***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ***พลาดรัก*** ตอนที่ 24 (จบ) 11/02/17 หน้า 8  (อ่าน 97592 ครั้ง)

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #120 เมื่อ18-09-2015 07:35:25 »

แวะมาปูเสื่อ

ออฟไลน์ sosi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #121 เมื่อ18-09-2015 23:15:39 »

เฟยกับกานต์ปากหนักทั้งคู่

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #122 เมื่อ09-10-2015 23:22:49 »

รอ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #123 เมื่อ10-10-2015 11:01:21 »

เหมือนไม่ได้รักกัน  รึคิดไปเอง  :hao7:

ออฟไลน์ kdds

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1471
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #124 เมื่อ10-10-2015 11:13:33 »

งงๆ กับสองคนนี้ = =' โดยเฉพาะกานต์ คิดอะไรอยู่

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #125 เมื่อ10-10-2015 12:58:49 »

อ่านแล้วยังไงไม่รู้
แต่ไม่อยากให้เฟยคบกับกานต์เลย
รอตอนต่อไปครับ

บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #126 เมื่อ10-10-2015 13:38:16 »

มาต่อได้แล้วค่ะ อยากอ่าน

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #127 เมื่อ29-10-2015 19:39:28 »

มาต่อเถอะ รอนานแล้ว

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #128 เมื่อ29-10-2015 20:14:49 »

อยากรู้จัง ตกลงตอนนี้ใครชอบใครกันแน่ คนนึงขอคบแต่ไม่ใส่ใจ
อีกคนใส่ใจ แต่ก็ยังสับสนอยู่ โอ้ยยยยยย
 :katai1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #129 เมื่อ31-10-2015 19:48:04 »

มารอจ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
« ตอบ #129 เมื่อ: 31-10-2015 19:48:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #130 เมื่อ03-11-2015 23:21:55 »

รอครับ

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 14 หน้า 4 (10-09-15)
«ตอบ #131 เมื่อ03-11-2015 23:46:43 »

รอ

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #132 เมื่อ14-11-2015 02:57:41 »

บทที่ 15

เช้าวันรุ่งขึ้นผมตื่นขึ้นมาโดยที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับกานต์ต่อไปดี ทั้งๆที่คิดว่าถ้าพาไปกินข้าวที่บ้านแล้วกานต์คงจะหายงอนผม แต่พอกลายมาเป็นแบบนี้ผมก็รู้สึกท้อใจเหมือนกัน
ผมไม่เข้าใจว่ากานต์จะโกรธอะไรผมนักหนา ทั้งๆที่ทั้งหมดก็เพื่อให้เขาเห็นว่าผมพยายามแสดงว่าเขาเป็นแฟนผมอย่างที่เขาต้องการ กานต์บอกว่าไม่ชอบกานเซอร์ไพรส์ เขาคงคิดว่าผมกำลังจะแกล้งเขา แต่พอสุดท้ายแล้วมันไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วทำไมเขายังถึงโกรธผมอยู่
ผมขับรถไปเรื่อยๆพร้อมกับความคิดในหัวที่วนไปวนมา จนกระทั่งมาถึงหอกานต์ ผมเห็นเขายืนรออยู่ที่หน้าหอ พอรถผมเทียบจอดเขาก็เปิดประตูรถเข้ามานั่งโดยที่ไม่พูดอะไรกับผมเลยสักคำและยังคงไม่สนใจผมจนถึงมหาวิทยาลัย ผมไม่ชอบบรรยากาศอย่างนี้เลยจริงๆ อุตส่าห์หาไปตั้งนานแล้วไม่น่ากลับมาอีกเลย ผมรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังจะเป็นบ้า ครั้งนี้ผมจะไม่ยอมแล้ว ผมจะไม่ปล่อยให้กานต์เป็นฝ่ายกระทำเพียงฝ่ายเดียว
“กานต์” ผมเรียกหลังจากที่เราทั้งคู่ลงมาจากรถแล้ว แต่กานต์เดินนำผมไปเลยโดยไม่มีทีท่ารับรู้ว่าผมเรียกแต่อย่างใด ผมจึงวิ่งเข้าไปหาและดึงแขนกานต์ไว้


“กานต์ไม่ได้ยินเฟยเรียกเหรอ” ผมถามแต่เขาแค่หันมามองผมเฉยๆ


“บอกเฟยหย่อยได้ไหม ว่าเฟยทำอะไรผิด” ผมว่า


“เมื่อวานเราก็บอกเฟยไปแล้วไงจำไม่ได้เหรอ” กานต์ตอบ


“เฟยจำได้แต่เฟยไม่เข้าใจ” กานต์เงียบเหมือนไม่สนใจสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปเลย


“เฟยรู้ว่าเฟยผิดที่ไปต่อยไอ้แก็ปมัน เฟยรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องของเฟยที่จะเข้าไปยุ่ง แต่กานต์จะให้เฟยทนดูไอ้แก็ปมันลากป๊อบอย่างนั้นเหรอ” แต่กานต์ก็ยังคงเงียบเหมือนเดิม


“แค่เพื่อนจริงๆ” ผมเสริม


“แล้วเราหล่ะเฟย จำได้ไหมว่าวันนั้นโมโหแล้วพูดอะไรกับเรา” กานต์ถามผมเสียงจริงจัง


“ก็เพราะรู้ไงว่านั้นเฟยทำไม่ดีกับกานต์ ก็เลยพาไปกินข้าวเป็นการขอโทษไง” ผมว่าเสียงอ่อน แต่การเบือนหน้าหนีหันไปทางอื่น


“เฟยขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยทำไม่ดีกับกานต์ เฟยยอมแล้วจะให้ทำอะไรก็ได้ แต่หายโกรธเฟยเถอะนะ” ผมว่า ส่วนกานต์แค่หันมามองผม เสยผมที่ปิดหน้าเขาไว้ก่อนจะหันหน้าทางอื่นอีกครั้ง

ผมหยุดพูดเพราะหวังกานต์จะพูดอะไรออกมาบ้างแต่เขาแค่ถอนหายใจเท่านั้น ผมมองเขาที่กำลังทำเป็นไม่สนใจอยู่ ผมต้องทำยังไงถึงกานต์ถึงจะพอใจ ที่ผ่านมาผมรู้ว่ามันยังดีไม่พอแต่ผมก็พยายามอยู่เขาน่าจะเห็นใจผมบ้าง

“ไหนกานต์ว่าอยากจะให้กานต์ทำตัวเป็นแฟนกับกานต์ไม่ใช่เหรอ” ผมเริ่มพูดอีกครั้ง


“เฟยกำลังตั้งใจทำอยู่ มันอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวกันบ้าง แต่ทำไมเหมือนว่าเฟยทำอยู่แค่ฝ่ายเดียว” ผมมองหน้ากานต์ที่ตอนนี้หันมามองผมแล้ว สายตาที่เขามองผมก็ดูอ่อนลง


“บางทีเฟยก็รู้สึกเหนื่อย” ผมพูดจบก็เดินมุ่งหน้าขึ้นตึกเรียนโดยไม่ได้หันมามองว่ากานต์มีปฏิกิริยาอย่างไร

*****
“มึงทะเลาะกับกานต์มาเหรอว่ะ” ปลายถามผมระหว่างที่กำลังเก็บของเตรียมกลับบ้าน


“อือ” ผมตอบ


“งั้นเย็นนี้ไปหาเบียร์เย็นๆกินกันดีกว่า” ผมส่ายหัวให้มันเพราะหลงนึกกว่ามันจะให้คำปรึกษาหรือพูดแสดงความเห็นใจกับผม


“ได้” แต่ผมก็ตอบตกลงมันโดยไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะเดินออกจากห้องเรียนไป เมื่อผมเดินออกมาพ้นประตูก็เจอกานต์ยืนรออยู่แล้ว พอกานต์เห็นผมเขาก็รีบเดินเข้ามาหา


“วันนี้ไปกินชาบูกันไหม” กานต์ยิ้ม


“คงไม่ได้วันนี้เฟยมีนัดกับพวกไอ้ปลายแล้ว” ผมพูดจบก็เดินผ่านกานต์ไปเลย


“เฟย” กานต์ดึงแขนเสื้อผมไว้


“มีอะไร” ผมหันมาหากานต์แต่ไม่ได้มองหน้าเขาเลย


“เฟย” กานต์ชื่อผมซ้ำเสียงอ่อน แต่พอผมไม่ได้พูดตอบอะไรกานต์เลยปล่อยมือที่จับแขนเสื้อผม จากนั้นผมก็เดินจากานต์อีกครั้งโดยไม่พูดอะไรเลย

   ตกเย็นผมไปกินเบียร์กับพวกไอ้ปลายตามที่ตกลงไว้ ร้านที่ผมไปก็เป็นร้านที่พวกผมไปประจำเวลาที่นัดกันไปดูบอลหรือเวลาที่อยากจะนั่งคุยกันเพราะร้านเป็นแบบเปิดโล่ง เลยไม่อึดอัดเหมาะแก่การนั่งชิลฟังเพลง จิบเบียร์ไปเรื่อยๆ แต่วันนี้ผมเน้นเป็นผู้ฟังเพราะไม่ค่อยมีอารมณ์อยากจะพูดสักเท่าไหร่

   “มึงยังไม่ได้เคลียร์กับกานต์อีกเหรอวะ” ไอ้ปลายหันมาถามผม


   “ทำไมวะ” ผมย้อมถามมันกลับ


   “ก็กูเห็นกานต์เมื่อตอนเย็น ดูหน้าจ๋อยๆ พอกูทักก็ยิ้มแหยๆมาให้” ปลายว่า ผมได้แต่ฟังไม่ได้ตอบอะไรมันไป แค่กระดกเบียร์ดื่ม

   ปกติเวลาผมมีเรื่องไม่สบายใจส่วนใหญ่ผมก็จะเราให้พวกมันฟังเพราะเราสนิทกันมากแต่สำหรับเรื่องนี้คงไม่ได้จริงๆ เพราะผมไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง แค่พวกมันไม่ว่าอะไรที่อยู่ดีดีผมก็มีแฟนเป็นผู้ชายผมก็รู้สึกโล่งใจมากแล้ว แต่จะให้ผมไปบอกว่าทั้งหมดที่เป็นแบบนี้เพราะกานต์ขู่ผมว่าจะปล่อยคลิปหากไม่ยอมตกลงคบกันเป็นแฟน คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

   ผมเริ่มมึนๆบ้างแล้ว จึงขอตัวกลับก่อน แต่ความจริงแล้วผมไม่ได้กลับบ้าน ผมตั้งใจจะไปหากานต์ เพราะอยากจะเคลียร์ปัญหาให้มันจบๆไป ผมขับรถมาไม่นานก็มาถึงหอของกานต์ พอผมจอดรถเรียบร้อยก็เดินมาที่ประตูทางเข้าพร้อมกับกดโทรศัพท์โทรออกหากานต์

   “ว่าไงเฟย” กานต์ทักผม


   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์เมื่อผมเงียบไม่ได้ตอบอะไรเขาไป


   “คืนนี้เฟยของค้างหอกานต์นะ” ผมบอก


   “ทำไมล่ะ” กานต์ถาม


   “เฟยอยู่ข้างล่างหอแล้ว ลงมาเปิดประตูให้เฟยหน่อย” ผมพูดต่อโดยไม่สนใจที่กานต์ถาม เขาเงียบคงจะกำลังคิดว่าผมจะทำอะไรถึงมาขอค้างที่หอคืนนี้


   “งั้นรอเราแป็บหนึ่งนะ” กานต์บอกผมก่อนจะกดวางสายไป

   ไม่นานกานต์ก็ลงมาเปิดประตูให้ผม เขาขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อเห็นว่าผมมีอาการมึนๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร กานต์เดินนำผมไปยังห้องเงียบๆโดยผมก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน

   “ตามสบายเลยนะ” กานต์หันมาบอกผมก่อนจะเดินเข้าห้องไป

   ผมเดินตามหลังกานต์เข้าห้อง ครั้งนี้จะนับเป็นครั้งที่สองก็ได้ที่ผมมาที่ห้องนี้ถึงแม้ว่าครั้งแรกผมจะจำอะไรไม่ค่อยได้ก็ตาม ผมมองไปรอบๆห้องระหว่างที่เดินมาที่โต๊ะจีนตัวเล็กที่ตั้งอยู่เยื้องๆกับเตียงนอน ห้องกานต์ไม่ได้ใหญ่มากนักแต่มีห้องน้ำในตัว แถมยังมีระเบียงเล็กอยู่ด้วย ข้างๆเตียงมีโต๊ะหนังสือซึ่งพอผมมองดีก็รู้สึกว่ากล้องที่ถ่ายผมคืนนั้นก็จะตั้งอยู่บนโต๊ะตัวนี้ แต่ตอนนี้มีเพียงโน้ตบุ๊กกับกองหนังสือวางอยู่

   “บอกที่บ้านแล้วหรือยังว่าจะมานอนห้องเรา” กานต์มองหน้าผมสีหน้าเป็นกังวลเล็กน้อย


   “บอกแล้ว” ผมตอบ


   “งั้นอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้หายมึน” กานต์พูดจบก็ลุกขึ้นไปค้นเอาผ้าขนหนู เสื้อ กางเกงและแปรงสีฟัน ออกมาให้ผมจากตู้เสื้อผ้า


   “โชคดียังเหลือแปรงสีฟันที่เราซื้อมาอยู่” กานต์ยื่นของทั้งหมดให้ผม

   ผมรับของแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป น้ำเย็นๆช่วงไล่อาการมึนไปได้บ้าง ผมใช้เวลาอาบน้ำไม่นานนัก พอออกมาผมก็เห็นกานต์นั่งเล่นโน้ตบุ๊กอยู่ ผมเดินผ่านกานต์มานั่งเช็ดหัวที่ปลายเตียง

   “ให้เราเช็ดหัวให้ไหม” กานต์หันมาถามผม ผมพยักหน้าแทนคำตอบ กานต์จึงหยิบผ้าขนหนูจากมือผมไปแล้วเริ่มต้นเช็ดหัวให้ผม


   “ขับรถทั้งที่เมาๆอย่างนี้ไม่ดีเลยนะ” กานต์บ่น ผมแค่ฟังอย่างเดียวไม่ได้ตอบอะไรทั้งที่ผมคิดว่าผมไม่ได้เมาอะไรแค่มึนๆเฉย แต่ยอมรับว่าไม่ดีที่ขับรถในสภาพที่ไม่พร้อมอย่างนี้


   “หิวข้าวหรือเปล่า” กานต์ถาม แต่มือเขายังคงขยี้ผมของผมไปเรื่อยๆ


   “เฟย ยังไม่หายโกรธเราเหรอ” กานต์ถามผมหลังจากที่ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาเลย


   “เรางี่เง่ามากไปเองแหละ” กานต์ว่า


   “เราขอโทษนะ” กานต์พูดก่อนจะเงียบไป

   หลังจากนั้นทั้งห้องก็มีแต่ความเงียบและความรู้สึกอึดอัด แต่ผมรู้สึกว่าครั้งนี้คนที่ปล่อยรังสีความอึมครึมก็คือผมไม่ใช่กานต์

   “ผมแห้งแล้ว เดี๋ยวเราเอาผ้าไปตากก่อนนะ” กานต์ว่าก่อนจะลุกออกไปที่ระเบียง ผมมองตามกานต์ไปแล้วก็ถอนหายใจเพราะรู้สึกโมโหตัวเองที่ทำตัวงี่เง่า ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะมาเคลียร์ปัญหาแต่ตัวผมเองกลับทำตัวเป็นปัญหาไม่ยอมพูดเสียเอง


   “ถ้าง่วงก็นอนก่อนได้เลยนะ หรือถ้าจะดูโทรทัศน์ รีโมตอยู่ตรงหัวเตียงนะ” กานต์ยิ้มเจื่อนๆให้ผม ก่อนจะหันไปหาโน้ตบุ๊ก ผมนั่งอยู่แบบนั้นสักพักแล้วก็ล้มตัวลงนอนมองดูกานต์แล้วก็หลับไป รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่กานต์เขย่าตัวปลุกผมในตอนเช้า

   “ตื่นได้แล้วเฟย” กานต์เรียกผม


   “อือ” ผมครางตอบ


   “ตื่นได้แล้วเฟย” กานต์ว่าพร้อมเขย่าตัวผม


   “ขออีกห้านาที” ผมบอกกานต์แล้วก็พลิกตัวคว่ำหน้านอนต่อ
*****

   การคัดตัวผู้ถือคฑาเดินนำขบวนสำหรับกีฬามหาวิทยาลัยปีนี้มาถึงแล้ว ผมเองในฐานะที่เป็นตัวแทนเมื่อปีที่แล้วจึงมีหน้าที่มาช่วยในการคัดเลือกและการซ้อมอย่างเลี่ยงไม่ได้ และนั่นทำให้ผมกลับมาเจอป๊อบอีกครั้ง เราต่างไม่ได้พูดคุยอะไรกันเพียงแค่ยิ้มทกทายกันเท่านั้น ผมหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้และสถานการณ์ที่จะก่อให้เกิดการสนทนา ส่วนป๊อบเองถึงแม้ว่าจะไม่ได้เมินผมไปเลยสักทีเดียวแต่เขาก็ระวังตัวไม่เข้ามาใกล้ผมเช่นกัน แต่ผมก็รู้สึกว่ามันดีแล้วที่เป็นอย่างนี้ เพราะอย่างน้อยกานต์ก็จะไม่ได้เอาป๊อบมาเป็นสาเหตุในการหาเรื่องผมอีก ซึ่งอันที่จริงผมต่างหากที่กำลังทำตัวมีปัญหาอยู่

   พอผมต้องมาใช้เวลาเกือบทุกเย็นมาฝึกซ้อมให้ผู้ถือคฑารุ่นใหม่ บางวันกานต์จึงต้องกลับบ้านเองอย่างเสียไม่ได้ และผมก็ยังไม่ได้ปรับความเข้าใจกับเขาเลย
   “กานต์วันนี้รีบกลับหรือเปล่า” ผมถามระหว่างที่เรากำลังกินข้าวกลางวันกันอยู่


   “ไม่ได้รีบไปไหนนะ” กานต์เงยหน้าขึ้นมามองผม


   “งั้นวันนี้รอเฟยได้ไหม เฟยจะได้ขับรถไปส่งกานต์ที่หอ” ผมว่า


   “ไม่ดีกว่า” กานต์ตอบแทบจะทันที ผมได้แต่มองหน้ากานต์อย่างเงียบๆ รู้สึกน้อยใจเล็กๆที่ถูกปฏิเสธ ผมเลยตั้งหน้าตั้งตากินข้าวโดยไม่พูดกับกานต์อีกเลย จนกว่าเขาจะรู้ตัวก็ระหว่างที่เรากำลังเดินกลับตึกเรียนกัน


   “เฟย รีบไปไหนเนี่ย” กานต์เรียกถามผมจากด้านหลังเพราะว่าผมเดินนำหน้าเขาอยู่ ผมได้ยินที่กานต์เรียกแต่ไม่ได้หยุดเดิน


   “เฟย” กานต์คว้ามือผมไว้ ผมเลยต้องหันไปหาเขาตามแรงดึก


   “เปล่า” ผมตอบแต่กานต์ยังคงจับมือผมอยู่


   “งอนอะไรเราเนี่ย” กานต์ถาม ส่วนผมแอบยิ้มในใจ


   “เฟย” กานต์เรียกผมเสียงอ่อน


   “ก็น้อยใจนิดหน่อย” ผมพูดเร็ว


   “น้อยใจเหรอ” กานต์ทวน


   “ก็กานต์ไม่เห็นจะสนใจเฟยเลย เมินเฟยตลอด อีกอย่างตั้งแต่เกิดเรื่องกานต์ไม่เห็นถามเฟยสักคำว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ผมว่า


   “แถมยังมาโกรธเฟยอีก” ผมเสริม


   “เราขอโทษที่งี่เง่าเรื่องที่เฟยพาไปกินข้าวที่บ้าน” กานต์ว่า


   “แต่เรื่องที่เฟยไปต่อยกับแก็ป เราไม่สนใจหรอกนะว่าเฟยจะเจ็บหรือเปล่า” กานต์เสริมเสียงดุ


   “ทำไม เพราะเฟยไปต่อยไอ้แก็ปใช่ไหมหรือว่าเพราะป๊อบ” ผมถาม


   “ไม่เกี่ยวกับป๊อบแล้วก็ไม่ใช่เพราะแก็ป แต่เป็นเพราะว่าเฟยไม่รู้จักระงับอารมณ์ตัวเอง คิดบ้างไหมเฟย ว่าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่มันไม่ดีกับตัวเฟยเองเลยนะ เราก็แค่เป็นห่วง” กานต์จบประโยคด้วยเสียงเบา แต่ผมได้ยิน


   “เป็นห่วงเฟยเหรอ” ผมยิ้ม พยายามมองตากานต์ที่ตอนนี้เบือนหน้าหนีผมอยู่


   “งั้นเย็นนี้กลับพร้อมเฟยนะ” ผมกลับมาเรื่องเดิมเมื่อเห็นโอกาส


   “ไม่” ผมอยากจะเอาหัวลงไปโขกกับพื้นเหลือเกินหลังจากฟังที่กานต์ตอบผม


   “ทำไม” ผมขมวดคิ้วใส่


   “ก็กว่าเฟยจะเลิกก็เย็น เฟยจะได้ตรงกลับบ้านไปเลยไม่ต้องแวะส่งเราที่หอไง” กานต์อธิบาย แต่ผมไม่อยากฟังเลยหมุนตัวหันหลังให้เขา


   “เฟย” กานต์เรียกผม พร้อมกับเอามือสอดเข้ามาที่มือของผมอีกครั้ง ผมเลยจับมือกานต์ไว้แน่นแล้วจึงหันหน้าไปหาเขา


   “นะกานต์” ผมขอเสียงอ้อน คิดว่ากานต์คงจะเห็นใจผมบ้าง แต่กานต์กลับทำหน้าลำบากใจแล้วก็ส่ายหน้า  ผมยังไม่ยอมแพ้จึงเบะปาก ทำหน้าจ๋อยกลับไป


   “ตกลงเฟย” กานต์กำลังกลั้นขำอยู่

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #133 เมื่อ14-11-2015 03:00:11 »

สุดท้ายตอนเย็นกานต์ก็ไปนั่งรอผมที่ข้างสนาม แต่เขาไม่ได้สนใจผมเลยเพราะมัวแต่คุยกับแบมอยู่
   “ดีกันแล้วเหรอว่ะ” อัพถาม ระหว่างที่ผมกำลังมองกานต์อยู่


   “ฝีมือใช่ไหมหล่ะ” ผมยักคิ้วใส่มัน

   พอซ้อมเสร็จผมก็เดินตรงไปหากานต์ทันที แต่เขาก็ยังคงมัวแต่คุยอยู่เลยไม่ได้สังเกตว่าผมนั่งลงที่ข้างๆตัวของเขาแล้ว ผมก็เลยได้แต่นั่งรอเงียบๆรอให้กานต์คุยเสร็จก่อน หลังจากนั้นเกือบสามสิบนาทีแบมก็ขอตัวกลับ กานต์ถึงได้หันมาหาผม

   “กลับกันเลยเนอะ” กานต์หันมาพูดกับผม


   “รอจนง่วงแล้วเนี่ย” ผมบ่น กานต์ส่ายหัวก่อนจะลุกขึ้นยืน แต่พอผมไม่ได้ลุกขึ้นตามเขาจึงหมุนตัวหันมาหาผม ผมเลยชูมือขึ้นหวังให้กานต์ช่วยดึงให้ผมลุกขึ้น กานต์ส่ายหัวอีกครั้งแต่ก็ยอมดึงผมให้ลุกขึ้น   
   ผมวนรถไปจอดยังลานจอดรถของหอกานต์ และนั่นทำให้กานต์หันมาทำหน้าสงสัยใส่ผม

   “จะขึ้นไปบนห้องก่อนเหรอ” กานต์ถาม ผมพยักจึงพยักหน้าเป็นคำตอบ


   “เราว่ารีบกลับดีกว่านะเฟย เดี๋ยวมันจะดึก” กานต์พูดต่อ


   “ไม่รีบหรอก เพราะคืนนี้เฟยจะค้างที่หอกานต์ไง” ผมยิ้มให้เขา และกานต์ส่ายหัวอีกครั้งแล้วก็เดินลงจากรถเดินนำผมเข้าหอไป

   พอเข้าห้องผมก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับเตียงทันที ผมเอาหน้าขยี้กับหมอนสักพักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นกานต์กำลังวางกระเป๋าตังค์บนโต๊ะข้างๆเตียงที่มีโน๊คบุ๊กวางอยู่ เมื่อกานต์เห็นผมมองอยู่เขาจึงค่อยๆนั่งลงข้างๆผม

   “จะลงไปกินข้าวก่อนหรือว่าจะอาบน้ำก่อน” กานต์ถามผม ระหว่างที่ผมกำลังพลิกตัวนอนหงายผมไม่ได้ตอบอะไรแต่ใช้มือข้างซ้ายซึ่งอยู่ฝั่งเดียวกับที่กานต์นั่งจับมือขวาของกานต์มากุมไว้ตรงหน้าอก


   “ว่าไงเฟย” กานต์ถามผมอีกครั้ง


   “กินข้าวก่อนดีกว่า” ผมใช้มืออีกข้างยังตัวขึ้นโดยที่มือซ้ายยังคงจับมือกานต์อยู่ ผมค่อยๆเลื่อนตัวเข้าใกล้กานต์ หน้าผมเข้าใกล้เขามากขึ้นๆ กานต์ขมวดคิ้วใส่ผมก่อนจะดึงมือของเขาออกล้วลุกขึ้นยืน


   “ลุกขึ้นเร็ว” กานต์ว่าแล้วเดินไปยังประตูห้อง ผมจึงต้องรีบลุกตามไป

   หลังจากกินข้าวเสร็จ เราก็ขึ้นห้องแล้วก็อาบน้ำ เวลาก็ล่วงไปถึงห้าทุ่มกว่าๆแล้ว ผมนอนอยู่บนเตียงส่วนกานต์นั่งดูโทรทัศน์อยู่พื้นตรงปลายเตียง โดยที่หลังของกานต์พิงเตียงอยู่ ผมเลยเปลี่ยนท่าหันหัวไปทางกานต์แทนก่อนจะขยับเข้าไปใกล้ๆกานต์อีกครั้ง ผมนอนคว่ำตัวแต่ตั้งหัวขึ้นเพื่อมองดูโทรทัศน์ สลับกับมองกานต์ ผมทำแบบนี้สักพักจนกานต์ทักผม

   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ถาม


   “เปล่า” ผมตอบ

   พอหนังที่ดูจบกานต์ก็ลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำส่วนผมก็เปลี่ยนมานอนปกติเหมือนเดิม พอกานต์เดินกลับมาก็เดินมาขึ้นเตียงนอนเลย

   “ปิดไฟเลยนะ” กานต์ถามผม


   “อือ” ผมตอบ

   พอกานต์ดับไฟเสร็จ ทั้งห้องก็มืดสนิท ผมต้องใช้เวลาสักพักกว่าสายตาจะชินกับความมืด และแสงไฟจากข้างนอกที่เล็ดลอดผ้าม่านเข้ามาทำให้ผมพอมองเห็นบ้าง กานต์ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะนิ่งไป ผมพลิกตัวไปทางกานต์แต่เขานอนหันหลังให้ผม ไม่รู้ว่าเขาหลับไปแล้วหรือยัง

   “กานต์หลับแล้วหรือยัง” ผมลองหยั่งเชิงถาม


   “ว่าไง” กานต์ตอบ


   “เฟยขอถามอะไรหน่อยได้หรือเปล่า” ผมถาม


   “ได้สิ” กานต์อนุญาต


   “ไอ้แก็ปมันเป็นเพื่อนสนิทของกานต์เหรอ” ผมเริ่ม


   “เปล่า แค่จบจากโรงเรียนเดียวกันเฉยๆ” กานต์ตอบ


   “แล้วทำไมมันชอบเข้ามาคุยกับกานต์บ่อยๆ” ผมถามต่อ


   “ก็ไม่เห็นแปลกนี่ ก็ทักทายกันปกติ” กานต์ตอบ แต่ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ เพราะผมเคยเห็นไอ้แก็ปลูบหัวกานต์ด้วย ผมรู้สึกว่าแค่ทักทายไม่เห็นจำเป็นจะต้องลูบหัวเลย


   “แล้วกานต์มีเพื่อนมาเรียนที่นี่บ้างไหม” ผมเปลี่ยนเรื่อง


   “ไม่มีเลย เพื่อนเราพากันหนีไปต่างจังหวัดกันหมด” กานต์ตอบ แต่ยังคงหันหลังให้ผมเหมือนเดิม


   “แล้วกานต์ไม่อยากตามเพื่อนไปเหรอ” ผมถามต่อ


   “ก็อยากอยู่นะ แต่พอดีมีเรื่องบางอย่างต้องทำที่นี่” กานต์ว่า


   “เรื่องอะไรเหรอ” ผมสงสัย


   “ขอไม่ตอบแล้วกันเนอะ” กานต์ว่า ก็เป็นอันว่าหัวข้อนี้ต้องเป็นอันจบไป


   “งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า” ผมบอกกานต์


   “อือ” กานต์ว่า


   “กานต์ชอบไอ้แก็ปหรือเปล่า” ผมถามพยามยามทำให้น้ำเสียงดูเหมือนถามคำถามทั่วไป แต่กานต์เงียบไปหลังจากที่ผมถามสักพัก


   “ไม่ได้ชอบนะ” กานต์ตอบ


   “แล้วไอ้แก็ปมันมาจีบกานต์หรือเปล่า” ผมถามเพราะแค่อยากรู้ แต่ไม่ได้อยากให้ไอ้แก็ปมาชอบกานต์หรือให้กานต์ไปชอบไอ้แก็ปหรอก ทั้งๆที่มันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่าสำหรับเรื่องที่เป็นอยู่ แต่ผมไม่ได้อยากให้เป็นไอ้แก็ป ไม่รู้ทำไม ผมรู้แค่ว่าผมไม่ชอบมัน


   “เปล่านะ” กานต์ตอบ


   “แล้วกานต์ชอบคนแบบไหนเหรอ” ผมถามต่อ


   “อือ ไม่รู้เหมือนกัน” กานต์ว่า


   “แล้วคนที่กานต์เคยคบหล่ะ” ผมถาม


   “เราไม่เคยมีแฟน” กานต์ตอบทันทีที่ผมถามจบ


   “เหรอ” ผมว่า


   “แล้วกานต์ชอบเฟยบ้างแล้วหรือยัง” ผมถามทั้งๆที่รู้ว่ายังไงคำตอบก็คือ “ไม่” เพราะว่าหากกานต์ตอบว่า “ชอบ” หรือ “รัก” ทุกอย่างก็จะจบ ตามที่กานต์บอกไว้ ผมเคยแอบคิดว่าเขาอาจจะชอบผมแล้วหรือไม่ก็แอบชอบผมตั้งแต่แรก  หรือกานต์อาจจะไม่ได้ชอบผมเลยตามที่เขาแสดงออกมาในเวลาปกติ  แต่สุดท้ายหลังจากที่ผมถามกานต์ไป เขาก็ไม่ได้ตอบผม ผมจึงถือว่าเป็นอันสิ้นสุดการสนทนาสำหรับคืนนี้

   ผมยังคงนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาแผ่นหลังของกานต์อยู่โดยไม่รู้เลยว่าเขาหลับไปแล้วหรือยัง ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ๆกานต์ ก่อนจะยกแขนขวาผาดข้ามตัวกานต์ไปแล้วค่อยๆลดระดับลง หวังที่จะลองกอดกานต์ดูบ้าง กอดในแบบที่ไม่ใช่ที่ผมทำตอนที่พากานต์ไปหัวหิน แต่พอแขนของผมค่อยๆลดระดับลงจนเกือบจะถึงตัวกานต์ ผมก็หยุดแขนผมไว้อย่างนั้น ก่อนจะยอมแพ้ชักแขนกลับมา แล้วก็พลิกตัวนอนหงาย ผมพยายามที่จะทำแล้วแต่ก็ยังทำไม่ได้ มันคงจะต้องใช้เวลาหรือไม่ก็คงต้องหาวิธีอื่น

*****
“เฟยวันนี้เราต้องรีบกลับนะคงไปรอเฟยซ้อมไม่ได้” กานต์บอกผมระหว่างทางมามหาลัย


   “อ้าว” ผมว่า


   “เราต้องรีบกลับไปแก้งาน ต้องส่งวันพรุ่งนี้แล้ว” กานต์ถอนหายใจ


   “อันที่จริงแก้มาสองวันแล้วแต่ยังไม่เสร็จเลย” กานต์เสริม


   “ให้เฟยไปช่วยไหม” ผมเสนอตัว


   “ใจดีมากเลยเฟย แตไม่เป็นไร ขอบคุณนะ” กานต์ว่า


   “เหรอ” ผมว่า

   แต่พอหลังจากผมช่วยซ้อมคฑากรตอนเย็นเสร็จ ผมก็ขับรถตรงไปหอกานต์ทันที เมื่อไปถึงหอกานต์เขาก็ลงมานับโดยที่หัวยุ่งๆเหมือนคนเพิ่งจะตื่นนอน

   “เฟยมากวนหรือเปล่า” ผมถามระหว่างเดินตามกานต์ไปยังหอของเขา


   “เปล่าไม่ได้กวน ที่หัวยุ่งๆเนี่ยเราแค่เผลอหลับไป” กานต์หันมายิ้มให้ผม

   พอเราทั้งคู่เดินเข้าห้อง กานต์ก็เดินตรงไปทำงานที่โต๊ะเขียนหนังสือทันที ส่วนผมก็ลงนอนที่เตียงข้างๆกานต์

   “เราขอทำงานอีกแป๊บหนึ่งเดียวลงไปหาอะไรกินกัน” กานต์หันมาพูดกับผม
   ผมมาถึงห้องกานต์ตอนประมาณหกโมงเย็น แต่ตอนนี้เกือบจะสามทุ่มแล้วกานต์ก็ยังคงนั่งทำงานอยู่

   “กานต์” ผมเรียก


   “แป๊บหนึ่งนะเฟย ขออีกนิดเดียว” กานต์ตอบผมแต่ตายังคงจ้องแต่โน๊ตบุ๊ก


   “เอาอย่างนี้เดี๋ยวเฟยช่วย” ผมพูดจบก็หยิบเอกสารที่กานต์ใช้ประกอบในการทำงานมาดู


   “เฟย ไม่เป็นไร” กานต์ร้อง พร้อมกับเอื้อมมือจะเอาเอกสารคืนจากผม แต่ผมโยกตัวหลบด้วยความรวดเร็ว


   “เดี๋ยวเฟยช่วย” ผมลุกขึ้นจากเตียงเพราะกานต์กำลังลงมาที่เตียงเพื่อจะแย่งเอกสารไปจากมือผม


   “เฟยเอาคืนมา” กานต์ไม่พูดเปล่า แต่กระโจนใส่ผมและพยายามแย่งเอกสารคืน แต่ผมก็สามารถหลบจากการจับกุมของกานต์ได้อีกครั้ง


   “เฟย” กานต์ทำเสียงดุ คิ้วขมวดชนกัน ทำให้ผมรู้ตัวว่าเวลาเล่นหมดลงแล้ว เพราะกานต์คงจะกำลังโมโหอยู่ ผมจึงต้องยื่นเอกสารคืนให้แต่โดยดี

   พอกานต์ได้เอกสารไปก็รีบกลับไปนั่งที่ตกทำงานต่อทันที ส่วนผมได้แต่นั่งเงียบๆอยู่บนเตียงเพราะรู้ตัวว่าโดนโกรธเข้าให้แล้ว

   ผ่านไป 20 นาทีกานต์ก็ปิดโน้ตบุ๊ก เป็นสัญญาณว่ากานต์ทำงานเสร็จแล้ว

   “เฟย” กานต์เรียก


   “ครับ” ผมตอบ ไม่แน่ใจว่ากานต์หายโกรธผมแล้วหรือยัง


   “ขอโทษนะที่ทำให้รอนาน” กานต์ยิ้มให้ผม ผมจึงส่งยิ้มกลับไปให้ และรู้สึกโล่งใจว่าเขาหายโกรธผมแล้ว


   “แต่อย่าทำอย่างนั้นอีกนะเฟย” กานต์บอกผมเสียงเข้ม


   “ขอโทษครับ” ผมพูดเสียงอ่อย พร้อมทำหน้าสำนึกผิดหวังให้กานต์เห็นใจ แต่กานต์ทำหน้าอ่อนใจและส่ายหัวแค่นั้น


   “ไปหาอะไรกินดีกว่า เราหิวแล้ว” กานต์ชวน

   วันนี้เราเลือกเป็นร้านอาหารตามสั่งที่ตั้งอยู่ริมทางเท้าใกล้ๆหอกานต์ และกานต์คงจะหิวมากจริงๆเพราะสั่งอาหารมาหลายอย่างมาก กานต์มีสีหน้าที่ดูขึ้นคงจะเป็นเพราะว่าแก้งานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมไม่รู้ว่ากานต์มีปัญหาเรื่องการเรียนมากน้อยแค่ไหน แต่จากตอนที่ผมแหย่กานต์ก็พอจะบอกได้แค่ว่าเขาค่อนข้างจะเป็นคนจริงจังกับการเรียนในระดับหนึ่ง แต่กานต์ไม่เคยเล่าเรื่องปัญหาการเรียนให้ฟัง จริงๆแล้วกานต์แทบจะไม่เราเรื่องของเขาให้ผมฟังเลย ส่วนใหญ่เวลาอยู่ด้วยกันถ้าไม่คุยเรื่องทั่วไป ก็คุยถึงสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่ในเวลานั้น หรือไม่ก็ต่างคนต่างเงียบ

   ผมเองก็เพิ่งจะรู้สึกว่าหิวมากเหมือนกันก็ตอนที่อาหารทยอยมาเสิร์ฟ เราทั้งคู่ลงมือกินโดยไม่ได้พูดอะไรกันอีก จนผมหยุดกินน้ำก็เห็นว่ากานต์กำลังนั่งมองผมอยู่

   “มีอะไรติดหน้าเฟยหรือเปล่า” ผมถาม


   “เราขอโทษนะที่ปล่อยให้ต้องรอจนหิว” กานต์บอกผม


   “ไม่เป็นไร” ผมตอบแล้วเริ่มกินต่อ

   หลังจากกินข้าวเสร็จผมก็เดินตามกานต์เข้าร้านสะดวกซื้อ กานต์แยกออกไปหยิบของอีกโซนหนึ่ง ส่วนผมยืนจ้องตู้ไอศกรีมอยู่ ในจังหวะที่กำลังยืนตัดสินใจว่าจะเลือกกินรสไหนดี กานต์ก็มาสะกิดไหล่ผม ผมเลยยกเลิกการกินไอศกรีมและเดินตามกานต์ไป

   “ขับรถกลับดีดีนะ” กานต์บอกลาผมเมื่อเดินกลับมาถึงหน้าหอ แต่ผมส่ายหัวให้กานต์


   “จะขึ้นหอก่อนเหรอ แต่นี่ก็ดึกมากแล้วนะ” กานต์ยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา


   “ใครบอกว่าเฟยจะกลับ คืนนี้เฟยจะนอนค้างที่หอกานต์” ผมยิ้ม


   “เฟยมาค้างหอเราบ่อยไปแล้วนะช่วงนี้” กานต์มองผมอย่างสงสัย ผมเลยคว้ามือกานต์เพื่อเดินเข้าหอ เขาเลยต้องเดินตามผมมาตามแรงดึงแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร

   หลังจากกานต์อายน้ำเสร็จ ผมก็เข้าไปอาบน้ำต่อ ผมออกจากห้องน้ำในสภาพที่ถอดเสื้อ มือข้างหนึ่งถือผ้าขนหนูไว้ มีเสื้อยืนสำหรับใส่นอนผาดอยู่บนบ่า ผมเดินตรงเข้าไปหากานต์ที่นั่งขยี้ผมอยู่บนพื้นตรงปลายเตียง

   “เช็ดหัวให้เฟยหน่อย” ผมพูดพร้อมกับยื่นผ้าขนหนูไปให้


   “ได้สิ นั่งลง” กานต์ว่า ก่อนจะลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ส่วนผมก็นั่งลงตามที่กานต์บอกแต่หันหน้าเข้าหากานต์


   “ทำไมไม่หันหลังหละ แล้วเราจะเช็ดหัวได้ยังไง” กานต์ว่า


   “เช็ดได้สิ ไม่เป็นไรหรอก” พอเห็นว่าผมพูดอย่างนั้น กานต์ก็เลยเอาผ้าขนหนูคลุมหัวผมแล้วเริ่มขยี้หัวผมเบาๆ มือของกานต์ค่อยๆคลึงไปทั่วหัวของผม จากด้านหลังไปด้านบนและค่อยขยับมาด้านหน้า สลับกันไป ผมยอมรับว่าผมรู้สึกดีมาก  ทั้งๆที่ปกติไม่ค่อยชอบให้ใครมาจับหัวก็เลยไม่เคยรู้ว่าเวลาที่มีคนมาเช็ดหัวให้จะรู้สึกอย่างไร แต่พอผมได้มาลองแล้วผมอย่างจะล้มตัวนอนลงไปเลย


   “พอแล้วเหรอ” ผมถามกานต์ เมื่อเขาหยุดและเอาผ้าขนหนูออกจากหัวของผม


   “ก็แห้งแล้วนะ” กานต์บอก


   “ยังเลย นี่ยังชื้นๆอยู่เลย” ผมสางผมด้านหน้าให้กานต์ดู กานต์เลยนั่งลงแล้วค่อยๆใช้มือสางไปตามเส้นผม

   เมื่อผมของผมแห้งแล้วกานต์ก็ลุกเดินไปที่ระเบียงเพื่อเอาผ้าขนหนูไปตาก ผมไม่รอช้ารีบเดินตามไป ก็เห็นกานต์กำลังหันหลังให้ผมอยู่ ผมค่อยเดินเข้าไปใกล้ๆ

   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ผมทั้งๆที่ยังหันหลังให้ผมอยู่


   “เปล่า” ผมบอก สงสัยว่าทำไมกานต์ถึงรู้ตัวทั้งๆที่กำลังหันหลังแถบยังมัวแต่ตากผ้าขนหนูอยู่อีกต่างหาก


   “แล้วทำไมยังไม่ใส่เสื้ออีก” กานต์ถาม หลังจากที่หันหน้ามาหาผม ผมเลยรีบวิ่งไปหยิบเสื้อที่เตียงมาใส่ แต่พอจะวิ่งกลับไปที่ระเบียงกานต์ก็เดินเข้ามาในห้องแล้ว


   “มีอะไรหรือเปล่าเฟย” กานต์ถามผมอีกครั้ง


   “ทำตัวแปลกๆนะ” กานต์เสริม แถมยังมองผมไม่วางตาในระหว่างที่กำลังเดินไปนุ่งที่ปลายเตียงเพื่อดูโทรทัศน์

   ผมทำตัวแปลกอย่างที่กานต์ว่านั่นแหละ แต่เป็นเพราะผมแค่อยากให้กานต์สัมผัสตัวผมบ้าง อันที่จริงผมอยากที่จะสัมผัสตัวกานต์มากกว่า เหตุผลก็เพราะว่าไอ้ความไม่กล้าในคืนนั้นที่มันค้างคาใจผมอยู่ ทั้งๆที่ผมรู้สึกว่าอะไรๆมันเริ่มดีขึ้นมากแล้ว แต่ผมก็ยังไม่สามารถที่จะกอดกานต์ได้ เลยอยากให้กานต์เป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่ไม่รู้ว่าจะพูดกับกานต์ว่าอย่างไร กลัวว่าถ้าขอกานต์ไปแล้วและไม่กล้ากอดหรือทำให้กานต์โกรธขึ้นมาอีก ผมอาจจะต้องกลับไปสู่บรรยากาศอึมครึมอีกครั้งซึ่งผมไม่อยาก

   “กานต์” ผมเรียกก่อนจะนั่งลงข้างๆเขา


   “ว่า” กานต์หันมาหาผมสีหน้าเป็นกังวล


   “เฟยเป็นอะไรหรือเปล่า” กานต์ถาม


   “กอดเฟยหน่อยสิ” ผมบอก กานต์ชงักไปนิดหนึ่งหลังผมพูดจบ


   “ทำไมหละ” กานต์ถาม


   “ก็เฟยอยากให้กานต์กอด” ผมโครตจะรู้สึกอายเลยที่ขอไปอย่างนั้น


   “แค่กอด” ผมเสริม


   “รู้แล้ว แค่กอด” กานต์ทวนคำผมก่อนจะขยับเข้ามาใกล้ๆผม เขาสอดแขนทั้งสองข้างผ่านช่องระหว่างแขนกับตัวผมไป กานต์กระชับตัวเข้ามาใกล้มาขึ้น เขาวางมือทั้งสองของเขาไปที่แผ่นหลังของผม ส่วนคางเกยอยู่ที่ไหล่ข้างขวา และมือของผมวางไว้ที่บริเวณสะโพกของกานต์ ตัวของกานต์ยังนิ่มเหมือนครั้งนั้นที่เขาโผเข้ากอดผมตอนที่อยู่ที่สถานีตำรวจ ไม่ได้นิ่มขนาดตัวของผู้หญิงแต่ก็ไม่ได้แข็งเหมือนของผม ผมกดจมูกลงที่ไหล่ของเขาได้กลิ่นของสบู่อ่อนๆ กลิ่นที่เหมือนกับของผม มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังดมตัวเองอยู่มากกว่า


   “เป็นยังไงบ้าง” กานต์ถามขึ้น หลังจากเงียบกันไปพักใหญ่ๆ


   “รู้สึกแปลกๆ” ผมตอบออกไปตามความรู้สึกจริงๆ เพราะว่าไม่ได้รู้ดีแต่ก็ไม่ได้รู้แย่ แต่แค่รู้สึกว่าทำไมต้องมาทำอะไรอย่างนี้ รู้สึกว่าตัวเองฝืนใจที่จะทำ กานต์ยิ้มเจื่อนๆให้ผมก่อนจะหันหน้าไปสนใจโทรทัศน์เหมือนว่าเมื่อสักครู่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

*****
   
หลังจากวันนั้นผมก็ยังไม่ได้ไปค้างที่หอกานต์อีก เพราะว่ายังคงสับสนกับตัวเอง ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกยังไงกันแน่เลยอยากจะรอลองเว้นระยะจากานต์ดูบ้างแต่ยังคงไปรับและส่งกานต์เหมือนเดิม กานต์เองก็ไม่ได้ว่าอะไรหรือโกรธที่ผมตอบไปว่า ”รู้สึกแปลกๆ” ผมไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกให้กานต์ฟังว่าอย่างไรดี ผมอยากอธิบายให้เขาฟังมากกว่านี้ แต่ผมเองก็ยังบอกตัวเองไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร ก็เลยจนปัญญาที่จะอธิบายออกไปจริงๆ

   กานต์ดูเงียบๆไปเหมือนว่ากำลังคิดอะไรอยู่ เพราะผมสังเกตว่าเวลาที่เขารอผมซ้อมตอนช่วงเย็นกานต์มักจะมองไปไกลๆ แม้กระทั่งเวลาที่กำลังคุยกับผมอยู่ จนผมคิดว่าเขาโกรธผมแล้วแน่ๆ แต่พอชวนไปไหนหรือหาอะไรกินกานต์ก็ดูตอบรับผมดีและไม่มีบรรยากาศอึมครึม

   “เป็นอะไรเฟย” ไหมถามผมระหว่างที่นั่งกันอยู่ที่โซฟาหน้าโทรทัศน์


   “ทำไมเหรอ หน้าเฟยดูเหมือนว่าเป็นอะไร” ผมย้อนไหม


   “เฟย” ไหมดุ


   “ก็แค่งงอะไรนิดหน่อย” ผมบอก


   “งงเหรอ?” ไหมทำหน้าเหมือนรู้อะไรบางอย่าง


   “ลองกลับไปทำซ้ำดูสิเดี๋ยวก็ได้คำตอบเองแหละ” ไหมว่า


   “แต่ถ้ามันไม่เวิร์คก็คงต้องเลิก” ไหมเสริมพร้อมกับพยักหน้าก่อนจะลุกเดินหนีไป

*****

   ช่วงบ่ายวันเสาร์หลังจากที่ผมช่วยซ้อมเสร็จ ผมก็แวะไปหากานต์ที่หอ ผมตกลงกับกานต์ไว้ก่อนแล้ว่าเย็นนี้จะไปกินชาบูกัน แล้วคืนนี้ผมจะค้างที่หอกานต์ แต่เรื่องหลังนี้ผมยังไม่ได้บอกกานต์

   ผมนอนกลิ้งอยู่บนเตียง ในระหว่างที่กานต์นั่งคิ้วขมวดทำงานอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นตรงปลายเตียง

   “หิวไหม เดี๋ยวเราลงไปซื้อขนมให้กินดีกว่า” กานต์หันมาพูดกับผม


   “ไม่เป็นไร” ผมปฏิเสธ แต่กานต์ไม่ได้ฟังผมเลยเพราะตอนนี้เขาเดินลุกขึ้นไปที่หน้าประตูแล้ว


   “งั้นเฟยไปด้วย” ผมลุกขึ้นจะเดินตามไป


   “ไม่เป็นไร เฟยรออยู่นี่แหละ” กานต์ยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป

   ผมถูกทิ้งให้อยู่ในห้องตามลำพัง ผมก็เลยกลับลงไปนอนกลิ้งกับเตียงเหมือนเดิม ผมมองไปรอบๆแล้วสายตาผมก็ไปสะดุดเข้ากับโน้ตบุ๊กของกานต์ที่เปิดค้างทิ้งไว้ มันทำให้ผมนึกถึงคลิปวิดีโอนั้นและผมต้องลบมันทิ้งซะ ไวเท่าความคิดผมเคลื่อนตัวลงจากเตียงไปที่โน้ตบุ๊กและเริ่มค้นหาตามโฟลเดอร์ต่างๆ ผมใช้เวลาไม่นานนักก็เจอคลิปวิดีโอที่ตามหา ผมเริ่มโหลดโปรแกรมลบไฟล์อย่างถาวรมาก่อน โปรแกรมใช้เวลาโหลดไม่นานมากนักแต่มันก็นานมากจนผมแทบจะรอไม่ไหว ระหว่างที่รอโหลดโปรแกรมอยู่นั้นผมก็ลองหาดูว่ากานต์ได้ทำสำเนาวิดีโอนี้เก็บไว้ที่ไหนอีกหรือไม่ แต่ก็ไม่เจอสำเนาของวิดีโอนี้เลย และโปรแกรมก็โหลดเสร็จพอดี ผมไม่รอช้ารีบกดลบไฟล์ทันทีก่อนจะทำการถอนการติดตั้งโปรแกรมลบไฟล์ถาวรออก แต่ในระหว่างที่ผมกำลังลุกขึ้นจากพื้นขึ้นไปบนเตียง ผมก็หันไปเห็นกานต์ยืนอยู่ที่หน้าประตูกำลังยืนจ้องผมอยู่

   “อ้าว ทำไมไม่ได้ซื้อขนมมาหละ?” ผมถาม พยายามทำตัวให้เป็นปกติมากที่สุด เพราะไม่รู้ว่ากานต์เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน


   “เฟยทำอะไร” กานต์เดินเข้ามาหาผม


   “ก็ช่วยดูงานของกานต์ให้ไง” ผมขยับมานั่งตรงปลายเตียง


   “แต่งานเราไม่ได้อยู่ในโฟลเดอร์นี้” กานต์ชี้นิ้วไปที่หน้าจอโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างอยู่ ซึ่งเป็นหน้าโฟลเดอร์ที่ผมลืมปิด


   “เฟยลบคลิปวิดีโออันนั้นไปแล้วเหรอ” กานต์หันมาพูดกับผมหลังจากค้นไฟล์ในโน้ตบุ๊กสักพัก


   “มันสำคัญยังไงกานต์ ก็เฟยกับกานต์ก็เป็นแฟนกันแล้วไง” ผมถาม


   “แล้วถ้ามันไม่สำคัญเฟยจะลบทำไม” กานต์เริ่มพูดเสียงดัง คงด้วยโมโห


   “อ๋อ” กานต์พูดเหมือนว่าเข้าใจอะไรบางอย่าง


   “เฟยทำทุกอย่างก็เพื่อวันนี้ใช่ไหม” กานต์มองหน้าผม


   “มาค้างหอเราเพราะรอจังหวะจะลบคลิปใช่ไหม” กานต์เสริม


   “ไม่ใช่นะกานต์” ผมบอก แต่กานต์ไม่ได้สนใจที่ผมพูดเลย


   “ถ้าไม่ใช่แล้วลบคลิปทำไม” กานต์เน้นทุกคำที่พูดออกมา


   “เราคิดว่าเฟยจะเปลี่ยนไปแล้ว แต่เฟยก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่รักษาสัญญา” กานต์ว่า ผมก็เริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน


   “หลอกกันได้ยังไง ไม่เคยคิดจะพยายามทำอะไรให้มันดีขึ้นเลยใช่ไหม” กานต์ยังคงพูดต่อไป


   “เฟยเหรอไม่พยายาม แล้วที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร” ผมเสียงดังใส่กานต์บ้าง


   “ใช่พยายามมากเลย พยายามมาลบคลิปจากโน้ตบุ๊กเรานะ” กานต์ประชด


   “แล้วจะให้เฟยทำยังไงในเมื่อเฟยไม่ได้รักกานต์เลย” ผมว่า กานต์จ้องหน้าผมตาเริ่มแดง


   “แล้วจะยอมตกลงเป็นแฟนกับเราทำไม” กานต์ถาม ผมเงียบไม่ตอบอะรพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่


   “เราไม่ยอมหรอกนะเฟย” กานต์ว่า


   “แล้วกานต์จะให้เฟยทำยังไง” ผมถามเสียงเข้ม เหมือนเดิมกานต์ก็ยังไม่ฟังที่ผมพูด เขาลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมเตียงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ


   “หึ เฟยคิดเหรอว่าเราจะเก็บคลิปไว้ที่ในโน้ตบุ๊กที่เดียว” กานต์พูดระหว่างที่เดินไปที่โต๊ะเขียนหนังสือ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ก่อนจะหันหน้าจอที่มีคลิปวิดีโอกำลังเล่นอยู่หันมาทางผม ผมพุ่งเข้าใส่กานต์เพื่อแย่งโทรศัพท์จากมือกานต์

   ผมแย่งโทรศัพท์จากานต์มาได้สำเร็จ แต่กานต์ยังไม่ยอมแพ้ เขาเอาตัวกระแทกผมลงบนเตียง และพยายามแกะมือผมออกจากโทรศัพท์ของเขา

   “ปล่อยนะเฟย” กานต์ว่า ก่อนที่โทรศัพท์จะลื่นหลุดออกจากมือผมเพราะเหงื่อ กานต์ไวกว่าจึงคว้าโทรศัพท์ไว้ได้ก่อน เขากระโดดลงจากเตียงและวิ่งไปที่ประตู ผมกระโจนตามไปแล้วใช้แขนล็อกคอกานต์จากด้านหลัง กานต์พยามยามใช้มือที่ไม่ได้ถือโทรศัพท์แกะแขนของผมออก ส่วนอีกมือนั้นพยายามหลบมือของผมที่พยายามคว้าโทรศัพท์อยู่ กานต์พยายามดิ้นจนหลุดออกจากแขนของผมที่ล็อกคอเขาได้สำเร็จ แต่ยังโดนผมจับแขนไว้อยู่หนึ่งข้าง

   ผมคว้าโทรศัพท์ได้แต่กานต์ยังคงจับโทรศัพท์ไว้อยู่เหมือนกัน ผมพยายามดึงกานต์ก็เช่นกันแต่กานต์ใช้มืออีกข้างจิกเล็บลงบนมือผม เพราะความเจ็บผมจึงเหวี่ยงมือออกไปและนั่นส่งผลให้กานต์ปลิวไปพร้อมกับโทรศัพท์ที่อยู่ในมือข้างซ้าย ก่อนจะล้มลงโดยใช้มือขวาท้าวลงกับพื้นก่อนที่ตัวจะถึงพื้น

   “กานต์” ผมชงักเพราะเห็นกานต์ทำหน้าเจ็บตอนตัวกระแทกลงกับพื้น

       
        “พอกันทีเฟย เราปล่อยคลิปแน่” กานต์ว่าเสียงดัง


   “เออ อยากจะทำอะไรก็ทำ” ผมตะโกนใส่กานต์ ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วก็เดินออกจากห้องของกานต์ไป








ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ yanggi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #134 เมื่อ14-11-2015 03:02:57 »

หวานซะงั้น  :katai1:

ออฟไลน์ love AJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-2
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #135 เมื่อ14-11-2015 04:02:53 »

 :z3: :z3: :z3:


ค้างงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


มาต่อตอนต่อไปเร็วๆได้ไหม???

ออฟไลน์ mefayysuju

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #136 เมื่อ14-11-2015 09:52:49 »

แย่ลงไปอีก... มาต่อเร็วๆนะ ;-;

ออฟไลน์ GuoJeng

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1268
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +44/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #137 เมื่อ14-11-2015 11:16:06 »

             อ้าาาาา ค้างมากๆ มาต่อตอนใหม่เร็วๆนะคับ อยากอ่าน อยากอ่านต่อ

ออฟไลน์ Pawaree

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 432
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-2
    • FANPAGE
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #138 เมื่อ14-11-2015 13:25:40 »

ค้างมาก มาต่อเร็วๆนะ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #139 เมื่อ14-11-2015 14:33:21 »

ลุ้นต่อไปว่ากานจะปล่อยอะไร
ระหว่างปล่อยคลิปกับปล่อยเฟย

มาต่อเร็วๆนะ มันค้างมากมายก่ายกอง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
« ตอบ #139 เมื่อ: 14-11-2015 14:33:21 »





ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #140 เมื่อ14-11-2015 14:58:48 »

เป็นเรื่องที่อ่านแล้วเดาตอนต่อไปไม่ถูก
55555555

บวกเป็ดเป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ analogue

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-3
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #141 เมื่อ15-01-2016 22:46:24 »

รออยู่นะครับ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #142 เมื่อ15-01-2016 23:24:14 »

มาต่อเถอะนะ

ออฟไลน์ frainnee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 9
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #143 เมื่อ16-01-2016 00:26:55 »

เอะอะก็เอาคลิปมาขู่ เอาจิงๆถ้าเป็นเราคงรักได้ไม่สนิทใจหรอก กานต์จะมีเหตุผลอะไรก็ตามแต่วิธีนี้ไม่ดีเลย ความรู้สึกของเฟยเลยก้ำกึ่ง มันไม่สุด เพราะจุดเริ่มต้นมันไม่ดี พล็อตไม่ซับซ้อนเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ลูปมาก

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #144 เมื่อ16-01-2016 08:19:47 »

หายไปนานจัง.  หลับหลายตื่นแล้ว รีบมานะครับพวกเรารออยู่ฃ

ออฟไลน์ manami_01

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 980
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 15 หน้า 5 (14-11-15)
«ตอบ #145 เมื่อ16-01-2016 10:27:04 »

ยิ่งอ่านยิ่งดราก์ ทำไมกานต์กับเฟยเป็นแบบนี้ฟร่ะ

กานต์ก็ชอบทำตัวลึกลับ ไม่แสดงอาการหรือความรู้สึกเลย

ส่วนเฟยก็ใจร้อนไม่เปิดใจ โว้ยยย!!  :ling1:

ยิ่งอ่านยิ่งดราม่าอ่ะ T^T ขอไปจิกหัวตัวเองแปป :serius2:

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #146 เมื่อ01-02-2016 02:59:11 »

บทที่ 16

   ผมมายืนอยู่หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ผมนัดเพื่อนไว้ จะเรียกเพื่อนก็ไม่เชิงแต่อย่างน้อยผมและเขาก็มีเป้าหมายเดียวกันหากจะเรียกเพื่อนก็คงไม่ผิดนัก แต่ผมไม่ได้มาเพื่อสังสรรค์หรือกินดื่มแต่อย่างใด ผมมาด้วยเหตุผลอื่น ผมกดโทรศัพท์โทรออกเพื่อนสอบถามว่าเขานั่งอยู่จุดไหน เมื่อยืนยันโต๊ะที่นั่งเรียบร้อยแล้วผมก็เดินเข้าไปในร้าน แสงไฟที่สลัวจนมองหน้ากันไม่ชัดเจนและจำนวนคนที่เบียดเสียดเต้นกันอยู่นั้นก็ทำเอาลำบากเอาการที่จะค่อยแทรกตัวผ่านไป

   “นึกว่าจะไม่มา” เขาทักเมื่อผมมาถึงโต๊ะ ผมพยักหน้าตอบก่อนจะนั่งลงข้างๆเขาหันหลังให้กำแพง หันหน้าไปสู่ผู้คนในร้าน

   “มันนั่นอยู่ทางโน้น” ผมมองไปตามที่เขาบอก เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นผู้ชายกำลังนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ แต่มีหนึ่งคนในนั้นที่กระดกแก้วเหล้าถี่ๆเหมือนกับว่าเขากระหายน้ำมากๆ โดยมีหญิงสาวนางหนึ่งคอยเติมเหล้าให้เรื่อยๆ และเขาก็คือเป้าหมายของผม

   “แม่งกินขนาดนั้นกูว่าคงอีกไม่นานหรอก” หูผมฟังอยู่ แต่สายตายังคงจับจ้องไปยังคนที่กระดกแก้วเหล้าอยู่

   “อ่ะ เอาไว้ใช้” มือที่มีซองที่บรรจุถุงสีขาวอยู่ภายในถูกยื่นมาให้ผม

   “มันคืออะไรแก็ป” ผมถามแต่ก็เก็บถุงนั้นใส่กระเป๋า

   “ตัวช่วยไง คืนนี้จะได้ไม่พลาด” แก็ปบอก ผมพยักหน้าแสดงให้รู้ว่าผมเข้าใจว่าสิ่งนั้นคืออะไร

   เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เป้าหมายของผมเริ่มมีการเคลื่อนไหว เขากำลังมุ่งหน้าไปห้องน้ำโดยมีผู้หญิงคนนั้นช่วยประคองอยู่ แก็ปพยักหน้าให้ผมเตรียมตัวส่วนเขาก็สั่งเก็บเงิน แล้วเราทั้งคู่ก็เดินตามไป

   “ขอบใจนะ เดี๋ยวไว้ตอบแทนทีหลัง” แก็ปพูดกับผู้หญิงที่เป็นคนพยุงเป้าหมายของผมมา เธอพยักหน้าให้แก็ปทีหนึ่ง ก่อนจะหันมามองผม แล้วก็เดินจากไป

   “อ้าวเฟย” ผมแกล้งทักเมื่อเป้าหมายของผมเดินโซเซออกมาจากห้องน้ำ เขาหันมามองผมก่อนจะส่งยิ้มแบบเมาๆมาให้ผม

   “กานต์” เฟยทักผม

   “ไหวหรือเปล่าเนี่ยกลับบ้านไหมเดี๋ยวเราไปส่ง” ผมพูดพร้อมเข้าไปประคองไหล่เพราะเฟยยืนโยกเยกไปมา

   “อือ” เฟยพูดพร้อมกับยืนกุญแจรถของเขามาให้ผม ผมรับกุญแจมาก่อนจะส่งต่อให้แก็ปแล้วจึงค่อยประคองเฟยเดินไปยังรถของเขา โดยมีแก็ปเดินตามหลังมาติดๆ

   แก็ปเป็นคนขับรถให้ ผมนั่งอยู่ข้างๆอีกด้านของแก็ป ส่วนเฟยนั่งอยู่ที่เบาะหลัง ผมแกะซองยาแล้วค่อยๆเทลงในขวดน้ำที่ผมหยิบติดมือมาจากผับก่อนจะเขย่า ระหว่างนั้นผมหันไปเรียกเฟยให้ดื่มน้ำขวดนี้ เฟยยอมรับขวดน้ำไปดื่มแต่โดยดี ก่อนจะเอนหลังแล้วหลับตาลง

   “เฟยคืนนี้ไปค้างหอกานต์แล้วกันนะ” ผมหันไปถามเฟยซึ่งยังคงหลับตาอยู่

   “อือ” เฟยตอบ

   ระหว่างทางไปหอผมไม่มีใครพูดอะไร ผมได้แต่มองออกไปทางหน้าต่าง ในหัวความคิดระหว่างทำต่อกับเลิกทำตีกันไปหมด เหมือนว่าภายในหัวผมกำลังแบ่งออกกันเป็นสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างกำลังขุดเหตุผลมาเถียงกันอยู่

   “มาถึงขนาดนี้แล้ว จะมาเลิกไม่ได้นะ” แก็ปพูดขึ้น เขาคงจะรู้ว่าผมกำลังเป็นกังวลอยู่

   “ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยนะ” แก็ปเสริม ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่แก็ปพูด อย่างน้อยผมก็จะได้ตอบแทนที่เขาเคยช่วยผมไว้ อย่างน้อยผมก็จะได้เอาคืนคนที่เห็นผมเป็นของเล่น อย่างน้อยผมก็อยากจะให้เขาจำได้ว่าเขาเคยทำอะไรกับผมไว้

   “เดี๋ยวยาคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้ว” แก็ปบอกผม ผมจึงหันไปหาเฟยที่ตอนนี้เริ่มมีเหงื่อผุดออกตามใบหน้าแล้ว

   เมื่อถึงหอ ผมก็พยุงเฟยขึ้นห้องส่วนแก็ปก็กลับไป ผมกับแก็ปแค่พยักหน้าให้กันตอนที่จะแยกย้ายกัน ไม่มีใครต้องการจะพูดอะไรกัน และผมก็คิดว่ามันไม่ใช่ช่วงเวลาที่สมควรพูดให้กำลังใจกัน ระหว่างทางไปห้องผมเฟยบ่นตลอดว่ารู้สึกร้อน แต่ผมไม่ได้รู้สึกร้อนอย่างที่เขาบ่นเลย เขาหายใจแรงขึ้น ผมคิดว่าคงเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่ผมก็แอบกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปหรือเปล่า ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูห้องของผม ผมพิงเฟยไว้กับกำแพงก่อนจะหยิบกุญแจออกมาเพื่อไขประตู

   “เฟย” ผมหันไปเรียกเมื่อไขประตูเสร็จ เขายืนหลับตาพิงกำแพงนิ่งไม่ได้ตอบอะไร

   “เฟย” ผมเรียกซ้ำ เขาถึงจะลืมตาขึ้นมามองผม

   “กานต์ยกโทษให้เฟยแล้วเหรอ” เฟยยื่นมือมาจับแขนผมไว้

   “เป็นอะไรหรือเปล่าเฟย” ผมเรียกชื่อเฟยเพื่อเป็นการเช็ค เพราะกลัวว่าเขาจะมีอาการผิดปกติอะไรจากยาที่ผมผสมน้ำให้เขาดื่ม

   “เฟยรู้สึกว่ามันร้อนไปหมดเลย” เฟยตอบ

   “แล้วก็รู้สึกว่าตัวกานต์หอมดี” เฟยไม่พูดเปล่า เขากดจมูกลงที่ซอกคอผมจากด้านหลัง ผมตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันหลังไปเพื่อจะดันตัวเฟยให้ถอยห่างจากตัวผม แต่ปากผมถูกประกบแทน มือของเฟยเริ่มคลำไปทั่วและเริ่มเลิกเสื้อของผมขึ้น ผมต้องใช้มือทั้งสองจับมือทั้งสองข้างของเขาไว้ก่อนจะดันตัวเขาออก

   “ตรงนี้ไม่ได้นะเฟย” ผมบอกก่อนจะเดินนำเฟยเข้าห้อง

   พอประตูถูกปิดตามหลังเฟย เขาก็เริ่มเข้ามาประชิดตัวผมและเริ่มต้นจูบอีกครั้ง เฟยดึงผมเข้าไปแนบชิดกับตัวเขามากขึ้น จนรู้สึกได้ถึงความดุนดันจากส่วนล่างของเฟย ผมเริ่มเคลิ้มไปกับจูบของเขา

   “เดี๋ยวก่อนเฟย” ผมผละออกจากเขาอีกครั้ง เขามองผมเหมือนเวลาที่เราเสียดายตอนทำขนมตกพื้น  ดวงตาสีแดงเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จ้องมองผม เฟยเดินเข้ามาและพยายามเอือมมือมาดึงผมเข้าไปกอด แต่ผมเลี่ยงเดินมาอีกทางเพื่อหยิบกล้อง

   “เราขอถ่ายวิดีโอนะ” ผมหันไปถามเฟย เขาพยักหน้าเป็นคำตอบ ผมจึงเริ่มตั้งกล้องที่โต๊ะข้างเตียงนอนทันที แต่ผมคงใช้เวลามากไปเพราะเฟยเดินเข้ามาและช่วยเซ็ทกล้องให้แทน

   “จะได้กลับไปต่อไวๆ” เฟยหันมาบอกผม ผมไม่รู้ว่ายาที่ผมผสมให้มันทำให้เขาเป็นแบบนี้หรือความจริงเขาก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว เพราะผมรู้สึกอายจนหน้าร้อนผ่าวไปหมด

   พอเสร็จจากกล้องเฟยก็เขาประชิดตัวผมอีกครั้ง ความเก้ๆกังๆก็เกิดขึ้นกับผม คือผมไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี เฟยกระหน่ำจูบผมจากริมฝีปากก็เลื่อนมาที่ใบหู เฟยดันผมลงบบนเตียงโดยที่ตัวเขาเองก็ล้มตัวลงตามเช่นกัน ผมพยายามยันตัวขึ้นในจังหวะที่เฟยกำลังถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก แต่เฟยก็กดผมลงด้วยริมฝีปากของเขาอีกครั้ง มือข้างหนึ่งของเขากำลังเลิกเสื้อยืดของผมขึ้น มือข้างเดียวกันนั้นก็คลึงไปทั่วหน้าอก ส่วนใบหน้าซุกไซร้อยู่ที่บริเวณคอของผม เฟยแทรกตัวระหว่างขาทั้งสองข้างของผม บดเบียดช่วงล่างเข้าแนบชิดมากขึ้น เขาส่งเสียงในลำคออย่างพอใจ ผมเองก็รู้สึกคล้อยตามไปกับเฟยเช่นกัน

   “กานต์ เฟยขอโทษนะ” เฟยกระซิบบอกผม พร้อมกับมองจ้องเขามาที่ดวงตาของผม ผมประหลาดใจที่เขาบอกขอโทษผม หรือว่ายาที่ผมผสมใส่น้ำเป็นจะยาฟื้นฟูความทรงจำ เรามองตากันอีกสักพัก เฟยก็ก้มลงจูบผมอีกครั้ง
                                                                           *****

        เฟยเหวี่ยงประตูปิดตามหลัง เสียงดังไปทั่วทั้งชั้น เป็นครั้งทิ้งสองที่เขาทิ้งผมไว้ในห้องของผมเอง ผมพยายามจะยันตัวขึ้นโดยทิ้งน้ำหนักลงที่มือข้างซ้าย แต่ผมกลับรู้สึกเจ็บแปล๊บจนเผลอร้องออกมา ผมจึงเปลี่ยนไปใช้มือข้างขวาแทน ผมเดินไปล็อคประตูให้เรียบร้อยก่อนจะเริ่มจัดเตียงให้เรียบร้อย เพราะตอนนี้หมอนและผ้าห่มต่างกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ระหว่างนั้นก็เกิดความรู้สึกหน่วงๆที่หน้าอกเหมือนกับที่รู้สึกเมื่อวันลอยกระทง พอทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนเตียงเรียบร้อยผมก็ทิ้งตัวลงคว่ำหน้าลงกับเตียง แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาตามใบหน้าลงสู่ผ้าห่มที่รองใบหน้าผมอยู่ แต่มันเป็นแค่ความรู้สึกที่เจ็บมือข้างซ้ายไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับเฟยแต่อย่างใด

   เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ถ้าหากจะพูดว่าเป็นความตั้งใจของผมก็คงจะไม่ผิดมากนัก ตลอดช่วงเวลาที่เฟยมาค้างที่หอผม ผมก็คิดว่าเขาคงมีเป้าหมายที่จะลบคลิปวิดีโอเจ้าปัญหาอันนั้นแน่ๆ เพื่อที่เขาจะได้เป็นอิสระจากผม ประจวบกับที่ผมเริ่มรู้สึกเบื่อเฟยแล้ว เพราะเขาเหมือนว่าจะจำไม่ได้เลยว่าเขาเคยทำอะไรกับผมไว้ เลยไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรั้งเขาไว้ แล้วทำไมถึงไม่ปล่อยคลิปไปล่ะ? ผมเฝ้าถามคำถามนี้กับตัวเองหลายครั้ง แต่มันคงเป็นเพราะตั้งแต่แรกผมก็ไม่คิดว่าจะปล่อยคลิปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นความเหยาะแหยะอันเป็นนิสัยเสียของผม แต่ผมก็ต้องยอมรับในความพยายามของเฟยเหมือนกัน เพราะเขาพยายามมากที่จะทำให้ผมตายใจ  ผมก็แค่ช่วยนิดๆหน่อยๆโดยการเอาไฟล์วิดีโอมาไว้ในที่ที่หาได้ง่ายๆ พร้อมกับเปิดโอกาสให้เขาบ้างเล็กๆน้อยๆ ส่วนเรื่องคลิปวิดีโอที่อยู่ในมือถือนั้นเป็นเรื่องโกหก ผมก็แค่ยั่วให้เขาโมโหอีกสักนิดแค่นั้น เขาควรจะต้องรู้สึกเกียจผมในช่วงสุดท้ายนี้ เพราะผมเองก็จะได้รู้สึกเกียจเฟยได้โดยสนิทใจซักที

   เช้าวันอาทิตย์ผมตื่นมาพร้อมกับอาการเจ็บที่ข้อมือข้างซ้าย และพอก้มดูก็พบว่ารอบข้อมือบวมเป่งและเป็นสีแดงแค่เอานิ้วไปแตะเบาๆก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที ผมรีบอาบน้ำอย่างทุลักทุเลแล้วออกไปหาหมอ ซึ่งสรุปแล้วหมอแจ้งว่ากระดูกข้อมือร้าวจนต้องใส่เฝือกไว้

   พอผมกลับมาที่ห้องก็กินยาที่หมอจัดมาให้แล้วก็นอนนิ่งๆบนเตียง โดยที่พยามยามยืดแขนข้างซ้ายออกไปให้ไกลจากช่วงตัวมาที่สุดเพราะกลัวว่าจะเผลอกลิ้งไปทับ และไม่นานผมก็หลับไปด้วยฤทธิ์ยา ผมตื่นขึ้นมาตอนตีหนึ่งครึ่ง เพราะลมที่พัดมาจากระเบียงที่ลืมปิด พัดกลิ่นของเฟยมาด้วย ผมรีบลุกขึ้นนั่งและมองไปรอบๆห้องแต่ก็ไม่เจอเฟย คงอาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาที่ทำให้ผมเบลอจนได้กลิ่นตัวของเฟย ผมลงจากเตียงเปิดไฟ ก่อนจะเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าให้หายเบลอ แล้วก็ลงไปร้านสะดวกซื้อเพื่อหาอะไรใส่ท้อง ระหว่างทางกลับขึ้นหอผมก็ตัดสินใจว่าพรุ่งนี้เช้าผมจะไม่ไปเรียนเพราะยังรู้สึกเจ็บที่ข้อมือข้างซ้าอยู่

                                                                           *****

   ผมใช้เวลารอรถเมล์ค่อนข้างนานเพื่อจะรอคันที่คนไม่ค่อยเยอะเพราะว่าข้อมือซ้ายจะรู้สึกเจ็บอยู่แม้ว่าจะผ่านมาสองวันแล้ว

   “ไปทำอะไรมาทำไมแขนถึงได้ใส่เฝือก” เช่ถาม เมื่อเข้ามาถึงห้องเรียนแล้วนั่งข้างๆผม

   “ลื่นล้มตอนไปซื้อของ” ผมตอบยิ้มแหยๆ

   “ไม่เกี่ยวอะไรกับไอ้เฟยใช่ไหม” เช่ถามเสียงเข้ม ผมส่ายหัวกลับไป ด้วยความที่เช่เป็นคนที่ใส่ใจคนที่อยู่รอบๆตัวเองมาก ผมก็เลยไม่แปลกใจที่เช่จะถาม แถมยังเป็นเพื่อนกับเฟยเพราะเคยอยู่เซคเดียวกันมาก่อน ถ้ารู้ว่าผมกับเฟยเลิกกันแล้วเช่คงไปจัดการเฟยแน่ๆ

   “แล้วทำไม เมื่อวานเล่าไปถามเฟย มันถึงไม่รู้ว่ากานต์ไปไหน” เช่เค้นถามผม แม้ว่าจะเป็นผู้หญิงน่ารักมุ้งมิ้งสไตล์ แต่อาจจะเป็นคนนิสัยลุยๆเวลาโมโหเลยดูน่ากลัวสำหรับผม

   “เราลืมบอก” ผมตอบ เช่ถอนหายใจและเลิกถามคำถาม แต่ยังคงมองผมเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอก

   ช่วงพักเที่ยงผมลงไปกินข้าวกับเพื่อนๆโดนพยายามหลบตามหลังเพื่อนเพราะไม่อยากเจอเฟยในตอนนี้  ผมรีบกินข้าวเพื่อจะรีบขึ้นห้องเรียน

   “ถามจริงๆทะเลาะกับไอ้เฟยหรือเปล่า” เช่ถาม ก่อนที่ผมจะลุกจากโต๊ะไป

   “เปล่าเช่ ไม่ได้ทะเลาะกัน” ผมตอบ

   “เราไม่เป็นอะไรเช่ เราโอเค” ผมยิ้มให้เช่อย่างจริงใจ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะไป

   คาบบ่ายผ่านไปอย่างปกติ เช่เลิกถามนู่นนี่นั่นแล้ว แต่ตอนที่เช่มาที่ห้องมีปลายวิ่งตามมาด้วย ปลายมาทักผมนิดหน่อยก่อนจะโดนสายตาอาฆาตของเช่จ้องมองจนปลายต้องกลับออกไป ผมสงสัยว่าเช่ไปทำอะไรมาทำไมปลายถึงวิ่งตามเช่มาอย่างนี้ แต่เหนืออื่นใดผมเริ่มสงสัยแล้วว่าเช่กับปลายคบกันอยู่หรือเปล่า

   แต่พอกำลังจะเลิกเรียนผมสังเกตว่าเฟยมายืนอยู่ที่หน้าห้องเรียนอยู่ ผมรีบเก็บของอย่างรวดเร็วเพื่อจะได้ออกไปพร้อมกับเพื่อนคนอื่นๆ ระหว่างที่กำลังจะออกจากห้องเช่ก็สะกิดผมแล้วชี้ไปที่เฟย ผมหันไปหาเช่พยักหน้าให้ แต่ก็รีบเดินปะปนกับเพื่อนคนอื่นๆลงจากตึกเรียนไปได้สำเร็จ พอออกมาจากตึกเรียนได้สักระยะหนึ่งผมก็คิดว่าพ้นจากเฟยแล้วเลยผ่อนฝีเท้าลง แต่พอผมหันกลับไปมองทางด้านหลังอีกครั้งก็เห็นว่าเฟยกำลังวิ่งตามมาอยู่ ผมรีบเร่งฝีเท้าขึ้นแต่เฟยไวกว่าผม เขาคว้าแขนผมไว้ได้ผมจึงหมดสิทธิ์หนี

   “ไปทำอะไรมาอีก” เฟยถามคำถามที่ผมไม่เข้าใจ แถมยังทำเสียงดุอีก ไปโมโหอะไรมาจากไหน

   “อะไร” ผมถามกลับโดนใช้เสียงเหวี่ยงบ้าง

   “เช่ บอกว่าใส่เฝือก ไหน” เขามาถามผมด้วยเรื่องนี้ เช่คงไปหาเรื่องเฟยเมื่อตอนพักกลางวันมาแน่ๆ แต่ผมก้ยังไม่เข้าใจว่าเขาจะโมโหใส่ผมทำไม

   “นี่ไง” ผมว่า พร้อมกับชูมือข้างที่ใส่เฝือกให้เฟยดู

   “ของปลอมหรือเปล่าเนี่ย” ผมมองหน้าเฟยอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ถ้าเขาคิดว่าผมใส่เฝือกปลอมแล้วเขาจะมาตามถามผมทำไม อยากจะได้อะไรจากผมอีก

   “ใช่ของปลอม” ผมประชด พร้อมกับสะบัดมือเฟยที่จับแขนผมไว้ออก

   “พอใจยัง” ผมว่าก่อนจะหันหลัง เตรียมจะเดินหนี  รู้สึกโหวงๆในอกเหมือนจะร้องไห้

   “เฟยขอโทษ” เฟยพูดกับผมหลังจากที่รีบวิ่งมาดักหน้าผมไว้

   “อยากได้อะไรอีก เราลบคลิปไปแล้ว” ผมถาม สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อไล่ความรู้สึกอยากจะร้องไห้

   “แต่มือกานต์เจ็บ” อยู่ดีดีเฟยก็เปลี่ยนโทนเสียงเป็นปกติ แต่ผมยังยังคงเสียความรู้สึกกับเขาเหมือนเดิม

   “นั่นมันเป็นเรื่องของเรา” ผมว่า

   “แต่เฟยเป็นคนทำให้มือกานต์เจ็บนะ” เฟยพูดต่อ

   “แล้วจะยังไง อยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมเหรอ” ผมพูด ส่วนเฟยได้แต่เงียบฟัง

   “มันจบแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ” เฟยยังคงเงียบไม่พูดอะไร พอผมพูดจบผมก็เดินหนีจากเขาไป

                                                                             *****
      หลังจากที่คุยกันวันนั้นเฟยก็หายไป ผมก็กลับมาใช้ชีวิตแบบปกติ แต่แค่อาจจะต้องคอยระวังเวลาที่ขึ้นรถเมล์นิดหน่อยเท่านั้น ผมยังคงพยายามหลีกเลี่ยงการต้องพบเจอเฟยอยู่เหมือนเดิม แต่ยังคงเจอเพื่อนคนอื่นๆของเฟยอยู่บ้าง ผมก็ยังคงยิ้มทักทายอย่างปกติ ส่วนเช่เองก็เลิกถามผมและถล่มพวกเฟยแล้ว และเย็นวันหนึ่งเฟยก้กลับมาอีกครั้ง เขามารอผมที่หน้าหอ ผมรีบเดินผ่านเขาไปโดยทำเป็นไม่สนใจ เฟยเองก็ไม่ยอมง่ายๆเหมือนกัน เขาเดินตามมาและคว้าแขนข้างซ้ายผมได้ ผมรู้สึกเจ็บจากแรงกดของเฟยจึงสะบัดแขนอย่างแรง ก่อนจะส่งสายตาเคืองๆไปให้เฟย

   “จะทำอะไร” ผมถาม

   “เจ็บเหรอ” เฟยถาม แต่ผมไม่ตอบ

   “เฟยขอโทษ” เขายังคงพูดต่อ ส่วนผมก็แค่มองเขาอย่างสงสัย ผมไม่รู้ว่าเขาอยากจะได้อะไรอีก ผมไม่ได้อยากให้เข้ามารับผิดชอบอะไร ผมไม่ได้ลำบากอะไร

   “ป่ะ ไปกันเถอะ” เฟยส่งยิ้มมาให้ผม

   “ไม่” ผมเน้นเสียง

   “ก็ได้ ถ้ากานต์ไม่ยอมไปมอกับเฟย เฟยก็ยืนขวางไม่ให้กานต์ไปไหนทั้งนั้น” เฟยพูดพร้อมกับเดินเข้ามาหาผมอย่างคุกคาม ผมเลยถอยหลังหนี

   “แล้วกานต์ก็จะสาย” เฟยพูดต่อ

   “ก็ได้” ผมตอบ เพราะถ้ายังมัวแต่เถียงกับเฟยคงจะสายอย่างที่เฟยว่าแน่ๆ

   ตกเย็นเฟยก็ลากผมไปนั่งรอเขาที่ข้างสนามกีฬาเพราะเขาไปช่วยซ้อมผู้ถือคฑาสำหรับกีฬามหาลัยปีนี้ พอผมตั้งท่าว่าจะไม่ไป เฟยก็เอาชื่อเพื่อนคนอื่นมาเป็นข้ออ้าง

   “จะได้ไปเจอแบม กับพี่มายค์ด้วยไง” เฟยว่า

   “เฟย เลิกทำอย่างนี้เถอะ” ผมพูดกับเฟยด้วยความอ่อนใจ

   “ทำไมล่ะ” เฟยถาม

   “ทำไมเฟยอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก เรารู้นะว่าเฟยเบื่อเรามากแค่ไหน อาจจะเกลียดเราด้วยมั้ง แล้วยังจะมายุ่งกับเราอีกทำไม” ผมว่า ซึ่งอยู่ดีดีเสียงก็สั่นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ

   “ที่เฟยลบคลิป เฟยตั้งใจทำ อันนี้เฟยยอมรับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพอเฟยลบคลิปแล้วเฟยก็จะเลิกกับกานต์นี่” เฟยพูดกับผมเสียงจริงจัง

   “แต่เราไม่ได้อยากกลับไปคบกับเฟยแล้ว”  ผมบอกเฟย

   “เราทำไม่ดีกับเฟยนะ” ผมพูดต่อ

   “แต่เฟยทำไม่ดีกับกานต์ยิ่งกว่า” เฟยว่า

   “เฟยอยากจะขอแก้ตัว เฟยยังไม่เคยทำตัวเป็นแฟนที่ดีอย่างที่กานต์ขอเลยนะ” เฟยมองมาที่ผมไม่วางตาเหมือนจะพยายามอ่านใจผม

   “ไม่” ผมพูด และเริ่มออกเดิน แต่เฟยขยับตัวมาขวางทางผมไว้

   “งั้นก็แค่ในระหว่างที่กานต์จะใส่เฝือกอยู่ก็ได้” เฟยว่า แต่ผมไม่อยากให้เฟยมาคบกับผมอีก เขาอาจจะทำด้วยสามัญสำนึกที่ดี แต่ในเมื่อเขายังจำไม่ได้ว่าเคยทำอะไรกับผมไว้ ผมก็ไม่อยากให้เขาแสร้งว่าเป็นแฟนกับผม และในท้ายที่สุดกลัวว่าจะมีผมคนเดียวเท่านั้นที่เสียใจ

   แต่สุดท้ายผมก็ยอมเฟยไปนั่งรอเขาที่ข้างสนาม นั่งมองกลุ่มคนในสนามที่พากันซ้อมควงคฑากันอยู่ แบมกับพี่มายด์แวะมานั่งคุยบ้าง ทั้งคู่ถามไถ่เรื่องแขนแม้ว่าผมจะรู้จักเขาทั้งสองไม่นานแต่ก็รู้สึกขอบคุณที่เป็นห่วง ผมลุกขึ้นไปซื้อน้ำมาไว้ให้เฟยเพราะเห็นว่าเขาเหงื่อออกมากแบบที่เสื้อเปียกไปทั้งตัว ทุ่มเทมากขนาดไหนถึงได้เหนื่อยขนาดนั้น ผมนิ่งเงียบใส่เฟยอีกครั้ง บรรยากาศอึมครึมที่เคยอยู่รอบๆตัวกลับมาอีกครั้ง ระหว่างทางกลับบ้านผมได้แต่มองออกไปที่หน้าต่าง เฟยเปิดเพลงจากเครื่องเล่นคงจะพยายามทำลายม่านหมอกแห่งความอึดอัดที่เกิดอยู่นี้ ผมเองก็เริ่มจะทนกับไอ้บรรยากาศแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ตั้งรถที่กำลังติดอยู่แบบที่ว่าขยับไปนิดหนึ่งก็หยุดๆ ส่วนเฟยเองกำลังเคาะนิ้วกับพวงมาลัยไปตามจังหวะเพลงอย่างสบายอารมณ์ ผมหายใจเข้าช้าไม่อยากพาลโมโหเฟย

   “เราลงตรงนี้แหละ เฟยจะได้ตีรถกลับบ้านไปเลย” ผมทำลายความเงียบ เฟยหันมามองผมแบบงงเหมือนไม่คาดคิดว่าอยู่ดีดีผมจะพูดขึ้นมา

   “ไม่ได้ยินที่เราพูดเหรอ” ผมถามซ้ำเพราะเฟยไม่ยอมตอบอะไร

   “ได้ยิน” เฟยพูดเรียบๆ

   “แล้วทำไมไม่ตอบ” ผมดุ ยอมรับว่าพร้อมที่จะโมโหใส่เฟยแล้ว

   “ก็ไม่อยากตอบ” เฟยพูดพร้อมกับเหยียบคันเร่งเพื่อให้รถขยับไปข้างหน้า ก่อนจะหยุดลง เขามองนั่นมองนี่ไม่สนใจผม

   “เดี๋ยวจอดริมทางข้างหน้านะเราจะลง” ผมยังยืนยันที่จะลง

   “ไม่” เฟยหันมาทำหน้ากวนใส่ผม

   “อยากจะกลับถึงบ้านตอนเที่ยงคืนหรือยังไง” ผมถามกลับ

   “ก็ดีคืนนี้จะได้นอนหอกานต์ไง” เฟยยังคงลอยหน้าลอยตาใส่ผม

        “ไม่” ผมรีบปฏิเสธ เฟยผิวปากตามเพลง

   “หยุดผิวปาก” ผมหันไปว่าเฟย เขาหยุดผิวปากแต่ดูเหมือนจะไม่สนใจว่าผมกำลังโมโหเขาอยู่

   “คนอะไรเอาแต่ใจชะมัดเลย” เฟยพูดเหมือนบ่ยลอยออกมา ผมอยากจะกระโจนเข้าไปเขย่าคอเขาจริงๆ แต่ติดที่ผมเจ็บแขนอยู่ เลยได้แต่กลับไปนั่งหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

   สี่ทุ่มกว่าค่อนไปเกือบห้าทุ่มแล้ว รถของเฟยเพิ่งจะมาเทียบจอดที่หน้าหอของผม ผมเรียบออกจากตัวรถ

   “ขับกลับดีดีนะ” ผมรีบบอกก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าหอโดยไม่หันกลับไปมองเฟยเลย

                                                                          *****

   

ออฟไลน์ sasithron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 64
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-1
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #147 เมื่อ01-02-2016 02:59:51 »

วันเสาร์เฟยมารับผมที่หน้าหอเพราะเขาชวนผมไปดูหนัง ซึ่งผมก็ตอบตกลงอย่างไม่อิดออด เพราะรู้ว่ายังไงเฟยก็ไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆเป็นแน่ ไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ ผมรู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่

   ผมนั่งรถไปกับเฟยโดยไม่ได้สนใจว่าเขาจะพาไปไหน ไม่ได้พูดคุย เฟยเองก็เหมือนกันนิ่งเงียบไม่ชวนคุย และไม่กวนใดๆ  พอมาถึงจุดหมายปลายทางเฟยก็เดินนำผมไปยังหน้าโรงหนัง เขามาหยุดอยู่ที่บริเวณบอร์ดที่แสดงรอบหนังที่เข้าฉายวันนี้

   “ดูเรื่องอะไรดีกานต์” เฟยหันมาถามผม

   “แล้วแต่เฟยเลย เราไม่ได้อยากดู” ผมตอบมองไปที่บอร์ด

   “งั้นไปที่อื่นกัน” เฟยพูดแล้วก็จูงมือผมเดินออกจากบริเวณโรงหนัง เขามือของผมแน่นมากคงจะกำลังโมโห ผมแอบยิ้มเยาะเล็กน้อย เพราะคิดว่าความอดทนของเฟยคงกำลังจะหมดเร็วๆนี้

   “หาหนังสือสักเล่มแล้วกัน แล้วค่อยไปหาอะไรกิน” เฟยขมวดคิ้วใส่ผม ก่อนจะเดินหายเข้าไปในร้านหนังสือ ผมยิ้มอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปในร้านหนังสือบ้าง

   ผมเดินเลือกหนังสือไปเรื่อยๆ หยุดตามชั้นต่างแล้วก็หยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่าน ผมมองเฟยเป็นระยะๆ เขาเดนตามผมห่างๆ คงกลัวว่าผมจะหนีกลับบ้าน เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแต่ผมเลือกหนังสือไม่ได้สักเล่มเลย ซึ่งอันที่จริงยังไม่มีหนังสือที่อยากได้

   “อ้ายอั๋งอื๋ออัง (ได้หนังสือยัง)” เฟยเดินเข้ามาถามผมพร้อมกับหาวไปด้วย

   “ไม่ได้เลย” ผมตอบ

   “งั้นกลับเถอะ” ผมว่า

   “ไม่เอาอ่ะ เฟยหิวแล้ว ไปหาอะไรกินกันดีกว่า” แล้วผมก็โดนเฟยจูงมือเดินไปต่อหลังจากที่เขาพูดเสร็จ

   เฟยพาผมเข้าร้านยากินิกุร้านหนึ่ง พนักงานพาเราเข้าไปนั่งที่โต๊ะพร้อมยื่นเมนูมาให้ ผมอ่านเมนูทั้งสองหน้าก็พบว่ามีแต่เนื้อวัว มิน่าถึงรูปวัวอยู่ที่หน้าร้าน แต่นอกจากเนื้อวัวก็มีแค่ผักและเครื่องเคียงอีกสองสามอย่าง ผมเหลือบมองเฟยที่กำลังสั่งอาหารอยู่สลับกับพนักงานที่กำลังจดออร์เดอร์

   “ไม่สั่งเหรอกานต์” เฟยถามผม

   “เราไม่กินเนื้อวัว” ผมพูดจบ เฟยก็ทำหน้าตกใจ

   “อ้าว” เฟยว่า ก่อนจะรีบหันไปขอโทษพนนักงานและขอยกเลิกออร์เดอร์ที่สั่งไปทั้งหมด

   “ขอโทษด้วยนะครับ” ผมกล่าวขอโทษพนักงานก่อนจะเดินนำหน้าเฟยออกจากร้านไป

   “เฟยขอโทษที่ไม่ได้ถามก่อน” เฟยพูดกับผมทำหน้าจ๋อย

   สุดท้ายเราทั้งคู่ก็มาลงเอยที่ร้านชาบูใกล้ๆร้านยากินิกุนั้น เราต่างคนต่างกินโดยไม่พูดอะไรกัน เฟยชำเลืองมองผมเป็นระยะ คงพยายามจะดูว่าผมจะโกรธเขาหรือเปล่า อยู่ดีดีเฟยก็ไอเหมือนสำลักอาหารมือก็รีบคว้าหาแก้วน้ำเป็นการใหญ่ แต่เป็นผมที่ยื่นแก้วน้ำของผมให้เพราะมองหาแก้วน้ำของเฟยไม่เจอ เฟยดูดน้ำอึกใหญ่ ก่อนที่ผมจะรับกระดาษทิชชู่ที่ผมยื่นไปให้

   “ขอบใจนะกานต์” เฟยบอกผม แต่ตายังคงแดงๆอยู่

   ขากลับรถทั้งมีแต่เสียงเพลงที่ออกมาจากเครื่องเล่น เฟยขับรถนิ่งๆไม่มีท่าทีหลุกหลิกเหมือนตอนมา ผมไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมอยากให้เขารู้แย่ที่วันนี้ทุกอย่างพังทั้งหมดเพราะผมทำให้มันเป้นอย่างนั้นแม้ว่าเรื่องที่ผมไม่กินเนื้อจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม เขาจะได้เลิกมายุ่งกับผมสักที

   “ขับกลับดีดีนะ” ผมไม่ลืมหันไปบอกลาเฟย แต่จังหวะที่ผมกำลังจะลงจากรถเฟยก็คว้าแขนผมไว้

   “มีอะไรหรือเปล่า” ผมถาม

   “กานต์มีอะไรอยากให้เฟยทำอีกไหม” ผมฟังที่เฟยพูดแล้วก็เหนื่อยใจ ไม่เข้าใจว่าทำไม่เมื่อก่อนไม่เห็นเคยจะพยายามขนาดนี้ เมื่อก่อนทั้งคู่ ทั้งบังคับก็ยังไม่ยอมทำตามที่พูดที่ขอ แต่พอมาเดี๋ยวนี้ทำไมถึงใจสู้ขนาดนี้

   “เลิกยุ่งกับเราสิ” ผมบอกเฟย

   “แต่แขน” เฟยพูดพร้อมกับมองมาที่แขนข้างที่ใส่เฝือก

   “แขนเราไม่เจ็บแล้วเฟย ทำไมไม่เลิกยุ่งกับเราสักที เรายอมปล่อยเฟยแล้วนะ” ผมถาม

   “แล้วกานต์ล่ะ ทำไมถึงอยากให้เฟยเลิกยุ่งมากขนาดนี้” เฟยย้อนผม เสียงดังขึ้นเล็กน้อยเหมือนว่าเขาเริ่มจะโมโห

   “เฟยรักเราเหรอ” เขาเหวอไปนิดหนึ่งหลังจากที่ผมพูด

   “ก็ไม่ ถูกไหม แล้วยังจะอยากให้เรามาคอยยุ่งวุ่นวายกับเฟยอีกทำไม” ผมถาม

   “แต่ที่กานต์ทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็เพราะว่าเฟยไม่ใช่เหรอ” เฟยพูเสียงอ่อน ผมมองหน้าเขานิ่งๆ

   “เราไม่สนใจแล้วเฟย เรื่องมันผ่านไปแล้ว” ผมยังคงจ้องที่หน้าเฟยอยู่ ซึ่งเขาเองก็จ้องกลับมาเช่นกัน แต่สีหน้าเขาดูเหนื่อยๆ

   “เลิกยุ่งกับเราซะ” ผมว่า ก่อนจะตั้งท่าจะลงจากรถ

   “ไม่” เฟยพูดทันทีหลังจากที่ผมพูดจบ ผมหันไปมองเขาก่อนจะลงจากรถ

   ผมไม่เข้าใจเฟยเลย เมื่อก่อนตอนที่โดนบังคับให้มาคบกัน เวลาอยากให้ทำอะไรแต่ละอย่างก็ไม่ค่อยเต็มใจอยากจะทำ ไม่เคยสนใจว่าจะรู้สึกยังไง ผมยังจำได้ดีที่เขาทิ้งผมไว้ที่งานลอยกระทงแล้วไปเที่ยวกับป๊อบ ตอนผมหลงป่าก็ไม่พูดอะไรกับผมสักคำ แล้วพอตอนนี้ทำเป็นว่าจะมารับผิดชอบที่เคยทำไม่ดีกับผม ทั้งๆที่ลืมไปแล้วว่าเคยทำอะไรไว้กับผม ผมยังจำมันได้ดี แม้ว่ามันจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระก็ตาม แต่ผมไม่เคยลืมมันเลย

                                                                           *****

        “คบกันไหม” ผมนั่งจ้องข้อความในแชทบ็อกอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง เพราะไม่คิดว่าคนที่อยู่ในสถานะอากาศอย่างผมจะมีคนมาสนใจ

   “เฟยเป็นเกย์เหรอ” ผมพิมพ์ถามเขากลับ เพราะเฟยดูเป็นผู้ชายมากๆ เขาเป็นผู้ชายที่ลักษณะคล้ายๆเด็กช่างแต่เรียนสายสามัญ สูงประมาณร้อยเจ็ดสิบปลายๆ สูงกว่าผมไม่มากนัก หุ่นลีน หน้าตาเหมือนพร้อมจะหาเรื่องตลอดเวลา มักจะพกกล้องมาด้วยเสมอเวลาที่ผมเจอตอนที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษ ผมไม่ค่อยกล้ามองไปที่พวกของเฟยแบบตรงๆ เพราะอย่างที่บอกเหมือนว่าเขาเป็นเด็กช่างมากกว่า และผมกับเขาก็ไม่เคยคุยกันเลย

   “เฟยก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาพิมพ์ตอบกลับมา

   “แต่เฟยชอบกานต์จริงๆนะ” ผมยิ้มให้กับข้อความที่อยู่ตรงหน้า หัวใจพองโต และรู้สึกว่าหน้าเป็นสีแดง

   “ตกลง” ผมตอบ

   หลังจากนั้นทุกวันก็เป็นที่สดใสสำหรับผม ผมตื่นเช้าไปโรงเรียนและรอเวลาไปเจอเฟยตอนเย็น หลังจากเลิกเรียนพิเศษเราก็จะไปเดินเล่นด้วยกันบ้าง ไปหาอะไรกินกันบ้าง และก็จะจบวันด้วยการที่เฟยไปส่งผมที่ป้ายรถเมล์

   เฟยเป็นคนน่ารักและเป็นสุภาพบุรุษมาก ผิดกับสิ่งที่ผมรู้สึกตอนแรกเมื่อเจอเขา และเป็นที่นิยมไม่น้อย เขาเล่าให้ผมฟังว่าเขามีวงดนตรีที่โรงเรียนของเขา ผมก็เลยไม่แปลกใจที่ใครๆจะชอบเฟย แต่เขาไม่เคยมีท่าทีเจ้าชู้เลย ส่วนผมเองก็ทำตัวไม่งี่เง่าหรือจู้จี้จุกจิกเพราะกลัวว่าเฟยจะรำคาญ แต่ก็ไม่กล้าทำตัวมุ้งมิ้ง แอ๊บแบ๊วเหมือนกันเพราะรู้ว่ามันไม่เหมาะกับตัวผมเลย

   ไม่นานผมกับเฟยก็คบกันเข้าเดือนที่สาม ไม่มีเรื่องทะเลาะกัน และเฟยไม่เคยทำให้ผมไม่สบายใจ ผมรู้ดีว่าโชคดีจริงๆที่ได้เป็นแฟนเฟย เขามักจะชอบถามผมบ่อยว่ารักเขาไหม ชอบเขาหรือเปล่า ผมเองเมื่อเขาถามผมก็ตอบกลับไปแทบจะทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรมาก

   แต่ในที่สุดความสุขก็จากผมไป เมื่ออยู่ดีๆเฟยก็ทิ้งผมไปทำกลางความมืด

   หลังเลิกเรียนในเย็นวันหนึ่ง เฟยชวนผมไปถ่ายรูปบนตึกร้างแห่งหนึ่ง ผมไม่มีทางปฏิเสธคนที่ผมรักอยู่แล้ว แต่ไม่ได้มีแค่ผมกับเฟยเพราะเฟยชวนกลุ่มเพื่อนของเขาไปด้วย ทุกคนดูยิ้มแย้มแจ่มใสและหัวเราะคิกคักอยู่ตลอดเวลาเหมือนว่ามีเรื่องตลกอะไรสักอย่าง ผมก็ได้แต่ยิ้มๆไปด้วยแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเขาหัวเราะเรื่องอะไรกัน เว้นก็แต่เพื่อนของเฟยคนหนึ่งที่ไม่ได้หัวเราะเลย เขากลับมองผมเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

   “เฟยมีอะไรจะให้” เฟยพูดกับผมหลังจากที่เราพากันขึ้นมาบนตัวตึกแล้ว ซึ่งสูงมากแต่ผมไม่แน่ใจว่าชั้นที่เท่าไหร่ เขาจูงมือผมมาอีกด้านของชั้นห่างจากกลุ่มเพื่อนๆของเขา

   เฟยขอยืมโทรศัพท์มือถือของผมไปเปิดเพลงที่เขาเคยโหลดให้ผมเมื่อก่อนหน้านี้ ก่อนจะยื่นกลับมาให้ผมถือไว้ แล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าก่อนจะเอามาปิดตาผมไว้

   “พอเพลงจบแล้วค่อยเปิดตานะ” เฟยกระซิบบอกผม

   ผมยืนโยกตัวตามจังหวะเพลง ในหัวก็มัวแต่คิดว่าเปิดตามาจะเจออะไรนะ อะไรคือสิ่งที่เตรียมไว้เซอร์ไพรส์ผม จนผมไม่สามารถหุบยิ้มได้ เมื่อเพลงจบผมค่อยๆแกะผ้าเช็ดหน้าที่ปิดตาผมอยู่ออก เมื่อผมลืมตาก็เจอแต่ความมืดรอบตัวเพราะว่าสายตายังปรับสภาพไม่ทัน ผมกระพริบตาเพื่อพยายามปรับสายตาให้เข้ากับแสงสักพัก แต่ในระหว่างนั้นผมไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนๆเฟยก็เงียบไปแล้ว และพอสายตาผมเริ่มชินกับแสงจากภายนอกที่ส่องเข้ามาแล้วผมก็ไม่เห็นใครบนชั้นนี้เลย ผมค่อยเดินไปทั่วทั้งชั้นเพื่อตามหาเฟยและคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าเขาไปเตรียมเซอร์ไพรส์ผมกันตรงไหน ผมเดินจนทั่วชั้นก็พบว่ามีแต่ผมคนเดียวที่อยู่บนนี้

   ผมรีบกดโทรศัพท์หาเฟยทันที แต่ไม่ว่าจะโทรเท่าไหร่ก็จะโดนตัดสายทิ้งทุกครั้ง ผมเริ่มใจคอไม่ดี เพราะทั้งชั้นมืดไปหมด มีเพียงแสงจากตึกไกลที่ส่องเข้ามา แม้จะรู้สึกกลัวแต่ก็ยังแอบคิดว่าเฟยคงจะซ่อนตัวอยู่ที่ใดที่หนึ่งในตึกนี้ แต่พอเดินลงมาได้สักระยะก็เข้าใจแล้วว่าผมถูกทิ้งไว้แล้วจริง น้ำตาเริ่มไหลเพราะความกลัวเพราะรู้สึกว่าเดินเท่าไหร่ก็ไม่ถึงชั้นล่างสักที เสียงรองเท้าที่สะท้อนไปมาทำให้รู้สึกหลอนขึ้นไปอีก ผมพยายามโทรหาเฟย แต่ก็เหมือนเดิมยังคงโดนตัดสาย ผมโทรกลับไปหาแม่แต่แม่ก็ไม่ได้รับสายคงกำลังติดธุระอยู่

   ผมหยุดกลางคันเพราะได้ยินเสียงรองเท้าที่กระทบกับพื้นดังก้องไปทั่วตึก แต่นั่นไม่ใช่เสียงจากรองเท้าของผม เสียงนั้นดังมาจากชั้นล่างและกำลังวิ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ผมรีบวิ่งไปซ่อนหลังเสาโดยที่พยายามให้เกิดเสียงน้อยที่สุด ในที่สุดเสียงรองเท้าก็ดังมาถึงชั้นที่ผมอยู่แล้วก็เลยขึ้นไป

   “เฮ้ย” เสียงตะโกนเรียกดังอยู่เหนือหัวผม เจ้าของเสียงคงอยู่ชั้นบน

   “มึงอยู่ไหนเนี่ย” เขาตะโกนซ้ำ ผมไม่แน่ใจเลยว่าควรจะตะโกนตอบไปดีไหม เลยยืนนิ่งๆอยู่ที่เดิม เสียงรองเท้าดังย้อนลงมายังชั้นที่ผมหลบอยู่

   “เฮ้ย” เขาตะโกนอีก ผมชั่งใจอยู่นาน แต่ความกลัวที่จะอยู่บนตึกมืดๆแบบนี้คนเดียวก็ชนะ

   “อยู่ตรงนี้” ผมออกจากที่ซ่อนพร้อมตะโกนบอก เสียงฝีเท้าเริ่มชัดขึ้นพร้อมกับแสงไฟจากโทรศัพท์มือถือ

   “ไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เขาถามผมพร้อมกับหอบหายใจ แต่สิ่งที่ผมทำได้คือพยักหน้าตอบและร้องไห้

                                                                           *****

   “เฟยไม่ได้เป็นเกย์ แล้วก็ไม่เคยชอบกานต์เลย” นี่คือสิ่งที่ออกมาจากปากเฟยเมื่อผมเข้าไปถามเขาว่ามีเหตุอะไรถึงทิ้งผมไว้บนตึกร้างนั้น ผมรีบเดินออกมาเพราะความเสียใจ ไม่รู้ว่าทำไมเฟยถึงต้องทำกับผมแบบนี้ มีเพียงเสียงหัวเราะที่ไล่หลังผมมาเท่านั้น

         หลังจากวันนั้นผมก็หายจากสถาบันสอนพิเศษภาษาอังกฤษที่นั่นไป ลบเบอร์ เปลี่ยนอีเมล์ เปลี่ยนเฟสบุ๊ก แต่ยังคอยติดตามความเคลื่อนไหวของเฟยอยู่เป็นระยะ ด้วยความรู้สึกที่ยังคงรักเฟยอยู่ จนกระทั่งผมสอบเข้าคณะและมหาวิทยาลัยเดียวกับเฟยได้ แต่เขาไม่ได้มีท่าทีว่าจำผมได้เลย เขาดูมีความสุขดี ไม่รับรู้ว่าผมคือคนที่เขาเคยหลอกอะไรไว้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระสำหรับคนอื่น แต่สำหรับผมแค่เท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้ผมเริ่มแผนเอาคืนเฟย โทษฐานที่ลืมกัน





ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Maytbb

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1763
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-4
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #148 เมื่อ01-02-2016 09:39:08 »

แค่นี้ยังไม่ได้ครึ่งที่เฟยทำไว้เลยกานต์ คราวนี้กานต์ก็เสียใจมากกว่าอยู่ดีไม่ใช่เหรอ   :hao5:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
Re: ***พลาดรัก*** บทที่ 16 หน้า 5 (01-02-16)
«ตอบ #149 เมื่อ01-02-2016 13:35:34 »

ทำไมอดีตเฟยต้องทำกับกานต์แบบนั้น
แล้วมีอะไรเฟยถึงจำกานต์ไม่ได้ล่ะ
ไม่ใช่แค่คนที่เคยโดนสวนกันเท่านั้นนะ
เฟยเคยหลอกและทำร้ายกานต์มาหนักขนาดนั้น
ว่าแต่ใครย้อนกลับมาช่วยเฟยกันนะ
หรือว่าจะเป็นแก๊ป แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้

มาต่อเร็วๆนะ ปมเพิ่มอีกแล้ว

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด