[5]
PART 1
“โว้วๆ อะไรกันครับ อะไร ยังไง ทำไมมาด้วยกันได้” ห่า นี่แหละที่ผมไม่อยากมากับไอ้คีน แม่ง นอกจากคนจะมองตั้งแต่ก้าวเข้ามาในร้านยันโต๊ะที่พวกพี่ๆ เขานั่งกันแล้ว ไอ้พวกพี่ๆ เพื่อนๆ ไอ้คีนนี่หละตัวดี แซวกันตั้งแต่เห็นหน้าเลยทีเดียว
ไม่รู้จะมองอะไรกันนักกันหนา กะอีแค่เดือนมหาลัยกับดาวเด่นวิศวะเดินคู่กัน คริคริ
“เงียบปากไปเลยไอ้แม็ค” ไอ้คีนเอ็ดเพื่อนมันก่อนที่จะนั่งลงที่โซฟาตัวยาวที่ว่างอยู่ แถมยังมีกระตุกมือผมให้นั่งติดกับมันอีกต่างหาก
“กูจะไปนั่งอีกตัว” ผมพยักพเยิดไปยังโซฟาอีกตัว
“นั่งนี่แหละ มึงเห็นสายตาคนในร้านที่จ้องมึงมั้ย” ผมหันไปมองตามที่มันบอก ก็เห็นสายตาผู้ชายในร้านจ้องมองมาที่ผมกันตาเป็นมัน บางคนนี่ยกแก้วชวนดื่มก็มี ผมเลยเลิกดื้อยอมนั่งกับมันดีๆ อย่างน้อยไอ้คีนก็น่าจะดีกว่าไอ้พวกผู้ชายหน้าหื่นพวกนั้น
“แล้วทำไมต้องกอดเอวด้วยล่ะ” ผมถามพร้อมกับพยายามแกะมือปลาหมึกที่เกาะเอวอยู่ออก
“เอาน่า คนอื่นจะได้รู้ว่ามึงมีเจ้าของแล้ว. . .โอ๊ย” มันกระซิบบอกชิดหู เลยโดนผมหยิกเข้าที่ท้องดอกนึง
“เป็นอะไรไอ้คีน ร้องโอดโอย” พี่แม็คที่นั่งอยู่ใกล้สุด และเป็นคนเดียวในกลุ่มเพื่อนมันที่ผมรู้จัก (นอกจากพี่โมกับพี่แบงค์) ถามขึ้น
“เปล่า มดกัดน่ะ” ไอ้คีนกัดฟันพูด ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ ด้วยความสะใจ
“เฮ้ย ร้านเฮียนอร์ทแม่งมีมดด้วยหรอวะ ไม่ได้การล่ะ กูต้องไปบอกเฮีย”
“เฮ้ยๆ ไม่ต้องๆ มดตัวเดียว กูจัดการได้” ไอ้คีนบอกพร้อมกับจ้องหน้าผมเขม็ง แต่ผมไม่สนใจลอยหน้าลอยตายียวนกวนประสาทมัน
“เออๆ ว่าแต่มึงยังไม่ได้ตอบกูเลยนะ ว่ามาด้วยกันได้ไง”
“ก็ไม่ไง กูไปรับมาจากบ้าน จบ” มันยักไหล่พูด ก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปาก
“แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำพวกกูให้น้องมันรู้จักบ้างเลยไง๊?” พี่ที่นั่งตรงข้ามอยู่กับผมพูดขึ้นบ้าง พี่คนนี้ผมสีบลอนด์ธรรมชาติ ดูแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่ง แถมพี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ กันนี่ก็หน้าตาเหมือนกันอย่างกับแกะ
“ไอ้นี่ชื่อรีม นั่นแฝดมันชื่อรอน” มันหมายถึงพี่คนที่บอกให้มันแนะนำพวกเขากับผม
“นี่ไอ้แม็ค” มันชี้ไปที่พี่แม็ค พี่แม็คเป็นคนที่สูงมาก น่าจะประมาณร้อยเก้าสิบ สูงกว่าไอ้คีนอีก
“เซน” มันชี้ไปที่พี่อีกคนหนึ่ง คนนี้น่าจะเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน กลุ่มมันนี่ลูกครึ่งเยอะเหมือนกันแฮะ ไอ้คีนเองก็ลูกครึ่ง พี่เซนเป็นคนตาดุ สีดำสนิท เล่นซะผมไม่กล้าสบตาด้วยเลย แถมตั้งแต่มานี่ยังไม่ได้ยินเสียงพี่แกเลยสักแอะ พี่แกพูดได้ป่าววะ เหอๆ
“เพื่อนกูอีกสองคนมึงก็รู้จักดีอยู่แล้วนี่ ไอ้แบงค์กับไอ้โม” ผมพยักหน้ารับ แต่ที่นั่งอยู่ตรงนี้มีแค่พี่แบงค์ ไร้เงาพี่โม นี่อย่าบอกนะว่ายังไม่คืนดีกัน? โหย พี่แบงค์นี่โกรธนานจริงอะไรจริง แต่ก็อย่างว่าอ่ะนะ โดนนอกใจขนาดนั้น เป็นผมผมเลิกไปแล้วด้วยซ้ำ
“สวัสดีครับพี่ๆ” ผมก้มหัวให้พวกพี่ๆ น้อยๆ ทุกคนก็ก้มหัวรับอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่วงเหล้าจะดำเนินต่อไป
ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว สามชั่วโมง. . .สามชั่วโมงที่ผมนั่งอยู่กับไอ้คีนและเพื่อนๆ มัน เป็นสามชั่วโมงที่ทำให้ผมสนิทกับเพื่อนมันเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่ง จนตอนนี้ผมสามารถพูดคุยกับทุกคนได้อย่างราบรื่น ไม่เหมือนคนเพิ่งรู้จักกันเลยสักนิด
“นี่มึงพาน้องมาแบบนี้กะเปิดตัวเลยดิ” พี่แม็คที่เริ่มกรึ่มๆ นิดๆ ถามขึ้น แต่อย่างว่าพวกนี้คอแข็งกันทุกคน ดื่มมาตั้งเยอะไม่เห็นมีใครเมาสักคน ผมเองก็ยังมีสติเต็มร้อย เพราะไอ้คนข้างๆ แม่งนั่งควบคุมไม่ให้ผมดื่มมาก ยิ่งกว่าพ่ออีก ผมก็คอแข็งเหอะ แต่ก่อนออกทุกคืน มีเดี๋ยวนี้ที่เพลาๆ ลงไปเยอะ
“เปิดตัวอะไรพี่ ผมกับมันไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมพูดทันทีกันคนอื่นเข้าใจผิด คิดว่าผมตกลงปลงใจกับมันแล้ว
“ก็รีบเป็นซะสิ กูขอมึงหลายครั้งแล้วนี่” ไอ้คีนหันมาพูดกับผม เรียกเสียงโห่ฮิ้วจากบรรดาเพื่อนมันระลอกใหญ่
“ไอ้คีนแม่ง สงสัยหมดน้ำยา ตามจีบน้องมันตั้งเป็นเดือนแล้ว น้องยังไม่ยอมตกลงอีก” พี่รีมแซวขำๆ
“น้ำยากูอ่ะไม่หมดหรอกเว้ย ไม่เชื่อถามมันดิ เนอะ” เนอะพ่อง ทำไมต้องหันมาทำสายตากรุ้มกริ่มแบบนั้นใส่กูด้วย
“แสดงว่าไอ้คีน. . .น้องฟ่า” พี่รีมเอานิ้วชี้ซ้ายกับขวามาประกบกัน จนผมหน้าเหวอ ขนาดพี่เซนผู้หน้านิ่ง เงียบๆ ยังเลิกคิ้วขึ้น (นิดๆ) เลยเหอะ
“เฮ้ย!! ไม่ใช่พี่ มึงนี่พูดอะไร คนอื่นเข้าใจผิดหมด” ผมรีบโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันที ไอ้คีนแม่งหัวเราะใหญ่เลย ผมหันไปถลึงตาใส่ แม่ง พวกพี่ๆ คิดว่ากูเสียตัวให้มึงกันหมดแล้ว ผมรีบตั้งสติก่อนจะหันไปเหยียดยิ้มใส่มัน
“หึ จะเอากู ทำให้กูยอมเป็นแฟนให้ได้ก่อนเถอะ” ไอ้คีนชะงักเสียงหัวเราะทันที มันหันมาแยกเขี้ยวใส่ผม แต่ผมไม่สนใจลอยหน้าลอยตา แถมยังแลบลิ้นใส่มันอีก
“โอ้ยยยย” ผมร้องเมื่อโดนมันหยิกแก้มทั้งสองข้าง
“หมั่นเขี้ยว” มันว่า
“เอาล่ะครับๆ ออกมาจากโลกส่วนตัวมาอยู่โลกส่วนรวมกันก่อนครับ” พี่แม็คพูด
“สวัสดีคร้าบบบบบบบบ วันนี้มีนักร้องสุดหล่อ จะมายืมเวทีเราง้อแฟนหนึ่งวันนะคร้าบบบบ อาจจะร้องไม่เพราะเท่าผม แต่ทนๆ ฟังแล้วเป็นกำลังใจให้เขาด้วยนะครับ เชิญครับเชิญๆ” เสียงนักร้องบนเวทีที่ร้องเพลงมาตั้งแต่เราเริ่มมานั่งกันพูดขึ้น เรียกความสนใจจากผมและพวกเราทั้งโต๊ะให้หันไปมอง แล้วเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นเซ็งแซ่ เมื่อคนที่ก้าวขึ้นเวทีนั้นก็คือคนที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี
พี่โม. . .“ถึงเวลาแล้วสินะ” ไอ้คีนพูดพึมพำคนเดียว แต่ผมได้ยินอยู่ดี แน่ล่ะ นั่งอยู่ใกล้จนแทบจะเกยตักกันอยู่แล้วนี่
“สวัสดีครับ ทุกคนที่มาที่นี่บ่อยๆ คงรู้จักผมกันดีอยู่แล้ว วันนี้ที่จริงไม่มีคิวผมร้องเพลง แต่ผมอยากจะยืมเวทีนี้ง้อคนที่ผมรักที่สุด แต่ผมกลับทำให้เขาเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ผมอยากจะบอกเขาว่า. . .ขอโทษนะ. . .ขอโทษที่ทำให้มึงเสียใจมาตลอด กูจะไม่ขอให้มึงอภัยให้ แค่อยากให้มึงรู้ว่ากูเสียใจจริงๆ. . .ขอโทษสำหรับที่ผ่านมา. . .กูรักมึงนะ. . .” พี่โมนั่งลงบนเก้าอี้ วางกีตาร์บนตัก พูดเสียงสั่นๆ สายตาจ้องมองอยู่ที่พี่แบงค์ตลอดเวลา ก่อนที่เสียงกีตาร์โปร่งคอร์ดแรกจะดังขึ้นมาเบาๆ
บอกตรงๆ ว่าฉันก็เสียใจ
ที่ทำให้เราต้องทะเลาะกัน
ไม่ว่าด้วยเหตุผลนั้นคืออะไร
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ไม่ตั้งใจจะ ทำร้ายเธอ
แต่ก็เผลอทำเธอร้องไห้
ฉันไม่ได้ความจริงๆ ที่รัก
คนผิดคือฉันไม่ใช่เธอ
อย่าร้อง... อย่าร้องไห้เลยเธอ
หันหน้ามาคุยกันก่อน ดีไหม
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
นานานา นานาน้า นานานา นานานา
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยอมหายโกรธ
ต้องทำอย่างไงเธอจึงจะยกโทษให้ฉัน
อย่าทรมานโดยการไม่มองหน้ากัน
นึกว่าสงสาร คนรักกัน ฉันขอโทษ
ฉันขอโทษ. . .
*เอบีนอร์มอล I'm Sorry (SiamZone)
“ขอบคุณครับ เพลงจบแล้ว ส่วนคนๆ นั้น ถ้ารับรู้ถึงความตั้งใจจะขอโทษของกู กลับบ้านเรานะ กูคิดถึงมึงจริงๆ” เสียงพี่โมสั่นมาก เหมือนคนที่กลั้นน้ำตาไว้อย่างเต็มที่ ผมหันไปมองพี่แบงค์ พี่แกนั่งนิ่ง ตาจ้องไปที่เวทีที่พี่โมนั่งอยู่ พวกเขาสองคนสบตากัน ก่อนที่พี่โมจะเป็นคนหลบตาก่อนแล้งลงจากเวทีไป
ฟึ่บ!!
พี่แบงค์ลุกขึ้น ตรงไปที่หน้าร้าน ไม่พูดไม่จากับใครสักคน สีหน้าของพี่แกราบเรียบจนผมไม่รู้ว่าแกคิดอะไรอยู่ ไม่รู้ว่าแกจะให้อภัยพี่โมรึเปล่า หรืออาจจะร้ายแรงถึงขั้นเลิกกันไปเลย
“มึงว่าพี่แบงค์จะให้อภัยพี่โมรึเปล่า” ผมหันไปถามไอ้คีนที่ตอนนี้กลับมากระดกเบียร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่รู้สิ เรื่องแบบนี้คงต้องปล่อยให้มันตัดสินใจกันเอง เรามันคนนอก ไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายอะไรหรอก” ผมพยักหน้าเบาๆ มันก็จริงอย่างที่ไอ้คีนว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องของคนสองคน แล้วแต่ว่าใครจะคิดยังไง บางคนอาจจะยอมรับได้แล้วให้อภัยกับการโดนนอกใจ แต่บางคนก็ไม่สามารถให้อภัยกับเรื่องนี้ได้. . .เหมือนผม
“คืนนี้ค้างกับกูมั้ย” ไอ้คีนมันกระซิบถามผมเมื่อใกล้ถึงเวลาจะกลับบ้านแล้ว แน่ล่ะ เกือบตีหนึ่งแล้วนี่ พี่ๆ ก็กำลังจะทยอยกลับแล้ว คงมีแต่พี่รีมที่ไปต่อกับสาวที่คว้าได้เมื่อชั่วโมงก่อน สวยดีครับ ถ้าไม่ติดว่าผมเป็นเกย์ผมก็คงจะชอบผู้หญิงแนวนี้ หมวยๆ แต่ตาโต
“ไม่!! เปลืองตัว” ผมว่าพร้อมกับหรี่ตามองมันไปด้วย
“หึหึ” ได้ยินเสียงมันหัวเราะสองหึตามสไตล์
“หัวเราะอะไร!!” ผมแหวทันที
“เปล่า กูคิดว่ามึงชอบซะอีกไม่เห็นขัดขืน”
“แล้วกูสู้แรงมึงได้เปล่าเหอะ” ผมเถียง มันหัวเราะน้อยๆ แล้วโยกหัวผมอย่างเอ็นดู ไม่ทราบว่าเอ็นดูอะไรกู เหอะ!!
“หึหึ กลับกัน กูไปส่งมึงเอง”
“ก็ถูก!! มึงเป็นคนไปรับกู จะให้กูกลับเองรึไง!!” ผมว่า ทีนี้มันหัวเราะมากกว่าเดิมอีก ก่อนจะหันไปลาเพื่อนมันแล้วลากผมออกมาพร้อมกัน
“เดี๋ยว” มันดึงแขนผมไว้ก่อนที่ผมจะลงจากรถ ตอนนี้รถมันมาจอดอยู่หน้าบ้านผมเรียบร้อยแล้ว
“อะไร” ผมถามเสียงงัวเงีย ง่วงเต็มทีแล้วตอนนี้ ยังดีที่พรุ่งนี้ไม่ต้องไปเรียน ปิดเทอมแล้ว เย้
“จูบก่อน” ผมถลึงตาใส่มันทันทีที่มันพูดจบ หายง่วงเลยกู
“จูบบ้าอะไร ยังไม่ใช่แฟ- . . .อื้อ!!” ผมดิ้นไปมาเมื่อถูกมันดึงเข้าไปในอ้อมแขนแล้วประกบปาก แต่ไม่รู้เพราะฤทธิ์เหล้าเบียร์ที่กินเข้าไป เพราะง่วง หรือเพราะความฉ่ำชองของมันกันแน่ ถึงทำให้ผมดิ้นได้แป็บเดียว และเผลอจูบตอบกลับไป
“หึหึ” มันหัวเราะในลำคอเมื่อผละออกจากผมแล้ว ผมจะด่าอะไรก็ด่าไม่ได้ ตอนนี้แค่หายใจให้ทันยังยากเลยเหอะ จูบบ้าอะไรนักหนา กูเกือบตาย
“กลับไปได้แล้ว!!” ผมรีบลงจากรถแล้วปิดประตูเสียงดังทั้งๆ ที่ใจสั่นระรัว เต้นแรงจนแทบทะลุจากอก แต่มันยังไม่ยอมออกรถ แถมยังเลื่อนกระจกลงอีก
“ฟีฟ่า”
“อะไร!!”
“เข้าบ้านไปก่อน”
“อะ. . .อะไร อย่ามาโชว์ความเป็นสุภาพบุรุษกับกู กูไม่หลงกลมึงหรอก” ผมว่า แต่ก็ยอมเปิดประตูรั้วเข้าบ้านแต่โดยดี ผมขึ้นมาบนบ้าน เข้าห้องนอนแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ยินเสียงว่ามันออกรถไปสักที ผมก็เลยแอบแง้มผ้าม่านตรงระเบียงห้อง ก็เห็นว่าไอ้คีนมันลงมายืนพิงรถแล้วมองมาทางนี้พอดี แวบหนึ่งที่ผมกับมันสบตากัน มันขยับปากแบบไม่มีเสียงว่า. . .
‘ฝันดีนะ’ทะ. . .ทำไมหน้าร้อนกว่าตอนมันจูบอีกวะTBC.
TALK :
เจอกันตอนหน้ากับ แบงค์Xโม ค่าาาา