ตอนที่ 15 น้องไก๋กับป๊า&ป๋า … … ... ... ... ... ...
ช่วงเวลาสำหรับการพักรักษาตัวของผมผ่านไปเป็น 1 สัปดาห์ เป็น 2 เดือน จนกระทั่งแผลเริ่มหายดี ระหว่างนั้นผมก็ออกจากศูนย์วิจัยได้แล้ว ส่วนน้องไก๋หลังจากที่ต้องเข้า NICU ประมาณ 4 วัน ร่างกายก็แข็งแรงดี คุณชายต้องไปทำเรื่องแจ้งเกิดที่เขตหลังจากที่ได้รับหนังสือรับรองการเกิด ก่อนจะทำเรื่องย้ายชื่อน้องไก๋เข้ามาในทะเบียนบ้านจนเสร็จสิ้น (เรื่องเอกสารสำหรับในการเตรียมยื่นเรื่องนั้นใช้ของคุณชายในส่วนของชื่อ บิดา-มารดา ทางศูนย์วิจัยได้ประสานงานกับทางสำนักงานเขตไว้แล้ว)
ผมกลับเข้ามาอยู่ที่บ้านใหญ่เพื่อความปลอดภัยของผมกับน้องไก๋ เรื่องของพลอยนั้นผมก็ยังคงติดตามผลอยู่ ส่วนไอ้ต้อย ผมก็ติดต่ออยู่ตลอด เพียงแต่ว่าไม่ได้นัดเจอกัน หลังจากผ่าคลอดแล้ว ผมก็ออกกำลังอย่างว่ายน้ำ กับวิ่ง เพื่อควบคุมน้ำหนักด้วย ถึงคุณชายจะบอกว่าอ้วนแค่ไหนก็รัก แต่ผมคงทำใจไม่ได้แน่ๆ ยิ่งมาฟังหมอภูมิอภิบายให้ผมฟังว่าผลข้างเคียงจากการผ่าคลอดนั้นน้ำหนักจะลดลงยาก.... เฮ้อ เอาเถอะ ถ้าแลกกับน้องไก๋มาผมก็ว่าคุ้ม...
ในเมื่อน้องไก๋มีอายุครบ 2 เดือน ตามความตั้งใจของผมที่วางแผนมาหลายเดือนคือขอคุณชายแต่งงาน คิดไปก็เขินนะ แต่ผมอยากตอบแทนน้ำอดน้ำทนของคุณชายบ้าง จะได้มีกำลังใจเลี้ยงลูก ทำงานบ้านด้วย
แอะๆ แอ้...
เสียงน้องไก๋ตื่นทำให้ผมหลุดจากภวังค์ความคิดได้ ผมลุกไปดูน้องไก๋ในเปลเด็ก เด็กน้อยผิวขาว หน้าตาจิ้มลิ้มรูปหน้าคล้ายแม่ผมเลย แต่ริมฝีปาก ดวงตา คิ้วได้ผมมาหมด ยกเว้นจมูกกับสีผิวที่ได้มาจากคุณชาย ผมก็ไม่ใช่คนขาวผ่องอะไรมากมาย แต่คุณชายชอบยอว่าผมขาวขึ้นตั้งแต่คลอดน้องไก๋ เกี่ยวกันตรงไหน เฮอะ
“ไงครับ น้องไก๋ มามะ เดี๋ยวป๋าพาไปหม่ำๆนม”ผมยิ้มแก้มปริโน้มตัวลงไปโอบอุ้มเด็กทารกเพศหญิงขึ้นมา ตัวเล็กนุ่มนิ่มกวัดแกว่งแขนสั้นและสองขาเหยียดตรงได้แล้วส่งเสียงร้อง คุณชายโผล่หน้ามาจากลานหลังบ้าน
“เดี๋ยวผมชงนมให้ลุกเองกี้พาลูกไปนั่งเล่นเถอะ”คุณชายพูด แล้วเดินไปชงนมผงให้ ถึงจะไม่ใช่น้ำนมจากเต้าก็เถอะ แต่ทางศูนย์วิจัยฯก็การันตรีเรื่องคุณค่าสารอาหาร ภูมิต้านทานของนมผงชนิดนี้ อีกทั้งการตรวจสุขภาพของน้องไก๋ใน3เดือนแรกทุกๆสัปดาห์อีกด้วย ถึงจะเหนื่อยหน่อยแต่ก็ผมก็เกี่ยง ผมอุ้มน้องไก๋ไปนั่งที่เบาะนวม ในห้องรับแขกด้านล่าง คุณชายเคลียร์พื้นที่จากที่มีโซฟา โต๊ะกลม ถูกนำไปเก็บไว้ลานหลังบ้าน เปลี่ยนเป็นเบาะนวมรองนั่งครึ่งห้องแทน เอาไว้เลี้ยงน้องไก๋ สะดวกปลอดภัยกว่าด้วย
แอะ แอ้ๆๆๆ
“โอ๋ๆ รอแปบนึงสิครับ กินมือป๋าแทนไหมลูก”ผมแกล้งแหย่นิ้วก้อยไปในปากน้องไก๋ที่อมนิ้วผมแล้วดูดๆ คงคิดว่าเป็นจุกนมล่ะมั้ง คุณชายหันมามองแล้วยิ้มก่อนจะรีบถือขวดนมส่งให้น้องไก๋ที่อ้าปากน้อยๆรับไปดูด
“กินใหญ่เลย จะว่าไปลูกกินจุเหมือนกันนะกี้”คุณชายขยับมานั่งข้างๆผมแล้วมองดูน้องไก๋ที่นอนดูดนมจากขวดในอ้อมแขนของผม
“ฮ่าๆ จะอ้วนสมบูรณ์ตามป๋ามันหรือไง”ผมพูดขำๆ ต้องฝึกพูดได้บ่อยๆจะได้ชิน คุณชายส่งเสียงในลำคอ
“ดีสิ คงน่ารักเหมือนกี้”ไม่วายจะหาเรื่องกอดผมอีก ที่จริงผมก็ไม่เชิงว่าอ้วนหรอก แค่มีน้ำมีเนื้อมากกว่าแต่ก่อน พุงไม่ออก แต่ดันมาออกที่แก้มซะงั้น
“พอเลยคุณ ลูกกินนมอยู่ เดี๋ยวเหอะๆ”ผมขยับถอย เขาแค่ยิ้มอารมณ์ดีมาให้แทน ก่อนจะยื่นมือไปจับฝาเท้าชมพูเรื่อๆขึ้นสีเลือดของน้องไก๋
“เหมือนในเพลงเลยกี้ ที่ว่าตีนเท่าฝาหอย อืม ดูสิ เล็กนิดเดียวเอง”คุณชายว่าแล้วเอามือไปทาบกับอุ้งเท้าน้องไก๋ ผมอมยิ้มมองเขาที่ดูจะมีความสุขดี
“เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อเป็นแม่เลยเนอะ”คุณชายหันมามองหน้าผมทันที
“เข้าใจอารมณ์เป็นแม่ขึ้นเยอะเลยใช่ไหมกี้”ผมหุบยิ้มแล้วแกล้งบิดหูเขาแรงๆ จนร้องจ๊ากโอเว่อร์เกินเหตุ “บอกแล้วไงว่าอย่าพูดแบบนี้ หือออ”
“ครับๆ ไม่เห็นต้องรุนแรงเลย ดูสิเนี่ย ต้องแดงแน่ๆเลย”คุณชายทำหน้างอแล้วลูบใบหูตัวเองป้อยๆ ผมหัวเราะในใจ สมน้ำหน้า น้องก็ดูดนมไปเกือบค่อนๆขวดเลยทีเดียว
อะแฮะ อื้อ แอะๆ
เท่าที่สังเกตมาน้องไก๋เป็นเด็กอารมณ์ดี ถ้าได้กินนมจนอิ่มก็เงียบเสียงแล้ว ไม่ร้องโยเย ที่สำคัญยังชอบเสียงกรุ้งกริ๊งของกระดิ่งเด็กเล่นที่คุณชายเอามาเล่นกับน้องไก๋ ถ้าได้ยินล่ะก็ จะยิ้มแป้นเห็นเหงือกเลยเชียว
หลังจากกินนมจนอิ่มแล้วผมก็ปล่อยให้น้องไก๋นอนเล่นอยู่ที่เบาะ คุณชายก็เอากระดิ่งกลมๆมาแกว่งเล่นกับน้องไก๋
กรุ๋งกริ๋งๆๆๆๆ
“จ๊ะเอ๋ มาเล่นกันป๊ามา”คุณชายเขย่าของเล่นในมือ น้องไก๋ก็หัวเราะเอ๊าะแอ๊ะ พยายามถีบขายื่นมือมาจับของเล่นในมือคุณชาย เขายื่นให้น้องไก๋จับบ้างแกล้งยกหนีบ้าง แต่ดูเหมือนน้องก็ชอบอกชอบใจเวลาที่คุณชายยกกระดิ่งหนี เจ้าตัวจะพยายามคว้ามาจับจนได้ ผมเก็บขวดนมไปวางที่โต๊ะ แล้วเลื่อนเปลเด็กมาใกล้ๆหน้าต่างริมผนัง
“อย่าหม่ำๆมือป๊าสิน้องไก๋”คุณชายทำเสียงเข้มเสียงอ่อน เพราะน้องไก๋เลือกที่จะจับนิ้วมือคุณชายแล้วยัดเข้าปาก “อะแฮะๆ” ถ้าพูดได้หัวเราะได้ชัดเจนกว่านี้น้องไก๋คงทำไปแล้ว ผมจับน้องไก๋นั่ง ปล่อยให้น้องไก๋ได้ทรงตัวโงนเงน คุณชายเลยได้โอกาสยื่นหน้าไปทำหน้าตลกๆใส่ ที่น่าตลกกว่าคือน้องไก๋สะดุ้งหันมาจ้องก่อนจะทำสีหน้าเลียนแบบคุณชายบ้าง
“ฮ่าๆ เห็นไหมกี้ ลูกอารมณ์ดีขี้เล่นเหมือนใครน้า”คุณชายหันมายิ้มแย้มกับผม
“หึๆ ชักกังวลแล้วสิเนี่ย”ผมแกล้งพูด แล้วหันไปสนใจลูกแทน “มาให้ป๋าเปลี่ยนผ้าอ้อมก่อน” ผมหยิบเอาเบาะยางมาวางรอง เพราะน้องไก๋ชอบเวลานอนเปลี่ยนผ้าอ้อมให้แล้วจะถีบขาให้ตัวเองเลื่อนขึ้นไปจนสุดเบาะ แถมยังร้องแอ้ๆให้ผมดึงกลับมาด้วย น่ารักจริงๆ
“ผมก็ลืมบอกไป คุณทวดอยากเล่นกับน้องไก๋ เดี๋ยวค่อยพาน้องไก๋ไปนั่งเล่นที่สวนแล้วกันเนอะ”คุณชายมองดูน้องไก๋ที่ถีบขาไปมาอยู่บนเบาะ ผมพยักหน้าให้ตกลงตามนั้น
“ผมว่าจะซื้อหมอนสีสวยๆให้น้องไก๋เพิ่ม..จะได้เอาไว้ถีบเล่นน่ะ”ผมหันไปบอกคุณชายที่เตรียมไปหยิบรถเข็นมาแล้ว
“ก็ดีนะ ลูกจะได้อารมณ์ดี หัวเราะบ่อยๆ”ปกติเวลานอนเปล น้องไก๋จะชอบคุยกับตัวเองบ้าง มองหัวเราะใส่ปลาตะเพียน(คุณย่าทำให้แหนะ) ที่แกว่งอยู่เหนือหัว เล่นน้ำลายบ้าง ถีบขาไปมา แรกๆก็ไม่ได้คิดว่าจะอารมณ์ดีขนาดนี้ แค่เห็นพัดลมเพดานก็พานจะหัวเราะ
หลังจากที่จับเปลี่ยนผ้าอ้อมจนเสร็จเรียบร้อย คุณชายก็พาน้องไก๋ไปนั่งรถเข็น พาเดินเล่นไปตามสวน ผมไม่ลืมหยิบผ้าเช็ดหน้า(เผื่อน้ำลายย้อยใส่คุณทวดขึ้นมาอีก)กับตะกร้าใส่น้ำกับนมมาด้วย
“ว่างๆเราไปเดินห้างด้วยกันสามคนดีไหม...หรือว่ากี้ยังกังวลอยู่”คุณชายหันมาคุยด้วย ผมนิ่งคิด หลายครั้งที่คุณชายชวนไปเดินเล่นที่ห้างฯแต่ผมมักปฏิเสธ เพราะกลัวเจอพลอยหรือพวกนักข่าวสายพี่บิ๊กแล้วจะเป็นเรื่อง คุณย่าก็บ่นๆใส่ผมเรื่องนี้เหมือนกัน
“...ไม่แล้วล่ะครับ...ไปห้างฯก็ดีนะ จะได้พาน้องไก๋ไปเปิดหูเปิดตา ผมก็ไม่อยากอุดอู้อยู่แต่ในรั้วบ้าน”ผมยิ้มบอก คุณชายมีสีหน้าดีขึ้นกกว่าตอนที่ถามผม ผมไม่อยากสนใจคนอื่นมาก เห็นคุณชายเงียบๆแล้วก็เห็นใจเขา
“โอเค เดี๋ยวผมอุ้มลูกเองถ้ากี้เมื่อย”คุณชายยิ้มให้เอื้อมมืออีกข้างมาจับมือผมแทน “ตามนั้นครับ”
เดินพาน้องไก๋ผ่านสวนเย็นๆรมรื่น ที่ศาลาเห็นคุณหญิงนั่งคุยอยู่กับคุณย่า คุณทวดนั่งจิบชาอยู่ที่โต๊ะนอกศาลานั่งชมปลาในบ่ออย่างสงบ
“พาน้องไก๋มาแล้วครับทุกคน จำคนแก่ๆได้ไหมเอ่ย”คุณชายหยุดรถเข็นแล้วยื่นหน้าไปคุยกับน้องไก๋ที่จ้องตาแป๋วไปที่คุณทวดที คุณหญิง คุณย่าที คุณทวดหันมายิ้มกว้างทันที
“ว่าไงเอ่ย ยัยหนู”คุณทวดส่งเสียงทักบ้าง น้องไก๋ที่ยังไม่สามารถจดจำน้ำเสียงของคนอื่นได้นอกจากผมกับคุณชาย ได้แค่มองนิ่งๆ ผมเลยเข้าไปอุ้มน้องไก๋ออกมา
“น้องไก๋ครับ นี่คุณทวดไง ...ไปนั่งเล่นกับคุณทวดนะครับ”ผมพูดกับน้องไก๋แบบชัดถ้อยคำ น้องไก๋ยิ้มมองตามปากผมไปด้วย แล้วส่งเสียงแอ๊ะๆเป็นอันว่าตกลงล่ะมั้งครับ ผมอุ้มน้องไก๋ไปวางที่ตักคุณทวดเบาๆ คุณทวดก้มมองน้องไก๋อย่างทนุถนอม คุณหญิงรีบปรี่ลงมาหาน้องไก๋
“จ๊ะเอ๋ไงเรา จำทวดไม่ได้หรือไงหืม”คุณทวดหัวเราะแบบไม่ถือสา น้องไก๋ยังคงนิ่งก่อนจะขยับมือยื่นไปข้างหน้าไปจับแก้มคุณทวดแล้วคุยอ้อแอ้ใส่ คุณชายทำเป็นปลื้มอย่างมาก “ลูกเราต้องประจบคุณทวดได้แน่นอน หึๆ สมบัติไหลมาทางน้องไก๋ชัวร์ป้าบ”คุณชายหันมากระซิบผมแบบตลกๆ ผมคิดว่าเขาพูดขำๆ
“อืม นี่แค่รับขวัญก็ได้โฉนดที่ดินมาแล้วใบนึง”ผมพูดเบาๆ ของขวับรับขวัญน้องไก๋ที่คุณทวดให้คือที่ดินผืนนึง ทำเลดีด้วย ที่สำคัญทำเรื่องโอนเป็นชื่อน้องไก๋เรียบร้อยแล้ว ท่านบอกว่าเอาไว้ให้น้องไก๋อยู่ในอนาคต ส่วนคุณหญิงให้เพชรมาหนึ่งชุด เธอบอกว่าไว้สำหรับใส่ออกงานตอนโตเป็นสาว ผมก็เห็นว่าสวยดี ไม่ได้เป็นเพชรเม็ดเท่าหัวนิ้วมือ แต่เอาไปเจียระไนเป็นชิ้นเล็กๆทำเป็นเครื่องประดับครบใส่ สามารถใส่ออกงานได้จริงแบบไม่เว่อร์เกินไป ส่วนคุณพ่อให้สร้อยพระมาองค์หนึ่งเป็นของตกทอดจากรุ่นคุณปู่ ส่วนพี่เชนยังไม่ได้ให้ บอกไว้รอน้องไก๋โตเป็นสาวแล้วจะซื้อให้ภายหลัง คุณชายแอบมาบอกว่าเป็นรถ
รวยยิ่งกว่าผมอีกนะลูก ฮ่าๆ
“กี้ไม่ต้องห่วงนะเรื่องญาติโกโหติกาจะนินทา แย่งชิงสมบัติกัน บ้านเราน่ะแบ่งกันไปคนละส่วนแล้ว ที่ดินที่คุณทวดให้มาคงเป็นที่ส่วนตัวของท่านเอง...”คุณชายพูด ผมเองก็แอบหวั่นๆเพราะเรื่องน้องไก๋ ยังไม่ได้แพร่งพลายออกไป คาดว่าคงต้องประชุมกันอีกครั้งสำหรับการเปิดตัวทายาท
ผมมองดูคุณทวดเล่นกับน้องไก๋แล้วยิ้มบางๆ ส่วนคุณย่าแค่ยืนมองห่างๆแต่มีรอยยิ้ม ส่วนคุณหญิงนั้นด้วยความที่เป็นคนเสียงดัง น้องไก๋จะตกใจเสมอเวลาที่คุณหญิงมาเล่นด้วยแล้วร้องโยเย เรื่องนี้กลายเป็นหัวข้อโจ๊กขำๆให้คุณเชนพูดล้อไปหลายวัน
“มามะ มาให้ย่าอุ้มหน่อยสิจ๊ะ มาๆ”คุณหญิงพยายามอุ้มน้องไก๋บ้าง แต่น้องไก๋ดันส่ายหน้าดิกๆหันเข้าไปซุกคุณทวดแทน
“เอ้าๆ แม่พิมพ์ ดูสิ หลานเรามันกลัวน่ะ”คุณทวดหัวเราะเสียงดังชอบใจ คุณหญิงเลยหน้างอหันมาค้อนใส่ผมซะอย่างนั้น
“นี่กี้ เธอพูดอะไรให้น้องไก๋ฟังหรือเปล่าเนี่ย ทำท่าอย่างกับว่าฉันเป็นยักษ์มารซะงั้นแหละ”
“โอ๋ๆ คุณแม่ ตอนนี้น้องไก๋ไม่ชินให้คนอื่นอุ้มหรอก”คุณชายทำหน้าออดอ้อนเข้าไปเกาะแกะแม่ตัวเอง คุณทวดคงเมื่อยแล้วส่งสัณญาณให้ผมไปอุ้มได้ แต่คุณย่าขออุ้มแทน ปรากฏว่าน้องไก๋ยอมให้อุ้มง่ายๆเสียด้วย คุณหญิงยิ่งหน้างอกว่าเดิม
“ตายล่ะ ดูสิ คุณแม่ยังอุ้มได้เฉยเลย ตาเชนก็อุ้มได้ ทีกับฉันนะร้องซะลั่นเชียว”คุณหญิงกอดอก คุณย่าแอบหัวเราะ
“สงสัย น้องไก๋จะแก้เผ็ดแทนกี้ล่ะมั้ง เนอะ”คุณชายหันมาพยักเพยิดกับผม คุณหญิงหันขวับมาจ้องผมแทน เลยยิ้มเจื่อนๆไปให้ อันนี้ก็ไม่รู้ด้วยสิครับ
สักพักน้องไก๋ก็ดิ้นดุกดิก มองหาผมแล้ว คุณย่าเลยอุ้มน้องไก๋คืนผม
“ติดแม่ซะด้วย”คุณย่าพูด ผมยิ้มแห้งๆรับน้องไก๋ที่ทำเสียงอ้อแอ้ๆหายงอแงทันทีที่ผมอุ้ม
ผมเคยบอกคนในบ้านไปแล้วว่าไม่ให้เรียกผมว่าแม่ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องไม่ดีที่ผมไม่สบายใจ แต่สำหรับผมมันยังแปลกใหม่อยู่ ถึงผมจะเป็นคนอุ้มท้องน้องไก๋มาก็จริง แต่ผมก็เป็นผู้ชายอยู่ ถ้าใครมาได้ยินมันจะกระทบมาถึงลูกผมด้วย เดี๋ยวก็มีปัญหาตามมาอีก ผมค่อนข้างห่วงเรื่องนี้มาก ผมเลยมักแทนตัวเองว่า ‘ป๋า’เพื่อให้น้องไก๋จดจำได้แทนที่จะเป็นแม่ คุณชายเองก็เข้าใจผม ผมไม่รู้ว่าคนอื่นๆในบ้านคิดอย่างไงแต่พวกท่านก็โอเค
ยกเว้นคุณย่า ท่านมาบ่นกับผมว่าแล้วถ้าโตขึ้นมาน้องไก๋เรียกผมว่าป๋าจนชิน ในสายตาคนอื่นรอบๆตัวน้องไก๋ จะไม่แคลงใจเรื่องการที่น้องไก๋เรียกป๋ากับป๊า แทนที่จะเป็นม๊ากับป๊า น้องไก๋จะไม่เจอกับคำถามว่ามาม๊าไปไหน ...ในเรื่องนี้ถ้าน้องไก๋โตขึ้น ผมจะอธิบายให้น้องไก๋ฟัง จนเดี๋ยวนี้คุณชายยังคงทำอัลบั้มรูปอยู่ ผมว่าดีมากๆ ที่จะให้น้องไก๋ได้เห็นด้วย.....เรื่องนี้เป็นปัญหาของผมกับคุณชาย ที่ต้องอธิบายให้น้องไก๋เข้าใจและยอมรับ...........แต่ตอนนี้ผมสนใจความสุขตรงหน้ามากกว่ายังไม่ได้คบคิดเรื่องเหล่านี้จริงจังนัก
น้องไก๋มองหน้าผมแล้วยิ้มกว้าง
“ไงครับ อยากเล่นต่อไหมเอ่ย”น้องไก๋แค่ทำเสียงกรี๊ดกราดๆตามประสาถีบขาไปมาอยู่บนแขนผม คุณชายเดินมาหา
“...คงซนน่าดูเลยยัยหนูคนนี้ อารมณ์ดีอีกด้วยแหนะ ดีๆเลย ผู้หญิงอารมณ์ดีนี่มีเสน่ห์นะ”คุณทวดหัวเราะไปด้วย แววตาสดใสชัดเจนเวลามองน้องไก๋
“หน้าได้กี้แบบนี้ หนุ่มติดตรึมแน่ๆ ชักห่วงๆแล้วสิ”คุณชายพูดขำๆ เล่นทำเอาฮากันหมดเลย ผมยิ้มกว้างแต่ในใจหนักอึ้ง ที่แท้ผมก็กลัวลึกๆในใจ.......
… … ... ... ... ... ...
เมื่อครบกำหนดการตรวจสุขภาพของน้องไก๋ตอนนี้ก็2 เดือนกว่าๆอีกสัปดาห์เดียว น้องไก๋ก็จะอายุ 3 เดือนแล้ว วันนี้คุณชายพาผมไปที่ศูนย์วิจัยตามปกติ น้องไก๋ได้รับวัคซีน ตรวจโรคแทรกซ้อน เจาะเลือดด้วย ทำเอาแผดเสียงลั่นห้องตรวจซะพยาบาลวุ่นกันไปหมด ขนาดผมเข้าไปปลอบแล้วยังร้องงอแงอยู่หลายนาทีกว่าจะเงียบเสียงได้ ตอนนี้ผมไม่ได้ตรวจกับหมอภูมิแล้วครับ เพราะในส่วนนี้จะเป็นอีกแผนกนึงแทน
“เดี๋ยวผมไปจ่ายค่ายาก่อนนะกี้”คุณชายยิ้มกับผมแล้วก้มลูบหัวลูกเบาๆในรถเข็นก่อนจะเดินไปที่ช่องชำระเงิน ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้รอเวลา วันนี้น้องไก๋อุตส่าห์แต่งตัวซะสวยน่ารักเชียว เสื้อคลุมสีแดงใส่หมวกคลุมศีรษะเล็กๆสีแดงอีกเช่นกัน คราบน้ำตาเปรอะเลย ผมหยิบผ้าเช็ดหน้าในตะกร้าเปิดขวดน้ำมาเทใส่ผ้านิดหน่อยให้พอเปียกแล้วซับหน้าให้น้องไก๋แล้วพูดไปด้วย
“หายเจ็บยังครับ ไหนมาดูสิลูก”ผมเช็ดแก้มน้องไก๋จนสะอาดแล้วทำทีเข้าไปเป่าแผลที่ข้อพับตรงแขนเบาๆ น้องไก๋ส่งเสียงแอ๊ะๆตอบรับ มีรอยยิ้มส่งมาให้ สงสัยหายเจ็บแล้ว
“น้องน่ารักจังครับ”เสียงทุ้มดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองชายหนุ่มในชุดกราวด์สีขาวที่ยืมมองน้องไก๋ด้วยรอยยิ้มเอ็นดู ผมมองเขางงๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อจำได้ว่าเขาคือหมอคนก่อนๆที่เคยสอบประวัติไข้ของน้องไก๋เมื่อสัปดาห์ก่อน
“อ้าว คุณหมอดนัยนั่นเอง”ผมเอ่ยทักด้วยรอยยิ้ม คุณหมอล้วงมือในกระเป๋าเสื้อกราวด์พลางมองไปรอบๆ
“ครับ แล้วแฟนคุณล่ะครับ ไปไหนแล้ว”หมอดนัยถามขณะที่คุกเข่านั่งลงตรงหน้ารถเข็นน้องไก๋
“อ๋อ ไปชำระเงินอยู่น่ะครับ นี่น้องไก๋ครับ”ผมบอก คราวที่แล้วน้องไก๋อยู่กับคุณชาย ผมแค่มายื่นเอกสารให้หมอดนัยเท่านั้นเอง
“งั้นเหรอครับ....ไงครับ คนสวย วันนี้ร้องลั่นจนผมที่ตรวจสองห้องัดไปยังได้ยินเลย ฮ่าๆ”น้องไก๋ทำท่าเบะปากอีกรอบ จนหมอดนัยรีบปรามเสียงอ่อน
“อย่าร้องนะครับ โอ๋ๆ นี่น้านัยเอง น้องไก๋คนเก่งไม่ขี้แยนะครับ..... น้องท่าทางสมบูรณ์ดีนะครับ คงมีความสุขกันทั้งครอบครัว”หมอดนัยลุกขึ้นยืนแล้วเดินมานั่งข้างๆผมแทน ผมได้แต่ยิ้มรับ
“...เอ่อ แล้วหมอ....”
“อ๋อ ผมว่างอยู่น่ะครับ ไม่มีคิวตรวจ เห็นคุณกี้กับลูกนั่งอยู่ตรงนี้เลยแวะมาทักทาย”หมอดนัยยิ้มสุภาพมาให้ผม
“ว่าแต่หมอทำงานที่ศูนย์วิจัยนานแล้วหรือครับ”ผมหาเรื่องคุยไปแบบนั้น เพราะไม่อยากเงียบ
“ก็สักสี่ห้าปีแล้ว รู้ไหม เห็นโครงการนี้เงียบๆ แต่ผู้สมัครเข้าโครงการนะมีเยอะขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก คุณกี้โชคดีที่สามารถมีลูกได้ หลายคนหลายคู่ผิดหวังที่ร่างกายไม่แข็งแรงพอที่จะตั้งครรภ์”หมอดนัยพูดท่าทางสบายๆเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“เอ่อ แล้วหมอไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้มันจะ...เอ่อ แปลก หรือว่า...”ก่อนที่ผมจะทันได้พูดจบ หมอดนัยก็พูดแทรก
“...ตอนแรกก็ตกใจอยู่เหมือนกันว่ามีโครงการแบบนี้อยู่จริงหรอ แต่พอได้เข้ามาเห็นการทำงานแล้ว ผมก็อดคิดไม่ได้ว่า ไม่น่าเชื่อเลย ผู้ชายสามารถท้องได้ด้วย จากนั้นก็กลายเป็นว่าผมชินแล้วก็ยอมรับได้มากกว่า ผมเองก็อยู่ในแวดวงวิทยาศาสตร์การแพทย์มามากพอสมควร มันก็ไม่เห็นแปลกที่จะพัฒนาข้ามกรอบกฎเกณฑ์ทางเพศออกไปได้....ตอนนี้ผมว่าคุณต้องมีความสุขแฮปปี้ที่มีสิ่งมหัสจรรย์เกิดขึ้นกับคุณนะครับ ผมว่า”หมอดนัยยิ้มให้ผม
“ฮ่าๆ นั่นสิครับ ไม่รู้ผมจะกังวลไปทำไม”
“ใช่ครับ คุณยิ้มแล้วโอเคกว่าเยอะ เห็นแก้มชัดเจนเลย เหมือนลูกสาวคุณน่ะ แก้มยุ้ยเหมือนกัน”ผมแทบหุบยิ้ม เออ โดนชมว่าแก้มยุ้ยนี่ผมไม่ดีใจหรอกนะ ผมเหลือบมองน้องไก๋ที่อมมือตัวเองอยู่ ผมขยับรถเข็นมาใกล้ๆตัวมากขึ้น
“แบบนี้ผมก็อ้วนจ้ำม้ำน่ะสิ”
“...ไม่นี่ครับ ก็ออกจะดูดี”ผมหันไปมองหมอดนัยอีกรอบ เขายิ้มให้ผม ระหว่างนั้นคุณชายก็เดินดุ่มๆมาหาผมทันที
“กลับเถอะครับ หมดธุระแล้ว”คุณชายพูดห้วนๆไปหน่อย ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะหันไปบอกลาหมอดนัย
“ขอตัวก่อนนะครับ”ผมยิ้มให้ หมอดนัยลุกขึ้นยืนบ้าง “ครับ กลับบ้านดีๆนะครับ...”หมอดนัยส่งยิ้มให้แล้วเดินออกไปทันที ผมมองหน้าคุณชายที่ย่นคิ้วมองไล่หลังหมอดนัยอย่างไม่พอใจ
“ป่ะครับ กลับกันเถอะ”ผมบอกแล้วดึงมือคุณชายเบาๆ เขาหันมาจ้องหน้าผมแล้วย่นหน้า
“ไปคุยกับไอ้หมอนั่นทำไมกัน”คุณชายบ่นพึมพำๆอยู่ข้าง ขณะที่จูงรถเข็นน้องไก๋ไปข้างหน้า ผมเหลือบมองคุณชายขำๆ
“ก็หมอมาคุยด้วย ถ้าไม่คุยก็เสียมารยาทแย่เลย”
“ผมว่านะ เขาสนใจกี้มากกว่า คิดดูสิ ผมเดินมาอยู่ข้างๆคุณแท้ๆ ไม่มองหน้าทักทายผมสักคำ เหอะ มัวแต่มองเมียคนอื่นอยู่ เฮ้อ แย่ๆ”คุณชายพูดอยู่คนเดียว ผมกรอกตาไปมา
“ไม่รู้สินะ ...พอแล้วไม่คุยเรื่องคนอื่นดีกว่า”ผมหันไปพูดกับเขา คุณชายตาวาวทันที ก่อนจะยิ้มพอใจมาให้ผม
“ครับผม คุยเรื่องของเราก็พอ”คุณชายดึงมือผมไปจับข้างนึง ผมเดินไปจนถึงรถ น้องไก๋ก็หน้ายับย่นเหมือนจะแผดเสียงอีกรอบ
“เป็นอะไรครับ คนสวย”คุณชายยื่นหน้าไปถามขณะที่เปิดกระโปรงหลังรถ น้องไก๋ส่งเสียงฮึฮะก่อนจะร้องงอแงออกมา ไม่ให้คุณชายอุ้มอีก ผมเลยยกตัวน้องไก๋มาอุ้มก็ดิ้นๆอีก
“เฮ้อ เป็นอะไรเนี่ย สงสัยหิวมั้ง หรือว่าร้อน”ผมรีบพาน้องไก๋เข้าไปนั่งในรถ ส่วนคุณชายก็เก็บรถเข็นเข้าท้ายรถแล้วรีบเดินมานั่งในรถ ผมหยิบขวดนมให้น้องไก๋ แต่ก็ไม่เอา ถีบขาร้องโยเยอีกแล้ว ถ้าไม่หิวก็คงขัดใจอะไรสักอย่าง
“เอาไงดีครับกี้ น้องไก๋งอแงอีกแล้ว”คุณชายทำหน้ายุ่ง ขณะที่สตาร์ทรถ ผมจับตัวน้องไก๋นั่งบนตักจนได้แล้วถอดเสื้อคลุมกับหมวกออก แต่ก็ยังโวยวายอยู่ดี เฮ้อ มีลูกก็เหนื่อยแบบนี้แหละ โชคดีมากที่ผ่านเดือนแรกมาได้ด้วยดี เดือนแรกๆผมกับคุณชายแทบไม่ได้นอนเพราะน้องไก๋ไม่ยอมนอน ร้องไห้แทบทั้งคืน ถึงคุณหญิงกับแม่ผมจะช่วยกล่อมแต่ก็เอาไม่อยู่ โทรมกันไปเลยทั้งป๊าทั้งป๋า มาเดือนที่สองก็ดีขึ้นมาหน่อยเพราะนอนได้นานขึ้นกว่าเดิมและเป็นเวลามากขึ้น
“เอาไงดี ยังไม่ได้ซื้อหมอนเล่นให้น้องไก๋กับผ้าอ้อมเพิ่มเลยนะคุณ”ผมบอกเขา คุณชายเหลือบมองน้องไก๋ที่ถีบขาโย่งตัวไปมาอยู่บนตักผม ร้องไห้แบบไม่มีเสียงแต่น้ำตาไหลเป็นเม็ดเลย
“แวะห้างฯก่อนก็ได้ พาไปเปิดหูเปิดตาคงไม่กล้าร้องหรอกมั้ง”คุณชายบอก ผมเห็นด้วย เพราะห้างสรรพสินค้าแปลกใหม่กับเด็กสองเดือน มีอะไรมากายให้มองให้สนใจ น้องไก๋คงเลิกงอแงได้
.
.
.
เมื่อวนหาที่จอดรถได้แล้ว น้องไก๋ก็เกาะผมแน่นไม่ปล่อย ไม่ยอมนั่งรถเข็นอีก ก็เลยต้องอุ้มไปเดินชี้นู่นนั่นให้น้องไก๋ฟัง พอได้ยินเสียงเพลงในห้างฯตามร้านเข้า ก็ยิ้มออก กรี๊ดกร๊าดขึ้นมาทันที คุณชายหันมามองหน้าผมงงๆแล้วหัวเราะ
“ผีเข้าผีออกนะลูกเรา”ผมส่ายหน้าแล้วเดินไปใกล้ๆคุณชาย น้องไก๋ก็ตื่นเต้นมากร้องอ้อแอ้ๆทำตาใสจ้องคนที่เดินผ่านๆไปมาบ้าง หรือไม่ก็หุ่นโชว์ของร้านเสื้อผ้าเด็ก ไม่ยอมให้ผมพาเดินไปไหน มัวแต่ร้องๆมองหุ่นแล้วหัวเราะ
“โธ่ ลูก หน้าหุ่นเหมือนหน้าแม่หนูหรือไง”คุณชายหันมาทำเสียงขุ่นใส่น้องไก๋ที่ดื้อไม่ยอมให้พาไปไหน น้องไก๋ดันหัวเราะซะอย่างนั้น แล้วยอมให้ผมพาไปที่ร้านอื่นแทน ก็เลี่ยงๆไอ้หุ่นอะไรพวกนี้หน่อย
“แวะไปซื้อของเล่นให้น้องไก๋ก่อน”ผมบอกแล้วสะกิดคุณชาย ให้ตามมา ผมเดินไปตรงโซนของเล่นเด็กอ่อน ผมหยิบเปียโนของเล่นลายสดใสมีตัวการ์ตูนน่ารักมาอันหนึ่งขนาดกลางๆมีแค่สี่ห้าปุ่มห่างๆ เอาไว้ติดตรงปรายเปลให้น้องไก๋ถีบเตะน่าจะดี ผมหยิบใส่รถเข็น
แอ๊ะ ๆ แอ้
“อยากได้ไอ้นี้หรอลูก...ที่บ้านเราก็มีแล้วนะ”คุณชายพูดจ้องหน้าน้องไก๋ไปด้วย ก่อนจะชี้ไปที่กล่องของเล่นชุดตัวต่อกล่องใหญ่
“เอาอีกแบบนึงก็ได้คนละลายกัน”ผมชี้ไปที่กล่องตัวต่อที่มีช่องสี่เหลี่ยมบ้าง สามเหลี่ยมบ้าง ไว้สำหรับฝึกพัฒนาการเด็กได้ดีเลย คุณชายเลยต้องหยิบมาใส่รถเข็น “ตามใจป๋าล่ะกัน หึๆ”คุณชายหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่
จากนั้นก็เดินไปเลือกซื้อเสื้อผ้าเด็กอ่อนลายน่ารักๆให้น้องไก๋ซะหน่อย พอน้องไก๋เจอเข้ากับคาดผมติดลูกไม้สีขาวกับดอกไม้เล็กๆสองอันก็ชอบใจใหญ่ไม่ยอมถอดด้วย
“โอเคๆไม่แย่งแล้ว”ผมเลยต้องปล่อยไป เห็นคุณชายตั้งอกตั้งใจเลือกชุดกระโปรงสีโอรสให้น้องไก๋อยู่นานเชียว
“เลือกได้ยังครับเนี่ย”ผมเดินมาหยุดข้างๆ น้องไก๋ก็ยื่นมือไปจับๆเสื้อผ้าไปทั่ว คุณชายทำหน้ายุ่งคิ้วขมวดชนกัน
“ชุดน่ารักดี เลือกไม่ถูกเลย”
“เอาไปให้ลูก ไม่ใช่ให้ตัวเองใส่ซะหน่อย คิดนานเชียว”ผมหัวเราะเบาๆ คุณชายเงยหน้ามองทำหน้าตีมึนใส่ผมอีก ก่อนจะคว้ามาสองตัวยกให้ผมดู
“ชุดมันน่ารักจะตาย ผมก็เลือกไม่ถูก เดี๋ยวไม่ถูกใจลูกสาวก็งอแงอีก เอาตัวไหนครับ น้องไก๋”จากที่สนใจมองผู้หญิงวัยรุ่นคนนึงที่กำลังเลือกเสื้อผ้าเด็กอยู่ด้านหลัง สายตาเหลือบมองคุณชายแทน ก่อนจะยิ้มกว้างไม่ได้สนใจเสื้อผ้าเลย
“เอาไปหมดนั่นแหละ น้องไก๋ก็ใส่หมดนั่นแหละครับ คุณพ่อ”ผมแกล้งพูดแล้วหัวเราะ คุณชายยิ้มมุมปากมาให้แล้วเลือกเสื้อกางเกงลายการ์ตูนน่ารักๆมาอีกสามสี่ไม้แล้วไปจ่ายเงิน รวบกับคาดผมด้วย ทำเอาเจ้าของร้านหัวเราะคิกคักเลยทีเดียว
“นั่นหลานหรอคะ น้องน่ารักมากเลยค่ะ”ผู้หญิงเจ้าของร้านหันมาถามผม คุณชายที่เปิดกระเป๋าจ่ายเงินหันมามองหน้าผมทันที ผมแค่ยิ้มมองตาคุณชายก่อนจะหันไปตอบคนถาม
“อ๋อ นี่ลูกผมเองครับ”ผมยิ้มกว้าง
“ถึงว่าค่ะ หน้าได้คุณพ่อมาเลยนะคะ จ้ำม่ำดีจัง”เจ้าของร้านหัวเราะกับผมแล้วรับเงินจากคุณชายก่อนจะถอนเงินมาให้ คุณชายหน้าบานมีความสุข ผมเปลี่ยนให้คุณชายอุ้มน้องไก๋แทน แล้วมาถือของแทน ผมว่าจะแวะไปรับสร้อยคอซะหน่อย กะว่าจะเอาไปเซอร์ไพร์ขอแต่งงานด้วยเลย แต่คุณชายตามติดแบบนี้ปลีกตัวไม่ได้เลย
“เอ่อ คุณชาย ผมขอไปเข้าห้องน้ำได้ไหมครับ คุณไปนั่งรอตรงศูนย์อาหารก่อนก็ได้ ของเยอะ”ผมบอก คุณชายทำหน้าแปลกๆ
“เดี๋ยวผมไปรอหน้าห้องน้ำก็ได้กี้”คุณชายพูด ก่อนจะหันไปหอมแก้มน้องไก๋ไปด้วย
“ของเยอะน่า ไปรอผมนั่นแหละ”ผมทำเสียงเข้มนิดหน่อย คุณชายเลยมองผมครู่นึงก่อนจะพยักหน้ายอมจำนน
“เดี๋ยวผมเอาน้องไก๋ไปด้วย เผื่อลูกปวดฉี่ มา”ผมเข้าไปอุ้มน้องไก๋ คุณชายมองเงียบๆแล้วถือข้าวของไปรอที่ศูนย์อาหารทันที สงสัยจะโกรธ ผมเลยรีบเดินไปอีกโซนหนึ่งทันที ผมเดินตรงไปจนถึงร้านแล้วเข้ารับของที่สั่งไว้ ใช้เวลาหลายนาทีเหมือนกันกว่าจะเดินไปหาคุณชายที่ศูนย์อาหารได้ เห็นเขาทำหน้างอไม่รับแขก พอเห็นผมก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ชัดเจน
“กลับบ้านเลยไหม อยากได้อะไรอีกหรือเปล่าครับ”คุณชายถาม ผมส่ายหน้า เพราะน้องไก๋ท่าทางจะง่วงแล้ว ผมเลยช่วยคุณชายถือถุงเสื้อผ้าแทนส่วนเขาก็ถือถุงของเล่นใบใหญ่ ระหว่างทางกลับบ้านก็ไม่ได้คุยอะไรมาก น้องไก๋เคลิ้มหลับไปบนตักผมเลย คุณชายแอบมองผมบ่อยๆด้วย หึๆ สงสัยล่ะสิ คืนนี้เดี๋ยวได้รู้กัน