“ฮึ่ม!” เสียงขู่คำรามแหบๆ ดังมาจากวิคเตอร์พร้อมสายตาเรียบเฉย แต่ดูก็รู้ว่าเขากำลังมองอย่างไม่ชอบใจเท่าไหร่ เบนเนดิคท์กับอันเดรที่ยืนอยู่ข้างๆ เพื่อนถึงกับหัวเราะออกมา ส่วนบาสก็ดันตัวผมออกแล้วหันไปยิ้มกวนๆ ให้วิคเตอร์
“ก็แค่ทักทายคนที่เคยอยู่ร่วมบ้านเดียวกันเท่านั้นเองน่า” บาสบอกพลางยักคิ้วให้วิคเตอร์สองที อีกฝ่ายจ้องกลับมาพร้อมแผ่รังสีกดดันไปรอบๆ ห้อง ส่วนผมก็ยังคงรู้สึกงงๆ อยู่ว่าบาสมาได้ยังไง
“ไอ้วิคเตอร์ เขาสองคนเป็นเพื่อนกันนะ” อันเดรเลยต้องชกไล่แล้วเตือนไอ้ยักษ์ที่ตีหน้ายักษ์สมฉายาอยู่ เขาเดินเข้ามาหาผม ดึงให้ผมออกห่างจากบาส โดยมีเขาเอาตัวบังอยู่ ผมที่กำลังสนใจว่าบาสมาได้ยังไง เลยโผล่หน้าออกมาจากใต้รักแร้ซ้ายของวิคเตอร์
“มาได้ไงอะบาส หมายถึงว่าทำไมบาสมาอยู่นี่ได้ล่ะ I ask him why he is here?” ผมต้องหันไปแปลเป็นภาษาอังกฤษให้กับคนอื่นๆ ฟังด้วย ผมมองหน้าบาสที่ยิ้มเก้อๆ นิดหน่อย พอมองไปที่อันเดรก็เห็นว่าเขายิ้มมีเลศนัยอะไรบางอย่าง ส่วนคุณเบนก็ไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอาการอะไร แต่ใบหน้าขาวผ่องของเขานั้นก็มีอาการแดงระเรื่อเล็กน้อย สุดท้ายผมเลยต้องแหงนหน้าไปมองคนที่ผมเกาะเอวอยู่ วิคเตอร์ยิ้มมุมปากก่อนตอบ
“They are dating. (สองคนนี้กำลังเดทกันอยู่)” พอพูดจบเท่านั้นแหละ ผมก็อ้าปากหวอ มองวิคเตอร์ที่ส่งยิ้มขำกลับมาตาค้าง ผมหันตาค้างๆ ปากหวอๆ ของตัวเองหันกลับไปมองบาสกับเบนดิคท์ พ่อหนุ่มแว่นยักคิ้วเอื่อยๆ กลับมาให้สองทีพร้อมกับยักไหล่ให้ด้วย ส่วนคุณเบนก็ตีหน้านิ่งและทำเพียงยักคิ้วมาให้ผมเร็วๆ
“How? Um… I mean—you both. (ได้ไงเนี่ย เอ่อคือ ผมหมายความว่า ทั้งสองคน)” แล้วผมก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะตอนนี้กำลังรู้สึกอึ้งๆ งงๆ ไปหมด
“ง่ายๆ เลยนะ สองคนนี้ยังไม่ถึงขั้นนายกับไอ้วิคเตอร์หรอก ก็แค่คุยๆ กันอยู่” อันเดรตัดบทสรุปให้ผมฟัง ผมก็เลยพยักหน้ารับช้าๆ แบบเอ๋อๆ พอหันไปมองคุณเบนกับบาส ทั้งคู่ก็ดูปกติดี จะมีแค่ตอนแรกที่ออกอาการเขินนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร ผมมองทั้งสองคนแล้วก็ต้องบอกว่าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าสองคนนี้จะมาคุยกันได้ ดูไม่มีแววเลยสักนิด
“กินกันเถอะ” วิคเตอร์ดึงสติผมกลับมา เขากอดคอผมไปที่โต๊ะเพื่อเตรียมอาหาร เราทุกคนช่วยกันแกะอาหารเทใส่จาน วินาทีแรกที่สองฝรั่งได้กลิ่นปลาร้าก็ถึงกับเบ้หน้าและหันหน้าหนีทันที ส่วนวิคเตอร์นั้นได้กลิ่นตอนอยู่ร้านบ้างแล้วเลยแค่ทำจมูกฟึดฟัดนิดหน่อยเท่านั้น
“What the hell it is?” เบนเนดิคท์ถามหน้าซีดคล้ายคนจะเป็นลม บาสต้องอธิบายกันยาวเหยียดว่ามันคือปลาร้า เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านของไทย ขนาดอันเดรที่เคยมาไทยแล้วยังทำหน้าแหยงใส่ ส่วนผมนั้นกลืนน้ำลายลงคอดังอึก ก่อนจะหยิบช้อนขึ้นมาตักน้ำปลาร้าซดเข้าปาก โดยมีสายตาหนุ่มฝรั่งมองกันอย่างทึ่งๆ
“Marvelous. (เลิศ)” ผมบอกเสียงนุ่มพร้อมทำหน้าปริ่ม บาสเห็นแบบนั้นเลยหยิบช้อนขึ้นมาตักส้มตำเข้าปากแล้วเคี้ยวกรุบๆ ส่วนอีกสามหนุ่มที่เหลือนั่งมองกันตาปริบๆ
“You guys should try this. (ลองสิครับ)” ผมคะยั้นคะยอให้ทั้งสามคนกิน โดยมีบาสช่วยการันตีอีกแรง อันเดรกับเบนเนดิคท์หยิบช้อนขึ้นมาตักอย่างกล้าๆ กลัว ผมตักคำพอประมาณแล้วป้อนให้วิคเตอร์กิน เขาเคี้ยวอยู่สักพักแล้วก็ทำหน้าพะอืดพะอม แต่สุดท้ายเขาก็เคี้ยวจนหมดและกลืนลงคอไป
“Not bad, but if I can deny—I will. (ก็ไม่แย่นะ แต่ถ้าปฏิเสธได้ ขอเถอะ)” พูดจบเขาก็คว้าน้ำไปดื่มอย่างรวดเร็วพร้อมกับทำสีหน้าคล้ายจะอ้วก ผมเอามือปิดปากเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ พอหันไปมองเบนเนดิคท์กับอันเดรสองคนนั้นก็มีอาการคล้ายๆ กันคือเหมือนคนท้อง พอกลืนเสร็จก็รีบคว้าน้ำไปดื่มทันที
“Very spicy! (เผ็ดมาก!)” เบนเนดิคท์พูดลพางสูดลมเข้าปาก เอามือโบกลมเข้าหน้ารัวๆ ทั้งที่แอร์ก็เปิดเย็นฉ่ำ ผมเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ก็จานที่เขากินนั้นเผ็ดน้อยมากๆ แล้ว แต่ลิ้นฝรั่งกับคนไทยอาจจะไม่เหมือนกันละมั้ง พวกตะวันตกกินอาหารเม็กซิกันที่มีรสชาติจัดจ้านก็จริง แต่ผมเชื่อว่าไม่มีพริกใดสู้พริกชี้ฟ้าหรือพริกขี้หนูไทยได้แล้วละ
“But I think it’s okay. (แต่ฉันว่าก็อร่อยดีนะ)” อันเดรพูดขึ้นหลังจากดื่มน้ำไปจนเกือบหมด แล้วเขาก็หยิบช้อนตักส้มตำเข้าปากอีกคำ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ แล้วยกนิ้วโป้งให้เพื่อน เขาตักเข้าปากอีกคำ สงสัยน้ำปลาร้าจะเคล้ากับน้ำลายเขาจนเข้าที่แล้วมั้ง
“Are you kidding me? (อำเล่นรึเปล่า)” วิคเตอร์ถามสีหน้าไม่เชื่อ แต่อันเดรที่กำลังเคี้ยวส้มตำตุ้ยๆ พยักหน้าอย่างกระตือรือร้น ผมเห็นแบบนั้นเลยส่งไก่ย่างให้เขา บอกว่ามันจะช่วยลดอาการแก้เผ็ดได้บ้าง คุณเบนพอเห็นว่าเพื่อนตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อยเลยหันไปมองบาสเป็นเชิงถาม บาสพยักหน้าให้ หยิบข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อน ตักส้มตำเข้าปากหนึ่งคำแล้วตามด้วยข้าวเหนียว
ผมหันกลับมาจัดการหั่นไก่เป็นชิ้นพอดีคำ ตักส้มตำปูไทยให้วิคเตอร์ลอง เขาส่ายหัวว่าไม่เอา แต่ผมคะยั้นคะยอให้เขากิน แล้วบอกว่านี่มันเป็นคนละอย่างกับอันที่เพิ่งกินไป เขาเลยยอมอ้าปากรับ เขาเคี้ยวสักพักก่อนจะทำหน้าว่าโอเค ผมเลยตักให้เขาอีกคำ และตักให้ตัวเองอีกคำด้วย ผมหยิบข้าวเหนียวส่งให้วิคเตอร์ เขาทำหน้างง ผมเลยหยิบขึ้นมาประมาณหนึ่งก้อน
“ทำแบบนี้…” ผมสอนเขาปั้นข้าวเหนียวให้พอดีคำ แล้วจิ้มน้ำส้มตำกิน วิคเตอร์ทำตาม เขาพยักหน้าเหมือนถูกใจ จากนั้นผมก็ตักหมูน้ำตก ปลาดุกย่าง ไก่ย่างให้เขา และสอนเขากิน ซึ่งอันที่จริงก็ไม่ได้ยากอะไรหรอก แค่จับเข้าปาก เพียงแค่ต้องคอยบอกเขาว่าอะไรเป็นไร เพราะถ้าอันไหนกลิ่นแปลกๆ เขาจะทำท่าส่ายหัวหนีทันที
“ฉันไม่ชอบอันนี้กับอันนี้” เขาชี้ไปที่ส้มตำปูปลาร้ากับหมูน้ำตก ซึ่งทั้งสองอย่างนั้นน่ะของโปรดผมเลย เวลาไปร้านส้มตำทีไร ผมขาดสองอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“That’s my favorite. (นั่นน่ะของชอบผมเลย)” วิคเตอร์ทำหน้าแหยง สั่นหัวรัวๆ จนคนอื่นขำ ผมยู่ปากใส่เขาตักของโปรดตัวเองเข้าปาก เบนเนดิคท์กับอันเดรดูจะเริ่มชินกับอาหารรสจัดของไทยบ้างแล้ว แม้จะต้องกินไปดื่มน้ำไป แต่พวกเขาก็กินไม่หยุด ผิดกับไอ้ยักษ์ที่ถ้าผมไม่ตักให้ก็ไม่กินหรอก
“เป็นง่อยรึไง ถึงตักกินเองไม่ได้เนี่ย” ผมแอบกัดเบาๆ แต่ก็ตักปลาดุกจิ้มน้ำพริกกับข้าวเหนียวใส่ปากเขา วิคเตอร์เคี้ยวแก้มตุ่ยพลางส่งยิ้มแก้มอูมมาให้
ตอนนี้ผมอยากคุยกับบาสเกี่ยวกับเรื่องราวระหว่างเขากับเบนเนดิคท์ว่าเป็นไงมาไง ถึงได้มาลงเอยกันแบบนี้ ตอนนี้คบกันถึงขั้นไหนแล้ว และใครเริ่มจีบใครก่อน แต่ผมว่าไม่น่าจะเป็นบาสนะ น่าจะเป็นคุณเบนมากกว่า เพราะคุณเบนชัดเจนมาตั้งนานแล้วว่ามีรสนิยมแบบไหน แต่คุยตอนนี้คงไม่เหมาะ เพราะผมกำลังป้อนข้าวป้อนน้ำยักษ์โข่งที่ไม่ยอมตักอะไรกินเองเลยสักคำ
"Do you have any plan for tonight? (พวกคุณมีแพลนอะไรสำหรับคืนนี้กันรึเปล่า)” บาสถามพลางจิ้มไก่เข้าปาก ตอนนี้อาหารลดลงไปครึ่ง โดยที่สามหนุ่มฝรั่งกินไปน้ำตาไหลไป และดื่มน้ำไป เรอกันไปหลายรอบ ผมหยิบทิชชูยื่นให้กันคนล่ะสองรอบแล้ว แต่พ่อยักษ์หน้าหล่อไม่ต้องหรอก ผมคอยซับเหงื่อ ซับน้ำตาให้ตลอดเวลา
“Any suggest? (มีแนะนำมั้ย)” อันเดรถามพลางสูดลมเข้าปากแรงๆ เพราะเผลอไปตักจานที่ใส่พริกเยอะ
“Last night we went to Khaosan road. (เมื่อเราไปถนนข้าวสารมา)” เบนเนดิคท์บอกบาส อีกฝ่ายพยักหน้ารับนิดหน่อยพลางหันมาหาผม
“คืนนี้พาไปไหนดีอะแมท” ผมหันไปมองบาสตาปริบๆ ปากก็ยังเคี้ยวไก่กับข้าวเหนียวตุ้ยๆ กำลังจะอ้าปากตอบก็โดนหอมแก้มเอาดื้อๆ ผมหันไปมองหน้าตื่น ก็เห็นวิคเตอร์ยิ้มแยกเขี้ยว สีหน้าราวกับมันเขี้ยวอะไรอยู่สักอย่าง
“เฮ้ย นึกจะหอมก็หอมกันต่อหน้าเพื่อนอย่างเนี้ยเหรอไอวิคเตอร์” อันเดรถามสีหน้าทึ่งไม่แพ้กัน ไม่ใช่แค่อันเดรหรอกคุณเบนกับบาสก็มองวิคเตอร์งงๆ ปนความทึ่งที่จู่ๆ นึกคึกอะไรไม่รู้มาหอมแก้มกันต่อหน้าประชาชีแบบนี้
“อ้าว ฉันหอมแฟนฉัน ผิดด้วยเหรอ” เขาถามกลับสีหน้าไม่เข้าใจ ไม่ใช่เสแสร้งนะ ดูเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าการที่ทำแบบนี้มันผิดตรงไหน คือมันก็ไม่ได้ผิดหรอก แต่ลองอายมั้ย
“เออๆ อยากหอม อยากจูบ อยากทำไรทำ แต่ช่วยเห็นใจคนโสดอย่างฉันบ้าง แล้วก็ไอ้เบน อย่าได้ทำแบบไอ้วิคเตอร์นะ ฉันโดดเดี่ยวอยู่คนเดียว อย่าทำร้ายฉัน” แล้วพวกเราก็หัวเราะกับสีหน้าเซ็งๆ ของอันเดร ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงไม่มีแฟน หน้าตาแบบเขาไม่น่าจะหาแฟนยาก แต่ผมเชื่อว่าอันเดรไม่ได้ชอบผู้ชายแน่นอน ก่อนหน้านี้ที่เคยคุยกันบ้าง เขาก็เล่าให้ฟังว่าเคยคบมีแฟนมาบ้าง แต่อันเดรเป็นคนรักคนยาก แฟนคนล่าสุดที่คบด้วย ก็เห็นว่าคือเมื่อหลายปีมาแล้ว ถ้าเอาเข้าใจแบบง่ายๆ ก็คงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ถูกใจนั่นละมั้ง
“ไปเอเชียทีคป้ะ แมทยังไม่เคยไปตอนกลางคืนเลยอะ เคยไปแต่ตอนกลางวัน” บาสคิดนิดหนึ่งก่อนจะมีสีหน้าคล้อยตาม เขาพยักหน้ารับเชื่องช้า
“ก็ดีนะ ที่นั่นมีร้านให้นั่งชิล ติดริมน้ำอีก บรรยากาศน่าจะดี” สรุปเราก็ตกลงกันว่าจะไปที่เอเชียทีค เราสองคนหันไปอธิบายให้สามหนุ่มฝรั่งฟังว่าสถานที่ที่เราจะไปนั้นเป็นอย่างไร อันเดรกับเบนเนดิคท์ดูตื่นเต้น ยกเว้นวิคเตอร์ที่นั่งหน้ามึนๆ เออออห่อหมกไปด้วย
“คุณไม่อยากไปเหรอ” ผมก้มลงไปพูดให้ได้ยินกันสองคนในขณะที่สามคนที่เหลือกำลังคุยกันอย่างออกรส
“ฉันอยากนอนกอดนายมากกว่า” ผมยิ้มเอือมนิดๆ แต่ก็รู้สึกร้อนๆ ที่หน้า
“กลับมาก็นอนกอดได้” ผมบอกเสียงค่อย พลางยื่นมือไปจับมือซ้ายเขาไว้ วิคเตอร์บีบมือตอบกลับมา
“อีกอย่างนายยังเจ็บอยู่ไม่ใช่เหรอ ไปเดินแบบนั้นเดี๋ยวก็อักเสบเพิ่มหรอก” อ้อ เขาคงหมายถึงที่เขาทำรุนแรงกับผมเมื่อเช้าสินะ แหม ยังดีนะที่พอจะมีจิตสำนึกนึกถึงผมอยู่บ้าง
“ก็แล้วคุณทำทำไมล่ะ” ผมทำปากยื่น ถลึงตามองเขา วิคเตอร์ตีหน้ามึน ยักไหล่สองข้างไปมาราวกับจะบอกว่าไม่รู้ไม่ชี้
“กินเสร็จแล้วไปเลยแล้วกันเนอะแมท นี่ก็ทุ่มนึงแล้ว” ผมหันไปพยักหน้ากับบาส
พวกเรากินอาหารกันจนเกือบหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นผมกับบาสนี่แหละที่ช่วยกันกิน เพราะสามฝรั่งกินได้ไม่มากนัก พอกินเสร็จพวกคุณเบนก็แยกย้ายกลับห้องไปเพื่อไปแต่งตัว บาสเองก็ตามไปด้วย ผมเก็บจานทุกใบไว้ในห้องน้ำด้านนอกจนหมด กะว่ากลับมาจากข้างนอกแล้วค่อยล้าง แต่ถ้าไม่ไหวพรุ่งนี้ค่อยทำก็แล้วกัน
“แมท ถอดเสื้อผ้าแล้วมาหาฉันบนเตียงหน่อย” เสียงห้าวๆ ตะโกนดังมาจากในห้องนอน ผมที่กำลังก้าวเท้ากลับไปห้องถึงกับเกือบหยุดเดิน แต่ก็ก้าวเดินต่อไป พอเข้าไปในห้องก็เห็นวิคเตอร์ที่เปลือยท่อนบนนั่งรออยู่ข้างเตียง ผมรู้สึกว่าหน้าถอดสีทันที
“วะ… วิคเตอร์ จะทำเหรอ คือ…”
“…เห็นฉันเป็นคนเซ็กส์จัดขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ที่สุด!” ผมตอบกลับทันควัน วิคเตอร์กลอกตา สีหน้าเคืองเล็กน้อย เขาลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาหาผม ดึงเสื้อยืดออกจากตัวผมอย่างเร็ว
“ไม่เถียงละกัน เพราะฉันก็เซ็กส์จัดจริงๆ” เขายิ้มร้ายกาจที่มุมปากขวา แววตาแพรวระยับ ใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะลุ้นว่าเขาจะจับผมกดหรือเปล่า เพราะผมยังเจ็บอยู่เลย แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้จับผมกดแต่อย่างใด แค่นั่งยองๆ กับพื้นแล้วช่วยผมถอดกางเกงเท่านั้นเอง ผมเอาสองมือจับไหล่หนาเขาไว้เพื่อพยุงตัวยกขาให้เขาดึงกางเกงออก พอถอดให้ผมเสร็จเขาก็ลุกขึ้น ก้มลงมาจุ๊บปากผมหนึ่งทีก่อนจะพาเดินไปที่เตียง
“ขึ้นไปนอนคว่ำหน้าไว้” ถึงในใจจะแอบกลัวๆ ว่าจะโดนแฟนตัวเองจับกดหรือเปล่า แต่ผมก็คลานเข่าไปบนเตียง ก่อนจะล้มตัวลงนอนคว่ำหน้า มองไปทางวิคเตอร์ที่เปิดลิ้นชักหัวเตียงหยิบถุงสีขาวออกมา เขาหยิบใบกระดาษออกมาแผ่นหนึ่ง ยืนอ่านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็ก้มลงไปคุ้ยในถุงอีกทีก่อนที่เขาจะหยิบหลอดอะไรบางอย่างออกมา เขาวางถุงไว้บนโต๊ะหัวเตียง คลานเข่าขึ้นมาบนเตียง ไปนั่งอยู่ปลายเท้าผม มันไม่มีอะไรให้ชวนใจเต้นเลยสักนิดแต่ผมก็ดันห้ามให้มันอยู่นิ่งๆ ไม่ได้ ยิ่งเมื่อเขาจับข้อเท้าผมและจับขาแยกออกจากกัน ใจผมก็ยิ่งเต้นแรง
“ยกก้นขึ้นมา” บอกปกติๆ ก็ได้มั้ง ไม่ต้องทำเสียงกระเส่าเย้ายวนขนาดนั้นก็ได้ คือได้ยินแล้วใจมันหวิวน่ะ
ผมค่อยๆ กระดกก้นสูงขึ้นให้มันโค้งงอน เอาหน้าแนบไปกับหมอน โค้งตั้งแต่กลางหลังไปจนถึงโด่งก้นให้กับวิคเตอร์ ผมพยายามเอี้ยวคอไปมอง ก็เห็นว่าเขากำลังมองก้นผมด้วยสายตาลุกวาว ผมกลืนน้ำลายเบาๆ รู้สึกกลัวใจเขาเหลือเกิน ปากบอกไม่ทำ แต่การกระทำคือจับผมขย้ำอยู่เรื่อย
“วิคเตอร์ ไม่ทำนะ” ผมบอกเสียงอู้อี้ ไอ้ยักษ์หันมายิ้มกริ่มและส่งสายตาพราวระยับมาให้ สองมือเขายื่นมาดึงกางเกงในสีดำของผมให้ล่นลงไปครึ่งก้น แล้วเขาก็ส่งสองมือมาลูบๆ วนๆ ก้นผมแผ่วเบา ขนผมลุกซู่ตั้งแต่ก้นยันถึงต้นคอยามที่มือหนานุ่มของเขาบีบเคล้นคลึงแก้มก้นสองข้างของผมเบาๆ
“อ้าขากว้างๆ สิ” เขาบอกเสียงแหบพร่าพลางบีบก้นสองลูกของผมเน้นๆ แต่ไม่ได้เจ็บมาก ผมทำตามที่เขาบอก วิคเตอร์ช่วยจัดขาผมให้อ้าตั้งฉากได้กว้างขึ้นโดยมีกางเกงในรั้งอยู่ตรงกลาง
จุ๊บ~
เขาก้มลงมาจูบก้นผมทั้งสองข้างอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกวูบวาบแล่นไปทั่วตัวยามที่เขากดริมฝีปากหนาลงบนผิวก้น ลมหายใจผมเริ่มหอบน้อยๆ คอยเอียงหน้ามองเขาไว้ว่าเขาจะทำอะไรบ้าง เขาเอื้อมมือซ้ายไปหยิบหลอดอะไรสักอย่างโดยที่สายตาไม่ได้ละไปจากก้นผมเลยสักนิด
“ฉันซื้อยามาทาลดอาการบวม อาการอักเสบให้นาย” เขาว่าพลางหมุนฝาหลอดยาออก สองมือผมกำหมอนแน่น บิดคอจ้องมองการกระทำของเขา วิคเตอร์แสยะยิ้มที่มุมปากราวกับตัวร้ายในหนัง
“อยู่นิ่งๆ นะ เดี๋ยวทายาเสร็จจะได้กินยาต่อ” ผมพยักหน้ารับเร็วๆ ยังคงแยกขาเอาเข่ายันเตียงและยกก้นโก่งโค้งไว้เหมือนเดิม วิคเตอร์บีบยาลงบนนิ้วชี้ด้านขวา ก่อนจะยื่นนิ้วมาแตะลงบนกลีบเนื้อด้านหลังของผมอย่างเบามือ ความเย็นของยาแผ่ไปทั่วบริเวณช่องทางตรงนั้น เขาหมุนวนช้าๆ อย่างยั่วยวน เล่นเอาผมเริ่มหายใจไม่สม่ำเสมอ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นนะแมท ไม่งั้นนายไม่หายแน่ๆ” เขาว่าเสียงเข้ม ขบกรามจนสันกรามขึ้นนูน ผมว่าเขาเองก็คงกำลังอดทนอดกลั้นอยู่เหมือนกัน
“อ๊ะ…”
“อืม!” วิคเตอร์คำรามในลำคอเบาๆ ตอนที่ผมครางรับนิ้วเขาที่สอดเข้าไปด้านใน เขาบีบยาลงไปบนกลีบเนื้อของผม ใช้นิ้วชี้ดันยาเข้าไปด้านใน แต่ไม่ได้เข้าไปลึกนักหรอก อยู่แค่ขอบนอกๆ เท่านั้น เขาหมุนวนนิ้วรอบๆ ขอบปากทางเข้าของผมช้าๆ ไอเย็นกระจายไปทั่วตรงนั้น ให้ความรู้สึกเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก
“ฮืมมม…” ผมครางเสียงแผ่ว หลับตาพริ้มไปกับจังหวะหมุนวนของนิ้วมือวิคเตอร์ เขารู้จักจังหวะในการหมุนและหยุดกดกระตุ้นจุดเสียวเบาๆ ผมไม่รู้ว่าเขาแกล้งหรือต้องการให้ยามันออกฤทธิ์ให้ทั่วถึงกันแน่
“เจ็บมั้ย” เขาถามเสียงเบาหวิวทั้งที่นิ้วชี้ก็ยังไม่หยุดแหย่เข้าแหย่ออกตรงขอบปากทางของผม จนผมจะสติหลุดอยู่แล้ว
“นะ… นิดหน่อยครับ” ผมตอบเสียงกระท่อนกระแท่น พยายามคุมเสียงไม่ให้กระเส่ามาก
“แมท อย่าแข็งสิ ไม่งั้นฉันจะอดใจไม่ไหวนะ แค่นี้มันก็ดันกางเกงจนคับไปหมดแล้ว” ความร้อนแผ่ไปทั่วใบหน้าผมทันทีที่เขาพูดด้วยเสียงติดคำรามแบบนั้น
“ก็… ก็เมื่อไหร่คุณจะหยุดล่ะ แค่นี้ยามันก็ทาทั่วแล้ว” ผมบอกพลางกลืนน้ำลายลงคออันแห้งผาก วิคเตอร์ยิ้มลามก ก่อนจะแกล้งผมด้วยการแทงนิ้วเข้าออกเร็วๆ จนผมผวา รีบยกมือขวาไปจับมือเขาไว้
“ยะ… อย่า ผมเจ็บอยู่ อย่าเพิ่งเลยนะ” ผมอ้อนวอนเขา วิคเตอร์ยอมหยุดให้แต่โดยดี ค่อยๆ ดึงนิ้วออก เขาดึงมือตัวเองออกจากการกุมมือหลวมๆ ของผมไป จับมือผมขึ้นไปจูบหลังมือหนักๆ
“ห้ามใจลำบากจัง”
“ถ้าอยากทำบ่อยๆ ก็อย่าทำแรงแบบนี้อีกสิครับ” ผมต่อรองเสียงแหบ วิคเตอร์ยิ้มกริ่ม ปล่อยมือผมแล้วดึงกางเกงชั้นในขึ้นสวมก้นตามเดิม แต่ก็มิวายส่งมือมาบีบแก่นกลางลำตัวผมเบาๆ เป็นการหยอกล้อ ผมแอบหายใจสะดุด ก่อนที่จะถูกเขาพยุงให้ลุกขึ้นนั่งชันเข่า แล้วเขาก็จับหัวผมไปพิงกับอกเปลือยเปล่าอันแข็งแกร่งของเขา ก้มลงมาจูบอย่างเน้นหนัก เขาส่งลิ้นเข้ามาในปากผมเป็นสัญญาณเรียก ผมเลยส่งลิ้นไปให้เขาคลอเคลียด้วย เราดูดดึงกันสักพักเขาก็ดึงหน้าออกไป
“ฉันจะไม่ทำรุนแรงถ้านายไม่ทำให้ฉันโกรธ แต่ฉันยินดีมากถ้านายจะโกรธแล้วขย่มฉันแรงๆ” ผมหน้าแดงก่ำไปหมดแล้วมั้ง วิคเตอร์หัวเราะในลำคอ ใช้มือซ้ายบีบก้นผมเน้นๆ จนผมเผยอปากเล็กน้อย
“ผมจะทุบหัวคุณแบะสิไม่ว่า” ผมแกล้งว่าเสียงโหด เขาเลยก้มลงมางับหูผมเบาๆ
“ก่อนจะแบะหัวฉัน แบะก้นนายให้ฉันแทงก่อนแล้วกัน” ผมทำหน้ายู่ วิคเตอร์ยิ้มหล่อบางๆ กลับมา
“แต่งตัวเถอะ จะได้กินยา” ผมพยักหน้ารับ ค่อยๆ คลานลงจากเตียง เดินไปหาเสื้อผ้าชุดใหม่ๆ จากกระเป๋า หยิบเสื้อเชิ้ตยีนส์สีน้ำเงินขึ้นมาหนึ่งตัว กับกางเกงขาสั้นสีครีมตัวใหม่หนึ่งตัว
“ใส่สีนั้นเหรอ” ผมหันไปมองวิคเตอร์ที่กำลังก้มเงยๆ รื้อค้นเสื้อผ้าในกระเป๋าเดินทางของเขา
“ทำไมเหรอครับ” เขาไม่ตอบอะไรแต่กำลังตั้งหน้าตั้งตารื้อหาเสื้อผ้าจนตอนนี้มันกระจายเต็มพื้นไปหมด ว่าจะจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้เขาก็ยังไม่ได้จัดสักที กลับมาถ้าไม่เหนื่อยเกินไปคงต้องทำให้เขาแล้วละ
“จะได้เหมือนกันไง” เขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินอ่อนขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วสวมใส่ แต่ยังไม่ติดกระดุม เขาเดินออกไปจากห้องนอน ผมมองตามเขายิ้มๆ ที่แท้ไอ้ยักษ์ตัวโตก็อยากใส่เสื้อคู่หรอกเหรอ ผมวางกางเกงลงบนเตียง จัดการใส่เสื้อให้ตัวเอง ระหว่างนั้นวิคเตอร์ก็เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมน้ำเปล่าหนึ่งขวด เขาเดินไปหยิบยาตรงโต๊ะหัวเตียงมาหนึ่งเม็ดแล้วเดินกลับมายื่นน้ำให้ผม
“กินยาก่อน” ผมรับยามาไว้ในมือ ตอนแรกทำท่าจะเอายาเข้าไปไว้ในปากก่อนแต่พอโดนเขามองดุๆ เลยนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ชอบให้ผมกินยาแบบนี้ เลยต้องดื่มน้ำเข้าไปก่อนแล้วค่อยตามด้วยกรอกยาลงไป พอกินยาเสร็จเขาก็ดึงขวดน้ำไปตั้งไว้บนตู้ทรงสูงที่อยู่เยื้องๆ กับเตียง เขาหันมาติดกระดุมเสื้อให้ผม พอเขาทำแบบนั้นผมเลยติดของเขาบ้าง วิคเตอร์ยิ้มกว้างมาให้ ก้มลงมาหอมหน้าผากผมแผ่วเบา ผมเลยยื่นหน้าไปหอมแก้มซ้ายเขาหนึ่งที เขายิ้มตอบกลับมาเล็กน้อย
“ที่โน่นมีชิงช้าด้วยนะ คุณอยากขึ้นมั้ย” ผมถามเขาในตอนที่กำลังปล่อยให้เขาพับแขนเสื้อข้างขวาให้
“ถ้านายขึ้น ฉันก็ขึ้น” ผมยิ้มแฉ่ง พยักหน้าให้เขารัวๆ เป็นสัญญาณว่าผมขึ้นแน่ๆ เขายิ้มมุมปากตอบกลับมา พอเขาพับแขนเสื้อให้ผมเสร็จ ผมก็ทำให้เขาบ้าง วิคเตอร์ยกมือขวามาลูบๆ ตรงช่วงซอกคอผมที่เขาทำรอยไว้ตอนที่ทะเลาะกัน
“เอาปกเสื้อปิดๆ ไว้ก็คงไม่เห็นแล้ว”
“ไม่ทำเลยจะดีกว่ามากครับ” ผมบอกหน้าบูดๆ สองมือก็พับแขนเสื้อให้เขาอีกข้างจนเสร็จ วิคเตอร์เบะปากและส่ายหัวไปมา
“งั้นให้ผมกัดคุณแบบนี้มั่งมั้ยล่ะ” ผมว่าผมท้าคนผิด
วิคเตอร์ยิ้มระรื่นขึ้นมาทันที เขาแกะกระดุมเม็ดบนสุด แหวกสาบเสื้อออกกว้างจนเห็นแผงอกแกร่ง และลำคอของเขาชัดเจน
“เอาสิ อยากกัดตรงไหนเลือกเอาเลย” ผมหรี่ตามองเขา เดินเข้าไปใกล้ร่างหนาของยักษ์หน้าหล่อ มือขวาเลื่อนไปลูบตรงเป้ากางเกงเขาไปมา วิคเตอร์ดูอึ้งไปนิด แต่สักพักเขาก็เปลี่ยนเป็นยิ้มถูกใจ แขนขวาเลื่อนมาโอบเอวผมไว้
“ถ้าอยากกัดยักษ์น้อย ได้รึเปล่าครับ” ผมแกล้งว่าเสียงแหบแห้ง บีบลงบนกลางลำตัวของเขาไปเรื่อยๆ จนมันค่อยๆ ตื่นมือผมขึ้นมา แววตาวิคเตอร์ลุกโชนอย่างรวดเร็ว เขากรีดยิ้มร้ายกาจ
“เต็มที่เลย” เขาว่าเสียงทุ้มแล้วก้มลงมาจะจูบผม
ก๊อกๆๆๆๆ
“วิคเตอร์! พวกฉันเสร็จแล้ว ไปกันเถอะ!!” เสียงโวยวายดังขึ้นที่หน้าห้อง วิคเตอร์หลับตาแน่น ถอนหายใจออกมาหนักหน่วง หน้าตาบ่งบอกว่าเซ็งมากที่โดนขัดจังหวะ ผมยิ้มกริ่มเย้ยหยันเขาจางๆ โดนขัดจังหวะซะบ้างก็ดี
“แต่งตัวกันเร็วจัง” เขาบ่นงึมงำ หน้าตายับยู่ยี่เหมือนเด็กโดนขัดใจ ผมเดินไปหยิบกางเกงขึ้นมาใส่ พอเขาเห็นว่าผมใส่กางเกงแล้ว เขาถึงเดินออกไปเปิดประตูให้ทุกคนเข้ามา จริงๆ อย่าเรียกว่าแต่งตัวเลย แต่ล่ะคนแค่เปลี่ยนเสื้อตัวใหม่เท่านั้นแหละ มีบาสคนเดียวที่ยังใส่ชุดเดิม แต่กลิ่นน้ำหอมแต่ล่ะคนนี่ฟุ้งกันเชียว
“โห เสื้อคู่เหรอ” คุณเบนทำหน้าทึ่งหน่อยๆ ส่วนวิคเตอร์ยิ้มหล่อให้ทุกคนพร้อมกับยักคิ้วให้หนึ่งที ผมเห็นอันเดรแลบลิ้นทำท่าเหมือนว่าจะอ้วกออกมา
“พร้อมยังแมท” บาสหันมาถาม ผมพยักหน้าตอบรับกลับไป ทุกคนจึงพากันทยอยเดินออกจากห้อง โดยมีผมกับบาสรั้งท้ายขบวน
“เออแมท รู้เรื่องที่เรื่องตัวเองกับไอ้ฝรั่งนั่นถูกแชร์ในเฟซป้ะ” ผมพยักหน้ารัวๆ
“แต่ยังไม่ได้เข้าไปเช็กหรอก ไม่อยากอ่านคอมเม้นต์แย่ๆ”
“ส่วนใหญ่มีแต่ชมนะ หมายถึงว่า กระแสดีกว่ากระแสลบอ่ะ ส่วนใหญ่ชมทั้งนั้นแหละว่าน่ารักดี” ผมยิ้มเคอะเขิน ไม่รู้จะทำตัวยังไง
“แต่ไอ้พวกที่ด่าๆ แมทอะ บาสว่าตอนนี้มันกำลังจะซวยนะ” ผมเลิกคิ้วขึ้นมองบาสงงๆ เป็นจังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออกพอดี
“แมท” วิคตอร์หันมาเรียกผมในขณะที่เท้าก็ก้าวเข้าไปในลิฟต์แล้ว ผมรีบหันไปมองบาสอย่างต้องการคำตอบ
“ก็แฟนแมทจะฟ้องไอ้พวกที่ด่าแมทในโซเชียล ตอนนี้ทีมงานเขากำลังจัดการอยู่” บาสก้าวนำผมเข้าไปลิฟต์ ผมอ้าปากหวอ รู้สึกเหมือนโดนบาสเอาค้อนทุบหัวทิ้งท้าย ผมยืนเอ๋ออยู่หน้าลิฟต์จนวิคเตอร์ต้องเดินมาดึงมือผมให้เข้าไปด้านในทั้งที่ยังคงมึนๆ อยู่
เดี๋ยวก่อน ฟ้องร้องอะไรกัน นี่แมทนะ แมทไง แมทเฉยๆ ไม่ใช่แมท โอบามา ไม่ต้องยิ่งใหญ่ขนาดนั้นมั้ย
..............................................................TBC.
ไม่มีไรมาก ลงทีเดียวรวดเดียว เพราะไม่อยากตัดบรรยากาศ มันเชื่อมกัน อยากให้ซึมบรรยากาศฝรั่งจกส้มตำกันยาวๆ หุๆ
ติดตามการอัพเดต ข่าวสารต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่เพจหรือทวิตเตอร์นะคะ เอ้อ ในทวิตตอนนี้ตอมกำลังคิดว่าใช้แท็ก #LoveNoBoundaries ทั้งสามพาร์ทหลักและหนึ่งพาร์ทสเปเชียลไปเลยดีมั้ย จบข่าว 555555 ทำไมเพิ่งคิดได้ก็ไม่รู้ -..-
ขอบคุณคนอ่าน ณ เล้าเป็ดมากๆ นะคะ ที่อยู่เป็นเพื่อนกันเสมอ