่ได้มีงานที่ดูจะพึ่งพิงไปทั้งชีวิตได้ แต่ตอนนี้ผมก็พอมีเงินเก็บจากการทำงานเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดให้กับห้างดังแห่งหนึ่ง ถึงเม็ดเงินที่ได้ผมต้องใช้อย่างประหยัดเพื่ออากิ แต่แค่ผมรู้ว่าพรุ่งนี้และวันต่อๆ ไปอากิจะมีความสุขเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมได้ผมก็พอใจแล้ว

    ปัง ปัง!

    เสียงเคาะประตูที่ทำเอาผมที่เกือบจะเคลิ้มหลับตกสะดุ้งลุกขึ้นมานั่งตรงโดยสัญชาตญาณ

    แฮะ! หรือว่าอากิจะลืมอะรึเปล่า

    ผมรีบลุกพรวดไปที่หน้าประตูหลังจากอากิออกไปไม่ถึง 5 นาที และเปิดประตูออกอย่างรวดเร็วก่อนจะต้องประหลาดใจกับคนที่อยู่ตรงหน้า

    มันทำให้ผมตรองตรึก และตรึกตรองประมวลความคิดอย่างหนักว่าคนตรงหน้าเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงได้ยืนจ้องมองผมเสียแทบจะกลืนกินคนเป็นๆ ทั้งตัวได้

   “ไง ในที่สุดฉันก็เจอนายสักที!”

    คำแรกที่ทักทายทำให้ผมแปลกใจได้ถึงขีดสุด ประการแรกคือคนๆ นี้เป็นคนไทย ประการที่สองเขาเพิ่งจะพูดว่าในที่สุดก็เจอผมงั้นเหรอ สาบานนะว่าผมไม่เคยไปกู้นอกระบบกับใครที่ไหน รวมทั้งที่เมืองไทยด้วย! และไม่มีทางที่จะมีเพื่อนหรือคนรู้จักที่หน้าตาเข้าขั้นนายแบบแน่นอน 

    งั้น? แล้วผู้ชายร่างสูงที่ยืนค้ำกรอบประตูบ้านผมคนนี้เป็นใครกันล่ะ! ยากูซ่ารึไง!

    “ขอโทษนะว่าแต่ คุณเป็นใครไม่ทราบ?”

    “คนที่แกจะจดจำไปตลอดชีวิตถึงฝันร้ายที่จะมาถึงยังไงล่ะ!”

    ผมไม่ทันจะตั้งตัวคนตัวสูงที่เพิ่งจะสบตาและพูดคุยกันไม่ถึงหนึ่งนาทีก็พละการบุกรุกเข้ามาในบ้านผมอย่างวิสาสะ ก่อนจะปิดประตูตามหลังโครมใหญ่ทำตัวเหมือนอันธพาลสาวเท้าเข้ามาประชิดตัวผมเสียจนผมงงไปหมด ว่ามันเกิดอะไร แล้วคนๆ นี้เป็นใคร ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เพราะอะไร?

    “คุณ คุณจะทำอะไร อย่าเข้ามานะไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจแน่!”ผมขึ้นเสียงกร้าวยั้งคนตรงหน้า แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ฟังอะไรผมเลย ผมจึงรีบหมุนตัวเร่งจะไปคว้าโทรศัพท์แต่ทว่ากลับถูกผู้ชายคนนั้นจับทุ่มแล้วกดลงกับพื้นราวกับผมเป็นผู้ร้ายเสียเอง

    ให้ตายสิ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันเนี้ย!!!!





ฝากด้วยนะฮับรับรองต้องเข้มข้นไปเรื่อยๆ แน่ :katai4:
เรื่องนี้จะออกแนวธรรมะชนะอธรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
และที่ได้มีรับ ที่นั่นย่อมมีรุก แน่นอน! o13
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-08-2015 20:51:53 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอิ่มมม ถ้ามันไม่มีเหตุผลจริงๆ ผชเค้าไม่เอาเด็กมาเลี้ยงข้ามประเทศนา น่าจะมีเบื้องหลังกัน

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย  ได้รัก 2


   “คุณมาทำแบบนี้ได้ยังไง ที่นี่มันบ้านของผมนะ”

“ไอ้ขี้ขโมยบอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าแกเอาหลานฉันไปซ่อนไว้ที่ไหน”

“ฮึก! ช่วยด้วย ใครก็ได้!”

“ปิดปากเดี๋ยวนี้นะ”ผมถูกมือของร่างสูงกดหัวเอาไว้จนรู้สึกเจ็บ ผมสู้แรงที่โถมลงมาบนตัวของผมไม่ได้ ได้แต่ดิ้นพรากอยู่กับพื้นหาทางหลุดพ้น ดังมาจากข้างนอกเหมือนเสียงสวรรค์

“จุล มีอะไรเกิดขึ้นรึเปล่านะ!”ผมจำได้นั่นคือเสียงของคุณยายโอฮาระที่เป็นเพื่อนบ้านของผมนั่นเอง

“โธ่เว้ย!”สิ้นเสียงคุณยายชายร่างสูงที่เพิ่งจะใช้กำลังกับผมอย่างโหดร้ายก็กระชากร่างของผมขึ้นยืนด้วยพละกำลังเหลือเฟือก่อนจะผลักตัวผมเข้าประชิดกำแพงพร้อมใช้มือหนาล็อคใบหน้าของผมเอาไว้ก่อนเจ้าของใบหน้าคมนั่นจะใช้สายตาดุจพญาเหยี่ยวจ้องลึกเข้ามาในตาผมราวกับร่ายมนต์สะกดทำให้ผมตัวแข็งทื่อไร้การป้องกันตัวแต่อย่างใด

“เรื่องอื่นฉันคงไม่ประสา แต่ถ้าเรื่องนี้ฉันเชื่อว่าจะไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามฉันแน่”ร้อยยิ้มที่ดูร้ายกาจกระตุกตรงมุมปากของเขากระชากความหวังของผมให้ดับวูบพลันรับสัมผัสที่เกินจะคาดคิดได้จากริมฝีปากของชายตรงหน้าอย่างหนักหน่วง พลันบานประตูที่ถูกปิดตายเมื่อครูก็ถูกเปิดรับคำเรียกขานจากคุณยายโอฮาระอย่างยินดี นั่นทำให้สายตาของผมเหลือบไปมองเห็นผู้มาเยือนที่แทบอ้าปากกลืนออกซิเจนเข้าไปเกินขนาดของปอดทำปากพะงาบๆ อยู่ตรงหน้า

“จะจุล ฉันคงจะหูฝาดไป ขะขอโทษที่มาผิดเวลา”

คุณยาย! มะมันไม่ใช่อย่างที่คุณยายเห็นนะ ผมไม่รู้จักเขาเลยด้วยซ้ำหมอนี่เป็นผู้ร้าย!

ผมได้แต่ตะโกนก้องอยู่ในใจร้าวกับโดนโยนทิ้งดิ่งลงจากหน้าผาสูง

“ฮึก! แฮ่กๆ ”ทันทีที่ตัวผมถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ผมก็แทบจะล้มทั้งยืนหลังจากขาดอากาศหายใจอยู่นานสองนาน

“วิธีนี้ก็ไม่เลว”

“ไอ้.....ไอ้คนบุกรุกโรคจิต! ผั๊วะ!”ผมปล่อยหมัดสุดแรงเหวี่ยงพุ่งไปที่ใบหน้าของชายคนนั้น สาบานเลยว่านี้เป็นครั้งแรกและผลมันก็เป็นที่น่าพอใจเป็นอย่างมาก ตรงเป้าอย่างที่คาดไม่ถึง

“นี่แกกล้าต่อยฉันงั้นเหรอ!”

“ออกไปจากบ้านผมเดี๋ยวนี้ ก่อนที่ผมจะเรียกตำรวจให้มาลากคุณเข้าคุก”ผมรีบวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ของตนเองมากำไว้ในมือแน่น ร่างกาบรู้สึกสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ผมก็ยังกัดฟันสู้

“ก็เอาสิ ถ้าแกกล้าตั้งขอหาฉัน ฉันก็จะตังข้อหาแกเหมือนกันว่าลักพาตัวหลานของฉันมาซ่อนเอาไว้!”

“หมายความว่าไง หลาน? คุณคงจะเข้าใจอะไรผิด รีบไสหัวออกไปซะ!”

“อากิ!!!! เด็กนั่นเป็นหลานของฉันและน้องสาวของฉัน ปลาย ที่เป็นแม่ของเด็ก แค่นี้แกพอจะจำอะไรได้แล้วใช่มั้ยห๊ะ!”เสียงตะคอกดังของคนตรงหน้าทำเอาโทรศัพท์ที่ผมคิดว่าตนเองกำแน่นไว้สุดชีวิตแล้วถึงกับร่วงลงบนพื้นอย่างง่ายดาย เรี่ยวแรงที่เป็นเฮือกสุดท้ายก็แทบถูกสูบหมดไปในคราเดียว

“คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย”ผมเบิกตาโพล่งใช้กำแพงค้ำยันร่างกาย

“หน้าตาฉันดูล้อเล่นงั้นเหรอ ฉันจะเข้าเรื่องให้ไวที่สุด นายต้องการเท่าไหร่เพื่อแลกกับหลานของฉัน คนอย่างนายมันสารเลวเกินกว่าจะให้เด็กคนนั้นเรียกว่าพ่อด้วยซ้ำ พรากลูกออกจากอกแม่แบบนี้แกกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ห๊ะ! เพราะเงินใช่มั้ย?”

“ออกไป”ผมพึมพำไม่เป็นภาษา

“……”

“ผมบอกว่าให้ออกไปไงไม่ได้ยินเหรอ!”ผมรีบรุดผลักคนตรงหน้าให้ออกไปจากบ้านก่อนจะปิดประตูลงแล้วล็อคประตูอย่างรวดเร็วก่อนร่างทั้งร่างจะทรุดนั่งลงกับพื้นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาอาบแก้มเป็นสาย

ปัง ปัง!

“ฉันจะให้เวลานายคิด”เสียงตะโกนดังมาจากข้างนอกยิ่งตอกย้ำให้ผมรู้สึกว่าวันเลวร้ายที่สุดมันอาจจะกำลังมาถึงแล้ว



   ซ่า! ซ่า!

   เสียงสายน้ำที่ไหลจากฝักบัวกำลังรินรดชำระล้างร่างกายของผมและอารมณ์ให้มันเย็นลงเท่าที่ทำได้ ก่อนจะผละจากฝักบัวแล้วคว้าผ้าขนหนูพันกายเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วทุ่มร่างกายที่มันเย็นฉ่ำผิดกับภายในที่ยังกรุ่นๆ ลงบนเตียงขนาดคิงไซส์ไม่รอให้ตัวแห้ง ที่ภายในห้องพักหรูยังคงได้กลิ่นแฮลกอฮอล์อ่อนๆ ที่ผมเผลอจิบลงคอไปไม่น้อย

   ยิ่งคิดเรื่องราววันนี้ที่ผมบุกไปถึงบ้านของหมอนั่นมันยังทำให้ผมกังวลใจไม่หาย และที่เลวร้ายผมดันไปทำเรื่องบ้าๆ อย่างจูบกับอดีตแฟนน้องสาวตัวเองเนี้ยนะ ผมมันคงบ้าไปแล้ว!

   และที่ไม่อยากจะเชื่อ.....
   ผมเพ่งมองฝ่ามือของตนเอง ยังคงจำความรู้สึกที่สัมผัสกับร่างกายบางเล็กราวกับจะแตกหักนั่นได้ดี และคิดไม่ถึงว่าน้องสาวของผมชอบไอ้หมอนี่ไปได้อย่างไร แบบนี้มันจะไปดูแลใครได้นอกจากสูบเลือดสูบเนื้อจากผู้หญิงกิน
   ถึงยังไงซะ ผมจะไม่ยอมให้เรื่องมันยืดเยื้อไปมากกว่านี้แน่นอน

   
   “อากิ ง่วงรึยัง ถ้าง่วงแล้วก็ไปนอนซะนะถึงพรุ่งนี้จะเป็นวันหยุดแต่เด็กก็ไม่ควรนอนดึกรู้ใช่มั้ย”ผมเอื้อมมือไปขยี้ผมทรงเห็ดน้อยของเจ้าอากิที่ผมเพิ่งจะพาไปตัดเมื่อสัปดาห์ราแล้วอย่างเอ็นดู เจ้าอากิติดการณ์ตูนช่องโปรดผมเลยใจอ่อนให้ดูจนจบตอน

   “ผมรู้ฮะ แต่ว่าป๊ะป๋า.....”อากิเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยดวงตากลมโตที่สุกสดใสราวกับลูกแล้วพร้อมกับหัวคิ้วที่ยกขึ้นสูงทั้งสองข้าง

   “หืม มีอะไรรึเปล่า?”ผมส่งยิ้มให้อากิเจ้าตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังไต่ขึ้นมานั่งบนตักของผมเหมือนเจ้าลูกแมวขี้อ้อน

   “ป๊ะป๋า วันนี้อากิจะเป็นคนกล่อมป๊ะป๋าให้หลับเอง เพราะอากิรู้ว่าป๊ะป๋าโดนเจ้านายดุมาใช่มั๊ยล่ะ”คำพูดของเด็ก 3 ขวบตรงหน้ามันอดไม่ได้ที่จะทำให้ผมรู้สึกหวั่นๆ ขึ้นมาอย่างประหลาด

   “รู้ได้ยังว่าป๊ะป๋าโดนดุ”ผมถามออกมาพร้อมกับมองดวงตากลมตรงหน้ากลับอย่างเอ็นดู

   “ก็ป๊ะป๋าร้องไห้มาใช่มั้ยล่ะ แต่ไม่เป็นไรนะ พออากิโตขึ้นอากิจะปกป้องป๊ะป๋าจากเจ้านายใจร้ายให้ได้เลยคอยดู”มือเล็กๆ กอบกุมใบหน้าของผมอย่างแน่วแน่ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรหรืออารมณ์ไหนมันเลยทำให้ผมอดยิ้มทั้งน้ำตาไม่ได้

   “ใจดีจังเลยนะอากิ”

“ก็อากิรักป๊ะป๋านี่.....ก็สัญญาแล้วว่าจะเป็นป๊ะป๋า…..”



สุดท้ายคนที่กล่อมให้เจ้าอากินอนหลับก็คือผมเช่นเดิม นับวันจะยิ่งพูดเก่งซะจนผมตามไม่ทันเลยจริงๆ ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเกิดอากิโตขึ้นมาเขาจะยังจำเรื่องในวันนี้ได้อยู่อีกรึเปล่านะ

เห้อ.....ยังไงวันนี้ผมคงจะข่มตาให้หลับลงไม่ได้แน่ๆ เพราะดันเจอเรื่องที่เหมือนฝันร้ายสุดๆ พอคิดภาพๆ นั่นมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีสุดๆ ไปเลย นึกแล้วก็ยังรู้สึกโมโหไม่หาย

กึก! ร่างกายของผมพาตัวเองมานั่งลงตรงตู้ไม่เตี้ยๆ ใบหนึ่งด้วยความรู้สึกที่ว่างเปล่าก่อนจะค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดบานประตูไม้เล็กๆ ออกมาทั้งสองบานเผยให้เห็นภาพของคนๆ หนึ่งที่ผมคิดถึงมากถึงมากที่สุดแต่ก็ไม่อาจเจอได้อีกแล้ว

“พี่ครับ ตอนนี้ผมจะทำยังไงดีพวกเขาคงจะหมายถึงคนที่พี่พูดถึงใช่มั้ย พวกเขาตามหาอากิเจอแล้ว ผมควรจะส่งอากิคืนให้เขารึเปล่าครับ”คำพูดที่ผมเอื้อนเอ่ย มันแทบจะบาดขั้วหัวใจตัวเองให้ขาด มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ผมปรารถนาเลยสักนิด

“ถ้าตอนนี้พี่ยังอยู่บนโลกนี้ อากิอาจจะมีความสุขมากกว่านี้ก็ได้ ผมรู้ว่าผมยังไม่สามารถเติมเต็มส่วนที่อากิขาดหายไปได้.....ยังไงซะผมก็ไม่สามารถเป็นพ่อที่ดูแลอากิแทนพี่ได้จริงๆ ผมรู้ว่าถ้าพี่อยู่คำตอบของพี่ก็คือส่งอากิให้เขากลับไปดูแล....ตะแต่ว่า....ถ้าผมทำแบบนั้นผมก็จะไม่ได้เจออากิอีก ผมรู้ว่าผมมันเห็นแก่ตัวที่คิดแบบนั้น”น้ำตาของผมนับหยดไม่ถ้วนที่ไหลหยดลงบนภาพพี่ชายของผมที่จากโลกนี้ไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บเมื่อปีก่อน 

ภาพๆ แรกที่ผมยังจำได้ดีเมื่อตอนที่พบกับอากินั่นก็คือที่เมืองไทย พี่ผมกำลังมีปัญหากับภรรยาและผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงได้พาอากิออกมาด้วย เพราะผมรู้ว่าพี่เจ็บปวดขนาดไหนเลยไม่เคยปริปากถามถึงปัญหาพวกนั้น อาจจะเป็นเพราะครอบครัวของเรามีกันแค่สองคนพี่น้อง ผมเลยรู้สึกว่าการมีอากิเข้ามาคือความสุขความสดใสที่ผมยินดีจะรับ

แต่ผมก็คาดไม่ถึงว่าอยู่มาไม่นานพี่ก็ล้มป่วยลง อากิที่ต้องการครอบครัวมากที่สุดในตอนนั้น ผมกลับเอาแต่คิดว่าไม่เป็นไร ถึงจะไม่มีพี่ผมก็จะเป็นในส่วนที่อากิต้องการให้เอง โดยไม่เอ่ยถามถึงแม่ของอากิตลอดมาจนกระทั่งพี่ผมจากโลกนี้ไป พร้อมกับคำสั่งเสียสุดท้ายที่ผมไม่ค่อยเข้าใจนัก

“นายรู้ใช่มั้ยว่าอะไรคือความสุขของอากิ…..นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันอยากจะขอนายเป็นครั้งสุดท้าย”

และตอนนี้ผมก็มืดบอกเกินกว่าจะรู้ว่าอะไรคือความสุขของอากิกันแน่ การที่อยู่กับผมหรือกับแม่ของเขา

เช้าวันหยุดของผมและอากิเริ่มขึ้นโดยการบิ๊กคลีนนิ่งบ้านหลังเล็กๆ ของเรา ถึงแม้มันจะเป็นห้องเช่าราคาแสนถูกแต่ผมกับอากิก็อยู่ที่นี่มาได้ดีโดยตลอด 1 ปีที่ผ่านมา คุณเจ้าของห้องเช่าเขาก็ดูเอ็นดูอากิเป็นพิเศษ พวกเราสองพ่อลูกเลยมีคุณลุงคุณป้าที่ใจดีเป็นเพื่อนบ้านไปโดยปริยาย ถึงวันเลวร้ายจะผ่านไปตาผมก็ยังคงระแวดระวังพยายามสอดส่องสายตามองถึงสิ่งผิดปกติที่อาจะมาก่อกวนผมได้อีกอย่างวิตกกังวล แต่ดูเหมือนว่าวันนี้คงจะไม่มีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นล่ะมั้ง

“เดี๋ยวเราจะไปซูปเปอร์มาเก็ตกัน คิดรึยังว่าอยากจะกินอะไรเป็นมื้อเย็น”

“ขอพุดดิ้ง ไอศกรีม แล้วก็ช็อคโกแล็ตฮะ”

“นั่นไม่เรียกว่ามือเย็นหรอกนะอากิ เอ้าขึ้นมาสิ”ผมย่อตัวลงให้อากิปีนขึ้นหลัง ก่อนจะหยิบตะกร้าพร้อมกระเป๋าสตางค์ใส่กระเป๋า

“ถ้าแวะซูปเปอร์มาเก็ตแล้วขอแวะสวนสาธารณะได้รึเปล่า”เสียงเล็กๆ กระซิบอยู่ที่ข้างหลังของผม

“ถ้าไม่งอแงซะก่อนก็โอเคล่ะนะ”

“จริงนะ! อากิสัญญาจะไม่งอแง”

“ฮ่าๆ จริงๆ เลยเจ้าเด็กดื้อ”

ผมอดหัวเราะกับสีหน้าจริงจังของเจ้าอากิเสียไม่ได้ แต่เมื่อสัญญาแล้วก็ต้องตามสัญญาเพราะเจ้าอากิจริงจังกับเรื่องสัญญาเสมอ พอหลังจากกลับจากซูปเปอร์มาเก็ตผมเลยต้องเอาเจ้าอากิมาปล่อยพลังงานที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านตาที่พูดเอาไว้ ผมมองเจ้าเด็กตัวเล็กจ้อยวิ่งเล่นอยู่ในสวนท่าทางสนุกสนานมันทำให้ผมมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“อ้าวจุล พาอากิคุงมาวิ่งเล่นเหรอ”

“สวัสดีตอนเย็นครับ พอดีสัญญาไว้เลยต้องทำตามสัญญาน่ะครับ”


“แหม เป็นคุณพ่อที่ดีจังเลยนะ อา...ฉันต้องไปแล้วล่ะไว้เจอกันนะ”

“ครับ”ผมโค้งตัวลาคุณป้าร้านราเม็งที่ผ่านมาทักทายก่อนจะกลับไปมองหาอากิ แต่จู่ๆ อากิก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของผมอีก
อากิ!

“อากิอยู่ไหน อากิ!”ผมตะโกนเรียกชื่ออากิจนลั่นสวนสาธารณะด้วยหัวใจที่ตกวูบไปอยู่ปลายเท้า สายตาของผมกวาดไปรอบๆ พร้อมกับเดินดูในส่วนของสนามเด็กเล่นแต่กลับไม่พบเลยแม้แต่น้อย

จิตใจของผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จนตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกไปหมด

“ขอร้องล่ะอากิ อย่าเล่นกับป๊ะป๋าแบนี้นะ ออกมาเถอะ อากิ!”

“กำลังหาอากิอยู่งั้นเหรอ ใช่เด็กคนนี้ใช่มั้ย?”ผมหันหลังแทบจะทันทีหลังจากได้ยินเสียงนั้น ก่อนจะเห็นร่างสูงที่เพิ่งประมือกับผมเมื่อวานตอนเช้ากำลังอุ้มอากิอยู่
 
“อากิมานี่!”ผมรีบเข้าไปอุ้มอากิคืนมาก่อนจะกอดเจ้าตัวเล็กที่ยังยิ้มร่าไว้แน่นอก

“ป๊ะป๋าดูสิ คราบจั๊กจั่นล่ะ คุณลุงเค้าช่วยเก็บมันให้ผม”

“อากิ ป๊ะป๋าบอกแล้วไงว่าอย่าไปสนิทกับคนแปลกหน้า”

“แต่ว่าคุณลุงเขา…..”

“กลับกันเถอะอากิ”ผมรีบรุดอุ้มอากิออกมจากสวนสาธารณะอย่างรวดเร็ว แต่ไม่วายเจ้าของร่างสูงที่ผมไม่รู้จักแม้แต่ชื่อกลับเดินตามผมมาเหมือนเงาตามตัวไม่มีผิด

“อย่าตามมานะ ถ้าตามมาผมจะตะโกนให้ลั่นเลยว่าคุณมันโจรขโมยเด็ก!”

“ฉันมาวันนี้ไม่ได้จะมามีเรื่องกับนาย แต่จะมาคุย”

แค่คำว่าคุยหลุดออกมาจากปากของเขาผมก็แทบไม่อยากจะเชื่อแล้ว

“ผมไม่มีอะไรจะคุย”

“นายไม่คิดรึไงว่าอากิตอนนี้ต้องการแม่ที่สุด หรือนายจะปฏิเสธ”

นั่นคือประโยคทีให้ให้ผมก้าวขาไปไหนไม่ออก ผมไม่ได้ต้องการจะให้อากิเป็นเด็กที่ไม่มีแม่หรือไม่รู้จักแม่ตัวเองหรอกนะ แต่ว่าตอนนี้ผม…..




.....รอตอนต่อไป.........



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะฮับ :hao5:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 00:07:12 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
ไม่น่าเชื่อว่าคุณมาเฟียจะไม่มีรูปอดีตน้องเขยเก็บไว้เลยซักรูปนะ  :ling3: มันคนละคนกันนนว้อยยยยยยยย  :z3:

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย ได้รัก3



   ในที่สุดผมก็พาผู้ชายอันตรายคนนั้นเข้ามาในที่ที่ปลอดภัยที่สุดของผมกับอากิจนได้ สิ่งที่เขาพูดมันทำให้ผมต้องหยุดคิด และในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วผมก็ไม่อยากจะหนีอีกแล้วเหมือนกัน การพาอากิมาอยู่ไกลถึงที่นี่มันถึงเวลาที่ผมควรจะจบปัญหานี้สักที

   ผมใช้เวลาจัดการกับกิจวัตรประจำวันของอากิจนกระทั่งส่งเขาเข้านอน เลยต้องให้ผู้ชายอันตรายคนนั้นรอผมอยู่ที่ห้องรับแขกโดยมีแค่ชาชืดๆ ถ้วยเดียวที่วางไว้รับแขกที่ไม่ต้องการ   

“ขอโทษที่ให้รอนานหวังว่าคุณคงจะไม่หงุดหงิด”

“ไม่! ฉันหงุดหงิด แต่ไม่ใช่กับอากิ แต่กับตัวนายที่ใช้ชีวิตซอมซ่อแบบนี้ดูแลหลานของฉันงั้นเหรอ”ผมกัดฟันกรอดรับฟังประโยคที่ดูเหยียดหยามกันซึ่งๆ หน้า

“ขอโทษที่ที่นี่มันซอมซ่อ มันคงไม่สะดวกสบายสำหรับคุณแต่กับผมและอากิเราอยู่กันได้”

“นายแน่ใจว่าอากิต้องการแบบนั้น เคยถามเหรอ? หรือเขาเคยบอก ตอบสิ”สิ่งนี้ทำให้ผมเจ็บใจมากที่สุด เพราะเขาพูดถูกหมดทุกอย่าง

“ใช่ผมไม่เคยถามเขาหรืออากิมาบอกผม แต่ผมรู้ว่าอากิมีความสุข”

“นายจะแน่ใจแค่เพราะใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสินได้ยังไง แค่นี้นายก็บกพร่องมากพอที่จะเลี้ยงดูอากิแล้ว คืนอากิให้เราซะ นายอยากได้เท่าไหร่ฉันจะให้เท่าที่นายต้องการ”

“ผมไม่ได้ต้องการเงิน!”

“แล้วนายต้องการอะไร?”

“ผมต้องการแค่อากิ”ผมก้มหน้างุดเมินสายตาจากคนตรงหน้าที่สอบผมราวกับนักโทษจำคุก

“นายชื่ออะไร?”อยู่ดีๆ ร่างสูงก็เดินเข้ามาถามชื่อผม เอาดื้อๆ เราเพิ่งจะคุยเรื่องอากิกันไม่ใช่รึไง

“ว่าไง ฉันถามว่านายชื่ออะไร? อ้อ! ถ้าจำไม่ผิดฉันได้ยินยายแก่ๆ เมื่อวานเรียกว่านายว่าจุลสินะ”ผมไม่เคยเห็นใครเสยมารยาทพูดถึงคนอื่นลับหลังได้น่าเกลียดเท่านี้มาก่อนเลย

“………”

“ฉันชื่อป้อมปราบ คราวนี้เราก็รู้จักชื่อกันแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาทำธุรกิจกันฉันจะให้เงินนายก้อนนึงไปตั้งตัวทำอะไรก็ได้ที่นาย
อยากทำ แต่แลกกับตัวอากิให้ฉันเป็นคนดูแล เท่านี้ก็ไม่ถือว่าฉันใช้เงินอย่างไม่มีเหตุผลแล้วสินะ”

“ผมไม่ต้องการ ถ้าคุณยังพูดถึงเรื่องเงิน ก็เชิญกลับได้เลยแล้วอย่าได้มาเจอเราสองคนอีกเป็นอันขาด”

ในที่สุดผมก็ทำให้การเจรจาครั้งนี้พังลงไม่เป็นท่าโดยการสาดน้ำชาไล่คนๆ นั่นออกไป และดูเหมือนหมอนั่นจะโกรธผมเอามากๆ แต่จะให้ผมทำยังไง ผมเคยทนกับคำพูดเสียดสีจากที่ทำงานมาสารพัด แต่นึกไม่ถึงว่าเหนือฟ้ายังมีหมาเน่าอย่างนายป้อมปราบอะไรนั่นอยู่บนโลกนี้อีก นี่น่ะเหรอลุงของอากิที่ผมควรจะส่งเขาไปอยู่ในที่แบบนั้น



ทัก ทัก ทัก!

เสียงฝีเท้าที่ก้าวตามหลังผมมาอย่าไม่ลดละ ไม่ได้ทำให้ผมสงสัยเลยว่าเป็นใคร เพระช่วงสองสามวันมานี้มีแต่หมอนั่นเท่านั้นล่ะที่สะกดรอยตามผมไปทั่ว กัดไม่ปล่อย ตื้อไม่เลิก จนมันน่ารำคาญ ถึงแม้เขาคิดจะใช้วิธีละมุนละม่อมนั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมอยากจะปล่อยอากิไปสู่คนใจยักษ์แบบนั้นแน่

“ผมรู้ว่าคุณตามผมอยู่”ผมหันหลังไปพูดกับเสาร์ไฟฟ้า นั่นไม่ได้หมายถึงผมประสาทเสีย แต่ผมกำลังพูดอยู่กับบุคคลที่หลบอยู่ตรงนั้นซะมากกว่า

“แฮ่ม! ก็รู้นี่ว่าฉันตามนายอยู่”เขายอมเดินออกมาง่ายๆ แต่ยังไม่วายทำท่าท่าทางเก็กซะจนเข็ดฟัน

“เลิกตามผมได้แล้ว เอาเวลาและชีวิตที่มีค่าของคุณไปทำอะไรให้มันเป็นประโยชน์ไม่ดีกว่ารึไง”

“ฉันรู้ว่าเวลาของฉันมันมีค่าแค่ไหน แต่นี่มันก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่า นายสามารถหยุดฉันได้งั้นเหรอ”

“งั้นคุณก็เป็นพวกสโต็กเกอร์เสียให้พอใจเถอะ”ผมใช้สายตาค้อนคนตัวสูงอย่างไม่พอใจแล้วเดินจาก

“นายจะไปรับอากิใช่มั้ย ฉันจะไปด้วย”

“ไม่จำเป็น ออกไปห่างๆ พวกเรา”ผมทำท่าขู่ฟ่อเป็นแมวหวงลูก แต่กลับถูกไอ้คนอันตรายนั่นหัวเราะเยาะใส่

“ฮึๆ ฉันคงกลัวแย่ แต่ก็นั่นล่ะ มันดีสำหรับฉันที่จะทำความคุ้นเคยกับอากิไว้ เวลาที่เค้าไปกับฉันจะได้ไม่รู้สึกกลัว”

“ใครบอกว่าอากิจะไปกับคุณ ผมบอกไปแล้วไงว่าไม่มีทาง!”

“อย่าลืมซะล่ะว่า อนาคตของอากิที่นายอยากให้เขาเป็นนายมีพร้อมจะทำให้เขาสมหวังได้รึเปล่า ฉันฝากให้นายไปคิดแค่นั้น”

หมอนั่นพูดเสร็จก็ยอมถอยห่างออกไปเสียดื้อๆ แต่กลับมีแต่ผมนี่แหละที่ยังไม่ยอมเคลื่อนตัวไปไหน เพราะถูกคำพูดที่หนักอึ้งนั้นคล้องคอเอาไว้จนยากจะขยับ


“อากิทำไมวันนี้กินน้อยจังเลยล่ะ”

“ป๊ะป๋า จริงรึเปล่าที่เพื่อนบอกว่าผมเกิดจากลูกท้อน่ะ”มันเป็นคำถามที่ดูตลกหากหัวข้อสนทนานี้อยู่ในวงสนทนาของครอบครัวที่มีพร้อม แต่สำหรับผมมันไม่ตลกเลยสักนิด

“ทำไมเพื่อนถึงถามอะไรแบบนั้นกับอากิล่ะ”

“ก็เพื่อนๆ บอกว่าทุกคนมีหมะม๊า แต่ว่าอากิไม่มีเลยสงสัยว่าจะเกิดจากลูกท้อรึเปล่า”

“อากิก็คืออากิ ไม่ใช่โมโมทาโร่สักหน่อยจะมาจากลูกท้อได้ยังไงล่ะ”

“นั่นสิฮะ คิก คิกๆ”อากิหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะปีนลงจากเก้าอี้

“ง่วงแล้วเหรออากิ”

“ฮะผมง่วงแล้วป๊ะป๊าไปนอนด้วยกันนะ”

“อืม”ผมอุ้มเจ้าอากิพลางหยอกล้อกันไปจนถึงเตียงนุ่มก่อนจะวางเจ้าตัวเล็กลงแล้วเข้าไปซุกในผ้าห่มผืนเดียวกัน


กลางดึกผมรู้สึกถึงอุณภูมิร่างกายของคนในอ้อมอกแปลกๆ จึงรีบตื่นขึ้น แล้วสำรวจตัวอากิอย่างร้อนใจ แต่พอวัดไข้ผมถึงกับต้องตกใจกับอุณภูมิที่สูงถึง 39 องศาของอากิ

“อากิๆ รู้สึกตัวรึเปล่า”ผมเขย่าตัวอากิที่นอนซมอยู่บนเตียงไม่ขยับด้วยสีหน้าทรมาน และนั่นยิ่งตอกย้ำให้ผมเห็นความผิดพลาดของตัวเอง ทั้งๆ ที่อยู่ด้วยกันแต่กลับไม่เอะใจอะไรเลยสักนิด ด้วยความรีบร้อนผมจึงรีบอุ้มอากิแล้วรีบพาอากิวิ่งไปคลีนิกที่อยู่ใกล้ทีสุดทันทีแทบไม่คิดชีวิต เพราะนี่มันก็นานมากแล้วที่อากิไม่ได้ป่วยแบบนี้ พอป่วยทีหนึ่งก็ทำเอาผมรู้สึกแย่ไปนานเลยทีเดียว

แต่ระหว่างทางผมกลับต้องแปลกใจเมื่อบังเอิญเจอกับนายป้องปราบนั่นที่ร้านสะดวกซื้อเอาเวลาป่านนี้แถมยังเป็นแถวบ้านของผมงั้นแสดงว่าเขาคอยจับจ้องพวกเราไม่ให้คลาดสายตาเลยสินะ อยากจะแย่งอากิไปจากผมขนาดนั้นเชียวเหรอ แต่เมื่อเขาเห็นผมที่วิ่งมากระหืดกระหอบหมอนั่นดูแปลกใจจึงวิ่งหน้าตาตื่นออกมาขวางผมไว้แทบทันที

“นี่นายคิดจะพาอากิหนีฉันใช่มั้ยเนี้ย! ฉันเดาไม่ผิดจริงๆ !”

“อากิ! ฮึกๆ อากิแย่แล้ว”ผมพูดอธิบายหายใจไม่ทั่วท้องบอกคนตรงหน้าอย่างจนใจ

“อากิเป็นอะไร ให้ฉันดูหน่อย”คนตรงหน้ารับอากิไปสำรวจอย่างตกใจเมื่อเห็นผมหน้าซีดเผือก

“ให้ตายสินี่มันไข้หนักเลยไม่ใช่รึไง เดี๋ยวก็ได้ชักกันพอดี”

“อะไรนะ! ชะชักงั้นเหรอ”

“ไว้ค่อยคุยกัน ฉันจะพาไปหาหมอเอง” ผมได้แต่วิ่งตามนายป้องปราบไปตามแนวถนนจนกระทั่งถึงรถเก็งคันหนึ่งเขากดปลดล็อคกุญแจพร้อมกับนำอากิเข้าไปในรถ ผมจึงจำยอมเข้าไปในรถคันนั้นอย่างไม่ลังเลจนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาลใกล้ๆ อากิถึงมือหมอผมถึงได้วางใจไปเปราะหนึ่ง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่สุมอยู่ในอกของผม

ถ้าเกิดอากิเป็นอะไร ผมจะไม่มีทางให้อภัยตัวเองในตอนนี้แน่ เพราะผมแท้ๆ ถึงทำให้อากิต้องป่วยไปแบบนี้ ผมรู้ว่าแม้อากิจะดูร่าเริง แต่ข้างในของเขากลับมีหลุมลึกบางอย่างที่รอการเติมเต็มในสิ่งที่ผมให้ไม่ได้

“ไม่ต้องกังวลไปหรอกนายก็เห็นว่า อากิอยู่ในความดูแลของหมอแล้ว”

“เพราะฉัน อากิก็เลยต้องอยู่ในสภาพนั้น”ผมถึงกับน้ำตาตกตัวสั่นเทาราวกับเปียกปอนไปด้วยเม็ดฝนที่มองไม่เห็น บอกตรงๆ สติของผมมันกำลังกระเจิงจนกู่ไม่กลับแล้ว

“ใจเย็นๆ จุลนายไม่ควรจะเป็นแบบนี้”คนตรงหน้าเตือนผม ในขณะที่ผมยังเดินวกไปวนมาตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง

“ตะแต่ว่าอากิ....”

หมับ!

“นายเป็นพ่ออากิ เพราะฉะนั้นคนที่ต้องเข้มแข็งที่สุดในเวลานี้มันควรจะเป็นนายไม่ใช่รึไง”คนตรงหน้ากระชากตัวผมมี่ยังเดินสะเปะสะปะไปมาเข้าโอบอย่างเต็มแรงด้วยมือเพียงข้างเดียวก่อนจะพูดเตือนสติของผมอยู่เนืองๆ แต่ทว่าตอนนี้ผมกลับอ่อนแอจนไม่กล้าสู้หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย ผมจึงได้แต่ยืนสะอื้น ปล่อยให้คนตรงหน้าปลอบปะโลมด้วยอ้อมแขนที่มั่นคงโดยไม่อายอย่างที่ไม่เคยเป็นมา

นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้อ่อนแอเสียจนไม่เหมาะที่จะดูแลอากิได้เลย.....



...........................รอตอนต่อไป



ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะฮับ :hao5:


ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย ได้รัก 4



   หลังจากที่อากินอนดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล 1 คืน รุ่งเช้าอากิก็อาการดีขึ้นมันทำให้ผมรู้สึกโล่งใจเอามากๆ หมอก็อนุญาตให้อากิกลับบ้านได้ ผมจึงรีบพาอากิที่ยังดูอ่อนแอแต่ก็ปรากฏรอยยิ้มให้ผมได้ชื่นใจกลับมาบ้านทันที ส่วนนายป้อมปราบ หมอนั่นบอกว่ายังไงซะอากิก็เป็นหลานของเขา เพราะฉะนั้นผมจึงห้ามไม่ให้เขามาเยี่ยมอากิไม่ได้ ตอนนี้คนๆ นั้นเลยมาป้วนเปี้ยนอยู่ในบ้านผมเดินสำรวจไปซะทุกอณูของบ้านผมจนดูวุ่นวายกว่าอากิเสียอีก

   “นั่นคุณจะทำอะไร!”ผมถึงกับตาวาวทันทีที่นายป้อมปราบเอื้อมมือกำลังจะไปเปิดตู้ไม้เตี้ยๆ ใบนั้น

   “ก็แค่สำรวจ”เขาตอบหน้าตายแต่ใจผมมันกลับว้าวุ่นไปซะหมด เพราะหากเขาสงสัยหรือรู้ว่าผมไม่ใช่พ่อจริงๆ ของอากิล่ะก็เรื่องมันอาจจะบานปลายเข้าไปอีก

   “คุณไม่ควรแตะของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”

   “อากิหลับแล้วรึยัง”

“อืม หลับแล้ว”

“ก็ดี”

“ก็ดีอะไร คุณก็กลับสิ”

“ฉันยังไม่มีที่ไหนอยากไป”นายป้อมปราบพูดหน้าตายก่อนจะนั่งเอนกายลงบนโซฟาตัวเล็กของบ้าน ที่ตอนนี้มันกลับเล็กกว่าเดิมเมื่อเทียบกับร่างกายที่ดูโตกว่าผม

“แต่ที่นี่ไม่ใช่สวนสาธารณะที่จะให้คุณหรือใครก็ได้มาพักผ่อนหย่อนใจ”

“นายจะยืนอยู่ทำไม นั่งสิ”

“นี่คุณ!”ผมชักจะโมโหแล้วจริงๆ ที่คนตรงหน้าทำท่าราวกับเจ้าบ้าน แถมยังลากผมให้ไปนั่งตามความต้องการของเขาอีกด้วย ผมพยายามลุกขึ้นอีกรอบแต่ก็ถูกวงแขนใหญ่กดตัวไว้ไม่ให้ลุกเป็นครั้งที่สามที่สี่

“ฉันแค่อยากจะคุยกับนายอีกสักครั้ง”

“แต่ผมยังไม่พร้อม”

“นายควรจะพร้อมตั้งแต่เมื่อคืนได้แล้วจุล ฉันไม่ได้จะบังคับให้นายคิด แต่ฉันแค่อยากจะบอกนายอะไรสักเล็กน้อยว่าฉันในตอนนี้พยายามที่จะพูดกับนายโดยไม่ต้องลงไม้ลงมือมันก็ยากพอแล้ว ถ้านายยังเลือกที่จะหนีฉันไปเรื่อยๆ เตรียมตัวไว้เลยว่าฉันไม่พอใจแค่นั่งคุยกับนายเท่านี้แน่ ฉันยังตั้งใจไม่เปลี่ยนเรื่องของอากิ”

“……….”

“เอาล่ะ เก็บไปคิดซะนะ”ร่างสูงเอื้อมตัวมากระซิบอย่างแผ่วเบาก่อนจะตบไหล่ผมด้วยรอยยิ้ม ที่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่รอยยิ้มที่จริงใจสักนิด สิ่งที่เขาพูดมันไม่ใช่แค่ประโยคที่ควรลืมแต่กลับทำให้ผมรู้สึกได้ว่าหากผมยังแข็งข้อต่อไปคงไม่เป็นการดีกับตัวเองแน่ และนั่นก็หมายถึงการข่มขู่ดีๆ นั่นเอง



โรงแรมK

   “พีได้เจอกับอากิแล้วใช่มั้ย?”

“ได้เจอแล้ว”

“เขาสบายดีรึเปล่า”

“ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นกำลังป่วย”

“พะพี่พูดจริงเหรอ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างดีขึ้นรึยัง”

“ดีขึ้นแล้ว ปลายฉันจะถามแกสักคำ แต่แกต้องตอบทุกอย่างตามความเป็นจริงกับฉันได้มั้ย”

“พะพี่อยากจะถามอะไร?”

“สาเหตุที่แกเลิกกับไอ้หมอนั่น และเรื่องราวทั้งหมดที่เป็นต้นเหตุให้อากิต้องไปอยู่กับหมอนั่นทั้งหมด และที่สำคัญคนที่อยู่ในภาพที่ฉันส่งไปให้แก คนๆ นั้นเป็นใคร?”ผมถามคำถามกับน้องสาวตัวเองด้วยความรู้สึกที่ไม่ชอบมาพากลพร้อมกับก้มดูรูปภาพที่อยู่ในมือซึ่งไม่ผิดแน่ว่าเจ้าเด็กตัวเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมอกของผู้ชายอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนจะต้องมีอะไรแน่ ไม่อย่างนั้นหมอนั่นไม่มีทางหวงตู้ไม่เก่าๆ นั่นที่มีเพียงกรอบรูปที่ใส่ภาพๆ นี้เพียงอย่างเดียวแน่ๆ

“ฉะฉัน....ฉันจะบอกพี่ทุกอย่าง”


ปัง ปัง!
เสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อนทำให้ผมที่กำลังทำความสะอาดบ้านในวันหยุดต้องหยุดชะงัก ผมรีบวางของที่อยู่ในมือก่อนจะร้องบอกอากิให้นั่งเล่นดีๆ ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตู

“คุณมาทำอะไร”ผมเลิกคิ้วมองคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจทั้งๆ ที่ผมคิดว่านาบป้อมปราบน่าจะเลิกตื้อผมไปแล้วเพราะเขาดันหายหน้าไปสองวันอย่างน่าสงสัย แต่จู่ๆ เขาก็กลับมาพร้อมกับผู้หญิงร่างบางคนหนึ่งที่มีผิวซีดขาวใบหน้าดูซูบผอมเล็กน้อยพร้อมกับดวงตากลมโตที่ไม่ได้ต่างไปจากอากิสักเท่าไหร่จ้องมองมาที่ผมด้วยความประหลาดใจไม่น้อยไปกว่าผมเลยทีเดียว

พลันได้สติหัวใจผมถึงกับกระตุกวูบหน้าซีดเผือก เมื่อความจำรางๆ ของใบหน้าผู้หญิงคนนี้ซึ่งผมเคยเห็นเมื่อสองสามปีก่อนที่เคยเจอกับผมเพียงครั้งเดียวพร้อมกับพี่ชายทำเอาผมพูดอะไรไม่ออก

“นี่จุลไม่ใช่เหรอ?”ประโยคที่ดูเหมือนไม่เข้าใจอะไรเอ่ยดังออกมาจากปากของผู้หญิงตรงหน้าที่มองผมอย่างไม่เข้าใจ

“……….”

“แล้วโจล่ะ โจอยู่ไหน”ทันทีที่ผู้หญิงตรงหน้าเรียกหาพี่ชายของผม นั่นทำให้ผมรู้เลยว่าผมไม่สามารถเก็บเรื่องนี้ไว้เพียงคนเดียวได้อีกต่อไปแล้ว

“ฉันคิดว่าเรามีเรื่องต้องคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ”

“เดี๋ยว! นี่คุณจะพาผมไปไหนอากิจะอยู่คนเดียวไม่ได้นะ!”

“ฉันจะให้ยัยปลายที่เป็นแม่ของเด็กดูแลให้แทน เรื่องของนายตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้วสิ นามมันแสบกว่าที่ฉันคิดจริงๆ!”
 
หมอนี่ดูเหมือนจะฉุนผมเอามากๆ เขาทั้งฉุดทั้งกระชากผมให้เดินตามและขึ้นรถไปกับเขาโดยที่ผมแทบจะไม่ได้หยิบหรือเอาอะไรติดตัวมาเลยแม้กระทั่งรองเท้า แถมยังมาทั้งชุดไปรเวทกับผ้ากันเปื้อนที่ดูยังไงมันก็ไม่ใช่สภาพที่จะมาอวดใครๆ ได้
จนตอนนี้เขาลากผมมาถึงโรงแรมหรูย่านใจกลางเมืองที่ทำให้ผมกลืนไม่เข้าคายไม่ออก รึจะดิ้นสู้หรือตะโกนร้องไปก็ทำไมได้มันเป็นเรื่องน่าอายเสียยิ่งกว่าแก้ผ้าเดินกลางถนน

“โครม!”
เสียงปิดประตูโครมใหญ่และล็อคประตูไว้เสียหนาแน่นพร้อมกับอารมณ์คุกกรุ่นของคนตรงหน้ามันทำให้ผมกลายเป็นหมาจนตรอกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผมตอบไม่ได้ว่าตอนนี้คนตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ เขาดูหัวเสียเอามากๆ ผมไม่รู้ว่าเขารู้อะไรมาแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมเดาได้เลยว่าเขาคงไม่คิดมานั่งจับเข่าคุยดีๆ กับผมแน่ๆ แค่ปราดสายตามองก็รู้แล้วว่าท่าทางที่เขาแสดงออกกำลังเดือดมากแค่ไหน!

“ดะเดี๋ยวนะ”ผมหน้าตาแตกตื่นเมื่อคนตรงหน้าเล่นรุกคืบเดินก้าวเท้าฉับๆ อย่างเอาเรื่องมาทางผมที่ถอยกรูจนแทบสะดุดขาตัวเองล้ม

“ข้อแรก นายทำตัวเป็นพ่อที่ดีจนฉันไม่สงสัยสักนิด ข้อที่สอง นายปิดปากเงียบไม่คิดจะบอกว่าอากิอยู่ไหนทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ใช่พ่อของเขา ข้อที่สามนายตีหน้าซื่อโกหกคนรอบข้างว่าอากิเป็นลูกของตัวเอง นี่นายคิดจะเป็นขโมยลูกของคนอื่นรึไงห๊ะ! ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ”สองมือใหญ่รวบคอเสื้อของผมไว้แน่นตะตอกใส่ผมอย่างเอาเรื่อง

“แฮ่กๆ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ คุณมีสิทธิ์อะไรมาทำกับผมแบบนี้!”ผมดิ้นพรากแต่สู้กำลังที่เหนือกว่าของเขาไม่ได้ ผมเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าตัวเองก็มีส่วนผิดตังแต่แรก ผมไม่ต้องการให้ใครมาย้ำหรอกนะ ผมเองก็มีหัวใจและความรู้สึกเหมือนกัน!

“นายนี่มันหน้าด้านจริงๆ”

“ผั๊วะ! คุณป้องปราบ!”ผมโกรธคนตรงหน้าจนดวงตาพร่าไปหมดเลยเผลอใส่หมัดเข้าไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้

“การป้องกันตัวของนายก็ไม่เลวนี่! แต่มันไม่ทำให้ฉันกลัวกับเรื่องแค่นี้หรอกนะ”

“คุณพูดอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่เขาใจความรู้สึกของผมเลยแม้แต่น้อย ผมไม่อยากให้คนแบบคุณมาต่อว่าผมเรื่องอากิเด็ดขาด!”

“ถึงนายจะพูดไป ครั้งนี้ฉันไม่ปล่อยอากิให้อยู่กับนายอีกต่อไปแล้ว”

“คุณเอาอากิไปจากผมไม่ได้! อากิเป็นลูกของผม ผมไม่ยกให้พวกคนใจดำอย่างคุณไปง่ายๆ แน่”ผมตะโกนเสียงแข็งกร้าวแม้ดวงตาแทบจะพร่าเลือนมองไม่เห็นเพราะหยาดน้ำตา ผมก็ยังคงทำใจแข็งสู้คนตรงหน้าแม้รู้ว่าอาจไม่มีทางชนะ

ผมไม่ได้คิดอยากจะพรากอากิไปจากใคร แต่ผมทำใจไม่ได้ถ้าไม่มีอากิอยู่ ครอบครัวคนเดียวที่ผมเหลืออยู่มีเพียงอากิเท่านั้น คนตรงหน้าไม่มีทางเข้าใจอะไรผมหรอก!

“เหอะ! นายอยากจะมีลูกขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ ก็ได้งั้นฉันจะทำให้นายสมหวังก็แล้วกัน แต่นายอาจได้แค่ประสบการณ์กว่าคนๆ นึงจะมีลูกเสียมากกว่า ถือว่าเป็นบทเรียกแรกก็แล้วกัน”

ไม่ทันที่ผมจะซึมซับประโยคที่ยากจะเข้าใจ คนตรงหน้าก็จัดการคว่ำผมลงกับพื้นกดร่างผมให้จมลงกับพื้นพรหมขนสัตว์จนผมแทบหายใจไม่ออก ก่อนคนตัวสูงจะใช้มือบีบคางผมไว้แน่นแล้วกดริมฝีปากของตัวเองเข้าครอบครองคำพูด และเสียงท้วงจากร่างกายของผมไปหมดสิ้น

“ปล่อ...ย”ผมไม่ได้คิดเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสที่ผิดแผกของความวิปริตนี้เลยสักนิด แต่หัวใจของผมกลับสั่นรัวราวกับใครเอากลองมาตีรัวอยู่ในอก

จากสัมผัสจูบที่กลืนกินสติของผม คนร่างสูงไม่หยุดเพียงเท่านั้นกลับใช้มือย่าวิสาสะปัดป่ายไปทั่วร่างกายที่ไร้ความเป็นหญิงแม้แต่น้อยของผมอย่างมาดร้าย

“คุณทำแบบนี้กับผม....ไม่ได้นะ!”ผมร้องก้องในสมองแทบจะว่างเปล่า น้ำตาไหลพรากไร้เสียงสะอื้น

แต่กำลังของผมและเสียงท้วงเตือนไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าหยุดพฤติกรรมแม้แต่น้อย แต่เขากลับโยนเสื้อผมทิ้งอย่างง่ายดายและตรึงแขนผมไว้ราวกับจะผูกมัด ผมรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่โหมกระหน่ำมาสู่ร่างกายและจิตใจครั้งแล้วครั้งเล่า มือร้อนค่อยๆ ลามไล้ไปทั่วและเลื่อนลงต่ำโอบเคล้าสะโพกของผมอย่างไม่หยุดหย่อน ตัวผมที่ปฏิเสธการกระทำกลับถูกสาดถมไปด้วยอารมณ์ร้อนจนร่างกายรู้สึกแปลกไป
 
อีกครั้งที่ริมฝีปากของคนตรงหน้าเข้าครอบครองริมฝีปากของผมอย่างหิวกระหาย ผมใช้เรี่ยวแรงและสองมือที่มีผลักอกของคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัวแต่กลับต้องตัวแข็งยะเยือกเมื่อมือหนาได้เลื่อนเข้ามาสัมผัสและกอบกุมกับของลับอย่างไม่เหมาะสม ดวงตาของผมเบิกโพร่งในใจคิดต่อต้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างสุดกำลัง

“ฮึก! คุณป้อมปราบ ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะ คุณไม่ควรทำกับผมแบบนี้!”ผมร้องก้องหวังให้เพียงคนตรงหน้ามีสติและยอมปล่อยผมไป เพราะไม่เช่นนั้นผมหรือเขาคงไม่มีหน้ามาเจอกันอีกแน่ตลอดชีวิต



คุยๆ.......

เรื่องนี้คิดพล๊อตเรื่องมานานแล้วอยากจะสื่อออกมาเป็นตัวหนักสือ แต่ไม่ได้ว่างเสียที :katai4:
ตอนนี้ก็เป็นรูปเป็นร่างแล้ว  :hao5:
เรื่องอาจจะเลือดลมไม่พุ่งกระฉูดปรู๊ดปร๊าด แต่มันจะค่อยๆ ซึมออกมาจนกระทั่งหัวใจขาดเลือด
อย่างไร ก็อยากให้เปิดรับด้วยนะฮับ :กอด1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-08-2015 21:38:37 โดย ทามากิบ๊อง »

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
เอ้า

ข่มขืนกันอีกละ

(เราอยากให้พล็อตมันซับซ้อนกว่าเดิมอ่ะค่ะ รู้สึกตอนนี้เหมือนพล็อตนี้มันเกลื่อนเหลือเกิน ที่แบบว่าไม่เข้าใจแล้วข่มขืน แล้วมาขอคืนดีไรงี้)

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4

ทวงร้าย ได้รัก 5



“คุณป้อมปราบ!”เสียงเรียกตรงหน้าที่เคล้าไปด้วยน้ำตาไม่สามารถหยุดผมได้เลย ณ ตอนนี้ ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้กระทำคนตรงหน้าได้ แต่เมื่อยิ่งเห็นร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าบวกกับความโมโหโทสะมันทำให้ผมยากที่จะหยุด ยิ่งคนตรงหน้าดิ้นเร้ามากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งได้ใจพยายามเอาชนะเท่านั้น

ผมไม่รู้ว่าทำไมมันถึงลงเอยด้วยวิธีนี้ ความรู้สึกของผมแม้แต่ตัวเองยังยากที่จะเข้าใจ แต่ที่เด่นชัดขึ้นมาจนยากที่จะยอมรับนั่นก็คือผมอยากที่จะครองครองคนพยศตรงหน้าให้สิ้นฤทธิ์

“ปล่อยผม!”ร่างเล็กพยามยามไขว่คว้าหาอิสระอย่างสุดกำลังอีกครั้ง แต่ยิ่งดิ้นมากเท่าไหร่ก็เท่ากับเสียแรงเปล่าผิวขาวเผือกที่เคยซีดกลับแดงเถือกตาแรงมือของผม ทันทีที่ผมกดริมฝีปากลงที่ต้นคอของร่างเล็กตรงหน้าเจ้าของร่างก็เริ่มบิดเร้าขดตัวกลมป้องกันสุดฤทธิ์ แต่กลิ่นหอมอ่อนๆ จากคนตรงหน้ามันทำให้ผมหยุดไม่ได้ซะแล้ว ยิ่งใกล้ชิดผมยิ่งถลำลึกจอนยากจะถอน

“…..นี่ก็แค่เริ่มเท่านั้น”ผมกระซิบบอกคนตรงหน้าก่อนจะเลื่อนมือลงต่ำเร้าสัมผัสกับจุดอ่อนไหวบนยอดอกอยู่เนิ่นนานจนคนตรงหน้าตัวสั่นกลั้นเสียงกัดฟันทนสุดกำลัง ผมไม่หยุดเพียงเทานั้นแต่เริ่มไล่มือลงต่ำจนถึงเอวคอดที่เผลอดึงรั้งให้แอ่นชิดกับ
ร่างกายตัวเองอย่างปรารถนา เจ้าของร่างกายถึงกับผงะใช้สองมือผลักตัวผมพร้อมขยับถอยร่นหนีอย่างเต็มความสามารถ นั่นยิ่งทำให้ผมได้โอกาสต้อนเขาให้จนมุม

ผมก้มลงจูบสัมผัสกับร่างกายนั้นอีกครั้งแต่เลือกที่จะประทับจูบลงบนยอดอกที่กำลังเชิญชวนผมอยู่ ก่อนปราดสายตามองสีหน้าของจุลที่ดูบิดเบี้ยวอย่างอดทนยิ่งทำให้ผมอยากจะกระทำคนตรงหน้าให้หนักขึ้นไปอีก จนกระทั่งผมได้ยินประโยคหนึ่งจากปากของคนตรงหน้าถึงกับทำให้ผมหยุดชะงัก ความยังคิดวิ่งเข้าชนสติตนเองเข้าอย่างจัง

“หากสิ่งที่คุณทำแล้วคิดว่าปัญหามันจะจบลงตรงนี้ก็ทำไป ยังไงผมก็ไม่เปลี่ยนความคิด แต่หากอากิเลือกเองผมก็จะไม่ขวางอีกต่อไป”สายตาที่ดูนิ่งเรียบราวกับทะเลสาบน้ำลึกที่ปริ่มไปด้วยหยาดน้ำตาผลักผมให้ออกห่างจากคนตรงหน้า

ผมรู้สึกเหมือนตัวเองสูญเสียสติไปเพียงครู่ที่เกือบทำลายความรู้สึกของคนๆ หนึ่งไปซะแล้ว ผมรู้เลยว่าตัวเองในตอนนี้ใช้วิธีสกปรกฉกฉวยโอกาสจากความผิดของจุลอย่างน่าด้านๆ

“ฉันขอโทษ”ผมผุดลุกจากเตียงอย่างเร็วและแทบจะมองหน้าอีกฝ่ายไม่ติด ก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดคลุมอาบน้ำของตนเองพร้อมกับย้อนกลับมาที่เตียงแล้วคลุมไหล่ให้อีกฝ่ายด้วยความรู้สึกผิดอย่างเต็มอก ผมทิ้งตัวลงนั่งข้างเตียงแล้วกุมขมับตนเองอย่างครุ่นคิด ต่างคนก็ต่างนิ่งเงียบเสียจนบรรยากาศในห้องอึมครึมผมได้ยินเพียงเสียงแอร์กับเสียงขยับตัวของจุลอยู่บนเตียง  ผมไม่พูดจุลเองก็ไม่พูด แต่สุดท้ายคนที่ทำลายบรรยากาศความเงียบนั่นก่อนก็คือตัวผม

“ถ้านายจะโกรธนายจะว่าฉันจะไม่ตอบโต้อะไร เพราะฉันรู้ว่าตัวเองทำเรื่องไม่ดี”

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่ยกโทษให้คุณแน่ๆ กับสิ่งที่คุณทำกับผมวันนี้ แต่เรื่องอากิ…..ผมพูดแล้วจะไม่คืนคำ”น้ำเสียงของจุลแหบพร่าและขาดช่วงราวกับเปล่งเสียงออกมาได้ยากลำบาก แต่เขาก็พยายามพูดมันออกมาอีกครั้งราวกับเป็นกำลังเฮือกสุดท้าย“ถ้าหากอากิเลือกที่จะไปกับคุณผมก็ยินดีจะส่งอากิไป และจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับพวกคุณอีก”

“ตกลง ฉันจะให้อากิเลือกเช่นกัน”



“ป๊ะป๋า ป๊ะป๋า!”

“หืม…..ว่าไงอากิ”

“ผมแสบตาแล้วฮะ สบู่มันเข้าตา”

“ขอโทษอากิ ป๊ะป๋าผิดเอง”ผมรีบล้างหน้าให้กับอากิอย่างรวดเร็ว และตำหนิตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมรู้ว่าช่วงสองสามวันมานี้ผมไม่มีสติเอาซะเลยชอบเหม่อลอยจนทำอะไรผิดพลาดไปเยอะมาก

“อากิ ดีใจรึเปล่าที่ในที่สุดก็ได้เจอหมะม้า เขาใจดีกับอากิรึเปล่า”

“ใจดีลิฮะ อากิดีใจมากๆ ด้วย วันนี้หมะม้าสัญญากับอากิว่าจะพาไปเที่ยวด้วยฮะ”

“อย่างนั้นเหรอ ดีจังเลยนะที่อากิมีความสุข”

“ป๊ะป๋าก็ไปด้วยกันสิ”

“ไม่ดีกว่าเดี๋ยวจะเตรียมของอร่อยๆ ไว้รอแล้วกัน.....แล้วอากิ.....อยากจะอยู่กับหมะม้ารึเปล่า”

“อยากสิฮะ ก็หมะม้าเล่นสนุกแถมยังใจดีอีก”

“ขี้โกงนี่นา แล้วป๊ะป๋าล่ะ”

“อากิก็รักป๊ะป๋านะ”เจ้าตัวเล็กกระโดดกอดคอผมทั้งๆ ที่ตัวยังเปียกเล่นเอาผมแทบหงายหลังล้ม ภาพแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้ไม่รู้ว่าจะอยู่กับผมไปอีกนานแค่ไหน แล้วถ้าหากวันหนึ่งผมต้องถอยหางออกจาวงโคจรของความสดใสนี้ผมนึกภาพไม่อกเหมือนกันว่าผมจะยังยิ้มหรือหัวเราะได้อีกรึเปล่า ผมยอมรับว่าตอนนี้ผมยังเห็นแก่ตัวอยู่มากแต่ผมจะพยายามลดให้มันน้อยลงเท่าที่จะทำได้

ส่วนเรื่องของพี่ชายผม ตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้แล้วว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้ให้พวกเขาได้ต่อว่าแล้ว แม่ของอากิที่รู้เรื่องนี้ก็ร้องไห้จนแทบขาดใจ ผมไม่รู้ว่าอะไรที่พวกเขายังติดค้างกันอยู่ก่อนจะจากกัน แต่ตอนนี้มันคงจะสายไปแล้วที่จะบอกกับคนๆ นั้นให้ได้รับรู้ ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้ เมื่อไหร่ที่มีโอกาสกลับไม่ทำ แต่เมื่ออยากจะทำกลับสูญเสียโอกาสไปแล้ว



ก๊อก ก็อก!

ผมเหลือบมองนาฬิกาดูเวลา คนที่มาก็ช่างตรงต่อเวลาเสียเหลือเกิน ผมเดินอย่างเฉื่อยชาไปเปิดประตูพร้อมกับส่งอากิที่แต่งตัวพร้อมจะออกไปข้างนอก ทันทีที่เปิดประตูผมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจอกับคนๆ นั้น ถึงแม้ว่าหลังจากวันที่เกิดเรื่องทุกอย่างดูคลื่นลมจะสงบ แต่ในใจของผมกลับไม่มีทางสงบได้เลยทุกครั้งที่เจอหน้าเขา

มันเป็นความรู้สึกเกลียดงั้นเหรอ? หรือเจ็บแค้นลงไปลึกๆ กันแน่ ผมเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่ทุกครั้งที่เจอกับดวงตาคู่นั้นมันทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออก อึดอัดไปซะหมด

“ขอบคุณนะจุลที่ให้โอกาสฉันได้เจอากิ ขอโทษที่ทำให้เธอต้องมาลำบาก”

“อากิไม่ได้เป็นความลำบากสำหรับผม ไม่ต้องรู้สึกแย่กับผมหรอก”ผมหลบสายตาผู้ชายที่อยู่ด้านหลังของแม่อากิ แล้วกลับไปคุยกับอากิตัวน้อยที่ตื่นเต้นจะออกไปข้างนอกอีกครั้ง

“อย่าดื้ออย่าซนเขาใจมั้ย”

“ฮะป๊ะป๋า”ผมโบกมือลาเจ้าตัวเล็กและตั้งท่าจะปิดประตู แต่กลับถูกขวางเอาไว้ซะก่อน

“ขอเวลาให้ฉันคุยกับนายหน่อย”



ถึงแม้ว่าผมจะไม่เต็มใจที่จะพูดคุยกับคนตรงหน้าสักเท่าไหร่ แต่มันจะไร้เหตุผลเกินไปที่ผมจะปึงปังปิดประตูกระแทกหน้าเขากลับไป ผมเตือนสติตัวเองอยู่เสมอว่าเรื่องของผมกับนายป้อมปราบที่เกิดขึ้นวันนั้นให้ตัวเองลืมๆ มันไปซะ อย่างไรผมก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องเอาเรื่องพรรค์นั้นกลับมาคิดให้ทรมาน ผมมันไม่ได้เปราะบางแตกหักง่ายเพราะเรื่องบางเรื่องแน่นอน แต่จนแล้วจนรอดแม้ผมพยายามลืมเท่าไหร่หัวใจของผมมันก็บีบรัดย้ำเตือนอยู่เสมอจนน่าโมโห

และตอนนี้ผมก็ไม่ไว้วางใจพอที่จะให้ผู้ชายคนนี้เข้าบ้านของผมอีกแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมปฏิญาณไว้ในใจ สถานที่คุยเลยเปลี่ยนมาเป็นสานสาธารณะใกล้บ้านแทน

“ฉันเสียใจจริงๆ กับเรื่องพี่ชายของนาย แล้วฉันก็เอาอันนี้มาคืน”

“คุณเอามันไปตั้งแต่เมื่อไหร่”ผมคว้ารูปของพี่คืนจากนายป้อมปราบ แล้วมองคนตรงหน้าอย่างขุ่นเคือง

“ฉันหยิบมันตอนสำรวจบ้านนายครั้งก่อน หวังว่าจะไม่โกรธเพราะแค่นี้ฉันก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว”ผมมองคนตรงหน้าที่ครั้งก่อนยังเป็นราชสีห์แต่บัดนี้เขากลับกลายเป็นแมวเชื่องไปซะแล้ว แต่ใครจะรู้.....ว่าผู้ชายคนนี้ในใจคิดอะไรอยู่ ผมคงวางใจเขาไม่ลงจริงๆ

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่ยกโทษให้คุณแน่ แต่เพราะเห็นแก่อากิกับแม่ของอากิผมถึงไม่อยากแสดงความรู้สึกออกมา”ผมตอบด้วยน้ำเสียงนิ่ง แต่ใบหน้ากลับแสดงความรู้สึกไม่พอใจอยู่เนืองๆ

“ฟูว......ฉันรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป มันแน่อยู่แล้วที่ใครบ้างจะไม่รู้สึกแย่”

“ก็รู้ตัว ถ้าไม่มีธุระอะไรผมกลับ”

“เดี๋ยว!”ผมตั้งท่าจะเดินถอยหนี แต่นายป้องปราบกลับคว้าแขนผมไว้ และด้วยสัญชาตญาณผมรีบสะบัดมือเขาออกทันที

“อยากมาแตะ!”

“ขอโทษ แต่ฉันอยากจะเดินไปส่ง”

“แถวนี้บ้านผม ผมคงไม่หลง คุณกลับไปได้แล้ว”ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเร่งเท้าเดินหนี และแปลกใจกับความรู้สึกชั่วครู่ที่เกิดขึ้นหลังโดนเขาสัมผัสเพียงเล็กน้อย แถมหัวใจของผมก็เต้นถี่ราวกลับขลาดกลัวกับอะไรบางอย่างจนผมควบคุมไม่อยู่ เหมือนโดนพิษที่ไม่มีทางหายขาดก็ไม่ปาน





ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
เข้ามารอ, จริงๆ เป็นคนไม่ชอบนิยายที่ชื่อเป็นภาษาต่างด้าวมาก เพราะอ่านยาก, แต่เรื่องนี้ทำได้ดี

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย ได้รัก 6



“ขอโทษนะจุลที่ต้องรบกวนบ้านของเธอ เพราะถ้าหากเราไม่พักโรงแรมคงจะไม่ต้องยืมครัวของเธอใช้”

“ไม่เป็นไรครับ”ผมตอบเสียงแห้งๆ ให้กับปลาย ที่กำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหาร วันนี้ปลายตั้งใจจะทำอาหารให้กับจุล และในเมื่อเขาตั้งใจแล้วจะให้ผมปฏิเสธอย่างเย็นชามันก็เกินไป แถมอากิดูจะมีความสุขกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยตั้งแต่เจอกับแม่ของเขา

“ให้ช่วยอะไรรึเปล่า?”เสียงทุ้มตะโกนถามเข้ามาในครัวเล็กๆ ที่แค่ยืนสองคนก็แทบจะหาอากาศหายใจไม่เจอแล้ว

“พี่ดูอากิให้ก็แล้วกัน ฉันจะจัดการกับจุลเอง ขืนให้พี่เข้ามาครัวคงแตกแน่”ปลายพูดบอกพี่ชายที่แอบชำเลืองมองมาทางผมอย่างรู้สึกได้

“แย่แล้ว ฉันลืมซื้อน้ำมันมาเพิ่มซะสนิทเลย ดูเหมือนที่มีอยู่มันจะไม่พอ งั้นเดี๋ยวฉันไปร้านสะดวกซื้อก่อนดีกว่า”

“ให้ผมไปซื้อให้เถอะ แถวนี้ผมรู้จักดีมากกว่า”ผมรีบวางของในมือ ใช้โอกาสนี้หลบออกมาสูดอากาศข้างนอก ไม่รู้ว่าทำไมผมถึงอยากจะหลบหน้านายป้องปราบ รู้แค่เพียงว่าพอมองหน้าเขาแล้วมันทำให้ผมนึกถึงเรื่องไม่เป็นเรื่อง จัดการยังไงมันก็ไม่ได้ออกไปจากสมองผมเสียที

ผมอ้อยอิ่งซื้อน้ำมันอยู่นานแถมยังเผลอซื้อของชอบของอากิติดมือมาด้วยอย่างไม่ตั้งใจ ทั้งๆ ที่แม่ของเขาก็เตรียมอาการให้อากิเยอะแยะจนเหลือกิน ผมยืนอยู่หน้าประตูบ้านตัวเองอยู่นานสองนานเหมือนกำลังพยายามทำใจสู้อะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่ผมจะทันเอื้อมมือไปเปิดประตู ก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาของสองพี่น้องที่ผมไม่ควรจะได้ยินเอาซะเลย

“กลับไปฉันจะเอาอากิไปอยู่ด้วยกับพ่อของเขา”

พ่อของอากิ? หมายความว่ายังไงก็พี่โจเขาตายไปแล้วไม่ใช่เหรอ พวกเขาพูดเรื่องอะไรทำไมผมถึงรู้สึกว่าไม่เข้าใจเอาซะเลย

“นี่แกยังอยากจะไปใช้ชีวิตกับไอ้บ้านั่นอีกงั้นเหรอ”

“มันเป็นเรื่องดีไม่ใช่รึไงที่เราจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก”

“ฉันล่ะเชื่อแกเลยจริงๆ เหอะ!”

“ฉันจะบอกความจริงกับจุล เขาควรจะรู้เอาไว้”น้ำเสียงแผ่วเบาของปลายที่แอบสั่นเครือจนผมรู้สึกได้แม้จะได้ยินเสียงอยู่เพียงห่างๆ

“พอเลย! แกจะบอกเขาว่าไง…..บอกว่าอากิไม่ใช่ลูกของโจ แต่เพราะหมอนั่นหึงหวงแกจนเลือดขึ้นหน้าเพราะแกไปเจอพ่อของอากิด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง พวกแกเลยทะเลาะกันเป็นจะตายแล้วสุดท้ายหมอนั่นก็พาอากิหนีเพื่อจะผูกมันแกไว้กับตัวเองงั้นเหรอ ขืนบอกไปแบบนั้นหมอนั่นได้ช็อคกันพอดี มันไม่ได้ต่างไปจากการบอกว่าพี่ชายของหมอนั่นเป็นโจรลักพาตัวเด็กหรอกนะ”

“แล้วพี่จะให้ฉันทำไง เพราะโจไม่เชื่อใจฉันเลยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาบอกกับฉันเองว่าถึงอากิจะไม่ใช่ลูกของเขา เขาก็ยังรักและไวใจฉัน เพราะคำพูดพวกนั้นฉันเลยตัดสินใจเดินออกมาจากบ้านตัวเอง พี่จะด่าว่าฉันมันโง่ก็ตามสบาย!”

“แล้วตอนนี้มันหมายความว่าไงที่แกบอกจะกลับไปอยู่กับไอ้บ้านั่นที่เป็นพ่อของอากิ”

“ตลอดสองปีที่ผ่านมา ในเวลาที่ฉันแย่ที่สุดพี่คิดว่าฉันผ่านเรื่องพวกนั้นมาได้ยังไงเพียงคนเดียว นั่นก็มากพอแล้วที่เขาแสดงให้ฉันรู้ว่าเขาพร้อมจะดูแลฉันอีกครั้งในเวลาที่ฉันไม่มีใคร”เสียงสะอื้นไห้ของปลายเกาะกุมหัวใจของผมที่เจ็บเสียจนเกินจะบรรยาย อะไรที่ผมเข้าใจมันดูผิดเพี้ยนไปซะหมดกระทั่งเรื่องพี่ชายของผมเอง

“ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าแกมันจะเห็นแก่ตัวได้ขนาดนี้!”

“ถึงพี่จะว่าจะด่าฉันยังไง คนที่ผิดและทิ้งฉันไว้ข้างหลังและปล่อยให้ฉันทรมานจวนเจียนจะตายอยู่คนเดียวมันก็คือโจไม่ใช่รึไง!”

“เพี๊ยะ! คนมันตายไปแล้วแกจะพูดขึ้นมาเพื่ออะไร!”เสียงทะเลาะของคนภายในบ้านจบลงด้วย ก่อนที่จะมีเสียงเดินเท้าตึงตังมายังประตูและกระชากเปิดมันออก ปลายที่เปิดประตูออกมาเจอผมด้วยใบหน้าที่เปื้อนน้ำตาพร้อมกับรอยแดงเทาฝ่ามือปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ขาวซีดของเธอ

ปลายดูตกใจที่เห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าแต่เธอก็ไม่ได้หยุดชะงักซะทีเดียวแต่กลับเร่งเท้าเดินออกจากบ้านผมไปไม่เหลียวหลังแม้แต่น้อย

“ปลาย! กลับมา......”และคนที่เดินตามมาด้วยสีหน้าเกรี้ยวโกรธถึงกับผงะเหมือนโดนสาดหน้าด้วยน้ำแข็งทันทีที่เห็นผม อาการกลืมไม่เข้าคายไม่ออกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง



แปะ แปะ!
น้ำใสๆ ที่เอ่อล้นจากตาของผมหยดลงบนผ้าห่มผืนโปรดของอากิ ผมนั่งมองเขาด้วยหัวใจที่แทบแหลกสลาย มันเจ็บอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ขอโทษอากิ ที่ป๊ะป๋าเห็นแก่ตัวผลักนายออกห่างจากครอบครัวมาได้ขนาดนี้”ผมมองอากิที่ขดตัวหลับอยู่บนเตียงที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยกับสิ่งเหล่านี้

“ต่อไปนี้ อากิไม่ต้องกลัวอีกแล้ว เพราะอากิกำลังจะมีครอบครัวที่อบอุ่นที่สุดจนใครๆ ต้องอิจฉา ไม่ต้องคิดว่าตัวเองเกิดมาจากลูกท้ออีก….เข้าใจมั้ย?”

ผมยิ้มแต่น้ำตากลับไหลไม่หยุด นี่สินะที่เขาเรียกว่าใจสลายเพราะรักของๆ คนอื่นเขา และมันถึงเวลาแล้วจริงๆ ที่ผมต้องคืนของสำคัญให้พวกเขากลับเสียที


สนามบิน

มันถึงเวลากลับของผมแล้วจริงๆ เรื่องทุกอย่างกำลังจะจบลง แต่ผมไม่รู้สิ? ว่าทำไมยังรู้สึกเหมือนตัวเองยังค้างคาใจอะไรบางอย่าง ทั้งอากิผมก็เคลียร์ปัญหาเสร็จสิ้นแล้ว และกำลังจะพาเขากลับไปในที่ๆ เขาควรอยู่ อากิไม่ได้งอแงอะไร คงกำลังรู้สึกเหมือนไปทัศนศึกษา แต่ต่อจากนี้ไปผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

พูดตรงๆ ว่าผมไม่ถนัดเรื่องเด็ก หรือการแคร์ความคิดใคร โดยเฉพาะความรู้สึกแต่ตอนนี้ดูเหมือนมันไม่เป็นอย่างนั้น

ผมมองจุลที่สำรวจความพร้อมของอากิอย่างเป็นห่วง สีหน้าของหมอนั่นดูไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ เหมือนคนทำงานหนักติดต่อกันมาหลายคืนพร้อมที่จะล้มทั้งยืนเอาดื้อๆ ได้
 
ดวงตาช้ำๆ มันทำให้ผมรู้เลยว่าหมอนั่นต้องร้องไห้มาอย่างหนักแน่ๆ มันทำให้ผมรู้สึกอดเป็นห่วงหมอนั่นไม่ได้

“ผมฝากดูแลอากิด้วย เขาอาจจะไม่ค่อยแสดงออกเพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรคุณอาจจะต้องหมั่นถามเขาบ่อยๆ เขาถึงจะพูดมันอกมา”

“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงฉันจะดูแลเขาอย่างดีที่สุด”นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เราได้สนทนากันก่อนจากลา จุลโบกมือสุดแขนให้อากิตามหลัง ใบหน้าที่ยิ้มส่งอากิแอบเช็ดน้ำตากับแขนเสื้อ ผมทำเป็นไม่เห็นและเดินตามสองแม่ลูกนั้นไปยังห้องพักผู้โดยสารขาออก

นี่คงเป็นภาพสุดท้ายของผู้ชายที่ชื่ว่าจุลที่ผมจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิต


3 สัปดาห์ผ่านไป

   ผมไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังทำอะไร แต่ตอนนี้ ณ เวลานี้ผมกลับมายืน ณ จุดๆ เดิม แต่ความหมายของการมาเยือนมันต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง มันเป็นเรื่องน่าหัวเราะเสียจนผมพูดบอกใครไม่ได้ ว่าเพราะอะไรถึงกลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง

   เวลาผ่านไปจากนาทีเปลี่ยนเป็นชั่วโมงจากหนึ่งชั่วโมงกลายเป็นสองเป็นสามและสี จนตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าเอาความอดทนอดกลั้นมากมายนี้มาจากไหน ผมยืนรอเจ้าของบ้านที่ปิดประตูนิ่งสนิทมานานมากจนขาแทบแข็ง หวังแค่อยากเห็นหน้าว่าเขาสบายดีรึเปล่าก็เท่านั้นเอง เท้าที่ผมสังเกตเห็นมีจดหมายเอกสารต่างๆ มากมายอัดจนล้นช่องใส่จดหมาย มันทำให้ผมไม่แน่ใจนิดๆ ว่าเจ้าของบ้านจะยังอยู่ที่นี่เหมือนเดิมรึเปล่า แต่อีกใจก็อยากจะรอเจอให้หายข้องใจ   ระหว่างที่ผมวนเวียนเป็นผีไม่มีหลุมอยู่หน้าห้องของจุล ผมก็พบกับจุลในที่สุด แต่ท่าทางการเดินที่ลากเท้าราวกับยกขาไม่ขึ้นมันทำให้ผมผิดสังเกต

ในฐานะที่ผมเคยกินเหล้าจนเมาปลิ้นก็พอจะรู้ได้ว่าไอ้ท่าทางแบบนี้มันเกิดมาจากสาเหตุอะไร แต่ไปๆ มาๆ ผมกลับคาดเดาได้ผิด เพราะคนที่เดินโซซัดโซเซมากลับไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์เลยสักนิด

   อาจเป็นเพราะผมอำพรางตัวสุดฤทธิ์ปิดตั้งแต่หน้าจรดปลายเท้า จุลเหมือนจะจำผมไม่ได้กลับเดินผ่านแถมยังเฉียดไหล่ผมไปซะเฉยๆ

   ผมมองจุลที่เดินผ่านไปไม่วางตาจนกระทั่งเห็นคนตรงหน้าล้มโครมลงที่หน้าประตูบ้านตัวเอง เล่นทำเอาผมทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว

   “อย่าบอกนะว่าสภาพนี้ทำงานจนลืมวันลืมคืน”ผมยืนกอดอกมองดูจุลที่นอนนิ่งเป็นศพอยู่บนเตียงของหมอนั่นเองอย่าพินิจพิจารณา หากถามว่าเข้ามาในบ้านของหมอนั่นได้ไงก็ตอบเลยว่าใช้กุญแจของเจ้าตัวเองนั่นแหละ

   ตอนแรกเข้ามาผมก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตา ข้าวของที่เคยเรียบร้อยทุกระเบียบนิ้วกลับดูเละเทะจากหน้ามือเป็นหลังเท้า ยิ่งพอมาเปิดดูตู้เย็นของทุกอย่างยกเว้นน้ำเปล่าที่ยังไม่หมดอายุ

   เอาจริงดิ! หมอนี่ได้เปิดตู้เย็นตัวเองบ้างรึเปล่าห๊ะ

   ผมเดินสำรวจข้าวของที่พอจะกินได้อยู่พักหนึ่งและต้องขอยอมแพ้กับสภาพร่างกายที่บอกตรงๆ ว่าอ่อนล้าเต็มที ผมเลยเดินไปที่โซฟาจัดหาที่นอนสำหรับตัวเองโดยไม่เอ่ยขอเจ้าของบ้านก่อนจะล้มลงแล้วหลับอย่างไม่แคร์อะไรแล้วทั้งสิ้น

   จนกระทั่งกลางดึกผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวในความมืด ผมค่อยๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งแล้วหรี่ตาที่ค่อยๆ ปรับให้มองเห็นในที่มืดจนไปพบเข้ากับจุลนั่นเอง หมอนั่นเดินสะเปะสะปะเหมือนคนหมดเรี่ยวหมดแรงไต่ผนังไปจนถึงในครัว เสียงโครมครามดังขึ้นเหมือนเสียงกระทบกันของโลหะบางอย่างทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่ร่างเล็กจะเดินออกมาจากในครัวเผยให้เห็นมีดปอกผลไม้ด้ามเล็กขนาดเหมาะมือถูกกุมไว้แน่น ราวกับว่าจะใช้สิ่งนั้น......ทำอะไรบางอย่างที่ผมคาดไม่ถึง

   ให้ตายสิ! หมอนั่นมันบ้าไปแล้วรึไง!!!!!!!



ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อาการหนักเลยจุล อากิจะคิดถึงจุลบ้างมั้ยนะ

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
มันมีเงี่ยนงำจั๋งซี่เองนิ

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย  ได้รัก 7



   ตึกตัก ตึกตัก!

   หัวใจของผมเต้นระรัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะเอายังไงดี ผมต้องไม่ใช้วิธีที่สิ้นคิดเกินไป อันดับแรกต้องรีบชาร์ทตัวหมอนั่นให้เร็วที่สุดแล้วจัดการกับมีดนั่นซะ นี่คงจะเป็นวิธีที่โอเคที่สุดแล้วในตอนนี้

   แต่ขาดอย่างเดียวที่ผมไม่มั่นใจนั่นก็คือ ถ้าผมพลาดแล้วเกิดหมอนั่นทำร้ายตัวเองขึ้นมาทันทีละ เอาก็เอาวะ! มัวมาคิดมากไม่ได้แล้วหมอนั่นกำลังจะเดินเข้าห้องตัวเองไปแล้ว

   “หยุดนะ! นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”ในความมืดผมกระโจนเข้าทางด้านหลังของจุลแล้วจัดการรวบตัวเขาไว้แน่น

“แกเป็นใคร!!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!”จุลถึงกับผงะหมอนั่นดิ้นสุดแรงจนผมไม่คาดคิดว่าเวลาหมอนี่ตกใจเรี่ยวแรงมันจะมหาศาลขนาดนี้ มันคงจะไม่ต่างกับคนแบกตู้เย็นตอนไฟไหม้บ้าน

“นายทิ้งมีดไปซะ!”ด้วยความชุลมุน จุลจัดการดันตัวเองถอยหลังเอาตัวผมกระแทกติดกำแพงแทบกระอัก จุลใช้เวลาช่วงที่ผมผ่อนแรงสลัดตัวเองออกก่อนจะเบี่ยงมีดที่กุมไว้แน่นหันมาทางผมในความมืด

“ไอ้ขโมยแกตายซะ!”

เฉือก!

“อ๊ากกกกก!”



“โอ๊ยๆ เบาๆ หน่อยถ้านายมือหนักกว่านี้ฉันตายแน่”

“สมน้ำหน้า มีใครที่ไหนเขาเข้าบ้านคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตบ้าง คุณผิดเอง”

“ฉันอุตส่าห์ช่วยนายเอาไวนะ”

“ถึงคุณจะไม่ช่วย ตอนเช้าผมก็ตื่นเข้าบ้านเองได้”

“อะไรนะ นายนี่มัน…..โอ๊ย โอ๊ยๆ ฉันเจ็บ”

“เสร็จแล้ว ไกลหัวใจ แค่นี้คุณไม่ตายหรอกแค่ถาดๆ แขน หาเรื่องเขาตัวเอง”

“ก็ฉันคิดว่านายะฆ่าตัวตายนี่! ทำบุญบูชาโทษแท้ๆ เฮอะ!”

“ผมแค่จะเอามีดไปตัดเชือกมัดกองหนังสือในห้อง คุณคิดเองเออเองคนเดียวทั้งนั้น”

ผมมองหน้าผู้ชายที่เมื่อสามสัปดาห์ก่อนเขาดูเป็นมิตรกว่านี้เยอะ แต่ดูตอนนี้สิ หมอนี่ร้ายอย่างเหลือเชื่อจนผมถึงกับอึ้ง นี่ถ้าเกิดก่อนหน้านี้ผมหลบคมมีดไม่ทัน มีดเล่มนั่นอาจจะยังปักอยู่ที่ซี่โครงบริเวณอกแถวไหนสักแห่งแน่ๆ

“ทำแผลเสร็จแล้ว คุณกลับไปได้แล้ว”จุลเก็บกล่องปฐมพยาบาลแล้วรีบลุกขึ้นห่างจากผมทันที

“นายจะใจร้ายกับคนที่รู้จักกันขนาดนี้เลยรึไง ฉันมากะทันหันไม่มีแม้ที่จะพัก ขอฉันพักที่นี่สักคืนไม่ได้รึไง”

“ไม่ได้ ผมเคยปฏิญาณกับตัวเองว่าจะไม่มีทางให้คุณเข้ามาในบ้านผมอีก”

“นายรังเกียจฉันขนาดนั้นเลยรึไง”

“เปล่า ผมแค่รู้สึกไม่ดีที่เห็นหน้าคุณเพราะฉะนั้นอย่าทำให้ผมลำบากใจมากไปกว่านี้เลย และอันที่จริงคุณไม่ควรจะมาหาผมอีกเพราะเราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน”หมอนั่นหลบตาผมราวกับไม่ให้ผมอ่านใจเขาออก แต่ตอนนี้ในใจของผมมันบอกว่าผมยังออกไปจากบ้านหลังนี้ไม่ได้เด็ดขาด เพราะคนตรงหน้ามันทำให้ผมคิดเช่นนั้น จุลดูเหงา ดูโดดเดี่ยวราวกับคนทั้งโลกหันหลังให้เขา

“อา….ถ้าอยากให้ฉันไปก็ลากฉันออกไปให้ได้สิ”ผมทิ้งตัวลงนอนบนโซฟาตัวเล็กอย่างไม่เกรงใจ

“คุณป้องปราบ ออกไปจากบ้านผมก่อนที่ผมจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก”

“นายพูดแบบนี้ทำให้ฉันนึกถึงครั้งแรกที่เราเจอกัน ฉันไม่น่าทำแบบนั้นเลย แต่มันก็สนุกดีมันทำให้ฉันไม่มีทางลืมและนายก็คงลืมฉันได้ยากด้วย เพราะเขาว่ากันว่าเรื่องแย่ๆ มักจะฝังอยู่ลึกอยู่นานกว่าเรื่องดีๆ แบบนี้ฉันก็ทำถูกแล้วสิ หึหึๆ”ผมหัวเราะหงึกๆ แอบยั่วให้จุลโมโหเล่น แถมเขายังโกรธเสียจนหน้าแดงหูแดง

“คุณป้องปราบ!”

“จะเรียกชื่อฉันไปถึงไหน ฉันรู้หรอกนาว่าตัวเองชื่ออะไร”

“เชิญคุณอยู่บ้านนี้เท่าที่อยากจะอยู่เลย!”จุลทำท่าทางหงุดหงิดก่อนตั้งท่าจะเดินหนีออกจากบ้านของตัวเอง ผมเลยรีบคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนจะกระชากไม่ให้คนตรงหน้าหนี แต่จุลดันพลาดสะดุดเท้าตัวเองล้มลงใส่ผมเสียเต็มแรงจนเจ้าตังรีบเร่งดีดตัวขึ้นแทบไม่ทัน

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่!”

“ขอโทษ แต่ฉันไม่อยากให้นายหนีฉันไป ฉันรู้ว่านายคงแปลกใจที่เห็นฉันอยู่ที่นี่ ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกันว่าฉันกล้ามาอยู่ตรงหน้านายอีกได้ไง รู้ทั้งรู้ว่าทำอะไรให้นายไม่พอใจไปเยอะ”

“ถ้าคุณรู้สึกผิดก็อย่ามาให้ผมเห็นหน้าอีก เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว”

“นายแน่ใจเหรอว่าพอใจกับสิ่งที่ตัวเองคิด สำหรับฉันมันรู้สึกไม่พอ อยากเจอ อยากคุย อยากเห็นหน้าทั้งๆ ที่รู้ว่าตัวเองไม่ควรทำแบบนี้ ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองมันป่วยถ้าไม่กินยาคงไม่มีทางหาย และเหมือนยาชนิดเดียวทีรักษาฉันได้ก็มีแต่นาย”

“คุณไม่ได้ป่วยหรอก คุณแค่รู้สึกและคิดไปเอง กลับไปในที่ของคุณเถอะ”

“ฉันจะไม่เดินหนีความรู้สึกของตัวเองอีก ถ้านายอยากจะหนีฉัน ฉันจะไม่ห้าม เพราะยังไงฉันก็จะตามจนกระทั่งนายยอมแพ้ที่จะหนีไปเอง”

“คุณจะทำอะไรก็ช่าง มันเรื่องของคุณ”

“ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องโดนนายพูดตอกจนหน้าหงายแบบนี้ เอาเป็นว่าเรื่องของฉันนายรับรู้”ผมเอนตัวลงนอนอย่างไม่แยแสต่อท่าทางของจุลที่คงเคืองผมจนแทบจุกอกแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนอยากจะขำท่าทางของคนตรงหน้า แต่ความคิดหนึ่งก็ว่าผมควรเก็บไว้ก่อน

“คุณนี่มันบ้าชัดๆ!”

“นายใช้ชีวิตหลังจากที่ไม่มีอากิแบบนี้มันทำให้ฉันแปลกใจนิดๆ”ผมพูดขึ้นมาลอยๆ ขณะที่จุลกำลังจะเดินหนีความรำคาญจากผมไป มันได้ผล.....เขาหยุดชะงักแทบจะทันทีที่ได้ยินชื่ออากิ
“..........”
“เจ้าเด็กนั่นพอรู้ตัวว่าไม่มีนายก็ถึงกับซึมไม่ยอมกินอะไรไปหลายวัน พวกเราถึงกับมืดแปดด้านไม่รู้จะทำยังไงดี อากิแทบจะไม่ยอมพูดกับใครเลย เราเลยไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นคิดอะไร......”

“ตะตอนนี้อากิ.....เป็นยังไงบ้าง”

“ตอนนี้น่ะเหรอ........”ผมลุกขึ้นก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองให้จุลที่ยืนหันหลังให้ผม

“.........”

“ถ้าคิดถึงเจ้าเด็กนั่น ถ้าอยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงก็เมมเบอร์นายที่ติดต่อได้ใส่ไว้ให้ฉัน เมื่อถึงเวลาที่ฉันกลับไปถึงเมืองไทยนายจะได้รู้ทุกความเคลื่อนไหวของอากิได้”มันอาจจะเป็นวิธีที่ขอเบอร์โทรศัพท์ที่ดูเจ้าเล่ห์ แต่มันก็เป็นประโยชน์กับหมอนั่นด้วยเช่นกัน

“จะเอาความรู้สึกผมไปล้อเล่นรึไง”

“ไม่เลย อย่างน้อยเรื่องนี้นายก็เชื่อฉันได้”จุลดูลังเลเล็กน้อยแต่เขาก็ยอมตามที่ผมพูด จุลยื่นโทรศัพท์ส่งกลับมาให้ผม ผมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเปิดวิดีโอจากคนที่หมอนี่คิดถึงมากที่สุดให้เจ้าตัวดู

“จากอากิ เจ้าเด็กนั่นคงอยากให้นายดู”

จุลรับวีดีโอไปนั่งดูอย่างเงียบๆ จนกระทั่งผมสังเกตเห็นรอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้านั้นอีกครั้งก่อนที่จะเปลี่ยนไปเป็นร้อยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เคล้าไปด้วยน้ำตา

“ดูท่าตอนนี้อากิคงสบายดีแล้วสินะ แค่ไม่กี่วันเขาดูโตขึ้นมานิดหน่อยจริงๆ ด้วย”

“ก็แน่ละ ตอนแรกถึงหมอนั่นจะซึมอย่างที่บอก แต่ตอนนี้ก็อย่างที่เห็นแสบซนจนยัยปลายต้องปวดหัว”

“นั่นก็หมายถึงเจ้าเด็กนั่นคงจะสนิทกับทุกคนแล้ว”

“คงจะสนิทมาก ฉันโดนเจ้าเด็กนั่นอึใส่ตอนอุ้มด้วย”

“คุณคงโชคดีมาก น้อยครั้งที่จะเป็นแบบนั้น”

“อา....โชคดีจริงๆ นั่นแหละ”

บรรยากาศดูเปลี่ยนไปหลังจากที่เราพูดถึงเรื่องอากิ ผมไม่รู้ว่าจุลจะรู้ตัวรึเปล่าว่าในคำพูดของเขามีแต่ความเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นมากแค่ไหน

“เท่านี้....ผมคงวางใจได้แล้ว อากิในอนาคตจะต้องเข้มแข็ง มีครอบครัวที่พร้อมหน้าเป็นกำลังใจให้เขาได้ทำสิ่งที่เขาอยากจะทำ”

“นายพูดอย่างกับตัวเองจะไม่เจออากิอีกแล้วอย่างนั้นแหละ”

“.....การไม่เจอกันอีกเลยมันจะดีกว่า พอโตขึ้นเขาจะได้ไม่สับสนกับอดีตที่มันวุ่นวาย”

“ฟังนะจุล.....”ผมข้าไปจับไหล่ให้จุลหันมาฟังผมอย่างจริงจัง“นายกับอากิ ไม่มีใครที่จะลืมใครทั้งนั้นเมื่อไหร่ที่นายคิดถึงอากินายมีสิทธิ์ที่จะได้พูดกับเขา หรือแม้กระทั่งเห็นหน้า ยังไงนายก็ยังเป็นพ่อของอากิอีกคนอย่าแม้แต่จะคิดว่าตัวเองเป็นปัญหาหรืออุปสรรคอะไรก็ตามแต่เข้าใจรึเปล่า หากนายพยายามลืมใช่ว่าอากิจะลืมขืนนายทำแบบนี้ก็เท่ากับตอกย้ำอากิว่าเขามีอดีตที่ไม่ควรจดจำ สิ่งที่นายทำต่ออากิมันไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เขาควรจะจำมันไปชั่วชีวิตต่างหาก......ได้ยินรึเปล่าจุล”

“อะอืม....ขะเข้าใจแล้ว”

ผมไม่รู้ว่ามีตรงไหนที่ผมพูดอะไรผิดไปรึเปล่า จุลถึงได้มองผมด้วยแววตาแปลกๆ แต่ช่างมันเถอะ ถ้าเขาล้มเลิกเรื่องที่จะลืมอากิได้ผมก็พอใจแล้ว เพราะถ้าเขาคิดจะลืม มันก็เท่ากับว่าคิดจะลืมผมไปด้วยน่ะสิ จะมีทางให้เป็นแบบนั้นไปได้ไง!




......................ตอนต่อไป...................



ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
แหม เจ้าเล่ห์จริงนะคุณป้องปราบ  :hao3:

ออฟไลน์ BlueCherries

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-17
= =

อืมมมมมมมมม ถ้าเป็นจุลคงปล่อยวาง

ถ้าเป็นคนธรรมดาคงเกลียดป้องปราบไปอีกนานแสนนาน

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้าเป็นเราคงรู้สึกดีๆอะไรกับคนแบบนี้ไม่ได้อะ  :mew5: ตอนมาแรกๆนี่ข่มจังเลยนะ ไม่อยากให้จุลรักผช.แบบนี้ง่ายๆ

ออฟไลน์ ทามากิบ๊อง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 266
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-4
ทวงร้าย  ได้รัก 8


มันอาจจะเป็นเช้าวันหนึ่งของผมที่ไม่คุ้นชินสักเท่าไหร่นักที่มีคนอื่นมานอนหราอยู่ในบ้านตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ชื่อป้องปราบ ไม่รู้เพราะเวลาหรืออะไร มันทำให้ผมรู้สึกปล่อยวางกับชีวิตไปหลังจากที่ไม่มีอากิอยู่
 
กลับมาคิดอีกที ผมคงไม่ได้เกลียดคนๆ นี้เข้าไส้จริงๆ จังๆหรอก อาจจะแค่รู้สึกไม่ชอบพฤติกรรมและการกระทำแบบคนสิ้นคิดในแบบที่เขาทำกับผม

แต่จากเรื่องเมื่อคืน การที่เราได้คุยกันโดยไม่มีอะไรที่ต้องนำมาทะเลาะกันในแง่นี้ เขาก็ดูเหมือนไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรว่ามั้ย หรือผมมันจะหัวอ่อนเกินรึเปล่า.....

กึก!
ผมวางแก้วกาแฟอีกแก้วที่เผลอชงมาเกินวางให้กับผู้ขออาศัยที่ยังนอนนิ่งอยู่บนโซฟา เขาดูเหมือนสุนัขพันธ์โตที่นอนขดอยู่บนที่นอนของชิวาว่า มันดูน่าอึกอัดจนผมคิดขำในใจ

“ตื่นได้แล้ว คุณบอกว่าจะรีบออกไปตอนเช้า”

“อืม....อีก 10 นาที ตอนนี้ลุกไม่ไหว”เขาปฏิเสธแล้วขยับตัวเล็กน้อยแต่ ดูสีหน้าแปลกๆ ไป

“นี่คุณมีไข้”ผมแอะใจเลยลองเอามือไปอังหน้าฝากเขาดู ตัวเขาร้อนอย่างกับไฟ พอผมสังเกตที่แผลแล้วมันดูเหมือนจะอักเสบขึ้นมากเลย

“ช่างเถอะ ขอนอนพักเดี๋ยวก็หาย”

“ผมว่าคุณน่าจะไปหาหมอดีกว่า”

“ฉันเดินไม่ไหวหรอก ง่วงขนาดนี้ แถมยังปวดหัวด้วย”

“ถึงจะนอนอยู่ที่นี่คุณก็ไม่หายหรอกนะ”ผมชักจะเริมรำคาญกับคนตรงหน้าที่เริ่มทำตัวดื้อเป็นเด็ก

“คุณไม่ใช่เด็กแล้ว ลุกเถอะผมจะนำทางคุณไปคลินิกเอง”



“คุณป้องปราบ! คุณเดินดีๆ ได้รึเปล่า”เสียงบ่นฟึดฟัดของจุลมันทำให้ผมต้องรีบเก็บอาการอมยิ้มแล้วทำหน้าป่วยทันที

“ขอโทษ แต่ฉันรู้สึกปวดหัวจนตาลายไปหมดจริงๆ”ผมแอบเหลือบตามองคนที่อยู่ภายใต้วงแขนของผมที่ตอนนี้กำลังช่วยพยุงผมซะเต็มที่ ถึงจุลจะดูเหมือนไม่ใส่ใจผมแต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะช่วยผมอยู่ดี เข้าตำราปากอย่างใจอย่างหรือเปล่าผมคงต้องพิสูจน์ต่อไป แต่เรื่องที่ผมรู้สึกป่วยมันเป็นเรื่องจริงแต่แค่เพิ่มเอคติ้งเข้ามานิดหน่อยก็เท่านั้น

“อดทนหน่อยก็แล้วกัน ใกล้จะถึงแล้ว”

“อืม”ผมแกล้งขยับแขนให้แน่นขึ้นมาอีกนิด มันทำให้ผมรู้สึกได้ถึงอุณภูมิร่างกายของเขาเพิ่มเข้าไปอีก

.....รู้สึกดีชะมัด

“แน่นเกินไปแล้ว ผมเดินลำบาก”

“ก็ฉันกลัวตัวเองจะล้ม”

“คนที่จะล้มมันผมต่างหาก”จุลทำหน้าหงุดหงิดพยายามแกะแขนผมให้คลายออก แต่ใครจะปล่อยโอกาสหายากแบบนี้ไปง่ายๆ กันล่ะ ผมไม่เคยอยากจะป่วยเท่านี้มาก่อนเลย ขอบคุณพระเจ้า!

“กินข้าว กินยาแล้วก็ไปได้แล้ว”
“นายนี่ใจร้ายกับฉันขนาดนี้เลยเหรอ ฉันกำลังป่วยอยู่นะ จะให้ออกไปหาโรงแรมตอนนี้ฉันก็ไม่ไหวด้วย ถ้าเกิดฉันไปเป็นล้มล้มพับทีไหนก็แย่น่ะสิ นายไม่เป็นห่วงฉันบ้างรึไง”ทำหน้าเศร้าเล่าความ ส่งสายตาวิงวอนไปให้จุลที่ยืนกอดอกใส่เสื้อไหมพรมถักสีเทาคอย้วยๆ พร้อมกับแว่นกรอบดำขลับมองผมด้วยความลำบากใจ

“ยังไงก็เถอะ คุณก็อยู่ที่นี่ไม่ได้”

“ทำไมล่ะ?”

“บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้”

“บอกเหตุผลมาสิ”

“นั่นมันเรื่องของผม”

“หรือว่าไม่ไว้ใจฉัน กลัวฉันจะทำอะไรอย่างนั้นเหรอ”

“ก็คุณมันเคยมีประวัติ!”ไม่รู้ว่าเขาโกรธผมหรืออะไรกันแน่ แต่จุลดูร้อนรนแถมยังหน้าแดงแก้มแดง แดงไปจนถึงใบหูอีกด้วย มันทำให้เขาดูน่าแกล้งเข้าไปอีก

“อา.....นั่นสิ ฉันเคยทำ......”ผมทำท่าเหมือนคิดขึ้นมาได้แล้วก็เตรียมจะพูดออกไป แต่ถูกคนตรงหน้าขัดเสียก่อน

“หยุดพูด! ถ้าพูดออกมาผมไล่คุณออกไปจริงๆ แน่”

“โอเคๆ จะไม่พูดแล้ว และจะไม่พูดถึงอีก แต่อย่าไล่ฉันเลย นายป้อมปราบที่ไม่เคยขอร้องใครมาก่อนตอนนี้กำลังขอร้องนายอยู่จริงๆ นะ กับนายแค่คนเดียวเท่านั้นที่ฉันทำตัวได้น่าอายแบบนี้”

“ผมไม่ได้บังคับคุณให้ทำแบบนั้นเสียหน่อย”

“ฉันเต็มใจทำเพราะนาย ยังไงก็แค่ช่วยสงสาร หรือเห็นใจกันหน่อยสักนิดก็ได้ ฉันทำถึงขนาดนี้แล้วนายก็น่าจะรู้ได้แล้วนะว่าฉันรู้สึกยังไงกับนายกันแน่ เรื่องที่บอกไปก็ไม่ใช่เรื่องโกหก จะให้ฉันกลับไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้คำตอบจากนายตอนนี้ไม่ได้หรอก จุลยังไงก็ช่วยเอาเรื่องของฉันไปคิดสักนิดก็ยังดี”

“ถ้าเรื่องนั้นล่ะก็.....ผมตอบให้คุณตอนนี้เลยก็ได้คุณจะได้เลิกสับสนเสียที”

“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอ”

“จะช้าหรือเร็วคำตอบของผมก็คือ ไม่ อยู่ดี กลับไปในที่ๆ ของคุณเถอะคุณป้องปราบ คิดเสียว่าคุณแค่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่คุณทำกับผมแล้วมันก็แค่ติดค้างอยู่ก็เท่านั้น ฟังให้ดี ผมให้อภัยคุณ และหวังว่าเราจะไม่ต้องมาเจอกันอีก ทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว ลาก่อนครับคุณป้องปราบ”

จุลพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งก่อนเขาจะหมุนตัวและเดินหายเข้าไปในห้อง เขาทิ้งให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกผิดหวัง และหมดหวัง ไม่เมื่อเขายืนยันชัดเจนขนาดนี้แล้ว ถ้าผมยังจะดึงดันอยู่มันก็เท่ากับว่าไม่เคารพการตัดสินใจของเขา มันคงจะหมดหนทางแล้วจริงๆ ผมควรจะถอยได้แล้ว ปล่อยให้เขาได้ใช้ชีวิตอิสระและเริมต้นใหม่เสียที นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่ผมจะทำให้เขาได้เป็นครั้งสุดท้ายของการจากลา



   เพล้ง!   

   “นี่มันแก้วกาแฟใบที่สองแล้วนะจุล ฉันว่านายควรจะกลับไปพักอีกสักวันจะดีกว่า สามอาทิตย์มานี้นายก็นอนบริษัทแทบตลอด พักอยู่บ้านคืนเดียวมันจะไปพออะไร”

“ผมไม่เป็นไรครับ”

“จะเป็นทาสงานก็ให้มันน้อยๆ หน่อย ถ้านายยังกังวลเรื่องอากิ ฉันจะขอพูดครั้งที่สิบแล้วกันนะว่า ถ้าคิดถึงก็ไปหา ถ้ามีอะไรก็ให้พูด และที่สำคัญซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองหน่อย”

“ขอบคุณนะริสะจัง”ผมยิ้มให้กับเพื่อนพนักงานคนหนึ่งในแผนกการตลาดที่ผมเคยเล่าให้ฟังบ้างเรื่องเกี่ยวกับอากิ แต่ก็แค่รู้ว่าผมคืนอากิให้แม่ของเขาเทานั้น

“จุล เอาจริงๆ นะ นายยังสามารถเปิดใจรับอะไรได้มากกว่านี้ ถ้านายไม่อยากจะเสียใจไปตลอดชีวิต ก็ทำตามความคิดที่ไม่มีเหตุผลบ้างก็ได้ เชื่อฉันสิว่าทุกอย่างมันจะดีขึ้นเอง”

    แต่ผมรู้สึกผิดต่อริสะนิดๆ เหมือนกัน เพราะเรื่องที่ผมคิดอยู่ตอนนี้ครึ่งหนึ่งไม่ใช่เรื่องของอากิซะแล้ว
   ไม่ได้นะจุล! นายตัดสินใจไปแล้วจะมาลังเลอะไรอีก

   ทั้งๆ ที่ผมพูดอย่างชัดเจนไปแล้ว แต่ตัวเองกลับมาคิดมากอยู่แบบนี้ ไม่สมกับเป็นตัวผมเองเลยสักนิด เขาจะเป็นยังไงก็ช่างเขาสิ จะมาใส่ใจอะไร

   ผมไม่ได้.....ไม่ได้....ชอบเขาสักนิด จะแคร์อะไรกับการที่ไม่ต้องเจอกันอีก มันดีแล้วไม่ใช่รึไง ผมควรจะใช้ชีวิตของตัวผมเองสักที

ใช่! ใช่! มันดีแล้ว!

ถึงความคิดของผมจะเป็นแบบนั้น ในมือกลับกุมไอ้เศษกระดาษตัวปัญหาเอาไว้แน่นจนเหมือนคนบ้า



สนามบิน

   มันเป็นเพราะไอ้เศษกระดาษนั่นแผ่นเดียวแท้ๆ ถึงทำให้ผมถ่อมาถึงที่นี่จนได้ จะไปแล้วแท้ๆ ทำไมถึงต้องมาบอกผมด้วยว่าจะขึ้นเครื่องกี่โมง สายการบินอะไร เหมือนเขารู้ทุกอย่าง รู้แม้กระทั่งความคิดผม!

   “แฮ่กๆ ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าเที่ยวบินSSS อยู่ทางออกที่เท่าไหร่ครับ”ผมกระหืดกระหอบสอบถามประชาสัมพันธ์เพราะเพิ่งจะวิ่งไปทั่วสามบินแต่ก็หาหมอนั่นไม่เจอ

   “ทางออกที่XX ค่ะ อีกสิบห้านาทีก็จะถึงเวลาเช็คอินแล้วค่ะ”

   “ครับ ขอบคุณมากครับ”

   ผมวิ่งสุดฝีเท้าไปยังที่ที่ประชาสัมพันธ์บอก และพยายามกวาดสาตามองหาไปทั่วแล้วก็ไม่เจอคนที่ต้องการพบ ทั้งๆ ที่เขาดูโดดเด่นจนสังเกตได้ง่ายขนาดนั้นแท้ๆ

.....มันคงจะสายไปแล้วสินะ  โอกาสของผมมันหายไปแล้ว

“จะ...จุล นั่นนายใช่มั้ย”

ผมหันไปตามเสียงเรียกที่มาจากด้านหลัง และผมก็พบว่าคนที่เรียกผมนั้นคือคนที่ผมกำลังตามหาอยู่นั่นเอง เขาดูตกใจมากที่เห็นผมยืนอยู่ที่นี่ ผมก็ยิ่งตกใจเสียมากกว่าที่ไม่คิดว่าจะเจอ

“คะคือว่า....ผม”ผมจะเริ่มต้นยังไงดี เพิ่งจะบอกลาเขาเมื่อวานแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับมาที่นี่

หมับ!

สาบานได้ว่าผมไม่ทันจะพูดอะไรออกมาจากปากเลย แต่จู่ๆ เขาก็กลับพุ่งเข้ามาคว้าตัวผมเข้าไปกอดจนคนที่เดินผ่านไปมาชวนกันหันมามอง

“ดะเดี๋ยวสิคุณป้องปราบ! ปะปล่อยผมก่อน”ผมผลักเขาสุดแรงแต่เขาก็ไม่ยอมจะปล่อยจนกระทั่งเขาสมัคใจที่จะปล่อยตัวผมออกเอง

“นายมาที่นี่แสดงว่านาย.....”

“ผมรู้ว่าคุณคิดอะไร แต่ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดแน่นอน”ผมรีบสลัดภาพความฝันของเขา ก่อนที่เขาจะจิตนาการอะไรไปมากกว่านี้

“แล้วนายไม่ได้มาหาฉันงั้นเหรอ”เขาดูหงอยไปแทบจะทันที

“มันก็ไม่เชิงหรอกนะ”ผมพูดแต่สายตาผมกลับไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ จะพูดออกมาตรงๆได้ยังไงว่าที่ตัวเองมาถึงที่นี่เพราะเขาคนเดียว

“หมายความว่า.....นายมาหาฉันน่ะสิ นายรู้มั้ยว่าฉันไม่เคยดีใจอะไรเท่านี้มาก่อน”

หมับ!

เขาพุ่งเข้ากอดผมอีกครั้งอย่างกับคนคลั่งจมผมรู้สึกอายคนไปทั้งสนามบิน ผมเลยจัดการตีเขาไปแรงๆ

“โอ๊ยๆ นายตีโดนแผล”

“สมน้ำหน้า คุณอยากทำอะไรไม่คิดเอง อย่าเพิ่งได้ใจไปผมมาที่นี่แค่มีเรื่องที่จะบอกก็เท่านั้น”

“งั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ฉันคิดสิ แล้วนายมีเรื่องอะไร?”ระหว่างที่เราคุยกันดูเหมือนว่าจะมีเสียงเรียกผู้โดยสารเที่ยวบินของเขา

“ผมแค่จะเอานี่ให้คุณ”ผมตัดสินใจยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่แทบจะเรียกว่าเศษกระดาษให้นายป้องปราบที่เอื้อมมือมารับไปอย่างสงสัย ดูเหมือนเขาจะค่อนข้างผิดหวังเอามากๆ

“มันคืออะไร?”

“ขอโทษที่ก่อนหน้านี้ผม....ผมให้เบอร์โทรศัพท์คุณผิดๆ ไป”

“ห๊ะ! งั้นที่นายพิมพ์ให้ฉันมันคืออะไร”

“เอ่อ....ก็ร้านแก๊ส”

“นะนี่นาย.....”นายป้องปราบตาลุกวาวมองผมอย่างทึ่งๆ เขาคงไม่คิดว่าผมจะหักหน้าเขาแบบนี้

“ที่ตัดสินใจให้เพราะฉันกลับไปคิดแล้วว่าไม่อยากจะขาดการติดต่อกับอากิตลอดไป ยังอยากจะเจอเขาอีก เพราะฉะนั้นตอนนี้ คุณกลับไปบอกอากิด้วยล่ะว่า.....ผมคิดถึงเขามาก”

“แล้วฉันล่ะ?”

“ก็กลับไปคิดเอาเองเถอะ ผมไปล่ะ”

“จะไปทั้งๆ อย่างนี้งั้นเหรอ ดะเดี๋ยวจุล! นายนี่มันเก่งเรื่องทำให้ฉันสับสนจริงๆ เลย”

“เขาเรียกชื่อคุณแล้ว ไปได้แล้วคุณป้องปราบ”เขาทำท่าอิดออดเหมือนเด็กงอแงที่ไม่ยอมไปโรงเรียน ผมเลยเป็นฝ่ายที่เดินออกมาเอง แต่พอเดินออกมาห่างจากเขาไม่ถึงสามก้าว จู่ๆ ก็เหมือนมีแรงกระชากคว้าแขนผมเข้าไป ก่อนจะรู้สึกตัวอีกทีผมก็โดนคนตรงหน้าขโมยจูบไปซะแล้ว

“คุณป้องปราบ!”

“อย่าลืมจูบนี้ซะล่ะ.....หัวใจนาย ฉันจะมารับกลับในอีกไม่ช้านี้แน่นอน เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีล่ะ”

ผมยืนตัวแข็งทื่อ สัมผัสกับต้นคอตัวเองที่เพิ่งรู้สึกถึงไออุ่นจากลมหายใจของเขา เสียงกระซิบนั้นยังชัดเจนอยู่ในหัวผมไม่จาง ผมสัมผัสได้ถึงจังหวะหัวใจตัวเองที่เต้นผิดปกติไป รู้สึกตัวอีกทีผมก็ยืนอยู่เพียงคนเดียวซะแล้ว

ผมอาจจะหนีไปไหนไม่ได้แล้วจริงๆ สินะ

ซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองงั้นเหรอ? ผมจะพยายามก็แล้วกัน



จบ
   


*************************************

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านจนถึงตอนจบของเรื่องนะฮับ :กอด1:


ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ฟินแล้วหล่ะ สำหรับเรื่องสั้น.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5480
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จะมีตอนพิเศษไหม แบบหวานๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
สงสัยว่าทำไมปลาย(แม่ของอากิ)ถึงไม่ออกตามหาลูกของตัวเอง...ปล่อยให้เวลาผ่านไปเป็นปีๆเนี่ยนะ
คดีพลิกจริงๆ ตอนที่อ่านเจอว่าโจไม่ใช่พ่อแท้ๆ แล้วก็จุดประสงค์ที่เอาอากิมาอยู่ด้วย เพราะอย่างนี้เลยบอกน้องไว้แบบนั้นก่อนตายใช่มั้ย ตอนจุลรู้ความจริงคงช็อคน่าดู
ขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องสั้นเรื่องนี้นะคะ และสำหรับความน่ารักของอากิและจุน(เวลาอยู่กับอากิ)

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ chard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 25
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกครับ ..... ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13

ออฟไลน์ Supparang-k

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1908
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
สนุกจัง อยากให้มีตอนพิเศษ

ออฟไลน์ nunda

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3004
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-2
ขอบคุณค่ะ กรุบกริบ ฟินกำลังดีค่ะ (⌒_⌒)

ออฟไลน์ boonpa

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2359
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-9
 :pig4: สนุกดีค่ะ ถึงมันจะมีกระตุกในความรู้สึกบ้างเกี่ยวกับเรื่องปลาย แต่โดยรวมสนุกค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด