ตอนที่ 16
“เป็นเอก… เป็นเอก…”
สัมผัสที่เปลือกตายังไม่จางหาย…แต่คนทำกับร่วงหล่นลงข้างกาย…ร่างสูงผิวซีดแน่นิ่งกับพื้นซีเมนต์เย็นชื้นหน้าหอตัวเอง
ตาสีฟ้ากระพริบปริบๆก่อนจะนั่งลงเขย่าร่างสูง
“เป็นเอกกกตื่นๆๆๆ ช่วยด้วยครับ ช่วยด้วย!!! มีคนหมดสติ!!!”
“เฮ้ยเกิดไรขึ้น”
ยามหอพักได้ยินเสียงวิ่งมาดู
“พี่ๆ เรียกรถพยาบาลให้หน่อย เพื่อนผมหมดสติ”
“ได้ๆๆๆๆ”
รอจนรถพยาบาลมาถึงก็ขอนั่งไปด้วย บุรุษพยาบาลที่มากับรถจัดการทุกอย่างตามขั้นตอนทางการแพทย์ส่วนกรีนได้แต่กระพริบตามองคนที่ไม่มีสติ….
“น้องเป็นเพื่อนเขาใช่มั้ย”
“คะ..ครับ ใช่ครับ”
“ลองดูกระเป๋าตังค์หรือมือถือหน่อย จะได้บอกญาติเขาให้มาดู”
“ได้ครับพี่”
กระเป๋าที่ติดตัวเป็นเอกมามีแค่กระเป๋าคาดไหล่สีน้ำตาลที่บุรุษพยาบาลพึ่งดึงออก รีบคว้ามาเปิด มือถือไม่มี…ในกระเป๋ามีบัตรประชาชน บัตรเครดิตห้าใบ…บัตรนักศึกษา บัตรเอทีเอ็ม…บัตรโรงพยาบาล…ใบขับขี่
“มีแต่บัตรครับ มีของโรงพยาบาล….ด้วย”
“สงสัยลูกคนมีตังค์ โรงบาลนั่นค่ารักษาแพงหูฉี่ เอ้าไม่เป็นไรเดี๋ยวไปถึงไปแจ้งเคาน์เตอร์ เดี๋ยวเขาคงโทรหาโรงบาลนั้นเอง”
“ครับพี่”
ก่อนจะปิดกระเป๋าก็เหลือบไปเห็นรูปคู่ที่เก็บไว้ในช่องใส่เหรียญ….เต็งหนึ่งกับเป็นเอก สมัยมัธยม…
“รักกันขนาดนี้แล้วมาจูบตากูทำไมเนี่ย เฮ้อ…”
“หนึ่ง มึงใจเย็นๆไอ้เหี้ย”
สก๊อตกดร่างเพื่อนลงกับพื้นห้อง…ห้องของเป็นเอกกับเต็งหนึ่งที่พึ่งได้มาเหยียบครั้งแรก…
“ปล่อยกูไอ้สัส กูจะไปหาเอกกกกกกกกกกก ไอ้เชี่ยจิแม่งต้องเอาเอกไปแน่ ไอ้สัสกูจะไปฆ่ามัน”
แมทรีบกระโจนไปนั่งทับอีกคนเพราะขนาดแรงควายอย่างสก๊อตยังเอาไม่อยู่
“มึงใจเย็นๆดิวะ กูบอกแล้วไงว่าไอ้จิไม่ได้เห็นไอ้เอกเลย เพื่อนไอ้เอกไปถามแล้ว”
“แม่งตอแหล!!!”
“เฮ้ยๆกูไปถามาจริงๆโว้ยพี่มึง เจอไอ้จิกับตัวด้วยแม่งทำรายงานอยู่กับเพื่อนมันที่ห้องสมุด ห่า ไอ้เอกไปไหนวะเนี่ย”
นทีที่โดนตามมาด้วยนั่งกินขนมมันฝรั่งอบกรอบที่เป็นยี่ห้อ ‘นำเข้า’ ไม่มีวางขายในไทยที่เพื่อนที่หายไปดันชอบจนต้องสั่งซื้อมาเรื่อยๆ
หมูก็เป็นอีกคนที่กำลังนั่งไล่รายชื่อเพื่อนที่เป็นเอกน่าจะพอรู้จัก โทรไปถามก็ไม่มีใครเห็น
เบียร์กำลังนั่งอยู่ข้างๆคุณหมอตัวใหญ่ที่เสนอไอเดียโทรหาตามโรงพยาบาลเผื่อได้รับอุบัติเหตุ โดยโทรจากโรงพยาบาลใกล้ๆก่อน จนเริ่มออกไปปริมณฑลก็ยังไม่ได้เรื่องอะไร
“โว้ยกูต่อยแม่งสักทีดีปะ มันจะอารมณ์ร้อนไปไหนวะ ตอนนี้ก็ให้ตำรวจช่วยหาแล้วไง”
ไม่รับแจ้งถ้าหายไม่ถึง 24 ชั่วโมง….แต่นามสกุลใหญ่…สิทธิพิเศษจึงตามมา
“พวกมึงปล่อย!!!!”
“ห่า กูล่ะเครียด”
ปุ้นกลอกตาไปมา ก่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าไปซับเหงื่อให้ไอ้แว่นที่บ้าบิ่นไปนั่งทับเพื่อนทั้งๆที่แรงไม่ค่อยจะมี
“ไหวมั้ยคนดี…”
“สัส มันใช่เวลาเล่นมั้ย!!!”
ก่อนความวุ่นวายจะมากไปกว่านี้ โทรศัพท์ของเต็งหนึ่งก็ดังขึ้นซะก่อน ทุกสายตาหันไปมอง
“กูรับเอง”
ปุ้นอาสารับและทุกคนก็เห็นด้วย เพราะกลัวปล่อยเต็งหนึ่งออกมาแล้วจะกดมันลงไม่ได้อีก
“ไอ้สัส เอามาให้กูคุยยยยยยยยยยยยยยยยย”
ปุ้นเดินไปหยิบมือถือที่กำลังดัง กดรับและนั่งลงจ่อที่หูของคนโดนกดลงกับพื้น
“หนึ่ง นี่อานะ”
“อาฉัตร เจอเอกหรือยังครับ”
“เจอแล้ว ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล… อาทำเรื่องย้ายมาที่โรงบาลประจำแล้ว นี่อาอยู่โรงพยาบาลมายืนยันว่าใช่เอกจริงๆตอนนี้กำลังตรวจร่างกายละเอียดเลย รีบมาแล้วกัน”
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้ ปล่อยกูไอ้สัสกูจะไปหาเอก !!!”
“ไปรถพี่ วู่วามแบบนี้เดี๋ยวไปไม่ถึงพอดี”
หมอกรที่แก่ที่สุดอาสาซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย ตีหนึ่งแบบนี้…รถไม่ติดหรอก
แมทกับปุ้นนั่งประกบเต็งหนึ่งที่เบาะหลัง เบียร์นั่งมาข้างคนขับ นที หมู สก๊อตและแมท ตามมาด้วยรถเบนซ์ของสก๊อตอีกคัน
“อาฉัตร!”
“ชู่ว…ใจเย็นๆเอกปลอดภัยแล้ว กำลังรอผลตรวจร่างกาย”
เต็งหนึ่งมองไปที่คนผิวซีดที่นอนหลับสนิท…เหมือนเจ้าชายนิทรา
ขาก้าวไปช้าๆ ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียง…ดึงมือเรียวมาจับไว้แน่น…น้ำตาเม็ดโตร่วงลงมาแบบกลั้นไม่อยู่…
ไม่มีเสียงสะอื้นเพราะมันตันอยู่ในลำคอ รู้แต่ว่าโล่ง…สบายใจ….ทุกสิ่งอย่าง
เป็นเอก…กลับมาแล้ว
“อย่าไปไหน..อีกนะ”
เสียงสั่นที่แหบพร่า…พูดเบาๆก่อนจะกดจมูกลงหอมมือที่ตัวเองกุมไว้
“หนึ่ง..ไม่เป็นไรแล้วเว่ย”
ทุกคนโล่งใจที่คนที่หายไปปลอดภัยแล้ว แต่คงต้องรอว่าเกิดอะไรขึ้น ฉัตรชัยรีบต้อนทุกคนไปที่ห้องพักเล็กอีกห้องสำหรับคนที่มาเยี่ยม เหมือนห้องครัวเล็กๆมีอุปกรณ์ครบครัน
“ใครวะ”
ปุ้นถามเมื่อเห็นผู้ชายตัวเล็กผมสีน้ำตาลนั่งอยู่
“เอ่อ…เราชื่อกรีน…เราอยู่กับเป็นเอก ตอนเขาหมดสติ”
“แล้วเพื่อนกูไปอยู่กับมึงได้ไง เพื่อนกูไม่ได้สนิทกับมึงซะหน่อย”
นทีทุบโต๊ะดังลั่นจนคนถูกถามสะดุ้ง
“ใจเย็นๆ อาถามเขาแล้ว เขาไม่ได้ทำอะไร แต่ลักษณะที่เขาเล่าดูเหมือนเอกจะทำตัวแปลกๆ”
“แปลกยังไงครับ เล่าอีกรอบได้ปะ”
เต็งหนึ่งเดินตามเข้ามานั่งลงตรงข้ามกรีน…ตาคมจ้องเขม็งจนคนถูกมองขนลุก
“เอ่อ…คือเราเดินไปทักเป็นเอกที่ตึกคณะน่ะ เราเรียกอีกสาขาเห็นนั่งรอฝนหยุดคนเดียวเลยไปคุยด้วย แล้วพอฝนหยุดเราก็ขอตัวไปทำงาน เราทำงานพิเศษร้องเพลงในร้านเหล้าช่วงหัวค่ำ…เขาก็ตามมา แต่เขาดูแปลกๆเหมือนที่ตามมาเพราะคอนแทกเลนส์เราเป็นสีฟ้า เขาพูดแต่ท้องฟ้า…เอ่อก่อนเขาหมดสติก็คือตอนเขามาส่งที่หอ แต่เราบอกไม่ต้องมาก็ได้ จริงๆก็บอกตั้งแต่แยกกันที่คณะแล้วแต่ก็ดื้อตามมา เขาก็จูบที่ตา…แล้วก็หมดสติไปเลย”
กรีนกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อเห็นมือหนากำแน่น แถมหน้าคมยังเห็นชัดว่าขบฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน
“ขอบใจมาก…ที่พาเอกมาโรงพยาบาล”
“เอ่อ…อื้อ แต่ว่าเราไม่ได้ทำอะไรนะ เราจำได้ว่าเป็นเอกเป็นแฟนนาย แต่ตกใจตอนเขามาจูบที่ตา…พอมาโรงบาลเลยคิดว่าเขาแปลกๆ นั่นแหละ”
“เอาเป็นว่าเดี๋ยวรอผลตรวจ และถ้ามันมีสาเหตุที่ไม่ได้เกิดจากโรคทั่วไปหรืออะไรก็คงต้องแจ้งตำรวจ ถ้าแบบนั้นคงต้องขอให้อยู่ก่อนนะ”
กรีนพยักหน้าตามที่ทนายประจำตระกูลนฤนาฏบอก…ไม่คิดว่าแค่ไปทักตอนฝนตก เรื่องจะโยงใยไปถึงตำรวจได้ เฮ้อ ซับซ้อนชะมัด
“มึงอ่ะ ชอบเพื่อนกูหรอ”
นทีถามขึ้นท่ามกลางความเงียบหลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปเพราะถูกไล่ให้กลับบ้าน ผลตรวจต้องรออีกสักพักถึงจะได้ เลยแยกย้ายกันไปอาบน้ำแล้วเดี๋ยวจะมาใหม่ ส่วนเต็งหนึ่งจับจองพื้นที่ข้างเตียงเหมือนเดิม
“หา…เปล่าๆๆๆ”
“แล้วพาเพื่อนกูไปด้วยทำไมวะ คนไม่ชอบ ไม่ได้คิดอะไรจะให้เดินตามไปหรอ”
มองแล้วขัดใจกับไอ้คนตัวเล็กนี่…มันต้องอ่อยเพื่อนเขาไปตามไปชัวร์ๆ
“เฮ้ย…เปล่านะ”
กรีนเลิ่กลั่ก…พูดอะไรไม่ค่อยออก…
“ก็พูดมาดิรอฟังอยู่”
“ระ…เราไม่ได้ชอบเป็นเอกนะ”
“ตอบไรให้หนักแน่นหน่อยดิวะ พิรุธชิบหาย กูไม่เชื่อมึงหรอก”
น้ำเสียงหาเรื่อง…
“ก็บอกว่าเปล่าไง!!!”
เถียงหน้าดำหน้าแดง… ฟังไปมันก็เสียงเพราะดี
“ชอบก็บอกว่าชอบดิ เพื่อนกูมันหล่อกูไม่แปลกใจหรอก”
“ไม่ใช่ทุกคนชอบคนหล่อไปซะหมดนะ!”
“อ้อ…ละมึงให้เพื่อนกูตามไปทำไม?”
“คือ….”
นทีกลั้นขำเมื่อไอ้ตัวเล็กมันเลิ่กลั่ก อ้ำๆอึ้งๆ เดี๋ยวอ้าปากเดี๋ยวหุบปาก
“ก็บอกมาดิ กูอยากรู้ว่ามึงแอบคิดไม่ดีกับเพื่อนกูใช่ปะ หรือว่า…ใครส่งมึงมาทำร้ายเพื่อนกู”
พึ่งรู้เรื่องจากเต็งหนึ่ง….เอกโดนคนหมายหัว….พวกลูกคนรวยนี่ซับซ้อนจริง
“เฮ้ยบ้า…ค่ามดค่าปลวกเรายังไม่ทำเลยนะ!!!”
“งั้นก็ชอบเพื่อนกู แต่เพื่อนกูมีแฟนแล้ว มึงคงอกหัก”
นทีเดาะลิ้นก่อนจะลุกขึ้นเตรียมจะออกไปหาไรกิน เพราะหออยู่ไกลโรงบาลเลยเป็นอีกคนที่ตัดสินใจไม่กลับแต่อยู่เฝ้าด้วย
“ไม่ใช่โว้ย !!!! เราชอบนายต่างหาก!!!!!!!!! อุ้บ!”
“หือ?”
เอี้ยวตัวกลับไปมองคนที่หลุดปาก… เถียงจนหน้าแดง…กลายเป็นเขินจนหน้าแดงไม่กล้าสู้หน้า ฟุบหน้าลงกับโต๊ะจึงเป็นทางออกสุดท้ายสินะ?
“ชอบกู…หึ….”
เดาะลิ้น…ก่อนจะลากเท้าเดินออกมา…นั่งลงข้างหมูที่นั่งอยู่บนโซฟาเดเบดดูทีวี
“ยิ้มไรวะมึง เมาปะเนี่ยเมื่อกี๊ยังเครียดอยู่”
“กูสบายใจเฉยๆที่เอกมันปลอดภัยแล้ว”
ว่าไปโน่น..
“เออกูก็โล่งว่ะ แต่แปลกเนอะแม่งหายไปกับไอ้กรีน คนนี้มึงชอบไม่ใช่หรอ?”
“ชู่ว…..อย่าหลุดสิวะ”
“เออๆๆ”
หึหึ….
เกือบเช้าผลการตรวจทั้งหมดก็เสร็จเรียบร้อย คุณหมอเจ้าของไข้คราวนี้คือผู้บริหารโรงพยาบาลเพราะเป็นเคสพิเศษที่อาจจะต้องมีการแจ้งความ แถมผู้ป่วยยังเป็นถึงวีไอพี
“สวัสดีครับคุณฉัตร”
“สวัสดีครับหมอคณินทร์ ผลตรวจว่าไงบ้าง”
“พบสารเสพติดนะครับ…ไม่ทราบว่าผู้ป่วยมีประวัติใช้สารเสพติดมาก่อนหรือเปล่า?”
“อะไรนะ? เอกเนี่ยนะเล่นยา? ไม่จริง! ผมอยู่กับเอกตลอดถ้าเอกติดจริงผมต้องรู้”
ค้านหัวชนฝา
“เฮ้ยเอกไม่ใช้ยาหรอกครับ ขนาดบุหรี่ยังสูบแบบบุหรี่ไฟฟ้าไร้นิโคติน ซึ่งนานมากจะเห็นมันสูบที”
นทีค้านอีกคน
“ถ้าผู้ป่วยไม่ได้เสพยา…งั้นผมคิดว่าเราคงต้องแจ้งตำรวจ”
คุณหมอเสนอ มีบ่อยไปที่ลูกคนรวยมักถูกปองร้ายโดยสารเสพติด
“หมอ…มันตรวจได้ขนาดรู้เลยปะว่าสารเสพติดประเภทไหน?”
“หลอนประสาท…แอลเอสดี…”
“คนทำคงรู้ว่าเอกต้องมาหากูทุกเดือน”
วงกาแฟ…หนึ่งหมอจิตแพทย์ …หนึ่งทนาย…หนึ่งตำรวจ
“แอลเอสดี …เหอะ ถ้าจะมาถึงตัวเด็กได้ก็ต้องมากับลูกอม กูพึ่งจับได้ล็อตใหญ่เชียวไอ้ลูกอมแอลเอสดีเนี่ย”
“คนเดียวกับที่พวกเรากำลังสืบหรือเปล่า”
“แต่เป้าหมายเราไม่ได้ยุ่งยาเสพติดสักหน่อย สืบจนพรุนขนาดนี้ไม่น่าลอดสายตา เราแค่รอมัดตัว”
“กูไปเข้าประชุมทุกครั้ง เขาก็ถามหาหลานตลอด ดูไม่ออกจริงๆว่าอยากฆ่าหลานตัวเอง”
“แล้วยาเสพติดมันมาจากไหน เด็กมันป่วยเจอยากล่อมประสาทอ่อนๆอยู่แล้วบางทีที่กูสั่งยา โอ้โหมาเจอหลอนเข้าไปอีก ไม่รู้จินตนาการ
อะไรไปถึงไหนถึงไปเดินตามอะไรนะที่มึงว่า?”
“ท้องฟ้า ฟ้าปลอมๆจากคอนแทกเลนส์อีก เฮ้อ….”
“ยังดีตามคนดีไป..คิดไม่ตกเลยว่ะว่าคนใหญ่คนโตจะใช้แผนนี้ มันดูเด็กๆไปแถมถ้าจับได้นี่เรื่องยาวเลยนะ”
“หรือคนร้ายแม่งจะมีมากกว่าหนึ่ง?”
สายตาหมอกับทนายจ้องมาที่ตำรวจ…
“กูว่า…เราต้องบีบมันหน่อยแล้วว่ะ มันต้องใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำ ต้องหาตัวล่อ”
“คงไม่ใช่คุณชายกูอีกนะโว้ย น่วมจนเข้าโรงบาลแล้วน่ะ”
“เออผู้ป่วยกูนะโว้ย คนไข้กู หลานรักกูด้วย”
“ไอ้พวกนี้นี่! มันจะยากอะไรวะก็มีไพ่เด็ดอยู่อีกคนไม่ใช่รึไง”
มองหน้ากัน…
“ไปดึงเขามาทำไมวะ…ก็รู้อยู่ว่าไม่อยากให้ยุ่ง”
“แต่จะว่าไปเขาก็ออกตัวอยากช่วยแต่แรกแล้วนะ”
“ลูกชายเขาเป็นไรขึ้นมาเราจะลำบาก ทุกวันนี้เจอหน้าเขากูก็แทบไม่กล้าสบตาแล้ว”
“อะไรวะ ก็ลูกเขามาอยู่กับคนของเราเอง”
“พวกมึงนี่ขี้กลัว แม่งก็เพื่อนกันหมด ห้าเสือ จะยอมแพ้หรอวะ ลูกไอ้อัครนะโว้ย”
“เจ้านายกูด้วยนะน่ะ”
“เฮ้อ…พูดแล้วเศร้าใจ ห้าเสือหนุ่มดันเหลือแค่สี่เสือแก่”
“มึงแก่ไปคนเดียวเลยไอ้ห่าหมอ ตกลงว่าไง กูจะโทรหามันแล้วนะ”
“เออกูเห็นด้วยกับไอ้ผู้กำกับใหญ่ งานนี้มันก็ต้องทุ่มกันหน่อยวะ ….ไอ้อัครมันจะได้ตายตาหลับ”
ตำรวจตำแหน่งผู้กำกับกดมือถือโทรหาเบอร์ที่เป็นหนึ่งในเบอร์โปรด…หนึ่งในห้าเสือ….
“ว่าไงเพื่อนไอ้หมวดเจตเพื่อนรัก กูอาบแดดอยู่มัลดีฟต์ มึงคิดถึงกูหรอเพื่อน”
คำเรียกที่ยังเหมือนเดิมแม้ตอนนี้หมวดเจตจะกลายเป็นผู้กำกับเจต
“ธาร…กูว่าเราต้องรีบแล้วว่ะเรื่องไอ้อัคร”
“หืม ได้ เดี๋ยวกูกลับวันนี้เลย แล้วไอ้ฉัตรกับไอ้หมอตินล่ะ?”
“อยู่กับกู จริงๆพวกกูไม่อยากให้มึงมายุ่งแต่สงสารเอกมัน โดนเล่นอีกละ…”
“ไอ้ห่า เรื่องนี้กูบอกแล้วว่าต้องช่วยกัน อัครก็เพื่อนกู ไอ้เอกก็เหมือนลูกอีกคน กูอุตส่าห์ยอมโดนไอ้อัครต่อยตอนรู้ว่าลูกชายกูไปจิ๊จ๊ะลูกมัน พวกมึงนี่ เป็นไงล่ะสุดท้ายก็ต้องมาเจอลูกพี่ใหญ่แบบกู รอกูตรงนั้นเลยไอ้พวกเวร เดี๋ยวพี่ธารเคลียร์เอง!!!”
ลูกพี่ใหญ่ของแก๊งเสือ ที่ตอนนั้นโด่งดังไปทั่ว…ห้าหนุ่มเสือลูกชายตระกูลดังที่วันนี้กลายเป็นนักธุรกิจใหญ่โต เป็นคนมีตำแหน่งไปหมดแล้ว
“เออ ไอ้หัวหน้ามึงกลับมาเลย!!!”
ธารธารา….หนุ่มเลือดร้อน…ที่ไม่อยากให้มันมายุ่งเพราะกลัวร้ายมันจะตายค่ามือมันซะก่อน ไม่เหลือให้กฏหมายบ้านเมืองได้ใช้งานพอดี!!! เจ้าของบริษัทเบเกอร์รี่ระดับเอเชียบ้านมันสิมีธุรกิจเสริมเป็นพ่อค้าอาวุธสงคราม! ไม่นับคาสิโนมันที่เวกัสอีก
“ตอนนี้มันตายก็ช่างแม่งเหอะ…กูหงุดหงิดกับแม่งละ”
“มึงเป็นหมอนะสัส ละกูก็เป็นตำรวจ…”
“งั้นถือว่าประโยคนั้นมาจากทนายแบบกูแล้วกัน ไปโว้ยพักผ่อน ตอนเย็นค่อยมาโดนไอ้ธารมันด่า…ดีนะลูกชายมันไม่ปากเหมือนพ่อ”
“เออแยกย้ายโว้ย แยกย้าย”
============================================
-....- ธารธารา พ่อใครน้าาาาาาา