Wheel of Fortune : (ยังไม่มีชื่อภาษาไทย)
ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบพระฉายาของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง
ปฐมกาล, บรรทัดที่ ๒๗อดัมสูดลมหายใจลึก อากาศอุ่น ๆ กำลังสบายของใกล้ค่ำทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นและกระวนกระวายพอ ๆ กัน หรือบางทีอาจจะไม่ใช่เพราะอากาศเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงช่วงของกิจกรรมในคืนสุดท้ายของการรับน้องใหม่ที่เขาได้มีโอกาสสัมผัสความรู้สึกของความเป็นพี่เป็นปีแรก
คืนนี้เป็นค่ำคืนของกิจกรรมสั่งลา ทั้งบายศรีสู่ขวัญ การเฉลยสายรหัส การเปิดใจพี่และน้อง ซึ่งครึ่งหนึ่งได้ผ่านพ้นไปแล้ว อดัมหัวเราะหึหึในคอเมื่อนึกถึง ‘ปีศาจแห่งปฐมกาล’ ฉายาที่น้อง ๆ พร้อมใจกันตั้งให้ท่านประธานว้ากปีสี่ ซึ่งเตรียมเซอไพรซ์ด้วยการสลัดคราบจอมโฉดมาปล่อยมุกไม่บันยะบันยังในการแสดงของรุ่นพี่ (แน่นอนว่าอดัมรู้เรื่องนี้เพราะผมโทรบอกเขาอีกที การได้สปอลย์งานของไอ้แบดน่าสนุกน้อยซะเมื่อไหร่ล่ะ หึหึ) แต่ยังก่อน...เพราะตามธรรมเนียมแล้ว งานแสดงจะเริ่มจากน้องปีหนึ่ง
ผมเห็นอดัม อันที่จริงจากมุมที่ผมอยู่ผมเห็นทุกอย่าง ผมเห็นแม้กระทั่งเด็กหนุ่มลูกครึ่งเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวเข้มเกือบดำในชุดคลุมแบบแฟนตาซีที่กำลังเตรียมตัวอยู่หลังเวทีแสดง ในมือขวาของเขาถือลูกแก้วใสขนาดเหมาะมือ ส่วนข้างซ้ายคือตลับโลหะสีฉูดฉาดคล้ายกล่องเก็บนามบัตร แต่สิ่งเดียวที่ผมมองไม่เห็น ก็คงจะเป็นเงื้อมหัตถ์ของโชคชะตาอันดูเหมือนจะคอยผลักไสทุกสิ่งทุกอย่างไปตามใจของมัน
ผมรู้ว่าพวกรุ่นพี่ไม่ค่อยจะคาดหวังถึงอะไรที่ชวนประหลาดใจมากเท่าไหร่ ไอ้แบดนั่งกอดอกทำสีหน้าอึมครึมปล่อยรังสีอำมหิต จนกองสวัสดิการซึ่งเดินแจกน้ำไปมาต้องเพิ่มระยะทางเดินโดยใช่เหตุเพื่อหลบเลี่ยงแหล่งกำเนิดของรังสีลี้ลับนี้ มีเสียงพูดคุยพึมพำของพวกชั้นปีกลาง ๆ อย่างไม่ค่อยใส่ใจ ผิดกับความเงียบกริบของพวกน้องใหม่ ที่ดูเหมือนจะตระหนักในความเร้นลับมหัศจรรย์หลังผ้าม่านกางกั้น
แสงไฟในห้องประชุมถูกหรี่ลงจนมัวซัวไปทุกที่ ผ้าม่านค่อย ๆ แง้มเปิดออกมา อย่างไร้เสียงและไร้แสง
ท่ามกลางความมืดและความเงียบ แสงไฟก็ปรากฏจากจุดเล็ก ๆ ลูกแก้วใสที่วางอยู่บนโต๊ะคลุมผ้าเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นทุกที จนเรืองรองอาบย้อมร่างในผ้าคลุมหลากสี ผู้ซึ่งซ่อนใบหน้าไว้ในความมืดของฮูดคลุมอยู่นั้น
เสียงถอนหายใจอย่างทึ่งระคนอึดอัดจากการแสดงที่ไร้การเคลื่อนไหวสะท้อนสะท้านไปทั่วห้อง แสงไฟถูกปรับมาในระดับปกติจนเห็นเค้าหน้าราง ๆ ของน้องใหม่ผู้รับบทหมอดู เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ด้วยลักษณาการคล้ายกับถูกขึงด้วยลวดจากทุกทิศทาง โต๊ะถูกกระแทก ลูกแก้วกระเด็นกลิ้งตกจากเวที กลิ้งไป..กลิ้งไป
ทันใด มนตร์ขลังก็ถูกทำลาย ทุกคนหัวเราะ มีบ้างโห่กับความเปิ่นของนักแสดง ลูกแก้วกลิ้งไปหยุดแทบเท้าของอดัม และเขาก็ก้มลงหยิบมันขึ้นมา
“หยุด!”
เสียงของเขาทรงพลัง ดั่งกษัตริย์ผู้รู้ตนว่ามีอำนาจเต็ม แขนของเขาเหยียดตรง มือซีดขาวที่โผล่จากชายผ้าคลุมชี้ตรงมายังผู้ถือลูกแก้วซึ่งรู้สึกได้ว่าเขาตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งหอประชุมอย่างกะทันหัน
“โอ้...เจ้าผู้ถูกเลือก
จงมา
และรับทราบชาตา..โดยพลัน”
นักทำนายร้องด้วยเสียงเทเนอร์ พร้อมกับดึงมนตร์ขลังกลับมาอีกครั้ง
อดัมเหลียวมองรอบตัวอย่างกังวล เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของการแสดง ไอ้ไก่สะกิดสีข้างเขา
“เฮ้ย น้องเขาเรียกมึงน่ะ ออกไปดิ”
“มึงจะบ้าเหรอ กูอายนะเว้ย”
ไอ้ไก่ยิ้ม “นั่นแหละ ๆ จะได้เกิดซักที เด็กวิศวะ-วยใหญ่ต้องใจกล้า อย่าเสียชาติเกิดมาต้องห้าวหาญ แม้นเสร็จศึกสิบน้ำยังกามกานท์ ให้ลือลั่นใหญ่สะเด็ดและเยสทน”
เอากะมันซีครับ ว่ามาเป็นกลอนปลุกใจ ไอ้เจ้าอดัมที่ถูกรุนหลัง และมีเสียงเชียร์หนุนก็เลยโผล่ขึ้นไปหันรีหันขวางอยู่บนเวที
ไอ้รุ่นน้องคนนั้นแอบยิ้มอยู่ใต้ผ้าคลุม อดัมรู้สึกไม่ชอบใจโดยไม่รู้สาเหตุ ในขณะเดียวกันทีมงานก็วิ่งโร่จากข้างเวทีแบกเก้าอี้มาวางไว้ตรงข้ามกับเก้าอี้ของหมอดูในแนวขวางให้ผู้ชมได้เห็นด้านข้างของทั้งคู่
“ขอแสดงความยินดีครับพี่อดัม พี่ได้รับเลือกจากลูกแก้วสารพัดนึกให้มาเป็นแขกรับเชิญของผมในค่ำคืนนี้”
หมอดูของเราเรียกชื่อของเขาและอธิบายสถานการณ์อย่างคล่องแคล่ว อำนาจเร้นลับในน้ำเสียงทำให้อดัมต้องนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกจัดให้อย่างไม่เต็มใจนัก
“นี่มันอะไรกัน แล้วนายเป็นใครวะเนี่ย ทำไมรู้ชื่อ”
อีกฝ่ายดึงฮู้ดออก ปล่อยเส้นผมสีน้ำตาลมะฮอกกานีลงมาระหน้าผากเน้นเครื่องหน้าคมเข้มของหนุ่มสองเชื้อชาติ นัยน์ตาสีเขียวคู่นั้นเต้นระริกอย่างสนุก
“ผมชื่อลิต ลิลิต งามพรรณ ต้องให้ผมลุกขึ้นรายงานตัวไหมครับ”
อดัมส่ายหน้า ลุกขึ้นรายงานตัวหมายถึงว่าจะต้องทำท่าคล้ายบูมและตะโกนแนะนำตัวดัง ๆ อันเป็นระเบียบของน้องปีหนึ่งเมื่อพบกับรุ่นพี่ แต่เขาเชื่อว่าคนอื่น ๆ ในห้องประชุมคงอยากเห็นการแสดงดำเนินต่อไปมากกว่าเสียงแหกปากของไอ้เด็กลูกครึ่งนี่
“สำหรับคำถามที่ว่าผมกำลังจะทำอะไร ผมก็กำลังจะอธิบายอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว” เขายิ้มอย่างประจบ เปิดกล่องโลหะสีฉูดฉาดเคาะเอากองไพ่ที่มีลวดลายด้านหลังเหมือน ๆ กันขึ้นมาสับ ก่อนจะกรีดมันแผ่เป็นวงคว่ำหน้าบนโต๊ะอย่างชำนาญ “ผมจะทำนายโชคชะตาให้พี่ เรื่องหนึ่ง ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น และตอนนี้ผมจะถามพี่ว่า พี่อยากรู้เรื่องไหนมากที่สุด”
ชั่วขณะหนึ่ง ผมเห็นอดัมเหลือบหางตามามองผม ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปยังไพ่ที่เรียงรายบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
“เลือกสิครับ ความรัก การเรียน การงาน อดีต อนาคต ตามใจพี่เลย”
“ความรัก” เขาตอบอย่างหนักแน่น
“ง้านก็.. เลือกไพ่ออกมาหนึ่งใบสิครับ”
อดัมพยักหน้า และเลือกไพ่ใบหนึ่งออกมาจากกอง แต่ไม่เปิด ปล่อยให้มันคว่ำหน้าอยู่บนโต๊ะต่อไป นายลิตพลิกมันขึ้นมาอย่างกระหาย และชูขึ้นเหนือหัว แสดงให้ทุกคนในหอประชุมเห็นกันโดยทั่วไป

เสียงฮือฮาด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงต่อสัญลักษณ์ที่น่าตกใจดังเซ็งแซ่พร้อมกับคำวิพากษ์วิจารณ์ แม้แต่อดัมซึ่งตั้งใจไว้แต่แรกว่าจะไม่เชื่อลมปากของไอ้หมอดูกำมะลอก็ยังขมวดคิ้วถาม
“หมายความว่าไง”
“อา..นั่นสิ นี่คือคำทำนายหลักในเรื่องที่พี่อดัมถามครับ แต่ผมว่าเราอย่าเพิ่งทำลายส่วนที่สนุกที่สุดของงานเลย เชิญพี่เลือกไพ่ขึ้นมาเพิ่มอีกสองใบดีกว่านะครับ”
อดัมถอนหายใจ ก่อนทำตามที่อีกฝ่ายร้องขอ ผู้ทำนายหยิบไพ่ทั้งสองใบโชว์แสดงแก่ผู้ชมอีก และนั่นยิ่งทวีความตื่นเต้นของทุกคน


-------------->>> เรื่องใหม่ที่ตั้งใจว่าจะเขียนต่อหลังจากทุบไหดองที่คา ๆ ไว้ทุกไหแล้ว ก็อ่านเล่นขำ ๆ ครับ เพราะกว่าจะมีเวลาลงมือเขียนจริง ๆ จัง ๆ คงอีกครึ่งปีโน่นแน่ะ