..
.....
..
เสียงดังเอะอะโวยวายแว่วมาจากสนามบาสเกตบอลในที่โล่งแจ้งยามเมื่อดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ วันนี้นักกีฬาของคณะวิศวะย้ายมาฝึกซ้อมกันข้างนอก เนื่องจากคณะอื่นกำลังใช้โรงยิมกันอยู่และอากาศก็กำลังเย็นสบายพอดี
เมื่อถึงเวลาพัก เมฆนั่งลงบนม้านั่งพลางหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาซับเหงื่อ
“เป็นไงวะ ดูไม่ฟิตเลยมึง” ตั้งใจเอ่ยทัก
เมฆเงยหน้าขึ้น นัยน์ตามีสีแดงเล็กน้อย “นอนไม่ค่อยจะพอว่ะพี่”
“ก็อย่าคุยโทรศัพท์นานนักสิว้า”
เด็กหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ “ไม่ได้คุยเลยพี่”
“อ้าว” ตั้งใจขมวดคิ้ว “เออ จะว่าไปช่วงนี้ไอ้น้ำมันยุ่งๆ”
“ก็คงงั้นอะครับ” เขาเออออไปเช่นนั้น แต่ที่จริงแล้วก็นึกกังวลอยู่ในใจ
ตั้งแต่วันที่เขาไปช่วยพี่น้ำเลี้ยงเด็ก รุ่นพี่ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ทำตัวห่างเหินแปลกๆ แถมยังทำเหมือนกับว่ามีอะไรปิดบังเขาอยู่ เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงข้อความบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่เขาได้รับมาเมื่อคืน
“ช่วงนี้พี่มีธุระต้องสะสางเยอะมาก คงจะยุ่งสักหน่อย แต่น่าจะเคลียร์เสร็จเร็วๆ นี้ล่ะ ภายในอาทิตย์นี้ ถ้าจะมาที่คอนโดฯ ก็โทรมาบอกล่วงหน้าก่อนนะ”
...ธุระอะไรวะ
หลายครั้งที่ความกังวลทำให้เขานึกกลัว... กลัวว่าความห่างเหินนี้จะมาจากเรื่องที่เกิดขึ้นบนชายหาดที่ค่ายอาสา บางทีพี่น้ำอาจจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าไม่สามารถเป็นคนรักกับเขาได้
เมฆส่ายหน้าไปมาแรงๆ “คิดมากน่ะ เชื่อใจพี่น้ำสิวะ”
เสียงนกหวีดเรียกเข้าฝึกซ้อมดังขึ้น เมฆจึงจำใจต้องเก็บความวิตกกังวลลึกลงไปในใจ แล้วรีบกลับเข้าไปในสนามฝึกซ้อม
ภายในห้องนั่งเล่นที่คอนโดมิเนียมริมหาดหลายวันผ่านไปกับการที่มีหลานสองคนคอยติดตามทุกการเคลื่อนไหว ขนาดจะคุยโทรศัพท์ยังไม่ได้เลย กลางคืนหลานๆ ก็ร้องจะมานอนด้วย เขาจึงทำได้แค่ส่งข้อความสั้นๆ ทางโทรศัพท์เท่านั้น ตอนเช้าก่อนออกไปมหาวิทยาลัยก็ต้องรับประทานอาหารเช้ากับครอบครัว กลางวันริซาโกะห่ออาหารใส่กล่องให้เรียบร้อย พอไปเรียน ทำกิจกรรมเสร็จก็ต้องรีบกลับมาคอนโดมิเนียมเพื่อรับประทานมื้อเย็นร่วมกันอีก เขารู้สึกเหมือนถูกบังคับให้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง แต่ก็ขี้เกียจจะต่อต้านอะไร กว่าหลานๆ จะเข้านอนได้ เขาก็เหนื่อยแทบขาดใจ ส่วนริซาโกะน่ะหรือ เวลาที่เขาไม่อยู่ เธอก็สั่งให้พนักงานเข้ามาทำความสะอาดภายในห้องทุกห้อง จัดการเปลี่ยนผ้าม่านให้ใหม่ เรียกพนักงานมาตรวจสอบเตาและตู้เย็น แล้วยังซื้ออาหารดีๆ มาอีกมากมาย สมกับเป็นมารดาของบ้านจริงๆ
น้ำไม่ได้ว่าอะไรที่ครอบครัวเข้ามายุ่มย่ามกับพื้นที่ส่วนตัวของเขา เพราะที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรต้องปิดบัง แล้วนานๆ ทีมีคนมาทำความสะอาด จัดข้าวของตู้เสื้อผ้าให้ก็ดีไม่น้อย
ชายหนุ่มชำเลืองมองกองเสื้อผ้ากับขนมที่หญิงสาวนำมาอวด ส่วนหลานๆ เขาน่ะ มีของเล่นใหม่เล่นกันทุกวัน วันนี้ได้ของเล่นถูกใจจึงเงียบกันเป็นพิเศษ “ยังไม่หมดห้างอีกเหรอ ผมเห็นริซาโกะซื้อกองเท่าบ้านแบบนี้ทุกวัน”
“ก็ซื้อไว้ให้ไม้กับน้ำใส่ไง ขนมนี่ก็จะได้เอาไปฝากเพื่อนๆ ด้วย น้ำไม่พาเพื่อนมากินข้าวด้วยกันสักมื้อล่ะ ไม่ได้เจอนานแล้ว”
“ช่วงนี้เขาไม่ว่างกันหรอก ริซาโกะก็เห็นนี่ว่าผมเองก็ยุ่งมากเหมือนกัน”
“น่าเสียดายจัง” เธอเหลือบมองคนที่เป็นเสมือนน้องชาย จากนั้นจึงเดินมานั่งลงบนโซฟาอีกตัวข้างกัน “นี่ๆ ใกล้วันวาเลนไทน์แล้วนะ”
น้ำเอื้อมมือไปหยิบแท็บเลตมากดเช็กอีเมล “อืม แล้วไง”
“ไม่เห็นมีของขวัญซ่อนไว้ในตู้เลยอะ”
ชายหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่มีหรอก” เขาไม่โง่แอบของอะไรไว้ในตู้หรอก เพราะว่ารู้จักนิสัยของคนในครอบครัวดี
“จะไม่ให้ของขวัญใครเลยเหรอ”
“จะให้ผมให้ใครล่ะ” น้ำถามกลับไปเสียงเรียบ โดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นสบสายตากับหญิงสาว
“ก็... คนที่ชอบไง” เธอพิจารณาท่าทีของเด็กหนุ่มอย่างถี่ถ้วน “เช่น... เจ้าของเกียร์อันนั้น”
“จะให้ไอ้ตั้งใจมันทำไม พูดอะไรน่าขนลุกน่ะริซาโกะ”
หญิงสาวเท้าแขนลงบนที่เท้าแขนของโซฟา พร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปทางที่น้ำนั่งอยู่ “ตั้งใจให้มาจริงๆ น่ะเหรอ มีซัมติงอะไรกันรึเปล่าเนี่ย”
“อืม ก็เป็นเพื่อนกันไง”
“แต่ของแบบนี้เขาให้แฟนไม่ใช่เหรอ”
น้ำเงยหน้าขึ้นพลางยิ้มมุมปาก “รู้ความหมายกับเขาซะด้วยนะ”
ริซาโกะเลิกคิ้วขึ้น เธอเม้มปากพลางเสตาหลบ “ก็... เอ้อ... ไม้เล่าให้ฟังไง”
“แล้วพี่ไม้รู้ได้ยังไง”
“เอ่อ...” หญิงสาวทำหน้าเลิ่กลั่ก
ชายหนุ่มถอนหายใจ “ไม่มีอะไรหรอกน่ะ ผมบอกแล้วไงว่าใส่ไว้เท่ๆ เฉยๆ”
“งั้นเหรอ ถ้าไม่สำคัญอะไร งั้นถอดออกมาให้ดูหน่อยสิ”
“ไม่ได้หรอก ไม่อยากถอด”
“ทำไมอะ”
“ก็ไม่อยากถอดไง” น้ำถอนหายใจยาว ก่อนจะลุกขึ้นจากโซฟา “ผมมีงานค้างอยู่ ต้องรีบทำให้เสร็จ วันนี้รินรันนอนกับริซาโกะนะ”
เมื่อบานประตูห้องปิดลงสนิท เจ้าของห้องเดินไปเอนหลังลงนอนบนเตียง แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรไปหาเมฆ เสียงเรียกเข้าดังอยู่พักใหญ่ ก่อนอีกฝ่ายจะรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“พี่น้ำ”
“อ้าว เมฆนอนแล้วเหรอ”
“ผมซ้อมบาสเหนื่อยมากเลย ยิ่งใกล้จะเปิดงานกีฬาแล้วก็ยิ่งต้องซ้อมหนัก พอกลับถึงหอก็เลยเผลอหลับอะครับ” เด็กหนุ่มพูดไปพลางอ้าปากหาวไปด้วย “วันเปิดจะมีแข่งรอบแรก ผมลงตัวจริงด้วยนะพี่น้ำ”
“แข่งกับคณะไหนน่ะ”
“วิทยาฯ ครับ พวกพี่ตั้งใจฝึกโหดมากเลยอะ ผมวิ่งจนเหงื่อออกเปียกซกทั้งตัว”
น้ำหัวเราะ “งั้นเหรอ พี่ไม่ได้เจอพวกมันหลายวันแล้วเนี่ย”
“พี่น้ำติดธุระอะไรเหรอ กลางวันก็ไม่เห็นมาโรงอาหาร”
“พอดีพี่เอาข้าวไปกินที่ประชุมองค์การนักศึกษาน่ะ เพราะพักเที่ยงมีเวลาน้อย”
“งั้นเหรอครับ” เด็กหนุ่มที่ปลายสายนิ่งไปสักพัก ก่อนจะพูดเสียงอ่อย “คิดถึงพี่น้ำอะ ผมไปหาได้มั้ย”
“อย่าเลย ซ้อมบาสมาเหนื่อยๆ ต้องขี่มอไซค์ออกมาอีกตั้งไกล”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้กลางวัน พี่น้ำจะมาโรงอาหารรึเปล่า”
“คงไม่...”
“เราก็ไม่ได้เจอกันเลยสิครับ ผมอยากเห็นหน้าพี่น้ำนี่นา งั้นตอนเย็นผมไปหา...”
“ช่วงนี้พี่ไม่ค่อยว่างนะ งานเยอะมาก กว่าจะกลับถึงห้องก็เหนื่อยแทบแย่ เมฆก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ มีอะไรก็เอาไว้ก่อนละกัน” น้ำเบาเสียงลงจนเกือบกระซิบ เพราะเขาคิดว่าได้ยินเสียงฝีเท้าจากทางด้านนอก
“อ่า...” ...แต่พรุ่งนี้เป็นวันวาเลนไทน์ ใครๆ ก็อยากอยู่กับแฟนไม่ใช่หรือ นี่พวกเขายังคบหาเป็นแฟนกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย “แต่ว่าพรุ่งนี้น่ะ...”
“เอาไว้พี่จะพาไปกินข้าว อยากกินอะไรก็คิดไว้เลย เมฆรีบนอนต่อเถอะ พรุ่งนี้จะได้มีแรง”
เมฆนิ่งอึ้ง ลองถ้ารุ่นพี่พูดปัดขนาดนี้แล้ว เขาคงไม่กล้าทู่ซี้ต่อ เด็กหนุ่มจึงตอบกลับไปเสียงอ่อย “ครับ... ฝันดีนะครับ”
“อือ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์” น้ำโยนโทรศัพท์มือถือไว้ที่ข้างหมอน ก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นหนุนศีรษะ เขายังคงได้ยินเสียงฝีเท้าของริซาโกะเดินวนไปวนมาอยู่ทางด้านนอก แต่จะโกรธก็โกรธไม่ลง เพราะเธอเป็นเสมือนมารดาและพี่สาวแท้ๆ ของเขา เป็นคนหนึ่งในครอบครัว นิสัยก็เหมือนกับพี่ชายไม่มีผิดเพี้ยน โดยเฉพาะเรื่องช่างห่วงและหวงนี่ล่ะ
ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูห้องออก “แอบฟังอะไรริซาโกะ”
“เฮ้ย เปล่า!” หญิงสาวเบิกตาโพลง ในมือถือถาดใส่อาหารว่างอยู่ “เอาขนมกับน้ำผลไม้มาให้น่ะ”
“ขอบคุณครับ แต่ว่าริซาโกะเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปนอนเถอะ เดี๋ยวผมก็จะนอนเหมือนกัน”
“อือ ฝันดีนะจ๊ะ” หญิงสาวยิ้มหวาน
น้ำผ่อนลมหายใจออกยาว เขารับน้ำใจจากพี่สะใภ้ไว้แล้วเดินกลับเข้าห้องไป
TBC~*เซอร์ไพรส์มั้ยล่าาา ฮัสกี้เอามาลงเร็วมากเลยน้าาาาา 
น่าสงสารพี่น้ำกับน้องเมฆกิงๆ มีอุปสรรครายล้อมเลย 555555
แต่อะไรๆ มันก็ไม่ยากหรอกกกกก พี่ไม้เปิดทางให้แล้วเนอะ 55555555
#สปอยล์ตอนหน้าเล็กน้อย เป็นวันวาเลนไทน์ล่ะค่ะ 
ขอบคุณที่ติดตามค่า