Only You EP.36 [100%]“อ๊า… เย๊! อืออออๆๆๆ อ๊ะๆๆๆ วิคเตอร์ อ๊ะ! อ๊ะ!” ตัวผมโยกไหวไปตามแรงกระแทกที่วิคเตอร์ส่งมาจากทางด้านหลัง เสียงเนื้อกระทบกันดังปับๆ อย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน เสียงหอบกระเส่าของวิคเตอร์ดังไปทั่วห้องเซ็กส์ทอยสีดำ แก้มซ้ายของผมแนบไปกับเบาะหนังของเตียงโครงเหล็ก แขนขาผมขยับไม่ได้เพราะถูกวิคเตอร์จับล็อคไว้กับบาร์แยกขาสีเงิน ที่ขยับได้ตอนนี้ก็คือลำตัวและที่มันขยับได้ก็เพราะแรงกระแทกของวิคเตอร์
“Ah! Yeah!” วิคเตอร์คำรามเสียงดัง สองมือจับเอวผมแน่น กระแทกใส่ผมแรงดีไม่มีตก ผมเมื่อยก้นที่โด่งรับสะโพกวิคเตอร์มาก อยากจะหุบขาแล้วล้มลงนอนก็ทำไม่ได้ เนื่องจากโดนบาร์แยกขาจับอ้าอยู่ แขนก็เมื่อยล้าไปหมดเพราะโดนจับลอดใต้หว่างขาตัวเองแล้วล็อคในช่องกลางสองช่องสำหรับล็อคแขน
“ไอ้เด็กดื้อ” วิคเตอร์คำรามเสียงแหบแล้วหยุดกระแทกสะโพกเข้าหาผม ทิ้งให้ผมนอนครางเสียงสั่น ขยับก้นโด่งของตัวเองไปมาน้อยๆ อยากจะทิ้งตัวลงนอนแต่ไม่สามารถทำได้อย่างที่อยาก ทำได้แค่ซบแก้มกับเตียง แอ่นก้นโด่งชี้เพดานห้องแล้วนอนครางฮือเท่านั้น
เพี๊ย! “อ้า!”
เพี๊ย! “อ้า!”
เพี๊ย! “อ้า!”
เพี๊ย! “อือ…”
วิคเตอร์ฟาดมือลงบนแก้มก้นด้านขวาของผมสี่ทีแรงๆ เล่นเอาผมร้องเสียงหลง อยากจะขยับตัวหนีก็ไม่สามารถ เพราะโดนล็อคแขนขาอยู่แบบนี้
“ชอบมันมากนักรึไง ฮะ?!” เขาถามเสียงกรรโชกแทบจะเป็นตะคอก มือขวาเลื่อนลงบีบแมทน้อยแรงๆ จนผมนิ่วหน้า
“ผมเปล่า… แฮก… เปล่านะ…” วิคเตอร์บีบๆ จับๆ จนชายน้อยของผมตื่นอีกรอบหลังจากพ่นน้ำไปแล้วครั้งหนึ่งเพราะความเสียววาบสุดขีด พอมันแข็งตัวเต็มมือเขา วิคเตอร์ก็ใช้นิ้วโป้งขยี้ส่วนปลายอ่อนไหวของผม
“อ้าๆๆๆ วิคเตอร์! ไม่! ไม่เอา โอ๊ย… โอ๊ย ซี๊ดดด…” ผมแอ่นก้นขึ้นลง พยายามบิดเอวหนีมือเขาแต่ก็ทำไม่สำเร็จ มันเสียวจี๊ดตรงนั้นกับท้องน้อยไปหมด สติจะหลุดอยู่แล้ว มันวูบไหวเกินไป
“วิคเตอร์จ๋า… วิคเตอร์…” ผมครางอ้อนวอนเขา วิคเตอร์ปล่อยมือออกจากแมทน้อย ทิ้งให้ผมนอนหอบหายใจรุนแรง ร่างกายเหนื่อยล้า อยากจะนอนแผ่หลาแต่ว่าทำไม่ได้ เปลือกตาขยับขึ้นลงเชื่องช้า แทบหมดแรงที่โดนเขาทรมานแบบนี้ สักพักเขาก็ดันยักษ์น้อยเข้ามาในตัวผมอีก แล้วก็กระแทกจนเสียงเนื้อจากแก้มก้นทั้งสองข้างกับช่วงง่ามขาและหน้าท้องของเขากระทบกันดังสนั่น
ป้าบๆๆๆๆ
“อือๆๆๆๆ วิค…วิคเตอร์…” ผมหลับตาแน่น ร้องจนสุดเสียงแล้ว ในที่สุดผมก็ได้ยินเสียงวิคเตอร์คำรามดังลั่น สองมือบีบเอวผมอย่างแรง ของเหลวพวยพุ่งเข้าไปด้านใน ก่อนที่วิคเตอร์จะดึงของตัวเองออกมาปลดปล่อยด้านนอกบ้างบางส่วนจนผมรู้สึกถึงความชุ่มเหนอะหนะไปทั่วก้น
“ฮือ… ฮือ… ฮือ…” ผมไม่ได้ร้องไห้ เป็นเสียงหายใจอันรวยริน รู้สึกหมดแรงทั้งที่ไม่ได้เป็นคนขยับอะไรเลย ก็โดนล็อคแบบนี้ตั้งแต่เริ่มยันจบรอบสอง รอบแรกผมไม่โดนจับล็อคแขนขา แต่ห้ามสัมผัสตัวเขา ซึ่งผมก็ทำไม่ได้ ใครจะไปอดใจไหว เขาก็รู้อยู่ว่าผมชอบหุ่นเขา เวลาเขาเคลื่อนไหวอยู่บนตัวผมน่ามองจะตาย พอผมฝืนคำสั่งเลยโดนจับล็อคหมดเลย
คือวันนี้เราเข้าไปหาคุณเอมิลี่ที่สำนักงานเรื่องงานถ่ายแบบของวิคเตอร์กับนิตยสารผู้ชายชื่อดังหัวหนึ่ง แล้วบังเอิญผมได้เจอกับอดัม เราก็คุยกันตามปกติ แต่ผมลืมไปว่าระดับความขี้หึงขี้หวงของไอ้ยักษ์ไม่ปกติ แล้วยิ่งเป็นอดัมด้วย เลเวลเลยยิ่งเพิ่มมากกว่าที่เป็น พอกลับมาผมเลยโดนลงโทษ โดยก่อนจะโดนแบบนี้ผมโดนบรรยากาศกดดัน บรรยากาศตึงเครียดจากไอ้ยักษ์โอบอุ้มร่างกายเอาไว้จนรู้สึกแย่เหมือนโดนลงโทษขั้นแรกไปก่อนแล้ว
“วะ… วิคเตอร์ ปล่อยผมได้ยัง ผมเมื่อย” ผมถามเสียงอู้อี้ พยายามเอี้ยวหน้าไปมองเขา เห็นเขายืนหายใจหอบน้อยๆ เหงื่ออาบเต็มตัว ตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ หน้าอก กล้ามท้อง เม็ดเหงื่อไหลย้อยไปตามผิวกายของเขา แม้จะเหนื่อยจนหมดแรง แต่ภาพที่เห็นก็เซ็กซี่จริงๆ แหละ…
วิคเตอร์มองหน้าผมด้วยความหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ก็ยอมหยิบกุญแจมาปลดล็อคให้ วินาทีที่เหล็กล็อกทั้งสี่หลุดออกจากข้อมือข้อเท้า ผมก็ทรุดก้นลงบนเตียงทันที ระบมไปหมดเพราะมันโก่งโค้งอยู่เกือบครึ่งชั่วโมง แถมยังโดนพลังทำลายล้างจากวิคเตอร์กระหน่ำใส่ถ้ำจนแทบพัง ผมพลิกตัวนอนแผ่หลา ขาตั้งฉากอย่างอ่อนแรงเอาไว้ รับรู้ได้ว่าน้ำรักของวิคเตอร์ไหลเยิ้มออกมาจากด้านใน ผมนอนตาปรือมองเพดานห้องที่มีตะแกรงเหล็กเป็นเสมือนฝ้าเพดาน มีเชือกกับโซ่ห้อยต่องแต่งอยู่หลายอัน
วิคเตอร์ไม่เข้ามากอดให้ผมรู้สึกอบอุ่นใจเลยสักนิด ปล่อยผมนอนหมดสภาพอยู่แบบนี้ อดน้อยใจอยู่ในอกลึกๆ ไม่ได้ ผมรู้สึกว่าเตียงยุบลงพร้อมกับได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดของเหล็กเลยพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งด้วยตัวเอง วิคเตอร์นั่งพิงหัวเตียง กำลังหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดเพื่อจะสูบ
“ไม่เอา อย่าสูบ” ผมบอกเสียงเบาหวิว ไอ้ยักษ์หันมามองผมด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์ เห็นชัดเจนว่ายังคงหงุดหงิดและไม่พอใจอย่างมาก เขาหันกลับไปจะจุดบุหรี่ต่อ ไม่สนใจที่ผมพูดเลยสักนิด ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งจนสำเร็จ แล้วคลานเข่าเข้าไปนั่งคร่อมเขาไว้ รีบดึงบุหรี่ออกจากมือเขาแล้วโยนทิ้งลงบนพื้นห้อง ไอ้ยักษ์จ้องหน้าผมเขม็ง ผมก็จ้องกลับว่าไม่ยอม ก่อนที่จะเอาแขนคล้องคอเขาไว้แล้วก้มจูบเขา ส่งลิ้นเข้าไปในปากเขา วิคเตอร์ขัดขืน พยายามหลบหน้าหนี ผมเลื่อนสองมือมาจับกรอบหน้าเขาไว้ จับให้หันมามองผมตรงๆ แล้วก้มลงประกบปากเขาอีกรอบ ส่งลิ้นตัวเองเข้าไปรุกล้ำเขา ครู่หนึ่งที่เขาทำท่าจะไม่ยอม แต่สุดท้ายเขาก็ตอบรับผม และตอบรับอย่างรุนแรงด้วย
“อะ… อือ… ตร๊อก… จุ๊บ…สวบ…” ผมแทบหายใจไม่ทันเพราะเขาเร่งจังหวะจูบได้รุนแรงมาก ทั้งดูดแล้วดึงลิ้นผมแรงๆ สลับกับกวาดไปรอบโพรงปาก อยากจะหลบหน้าหนี แต่เขาก็กดท้ายทอยผมไว้แน่นจนขยับไม่ได้ ผมหายใจหอบเพราะหายใจไม่ทัน โดนเขาประกบปากแน่นแล้วรัวลิ้นในปากผมไม่หยุด จนผมต้องยกมือทุบอกเขานั่นแหละ วิคเตอร์เลยยอมดึงหน้าตัวเองออกไป
“ฮื่อ… ฮื่อ…” ผมหายใจหอบ พยายามเอาอากาศเข้าปอดเยอะๆ น้ำลายยืดติดปากเราสองคน ผมยกมือเช็ดลวกๆ แล้วรีบหายใจแรงๆ วิคเตอร์เองก็หายใจหอบแต่ไม่แรงเท่าผม เขาจ้องผมด้วยสายตาแผดเผา แต่น่าจะเพราะโกรธมากกว่า มือขวาที่กดท้ายทอยผมไว้ เลื่อนขึ้นไปกระชากเส้นผมอย่างแรงจนผมหน้าหงาย
“อ๊ะ!” คิ้วผมขมวดฉับเพราะรู้สึกเจ็บ แล้วก็ต้องร้องอีกหนเมื่อโดนเขาไซ้คอรุนแรง ก่อนจะกัดเข้าซอกคอผมแรงๆ
“วิคเตอร์ เจ็บ…” ผมครางขอร้องเขา แต่วิคเตอร์ไม่หยุด กัดจนผมรู้สึกแสบแล้วเขาก็ใช้ลิ้นเลียๆ ตรงนั้นจนน้ำลายชุ่มไปหมด เขาปล่อยมือที่จิกหัวไว้ เลื่อนลงไปบีบก้นผมแรงๆ แทน ก่อนจะซุกหน้าเข้ากับอกผม แล้วระดมดูดไปทั่ว
“อื้อ เบาๆ หน่อย เป็นรอยช้ำ… อ๊า!” ผมกรีดร้องเสียงเพี้ยนเมื่อเขากัดที่หัวนมซ้ายแรงๆ ผมตัวกระตุกจนแอ่นอกเข้าหาปากเขา วิคเตอร์เลยทั้งดูดทั้งกัดใหญ่เลย
“พอแล้วๆ ยักษ์ของผม พอแล้ว นะ นะ” ผมอ้อนวอนเสียงอ่อนเสียงหวาน พยายามดึงเขาออกจากอกตัวเอง วิคเตอร์ยอมปล่อยแต่โดยดี เขาเอนหลังไปพิงหัวเตียง สองมือจับเอวผมไว้แน่น ดวงตาสีน้ำผึ้งข้นจ้องผมจนรู้สึกเกร็ง
“นายเป็นของฉันคนเดียว” ผมกระตุกยิ้มนิดหนึ่ง เลื่อนมือขวาไปลูบตรงรอยสักบนอกซ้ายเขาเบาๆ
“แน่นอนสิครับ” ผมก้มลงจูบรอยสักชื่อตัวเองเพื่อเอาใจเขาให้เขาใจเย็นลง เพราะถ้ายังร้อนอยู่ ผมไม่ได้ออกจากห้องเซ็กส์ทอยง่ายๆ แน่ ผมกลัวเขาใช้แส้เดี่ยวฟาดผมมาก แส้พู่ไม่เท่าไหร่ยังพอทน
“แล้วไปทำท่านี้…” เขาชูสามนิ้วขึ้นมาอันเป็นสัญลักษณ์ที่ผมชอบทำกับอดัมเวลาเจอกัน “...กับมันทำไม”
“ผมทำเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย” ผมบอกเสียงอ่อย รู้สึกกลัวๆ สายตาของเขา
“แมท นายไม่รู้ตัวหรอกว่านายมองมันด้วยสายตาแบบไหน” ผมขมวดคิ้วนิดๆ มองเขาอย่างไม่เข้าใจ กะจะเอ่ยปากถาม แต่พอเห็นสายตากระด้างกระเดื่องของเขาแล้ว เลยเงียบแล้วเนียนด้วยการซบลงบนอกเขาแทน
“ผมไม่คิดอะไรจริงๆ แล้วคุณไม่ต้องห่วงเลย อดัมไม่มีทางคิดอะไรกับผมเช่นกัน อย่าโกรธผมนะ” ผมใช้ปลายนิ้วมือขวาลูบรอยสักของเขาเบาๆ วิคเตอร์ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งทีแล้วก้มลงจูบหัวผม มือขวาของเขาเลื่อนขึ้นลูบแผ่นหลังผมเบาๆ ส่วนมือซ้ายลูบไล้ร่องก้นของผมไปมา รู้สึกเสียววาบอีกแล้ว ไอ้ยักษ์นี่ไม่ยอมให้ผมรู้สึกสงบจริงๆ
“ถ้ามีอีก คราวหน้าฉันจะล่ามโซ่นายไม่ให้ออกไปไหน” ผมแอบกลืนน้ำลายลงคอเบาๆ แอบช้อนสายตาไปมองโซ่ที่ห้อยอยู่ด้านบนเพดานห้องแล้วใจหายวาบ
“ผมไม่ใช่สัตว์ซักหน่อย” ผมบอกเสียงงึมงำอยู่ตรงอกเขา วิคเตอร์กรีดนิ้วผ่านร่องก้นผมขึ้นมาตามกระดูดสันหลังช้าๆ เบาๆ แต่ก็ทำเอาขนลุกซู่
“ฉันหวงนายมาก ฉันไม่เคยเป็นขนาดนี้เลยจริงๆ นายทำอะไรกับฉันแมท” ผมยิ้มกริ่ม รู้สึกใจเต้นตุบๆ แผ่วเบา รู้สึกถึงความภูมิใจ ดีใจเล็กๆ ในอก ผมยกหน้าตัวเองขึ้นจากอกเขา มองหน้าเขาแล้วยิ้ม มือขวาลูบแก้มซ้ายของเขาเบาๆ ยื่นหน้าไปจุ๊บริมฝีปากเขาหนึ่งที
“ผมเป็นของขวัญจากพระเจ้าไง คึๆ” วิคเตอร์ยิ้มมุมปากน้อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ
“ฉันจะดูแลของขวัญชิ้นดีให้ดีที่สุดเลย ฉันไม่เหลือใครแล้วนะแมท ฉันเหลือแค่นาย” ผมขมวดคิ้ว ทำหน้ามุ่ยแล้วส่ายหัวไปมาช้าๆ
“ม่ายยย คุณยังมีไวโอล่า มีคุณเอมิลี่ คุณเบน อันเดร ชาร์ลี เอริค โจนาธาน มีออสตินด้วย ถึงคุณจะไม่อยากนับรวมพ่อคุณ แต่ยังไงก็มีพ่อคุณอีกคนด้วยนะ แล้วยังมีคุณลิซ่าอีก คุณอาจไม่ชอบเธอ แต่เธอรักคุณเหมือนลูกคนนึงเลยนะ” วิคเตอร์ที่กำลังยิ้มมุมปากน้อยๆ ชะงักไปนิดหนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ เขาหลับตาลงแวบเดียวแล้วลืมตามองผมตามเดิม สายตาครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เหมือนกำลังตัดสินใจ แต่แล้วเขาก็ส่ายหัวเบาๆ เหมือนคิดว่าไม่เอาไม่พูดดีกว่า
“คนพวกนั้นไม่เหมือนนายหรอก” ผมมองหน้าเขาแล้วนึกถึงคำพูดของคุณหมอที่เมืองไทย รู้สึกหนักใจไม่น้อยกับสิ่งที่เขาเป็น ผมได้แต่หวังว่ามันจะไม่เพิ่มอาการไปมากกว่านี้
“วิคเตอร์ บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่เราสองคนนะ คุณต้องเปิดใจบ้าง…” เขามองผมนิ่ง แต่ผมรู้ได้จากแววตาเขาเลยว่าเขากำลังต่อต้าน และผมก็คิดว่าช่วงเวลานี้ไม่ควรต้านเขากลับ
“…แต่อย่าเปิดใจมากไป ผมไม่อยากรับมือกับชู้คุณหรอกนะ” ไอ้ยักษ์ยิ้มขำกับคำจิกกัดของผม เขามองผมด้วยความมันเขี้ยว ก่อนจะดึงผมเข้าไปฟัดแก้มแรงๆ ผมหัวเราะกิ๊กกั๊ก หยอกล้อกับเขาไปมา รู้สึกดีใจที่สยบอารมณ์โกรธของเขาได้แล้ว
“ไปอาบน้ำกันเถอะ พรุ่งนี้ต้องไปกองแต่เช้า” พรุ่งนี้ผมกะว่าจะกลับมาบ้านก่อน ไปกองสักครึ่งวัน แล้วบ่ายๆ ก็กลับมาทำเค้กวันวาเลนไทน์ รู้สึกตื่นเต้นมากเลยที่จะได้ทำเค้กวาเลนไทน์ครั้งแรกในชีวิต จริงๆ มันก็คงไม่ได้แปลกหรือพิเศษอะไรหรอก แต่สำหรับคนที่เพิ่งมีแฟนคนแรกอย่างผม มันก็เป็นอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน แล้วผมก็อยากทำให้วิคเตอร์กินด้วย ซึ่งอันที่จริงเขาก็ไม่ได้ชอบกินเค้กหรือของหวานเท่าไหร่นัก ก็กินได้แต่ถ้าให้เลือก เขาก็เลือกไม่กินเพราะมันทำให้หุ่นเผละ
“อมให้รอบนึงก่อนสิ ช่วยตัวเองให้ดูด้วยนะ” ผมยิ้มเพลียกับความลากมกของเขา แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรหรอก ก็จัดการดูดเลียไอติมแท่งโปรดของตัวเอง ท่ามกลางเสียงครางเซ็กซี่ของแฟนยักษ์รูปหล่อ เขาขยับเอวช่วยผมน้อยๆ สองมือลูบหัวผมไปมา บางทีก็เด้งสะโพกเขาหาผมเองบ้าง ผมดูดเลียจนยักษ์น้อยพ่นลาวาออกมาเต็มปาก จัดการดูดกลืนลงไปจนเกลี้ยง ก่อนจะนั่งช่วยตัวเองให้เขาดู วิคเตอร์มองผมด้วยสายตาวิบวับ สองมือลูบไปทั่วตัวผม ช่วยผมสร้างอารมณ์ด้วยการจูบ การหอมเป็นระยะจนผมเสร็จ
“น่ารักมากเอเลี่ยนน้อย” เขาก้มลงจูบกลางกระหม่อมแล้วช้อนตัวผมขึ้น ผมยกแขนซ้ายไปคล้องคอเขาไว้ ปล่อยให้เขาอุ้มออกจากห้องของเล่นมหาสนุก หมดแรงไปเยอะมาก กินเกลือแร่สักโหลนึงไม่รู้จะเรียกแรงคืนมาได้หรือเปล่า วิคเตอร์เดินลงบนไดไปชั้นสอง ตรงไปยังห้องนอน แล้วพากันเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกาย นี่ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งเสร็จกิจกรรมทางเพศมาล่ะก็ ผมไม่อาบหรอก หนาวจะตาย เข้าใจความรู้สึกพวกฝรั่งมองเราด้วยสายตาฉงนที่เห็นคนไทยอาบน้ำสองสามเวลาแล้ว
พออาบน้ำ เช็ดตัวจนแห้งสนิท ผมก็ขี่หลังวิคเตอร์มาที่เตียง ผมใส่แค่กกน.สีขาวตัวเดียว ส่วนวิคเตอร์เปลือยเปล่า เขาก็ชอบนอนชีเปลือยอย่างนี้แหละ ส่วนผมขอห่อหุ้มนิดหน่อยก็ยังดี ไม่ให้ใส่อะไรเลยบางทีก็รู้สึกแปลกๆ คงเพราะผมชินใส่ชุดนอนมาแต่เด็กมั้ง พอมาคบกับวิคเตอร์เสื้อผ้าก็เริ่มหายไปทีละชิ้น จนบางทีไม่เหลือเลย เขาให้เหตุผลว่า ใส่ไปเขาก็ถอดออกอยู่ดี
“Good night, baby” วิคเตอร์หอมหน้าผากผมหนึ่งที แขนขวาโอบไหล่ผมไว้ ผมก้มลงจูบแผ่นอกของเขา แล้วซบหน้าลงบนอกแกร่ง วิคเตอร์ดึงผ้านวมขึ้นคลุมร่างเราสองคนเพื่อกันความหนาว แม้จะมีฮีตเตอร์ให้ความอบอุ่น แต่ก็ต้องระลึกเสมอว่าที่นี่ไม่ใช่ฤดูหนาวเมืองไทย
วิคเตอร์เอื้อมมือไปปิดโคมไฟบนหัวเตียง ผมเลื่อนมือขวาเข้าไปกอบกุมลูกชายเขาไว้เต็มมือ ลูบๆ คลำๆ ไปเรื่อยจนมันแข็งตัวแบบอ่อนๆ วิคเตอร์ครางอืออา ผมยิ้มนิดหน่อยทั้งที่ตาปิด ก่อนจะค่อยๆ หลับสนิทเพราะเพลียจากการออกกำลังกายกับผู้ชายขี้หึงในห้องเซ็กส์ทอย
#Valentine’s day
“ห้ามไปเถลไถลที่ไหนนะ ซื้อของเสร็จแล้วให้ออสตินพากลับบ้านเลย”
“Aye! (ครับพ้ม!)” ผมยกมือขวาขึ้นตะเบ๊ะ วิคเตอร์ยิ้มขำแล้วดึงผมเข้าไปหอมแก้มดังฟอด ผมกอดตอบเขา ได้ไออุ่นจากไอ้ยักษ์ยังอุ่นกว่าใส่เสื้อโค้ตตัวหนาๆ ซะอีก
“ถึงบ้านแล้วรายงานฉันด้วยนะออสติน”
“แน่นอนครับคุณเรย์มอนด์” เขาดันตัวผมออกแล้วดึงหมวกฮู้ดขึ้นมาสวมหัวให้ผม
“อาวุธพร้อมแล้วใช่มั้ย” ผมยิ้มแฉ่ง ชูบัตรเครดิตสีดำให้เขาดู
“นี่!” วิคเตอร์ยิ้มกว้างหล่อเหลาแล้วยกนิ้วโป้งซ้ายขึ้นเป็นเชิงชมผมว่าเยี่ยมมาก ผมก็ไม่รู้ว่าเยี่ยมตรงไหนกับการถือบัตรเครดิตของสามีไปช้อปปิ้งตามใจชอบ มันก็คงดีตรงที่ไม่ต้องเหนื่อยทำงาน (แต่เหนื่อยทำอย่างอื่นแทน) แล้วก็มีเงินใช้เลยนี่แหละ แถมยังเยอะมากด้วย แต่ตามความตั้งใจของผมคืออยากมีเงินเป็นของตัวเอง ก็อีกไม่นานแล้วละ ได้เข้ามาเรียนรู้งานถึงขนาดนี้แล้ว ผมเชื่อว่าอีกหน่อยคุณเดวิดต้องให้ผมเริ่มงานจริงจังแน่ๆ
“ไปได้แล้ว จะได้ไม่กลับบ้านดึก” ดึกของเขาก็คือตะวันตกดิน หน้าหนาวก็แบบนี้ บางวันสี่โมงเย็นอย่างกับทุ่มนึงก็มี
“จุ๊บผมหน่อย” อ้อนสักนิด ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันวาเลนไทน์แล้ว แสดงความรักเพิ่มอีกนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอก วิคเตอร์เองก็ชอบ เขายิ้มหล่อแล้วก้มลงจุ๊บปากผมไม่มีอิดออด ตบท้ายด้วยยิ้มมีเสน่ห์แบบที่ผมชอบให้ด้วย ผมยิ้มยิงฟันเขินๆ แล้วเขย่งตัวหอมแก้มเขาไปหนึ่งที
“วันนี้เป็นอะไรเนี่ย ทำไมอยากให้ฉันลวนลามจัง เมื่อวานไม่สะใจเหรอ” ผมยู่หน้าทันที วิคเตอร์เห็นแบบนั้นก็หัวร่ออารมณ์ดี
“คุณนี่ยังไงกัน วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์เลยนะ” เขาขมวดคิ้วนิดหน่อย
“แล้ววันอื่นฉันไม่รักนายรึไง”
“ก็รัก ผมเพิ่งเคยมีแฟนนี่นา เลยอยากลองทำให้มันพิเศษดูบ้างอะ” ผมทำปากยู่ เอียงคอมองหน้าเขา วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ยกมือขวามาโยกหัวผมเบาๆ
“เดี๋ยวซื้อของเล่นมาเพิ่มในห้องเซ็กส์ทอยแล้วกัน” ผมทำตาปรือ สีหน้าเอือมระอา เบ้ปากแรง วิคเตอร์หัวเราะชอบใจเสียงดังลั่นกอง ทำให้คนอื่นหันมามอง รวมทั้งไอ้ชอนหมาเน่าด้วย แน่ละว่ามันมองมาด้วยสายตารังเกียจ ผมเลยเบ้ปากใส่มันไปหนึ่งที เลยได้รับอาการทำท่าจะเข้ามาเอาเรื่องตอบแทน แต่มันไม่กล้าเข้ามาจริงๆ หรอก ออสตินกับวิคเตอร์อยู่ครบแบบนี้ บอกเลยแบ็คฉันดีจ้ะไอ้ณอณ
กว่าจะล่ำลากันเสร็จ ผมกับวิคเตอร์ก็ยืนไร้สาระกันครึ่งชั่วโมง บอกจะไปๆ ก็ไม่ได้ไปสักที เดี๋ยวนึกประเด็นนั้นได้ ประเด็นนี้ได้ก็เอามาพูดกันไปเรื่อยเปื่อย ดีนะคุณเดวิดเรียกเข้าฉากพอดี เราเลยได้แยกย้ายกันจริงจัง ผมค่อนข้างกังวลว่าวิคเตอร์กับฌอณจะมีเรื่องกัน เพราะนอกฉากทั้งสองคนอึมครึมใส่กันมาก โดยเฉพาะวิคเตอร์ที่มีความสามารถพิเศษในการส่งรัศมีกดดันใส่ผู้อื่นได้ดีเยี่ยม ทำเอาคนรอบข้างเกรงๆ ที่จะเข้าหาเขาอยู่เหมือนกัน ผมต้องคอยเป็นตัวชาร์ทพลังยิ้มให้เขาอยู่บ่อยๆ นั่นเป็นสาเหตุทำให้ทีมงานหลายฝ่ายชอบเข้ามาลากผมไปด้วยเวลาจะเข้าไปคุยงานกับวิคเตอร์ นึกแล้วก็ขำอยู่เหมือนกัน ไอ้ยักษ์ก็ชัดเจนมากว่าถ้าไม่ใช่ผมก็จะไม่ค่อยยิ้มหรือดูมีชีวิตชีวามากนัก แต่ผมก็คิดนะว่าวิคเตอร์มืออาชีพมากพอที่จะแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวได้ ส่วนไอ้ชอนไชน่ะเหรอ เอาแค่แยกขี้หมากับขี้แมวดีกว่า มันแยกแยะได้มั้ยสมองอย่างมันน่ะ เชอะ!
“คุณแมทจะซื้ออะไรบ้างครับ” ผมหันไปหาออสตินในขณะที่เรากำลังเดินไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปย่านโซโห อันเป็นแหล่งวัตถุดิบชั้นเยี่ยม มีของให้เลือกเยอะแล้วยังราคาถูก อีกอย่างนอกจากไปซื้อของทำเค้กแล้ว ผมยังไปหาซื้อวัตถุดิบสำหรับมาทำกับข้าวในแต่ละมื้อด้วย
ผมทำหน้านึกถึงสิ่งของที่ต้องการ ผมไม่ได้จดโพยออกมาด้วย เพราะเมมไว้ในหัวคร่าวๆ ว่าต้องการอะไรไปทำเค้กในวันวาเลนไทน์บ้าง กะว่าไปถึงแหล่งซื้อก็คงจะนึกภาพชัดเจนยิ่งขึ้น “ก็แป้ง ช็อคโกแล็ต สตอรว์เบอร์รี่ แล้วก็น่าจะวิปครีม”
“แน่ใจนะครับว่าต้องการแค่นั้น” ผมสั่นหัวรัวๆ แล้วตอบ
“ไม่อะ ผมกะว่าไปถึงในสโตร์ (Store) แล้วค่อยนึกอีกที” ออสตินทำหน้านิ่ง แต่ผมเห็นนะว่าตาสีน้ำตาลของเขามีแววเอือมอยู่
“ช่างเป็นคนที่พร้อมมาก” ผมย่นคิ้วแล้วมองเขาเคืองๆ อย่างไม่จริงจังนัก
“รถมาแล้วครับ” รถบัสสีขาวสะอาดตาจอดตรงป้ายรถเมล์ที่เรายืนรออยู่ เหตุผลที่ต้องระเห็จมานั่งรถเมล์ก็เพราะวิคเตอร์ยังไม่มีเวลาพาไปหาซื้อรถคันใหม่ เขาจะให้ผมใช้แลมเบอร์กินีของเขาแล้วเดี๋ยวตอนเย็นให้เดวิดไปส่ง แต่ผมคิดว่ามันจะสะดวกกว่าถ้าเอารถไว้ให้เขาใช้ เขาจะได้ไม่ต้องรอใคร อยากกลับเมื่อไหร่ก็กลับ (แผนแอบสูง กลัวผัวกลับบ้านช้า)
ผมนั่งมองวิวข้างทางของนิวยอร์ก กิ่งไม้โล่งเตียนมีสายไฟประดับแทนใบไม้เพราะเพิ่งพ้นช่วงฤดูใบไม้ร่วงเมื่อปลายปี แต่ไม่ใช่ว่าไม่มีต้นไม้ที่มีใบเลยนะ ยังมีอยู่ ยิ่งในเซ็นทรัลปาร์คอะเยอะเลย แต่สีอาจจะไม่ได้เขียวชอุ่มไปซะหมด ในนั้นมีลานสเก็ตน้ำแข็งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติด้วย ไม่รู้ละลายไปหรือยัง ผมโชคดีมากที่มาทันได้เล่น ช่วงที่วิคเตอร์ไปถ่ายหนังในป่าแคนาดา ผมก็ชอบพาไมเคิลไปวิ่งเล่นบนน้ำแข็งมา สนุกมาก ผมล้มหัวจะฟาดหลายรอบจนออสตินดุ แต่ผมก็หน้าด้านพอจะเล่นต่อ ก็ลานสเก็ตจะเกิดขึ้นปีละครั้งแค่ช่วงปลายปีถึงต้นปีนิดๆ เองนี่นา
เสื้อโค้ตหลากสีสันละลานเต็มท้องถนน แต่เดี๋ยวพ้นมีนาคมไปก็จะไม่ได้เห็นแฟชั่นเสื้อโค้ตแล้วละ โดยส่วนตัวผมชอบหน้าหนาวนะ เอ่อ ไม่ใช่แบบหน้าหนาวไทยน่ะ อย่างนั้นอย่าเรียกว่าหนาวเลย หน้าหนาวของจริงต้องแบบนี้ ใส่เสื้อสามชั้นก็ยังสั่น ติดลบเยอะๆ จนจมูกแดงบ่อยๆ น้ำมูกไหลแล้วไหลอีก
“ถึงแล้วครับคุณแมท” ผมหันไปมองออสตินงงๆ แต่ก็รับรู้ได้ว่าถึงที่หมายของเราแล้ว มัวแต่เพลิดเพลินกับวิวนิวยอร์กช่วงหน้าหนาวจนลืมคิดเรื่องระยะทางไปเลย
เราเดินลงรถเมล์แล้วเดินต่อไปอีกนิดก็ถึงเป้าหมาย ที่นี่มีไชน่าทาวน์ด้วย คนไทยส่วนมากถ้ามาอยู่นิวยอร์กนานๆ แล้วคิดถึงอาหารไทยก็จะมากันโซนนี้แหละ แรกๆ ผมนึกถึงภาพไชน่าทาวน์ว่ามันคงไม่ค่อยสะอาดสักเท่าไหร่ พอมาเจอของจริงก็จริงนั่นแหละ ฮ่าๆๆ แต่ก็ไม่ได้สกปรกถึงขั้นเห็นหนูวิ่งผ่านหน้าหรือเห็นแล้วทำหน้าอี๋ ก็ยังคงจับจ่ายซื้อของได้ตามปกติ จะให้มันสะอาดเอี่ยมอ่องเลยก็ไม่ได้ ก็นี่มันแหล่งขายอาหาร
“เป็นอะไรรึเปล่าออสติน” ผมเห็นเขามองไปรอบๆ กับเหลียวหลังไปมองอะไรก็ไม่รู้บ่อยๆ จนอดถามไม่ได้
“ไม่มีอะไรครับ ผมก็มองไปเรื่อย” เขาตอบกลับนิ่งๆ ตามแบบฉบับของเขา ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วหันกลับไปเลือกผักบนชั้นวางต่อ พลางก้มลงมองของในถุงในมือออสตินไปด้วยว่ายังขาดอะไรอีก มีบอดี้การ์ดแข็งแรงก็ดีเหมือนกันนะ ถือของได้ไม่บ่นเลย รับน้ำหนักของในมือได้สบายๆ
“ได้ของครบรึยังครับ” ผมอ่านโน้ตในโทรศัพท์มือถือทวนสิ่งของกับมองของในมือออสตินและในมือตัวเองบางส่วนอีกรอบหลังจากเดินซื้อของมาเกือบสองชั่วโมง
“เอ่อ เหลือสตรอว์เบอร์รี่” พ่อหัวเกรียนพยักหน้าเป็นอันว่ารับรู้ เราเลยเดินหาร้านผลไม้ในย่านไชน่าทาวน์อีกรอบ ซึ่งก็ไม่ได้หายากเย็น เพราะเห็นสีสันแห่งผลไม้เด่นมาแต่ไกล ผมเดินเข้าไปเลือกซื้อสตรอว์เบอร์รี่แบบที่เขาแพ็คใส่กล่องมาแล้วสี่กล่อง เอาไว้ประดับบนเค้กส่วนหนึ่ง ที่เหลือคือเอาไว้กินเวลาว่าง
“ครบแล้ว กลับ…”
“…คุณแมทใช่รึเปล่าครับ” ผมชะงักคำพูดตัวเองแล้วมองหน้าชายแก่คนหนึ่งในชุดสูทสีเทาเข้มภูมิฐาน หน้าตาเขาก็ดูไม่มีพิษภัยอะไร แต่ผมก็ขอเขยิบเข้าไปใกล้ออสตินเอาไว้ก่อน
“คุณตามเรามาตั้งแต่ออกจากกองถ่าย ต้องการอะไร” หา?! ผมอ้าปากหวอแหงนหน้ามองออสตินที่ถามชายมีอายุคนนั้นด้วยใบหน้านิ่ง ผู้ชายมีอายุคนนั้นยิ้มอ่อนโยนน้อยๆ ก่อนจะตอบ
“ขอโทษที่เสียมารยาท ผมเป็นเลขาของคุณลุคส์ พ่อของคุณวิคเตอร์ครับ” ผมอ้าปากหวอกว่าเดิม มองชายที่เพิ่งบอกว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับวิคเตอร์แบบผิวเผินด้วยความอึ้งบวกกับความงง
“มีอะไรรึเปล่าถึงได้ตามเรามาจนถึงที่นี่” ออสตินยังคงถามด้วยความสงบนิ่งเช่นเคย
“แน่นอนว่าต้องมี นี่คือคำสั่งของคุณลุคส์ ผมรอจังหวะที่จะเข้ามาบอกอยู่พอดีว่า คุณท่านต้องการพบคุณแมทเป็นการส่วนตัว” ใจผมเต้นตึกตักขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินว่าพ่อของวิคเตอร์ต้องการพบ ผมคิดตั้งแต่วันที่คุณลิซ่ากลับออกไปจากบ้านวันนั้นแล้วละว่าวันนี้ต้องมาถึง วันที่พ่อของวิคเตอร์ต้องการพบกับผมเพื่อคุยเรื่องที่ผมคบกับลูกชายเขา
“ถ้าคุณแมทพร้อม เราจะไปกันตอนนี้ คุณท่านรออยู่ที่เซ้นส์รีจิส (St.Regest) ครับ” ผมกระพริบตาปริบๆ เม้มปากเบาๆ แล้วเงยหน้ามองออสตินอีกที เขาก้มลงมองผมนิ่งๆ ก่อนจะหันไปพูดกับเลขาพ่อวิคเตอร์อีกรอบ
“ผมคงปล่อยให้คุณแมทไปกับคุณเป็นการส่วนตัวไม่ได้ ผมต้องไปกับเขา” แวบหนึ่งคุณลุงเลขามีท่าทีอึกอัก แล้วสักพักเขาก็พยักหน้าตอบรับน้อยๆ
“ไม่มีปัญหาครับ”
“ผมไม่เชื่อหรอกว่าไม่มี ถ้าคิดจะเล่นตุกติกอะไร ทำให้เนียนๆ นะครับ” คุณลุงเลขากระตุกยิ้มนิดหนึ่ง แววตาสีเทามัวๆ ของเขามีแววความไม่ชอบใจปรากฏออกมาแวบหนึ่ง ผมเลยได้รู้ว่าจริงๆ แล้วเขาตอบรับง่ายดายไปแบบนั้น แต่คงมีการรับมือรอไว้สินะ
“เชิญครับ รถอยู่ด้านนี้” ชายสูงวัยผายมือไปตรงปากทางเข้าของไชน่าทาวน์ ออสตินพยักหน้าขึ้นหนึ่งทีเป็นการบอกว่าให้เดินนำ คุณลุงคนนั้นหมุนตัวแล้วเดินนำพวกเราไป
“เขาจะทำอะไรเหรอ” ผมกระซิบถามออสตินระหว่างที่เรากำลังเดินไปที่รถ
“ยังตอบไม่ได้ แต่คุณคงเคยเจอพ่อคุณเรย์มอนด์แล้ว คุณแมทคิดว่ายังไงล่ะครับ” ผมเลื่อนสายตาไปมองแผ่นหลังของลุงเลขาแล้วครุ่นคิด ถึงจะเคยเจอกันครั้งเดียว แต่ผมก็รู้สึกกลัวผู้ชายคนนั้น อันที่จริงผมยังไม่รู้ประวัติพ่อวิคเตอร์แบบเต็มๆ หรอก เพราะเขาบอกสั้นๆ ว่าไม่ได้สนิทกับพ่อ ไม่อยากพูดถึง คือแค่นี้ก็น่าจะบอกได้แล้ว ขนาดลูกตัวเองยังไม่ชอบเลย แถมไวโอล่าเองก็ใช่ว่าจะชื่นชมพ่อตัวเองมากนัก เพียงแต่ไม่ได้แสดงการต่อต้านเท่าวิคเตอร์เท่า ผมยังจำที่คุณลิซ่าบอกผมได้ว่า ให้เธอมาเตือนยังดีกว่าให้พ่อของวิคเตอร์เตือนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับลูกชายเขา
ผมกลัวเขาและผมก็ไม่ชอบเขาด้วยเช่นกัน ยอมรับว่าผมไม่ชอบใจเรื่องที่เขาอยากให้วิคเตอร์แต่งงานกับยัยไฮโซเกาะอังกฤษนั่นเพื่อธุรกิจตัวเอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเขาแทบไม่เคยให้ความรักกับลูกชายตัวเอง ถึงวิคเตอร์จะไม่พูด แต่การที่เขารักแค่แม่กับย่าออกนอกหน้าขนาดนั้น แถมยังไปมีลูกกับโสเภณีได้อีกและยังไม่คิดสนใจไวโอล่าเลยด้วยตอนเธอเกิด แม้จะยังไม่รู้ประวัติทั้งหมด แต่เท่านี้ก็น่าจะบอกได้ว่า ลุคส์ เรย์มอนด์ ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีมีคุณธรรมนัก ไม่งั้นเขาจะเป็นนักธุรกิจผู้ทรงอำนาจขนาดนั้นเหรอ
พ่อตาก็มาาา เรียกเข้าพบแล้วเนาะ หนูเอเลี่ยนจะปล่อยแสงสู้ได้แค่ไหนกัน เป็นกำลังใจให้นางหน่อย 55555 ไหนจะเรื่องเค้กอีก อยากทำเค้กให้สามีกิน จะสำเร็จมั้ยคะ พูดดด ครั้งแรกกับการมีสามีในวันวาเลนไทน์สำหรับนาง คริๆ
แรงหึงขอพี่ยักษ์ยังคงรุนแรงเช่นเคย =_= เมียตัวนิดเดียว แกเล่นใหญ่ตลอดนะ
ยังคงเจอกันตามปกตินะคะ ลงนิยายตามปกติ แม้ว่าจะเปิดพรีออเดอร์อยู่ก็ตาม คาดว่าคงลงจบพร้อมๆ กับหนังสือเสร็จเลยแหละ
ใครเจอคำผิดแจ้งได้เลยนะค้า ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ ค่า