บทส่งท้าย 7 ปีให้หลัง…
บ้านหลังน้อยของผมยังคงสงบสุขเช่นเคย กลเรียนจบโดยใช้เวลาเพียงแค่สามปี ที่จริงเจ้าตัวสามารถทำได้ไวกว่านั้น ติดที่ต้องคอยเทียวไปทำงานกับพี่วินเสมอ พอเรียนจบก็บรรจุเป็นขี้ข้า เอ๊ย พนักงานบริษัทพี่วินอย่างเต็มภาคภูมิ ส่วนผม อัดเรียนจะเป็นจะตาย ในที่สุดก็จบพร้อมเพื่อน ได้รับปริญญาพร้อมกับรุ่นเดียวกัน
จริงสิ สาวลินเขาเรียนจบแล้วเหมือนกันนะครับ เวลาผ่านไปตั้งเจ็ดปีแล้วนี่ แถมยังแต่งงานกับไวไวสมใจ มีลูกสาวน่ารักหนึ่งคน ตอนนี้อายุหนึ่งขวบชื่อ ‘วิไลรัตน์’ หรือหนูวิ ไวภพมันบีบคอผมให้ช่วยตั้งชื่อลูก เลยได้เป็นชื่อนี้แหละ แปลว่า งามอย่างมีค่า เพราะดีใช่มั้ยล่ะ ลินชอบชื่อนี้มากเลย
ถามถึงลูกผมเหรอ? แหม เขิน ความจริงผมกับกลมีลูกนะครับ แค่ยังไม่เกิด กำลังอยู่ในท้องเลย มองไปไหน ท้องผมมีแต่กล้ามพุงไม่มีลูกหรอก! ลูกของผมฝากไว้ที่ท้องลินต่างหาก
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
วันหยุดนัดรวมพลกับที่ร้านอาหาร ระหว่างที่ผมกำลังช่วยลินเลี้ยงหนูวิ กลมองด้วยรอยยิ้มมุมปาก เดี๋ยวนี้หมาป่าหนุ่มยิ้มบ่อยขึ้น ไม่เอะอะทำหน้าเป็นรูปปั้นเหมือนสมัยก่อน ไวไวเท้าคางมองภาพตรงหน้า
“ดูพวกนายอยากมีลูกนะ ไม่มีสักคนเหรอ”
ไวไวถามพาซื่อ ก่อนถูกเมียเด็กควบตำแหน่งสามี มีนมกระทืบเท้าจนร้องโอดโอย พนักงานเดินผ่านถึงกับสะดุ้ง คนโดนทำร้ายโบกมือยิ้มแห้งให้พนักงานเดินจากไป
“มีลูกงั้นเหรอ...” ผมพึมพำ ความจริงผมชอบเด็กนะ ส่วนกลแม้เจ้าตัวจะไม่ชอบ แต่ถ้าเป็นลูกตัวเอง ใครๆ ก็อยากมี ไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ฝันอย่างสร้างครอบครัวอบอุ่น ผู้ชายเองก็เหมือนกัน ผมถอนหายใจ ส่วนกลกลับไปทำหน้านิ่งตามเดิม ถึงจะบอกว่ายิ้มบ่อยขึ้น มันเฉพาะเวลาอยู่กับคนสนิทอ่ะนะ
ผมอุ้มหนูวิจากรถเข็นมานั่งตัก หนูวิน่ารัก ผมสีดำเหมือนพ่อ ผิวขาวตีสีฟ้าเหมือนแม่ ผมกอดน้วยแก้ม เด็กคนนี้ผมช่วยลินเลี้ยงมาเองเชียวนะ
“พวกฉันมีได้ที่ไหน ไม่เป็นไรหรอก มีเจ้าหญิงน้อยๆ อย่างหนูวิอยู่แล้วทั้งคน”
สองสามีภรรยาต่างวัยมองหน้ากัน สลับมองผมกับกล ไวไวดีดนิ้วเสนอ
“เดี๋ยวนี้เค้ามีวิทยาการทางการแพทย์สมัยใหม่เพื่อคนแบบพวกนายโดยเฉพาะ สามารถมีลูกที่มี DNA ของพวกนายทั้งคู่ได้”
กลส่ายหัวกับคำพูดของไวไว มือใหญ่วางแก้วกาแฟลง
“ยังไงต้องมีคนอุ้มท้อง ฉันไม่วางใจให้ใครมารู้มาอุ้มท้องลูกตัวเอง” น้ำเสียงราบเรียบพาให้ทุกคนส่ายหัว ผมแอบดีใจไปแวบหนึ่ง แค่แวบเดียวเท่านั้น ก็นะ ทำไงได้
“ฉันท้องให้เอง”
ผมหันขวับไปทางลิน สาวเจ้าแม่ลูกหนึ่ง แต่หุ่นยังดีเอ่ยขึ้นกลางวง ไวไวมันอ้าปากค้าง
“ฉันบอกว่า ฉันจะอุ้มท้องให้” ลินยังคงยืนยันคำเดิม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายความพึงพอใจ
“ถ้าเป็นลินฉันโอเค”
“เฮ้ย! ไม่ได้ จะทำลูกสาวเค้าท้องถามสามีกับครอบครัวเขายัง” ผมปฏิเสธ ลินเหมือนน้องสาวผมอีกคนนะ จะเอาแต่ใจโดยไม่คำนึงถึงคนอื่นไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันขอเวลาสามวัน จะเคลียร์ทุกอย่างแล้วมาให้คำตอบพวกนาย”
“ตกลง”
ไอ้ลูกหมา!! พวกนายทำอย่างกับกำลังเจรจาธุรกิจ นี่มันเรื่องใหญ่นะเหวย ดูสามีเธอมั่งลิน วิญญาณมันออกจากปากแล้วนั่น สรุป หลังจากนั้นสามวันลินโทรมาให้คำตอบจริงๆ บอกว่าทุกคนไฟเขียวหมดไม่มีปัญหา ผมยังไม่วางใจ อาศัยช่วงกลไปทำงานขับรถไปถามครอบครัวบ้านลินกับไวไวด้วยตัวเอง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ผมเหมือนลูกหลานอีกคน แถมยังช่วยเลี้ยงหลาน ที่สำคัญไม่ได้พากันไปทำอะไรแย่ๆ ดังนั้นตามสบาย
ผมขมวดคิ้ว ไม่ใช่ว่าทุกคนขัดลินไม่ได้หรอกเหรอ เอาวะ ยังมีไวไวอีกคน ผมไปรอดักมันเลิกงาน จะบอกว่าผมว่างงานอยู่บ้านให้สามีเด็กทำงานหาเลี้ยงไม่ใช่นะ ผมทำงานฟรีแลนซ์อยู่บ้านต่างหาก
พอไวไวออกจากบริษัท ผมเข้าไปตะครุบตัวลากขึ้นรถมาคุย
“อะไรเนี่ย ทำอย่างกับจะลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่”
“พวกฉันมีเงินพอ ไม่ต้องเรียกค่าไถ่กระต่ายจนๆ อย่างนายหรอก”
ไวไวมันถลึงตาใส่ ฮ่าๆ ความจริงมันไม่จนหรอก มีแบบพอเพียง
“แล้วตกลงมีไร ลากฉันมา เรื่องลินใช่มั้ย ขอบอกเลยว่าลินจัดการคุยเองทั้งหมด”
“อ้าว แล้วนายโอเคเหรอ ท้องเลยนะเว้ย แถมไม่ใช่ลูกนายอีก” ไหงไวไวมันทำหน้าโกรธเหมือนผมเอาเหรียญไปขูดมอไซค์ที่เพิ่งถอยมาใหม่กัน
“ไม่ใช่ลูกฉัน แต่นายเป็นเพื่อนฉัน บอกตามตรง ทีแรกฉันเองก็ลังเล พอได้ยินนายพูดแบบนี้ ตกลงมันเลยแล้วกัน” เวร กระต่ายมีงอน
หลังจากนั้นคงไม่ต้องบรรยายมาก พวกเราสองครอบครัวมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นทุกวันนี้ ปัจจุบัน ผมกำลังบรรจุขนมใส่กล่องไปถวายแม่ลินที่ใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มที ผมเลยต้องแวะเวียนไปหาบ่อยๆ
ใครจะรู้ล่ะว่าวันนี้จะแจ็คพอตไปนั่งตดไม่ทันหายเหม็น ลินเจ็บท้องใกล้คลอด ผมรีบอุ้มลินขึ้นรถกับกระเตงหนูวิ ซิ่งไปโรงพยาบาลโดยด่วน หลังจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กลกับไวไวตามมาสมทบ ขนาดสองพี่ชายวินชินยังตามมาด้วย ผมมองสองคนนั้นด้วยความสงสัย
“พวกพี่ทิ้งบริษัทมาไม่เป็นไรเรอะ”
“บริษัทขาดพี่ไปไม่กี่ชั่วโมงไม่ถึงกับล้มละลายหรอก ยังมีคนอื่นในแผนกอีก” เอิ่ม พี่วิน พี่แช่งแบบนั้นไม่ดีมั้ง
เหล่าชายหนุ่มทั้งหลายเดินวนไปเวียนมาอยู่หน้าห้องคลอด แต่ละคนพกดีกรีความหล่อมาแบบจัดเต็ม แถมยังมีให้เลือกตั้งแต่ยี่สิบต้นๆ แบบกล ค่อนมาทางกลางอย่างผมกับไวไว และขึ้นเลขสามอย่างพวกพี่วิน นางพยาบาลสาวๆ ไม่มีใครมากล้าดุ จนกระทั่งนางพยาบาลรุ่นป้าโผล่มาเราถึงยอมนั่งกันสงบเสงี่ยมได้
เวลาหนึ่งนาทีนานนับปี ผมเวอร์เหรอ ไม่เวอร์หรอก ทุกคนตื่นเต้นจนมือสั่น ไวไวหนักสุด เป็นห่วงภรรยามาก และแล้วการรอคอยก็จบลง เสียงเด็กร้องไห้จ้าดังออกมา พร้อมกับผู้ช่วยแพทย์อุ้มเด็กน้อยในห่อผ้ามาให้พวกเรา
“เป็นเด็กผู้ชายค่ะ แข็งแรงมากเลย คุณแม่เองก็สุขภาพดี ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกดังขึ้นพร้อมเพรียง เราดูลูกและดูลิน ไวไวจับมือภรรยา ลูบผมชื้นเหงื่อ จูบหน้าผากด้วยความรัก ลินเพียงยิ้มบางด้วยความอ่อนเพลีย ผมเห็นกลเดินเข้าไปพูดกับลินเบาๆ
“ขอบคุณ... ขอบคุณที่มอบเด็กคนนี้ให้พวกเรา”
ผมอุ้มเจ้าตัวเล็กอยู่ พูดกับลินทั้งที่น้ำตาคลออย่างดีใจ
“ขอบคุณมากลิน”
ทั้งที่อ่อนเพลีย แต่ลินกลับยิ้มได้อย่างงดงามที่สุด กลโอบบ่าผม ขณะที่ไวไวตามดูภรรยา เพื่อนผมมันโชคดี ได้นางฟ้าคนนี้มาเป็นคู่ชีวิต
ลินพักฟื้นหลังคลอดที่โรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายทั้งหมดกลเป็นคนออก ผมงดรับงานฟรีแลนซ์ชั่วคราวเพื่อดูแม่ลินกับเด็กน้อยทั้งสองเต็มที่ ลินคลอดแบบธรรมชาติเลยใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน เด็กน้อยก็แข็งแรงดี ช่วงนั้นผมเลยแทบจะไปสถิตอยู่เรือนหอของไวไวกับลิน รอกระทั่งเจ้าตัวเล็กหย่านมถึงพามาเลี้ยงที่บ้าน
ขอบอกไว้ก่อน กลกับพี่วินเห่อมาก พี่วินขยันกลับบ้านบ่อยที่สุดในรอบสิบปี ลำบากพี่ชินถูกโยนงานใส่หัว ทั้งที่อยากมาใจจะขาดแต่ไม่ค่อยได้รับโอกาสสักเท่าไหร่ ส่วนกลตอนนี้กลายเป็นพ่อลูกอ่อน งานส่วนใหญ่ถ้าไม่จำเป็นต้องทำที่บริษัทก็จะขนกลับมาทำที่บ้าน
ผมกำลังพับผ้าอ้อม ทำความสะอาดบ้าน ขุนพลกับนายท่านนอนหงายห่างจากกลางบ้านที่ปูผ้าไว้สำหรับตาหนู กลสั่งคำขาด ห้ามลูกชายหน้าขนทั้งสองเข้ามาในรัศมีที่นอนเด็กเด็ดขาด ขุนพลที่ตอนนี้ตัวใหญ่อย่างกับหมี เป็นแมวที่โดนเลี้ยงเหมือนน้องโฮ่งรับฟังคำสั่งแต่โดยดี เว้นนายท่านต้องตบตีกันพักหนึ่งถึงจะแบ่งอาณาเขตได้
พ่อผมหรือปู่เจ้าตัวเล็ก ตั้งชื่อให้ว่า ‘อติวิชญ์’ แปลว่า นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้มีตระกูลสูง ชื่อช่างยิ่งใหญ่ดีจริงๆ ดูอลังกว่าชื่อผมกับพี่วินซะอีก บ่งบอกความหลง ยังไม่นับพ่อแม่กล ทางนั้นซื้อของใช้เกี่ยวกับเด็กส่งมาเพียบกะใช้ยาวยันสิบขวบเลยมั้ง ผมถอนหายใจปลง
“วัตสอนพับผ้าอ้อมหน่อย”
ผมหันไปเลิกคิ้ว ชะโงกมองตินน้อย
“กินนมแล้วให้เรอรึยัง” กลรับหน้าที่ป้อนนมลูก เพราะผมกล่อมทีไรหลับเองทุกที เลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดผมมีประสบการณ์จากการช่วยลินเลี้ยงหนูวิ ยังเหนื่อยแทบแย่ แต่เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขนะ
“อืม” พ่อกลรับคำใช้ผ้าอ้อมเช็ดน้ำลายมุมปากตัวเล็ก
“แล้วไม่พาลูกไปนอนบนเบาะดีๆ แบบนี้จะสอนพับยังไง”
ผมขยับเข้าไปนั่งข้างๆ กลหันมาเลิกคิ้วใส่ มีตัวเล็กนอนอยู่บนตัก ท่าทางหลับสบาย ยิ่งหลับตาแบบนี้ถอดพิมพ์พ่อชะมัด ตินผมสีเดียวกับกล ผิวเข้มด้วย มีแค่ตาที่เป็นสีเทาแบบผม
“ไม่เอา พับได้” อ่ะจ๊ะ คุณพ่อติดลูก ผมสอนกลพับ ทุกอย่างเก่งหมด แต่พวกงานฝีมือไม่เอาอ่าว หน้าที่นี้เลยกลายเป็นของผมต่อไป
บ้านผมกับบ้านไวไวคล้ายจะดองกันกลายๆ พอตินโตพอจะพูดได้ ผมสอนให้ลูกเรียกลินว่าแม่ ส่วนไวไวจะเรียกว่าอะไรก็ตามใจเถอะ เราส่งให้หนูวิกับตินเรียนโรงเรียนเดียวกัน ทั้งคู่อายุห่างกันหนึ่งปี วิพยายามทำตัวเป็นพี่สาวเต็มที่ แต่เจ้าตินน้อยมันไม่นำพาเหมือนพ่อ หน้ามึนทำราวกับวิเป็นเพื่อนวัยเดียวกัน ทั้งที่ตัวเองอายุน้อยกว่า
ผมชักกลุ้มแล้วสิ เล่นโขกพิมพ์กลมาเรียบวุธแบบนี้ อนาคตจะเป็นยังไงเนี่ย ถึงงั้นเด็กสองคนก็รักกันดีนะ ไปโรงเรียนด้วยกัน กลับบ้านพร้อมกัน น่าสงสารไวไวตรงที่วิดันห้าวแป้งเหมือนแม่ สมัยลินยังมีทางบ้านคุมเลยพอเป็นกุลสตรี หนูวินี่ไม่ใช่ ยิ่งมีเพื่อนเล่นเป็นตินจอมซน ทำตัวเหมือนเด็กผู้ชายจนไวไวปวดหัว มาบ่นกับผมแทบทุกวัน
ผมได้แต่ปลอบมันไป บอกให้มันส่งลูกสาวสุดที่รักไปบ้านลินเยอะๆ จะได้ถูกจับฝึกความเป็นหญิงมาบ้าง ซึ่งมันได้ผล หนูวิเวลาอยู่กับผู้ใหญ่จะเรียบร้อยน่ารัก อย่าให้อยู่กับวัยเดียวกันเชียว น่ากลัวว่าเด็กผู้ชายบางคนยังแมนไม่เท่า
วันเกิดตินอายุสิบสอง หนูวิอายุสิบสี่ พี่วินส่งของขวัญสุดพิเศษมาให้เด็กทั้งคู่ เครื่องเล่นเกมรุ่นใหม่ล่าสุด ฉบับปรับปรุง เห็นว่าอายุพอจะเล่นได้แล้ว เลยส่งเครื่องมาให้ กลไม่มีทีท่าแปลกใจคงจะรู้อยู่แล้ว คืนนั้นผมเลยปล่อยให้ลูกชายลองเข้าไปสัมผัสเกมที่ลุงกับพ่อกำลังดูแลอยู่ แต่มีของหลอกล่อเล็กๆ น้อยๆ
“ติน พ่อมีอะไรสนุกๆ ให้ลูกทำ”
เจ้าตัวเล็กตาวาว ผละจากการขยำขุนพลมาเกาะแขนผม
“อะไรครับแม่ บอกมาเร็วๆ” ผมปลงในใจ ตินฉลาดสมสายเลือด เวลาอยู่กับคนนอกจะเรียกผมว่าพ่อ ถ้าอยู่กับคนกันเองจะเรียกแม่แบบเต็มปากเต็มคำ ส่วนสาเหตุที่ลูกผมกระตือรือร้นขนาดนี้ เพราะผมชอบหาอะไรแปลกๆ ให้ลูกทำเสมอ แน่นอน ทั้งหมดย่อมอยู่ในความปลอดภัย ไม่งั้นผมนี่แหละจะโดนกลลงโทษแบบหนักหน่วง ฮือออ
“พอเข้าเกมไปให้หาหนูวิให้เจอ พากันเก็บระดับแล้วมาที่เมืองหลวงทวีปแรก แม่จะรออยู่ที่นั่นพร้อมของรางวัล ถ้าใช้เวลาเกินหนึ่งเดือน ถือว่าอดของนะ”
“ระดับผม แม่เตรียมของรางวัลรอไว้ได้เลย!”
เจ้าตัวดีประกาศอย่างมุ่งมั่น กลเพิ่งกลับมาถึงมองหรี่ตามองผมทันที อะไรฟะ มองอย่างกับผมพาลูกซน
“ยินดีต้อนรับกลับครับ” ตินหันไปทักยกมือไหว้พ่อสวยๆ ผมสอนลูกมาดี ยืดอก กลพยักหน้า แต่ไหงตามันจ้องผมตลอดเลยฟะ
“แม่วัตจะพาไปเล่นอะไรพิเรนทร์อีกติน” เล่นถามลูกชาย คิดว่าเด็กไม่โกหกล่ะสิ เด็กคนอื่นใช่นะ เว้นเด็กบ้านเรา พ่อแม่ร้ายน้อยกันซะเมื่อไหร่ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นหรอก
“เปล่านะ แม่วัตแค่บอกว่าเล่นเกมให้ระวังตัวดีๆ”
น่าน รางวัลตุ๊กตาทองมาเลย ท่าทางแบบนี้เหมือนใคร กลยิ่งจ้องผมหนักกว่าเดิม แต่ไม่พูดอะไร เราทานข้าวนั่งดูทีวีด้วยกัน คุยจนถึงเวลานอน หลังส่งลูกชายเข้าห้องเสร็จ กลหันขวับลากผมเข้าห้องทันที เฮ้ย!! อย่ามา คิดจะปั้มคนที่สองเรอะ ไม่ยอมหรอกนะเฟ้ย
“บอกให้ลูกทำอะไรหืม?” หางประโยคส่งเสียงต่ำในคอ ใบหน้าหล่อคมคายขยับชิด ตอนนี้กลสูงกว่าผมอย่างเห็นได้ชัด แถมยังหล่อมากขึ้นอย่างไม่น่าให้อภัย ออร่าความเป็นผู้ใหญ่ช่างร้ายกาจ
“ไม่ใช่เรื่องอันตรายแน่นอน”
กลหรี่ตามอง ยกยิ้มมุมปาก สัญญาณของความซวยมาเยือนผม
“ไม่เป็นไร ดูซิจะปากแข็งได้นานแค่ไหน”
ผมถูกคร่อมอยู่บนเตียง เรื่องหลังจากนี้ขอไม่พูดถึง รู้แค่ว่าวันต่อมา มื้อเช้ากลายเป็นฝีมือกลเพราะผมลุกไม่ขึ้น
ตินฉายแววติดเกมเหมือนผมไม่มีผิด แต่ผมจัดการสั่งให้แบ่งเวลาอย่างดี อีกอย่างตินกลัวกล ถึงจะรักลูกปานนั้น พอดุทีโคตรน่ากลัว ขนาดผมยังสะพรึง เวลาผ่านไปสามอาทิตย์ เจ้าลูกชายมาบอกผมว่าให้เตรียมของรางวัลไว้เลย ผมอมยิ้มพยักหน้าอือออไป
ตอนนี้เกมพี่วินถูกอัพแพทจนเลเวลตันอยู่ที่สามร้อยจะสี่ร้อยอยู่รอมร่อ แมพก็กว้างมากขึ้น สมัยผมเล่นมีแค่ทวีปต้น ตอนนี้มีเพิ่มอีกสามทวีป ผจญภัยกันสนุก ปัจจุบัน แม้เวลาเล่นเกมจะน้อยลง แต่เรายังเข้าไปเล่นกันสม่ำเสมอ ผมสร้างกิลด์เป็นของตัวเอง สมาชิกหลักมีปาร์ตี้ผมสี่คน พวกทัต พวกดาลี่ และรุ่นพี่รุ่นน้องที่เคยเรียนด้วยกันตอนมหาลัย จนติดอันดับ 1 ใน 10 ของกิลด์เทพ
พวกผมกำลังลุยดันอยู่ทวีประดับสามร้อยขึ้น ต้องเดินทางข้ามทวีปกลับมาทวีปต้นเพื่อรอรับเด็กน้อยทั้งสอง
ฝั่งลูกชาย...
หนุ่มน้อยหูหางหมาป่ากำลังเผชิญหน้าอยู่กับเด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง ข้างกายมีเด็กผู้หญิงหูกระต่ายกำลังกอดอพองลมเข้าแก้มไม่พอใจ
“พวกนายแย่งมอนสเตอร์เรา!”
เสียงเล็กโวยวาย ส่วนตินทำเพียงแค่ยืนมองนิ่ง หากใครมาเห็นคงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมือนพ่อไม่มีผิด
“เด็กน้อย ฝีมืออ่อนหัดเองอย่ามาทำโวยวาย กลับบ้านไปกินนมนอนไป๊”
ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดอีก กระต่ายวิเรียกคทาหัวกะโหลกเอามาฟาดใส่แบบไม่เกรงใจ พอเห็นว่าพี่ตัวเองลุย ตินไม่น้อยหน้าหยิบกรงเล็บเหล็กออกมาตามจวก เด็กทั้งสองอาศัยสภาพแวดล้อมในป่า กับความสามารถทางคำสาปของตัวเองสร้างความได้เปรียบ
เด็กยังคงเป็นเด็ก แม้ระดับไม่ห่างกันเท่าไหร่ ยังไงก็ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของคนอายุมากกว่า คมดาบฟัดจนลูกหมาป่าเกิดรอยแผลที่ด้านหลังเป็นทางยาว ลูกกระต่ายยิ่งเห็นน้องเจ็บยิ่งโมโห กระโดดถีบจนเจ้าคนนั้นปลิว เกิดเป็นสงครามขนาดย่อม
“ตินเป็นไงบ้าง” วิถามขณะจ้องพวกนั้นเขม็ง
“เจ็บ แต่ไม่เท่าไหร่” ลูกหมาป่าแสยะยิ้มเห็นเขี้ยวที่ยาวกว่าผู้เล่นคำสาปหมาป่าทั่วไป ร่างปราดเปรียวอาศัยพุ่มหญ้ากระโดดเกาะเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งจากทางด้านหลัง ก่อนจะอ้าปากกดคมเขี้ยวกัดคอสูบเลือดมาฟื้นพลังให้ตัวเอง
คนโดนทำร้ายรีบคว้าแล้วโยนทิ้ง กุมคอติดสถานะเลือดลดตลอดเวลา มองเจ้าเด็กแสบด้วยดวงตาแดงก่ำฉายความโกรธ
“พวกเอ็งระวัง ไอ้เด็กหมาป่ามันเป็นลูกครึ่งแวมไพร์!!”
คำสาปลูกครึ่งของแรร์ที่หาได้ยากในเกมสร้างความรำคาญให้พวกเขาไม่น้อย วิแกว่งคทาร่ายเวทเรียกทหารโครงกระดูกออกมาหนึ่งตัวช่วยในการต่อสู้
“บ้าเอ๊ย ยัยกระต่ายมันใช้เวทเนโครแมนเซอร์ได้”
ทีแรกเหมือนจะได้เปรียบ พอเวลาผ่านไปไม่กี่นาที เด็กทั้งสองถูกต้อนให้จนมุม ยังไงก็ไม่สามารถสู้กลุ่มคนพวกนี้ได้
“กลับบ้านไปนอนนะหนูๆ ทั้งหลาย”
ตัวหัวหน้ายกดาบขึ้นสูง หมายเก็บงานรวดเดียว เด็กทั้งสองได้แต่จ้องด้วยความโมโห จำหน้าทุกคนไว้ ค่อยดูเถอะ เทพกว่านี้เมื่อไหร่จะไล่ฆ่าให้สุดขอบทวีป จังกวะที่คมดาบใกล้ถึงตัว จู่ๆ มีคมเคียวขนาดใหญ่ปักขวางเอาไว้ เกิดเสียงกระทบกันก้องกังวาลไปทั่ว พอเงยหน้าขึ้นมอง เห็นชายผมทองดวงตาสีเทา แสยะยิ้มแยะขี้ยวนั่งยองๆ อยู่ปลายด้ามเคียวสีเลือด แผ่นหลังมีปีกค้างคาวเพราะรีบเร่งมา
“ก็ว่า ทำไมพวกลูกถึงมาช้านัก เจอพวกเกรียนนี่เอง”
จบคำ ข้างกายปรากฏชายร่างสูงอีกคน ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเย็นเยือก หรี่มองสภาพลูกชายสลับคนพวกนั้น กรงเล็บเหล็กรุ่นต้นฉบับถูกเรียกออกมาเตรียมพร้อม
เหล่าเด็กเกรียนกลืนน้ำลายอึก ภาพเบื้องหน้าชัดเจนแบบไม่ต้องมีคำบรรยาย ปากแวมไพร์บอกว่าลูก ข้างกายมีหมาป่าที่เหมือนเจ้าลูกหมาป่าแบบสุดๆ
“ทำไมไม่ซัดมันให้หมอบ” เสียงทุ้มมีเสน่ห์ดังมาจากชายผมทองในชุดพ่อมดสีดำ กับกระต่ายสวมหน้ากากโจ๊กเกอร์ส่งยาฟื้นพลังให้แก่เด็กน้อยทั้งสอง
“พ่อ!/แม่!” เด็กสองคนเรียกประสานเสียง คนพวกนั้นคิดจะวิ่งหนี กลับถูกดักด้วยด้ายใช้อาวุธหรือเวทมนต์เท่าไหร่ ก็ไม่อาจฝ่าออกไปได้ กระต่ายโจ๊กเกอร์ลุกขึ้นหันมามองเชื่องช้า เวลานี้สีหน้าบนหน้ากาก ดูน่ากลัวยิ่งกว่าอะไร
“เกรียนแบบนี้ ต้องเจอเกรียนกว่า”
แวมไพร์กระโดลงมายืนยิ้มร่าเริง ดวงตาพราวระยับอย่างนึกสนุกเต็มที่ ผมติดต่อเพื่อนในกิลด์แบบจงใจให้พวกนี้ได้ยินด้วย มันตั้งค่าได้หลังแพทใหม่
“พอดีมีคนมารังแกลูกฉัน กำลังจะเชือดพวกมันกลับเมืองหลวงทวีปต้น ใครอยู่แถวนั้นหรืออยู่ใกล้ช่วยไปฆ่ามันซ้ำๆ ให้ที”
/กำหนดรึเปล่า ว่าต้องฆ่ากี่ครั้ง/
“ไม่ เอาที่พวกนายพอใจเลย”
/ตกลง เฮ้ย พวกเรา มีกระสอบทรายมาแล้ว!/
เสียงที่ตอบกลับมาคือเสียงดาลี่ ผมหัวเราะอย่างเบิกบานก่อนลงมือเชือดแบบให้ตายช้าหน่อย เจ้าพวกนี้หน้าซีดตัวสั่น คงจะนึกออกแล้วล่ะสิ ว่าหน้าพวกผมอยู่ในกิลติดอันดับ ที่สำคัญ ตูเป็นหัวหน้ากิลด์ด้วยเฟ้ย! รังแกลูกข้า พวกเอ็งตายยยยยย!!
ผมปัดๆ มือหลังจัดการพวกนั้นจนหมด กลเปลี่ยนร่างเป็นหมาป่าให้เด็กทั้งสองขี่หลังกลับเมือง อ่อ ตอนนี้ผมมีบ้านกิลด์ที่เมืองหลวงด้วยนะ ผลจากการชนะอีเว้นท์สงครามกิลด์ตอนต้นเดือน
“โห พวกพ่อเท่จังเลย หนูอยากเท่แบบนั้นบ้าง แล้วพ่อมดคือแม่ลินใช่มั้ย คุณแม่หล่อมากค่ะ กรี๊ดดด”
หนูวิดี๊ด๊าดีใจเข้าไปกอดฟัดแม่ในโหมดผู้ชาย ขณะที่ไวไวถอดหน้ากากออกถอนหายใจ ผมมองลูกชายที่จ้องเราเขม็ง มือยื่นไปขยี้หัวจนผมยุ่ง หูหมานี่น่ารักจังน้า คว้าลูกมาฟัดให้ขนยับ
“แม่ปล่อยก่อน เรื่องรางวัลจะเอายังไงดี แม่เล่นไปรับพวกผมแบบนี้” พูดถึงรางวัล หูกระต่ายของหนูวิกระดิก เปลี่ยนเป้าหมายจากแม่ตัวเองเป็นผมฉับไว
“อาวัตคะ พวกเราจะไม่ได้รางวัลเหรอ” ผมบอกให้หนูวิเรียกว่าอาเองแหละ ไม่อยากแก่เป็นลุง กระซิก
“ได้สิ ป่าตรงนั้นถึงเขตเมืองหลวงแล้ว”
“ไหนรางวัลครับ!” ลูกหมาป่าส่ายหางแทบหลุด ผมหัวเราะลั่นหยิบกล่องคุ้นหน้าคุ้นตาออกมาจากกระเป๋าข้างเอว กระเป๋าใบเดิมที่กลทำให้ฉบับปรับปรุง
เหล่าพ่อแม่ พอเห็นกล่องที่ว่าทำหน้าขยาดกันยกเว้นลิน ผมบอกลูกชายด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“พอพวกเราออกไปด้านนอกแล้ว ลูกค่อยเปิดและเดินตามออกมานะ”
ปกติตินน่าจะสังเกตเห็นความผิดปกติของผมได้ เพราะมันเพิ่มความชั่วร้ายอีกหลายระดับ ในเวลานี้เจ้าตัวกำลังดีใจเลยไม่ได้มองแม่ตัวเอง
“ขอให้โชคดีนะเด็กๆ” ลินอวยพรแล้วพวกเราก็ออกมายืนรอด้านนอกอย่างสงบ ผมพาลูกทั้งสองเข้าปาร์ตี้ด้วย เสียงแจ้งเตือนจากระบบเลยได้ยินโดยทั่วกัน
กล่องปริศนา เปลี่ยนเป็น กล่องความแค้นของเจ้าชายกบ ไอความแค้นจะมีผลกับคำสาปที่ติดตัวผู้เล่นมาตั้งแต่เริ่มเกม ขอให้โชคดี
เกิดเสียงดังปุ้ง ควันขาวลอยออกมาตามซอกประตู พอเด็กสองคนเปิดประตูออกมา ผมแทบลงไปขำกลิ้งอยู่บนพื้น ขนาดกลที่ว่านิ่งยังหันหน้าหลบกลั้นหัวเราะไหล่สั่น ไม่ต้องพูดถึงไวไวกับลินเลย
หนูวิเดินออกมาด้วยใบหน้ามึนๆ หูหางกระต่ายยังมีตามเดิม รูปร่างดันเปลี่ยนเป็นเด็กผู้ชาย แค่นั้นอาจจะดีถ้าใบหน้าไม่ใช่มนุษย์มีหนวดแถมฟันแบบกระต่ายเป๊ะ
ตินลูกผมสภาพไม่ดีกว่ากันสักเท่าไหร่ กลายเป็นลูกหมาน้อยของจริงที่ติดปีกค้างคาว ท่าทางน่ารักน่าชัง ขาสั้นตัวอ้วนพุงกลมเชียว
เด็กน้อยทั้งสองเห็นพ่อแม่หัวเราะเยาะได้อย่างใจจืดใจดำ ตินพุ่งเข้ามากัดผมก่อนจะไปตีปีกโวยวายเป็นภาษาลูกหมาหงิงๆ งี๊ดๆ กับพ่อกล ทางวิกระโดดเอาหัวโหม่งคางพ่อ ชกพุงแม่แบบไม่เกรงใจ ก่อนที่ลูกจะเกิดปมด้อย ผมหยิบขวดโรยผงล้างคำสาปเจ้าชายกบให้ทั้งคู่ รู้สึกคำสาปมันแอดวานซ์กว่าสมัยผมอีกแฮะ บริษัทพี่วินนี่เหลือเกินจริงๆ
เราสองครอบครัวมาจูงมือเดินเล่นกันในเกม เป็นเป้าสายตาคนอื่น หลายคนซุบซิบเราไม่สนใจ อิจฉาก็บอกมา กลุ่มคนหล่อกับเด็กน้อยสุดน่ารักตั้งสองคนเชียวนะ
“ถ้าพ่อวัตให้กล่องบ้านั่นเป็นของรางวัลจริงๆ วันแม่ปีนี้ผมจะให้พ่อไปแทน”
ผมกอดลูกชายที่กำลังส่ายหางเกรี้ยวกราดจากทางด้านหลัง
“ไม่เอาน่า แค่แหย่เล่นหน่อยเดียวเอง รางวัลของจริงก็ชอบไม่ใช่เหรอ”
ลูกหมาน้อยจับสร้อยเชือกที่คอตัวเอง มันเป็นเขี้ยวของผมกับกลคุณสมบัติสารพัด ของดีที่หาซื้อไม่ได้
“งอนเป็นเด็กๆ ไหนบอกว่าโตแล้วไง” ไวไวที่กลับมาสวมหน้ากากออกปากแซวหลาน ตินพูดเสียงเรียบเรื่อย
“ไม่เข้าใจ ทำไมแม่ลินถึงยอมแต่งกับลุงไวไว ผู้ใหญ่อะไรรังแกเด็ก”
กระต่ายโจ๊กเกอร์เอาคทาเคาะหัว
“ให้มันน้อยๆ หน่อย แม่ลินของนายมันภรรยาฉัน อีกอย่าง คนที่รังแก มันแม่นายมากกว่ามั้ง”
ไอ้กระต่ายนี่ คนกำลังง้อลูก เดี๋ยวปั๊ดเสยด้วยเคียว เสียงใสๆ ของหนูวิเอ่ยขึ้นพร้อมกับชะโงกใบหน้ามาคุยด้วย ในวงแขนอุ้มตุ๊กตาวูดูกระต่าย ไม่รู้น่ารักตรงไหน ออกจะหลอนเหมือนคุณสมบัติมันเลย ผมขอไม่พูดถึงแล้วกัน
“แล้วพวกเรากำลังจะไปไหนเหรอคะ”
พวกผมทุกคนหัวเราะหึในคอ
“สร้างทายาทอสูรไงล่ะ เราจะลุยไปทั่วทุกที่” ผมตอบ สองเด็กน้อยตาวาว พร้อมกับพวกเราเริ่มออกเดินทางทันทีที่พ้นเมือง ไม่จำเป็นต้องขี่ม้า เพราะเราจะลุยทุกที่ ที่ผ่าน ไม่ว่าจะมอนสเตอร์ ดันเจี้ยน หรือบอสตัวไหน เตรียมใจล้างคอรอไว้ได้เลย กลุ่มปาร์ตี้สุดหล่อสาวน้อยน่ารักจะไปถล่มให้ราบ!
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
จบแล้วครับกับนิยายเรื่องนี้ รู้สึกดีใจมาก แถมยังรีไรท์ทั้งหมดไปหนึ่งรอบ
ทุกคอมเม้น ทุกคำติชมผมอ่านเสมอ รีไรท์ให้สมเหตุสมผลมากขึ้น หวังว่าทุกคนจะสนุกนะครับ
หลังจากนี้สามารถติดตามเรื่องแยกของพี่วินกับพี่ชินต่อไปได้จากกระทู้นี้
และผลงานนิยายวายเรื่องอื่น
หนุ่มวายยกกำลังสองแนวโชตะ [สถานะ:กำลังแต่ง]