[12]
PART 2
“น้องฟ่าครับ. . .”
“พี่นัท” นี่คือชื่อของคนที่เรียกผมไว้ ‘พี่นัท’ เป็นพี่ปีสองคณะผมเอง ที่สำคัญพี่เขายังเป็นเพื่อนสนิทของพี่รหัสผมด้วย งงมั้ย กร๊ากกกก คือพี่รหัสผมเนี่ยผู้ชายนะ ชื่อพี่กานต์ แล้วทีนี้พี่นัทเนี่ยก็เป็นเพื่อนกับพี่กานต์ โอเคนะ ไม่งงนะ
“เห็นจากข้างหลัง ตอนแรกนึกว่าไม่ใช่ซะอีกนะครับเนี่ย” พี่เขายิ้มหวานบอก คือพี่นัทเนี่ยเป็นคนที่ยิ้มหวานแล้วก็สวยมากๆ ที่สำคัญเป็นเดือนคณะผม แต่ไม่ได้เป็นเดือนมหาลัยหรอกนะ เพราะเดือนมหาลัยคณะแพทย์ฟาดเรียบสี่ปีซ้อน ตั้งแต่ปีพี่รหัสไอ้คีน ปีไอ้คีน (เขาหน้าตาดีกันทั้งสาย) ปีสอง(ตอนที่พี่นัทเป็นตัวแทนคณะผม) จนมาถึงปีผม (แต่ผมไม่ได้เป็นตัวแทนคณะนะ เพื่อนเซคเดียวกันต่างหาก) คณะแพทย์ก็ยังครองตำแหน่งอยู่ นี่ถ้าปีหน้าคณะแพทย์ยังได้อยู่ผมว่าไม่ต้องประกวดแล้วเดือนมหาลัยอ่ะ ยกตำแหน่งให้เขาเลยง่ายกว่า ฮ่าๆ (ออกแนวประชด)
“ใช่สิครับ พี่นัทมานานแล้วหรอ” พี่นัทเป็นคนที่พูดเพราะกับรุ่นน้องรุ่นพี่มากๆ เพราะงั้นเวลาที่พูดกับพี่เขา คนอื่นก็จะพลอยพูดเพราะไปด้วย คงจะมีแค่กลุ่มเพื่อนเขามั้งที่จะพูดกันปกติ
“ก็มาสักพักแล้วล่ะ” ผมยิ้มรับกับคำตอบของเขา พอดีกับโทรศัพท์ผมดังขึ้นมาซะก่อน คนที่โทรมาก็ไม่ใครที่ไหน ไอ้คีนนั่นแหละ
“ว่าไง”
((เปล่า แค่จะบอกว่าถึงห้องแล้ว มึงเริ่มทำงานยัง)) มันถาม ไม่รู้กำลังทำอะไรอยู่มีเสียงกุกกักๆ ลอดมาตามสาย
“กำลังจะเริ่ม อ้อ ทำข้าวเที่ยงไว้แล้วนะ ตอนจะกินก็อุ่นเอา” ผมบอก เมื่อเช้าลืมบอกมันว่าทำข้าวเที่ยงไว้ให้มันแล้ว แค่ไม่กี่อย่างเท่าที่เวลาสั้นๆ จะเอื้ออำนวย
((อืม เห็นแล้ว เดี๋ยวจะนอนต่อ บ่ายๆ จะออกไปร้านพี่นอร์ท))
“อะไร จะดื่มตั้งแต่หัววันเลยหรอ” ผมถาม ออกแนวโวยวายนิดๆ แน่ล่ะ จะออกไปดื่มตั้งแต่บ่ายเนี่ยนะ
((ไม่ได้ไปดื่ม จะเอารถไปล้าง))
“ล้างรถอะไรที่ร้านเหล้าล่ะ” ไม่จบๆ
((ร้านเหล้าที่ไหน คาร์แคร์ครับคาร์แคร์))
“แล้วไป” กูจะรู้มั้ยล่ะว่านอกจากผับกึ่งร้านอาหารร้านเหล้า พี่นอร์ทยังเปิดคาร์แคร์อีก
((แต่ล้างเสร็จก็จะไปร้านพี่นอร์ทที่เป็นร้านเหล้านั่นแหละ)) ห่านี่ ผมเงียบครับ ไม่ตงไม่ตอบ
((เอาน่า ไม่ได้ไปกินเหล้า ไปช่วยงานพี่แกนิดหน่อย เดี๋ยวตอนเย็นไปรับ)) มันพูดต่อ
“แน่นะ” ผมถามเพื่อความแน่ใจ แต่ปากนี่ยิ้มแล้ว
((เออ เสร็จแล้วโทรมาด้วยล่ะ ตอนเที่ยงก็โทรมาด้วย))
“คร้าบบบบ” ผมตอบรับคุยกันอีกสองสามคำก็วางเพราะอีออมโบกมือเรียกแล้ว
“แฟนหรอครับ” ผมสะดุ้ง เพราะเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง พี่นัทนั่นเอง นี่ผมลืมไปแล้วนะว่าพี่แกยืนอยู่ตรงนี้ด้วย
“ครับ” ผมตอบรับยิ้มๆ แต่ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกวาแววตาพี่เขาเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่แค่แป็บเดียวมันก็กลับมาเหมือนเดิม ผมก็ไม่ทันได้คิดอะไร รีบเดินไปช่วยงานที่ใต้ตึกคณะทันที
“ไอ้ฟ่า พี่กรให้มาชวนไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน” ไอ้คิมบอก พวกเราเตรียมงานกันไม่ได้หยุด ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว
“พี่กร?” ผมทวน พี่กรไหนวะ กูรู้จักคนชื่อนี้ด้วยหรอ
“เออ คนนั้นอ่ะ” ไอ้คิมชี้ไปที่พี่ที่ทักไอ้คีนตอนมาส่งผมเมื่อเช้า อ่อ พี่คนนี้เอง ชื่อพี่กรหรอวะ
“เออๆ” ผมตอบรับ ก็ดีเหมือนกัน เมื่อกี้ก็คิดๆ อยู่ว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ไหน
“ไปกันเลยมั้ย เดี๋ยวจะได้รีบกลับมาทำงานอีก” พี่กรเดินมาชวน ผมตอบรับ ตกลงว่าพวกผม คือผม ไอ้คิม ไอ้ออม กลุ่มพี่รหัสผม(พี่นัทก็อยู่กลุ่มนี้แหละ) รวมถึงกลุ่มพี่กร รวมๆ แล้วเกือบยี่สิบคน ยกขบวนกันไปกินข้าวที่ร้านอาหารขึ้นชื่อหลังมอ เป็นร้านที่มีโต๊ะยาว พอที่จะจุคนยี่สิบคนได้ แต่ก่อนอื่น ต้องโทรไปรายงานพ่อคุณทูนหัวก่อน
((ว่าไง)) มันรับโทรศัพท์
“จะออกไปกินข้าวกับพวกพี่กรนะ” ผมรายงาน
((ที่ไหน))
“ร้านXXXหลังมอ”
((อืมๆ ตอนเย็นโทรมาด้วย))
“ครับพ่อออออออ” ผมลากเสียงยาวล้อเลียนมัน
((หึหึ)) มันสั่งอะไรเรื่อยเปื่อยอีกนิดหน่อย ไอ้คิมก็มาเรียกให้ผมไปขึ้นรถ ก็รถมันนั่นแหละ เห็นว่าเมื่อเช้าไปแวะรับอีออมมาด้วย
แป็บเดียวรถก็มาจอดอยู่ที่ร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โต๊ะที่พวกพี่ๆ จอง เป็นโต๊ะที่ค่อนข้างส่วนตัว พี่กรบอกว่ากลัวพวกเราจะเสียงดังก็เลยเลือกโต๊ะที่ค่อนข้างห่างไกลจากคนอื่นเขา แหม่พี่ก็ เห็นเด็กวิดวะเป็นคนยังไงเนี่ย
ผมนั่งเกือบๆ ปลายโต๊ะ ให้เกียรติพวกพี่ๆ เขา เพราะคิดว่ามื้อนี้พวกผมคงจะไม่ใช่คนจ่ายอย่างแน่นอน คริคริ ไอ้ออมนั่งถัดจากผม ส่วนไอ้คิมก็นั่งถัดจากอีออมอีกที ส่วนฝั่งซ้ายของผมถูกจับจองโดย. . .พี่นัท
“สั่งเลยๆ เต็มที่ มื้อนี้เดือนคณะปีสามเลี้ยง” พี่คนหนึ่ง ซึ่งผมไม่รู้จักชื่อ(อีกแล้ว) ตะโกนขึ้นมาตอนที่พนักงานมารับออเดอร์
“ครับๆ เต็มที่เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” พี่กรตอบรับหน้าบาน ใช่จริงๆ ด้วย ตกลงว่าพี่แกเป็นเดือนคณะปีสามจริงๆ ถึงว่าหน้าคุ้นๆ แถมยังรู้จักกับไอ้คีนอีก คงจะรู้จักตอนประกวดเดือนมหาลัยสินะ ว่าแต่พี่แกรวยเน๊าะ เลี้ยงคนเกือบยี่สิบคนเนี่ย แถมแต่ละคนสั่งอย่างกับห่าลง โดยเฉพาะเพื่อนพี่แกเอง นี่กะจะให้หมดตัวเลยใช่มั้ย แต่ผมก็สั่งนะ แหม่ ก็พี่เขาบอกให้เต็มที่
“ฟ่าครับ กินนี่สิ อร่อยนะ” พี่นัทตักตับหวานใส่จานให้ผม ผมก็ยิ้มรับแล้วก้มหัวขอบคุณนิดๆ พี่เขาก็ยิ้มรับ อีออมนี่สะกิดผมยิกๆ จนผมต้องไปถลึงตาใส่ และหลังจากนั้นพี่นัทก็จะคอยตักโน่นตักนี่ให้ผมอยู่ตลอด ผมห้ามจนไม่รู้จะห้ามยังไง ก็เลยปล่อยเลยตามเลย
“ไอ้นัทเว้ย ระวังตีนเดือนมหาลัยด้วยเว้ย” พี่กรร้องบอก เพราะในที่นี้นอกจากไอ้คิมกับอีออมแล้ว ก็คงอาจจะยังไม่มีใครรู้ว่าผมกับไอ้คีนเป็นแฟนกัน (ข่าวลือกับภาพที่ถูกปล่อยเมื่อสองเดือนที่แล้วคงจะถูกลืมไปแล้ว)
“เดือนมหาลัย? ใครวะ?” พี่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างกับพี่กรถาม
“ไอ้คีนไง เดือนมหาลัยปีสาม” พี่กรบอกยิ้มๆ
“เฮ้ย!! แฟนไอ้คีนหรอวะ” พี่คนเดิมร้องอย่างตกอกตกใจ คือตกใจอะไรวะ กูเป็นแฟนกับไอ้คีนนี่แปลกตรงไหน กูออกจะน่ารัก ดูดี เป็นแฟนกับคนหล่อมันก็เหมาะกันแล้วนี่ แหม่ะ
“เออ” เสียงที่ตอบรับจากด้านหลังของผมทำให้ทั้งโต๊ะเงียบกริบ ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนที่ตกเป็นหัวข้อสนทนานั่นแหละ
“กินข้าวแล้วหรอ?” ผมถาม นี่เพิ่งเที่ยงครึ่งเอง ไหนว่าจะออกมาบ่ายๆ
“กินแล้ว มาเอากุญแจ” มันว่า
“กุญแจ?”
“กุญแจบ้านมึง กูจะเข้าไปเอาเสื้อผ้าให้” ผมพยักหน้ารับ แล้วล้วงเอากุญแจบ้านในกระเป๋ากางเกงส่งให้ บอกพิกัดห้องตัวเองเรียบร้อย ใจง่ายเน๊าะ ให้ผู้ชายเข้าบ้านง่ายๆ เนี่ย คริคริ
“เดี๋ยวตอนเย็นโทรหา” ผมบอก มันพยักหน้ารับ บอกลาพวกพี่กร ไอ้ออม ไอ้คิมนิดหน่อย แล้วเดินออกไปจากร้าน คงจะเอารถมอเตอร์ไซค์ไปล้างนั่นแหละ
“เอ่อ. . .” พอผมหันกลับมา บนโต๊ะก็ยังเงียบ โดยเฉพาะพี่นัท เงียบกริบ อะไรของพี่เขาวะ
“โว้วๆ น้องรหัสผม เล่นเดือนมหาลัยเลยอ่อวะ ไม่เบานะเนี่ย” พี่กานต์แซวขึ้นมา คนอื่นก็โห่ฮิ้วกันไป ผมก็ยิ้มรับเขินๆ เออ ก็กูเขินอ่ะ ถ้าแค่พูดถึงไม่เป็นไร นี่มาให้เห็นกันจะๆ ไม่เขินก็หน้าหนาเกินไปละ
“แหงล่ะ คนน่ารักต้องคู่กับคนหล่อ ธรรมด๊า” ผมยักไหล่อวด นี่คือกูเขินแล้วนะ ฮ่าๆ
“โห่ ฮิ้ววววววว” ครับ เสียงแซวก็มาตามระเบียบ
“เอ่อ. . .น้องฟ่าเป็นแฟนกับพี่คีนหรอครับ” พี่นัทที่เงียบอยู่นานเอ่ยถาม เออว่ะ นี่ผมลืมพี่เขาอีกแล้ว เมื่อกี้ตอนพวกพี่ๆ เขาแซวผมอยู่ ผมก็ไม่ทันสังเกตว่าพี่นั่งเงียบเชียว
“ครับ” ตอบรับไปเล๊ย ชิลๆ แล้วพี่เขาก็เงียบไปเลยครับ ไรวะ
“ไอ้ฟ่า กูว่าพี่นัทชอบมึงชัวร์” ไอ้คิมพูดระหว่างที่เรากำลังนั่งรถจะกลับไปที่มอ หลังจากกินข้าวเสร็จก็ต้องกลับไปเตรียมงานอีก
“เออๆ กูก็ว่า” อีออมที่นั่งอยู่เบาะหลังออกความเห็นบ้าง ผมนั่งอยู่ข้างคนขับ ส่วนคนขับก็ไอ้คิม
“แล้วไง” คือผมก็ดูรู้นะไม่ใช่ไม่รู้ ถ้าไม่คิดอะไรมีหรอจะมานั่งเอาอกเอาใจ ตักนู่นตักนี่ให้ แต่ที่ไม่พูดไม่ปฏิเสธไปก็เพราะว่าหนึ่งพี่เขายังไม่มีท่าทีคุกคามอะไรเกินเหตุ สองพี่เขาเป็นเพื่อนกับพี่กานต์ด้วย เดี๋ยวถ้าผมเผลอปฏิเสธรุนแรงไปนี๊สสสส อาจจะมีปัญหาได้
“ระวังพี่คีนจับได้นะมึง” ไอ้คิมว่าอีก
“จับได้เรื่องอะไร กูไม่ได้นอกใจมันซะหน่อย” ผมตอบกลับเหมือนกัน เรื่องมีคนมาชอบมาเกาะมาแกะผมเนี่ย ผมไม่กลัวเลยนะถ้าไอ้คีนจะรู้ คือผมก็รู้ตัวเองไง ว่าไม่เล่นด้วยอย่างแน่นอน เห็นอย่างนี้เวลาคบใครก็คบทีละคนเหอะ
“แล้วถ้าพี่เขารุกมึงมากกว่านี้ล่ะ” อีออมถามบ้าง มันชะโงกหน้ามาที่เบาะผมอย่างอยากรู้คำตอบเต็มที่ ผมเลยผลักหัวมันแรงๆ ทีนึง จนหงายหลังไป
“ห่านี่” มันโวย
“ก็รอให้ถึงวันนั้นก่อนเถอะ” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ จะเอาอะไรมาก ถ้ามัวแต่ระแวงระวังทุกคนที่มาชอบก็ไม่ต้องออกไปไหนกันพอดี ของแบบนี้มันเป็นธรรมดาของคนหน้าตาดีอยู่แล้วป่ะ หึหึ
“แต่กูว่าระวังไว้ก็ดีนะ พี่นัทดูน่ากลัวยังไงไม่รู้” อีออมพูดพลางลูบแขนมันสองข้างเหมือนคนขนลุก ผมขำๆ ส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เอาน่า ผมไม่อยากกังวลอะไรเกินเหตุ รอให้ถึงวันนั้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน
>>>>><<<<<
“มารับด้วยยยยยยย” ผมลากเสียงยาวใส่โทรศัพท์ สองทุ่มแล้ว งานยังเตรียมไม่ถึงไหน แต่พี่ๆ เขาให้กลับกันก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาอีก ไอ้คิมกับอีออมก็กลับกันได้สักพักแล้ว ตอนแรกมันจะอยู่รอไอ้คีนเป็นเพื่อน แต่ผมบอกให้พวกมันกลับกันไปก่อน
((กูรออยู่เป็นชาติละ))
“จริงดิ? ไหนวะ” ผมถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ นี่คือผมยืนอยู่หน้าตึกคณะที่เดียวกับเมื่อเช้าเป๊ะๆ ยังไม่เห็นแม้แต่ปลายเส้นผมของมันเลยเหอะ
“ไอ้ตาถั่ว ฟู่วววว” เสียงกระซิบมาพร้อมกับลมที่เป่าเข้าหู ผมก็ตกใจดิ ผงะเกือบหน้าคว่ำ ดีนะที่มันรับไว้ทัน
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่” คือที่ถามเนี่ย เพราะผมไม่เห็นมันไง
“นานพอที่จะเห็นว่ามีคนมาก้อร่อก้อติกมึง” มันว่า แถมยังหรี่ตา เอาหน้าเข้ามาใกล้อีก
“ก้อร่อก้อติกอะไรเล่า พี่เขามาช่วย” ถ้าให้ผมเดา ผมว่าที่มันเห็นเนี่ย น่าจะเป็นพี่นัทนั่นแหละ คือพวกพี่ๆ เขาให้ผมเขียนป้ายชื่อของว่าที่ปีสองอย่างพวกผม แล้วก็ว่าที่ปีสามไง เพราะผมลายมือสวยสุดไรงี้ แล้วทีนี้หมึกปากกามันดันเลอะแก้มผมนี่ดิ พี่นัทคงเห็นเลยเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดให้ ผมเองก็ตกใจนะตอนนั้น เด้งตัวหลบแทบไม่ทัน พี่เขาก็ขอโทษนะ บอกว่าไม่ทันนึก ผมก็เออ ไม่เป็นไร ขอโทษแล้วก็จบ แต่ทีหลังอย่างทำอย่างนี้อีกก็พอ
“หึ”
“เอาน่า โอ๋เอ๋นะ กลับกัน หิ๊ววววหิว” ผมขยับเข้าไปใกล้ มือข้างหนึ่งคล้องแขนมัน สวนอีกข้างก็ทำท่าโอ๋เอ๋ พูดอ้อนๆ ง้อมันหน่อย แอบเห็นนะว่ามันหลุดยิ้มอ่ะ ชอบล่ะสิมึง เวลากูอ้อนเนี่ย
“กูก็หิว กลับถึงห้องจะกินให้อิ่มเลย” มันพูด แต่ตานี่มองผมอย่างสื่อความหื่นให้เห็น
“นี่ๆๆๆ กามดีนัก จะบิดให้เขียวเลย” ผมบิดพุงมัน มันก็ปัดๆ สู้ จนสุดท้ายก็หัวเราะออกมาทั้งสองฝ่าย
“รอตรงนี้ เดี๋ยวกูไปเอารถก่อน” มันบอกหลังจากหัวเราะจนพอใจแล้ว ผมทำท่าตะเบ๊ะรับ มันเดินแยกไปเอารถ ที่ไม่รู้ไปจอดไว้ตรงไหนของมัน ส่วนผมก็นั่งรอที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตึก
“กลับยังไงหรอครับน้องฟ่า พี่ไปส่งมั้ย” ให้ทายว่าใคร. . .ครับ. . .พี่นัทเจ้าเดิม
“ไม่เป็นไรครับพี่นัท นั่นไงมาพอดี ผมไปก่อนนะ” ผมปฏิเสธ ก่อนจะเห็นรถไอ้คีน ผมรีบบอกลาพี่นัทแล้ววิ่งไปที่รถที่จอดรออยู่ทันที
“สงสัยไอ้หมอนั่นมันอยากกินตีน” ไอ้คีนพูดทันทีที่ผมขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว
“เอาน่า ไม่มีอะไรหรอก” ผมบอกปัด เอาจริงๆ ก็เริ่มรำคาญพี่แกแล้วนะ ชักจะเยอะ เดี๋ยวให้ออกตัวแรงกว่านี้นิดหน่อย ถ้าไอ้คีนจะประทานตีนให้ ผมก็ไม่ห้ามละ
TBC.
TALK :ถ้าตอนนี้เหมือนจะไม่โอเคก็ขอโทษด้วยนะคะ เดี๋ยวจะมาดูให้อีกที ฝนตกหนักมาก เน็ตก็เหมือนจะติดๆ ดับๆ ลำบากโคตร ปวดท้องด้วย หลายเรื่องเน๊าะ ขอให้สนุกกับการอ่านค่า
เจอกันตอนหน้า