เมื่อผู้มาเยือนทั้งหมดลงมาพร้อมหน้ากัน มารดาของเมฆกับคุณยายก็ยกเค้กกับขนมหวานมาแจก ทุกคนอารมณ์ดีเพราะในบ้านไม่ได้คึกคักเช่นนี้มานาน หลังจากที่พี่ๆ ของเมฆไปเรียนต่อต่างประเทศแล้วภายในบ้านก็เงียบไปมาก ทว่าในวันนี้ครึกครื้น เสียงพูดคุยกันกับเสียงหัวเราะดังไปถึงอีกซอยเลยทีเดียว
หลังจากจัดการกับขนมไปจนหมดแล้ว ส่วนที่อยู่ในท้องยังไม่ทันจะย่อย บิดาของเมฆกับคุณตาก็มาเรียกให้ไปรับประทานมื้อเย็นกันต่อ ทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องอิ่มเสียจนแทบจะคลาน แต่เพราะอาหารอร่อย พวกเขาจึงเอ่ยชมกันไม่หยุดปาก เมื่อช่วยเก็บจานชามไปล้างแล้วทุกคนก็มานั่งคุยกันต่อในห้องนั่งเล่น พวกผู้ใหญ่นั่งบนโซฟา ส่วนเด็กหนุ่มๆ ก็นั่งรวมกันบนเสื่อ
“พรุ่งนี้วางแผนจะไปเที่ยวไหนกันล่ะ”
“ว่าจะไปน้ำตกใกล้ๆ เนี่ยครับ”
“อืม ดีๆ ช่วงนี้อาจจะแล้งไปหน่อย แต่พ่อได้ยินว่าปีนี้มีน้ำมากพอนะ แล้วมะรืนล่ะลูก ไปปากน้ำโพกับบึงบอระเพ็ดสิ”
“มะรืนพวกผมต้องกลับก่อนแล้วครับคุณพ่อ” ตั้งใจตอบแทนทุกคน “ว่าจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ก่อนสักสองสามวัน แล้วหลังจากนั้นก็ต้องกลับมหาลัยไปเตรียมของออกค่ายน่ะครับ”
“อ้าว เสียดายจัง มาแป๊บเดียวเอง”
“เอาไว้ปิดเทอมใหญ่นะครับ พวกผมจะมาอีก” น้ำยิ้มให้ทุกคนด้วยรอยยิ้มต้นแบบของอดีตเดือนมหาวิทยาลัย แต่เพื่อนพ้องของเขาเห็นแล้วอยากจะเบ้ปากเป็นเลขแปดส่งให้
“ดีๆ เผื่อคราวหน้าเจ้าหมอกกับยัยเดือนกลับมา จะได้รู้จักกันไว้”
“พี่น้ำคะ พี่น้ำมีแฟนรึยังคะ” จู่ๆ เด็กหญิงฝาแฝดที่ในตอนแรกนั่งเล่นกับกลุ่มอดีตพี่ว้ากอยู่ก็ถามขึ้นเสียงดัง
เจ้าของชื่อหันขวับไปทางเด็กหญิงทั้งสอง จากนั้นจึงหันไปสบสายตากับเมฆ ในตอนแรกเขาว่าจะไม่ตอบ แต่พอหันไปรอบๆ ตัวแล้วสายตาทุกคู่ดูจะเพ่งมองมาที่ตัวเขาอย่างกำลังรอคำตอบด้วยใจจดจ่อ เขาชำเลืองมองกลุ่มเพื่อนรักที่ลอบยิ้มแล้วยักคิ้วให้ ก่อนจะตอบคำถาม “มีแล้วครับ”
“โหย น่าเสียดาย” มารดาเอ่ยขึ้นเป็นคนแรก
บิดาหันไปเหน็บ “เสียดายอะไรน่ะแม่ จะเก็บไว้ให้ใคร เจ้าเดือนก็แก่กว่าตั้งเยอะ หรือเจ้าฟ้าเจ้าฝนก็ยังเด็กเกิน”
“งั้นเก็บไว้ให้เมฆก็แล้วกัน” คุณยายพูดแทรก เรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคนบนโซฟา ยกเว้นก็แต่พวกเด็กหนุ่มๆ ที่นั่งบนพื้นนั่นล่ะ พวกเขาหันหน้ามองกันแล้วยิ้มแหยๆ หากก็มีบางคนที่ยังคงยิ้มกรุ้มกริ่มได้
น้ำกระตุกยิ้มมุมปาก พร้อมกับหันไปขยิบตาให้เมฆซึ่งกำลังทำสีหน้าบอกไม่ถูก “ผมเอาจริงนะครับคุณยาย” พอได้ยินคำตอบของเขาเด็กหนุ่มก็เบิกตาโพลง
คุณยายตบเข่าฉาดอย่างถูกใจกับคำตอบ “ยายน่ะยกให้ แต่เดี๋ยวถามแม่เจ้าเมฆเขาอีกทีนะ”
“เอาไปเลย แม่ยกให้เลย เอาไปแล้วอย่าเอามาคืนเชียวนะ” มารดาพูดกลั้วหัวเราะ
“วรั้ย ไอ้เมฆขายออกแล้ว ดีใจด้วยเว้ย” แหนมกับตำลึงก็เอากับเขาด้วย โดยไม่สนใจว่าเพื่อนรักจะส่งสายตาดุๆ ใส่ “ดีใจหน่อยสิวะไอ้เมฆ”
“แหะๆ” เมฆยิ้มเจื่อนๆ ขณะเหลือบมองรุ่นพี่ ดูเหมือนพี่น้ำของเขาจะกำลังสนุกเลย ถ้าเช่นนั้น... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เขาก็จะเล่นตามน้ำไปด้วยอีกคนเลยก็แล้วกัน “ผมฝากตัวด้วยนะครับพี่น้ำ” จากนั้นจึงหันไปทางมารดากับคุณยาย “แต่เปลี่ยนจากยกผมให้พี่น้ำ เป็นให้พี่น้ำแต่งเข้าบ้านเราดีกว่า จะได้มีคนช่วยทำร้านอาหารไงครับ”
“เออ จริง บ้านเราจะได้ไม่เหงา มันต้องอย่างนี้สิหลานตา!” คราวนี้เป็นคุณตาที่ออกปากเห็นด้วย
“เนอะพี่น้ำ” เด็กหนุ่มหันไปยักคิ้วให้เจ้าของชื่อเรียก
“ยังไงก็ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว งั้นผมฝากตัวเป็นลูกหลานด้วยนะครับคุณพ่อคุณแม่ คุณตาคุณยาย” น้ำตอบรับทันควัน พลางโอบไหล่เด็กหนุ่มเข้าหาตัว
“จ้า แหม ช่างพูด!” คุณยายหัวเราะนำ แล้วยกมือขึ้นตบไหล่น้ำเบาๆ
ในขณะที่พวกผู้ใหญ่หัวเราะเฮฮากันไปเพราะไม่ได้คิดอะไรจริงจัง น้ำก็หันไปยิ้มเยาะให้พวกเพื่อนตัวดี ที่ช่างยุให้เด็กหญิงไร้เดียงสาเริ่มต้นถามคำถาม ซึ่งพวกเขาก็แอบส่งนิ้วกลางให้เป็นการโต้ตอบ
เมื่อพูดคุยกันจนพอใจแล้ว เหล่าเด็กหนุ่มก็แยกย้ายกันไปนอน แหนมและตำลึงนอนห้องเดียวกันกับเมฆ ส่วนน้ำนั้นแยกไปนอนอีกห้องกับเพื่อนพ้องของเขา
เด็กหนุ่มปีหนึ่งสามคนนอนเรียงกันอยู่บนเตียงเดียวกัน ภายในห้องปิดไฟแล้วแต่ยังเหลือดวงไฟหัวเตียงไว้ แหนมนอนตรงกลางระหว่างเพื่อนรักทั้งสอง เขาหันซ้ายทีขวาทีแล้วเอ่ยขึ้น “เบียดว่ะ เมื่อตอนเรียนจบมอหกยังนอนสามคนได้พอดีๆ อยู่เลย”
ตำลึงหันไปมองหน้าคนขี้บ่น “มึงอ้วนอะดิ หนึ่งเทอมที่ผ่านมานี่ แดกห่าอะไรเข้าไปนักล่ะ”
เมฆหัวเราะเบาๆ “กูนอนพื้นให้ก็ได้ เดี๋ยวไปเอาที่นอนมาปู”
“เฮ้ย ไม่ต้องหรอก” แหนมคว้าแขนเพื่อนรักไว้ “พวกกูจะได้นอนด้วยกันกับมึงแบบนี้อีกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกหน่อยคงมีคนอื่นมานอนแทน”
ตำลึงพูดต่อทันควัน “คนอื่นเร้อ... คนอื่นที่ชั้นสี่อะนะ”
“ก็บ้านมันยอมรับไปแล้วนี่ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะได้เขยหรือสะใภ้เลยเนี่ย”
เจ้าของห้องผงกศีรษะขึ้นพลางเท้าแขนลงกับหมอน “นี่พวกมึงอยากลงไปนอนพื้นทั้งคู่เลยมะ” ไม่พูดเปล่าหากยังยกเท้าขึ้นถีบทั้งสองคนไปด้วย
“เฮ้ยๆ จะตกเตียงแล้ว~” แหนมกับตำลึงถูกถีบไปนอนก่ายกันอยู่ที่ขอบเตียง “แต่ว่านะไอ้เมฆ”
“แต่อะไร”
“มึงสิบแปดแล้ว เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ต่อไปนี้ มึงควรจะตั้งหน้ารุกพี่เขาได้โดยไม่ต้องรู้สึกว่ามึงแก่แดดอีกแล้วนะ”
เมฆขมวดคิ้ว “กูเคยรู้สึกแก่แดดตอนไหนวะ”
“หน้าด้านก็ได้”
“พวกมึงนี่แกว่งปากหาตีนฉิบหาย”
“หวังดีโว้ย”
“พวกมึงไม่ต้องห่วงกูหรอก กูก็ตั้งใจไว้แล้วเหมือนกัน”
ตำลึงยิ้มกริ่ม “แปลว่าทฤษฏีแม่นแล้ว”
“เออ”
เมฆตอบอย่างมั่นใจ เพราะเวลานี้ฝึกเดาะเม็ดมะยมจนชำนาญ ให้พันก้านเป็นปมก็พอได้ ถึงจะยังไม่มีโอกาสลงสนามทดสอบผลการฝึกฝน แต่อย่างน้อยเขาก็พอจะรู้วิธีจูบที่จะทำให้คนรักพอใจแล้ว และถ้าเขาทำให้พี่น้ำพอใจได้ ก็จะได้อัปเลเวล ABC ตามที่พี่ตฤณเคยสอน
แหนมหรี่ตาพิจารณาสีหน้าของเพื่อนรัก พร้อมกับใช้ข้อศอกกระทุ้งตำลึงเบาๆ “งั้น... มึงรู้ตำแหน่งแล้ว?”
“เออ”
ตำลึงเลิกคิ้วขึ้น “เหอ! ตำแหน่งไหนวะ!”
“ไอ้พวกห่า ต้องถามอีก กูเป็นผู้ชาย มึงคิดว่าจะตำแหน่งไหนล่ะ”
“แต่พี่น้ำของมึงก็ผู้ชายรึเปล่าวะ”
“แล้วไงอะ ก็กูอยากกอดพี่เขา อยากเป็นคนปกป้อง อยากเป็นคนดูแลพี่เขานี่หว่า”
เพื่อนรักทั้งสองไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่มองสีหน้าของเมฆแล้วยิ้มน้อยๆ
...จะว่าไปก็สมกับเป็นไอ้เมฆเพื่อนรักของพวกเขานะ มันโตเป็นหนุ่ม เป็นสุภาพบุรุษเต็มตัวแล้วจริงๆ เป็นเพื่อนรักที่พวกเขารักและปลื้มมากที่สุด
“ดูแลพี่น้ำดีๆ นะมึง พี่เขาอุตส่าห์หอบสารร่างกลับมาจากญี่ปุ่นกะทันหัน แล้วยังขับรถมาหามึงถึงที่นี่เพื่อวันเกิดมึงด้วย”
“ของมันแน่อยู่แล้ว” เมฆตอบอย่างหนักแน่น
ภายในห้องพักห้องหนึ่งที่ชั้นสี่ซึ่งทุกคนปิดไฟเข้านอนกันเรียบร้อยแล้ว น้ำนอนบนพื้น ตั้งใจกับไข่ย้อยนอนบนเตียง ส่วนเพื่อนที่เหลืออีกสามคนนอนรวมกันอยู่อีกห้อง
ท่ามกลางความเงียบสงัดและมืดมิดในยามค่ำคืน น้ำยังคงนอนไม่หลับ เขาเหม่อมองเพดาน ใช้แขนทั้งสองข้างหนุนศีรษะ ในใจนึกย้อนไปถึงเมื่อตอนที่ขับรถมาถึงที่บ้านหลังนี้ ก่อนจะได้พบกับความอบอุ่นและการต้อนรับราวกับเขาเป็นลูกหลานของครอบครัวเมฆ ซึ่งทำให้หัวใจพองโต
ใบหน้าและรอยยิ้มของเมฆเป็นสิ่งที่เขาคิดถึงมากที่สุด ดวงตาสดใสดูมีพลัง เขาคงจะเสียใจมากถ้าหากไม่ได้อยู่เป็นส่วนหนึ่งของวันนี้
ชายหนุ่มพูดขึ้นเสียงเบา “ขอบใจพวกมึงมากนะ”
“เออ เล็กน้อยโว้ย เพื่อของฝากแล้วพวกกูทำได้” คนที่นอนอยู่บนเตียงตอบ
คนพูดผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “อ้าว ไอ้เหี้ย ยังไม่นอนเหรอ”
“ถ้าคิดว่าพวกกูนอนแล้วเสือกพูดทำไม”
น้ำหัวเราะ “พูดให้หมาฟังมั้ง”
“อ้าวไอ้เวร” สองหนุ่มบนเตียงหัวเราะบ้าง “แล้วพี่มึงว่าไงวะ กลับมาก่อนแบบนี้”
น้ำนิ่งไปชั่วครู่ นึกย้อนไปถึงใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามของพี่ชาย ทว่ากลับยอมปล่อยให้เขากลับมาได้โดยง่าย ที่จริงก็รู้สึกสะกิดใจอยู่นิดหน่อย แต่อาจจะเป็นเพราะเขากับพี่ชายเพิ่งปรับความเข้าใจกันได้ อีกฝ่ายเลยยอมโอนอ่อนให้
“ก็สงสัยนิดหน่อยว่ามีธุระสำคัญอะไร แต่ก็แค่นั้น”
“หืม? ทำไมรอบนี้พี่ไม้ปล่อยมาง่ายจัง หมดรักน้องชายแล้วเหรอวะ”
“ง่วงแล้วว่ะ นอนเหอะ” น้ำไม่ได้ตอบคำถามนั้น เขาปิดตาลง หากบนใบหน้ายังคงรอยยิ้มไว้เช่นนั้น จนกระทั่งหลับไป
TBC~*พี่น้ำน่ารักใช่ม้ายยยย มาเซอร์ไพรส์น้องเมฆวันเกิดด้วยอะ แบบนี้น้องเมฆไม่รักไม่หลงก็บ้าแล้ววว 
ขออภัยที่ช่วงนี้ลงช้านิดนึงนะคะ ปั่นนิยายหัวหมุน (จริงๆ แล้วคือติ่งผู้ชายไปด้วย 55555) 
ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะค้า เดี๋ยวตอนหน้าจะพาไปออกค่ายอาสา (ที่คนเขียนก็ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน มโนล้วนๆ กร๊ากก จะว่าไปตอนนี้ไปเที่ยวดอย ฮัสกี้ก็ไม่เคยไปค่ะ กูเกิลเอาล้วนๆ 5555)
ปล. ขอบคุณคุณ Meaw Evezaaaaa ที่ชี้คำผิดให้ ฮัสกี้แก้ไขแล้วค่า