.
คุณชายกับผมเดินไปที่บ้านใหญ่ ซึ่งปรากฏว่าทุกคนในบ้านอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทั้งคุณทวด คุณย่า แม่ผม คุณหญิง คุณพ่อ คุณเชน เมื่อผมสองคนเดินเข้ามา ทั้งหมดหันมามองผมกันนิ่ง
"...ออกไปก่อน"คุณย่าชี้นิ้วไล่ทันที คุณพ่อรีบขัดคุณแม่ตนเอง
"คุณแม่ครับ ...เรื่องมาเป็นแบบนี้แล้ว จะทำอะไรได้ล่ะครับ จะต่อต้าน รังเกียจเหลนที่กำลังจะเกิด นี้ก็2เดือนแล้วนะครับคุณแม่..."คุณพ่อพูด ส่วนแม่ผมแค่ลุกจากที่นั่งแล้วเดินมาหาผม
"ถ้าจะไม่ยอมรับความจริง ดิฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร... เพียงแค่ขอให้ลูกชายกับหลานดิฉันออกไปอยู่ที่อื่นก่อน... ตอนนี้ฉันห่วงลูกค่ะ แล้วก็หลานในท้อง ความกังวลของคนอุ้มท้องสามารถส่งผลกระทบต่อเด็กได้ เรื่องนี้คุณผู้ใหญ่น่าจะทราบดีนะคะ"แม่พูดเบาๆน้ำเสียงอ่อนๆไม่ได้เด็ดขาดอะไร คุณย่าทำหน้าไม่พอใจขึ้นมา
"พูดแบบนี้หมายความว่า---"
"เอาล่ะๆ ทุกคน...ก็จริงอย่างที่ตาชินกับแม่กระรัตพูด...ความเป็นจริงก็อยู่ตรงหน้าเราแล้ว...ทวดเองก็ตกใจนะ ...แต่มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนี่ ในเมื่อบ้านนี้ก็จะมีทายาทแล้ว ...แม่ชะเอมเองก็อยากเลี้ยงเหลนจะแย่ไม่ใช่หรือ"คุณทวดพูดแทรกขึ้นมา ใบหน้ามีรอยยิ้มเล็กๆอย่างเอื้ออารี
"แต่ว่าคุณพ่อคะ....นี่มันเกิดจากผู้ชาย ถึงจะเป็นการทดลองอะไรนั่น แต่คนอื่นๆจะคิดยังไงกัน จะบอกสังคมว่าอย่างไร"คุณย่ารีบขัดหันหน้าไปพูดกับคุณทวด
"คุณย่าครับ..."คุณชายเดินเข้าไปนั่งที่พื้นตรงหน้าคุณย่า "เรื่องของคนอื่น เราไม่จำเป็นต้องไปคิดแทนเขา ผมขอแค่คนในบ้านเข้าใจก็พอ นั่นคือปราการแรกที่จะปกป้องลูกของผมกับกี้ แล้วก็....เหลนของคุณย่า ลื่อของคุณทวดไงครับ...โปรดลองคิดพิจารณาเรื่องของผมกับกี้อีกครั้งนะครับ"
"....อย่ามาโน้มน้าวย่านะ แกจะให้ย่ามองข้ามความเป็นจริงนี้ไปน่ะเหรอ เราอยู่จุดไหนของสังคมกัน..."
"แม่ชะเอมเอ้ย คนแก่ๆอย่างเราอีกหน่อยก็ต้องเข้าโลง ไปโมโหโกรธา ยึดฐิทิเป็นที่ตั้ง แล้วเมื่อไหร่จะมีความสุข ทวดก็ไม่บังคับใจใครหรอก ...แต่ก่อนตายทวดอยากจะมีความสุขไปกับลื่อของทวดเอง ได้อุ้มเด็กเล็กๆมันคงดีไม่น้อย ใช่ไหมตาชาย...”คุณชายหันไปยิ้มกับคุณทวด
"นะคะ คุณแม่ มันเรื่องเข้าใจยากจริงๆ แต่เราก็ต้องยอมรับไม่ใช่หรือคะ พิมพ์เองก็อยากเห็นหน้าหลานจะแย่..."คุณหญิงเองก็ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมคุณย่า
ผมมองหน้าแม่ที่กำลังรอฟังคำตอบของคุณย่าเช่นเดียวกันกับทุกคน
"ไม่..!! ยังไงก็ไม่ยอมรับ ถึงจะเป็นเหลนแต่..เด็กที่จะเกิดมาน่ะ ...จะเป็นยังไง อีกอย่าง นี่ไม่ใช่การเกิดจากธรรมชาติ"...ผมหน้าชาไปเลย คุณชายขมวดคิ้ว
"ถ้าอย่างนั้น ผมก็ต้องขอโทษคุณย่าจริงๆ ผมมีเหลนให้คุณย่าแล้วแท้ๆ ถ้าคุณย่าไม่อยากยอมรับ ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ผมจะอยู่ข้างๆกี้"คุณชายไหว้คุณย่าแล้วลุกเดินมาหาผม คุณย่าเม้มปากแน่นก่อนจะหันหน้าไปทางคุณเชนที่นั่งเงียบๆเพื่อขอความคิดเห็น
“ตาเชนล่ะว่าไง”
“เอ่อ...ผมเองก็เข้าใจความรู้สึกคุณย่านะครับแต่ว่า...ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีหรือไม่ยอบรับเรื่องกี้กับไอ้ชายนะครับ...ผมเองก็อยากดูหน้าหลานเหมือนกัน”คุณเชนพูดเบาๆ คุณย่าได้แต่ทำหน้าขัดใจ เพราะไม่มีใครสนับสนุนตัวท่านเลย
"...ถ้าอย่างนั้นดิฉันจะขอให้ลูกดิฉัน ไปอยู่กับฉันที่บ้านน่าจะสะดวกใจกว่า ไม่อย่างนั้นเขาก็ต้องทนฟังคำพูดที่บั่นทอนจิตใจอยู่แบบนี้ เข้าใจหัวอกคนท้องคนไส้ด้วยนะคะ....ดิฉันขอลาล่ะคะ"แม่ยกมือไหว้คุณทวดกับคุณย่าอย่างนอบน้อม...
"แม่กระรัต...."คุณหญิงทำหน้าไม่เห็นด้วยแล้วลุกขึ้นมาหาผม
"อืมๆ เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจกันแบบนั้น ทวดก็ไม่ห้ามหรอก....ถ้ายังไงกี้ ก็มาเยี่ยมทวดหน่อยนะ ฮ่าๆ "คุณทวดยังใจดีกับผม คุณชายหยิบเอกสารของผมติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินไปหอมแก้มคุณทวดเพื่อขอบคุณ
"ครับ...ผมจะมาเยี่ยมบ่อยๆ"ผมยิ้มให้ "ผมลาล่ะครับ"ผมยกไหว้ทุกคน...
คุณพ่อคุณหญิงเดินตามมาส่ง
"พูดจาใจร้ายเหมือนเดิมเลยนะหล่อน"คุณหญิงพูดแล้วมองหน้าแม่ผมที่แค่ยิ้มสวยใส่
"ก็ต้องเด็ดขาดบ้าง มีเหลนให้อุ้มแท้ๆนี่จ๊ะ"
"เดี๋ยวผมไปเอาของที่จำเป็นมาก่อนนะครับ"คุณชายบอก แล้วเดินไปกับคุณเชนเพื่อไปยังบ้านคุณชาย
แบบนี้คุณย่าก็ไม่มีใครอยู่ข้างเดียวกับท่านเลยนะสิ
"ถ้ายังไงผมจะแวะมาหานะครับ"ผมยิ้มกับคุณพ่อที่พยักหน้าจับมือผมเบาๆ
"เฮ้อ ท้องก็โตขึ้น เดี๋ยวคุณแม่ก็ใจอ่อนเองเชื่อเถอะ"คุณหญิงเข้ามากอดผม ซึ่งเหนือความคาดหมายมากผมแปลกใจแต่ก็ยินดี
“ครับ ไว้ผมจะแวะมาบอกข่าวเรื่องหลานนะครับ”ผมหัวเราะเบาๆ รู้สึกขัดเขินที่พูดแบบนี้ แต่ทุกคนแค่ยิ้มใจดีมาให้
“เดินทางปลอดภัยนะกี้แล้วก็คุณกระรัตด้วย”คุณพ่อพูดทิ้งท้าย ก่อนจะรอคุณชายขนกระเป๋าใบหนึ่งมาที่รถ แค่นำเสื้อผ้าสำหรับกับคุณชายมานิดหน่อย ถ้าขาดเหลืออะไรก็ซื้อเอาหรือไม่ก็แวะมาที่บ้าน
ผมต้องกลับไปอยู่บ้านแม่อีกครั้ง ส่วนคอนโดต้องเก็บไว้ก่อนเพราะกลัวเจอพี่บิ๊ก หรือพลอยขึ้นมาเดี๋ยวจะเป็นเรื่องขึ้นมาอีก
การมาอยู่ที่บ้านแม่ก็ถือเป็นเรื่องดีอย่างน้อยผมก็อยู่ในสายตาของแม่บ้าง ตอนกลางวันแม่ไปทำงาน คุณชายเองก็ช่วยดูแลผมได้ดีขึ้น
“ไหนมาดูสิ ว่าท้องโตแค่ไหนแล้ว”คุณชายยังคงขยันทำอัลบั้มรูป เขาแปะรูปลงทุกๆสองสัปดาห์ วันนี้เขาเอาสายวัดมาอีกแล้วจากนั้นก็วัดรอบพุงของผมที่นอนยาวอยู่บนโซฟา เขานั่งลงกับพื้นบ้าน
“อืม วันนี้เท่าเดิมแฮะ”คุณชายว่าแล้วยิ้มกับผมก่อนจะเข้าไปจูบท้องผม จักกะจี้จนผมหัวเราะออกมา
“วันนี้คุณอารมณ์ดีนะ”ผมพูดกับคุณชายที่นอนซบกับท้องของผม
“ครับ สงสัยเพราะป๋ากี้อารมณ์ดี ป๊าก็เลยอารมณ์ดีไปด้วยมั้งครับ”คุณชายยิ้มแล้วขยับมาจูบผม
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่กับแม่ คุณชายทำตัวหวานกว่าปกติมากจริงๆ
"แล้วงานเลี้ยงรุ่น กี้จะไหวไหมครับ"คุณชายถาม
"ไหวสิครับ"ผมยิ้มตอบ
"เสียดายนะครับ อยากฝากต้อยดูแล…"
"เอาน่า ผมแค่ไปคุยกับเพื่อนเก่า แอลกอฮอล์ก็ไม่แตะอยู่แล้วล่ะครับ”ผมบอกให้คุณชายวางใจ
"...ไอ้ต้อยก็ไปด้วยไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมดูแลตัวเองเป็นอย่างดีอยู่แล้วล่ะ"
แน่นอนในงานเลี้ยงจะต้องมีของมึนเมา ผมเองก็จะเลี่ยงเท่าที่จะเลี่ยงได้ ผมเองก็เคยได้ยินนะครับว่าเคยมีคนท้องดื่มแอลกอฮอล์เพราะไม่รู้ว่าตั้งท้อง แต่ลูกที่เกิดมาก็ปกติดีแต่ผมก็ไม่เสี่ยงหรอกครับ
..
.
ผมนัดไอ้ต้อยให้มาเจอกันที่บ้านแม่เพราะจะได้ไปพร้อมๆกับผมโดยคุณชายอาสาเป็นโชเฟอร์ให้ ผมกังวลนิดหน่อยเกี่ยวกับพุงของผมเพราะงานเลี้ยงรุ่นนัดใส่เสื้อรุ่น ที่ผมเองก็ไม่ได้หยิบมาใส่นาน ใส่ได้พอดี มันก็เลยเห็นสัดส่วนบริเวณลำตัวชัดเจนว่ามีท้องยื่นออกมานิดนึง คุณชายมองยิ้ม
“ยิ้มอะไรครับ”ผมถามหน้าเครียดเพราะกลัวคนทัก กำลังซีเรียสแล้วมายิ้นแบบนี้อีกนะ
“ฮ่าๆ ผมว่ามันน่ารักดี กิ้วๆ ลูกน้อย”ผมถอนหายใจแล้วผลักเขาไปห่างๆ
“ตลกเหรอคุณ”ผมหน้าบึ้ง แต่คุณชายยังกวนผมต่อไป ตั้งใจจะแกล้งผมมากว่า เพราะเห็นว่าผมบ่นเรื่องเสื้อมาตั้งนานแล้ว ผมรอไอ้ต้อยมาที่บ้านผมตามนัด ไอ้ต้อยมาสายไปห้านาทีโดนผมบ่นไปไม่น้อย
“นัดไม่เป็นนัดจริงๆเลยมึง”ผมอารมณ์เสียทันที ไอ้ต้อยทำหน้ามึน แล้วมองหน้าคุณชาย
“โห อะไรมึงเนี่ย ไปกินรังแตนมาจากไหนวะ ฮ่าๆ กูสายแค่นี้จะเป็นไรไป มาๆ ไปกันได้แล้ว เสียเวลาตรงที่มึงบ่นเนี่ยแหละ คุณชายก็คิดแบบนั้นใช่ไหมล่ะ”ไอ้ต้อยหันไปพูดกับคุณชายบ้านั่นแล้วหัวเราะ
ผมถอนหายใจแล้วเดินขึ้นรถไป ระหว่างทางคุณชายก็ชวนคุยเรื่องงานเลี้ยงกับไอ้ต้อยที่นั่งอยู่เบาะหลัง
“นี่ คุณต้อยครับ ผมขอฝากกี้ด้วยนะครับ อย่าให้ดื่มเหล้าเด็ดขาดเลยนะครับ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ ปกติมันก็ชอบดื่มเหล้าจะตาย ถึงจะคออ่อนก็เถอะ”ไม่วายจะหันมาหัวเราะให้ผมอีก เพื่อนเวรจริงๆ คุณชายหัวเราะเยาะผม
“ครับผมเห็นด้วย คออ่อนมากแต่ก็ชอบอวดเก่ง...หึๆ”คุณชายหันมายิ้มดวงตาเป็นประกาย ก่อนจะยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ “จริงไหมครับกี้ ไม่งั้นจะเสร็จผมได้ไง ต้องขอบคุณที่กี้ดื่มไม่เก่ง”
“...เหรอ ระวังไว้เถอะ ถ้าคุณเมาเมื่อไหร่นะ”ผมบ่นเบาๆ
“ฮ่าๆ ทำไมครับ จะจิ้มผมหรอ คุณทำได้หรอกี้”คุณชายลั่น ผมได้แต่เงียบแล้วหันหนีคุณชายบ้านี่เสีย อารมณ์เสียจริงๆ
“ว่าแต่ทำไมถึงดื่มไม่ได้วะกี้”ไอ้ต้อยถามผม
“คือว่าช่วงนี้กูดื่มไม่ได้ ป่วยๆน่ะ โอเคนะ”ผมหันไปพูดกับมันด้านหลัง ไอ้ต้อยพยักหน้าอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ เมื่อรถของคุณชายขับมาถึงโรงแรมที่จองห้องจัดเลี้ยงไว้ คุณชายก็ยังทิ้งท้ายย้ำกับผมอีก
“อย่าลืมนะครับ...”
“ครับผม ไม่ดื่มแอลกอฮอล์”ผมตัดหน้าพูดก่อน คุณชายยิ้ม
“ผมเป็นห่วงคุณนะ”เขาพูดสีหน้าเป็นห่วงจริงจัง
“ครับ...รู้น่า...ขับรถดีๆล่ะ ขากลับไม่แน่อาจจะให้เพื่อนๆผมไปส่งนี่แหละครับ”ผมยิ้มให้เขา แล้วลงจากรถ มีไอ้ต้อยยืนรออยู่ ผมเดินไปหามัน ก่อนจะต้องชะงักเมื่อสายตามันจับจ้องอยู่ที่ท้องของผมแล้วมันก็อ้าปากพูด
"เฮ้ย เพิ่งสังเกต ทำไมมึงดูอ้วนๆวะ"
หืม?? ผมหน้าเสีย
"อ้วน จริงดิ"ผมทำเป็นตกใจแล้วก้มมองท้องตัวเอง
"เออ พุงมึงยื่นนะ คุณชายนั่นเลี้ยงดีหรือไง ฮ่าๆ"ไอ้ต้อยทำท่าจะเข้ามาจับแต่ผมผลักมันออกอย่างแรง ไอ้ต้อยมีสีหน้าตกใจ
"โห เล่นแรงว่ะ แค่จะจับพุงมึงเอง ห่วงเนื้อห่วงตัวจริง"ไอ้ต้อยหัวเราะ ผมเลยหัวเราะกลบเกลื่อน “กูจักกะจี้น่า ก็รู้ๆอยู่”ผมบ้าจี้ครับ ไอ้ต้อยมองหน้าผมแล้วพยักหน้า
ผมกับไอ้ต้อยเดินไปยังห้องจัดเลี้ยงซึ่งอยู่ชั้นแรกติดกับสระน้ำ ซึ่งมีวงดนตรีเล่นอยู่ มีอาหารแบบบุพเฟ่ต์วางอย่างน่าทาน แต่ผมได้กลิ่นเหม็นมากกว่า เอาแล้วไงล่ะ ผมพกยาดมติดมาด้วยก่อนจะแตะพิมเสนมาทาที่จมูก
เมื่อเดินเข้าไป ผมเจอชายหญิงหน้าตาคุ้นตาหลายคนต่างก็โบกมือทักทายผม
“ไงไอ้กี้ โห ไม่ได้เจอนานเลยว่ะ อ้วนว่ะ”หนึ่งหันไปหัวเราะกับเพื่อนหญิงอีกคนหนึ่งที่ผมจำได้ว่าชื่อแบม ผมยิ้มทักทาย แทบจำชื่อเพื่อนได้รายคน ไอ้ต้อยพาผมไปนั่งที่โต๊ะใกล้ๆกับโต๊ะอาหาร ซึ่งผมหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เหม็นได้อีก ไม่รู้ว่าอะไรที่ผมแพ้ มีตั้งแต่ข้าวผัด ของคาว หวานต่างๆ ขนมหวานทานเล่นหลายอย่าง และแอลกอฮอล์ก็ขาดไปไม่ได้
“เฮ้ยกี้ วันนี้กูต้องดวลกับมึงให้ได้ นานๆจะเจอกันทีนะเว้ย”ผมมองหน้าอีกฝ่ายงงๆ พยายามนึกว่าชายคนนี้คือใคร ชื่ออะไร
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่าจำกูไม่ได้ พีไงวะ เมื่อก่อนที่อ้วนๆหน่อยไง”พอพูดแบบนี้ผมก็อ๋อทันที พี เมื่อก่อนสมัยเรียนม.ปลายรูปร่างท้วมนิดๆแต่ติดที่ว่าผิวขาวคิ้วเข้ม เลยไม่ดูน่าเกลียดอะไร ผมแค่ยิ้ม ไอ้ต้อยกระซิบกับผม
“เอาไงวะ พวกนี้มันจะก๊งกับมึงให้ได้เลย ก็มึงเบี้ยวมางานตลอด ใครๆก็เลยอยากดวดเหล้ากับมึง”ไอ้ต้อยส่ายหน้า
“อ๋อ จำได้ดิวะ ...แต่ว่ากูป่วยๆว่ะ แดกเหล้าไม่ได้หรอก”ผมบอก คนในโต๊ะส่งเสียงโห่
“อย่าอ้างดิกี้ ไม่เพียวๆซะหน่อย น้ำ โซดา หรืออะไรก็ได้”พี่เข้ามาตบไหล่ผมแล้วยิ้มให้
“กูพูดจริงนะเว้ย ช่วงนี้ไดเอทด้วย ไม่เห็นหรอกูอ้วนแล้ว”ผมแกล้งหัวเราะ พีขมวดคิ้วมุ่ยหน้าก่อนจะสำรวจไปตามตัวของผม
“ไม่เห็นจะอ้วนเลยนี่หว่า”พีหัวเราะ
“เออ มันไม่แดกไม่ได้ อย่าเลยๆ มันคออ่อนด้วย”ไอ้ต้อยช่วยพูดให้ผม แต่พีกลับดื้อดึงขยั้นขะยอให้ผมดื่มอยู่ได้ จนผมเริ่มหงุดหงิดและรู้สึกคลื่นไส้ขึ้นมาเป็นระยะ
“นานๆเจอกันทีแท้ๆ กูยังแปลกใจที่มึงมาวันนี้ได้”พีมองหน้าผมคงหมดปัญญาที่จะให้ผมดื่มแล้ว ผมเองก็กล้ำกลืนฝืนทนจะแย่
“เอาไว้คราวหน้านะ”
จากนั้นผมก็รีบขอตัวออกจากโต๊ะเพื่อไปเข้าห้องน้ำด้านนอกทันทีเพราะจวนเจียนจะอ้วกออกมาอีกแล้ว ผมอ้วกอยู่หลายครั้ง
"โอ้กกก"ผมหายใจแรงเช็ดปาก ก่อนจะกดชักโครก อาการคลื่นไส้มาอีกระลอก
“กี้ เป็นอะไร ไม่สบายหรอ”เสียงพีดังอยู่ด้านนอกเคาะประตูห้องน้ำหลายครั้ง
"...แค่อ้วกน่ะ ไม่เป็นไรหรอก บอกแล้วไงช่วงนี้กูป่วยๆอยู่"ผมบอกแล้วเปิดประตูออกมา พีมีสีหน้าเป็นห่วงผม
"งั้นเหรอ...แล้วโอเคแล้วนะ"
"อื้ม "ผมเดินออกจากห้องน้ำแล้วออกไปเดินเล่นที่ข้างนอกห้องจัดเลี้ยง มีสระน้ำอยู่ข้างๆ ผมเดินไปนั่งเก้าอี้ไม้ พีเดินตามมาในมือถือแก้วน้ำแล้วยื่นให้ผม
"ขอบใจว่ะ"ผมจิบไปอึกเดียวเพราะขมปาก พีนั่งลงข้างๆ
"...ช่วงนี้มึงทำอะไรอยู่ว่ะ หายเงียบไปนานเลย"พีถาม
"ก็เรื่อยๆเขียนหนังสือน่ะ ตกงานก็แบบนี้แหละว่ะ"ผมหัวเราะนิดหน่อย มองไปยังสระน้ำนิ่งสนิทที่สะท้อนแสงไฟประดับตามต้นไม้
"อืม...มึงยังจำที่กูตอนปัจฉิมได้ไหมวะ"พีเอ่ยขึ้นมา ผมพยายามนึกย้อนไปช่วงเวลานั้น จำได้ว่าตอนเรียนจบวันสุดท้ายพีมันเดินมาพูดกับผมว่ามีเรื่องจะบอกผมแต่เก็บเอาไว้จนกว่าจะกลับมาเจอกันอีก
"อืม มึงบอกว่ามีเรื่องจะบอกกู ถ้ากลับมาเจอกันอีกน่ะ"
"เออ กูเลยอยากบอกมึงให้มันจบๆไป กูไม่อยากค้างคาใจนาน"พีพูด ผมหันไปมองหน้าอีกฝ่าย
“มีอะไรวะ”ผมถาม
“...กูว่ากูชอบมึงนะ”คำพูดของพีทำให้ผมตกใจ ถึงแม้ว่าจะสงสัยในความเป็นห่วงเป็นใยที่ออกนอกหน้าของมันแต่ก็แค่คิดว่าเพราะไม่ได้เจอกันหลายปี
“...ห๊ะ เมาแล้วหรือไง”ผมหัวเราะกลบเกลื่อน พีมองหน้าผมตาไม่กระพริบจนผมต้องเบนสายตาไปทางอื่น ปกติผมก็ไม่ได้ชอบผู้ชายอยู่แล้ว ยกเว้นคนเดียวก็คือคุณชาย
“พูดจริงๆนะ กูอยากบอกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่...กูป๊อด ใจไม่กล้าพอ”พีหัวเราะเบาๆแล้วถอนหายใจ ผมเงียบรู้สึกอึดอัดจริงๆ ผมไม่เคยมีผู้ชายมาสารภาพว่าชอบแบบนี้ ถึงจะเจอกับคุณชายแต่ว่านั่นมันต่างกัน พีมันเป็นเพื่อนผม
“อืม...แต่กูชอบมึงไม่ได้หรอก”
“กูรู้...มึงไม่ได้ชอบผู้ชายสินะ”พีส่ายหน้า
“...กูมีแฟนแล้ว...เป็นผู้ชาย”ผมบอกมันไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องบอก พีทำหน้าประหลาดใจ “...ห้ามเอาไปบอกใครล่ะ”ผมยิ้มบอก ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ แต่พีรั้งไว้
“เสียดายเนอะ แย่จัง แสดงว่าคนๆนั้นต้องดีจริงๆถึงได้เอาชนะใจมึงได้”พีหัวเราะเก้อ ก่อนจะลุกขึ้นมากอดผมซะอย่างนั้น ผมแค่ผงะไป แล้วผลักมันออก
“เฮ้ย เมาแล้วเลื้อยจริงๆ งั้นกูไปก่อนนะ ไปล้างหน้าล้างตาเหอะ”ผมรีบพูด พีดึงมือข้างซ้ายผมขึ้นมาดู
“ทำไมกูถึงไม่สังเกตุวะ”พีส่ายหน้ายิ้มบางๆ ผมดึงมือกลับมาแล้วเดินหนีอีกฝ่ายมาเดินเล่นที่สวนหย่อมทางด้านหน้าโรงแรม
ผมรู้สึกไม่สนุกกับงานเลย และไม่ได้กลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยงเพราะคงจะอ้วกออกมาอีก ไอ้ต้อยออกมาตามหาผม
“เป็นไรวะมึง”
“กูรู้สึกไม่ดีเลยว่ะ ขอกลับก่อนได้ไหมวะ”ผมบอกมัน เพราะไม่อยากอยู่ต่อจริง ไอ้ต้อยมองหน้าผมอย่างเป็นห่วง ก่อนจะพยักหน้า
“เออๆ มึงดูไม่ค่อยดี เดี๋ยวกูจะรอคุณชายเป็นเพื่อนมึงแล้วกัน”
“ขอบใจว่ะ ฝากขอโทษเพื่อนๆดด้วยนะเว้ย”ผมบอก ก่อนจะกดโทรหาคุณชายให้มารับผม
“ไอ้พีมันทำอะไรมึงหรือเปล่า”
“เปล่านี่...”
“เออก็ดี กูว่ามันแปลกๆนะว่าไหม”ไอ้ต้อยพูดแล้วทำหน้าครุ่นคิด ผมถอนหายใจ
.
.
..
ผมรอไม่นานคุณชายก็ขับรถมารับผมกลับ
“สีหน้าไม่ดีเลยกี้ กลับบ้านแล้วค่อยทานยานะ”คุณชายหันมามองหน้าผม แล้วเอื้อมมาจับมือผมเบาๆ ผมแค่พยักหน้าให้ คุณชายค่อยๆออกรถ ตรงกลับไปตามเส้นทางถนนใหญ่
ตอนอยู่ที่โรงแรมนั่นผมคิดอะไรหลายอย่าง เรื่องของผมและคุณชาย เรื่องลูกน้อยของผม
“คุณชายครับ...”
“ว่าไงครับ...”
“...ขอบคุณนะครับ”อยู่ๆผมก็อยากขอบคุณคุณชายขึ้นมา เขาหันมามองผมนิ่งๆแล้วส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
“ครับผม”คุณชายหัวเราะเบาๆ
“คุณชาย...ผมว่าเรา...ไปถ่ายพรีเวดดิ้งกันดีไหมครับ”ผมตัดสินใจแล้วว่าจะเลิกแคร์คนอื่นเสียที ผมควรแคร์ความรู้สึกของคุณชายมากกว่า อย่างน้อยเขาก็จริงใจต่อผมเรื่อยมา คุณชายดูจะประหลาดใจกับคำพูดของผมมาก
“ไม่ห่วงเรื่องคุณย่าแล้วหรอครับ”
“ช่างเถอะครับ ผมอยากทำในสิ่งที่ต้องการน่ะครับ เราจะได้มีความสุขกันเสียที”ผมยิ้มให้เขา เรื่องของคุณย่าคงต้องปล่อยไว้ เดี๋ยวท่านก็ทำใจได้เองล่ะมั้งครับ
“อื้ม เยี่ยมเลยกี้ วันนี้คุณมาแปลกสุด เซอร์ไพร์มากๆ แต่ผมชอบนะ”คุณชายหัวเราะเบาๆ
“มีอะไรบ้างล่ะที่คุณจะไม่ชอบน่ะ”ผมพูดขำๆ ก่อนจะมองไปข้างทาง แล้วคิดเรื่องของอนาคตที่จะเกิดขึ้น
ผมยอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ได้แล้ว ผมแค่คิดว่าคุณชายสามารถทำให้ผมรู้สึกกล้าที่จะยอมรับความรักของเขาได้และทำให้ผมกล้าที่จะยอมรับว่าตัวผมเองนั้นก็กำลังรักเขาอยู่เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าผมจะไม่แสดงออกมากก็ตามเถอะ
รอให้ถึงเวลาอีกสักหน่อยผมคงจะกล้าพูดกับคุณชายต่อหน้าเอง และบางครั้งผมจะลองทำในสิ่งที่บ้าบิ่นดูบ้าง ถ้ารู้เพศลูกเมื่อไหร่ผมจะขอคุณชายแต่งงาน และจะมอบแหวนให้กับคุณชายด้วยมือของผมเอง คงจะมีควาสุขไม่น้อย พอนึกถึงสีหน้าของเขาแล้วมันจะต้องตะลึงน่าดู
ก็เพื่อตอบแทนคุณชายบ้างน่ะครับ...