ตอนที่ 59
หลังคลับปิด นายนัดให้ผมไปพบคนเดียวที่ลานจอดรถแห่งหนึ่ง
แต่ใครจะทำตามให้โง่ล่ะวะ
ไอ้เก่งน่าพึ่งพาเรื่องใช้กำลังก็จริง แต่เป็นพวกไม่รู้สถานการณ์ ส่วนพี่แว่นนั้นหัวไว แต่กลับใช้กำลังไม่ได้ ผมจึงให้ทั้งคู่เฝ้าคลับไปก่อนเพราะไม่ว่ายังไงทั้งคู่ก็ไม่ยอมกลับไปพักผ่อน ก่อนจะรบกวนพี่เอกให้ตามมาด้วยกัน แต่ซ่อนตัวเอาไว้ปล่อยให้ผมเดินไปหานายคนเดียว
พอไปถึงนายก็เปิดประตูให้ผมเข้าไปนั่งข้างคนขับ และกดล็อกป้องกันไม่ให้ผละหนี
“เอกสารล่ะ”
“ผมบอกนายแล้วว่าไม่มี”
“ยังจะโกหกกันอีกนะ ทั้งที่จนตรอกขนาดนี้แล้วแท้ๆ”
ผมเหลือบมองนาย น่าแปลกที่ยังยิ้มออก
“ถ้านายคิดว่าคิงส์คลับอยู่รอดมาสี่ปีด้วยโชค คนที่จนตรอกก็คือนายต่างหาก”
“นิลกาฬ อย่ายอกย้อน”
“นายสั่งผมไม่ได้หรอกนะครับ” ผมยังเอ่ยอย่างใจเย็น “นายทำแบบนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์”
“มีสิ อย่างน้อยก็ทำให้เธอเดือดร้อน เหมือนที่ฉันกำลังเป็น”
“เล่นเป็นเด็กเลยนะครับ” ผมตอกกลับพร้อมรอยยิ้มเหยียด “เอกสารที่นายต้องการผมไม่มี และก็ไม่สามารถไปหามาคืนได้ด้วย นายควรจะตัดใจเรื่องนั้น แล้วหาทนายเก่งๆ ในการสู้คดีความดีกว่า”
“ฉันกำลังทำ!” นายตะโกนออกมา ก่อนจะลดน้ำเสียงลงเมื่อเห็นผมเตรียมจะหนีออกนอกรถ “แต่เอกสารชุดนั้นมีหลักฐานเอาผิดเจ้าคนที่ฟ้องร้องฉัน พวกเราแลกเปลี่ยนหลักฐานกันเพื่อความวางใจว่าจะไม่ทรยศ แต่หมอนั่น...กลับหักหลังฉันได้ แล้วเรื่องอะไรฉันต้องยอมเป็นฝ่ายผิดทั้งที่มันเองก็ทำผิดไม่ต่างกัน”
นายสูดหายใจเข้าลึก
“รู้แล้วก็นำเอกสารมาคืนฉันซะที ฉันไม่มีเหตุจำเป็นต้องมาเสียเวลากับเธอที่นี่ ฉันแค่ต้องการเอาคืนพวกไม่รักดีเท่านั้น”
“ผมไม่มี”
“นิลกาฬ!”
“ถ้ามีผมคงนำมาคืนให้นายตั้งแต่ได้คลิปหลักฐานพรากผู้เยาว์ทางไลน์แล้วล่ะครับ คลิปนั้นเห็นชัดและใช้ได้ผลในศาลจริงๆ กว่าเอกสารทุจริตของนายตั้งเยอะ แล้วผมจะเก็บของร้อนไว้ทำไม แต่เพราะไม่มี ผมถึงเอาให้นายไม่ได้”
นายนิ่งงัน บางทีนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาคิดว่าผมไม่ไม่ได้พูดปด เมื่อก่อนปากหวานพร่ำเพรื่อก็อย่างนี้ บอกอะไรไปเลยไม่น่าเชื่อถือ
“นายทำเกินไป” ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “กับเอกสารชุดเดียวที่หายไปจากโลก นายถึงกับทำให้คนของผมถูกจับ จะเพราะเอาคืนหรือกดดันผมก็ตาม แต่ครั้งนี้นายทำเกินไป”
“ฉันไม่ได้ทำ”
ผมรู้สึกเหมือนเดจาวูตอนตัวเองบอกว่า ‘ผมไม่มี’ ชอบกล
ฉะนั้นถึงไม่เชื่อสักนิด
“ฉันมีศัตรู คนของเธอก็มีศัตรู นิลกาฬ” นายแสยะยิ้มอย่างสะใจ “ฉันแค่ให้ความร่วมมือในการขอซื้อยาเสพติดต่อจากลูกค้าในคลับของเธอด้วยราคาเป็นเท่าตัวเพื่อแจ้งความ ส่วนหลักฐานทั้งหมดคนคนนั้นเป็นผู้ค้นพบ เร็วๆ นี้พวกเธอจัดฉากให้ตำรวจเข้าล้อมจับกุมกับใครล่ะ คิดดูดีๆ”
ตำรวจที่บุกยึดผับ สั่งปิดบริการชั่วคราว
การกระทำนั้นช่างคุ้นกับ...
“ผับ...ฝั่งตรงข้าม?”
นายหัวเราะในลำคอ ยืนยันว่าผมคิดถูก
“ทางนั้นเป็นฝ่ายเริ่มก่อนต่างหาก”
“ฉันไม่สนว่าใครเริ่มก่อน แต่ฉันสนที่จะตักตวงจากคนน่าสงสารที่ไม่มีอำนาจมากพอจะแก้แค้น ไม่รู้ตัวเลยล่ะสิว่าถูกสะกดรอยไปถึงโรงงาน นายคนนี้ได้รับการปล่อยตัวเพราะครอบครองสารเสพติดไม่ถึงสามกรัม เล่นเส้นจ่ายค่าปรับสักหน่อยก็ถูกปล่อยตัว นับว่าโชคดีที่ทำลายหลักฐานที่เหลือทัน แต่ก็ติดประวัติและถูกห้ามก่อตั้งสถานเริงรมย์อีก มันน่าเจ็บใจนะที่ถูกจับทั้งที่มีคลับขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใกล้ๆ แค่นี้ และยิ่งลองสืบลึก เจอทั้งหลักฐานการจำหน่ายและผลิต โทษหนักเทียบเท่าจำคุกตลอดชีวิตเลยทีเดียว”
ผมพยายามที่จะไม่แสดงสีหน้าเป็นกังวล
“ในเมื่อเธอยืนยันว่าไม่มีเอกสารจริงๆ งั้นฉันก็ไม่เซ้าซี้ ขอให้โชคดีแล้วกันนิลกาฬ” นายผายมือเชื้อเชิญให้ผมลงจากรถ ราวกับว่าหมดสิ้นธุระกันแล้ว
“นายคงไม่คิดจะเข้ามาก้าวก่ายในคลับและกลับไปง่ายๆ หรอกนะครับ”
“แล้วเธอจะทำอะไรฉันได้”
“ผมทำไม่ได้” พูดพลางเหลือบมองไปด้านหลังนาย “แต่คนอื่นทำได้”
พูดจบผมก็เอื้อมตัวไปจับข้อมือนายเอาไว้ เขาพยายามดิ้นหนีจนเกือบสลัดหลุด พอดีกับพี่เอกที่เข้ามากระชากประตูอีกฝั่งมาปิดปากนายและล็อกตัวแน่น จะโทษก็โทษที่นายทำท่ากวนประสาท กดปลดล็อกรถเพื่อให้ผมกลับไปด้วยความสิ้นหวังทั้งที่เป็นการเชื้อเชิญอัศวินให้มาจัดการเถอะ
“ผมบอกแล้วว่านายทำเกินไป คิงส์คลับจะไม่ยอมให้คนที่มาทำร้ายเราลอยนวลง่ายๆ”
นายจ้องผมด้วยดวงตาแค้นเคือง
“พี่เอก พานายไปไว้ที่คลับ ให้ไอ้คิงมาจัดการเอง แต่ถ้ามันไม่กลับมา...” ผมเหลือบมองนาย “ในเมื่อนายกล้าเอาตัวเองมาเกี่ยวก็แบกรับความเสี่ยงที่จะมีตำรวจมาเจอพร้อมของกลางแล้วกัน โดนสองคดีซ้อนคงทำให้ชีวิตนายมีสีสันขึ้นเยอะ”
“ครับควีน”
ผมวางใจอัศวินคนนี้จึงรีบลงจากรถแล้วขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์เบอร์หนึ่งที่โทรเรียกให้มารับแต่แรก เพราะตั้งใจจับตัวนายหลังแก้ความเข้าใจผิดเรื่องเอกสารเสร็จอยู่แล้ว ครั้งนี้นายทำเกินไปจริงๆ
“กระต่ายล่ะ”
“กำลังจัดการตามที่ควีนสั่งครับ ตอนนี้รออยู่ที่โรงงาน”
“ดี”
ผมสวมหมวกกันน็อกเรียบร้อยและเกาะที่จับด้านหลังเพื่อให้เบอร์หนึ่งรีบซิ่ง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลาแล้ว ถ้านายร่วมมือกับไอ้เจ้าของผับนั่นจริง หลังเจรจากับผมเสร็จโดยไม่ได้ของที่ต้องการ จะต้องส่งซิกอะไรสักอย่างให้ฝ่ายนั้นส่งภาพโรงงานกับตำรวจเพื่อเอาผิดไอ้คิงอีกขั้นแน่นอน ถึงตอนนั้นต่อให้มีปู่อีกสองร้อยคนก็ช่วยมันไม่ได้แล้ว
เพราะเหตุนี้ผมเลยให้พี่เอกจับนายไว้ ประวิงเวลาไม่ให้ทั้งสองคนติดต่อกัน
ถนนยามตีสามทำให้มอเตอร์ไซค์ของเบอร์หนึ่งทะยานไปถึงจุดหมายอย่างรวดเร็วทั้งที่โรงงานอยู่ไกลจากคลับมาก ผมรีบลงจากรถพร้อมถอดหมวกกันน็อกวางบนเบาะ ก่อนจะเดินเข้าไปหากระต่ายที่ยืนรออยู่ด้านหน้า
“คนอื่นๆ ล่ะ”
“ให้เงินชดเชยและชี้แจ้งรายละเอียดแล้วครับ ตอนนี้ทุกคนพากันแยกย้ายและหนีไปกบด่านอยู่ต่างจังหวัด ไม่ทิ้งร่องรอยหรือหลักฐานอะไรเอาไว้ ส่วนน้ำมันที่พี่นิลให้ผมกว้านซื้อ...อยู่ข้างใน” กระต่ายว่าอย่างเหนื่อยอ่อนเพราะได้รับคำสั่งกะทันหัน แต่กระนั้นก็ทำได้ดีโดยไม่มีใครช่วยเหลือ “พี่นิล...จะทำอะไรเหรอครับ”
“ทำลายหลักฐานน่ะสิ”
ผมตอบอย่างไม่ลังเล โรงงานแห่งนี้ผมไม่เห็นด้วยกับไอ้คิงแต่แรก แต่เพราะความเป็นควีนที่ต้องเห็นประโยชน์ของคลับเป็นหลัก เมื่อไอ้คิงประกาศกร้าวต่อหน้าลูกน้องผมจะปฏิเสธอย่างไรได้
“ทำลาย?...เผาทิ้งน่ะเหรอครับ” กระต่ายกลืนน้ำลายเอื้อก มองผมที่เข้าไปสำรวจถังน้ำมันจำนวนมากที่วางเรียงรายใกล้ๆ กับเครื่องจักรด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“กลัวอะไรกระต่าย ถ้าไม่ทำ พวกเรานี่ล่ะจะแย่กันหมด” พูดจบผมก็เรียกให้เบอร์หนึ่งมาช่วยเทน้ำมันใส่เครื่องจักรและส่วนผสมในการผลิตยาทั้งหลายที่ไม่สามารถให้พวกคนงานนำติดตัวไปได้ ถ้าจะช่วยไอ้คิงจากข้อหาผลิตยาหลายร้อยกรัม มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่ประหยัดเวลาและปลอดภัยที่สุด
“เร็วเข้ากระต่าย ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นจะรู้ตัวเรื่องนายถูกคุมตัวเมื่อไหร่ มันยิ่งกระเหี้ยนหือรือจะเอาไอ้คิงเข้าคุกอยู่ด้วย”
“หมอนั่น?” กระต่ายทำหน้ามึนงงสุดขีด แต่พอเห็นผมเข้าไปแบกถังน้ำมันด้วยตัวเอง ก็รีบเข้ามาช่วยเหลือและเลิกถามให้มากความ
พวกเราสามคนช่วยกันราดน้ำมันในจุดต่างๆ ภายในโรงงานจนหมด เพื่อให้ดูเหมือนไฟลุกจากภายใน หลังตรวจเช็คความเรียบร้อยรวมทั้งเก็บรวบรวมของมีค่าหรือหลักฐานว่าเคยมีคนอาศัยอยู่ในที่นี่แล้ว ผมก็เป็นคนจุดไฟ
ไม่เคยคิดเคยฝันว่าจะได้เป็นมือเพลิง
ความรู้สึกย่อมไม่ใช่ความยินดี แต่เป็นอะไรที่บรรยายไม่ถูก ใครเลยจะคิดว่าโรงงานที่ยอมปิดตาข้างหนึ่ง สุดท้ายแล้วจะเป็นผมเองที่เผาทำลาย
ทั้งหมดเพราะผลประโยชน์ของคลับ
ในตอนแรกผมยอมให้ไอ้คิงทำโรงงานก็เพื่อคำว่าผลประโยชน์ และในตอนนี้ ผมก็กำจัดเพื่อผลประโยชน์เช่นกัน
ถึงการกระทำจะต่างกัน แต่ผมยังคงเป็นควีน
“เพื่อคิงส์คลับ”
เปลวไฟลามไล่อย่างรวดเร็ว พวกเราสามคนยืนดูจนแน่ใจว่าเพลิงสีแดงนั้นจะสามารถเผาทำลายหลักฐานในการผลิตยาได้ทั้งหมด ก่อนจะพากันซ้อนสามรีบหนีออกมาก่อนที่จะชาวบ้านพบเห็นและแจ้งตำรวจยามตีสี่
ถึงตอนนั้น...ตึกร้างแห่งนี้จะถูกสรุปว่าไฟฟ้าลัดวงจร
เครื่องจักรมีอายุการใช้งานมานาน เจ้าของเองก็ไม่ใส่ใจดูแล สมศักดิ์หลบหน้าไปไกลถึงต่างประเทศ เป็นหลักฐานยืนยันว่าที่แห่งนี้ถูกปล่อยปละละเลยขนาดไหน
ผมหันไปมองเปลวเพลิงที่ลุกโหมท่ามกลางความมืดแล้วก็อดย้อนมองตัวเองไม่ได้
มาถึงตอนนี้...คงกู่ไม่กลับไปตลอดชีวิตแล้วล่ะนิลกาฬ
เป็นอย่างที่ผมคาด หลังกลับมาตั้งหลักที่คลับอีกครั้ง พี่หมอบก็โทรมารายงานกับผมว่าไอ้คิงถูกแจ้งข้อหาเพิ่มว่าเปิดโรงงานผลิตยา ตอนนี้ทางตำรวจซึ่งกำลังถูกปู่ไอ้คิงข่มเหงอยู่นั้นจึงฮึกเหิม พาพวกไปสำรวจตามที่อยู่ซึ่งระบุอย่างชัดเจนจากผู้หวังดี
“ไปถึงก็มีแต่โครง”
ไม่เพียงน้ำมัน แต่ส่วนผสมของการผลิตยายังไวต่อไฟ ป่านนี้คงวอดวายไปหมดแล้ว
(( น้องนิลว่าอะไรนะ ))
“ผมบอกว่าไม่ต้องห่วงครับพี่หมอบ ผมจัดการเรื่องโรงงานแล้ว”
(( จัดการยังไง โรงงานทั้งตึกเลยนะน้องนิล แล้วยังพวกคนงาน และหลักฐานการผลิตที่คาตา! ))
“ไม่เหลืออะไรแล้วครับ” ผมพูดทั้งที่มือสั่น เพิ่งสำนึกได้ว่าบ้าบิ่นขนาดไหน แต่ก็ไม่เสียใจสักนิด เพราะถ้าช้ากว่านี้เพียงเล็กน้อย สถานะของไอ้คิงจะพลิกกลับทันที “รายละเอียดค่อยพูดกันทีหลัง พี่หมอบวางใจได้ ส่วนไอ้คิง...”
จะฝากคำพูดอะไรไปล่ะ บอกให้มันสู้ๆ อย่าเผยพิรุธน่ะเหรอ กับราชาไร้พ่ายคนนั้น ผมยังต้องห่วงอะไรอีก มันแม่งฉลาดกว่าผมซะด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเผชิญกับสถานการณ์แบบไหนก็สามารถรับมือได้อย่างไม่สะทกสะท้าน
“ฝากบอกมันว่าผมง่วงแล้ว”
(( ได้ ))
พี่หมอบหัวเราะ เลิกเซ้าซี้อย่างเชื่อมั่นว่าถ้าเป็นผม จะต้องทำได้อย่างแน่นอน
(( น้องนิลเองก็อย่าฝืนล่ะ ))
“ไม่ฝืนหรอกครับ รอบตัวผมมีทั้งอัศวิน ทั้งบิชอป” ผมยกยิ้ม “แล้วก็กระต่ายอีกตัวนึง”
พี่หมอบกำชับผมอีกนิดหน่อยก่อนจะวางสาย ผมเองก็เงยหน้าขึ้นมองสภาพความเป็นไปในตอนนี้ นายถูกพี่เอกคุมตัวเอาไว้โดยมีไอ้เก่งยืนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ เพื่อเซฟสองชั้น ส่วนพี่แว่นนั้นนั่งอยู่ข้างผม คอยเลื่อนไอแพดตามข่าวจากสื่อโซเชี่ยล
ต่อให้ได้เวลาปิดคลับ แต่พวกเราทั้งหมดพร้อมใจกันรวมพลโดยไม่จำเป็นต้องออกคำสั่ง
เบอร์หนึ่งเดินกลับออกมาจากออฟฟิศหลังล้างเนื้อล้างตัวเพื่อลบกลิ่นน้ำมัน โดยมีกระต่ายตามออกมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มันเข้ามาในคลับ ทั้งที่อยู่ในสถานะเด็กฝึกงานมาตลอด
มาถึงตอนนี้มันเองก็ถอนตัวไม่ได้เหมือนกัน
กระต่ายกลายเป็นคนในคลับ แต่จะด้วยตำแหน่งอะไรนั้น รอไอ้คิงมาค่อยจัดการอีกที
“เธอจะจับตัวฉันเพื่ออะไร ฉันกับหมอนั่นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน แค่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือเพราะมีผลประโยชน์ร่วมกันก็เท่านั้น ถ้าคิดจะให้ฉันเรียกตัวมันออกมา บอกเลยว่าไม่ได้ผลหรอก”
“ผมมีสมอง ผมคิดได้ครับนาย”
ตอนนี้พวกเรารวมตัวอยู่ที่ชั้นหนึ่ง ผมนั่งอยู่ในคอกกับพี่แว่น ก่อนที่กระต่ายจะตามเข้ามานั่งประกบอีกด้านหลังถูกผมกวักมือเรียก
“ถ้าคิงถูกปล่อยตัวมาเมื่อไหร่ นายก็ยอมถูกมันซ้อมสักยก แล้วหลังจากนี้เราจะเป็นคนไม่รู้จักกันตามข้อตกลงเดิม ดีมั้ยครับ”
“ปล่อยตัว? กับคนที่ถูกข้อหาผลิตยาเป็นร้อยๆ กรัมน่ะเหรอ หลักฐานคาตาขนาดนั้นต่อให้มีเส้นใหญ่ขนาดไหนก็ไม่รอดหรอก!”
“ต้องขอบคุณนายนะครับ” ผมยิ้มเย็น “คนคนนั้นของนายได้รับโทษแค่ปรับเงินเพราะทำลายหลักฐานทันจนเหลือยาเสพติดให้ตรวจสอบแค่สามกรัม ซึ่งยาที่นายติดต่อขอซื้อต่อจากลูกค้าของเราก็มีปริมาณแค่สามกรัมซะด้วยสิ แล้วจะผิดตรงไหนหากผมจะใช้วิธีเดียวกันบ้าง ไม่ได้จดลิขสิทธิ์ห้ามลอกเลียนแบบสักหน่อย”
นายเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ อย่าว่าแต่นายเลย จนตอนนี้ผมก็ยังคิดว่าเมื่อครู่แค่ฝันไปด้วยซ้ำ เหมือนถูกผลักดันด้วยเวลากระชั้นชิด แทบจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำนอกจากตอนจุดไฟในช่วงท้ายแล้วกระโดดขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ของเบอร์หนึ่ง
ไม่ได้รู้สึกภาคภูมิใจสักนิด ถ้าไอ้คิงกลับมาเมื่อไหร่ ผมจะยื่นคำขาดโดยใช้การกระทำครั้งนี้เป็นข้อต่อรองเพื่อไม่ให้มันจับธุรกิจผิดกฎหมายประเภทนี้อีก เชื่อว่าลูกน้องคนอื่นๆ เองก็คงเข้าใจ เลิกอ้างผลประโยชร์ด้านการเงินอะไรทั้งนั้น เพราะถ้าไม่ใช่นิลกาฬมีหวังซวยทั้งโคตรแล้ว
พวกเราต่างเฝ้ารอด้วยความเงียบ นายเองก็เลิกเห่า ภายใต้ความกดดันไม่ทำให้ผมง่วงนอนอย่างที่อ้างกับพี่หมอบสักนิด
จวบจนโทรศัพท์ดังขึ้น ทุกสายตาต่างมองที่ผมเป็นจุดเดียว
ผมกลั้นหายใจก่อนกดรับอย่างวาดหวังสุดขีด
“ว่าไงครับพี่หมอบ” ผมถามอย่างลุ้นระทึก ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าเข้าไปแล้ว เมื่อหาหลักฐานเอาผิดไอ้คิงเพิ่มไม่ได้ ต่อให้เห็นคาตาว่าการที่โรงงานจู่ๆ ก็ถูกเผานั้นมีพิรุธ แต่จะทำอะไรได้ในเมื่อที่นั่นไม่มีกล้องวงจรปิดแถมยังยังห่างจากตัวหมู่บ้านอีกหลายสิบกิโลฯ
(( ไอ้คิงถูกปล่อยตัวแล้วน้องนิล กำลังจะกลับไป ))
ผมโล่งใจจนแทบจะทิ้งตัวนอนซะเดี๋ยวนี้ เหมือนความเหนื่อยล้าสะสมทั้งหลายเพิ่งออกอาการ
“แล้วปู่...แล้ว ‘ท่าน’ ล่ะครับ”
(( ต้องขอบคุณท่านล่ะนะ ตำรวจยังพยายามเอาผิดไอ้คิงอยู่ แต่ท่านนั่งหัวโด่และประกาศกร้าวซะขนาดนั้นว่าไม่มีส่วนรู้เห็นกับโรงงานที่อ้างถึง ยิ่งชื่อเจ้าของเป็นสมศักดิ์ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา เลยทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมความไปก่อน แล้วปรับเป็นเงินแทน ))
“ไอ้คิงจะกลับมาที่คลับเลยมั้ยครับ”
(( อ้าว...ก็น้องนิลฝากบอกว่าง่วงนี่นา ))
พี่หมอบกลั้วหัวเราะ อารมณ์ดีขึ้นมาเชียว
(( ไอ้คิงเลยกลับไปที่คอนโด ตั้งใจจะไปกล่อมให้นอนหลับฝันดีแล้วละมั้ง ))
ผมลุกพรวดทันที ทำเอาทุกคนพากันสะดุ้งโหยงอย่างตกใจ คิดว่ามีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น
“เอ่อ คือ...” ผมปรับอารมณ์ตัวเองไม่ให้ฉีกยิ้มสดใสมากเกินไป “คิงถูกปล่อยตัวแล้ว ทุกคนก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ เย็นนี้ยังต้องมาเปิดคลับอีก”
“แล้วนี่ล่ะครับ”
‘นี่’ ที่ว่าคือนายที่ยังนั่งมองหน้าผมตาปริบๆ ในท่าโดนจับมือไพล่หลังชวนเมื่อย
“...ครั้งนี้ผมไม่เอาเรื่องนายแล้วกัน”
ยอมรับตามจริงว่าอยากให้ผัวมากระทืบนายใจจะขาด อยู่ดีไม่ว่าดีดันไปรวมหัวกับคนอื่นมาลากไอ้คิงเข้าคุก ถ้าไม่เอาคืนสักหน่อยผมต้องนอนกระสับกระส่ายแน่ๆ แต่มาถึงตอนนี้ พอรู้ว่าไอ้คิงปลอดภัย และกำลังจะกลับไปหาผมที่คอนโด ผมก็คิดว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการนอนกกกับผัวแล้วล่ะ
แค่การจับนายมาอยู่ท่ามกลางดงอัศวินและบิชอป คงทำให้เขารับรู้แล้วว่าคิงส์คลับนั้นไม่ธรรมดา
“แต่นี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้าย นายกับผมจะเป็นคนไม่รู้จักกัน เรื่องเอกสารที่ผมทำของนายหาย ให้คิดซะว่าเป็นการชดเชยที่นายหาเรื่องให้ผมต้องเดือดร้อนในครั้งนี้ เราไม่ติดค้างอะไรกันอีกต่อไป”
พูดจบผมก็พยักหน้าให้พี่เอกช่วยคลายมัดให้นายที่คล้ายสงบลงกว่าเดิม ไม่ยักโมโหโทโสอยากแก้แค้นกลับ
บางที นายคงรู้ตัวว่าแก่เกินกว่าจะมาเล่นเป็นเด็กๆ แล้ว
เขาเพียงมองผมด้วยสายตานิ่งสงบ เอ่ยความในใจออกมาก่อนที่จะไม่ได้พบกันอีก
“ฉันเคยรักเธอนะนิลกาฬ”
ผมที่กำลังจะเดินผ่านนายชะงักกึก คนอื่นๆ ในคลับเองก็เงียบกริบ
“มันไม่ใช่รักหรอกครับ” ผมหันมายิ้มให้นาย “นายแค่หลงผมเพราะเป็นผู้ชายคนแรกของนายก็เท่านั้น”
พูดจบผมก็เดินหนีนายไปทางประตูคลับ ยิ่งฟังคำนั้นของนาย ใจก็คิดถึงแต่ไอ้คิง
ใช่...สิ่งที่นายเคยรู้สึกกับผมน่ะไม่ใช่ความรักหรอก
การเอาใจ ปรนเปรอ แต่ไม่แม้แต่จะเข้าใจคู่นอนจะเรียกว่ารักได้ยังไง
ความรักน่ะ...
ผมมองมือตัวเอง จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกถึงความร้อนของไฟ แต่ก็ไม่เท่ากับความร้อนใจตอนรู้ว่าไอ้คิงโดนจับ
ความรักน่ะ...คงจะคล้ายกับผมในตอนนี้ พร้อมจะฟันฝ่าแม้รู้ว่ากำลังทำผิด ต่อให้อยากอยู่เคียงข้างแค่ไหนแต่ต้องปกป้องสิ่งที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นมาโดยไม่ให้พังทลายลงเพียงเพราะความเห็นแก่ตัวของตนเอง
การเชื่อใจซึ่งกันและกัน ทุ่มเทเพื่อกันและกัน เข้าอกเข้าใจกันและกัน
นั่นคงเป็นความรักละมั้ง
ความรู้สึกของผมชัดเจนจนมั่นใจเป็นครั้งแรก ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็...คงจะพูดคำว่า ‘รัก’ ได้อย่างหนักแน่นเหมือนกับที่ไอ้คิงเคยพร่ำบอกทุกวันอย่างไม่อาย เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งน่าอายสักนิด
ผม...
“ควีน!”
เมื่อเปิดประตูออก กลับมีใครบางคนยืนรออยู่แล้ว
คนคนนั้นไม่คุ้นหน้าแม้แต่น้อย แต่กลับถือมีดเล่มหนึ่ง พุ่งเข้าหาผมอย่างกับลูกกระสุนจนเกือบล้มทั้งคู่
รู้ตัวอีกทีก็เจ็บปลาบที่สีข้าง เมื่อก้มมองก็เห็นด้ามมีดเสียบคาตรงท้องตัวเอง
มิดด้ามเลยทีเดียว
“ตอบแทนกับสิ่งที่แกทำกับฉัน คิงส์คลับ”
...เจ้าของผับฝั่งตรงข้าม?
ผมประมวลผลได้ไม่ยากเมื่อได้ยินน้ำเสียงแค้นเคือง ไอ้คิงถูกปล่อยตัว ผู้หวังดีตัวตนเรื่องที่สู้เก็บหลักฐานเตรียมฟ้องมาหลายวันก็ตรงดิ่งมาที่นี่ บางทีอาจจะมาดักรอคิงตอนวกกลับ แต่พอเห็นผมเดินออกมาก่อน มันที่เคยเห็นควีนตอนผมไปจ่ายเงินให้อเล็กซ์ที่ผับนั้นอยู่แล้วจึงเข้ามาแทงทันที
“นิล!/พี่นิล!”
พี่แว่นกับกระต่ายที่เดินตามมาส่งเข้ามาช่วยพยุงผมอย่างร้อนใจ เบอร์หนึ่งกระโจนออกไปคนแรก ตามด้วยไอ้เก่งที่เสยหมัดใส่คนแปลกหน้าเข้าเต็มแรงด้วยท่าทางตกตะลึงสุดขีด
“มึง...มึง!!!”
“โรงพยาบาล xxx ใช่มั้ยครับ ตอนนี้มีคนถูกแทงอยู่ที่...”
ผมยังมีสติครบถ้วนทุกอย่าง กับอีแค่แผลถูกแทงจะเป็นลมหมดสติก็เวอร์เกินไป ในเมื่อแม่งเจ็บจนตาสว่างซะขนาดนี้
มาถึงตอนนี้ผมถึงเพิ่งแก่ใจสำรวจตัวเองอีกครั้ง ถึงจะตกใจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ดิ้นพล่านจะเป็นจะตาย ราวกับว่าหลังผ่านเรื่องแม่ เรื่องนาย เรื่องไอ้คิงที่โถมเข้ามาติดต่อกัน อีแค่แผลโดนแทงช่างจิ๊บจ๊อยมาก ไว้ไอ้บ้านี่แทงอกค่อยร้องไห้ก็ไม่สาย แต่แทงท้องแบบนี้ยังไงก็รอดเห็นๆ
ไม่รู้ว่ามันโง่หรือมันโง่ดี ถ้าหนีไปตั้งแต่ไอ้คิงโดนปล่อยตัว คิงส์คลับอาจจะตามตัวมาสำเร็จโทษไม่เจอก็เป็นได้ แต่ดันเสือกคลุ้มคลั่งเสียสติเผยหน้าเผยตามาซะขนาดนี้ ยังไงก็หนีไม่พ้น
ไม่มีวันถูกปล่อยตัวง่ายๆ เหมือนนายแน่นอน
“บอสครับ...ตอนนี้...”
เสียงของพวกอัศวินและบิชอปดังปนกันไปหมดจนผมเริ่มแยกแยะไม่ออก คราวนี้กระทั่งพี่เอกและนายก็ออกมาดู ตลกชะมัด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ทั้งผมทั้งนายแทบจะเป็นศัตรูข้ามชาติกันอยู่รอมร่อ ถึงขนาดให้สัตย์สาบานว่าจะไม่เจอกันอีก แต่พอเห็นผมถูกแทงนอนไม่กระดิกอยู่อย่างนี้ นายกลับทรุดตัวนั่งข้างผมอย่างทำอะไรไม่ถูก
...และเป็นห่วงมากเลยเกิน
“นิลกาฬ”
ผมหลับตา ไม่อยากเห็นสีหน้าวิตกของนายที่เหมือนกลับเป็นคนเดิมยามเอาใจใส่ผมเมื่อสมัยยังอยู่ด้วยกัน นายไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ใช่คนเลวเต็มคราบ หลังซื้อผมมาจากแม่ นายก็คอยดูแลผมไม่ห่าง คอยปลอบว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งผมเหมือนที่แม่ทำอย่างแน่นอน
ใช่ เขาไม่ได้ทิ้งผม แต่เป็นผมต่างหากที่ทิ้งเขา
“นิล น้องนิล”
พอเผลอหลับตาไปครั้งหนึ่ง การจะลืมขึ้นอีกครั้งกลับยากขึ้นหลายเท่าตัว
เพราะพี่แว่นห้ามไม่ให้ทุกคนโดนแผล ห้ามไม่ให้ขยับตัวของผมโดยพละการ จึงไม่ทำให้เลือดออกมากก็จริง แต่คงเพราะความเหนื่อยล้าตลอดวัน ทำให้เมื่อทิ้งสติให้จมลึกแล้ว ก็อยากจะดึงกลับมาอีกครั้ง
“นิล นิลกาฬ!”
ให้ตาย...ผมคิดถึงไอ้คิงชะมัด
-------
ไม่อยากบอกเลยว่าเราแต่งตอนนี้ด้วยความตุ้มๆ ต่อมๆ มาก
กลัวว่าจะโอเครึเปล่า จะเวอร์ไปมั้ย จะรับกับบทสรุปของนายที่จบแบบรอดพ้นปลอดภัยมั้ย ( อ่านเม้นแต่ละคนแล้วสยดสยองมากค่ะ 555 ) คือเรามองว่า ในอดีตนายไม่ได้ผิดเท่าแม่ของนิล นายรักนิลจริงๆ แต่นายก็ทำผิดจริง ที่ขังเพราะว่ากลัวนิลหนี แบบนี้มันไม่ถูก แต่นิลก็หลอกใช้ความรักจากนายเหมือนกัน ถือว่าเจ๊ากันไป ส่วนความผิดของนายในปจบ.นั้น...เดี๋ยวจะมีต่อค่ะ
ส่วนเรื่องนิลเผาโรงงาน อันนั้นแอบคิดแต่แรกว่าถ้าพี่คิงทำจริง น้องนิลต้องมาทำลายทิ้ง เห็นหลายคนบอกรับไม่ได้กับตรงนี้ เราก็เองรับไม่ได้ ไม่สนับสนุนพี่คิง แต่ไม่รู้จะเกินไปมั้ย อันนี้เป็นอีกหนึ่งที่กังวล นับว่าเป็นตอนที่เเต่งแล้วลังเลที่สุดตั้งแต่แต่งเรื่องนี้มาเลยล่ะค่ะ เรื่องกฎหมายเองก็ค้นจากอากู๋ ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกรึเปล่า
ปล.เรื่องนี้เหลืออีกสองตอนจะจบบริบูรณ์ //แอบเครียด
