[ที่รัก] วรรค ๑๐ (ส่วนแรก) / ๒๘ มีนาคม
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [ที่รัก] วรรค ๑๐ (ส่วนแรก) / ๒๘ มีนาคม  (อ่าน 12990 ครั้ง)

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
Re: [ที่รัก] วรรค ๗ / ๑๙ มีนาคม
«ตอบ #30 เมื่อ19-03-2015 17:01:36 »

 :m2: :m2: :m2: :m2: :m2:  ฮือสงสารไอ้ขาม

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7
Re: [ที่รัก] วรรค ๗ / ๑๙ มีนาคม
«ตอบ #31 เมื่อ19-03-2015 17:36:57 »

เป็นอะไรที่เอ่ยยาก  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: [ที่รัก] วรรค ๗ / ๑๙ มีนาคม
«ตอบ #32 เมื่อ20-03-2015 08:04:17 »

ฮืออ  :mew6: สงสารขาม นายอย่าดุขามสิ 
เพราะรักและห่วงนายยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง ขาม ถึงเสียใจขนาดนี้
แต่ก็เพราะนาย ก็รักและห่วงขามเช่นกัน ถึงไม่อยากพาขามไปพบอันตราย
อย่าให้มีใครเป็นอะไรเลยน้า กลัวจังเลยอ่ะ



ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
Re: [ที่รัก] วรรค ๗ / ๑๙ มีนาคม
«ตอบ #33 เมื่อ20-03-2015 13:37:30 »

ขามงอแงซะ......นายคงอ่อนใจ เอ๊ะ หรือใจอ่อนไปแล้ว

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
Re: [ที่รัก] วรรค ๘ / ๒๑ มีนาคม
«ตอบ #34 เมื่อ21-03-2015 12:40:12 »

๘.

“......บึงบัวข้างวัดเจียกจร คือบึงที่ไอ้เข้กัดขาวัวใช่หรือไม่?”

นายปิดปากเงียบอยู่นานถึงเอ่ยปากถามในสิ่งที่ขามต้องอึ้งไปชั่วครู่ก่อนตอบ คำถามนี้ตอบไม่ยาก เสียแค่ไม่เข้าใจว่านายต้องการถามไปเพื่ออะไร?

“......ไม่ใช่ขอรับ บึงที่มีไอ้เข้คือบึงดอกโสน คุ้งน้ำกระโน้นขอรับ” ไม่พูดเปล่าขามยกแขนชี้ทิศทางของบึงนั้นให้นายดูด้วย

“งั้นเอ็งมีอะไรจะทำก็ไปทำ เสร็จแล้วมาหาข้า ข้าจะไปวัดเจียกจร”

พูดจบคนเป็นนายก้าวขาเดินสวนทางกับที่บ่าวคนสนิทกำลังนั่ง  บ่าวขยับเข่าหันไปหานายพร้อมเอ่ยถาม

“นายจะเอาบัวสีอะไรขอรับ? ประเดี๋ยวกระผมไปเก็บมาให้ แดดกลางบึงมันร้อนไม่มีร่มไม้ นายรอที่เรือนให้เย็นกายดีกว่า”

ตรีเพชรหยุดยืนฟังบ่าวคนสนิทพูดจนจบ แล้วถึงพูดพร้อมอมยิ้มที่มุมปาก “ข้ากลับมาแล้วยังมิได้ไปกราบหลวงปู่ วันนี้เห็นไม่มีธุระอะไร เลยจะเยี่ยมท่านหน่อย”

“อ้าว อย่างงั้นเหรอขอรับ แหะแหะ...” ขามหัวเราะแก้เก้อยกมือขวาขึ้นลูบหลังหัว

ตรีเพชรส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจแบบระอาเล็กน้อยแล้วเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่พูดอะไรอีก

เมื่อนายมีธุระ ขามจึงเร่งมือเท้า จัดเก็บถ้วยชามสำรับของนาย ยกลงไปข้างล่างวางไว้ที่หัวกระไดล่างสุด เพราะต้องทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จก่อน

โกยใบไม้แห้งใส่กระบุง ยกไปเทที่หลุมหลังเรือน เอาจอบขุดดินใกล้ๆนั้นกลบหนึ่งชั้นไม่หนา หนึ่งเพื่อกันใบไม้ปลิวออกจากหลุม สองพอใบแห้งผสมเคล้ากับดินตามธรรมชาติ เอาขี้วัวขี้ไก่ผสมทำเป็นปุ๋ยได้

เรือนแยกของนายตรีเพชรมีต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านสูงครึ้ม จึงทำให้มีใบไม้แห้งจำนวนหนึ่งทุกวัน กวาดทิ้งไปเฉยๆ น่าเสียดาย

เมื่อคืนรีบเดินมาหาถุงให้มะลิ เลยรีบหยิบผ้าผ่อนมาเปลี่ยนจำต้องไปอาบน้ำที่ท่า ผลัดเปลี่ยนชุดที่บ้าน

เพลานี้สายมากแล้ว อาบน้ำเสร็จผลัดผ้าที่ท่ามิเหมาะ บ่าวผู้หญิงอาจเดินผ่านมาเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นชายใช่ทำอะไรสบายๆ ตามใจ ควรคิดถึงหัวอกฝ่ายหญิงบ้าง เรื่องนี้แม่สอนไว้แต่เด็ก

ยกสำรับไปให้บ่าวในครัว กลับบ้านผลัดผ้า นุ่งผ้าขาวม้าไปอาบน้ำที่ท่า กลับมาผลัดผ้าที่บ้านทำทุกอย่างแบบไม่ชักช้า เสร็จแล้วก็รีบตรงไปหานาย

วัดเจียกจรอยู่ระแวกบ้าน ไปได้สองทางคือเดินไปกับนั่งเรือไป  เพราะนายตรีเพชรไม่อยากนั่งเสลี่ยง จึงพายเรือไปวัด

ขามจะเรียกไอ้เอี้ยงไปด้วย ช่วยกันพาย ไปช่วยกันดูแลนาย แต่นายกลับบอกว่าไม่เอา ไม่ชอบเป็นแม่ไก่ มีลูกเจี๊ยบเดินตามเป็นพรวน

เรือสำหรับนายมีหลายลำ ส่วนใหญ่เป็นลำใหญ่คุมลำบาก ขามเลยเอาเรือลำเดียวกับที่พายไปรับนาย พานายไปวัดเจียกจร

นายตรีเพชรนั่งกลางเรือเหมือนเช่นเคย แต่ครั้งนี้นั่งหันหน้าไปทางหัวเรือ

เห็นนายไม่รีบ ทั้งเห็นนายหันหน้ามองซ้ายมองขวา คล้ายว่าดูทัศนียภาพสองข้างคลอง ขามจึงค่อยๆ วาดพายแหวกเกลียวน้ำ พายด้านซ้ายสองสามที เปลี่ยนมาพายด้านขวาสองสามที สลับกันไป

หลวงปู่ที่วัดเจียกจร ก่อนนี้ท่านเป็นเจ้าอาวาส  ราวห้าปีก่อนท่านชราภาพมากแล้วจึงให้พระรูปอื่นเป็นแทน

หลวงปู่เป็นครูคนแรกของนายตรีเพชร ชื่อตรีเพชรก็หลวงปู่เป็นคนตั้งให้

ขามจำได้ขึ้นใจ ครั้งแรกที่ติดตามนายไปวัดเจียกจร ตัวเองราวอายุ 4 ขวบ ตอนนั้นยังไม่ใช่บ่าวคนสนิท บ่าวรับใช้ก็มิใช่ เป็นแค่บ่าวเพื่อนเล่นกับนายเท่านั้น

เจอหน้ากันครั้งแรก หลวงปู่ถามว่า: ชื่ออะไร

ตอบหลวงปู่ว่า: ขามขอรับ

หลวงปู่บอกว่า: มีบ่าวชื่อขามก็ดี น่าเกรงขาม

แย้งหลวงปู่ไปว่า: ไม่ใช่เกรงขาม กระผมชื่อมะขามต่างหากขอรับ

พูดความจริงกลับโดนหัวเราะใส่  ตอนนั้นไม่เข้าใจเลยว่านายตรีเพชรกับหลวงปู่หัวเราะเพราะอะไร  เวลานั้นยังเด็กมาก ถึงสงสัย ถึงไม่ค่อยพอใจ แต่วันนั้นก่อนออกจากวัดกลับบ้านก็ลืมไปซะแล้ว

ลืมไปสนิทเลยจริงๆ กระทั่งโตมาอายุได้ราว 14 หรือ15 นี่ละ ใครสักคนกระแซ็วนายว่ามีบ่าวคนสนิทชื่อขาม น่าเกรงขามจริงๆ

เป็นนายที่รื้อฟื้นความทรงจำให้  เลยได้รู้ตอนนั้นว่าเพราะอะไรตัวเองถึงโดนหัวเราะใส่

“อย่าเพิ่งไปวัด ไปเก็บดอกบัวก่อน” ตรีเพชรบอกบ่าวคนสนิททันทีที่เห็นตัววัด

บ่าวคนสนิทพอเข้าใจความคิดของเจ้านาย จึงเอ่ยปากว่า “เดี๋ยวบ่าวส่งนายที่ท่าก่อน ค่อยไปเก็บให้ ดีไหมขอรับ?”

แดดมันเริ่มแรงแล้ว น่าจะใกล้เวลาตะวันตรงหัว ไม่อยากให้นายตากแดด บ่าวคิดด้วยความหวังดี นายกลับไม่รับความปรารถนาดีจากบ่าว

“ไม่ดี!”

บ่าวอ้าปากเตรียมจะพูดต่อ นายเหมือนมีตาหลังพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“เอ็งอย่ามากเรื่อง ข้าแค่จะเก็บดอกบัวไปถวายพระ มิใช่ให้เอ็งดำลงไปเก็บรากบัว เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ!”

นายสั่งแล้ว บ่ายเบี่ยงคงไม่พ้นโดนเอ็ด ไม่อยากให้นายมีน้ำโห จึงพายตรงต่อไป ผ่านหน้าวัด แล้วโค้งไปทางข้างวัด

ที่ตรงนี้เรียกกันง่ายๆ ว่าบึงดอกบัวข้างวัดเจียกจร มันมีบัวดาษเดื่อนไปหมด หย่อมนั้นสีชมพู หย่อมนั้นสีขาว บางหย่อมก็มีสีแปลกตา สืบสาวราวเรื่องไม่มีใครรู้ว่ามันมาได้ยังไง

แม้นในคลองมีบัวไม่ใช่เรื่องแปลก แต่บัวบางหย่อมที่สวยแปลกตานั้นมิใช่บัวทั่วไปตามคลองหนองบึง ต้องมีคนตั้งใจปลูกมันตรงนี้ มันถึงขึ้นมาได้  สมัยเด็กตัวเองคิดว่าหย่อมที่แปลกตานั้นต้องมีคนทำหล่นไว้แน่ พูดให้นายตรีเพชรฟัง นายขำใหญ่

กอบัวขึ้นหนา ไม่สามารถพายเรือฝ่าเข้าไปได้ จึงพายเรือพานายเลาะเก็บแค่ขอบๆ

นายนึกสนุกหรืออย่างไรไม่แน่ใจ กอนี้ดอกไม่ใหญ่ กอนี้ไม่สวยให้พายอยู่นั่นละ  ถ้ายามตะวันไม่ตรงหัว ขามจะไม่พูดสักคำ กระนั้นพูดไปแล้วนายทำเป็นหูทวนลมเหมือนไม่ได้ยิน ดอกบานไม่เอา จะเอาดอกตูม ดอกเล็กก็ไม่เอา จะเอาดอกใหญ่ๆ....

ขามอยากเอาหัวมุดน้ำ ถามปลาในน้ำว่า กลางวันแสกๆ แบบนี้ บัวดอกใหญ่ที่ไหนมันไม่บานบ้าง?!

ด้วยเหตุนี้ กว่าเรือจะได้จอดท่า เข้าไปหาหลวงปู่ปรากฎว่าเป็นเวลาที่พระกำลังฉันเพล นายบ่าวจึงจำต้องนั่งรอก่อน

หากต้องการมาหาหลวงปู่ ควรตรงมาศาลาวัดเป็นที่แรก ท่านมักทำทุกอย่างที่ตรงนี้ กุฏิ...ท่านว่าไว้สำหรับพักผ่อนเท่านั้น ซ้ำการอุดอู้อยู่แต่ในห้องหับทำให้ร่างกายไม่แข็งแรง

ข้าวต้มปลาของเจ้านาย แม้อร่อยแต่ไม่อยู่ท้อง ขามทั้งทำงานซกๆ ไม่ได้หยุดทั้งพายเรือพานายมาถึงบ้าน ทั้งพายวนให้นายเลือกเก็บดอกบัว ท้องไม่ร้องหิวสิแปลก

เพราะนั่งอยู่ไกล เสียงท้องร้องจึงได้ยินกันเพียงสองคน สำหรับขามยอมอายคนทั้งศาลาดีกว่าอายนายตรีเพชรคนเดียว กริยาไม่งามอีกแล้ว

ตรีเพชรหัวเราะในลำคอ ก่อนพูดทั้งอมยิ้ม “หึหึ... รอไหวไหม? เดี๋ยวขอข้าวหลวงปู่กิน”

“มิต้อ---”

“กินเถิด ขากลับข้าไม่อยากพายเรือเอง”

อายแทบซุกแผ่นดินหนี แย้งเหตุผลของนายไม่ได้ คุณพระช่วยไอ้ขาม พระท่านฉันเสร็จพอดี จึงรีบคลานเข่าไปหาหลวงปู่

กราบหลวงปู่แล้วเงยหน้าขึ้น ยังไม่ทันพูดอะไร หลวงปู่เอ่ยถามมาก่อน

“เจริญพร นายเอ็งกลับมาแล้วรึ”

คล้ายเป็นแค่คำทักทาย มิใช่หลวงปู่ต้องการคำตอบ ขามจึงรับคำแล้วรีบเข้าประเด็น “ขอรับ เห็นทีวันนี้ต้องขอฝากท้องกับที่วัดแล้วล่ะขอรับ”

“อืม... เอาไปซี” หลวงปู่พูดจบก็มองไปด้านหลัง พูดกับอีกคน “เจริญพรเป็นอย่างไรบ้างล่ะ? หึหึ หน้าตาดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นเยอะนะ”

ตรีเพชรคลานเข่าเข้าไปชิดติดกับยกพื้น นั่งพับเพียบเรียบร้อย พนมมือค้างไว้พร้อมกับพูดคุยกับหลวงปู่

“มิเจ็บมิไข้ขอรับ พยายามเอาคำสอนของหลวงปู่มาใช้ จึงเอาถ่านขึ้นบ้าง”

หลวงปู่ยกสำรับอาหารให้แล้ว ขามยกมือพนมก่อนยกถาดขนาดกลางลงไปวางที่พื้น ไกลจากระยะที่นายตรีเพชรนั่งมาหนึ่งวา ตนเองนั้นไม่มีธุระพูดคุยกับหลวงปู่จึงลุกออกไปจากที่ตรงนั้น เพื่อหาจานมาให้เจ้านายกินข้าว

“ประเดี๋ยวกินเสร็จแล้ว ตามไปที่กุฏิ อาตมามีของจะให้”

หลวงปู่พูดเท่านั้น แล้วขยับหันไปคุยกับญาติโยมกลุ่มหนึ่งที่น่าจะเป็นกลุ่มซึ่งมาถวายภัตตาหารเพล

ตรีเพชรไหว้หลวงปู่หนึ่งครั้ง ก่อนขยับออกมานั่งใกล้ถาดสำรับของหลวงปู่ รอไม่นาน บ่าวคนสนิทก็นำจานมาให้

“เอ็งเอาบัวนี่ไปล้างน้ำให้สะอาดสิ ล้างแต่ดอก ก้านข้าไม่เอา” ตรีเพชรยื่นดอกบัวหลวงสองดอกที่เลือกไว้ให้บ่าวคนสนิท

“หือ... นายจะใช้ทำสิ่งใดหรือขอรับ?” ขามนึกสงสัยไหนนายบอกว่าจะเอาบัวไปไหว้พระประธาน

“ข้าเห็นว่าเมี่ยงคำกับลาบ แต่เบื่อใบชะพลูละ จึงว่าจะกินกับกลีบบัว” ตรีเพชรกล่าว

ขามพยักหน้าพร้อมยื่นมือไปรับดอกบัวจากนาย แล้วลุกไปทางหลังศาลาอีกที

เมื่อครู่ที่ยกถาดลงมา ไม่ทันได้มองสำรวจว่ามีกับข้าวอะไรบ้าง  กินกลีบบัวแทนใบชะพลู สิ่งนี้จำได้ว่าเริ่มมาจากนายหญิง ท่านทราบมาจากใครไม่รู้นัยว่าชาววังเขาทานกัน จึงสั่งบ่าวให้ทำขึ้นไปให้ จากแรกเห็นว่าแปลก เวลานี้ไม่รู้สึกแปลกกระไร

เอากลีบบัวที่ล้างใส่ชาม หยิบจานดินขนาดพอเหมาะติดมือไปด้วยอีกหนึ่งเผื่อให้นายใช้วางแยกกับจานข้าว เดินกลับมาขดข้าวใส่จานให้นายก่อนตักให้ตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ นั่งกินไป

ตั้งแต่เด็ก หากกินข้าววัด หลวงปู่สั่งให้กินด้วยกัน ไม่แยกใครบ่าวใครนาย  อาหารที่คนนำมาถวายพระ มิใช่กับข้าวของนายหรือกับข้าวของบ่าวอีกต่อไป เป็นอาหารที่กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน ดังนั้นกินร่วมถาดเดียวกันได้

กระนั้นพวกที่เป็นบ่าวติดสอยห้อยตามนายก็มักแยกถาดของบ่าวกับถาดของนาย รวมกลุ่มใครกลุ่มมัน หากคนน้อย ได้สำรับมาแค่ถาดเดียวก็จำเป็นต้องกินรวมกับเจ้านาย และแน่นอนว่าของดีๆ ต้องให้เจ้านายกินก่อน บ่าวกินช้าหน่อย รอนายอิ่มแล้วถึงค่อยซัดให้เต็มที่

ขามก็กำลังทำเช่นนั้น หากแต่นายตรีเพชรกลับเอากลีบบัวที่ใส่ลาบไว้แล้วกลีบหนึ่งวางที่จานข้าวบ่าวคนสนิท พร้อมพูดว่า “ประเดี๋ยวไม่มีแรงพายเรือ”

“พุธโธ่ นา---”

บ่าวยังไม่ทันได้พูดสักคำ นายก็พูดแทรกขึ้นมา

“เมื่อกี้หลวงปู่บอกให้ไปหาที่กุฏิ ประเดี๋ยวไปไหว้พระประธานก่อนค่อยไปที่กุฎิท่าน”

“ขอรับ” ขามรับคำแล้วหยิบดอกบัวเข้าปาก ลาบรสชาติอ่อนเข้ากันได้พอดีกับกลีบบัว คาดว่าคนทำมาถวายน่าจะตั้งให้หลวงปู่ได้กินถนัดปาก สับหมูเสียชิ้นเล็กละเอียด คนไม่มีฟันก็กินได้อร่อย

“อร่อยไหม?” ตรีเพชรถามบ่าวคนสนิท ปากอมยิ้ม

ยังเคี้ยวอยู่จึงพูดไม่ได้ เลยใช้การพยักหน้าแทนคำตอบ

“งั้นก็กินไปอีก ไม่ต้องมากพิธี เมื่อกี้หลวงปู่เพิ่งชมข้าว่าดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นแล้ว  เอ็งอย่าทำให้ข้าต้องเอาคำชมคืนท่านเร็วขนาดนั้น”

“...นายกินให้อิ่มก่อนเถิด ประเดี๋ยวบ่าวค่อยตามเก็บ” กลืนลงคอแล้วจึงพูดได้

“เอ็งคิดว่าเอ็งเกรงใจข้าเป็นฝ่ายเดียวรึ มิคิดเลยหรือว่าข้าก็เกรงใจเอ็ง” ตรีเพชรพูดด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

ขามทำตาโต “อะไรกันนาย นายจะมาเกรงใจกระผมทำไม!”

“ข้ากลัวไม่มีคนพายเรือพาข้ากลับบ้าน”

“พุธโธ่ มิต้องเอาลาบมาแลกดอก แค่ข้าวเปล่าๆ ไอ้ขามก็รับใช้นายทูลเกล้าถวายหัวแล้ว”

“เชียวรึ! แค่ข้าวเปล่ายังได้ขนาดนั้น แล้วถ้าข้าให้ทองหยอดเม็ดขุนเอ็งหมดนี่เลย  ประเดี๋ยวข้าจะได้อะไรบ้าง?”

“ยกเว้นดาวกับเดือนขอรับ นอกนั้นไอ้ขามให้นายได้ทุกอย่าง”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

“ฮึฮึฮึ...”

น่าแปลกเหลือแสน ทุกครั้งที่เข้ามาอยู่ในเขตพัทธสีมา ราวกับกฎเกณฑ์รัดรุงต่างๆ นาๆ คลายลง ภายในวัดมีแค่ 2 สถานะ พระและญาติโยม

เป็นสถานที่สำหรับหาความสงบ

สถานที่ที่ทำให้จิตใจสงบ

.

.

.

กินไป คุยถึงสมัยเด็กไป ไม่ทันไรก็อิ่ม ญาติโยมที่มาถวายเพลยังนั่งทานกันอยู่ ขามจึงยกสำรับของตัวเองไปไว้ที่หลังศาลา

เจอเด็กวัดนั่งกินอยู่ จึงเอากับข้าวไปให้เพิ่ม กลีบบัวเหลือไม่กี่กลีบจึงบอกพวกเด็กๆ ให้เข้าใจว่ากินได้ กินแทนใบชะพลู เด็กบางคนไม่เชื่อว่าหลอกกัน แต่มีคนหนึ่งบอกว่าเห็นพี่เขากินจริง ยังนึกแปลกใจอยู่ จึงบอกเด็กๆ ไปว่า คนในวังเค้ากินกันไม่ได้แกล้ง ทุกคนจึงเชื่อ

ขามฝากเด็กๆ ล้างจาน กล่าวขอบใจอย่างมีมารยาท แล้วเดินมาสมทบกับนายตรีเพชร ปรากฎว่าผู้ใหญ่ในกลุ่มที่มาถวายเพลกำลังนั่งคุยด้วยอยู่ จึงไปนั่งเยื้องหลังนายเล็กน้อย

คาดว่ามิใช่คนรู้จัก เพราะนายเห็นบ่าวมาแล้วก็รีบออกตัวว่า ต้องไปแล้ว พอดีมีธุระต้องคุยกับหลวงปู่

ระหว่างทาง นายบอกว่าคนกลุ่มนี้เป็นคนต่างถิ่น มาเยี่ยมญาติที่อยู่ที่นี่  เห็นเราพูดคุยกับหลวงปู่เลยเข้ามาสอบถามพูดคุยด้วย เรื่องว่าวัดนี้มีชื่อ แต่มิรู้ว่าเด่นดังด้านของมีอาคมหรือของขลังอย่างไรบ้าง

ทีแรกขามก็ฟังไปเฉยๆ จนนายพูดคำสุดท้ายจึงขำคิก

'ไม่รู้ของขลังมันวนอย่างไรมาถึงตัวข้า เขาถามข้าว่ามีเรือนหรือยัง หากไม่มีเขามีลูกสาวหลายคน ลองมองดูก่อนได้ เผื่อต้องตาต้องใจ'

เพราะรู้จักเจ้านายตัวเองดีจึงได้ขำ

หากอยู่ในขอบเขตวัด นายตรีเพชรจะพยายามไม่ทำผิดศีล 5 เป็นอย่างน้อย พอไม่ตอบให้ตรงประเด็น เกรงว่าฝ่ายนั้นคงคาดคั้นหนัก ทว่าเมื่อบอกความจริงว่ายังไม่มีเมียเลยโดนรั้งไว้ใหญ่ เช่นนี้เห็นบ่าวมาจึงรีบขอตัวลา มิสนคำเรียกไล่หลังกันเลยทีเดียว


o8 ดอกโสนขึ้นตามริมน้ำ ทานได้นะ ชุบแป้ง เจียวใส่ไข่ ลวกทานกับน้ำพริก...
กดเบาๆ เพื่อดูภาพดอกโสน
กลีบบัวทานได้จริง แต่ยุคสมัยนี้อาจกินลำบากหน่อย ดูที่ไม่ใส่สารพิษ ก่อนกินนะขอรับ
กดเบาๆ เพื่อดูภาพเมี่ยงกลีบบัว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2015 19:41:04 โดย BaoBao »

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [ที่รัก] วรรค ๘ / ๒๑ มีนาคม
«ตอบ #35 เมื่อ21-03-2015 13:51:08 »

นายอยากจะนั่งเรือชมธรรมชาติกับขามนานๆ ใช่ไหมคะ หืมม...ม มีการหยอกเอินกันเบาๆ ด้วยน้า :-[ ชอบบรรยากาศตอนทั้งสองคนอยู่ในวัดจังเลยค่ะ ไออุ่นๆ ฟุ้งขึ้นมาเต็มเลยเชียว~

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [ที่รัก] วรรค ๘ / ๒๑ มีนาคม
«ตอบ #36 เมื่อ21-03-2015 14:35:43 »

ติดตามต่อไปค่าา
อยากรู้ว่านายบ่าวคู่นี้จะลงเอยยังไง
แต่ที่แน่ๆ มะขามซื่อดีจัง

ออฟไลน์ คุณอัง

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 28
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [ที่รัก] วรรค ๘ / ๒๑ มีนาคม
«ตอบ #37 เมื่อ22-03-2015 01:55:18 »

ไอ้เรารึก็เข้าใจว่าขาม มาจากคำว่าน่าเกรงขามจริงๆเสียอีก
ที่แท้มาจากมะขามนี่เอง โอ้ยย ทำไมคิดไม่ถึงกันนะ  :o8:

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [ที่รัก] วรรค ๘ / ๒๑ มีนาคม
«ตอบ #38 เมื่อ24-03-2015 14:43:25 »

เรายังรอมะขามกับนายอยู่นะค้าา :sad4:

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
Re: [ที่รัก] วรรค ๙ / ๒๔ มีนาคม
«ตอบ #39 เมื่อ24-03-2015 17:42:21 »

๙.

เอาดอกบัวที่เก็บมา 10 ดอกไปไหว้พระประธานในอุโบสถทั้งหมด เจ้านายนั่งไหว้ตรงกลาง บ่าวคนสนิทนั่งถัดมาด้านหลังเยื้องมาทางขวา  เจ้านายปักธูปแล้ว บ่าวถึงค่อยปัก ต่างคนกราบลาสามครั้ง จากนั้นก็พากันเดินออกมาจากอุโบสถ ตรงไปด้านหลังของวัด

กุฏิหลวงปู่อยู่หน้าทางเข้าป่าช้า ท่านอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่จำพรรษา มิเคยย้าย

ท่านเป็นพระสายปฏิบัติ นอกจากกิจของสงฆ์ที่ควรทำแล้ว ท่านมิยุ่งเกี่ยว และเพราะความเคร่งครัดในศีลในธรรมกับความรอบรู้ของท่าน ทำให้ท่านได้เป็นพระครูของลูกเจ้าขุนมูลนายจำนวนหนึ่ง ซึ่งเวลานี้ลูกศิษย์ที่เอาโล้เอาพายล้วนได้ดีกันถ้วนหน้า ส่วนที่ไม่ได้ดีนั้น หลวงปู่บอกว่าเป็นกรรมติดตัวมา ปล่อยไปตามยถากรรม

หลวงปู่นั่งรอที่ชานเรือน ปกติจะมีเด็กวัดสักหนึ่งคนมารอรับใช้หลวงปู่ ที่ไม่เห็นอาจเพราะอยู่ในกลุ่มที่นั่งกินข้าวหลังศาลาวัด เช่นนั้นขามจึงทำหน้าที่แทนเด็กวัด ถามท่านว่าอยากได้อะไร น้ำร้อน นำชา หมากกระโถน หลวงปู่ไม่เอาสักอย่าง ขามจึงขอบีบนวดขาให้ เรื่องนี้ท่านมิขัดศรัทธา

“ครั้งนี้กลับมากี่เพลาเล่า?” หลวงปู่ถาม

“มินานดอกขอรับ งานการยังมีให้ทำอีกมาก อย่างไรเสียก็ไม่เกินสิบวัน” ตรีเพชรตอบ

“ยิ่งดูเป็นผู้เป็นคนงานก็คงยิ่งยุ่ง” หลวงปู่กระเซ้าเล่น

“ยุ่งแค่ไหนก็ต้องมากราบหลวงปู่ขอรับ คิดถึงไม่ลืม” ตรีเพชรกล่าว

“จะคิดถึงพระก็ตอนเจ็บป่วยใกล้ตาย” หลวงปู่พูดคล้ายกระเซ้าเล่น

“...ขอรับ...”

หลวงปู่เอามือล้วงเข้าไปในจีวร หยิบของบางอย่างออกมา แบมือ ทำปากขมุบขมิบแบบไม่ออกเสียงครู่หนึ่ง ก่อนพูดกับลูกศิษย์ว่า “เอาไปเถิด เก็บติดตัวไว้ คงพอช่วยได้บ้าง”

ตรีเพชรก้มกราบ ก่อนชูมือขวาตั้งศอกกับพื้น แบมือรับสิ่งที่หลวงปู่ต้องการให้ “ขอบพระคุณขอรับ”

“อยากได้มั่งรึ?” ครั้งนี้หลวงปู่เปรยตาไปทางคนบ่าว

ขามรีบออกตัว “ไม่ใช่ขอรับ กระผมแค่มองเฉยๆ”

“คนมิสนใจ แรงมือจะผ่อนลงได้เยี่ยงไร...” หลวงปูพูดดักคอ

ขามไม่อาจแย้งได้ จึงปิดปากเงียบ ตั้งหน้าตั้งตาบีบนวดคลายเส้นให้หลวงปู่ต่อ

“หึหึหึ เอ็งมิต้องใช้มันดอก ไอ้มะขาม มันก็แค่ตะกุด หมั่นทำความดีไว้ ความดีจักคุ้มครองเอ็งได้ยิ่งกว่าของขลังใด” หลวงปู่สอนสั่ง

เป็นคำสอนที่หลวงปู่หมั่นบอกกับขามเสมอ

ท่านใส่ใจแม้ตนเป็นแค่บ่าวรับใช้ในเรือน ดูจากคำที่ท่านเรียกก็ได้ เพราะก่อนโน้นเคยแย้งท่านว่าตัวเองไม่ได้ชื่อเกรงขาม แต่ขามมาจากมะขาม นับแต่นั้นท่านก็เรียกไอ้มะขามมาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยน

ใครอื่นว่าหลวงปู่แหย่เล่น แต่ไอ้ขามเท่านั้นที่ซาบซึ้งกับสิ่งเล็กน้อยที่หลวงปู่มีให้ตน... จะเป็นคนที่น่าเกรงขาม หรือเป็นแค่ไอ้มะขาม อยู่ที่ตัวเองเลือก  ถึงเป็นบ่าวที่ชีวิตครึ่งหนึ่งฝากไว้กับเจ้านาย กระนั้นก็ยังเหลืออีกครึ่งที่ตนเองต้องดูแล ดำเนินชีวิตในทางที่ดี เป็นคนดี จักได้ดีเอง

“ขอบพระคุณขอรับ”

เป็นอีกครั้งที่เจ้านายกล่าวขอบคุณแทนบ่าว แต่สำหรับหลวงปู่นั้น ไม่ต่างการการเอากลีบบัวมากินแทนใบชะพลู แม้นแปลกแต่เห็นจนชินตา

“วันนี้มีธุระที่อื่นอีกไหม?” หลวงปู่ถามลูกศิษย์

“ไม่มีขอรับ” ตรีเพชรตอบ

“งั้นนั่งสมาธิกันหน่อย สังขารนี้ร่วงโรยลงทุกวัน มิรู้ครั้งหน้าจะได้เจอกันรึไม่” หลวงปู่กล่าวหน้าเรียบเฉยๆ ไม่ทอดอาลัย

“หลวงปู่ยังแข็งแรง...” ตรีเพชรกล่าว หากแต่เป็นคำกล่าวตามสมควร ด้วยเพราะสิ่งที่ตาเห็น ทำให้มิอาจไม่เห็นด้วยกับคำที่หลวงปู่พูด ปีนี้ท่านดูชราภาพมากจริง

“สิ่งที่เห็นด้วยตา ล้วนปรุงแต่งทั้งนั้น” หลวงปู่บอกเป็นคำสอน

“สาธุ” ตรีเพชรกล่าว

คำว่า “สาธุ” นี้ ใช้กันแทนคำรับ บางคนเห็นเป็นเทียบกับคำว่า “ขอรับ” ซึ่งในความจริงแล้วนั้น มิใช่  สาธุ แปลว่า ดีแล้ว เพราะเห็นชอบจึงกล่าวคำว่า “สาธุ”

“เอ็งก็นั่งด้วยกัน ไอ้มะขาม ประเดี๋ยวข้าจะแบ่งบุญให้ ตั้งใจรับด้วยละ” หลวงปู่พูดกระเซ้า

ขามรีบยกมือพนมไหว้ ขอบคุณหลวงปู่

เพราะหลวงปู่ท่านอยู่สายปฏิบัติ จึงมักชวนลูกศิษย์ลูกหานั่งสมาธิ ที่ว่าแบ่งบุญนั้น ทำมิได้ดอก บุญใครทำไว้ก็ตกที่คนนั้น เช่นเดียวกับบาป  สิ่งที่หลวงปู่ทำได้คือแผ่เมตตา กระนั้นขามก็มิใช่พวกบ้าบุญ เพราะรู้ว่าการนั่งสมาธินั้นมีดี จึงยินยอมนั่ง

หลวงปู่สั่งให้ไปเอาอาสนะมาหน่อย อยู่ในตัวกุฎิด้านใน แต่มิต้องเอาหมอนรองหลังมาท่าน  ท่านว่ามีเบาะเรียงอยู่แถวนั้น หยิบมานั่งกันเองด้วย

เบาะมิใช่เพื่อรองให้นุ่ม แต่กับคนไม่เชี่ยวชาญนั้น นั่งให้รู้ว่ากำลังนั่งทำอะไร เป็นการบังคับตนให้อยู่กับสมาธิได้อีกทางหนึ่ง ที่เหลือนั้นขึ้นอยู่กับใจว่าจะเข้าสมาธิได้หรือไม่

นั่งกันที่ชานซึ่งคุยกันตรงนี้ละ ไม่ได้ย้ายไปไหน

หลวงปู่นั่งหันหลังให้กุฏิตัวเอง นายตรีเพชรนั่งตรงข้ามกับหลวงปู่ เว้นระยะออกมาช่วงหนึ่ง หันหน้าชนกัน ขามนั่งฝั่งเดียวกับเจ้านายตัวเอง หันหน้าไปทางหลวงปู่ เพราะรู้ว่าตัวเองนั่งสมาธิไม่เก่ง จึงเลื่อนตัวเองออกมาห่างหน่อย ติดราวไม้อีกฟากของชาน ถึงเรียกว่าอีกฟากก็ใช่ว่าไกล  กุฏิหลวงปู่หน้าแคบหลังสั้น เล็กกระทัดรัดมาก

เมื่อหลวงปู่เห็นแต่ละคนเลือกท่านั่งกันได้แล้ว หลับตากันแล้ว จึงพูดนำเข้าสมาธิ

ระหว่างที่หลวงปู่พูด มีเสียงนกร้องเป็นช่วงๆ ไม่ได้สังเกตว่ามันร้องมาตั้งแต่แรกหรือเพิ่งร้องตอนหลวงปู่พูดนำเข้าสมาธิ กระนั้นเมื่อหลวงปู่หยุดพูดไปแล้ว มันก็ยังคงร้องต่อ

ขามเงี่ยหูฟังได้ครู่หนึ่งจึงค่อยรู้ เจ้านกที่ร้องอยู่นั่นเป็นนกขมิ้น เพราะเสียงแตกต่างกันในบางช่วง จึงเดาว่ามันน่าจะมีกันสองตัว เสียงนกขมิ้นแหลมหวาน ฟังเพลิน

เมื่อจิตนิ่ง ตัวจึงนิ่ง

แต่นิ่งอย่างไรก็ไม่สามารถทำให้ความคิดนิ่งได้

ความคิดเหมือนลิง วิ่งเล่นซุกซนตลอดเวลา

ความคิดของขามกำลังเล่นซุกซนอยู่กับเสียงนกขมิ้น

ในหูมีแต่เสียงของนกขมิ้น

ก้อง ไม่หยุด


























ไม่รู้ว่านกร้องนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียงพูดคุยเข้ามาแทนที่นกตั้งแต่เมื่อใด ใจที่ล่องลอยไปคืนมาที่ตัวเอง ตาจึงค่อยๆ ลืมขึ้น หลับตานานไปจึงต้านแสงสว่างไม่ค่อยไหว ต้องกระพริบอีกหลายครั้งถึงลืมตามองได้

หลวงปู่กำลังพูดคุยอยู่กับนายตรีเพชร เสียงสูงๆ ต่ำๆ ไม่ดังมาก ได้ยินกันแค่สองคน แต่เพราะกุฏินี้แคบเสียงจึงเล็ดลอดมาถึงหูของขาม กระนั้นก็ฟังไม่รู้เรื่องว่าพวกท่านคุยอะไรกัน

ครั้นยืดหลัง ตัวขี้เกียจจึงเกาะ สองแขนเหยียดกางโดยไม่ได้สั่ง ขณะเดียวกับที่ตัวเองกำลังบิดขี้เกียจ สติเริ่มตระหนักว่า เมื่อกี้นี้ศรีษะตัวเองมันพิงอยู่กับซี่ไม้ของราวชาน  มิต้องให้พูดซ้ำ ไม่ได้บุญจากหลวงปู่ไปกินดอก ที่อิ่มนั่นเพราะนอนจนอิ่มต่างหาก

ทว่าเรื่องนี้ไม่อายนายดอก เป็นมาแต่เด็ก นั่งสมาธิเหมือนมานั่งหลับ เข้าสมาธิแทบนับครั้งได้  ส่วนที่เหลือนั้นแบ่งเป็นสองส่วน หนึ่งนั่งหลับจนใครก็ดูออก สองคือนั่งหลับแล้วไม่มีใครดูออก

“อิ่มบุญข้าพุงกางไปเลยสิ ไอ้มะขาม!” หลวงปู่เอ็ดเสียงเข้ม แต่ไม่ได้เอาจริงกระไร

ขามก้มหน้า ยกมือพนมไหว้หลวงปู่ แต่อดหาวไม่ได้ เลยไหว้ไปหาวไป

“จะไหว้หรือจะหาว เลือกสักอย่างเถิดไอ้มะขาม” หลวงปู่พูดเสียงเอือมระอา แต่ไม่ได้เอาจริงกระไร

“มันห้ามมิได้ขอรับ หลวงปู่...” อ้อมแอ้มตอบแบบคนไม่ตื่นดีนัก

“เอ็งไปล้างหน้าเถิด ประเดี๋ยวเราจะกลับกันแล้ว” ตรีเพชรสั่งบ่าวคนสนิท

“ขอรับ!”

ขามรีบกระตือรือร้น คลานไปหากระได ค่อยๆ ลงไปที่ตุ่มข้างหัวบันไดล่าง ล้างหน้าสามสี่กระบวย น้ำในตุ่มเย็นชื่นใจ ไม่นานตาก็ตื่นเต็มที่ กลั้วปากเล็กน้อย แล้วจึงกลับขึ้นไป

ตรีเพชรเห็นบ่าวคนสนิทขึ้นมาแล้ว จึงจัดท่า คุกเข่า ก้มกราบลาหลวงปู่ “กระผมขอตัวกลับก่อนขอรับ”

ระหว่างที่ตรีเพชรก้มลงกราบ หลวงปู่ยื่นมือมาวางที่ศรีษะ พูดด้วยน้ำเสียงเมตตาการุณ  เบา ทว่าก้องกังวาล “ขอให้รอดปลอดภัย”

ขามได้ยินแล้วขนลุกซู่

พอหลวงปู่ยกมือออก ตรีเพชรเงยหน้าขึ้นมา พนมมือไหว้หลวงปู่อีกครั้ง “ขอบพระคุณขอรับ”

“มานี่ ไอ้มะขาม” หลวงปู่กวักมือเรียกให้ไปใกล้ๆ

ขามคลานเข่าเข้าไปใกล้หลวงปู่ คุกเข่านั่งบนส้นเท้า ก่อนก้มลงกราบลา เช่นเดียวกับที่หลวงปู่ทำกับนายตรีเพชร หลวงปู่เอาฝ่ามือมาวางที่ศรีษะ แต่พูดคนละอย่าง

“ขอให้ความดีจงคุ้มครอง”

ขามได้ยินแล้วขนลุกซู่ไม่ต่างกัน

เป็นคำอำนวยพรของแท้

พรแท้ๆ

“ขอบพระคุณขอรับ” ขามกล่าวขอบคุณหลวงปู่ที่อุตสาห์ให้พรทั้งที่ตัวเองนั่งหลับ

“ไปเถิด” หลวงปู่กล่าว

สองนายบ่าวพนมมือไหว้เป็นครั้งสุดท้ายก่อนลงจากกุฏิ หลวงปู่ยังคงนั่งที่เดิม ท่าเดิม จนสองนายบ่าวเดินมาไกลแล้ว ท่านก็ยังนั่งมองส่ง

โบราณว่าครูเปรียบเสมือนพ่อ มีแต่ให้กับให้






















มองตะวันที่เริ่มคล้อยต่ำลงมา กะเวลาแล้วยังไม่สาย จึงค่อยๆ พายเรือกลับบ้าน ไม่เร่งฝีพายมากเกินไป แต่ก็ไม่ได้อ้อยอิ่ง

ถึงท่าเรือของที่บ้าน ฝากบ่าวที่อยู่ตรงนั้นผูกเรือ แล้วเดินตามไปคอยรับใช้นาย

ประเดี๋ยวนายต้องไปกินข้าวที่เรือนของหลวงอรุณเดชา บิดาของแม่หญิงกรรณิการ์ พบผู้ใหญ่นอกจากแต่งกายให้เรียบร้อยแล้ว เนื้อตัวต้องสะอาดสะอ้าน มิใช่เพื่ออวดตัวเอง  แต่เพื่อให้เกียรติผู้ใหญ่ที่จะไปพบ

ระหว่างนายอาบน้ำผลัดผ้า ขามจัดเก็บที่หลับที่นอนของนายซึ่งเอาออกมาผึ่งแดด  ผ้าผืนที่ซักยังไม่ใช้ เอาผืนที่ซักเก็บไว้ก่อนหน้ามาใช้แทน ทั้งผ้าปูและปลอกหมอน ตระเตรียมที่นอนของนายเสร็จแล้วจึงค่อยเผาตะไคร้กับเปลือกส้ม รมควันไล่แมลง

จมูกได้กลิ่นแปลกๆ ยังไม่ทันนึกว่าคืออะไร หูพลันได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาในห้องนอน  วันนี้นายคงลูบน้ำอบเล็กน้อย เพราะได้กลิ่นหอมบางๆ จากตัวนาย

นายเดินตรงไปที่หัวเตียง เอาบางสิ่งเก็บไว้ที่ซอกหัวเตียง เพราะนายไม่ค่อยมีของมีค่าและไม่เก็บของมีค่าไว้กับตัว อยู่ด้วยกันมาทั้งวัน สิ่งมีค่าที่นายจะเดินเอามาเก็บที่หัวเตียงได้นั้นมีอยู่แค่หนึ่งเดียว

“ใช่ที่หลวงตาให้มารึเปล่าขอรับ? ทำไมไม่เอาติดตัวละขอรับ มันจักได้คุ้มครองนาย”

“ที่นี่มิมีอันตรายใดดอก เอาไว้ติดตัวตอนอยู่โน่นดีกว่า”

นายบอกแค่นั้น แล้วเดินออกไปจากห้องนอน เดินต่อไป ลงเรือนไป

ไม่มีคำสั่งให้ตามนั่นหมายความว่าไม่ต้องตามไปเรือนหลวงอรุณเดชา เช่นนั้น ขามจึงดูความเรียบร้อยในเรือนให้ถ้วนเสียก่อน จึงค่อยลงจากเรือนนายไปอาบน้ำก่อนกินข้าว

เรือนของหลวงอรุณเดชานั้นไปได้ทั้งทางบกและทางน้ำ แม้นเป็นคืนเดือนมืด นายใหญ่ยังเลือกไปทางน้ำ กับคนที่มีชีวิตอยู่กับสายน้ำมาตั้งแต่เกิด อย่างไรเสียก็รู้สึกว่าปลอดภัย

นายใหญ่ นายหญิง นายตรีเพชรนั่งเรือลำเดียวกัน โดยมีบ่าวคนสนิทของนายหญิงอีกสองคนและฝีพายสี่คน คืนนี้นายใหญ่ให้เอาเรือสามเกล้าออก มันเป็นเรือซึ่งใหญ่และแพงที่สุด เรือก็มิต่างจากการแต่งเนื้อแต่งตัว มิใช่นำไปเพื่อโอ้อวด แต่เพื่อให้เกียรติกับอีกฝ่าย

หากไม่ได้ไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ เจ้านายไปพร้อมกันหลายคนเหมือนเช่นนี้อาจใช้เรือมาดประทุมได้ หากเจ้านายไปคนเดียวใช้ได้ทั้งเรืออีแปะและเรือสำปั้น ส่วนเรือบดนั้น เพราะมีขนาดเล็ก เหมาะแก่การเร่งความเร็ว บ่าวจึงมักใช้ไปทำธุระด่วนให้เจ้านาย

บ่าวที่ติดตามเจ้านายไปวันนี้แยกนั่งเรืออีแปะอีกสองลำ ลำละสี่คนรวมคนพาย บ่าวพวกนี้มิใช่บ่าวรับใช้ทั่วไปเป็นพวกชายฉกรรจ์มีฝีมือ ติดตามไปเพื่อให้ความคุ้มครองเจ้านาย ถึงพื้นที่ของเรืออีแปะมีเหลือเฟือนั่นมิใช่ปัญหา มีเรือติดตามสองลำดูกำลังดี ไม่น้อยจนดูโหรงเหรง ไม่เอิกเกริกแต่สมกับฐานะ

ไม่ว่าคืนจันทร์เต็มดวงหรือคืนเดือนมืดก็เป็นวันพระ

ทุกวันพระ บ่าวผู้หญิงจะมีงานเพิ่มนั่นคือเก็บดอกไม้และร้อยมาลัย

ดอกไม้ต้องเก็บกันแต่เช้ามืด ก่อนโดนแสงแดด  โดยเฉพาะมะลิ บัว กุหลาบ ส่วนพวกดอกรัก ดาวเรือง บานไม่รู้โรยนั้น เก็บเมื่อไรก็ได้

ดอกบานใช่ว่าใช้ไม่ได้แกะเป็นกลีบออกมาร้อยไปทีละใบสลับสีกัน อาจใช้ใบแก้ว ใบเทียนทอง หรือกระทั่งขั้วดอกรัก ร้อยคละเคล้ากันไปด้วยย่อมได้ หากแต่การร้อยทีละกลีบทีละใบเช่นนี้ ต้องเป็นคนมีฝีมือเท่านั้นจึงออกมาสวย

นอกจากมาลัยไหว้พระแล้วนั้น นายหญิงยังสั่งให้ทำเครื่องแขวน ติดประตูหน้าต่างทั่วทั้งเรือนใหญ่ด้วยจักได้ดูสดชื่นสบายตา มีทั้งบันไดแก้ว วิมานพระอินทร์ วิมานแท่น หากเป็นวันพระใหญ่จักต้องทำระย้าน้อยแขวนแซม  ส่วนเครื่องแขวนขนาดใหญ่วิจิตร อาธิ โคมกระเช้าหน้านาง นั้นทำเมื่อมีงานบุญ ไม่ก็งานมงคล

ด้วยเหตุนี้ เมื่อถึงวันพระ ทั้งบ้านจะหอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นดอกไม้ ไม่ว่าเรือนใหญ่หรือเรือนเล็กล้วนแล้วแต่ถูกตบแต่งสวยงามน่ามอง มีก็แต่เรือนแยกของนายตรีเพชรเท่านั้น ที่เหมือนเช่นทุกวัน

นายตรีเพชรมิค่อยชอบกลิ่นดอกไม้ ส่วนเครื่องแขวนนั้นท่านว่าดูรกตามากว่าน่าชม จึงไม่ยอมให้มาติดอะไรบนเรือนแยกของท่าน พวงมาลัยก็มิต้องเอามาให้ พนมมือไหว้เหมือนทุกวัน ท่านว่าพอแล้ว

สำหรับบ่าวไพร่ ไม่ใคร่มีเวลา ทั้งยังไม่มีอุปกรณ์ ส่วนใหญ่มักทำกระทงหรือกรวย นำดอกไม้ที่เก็บมาจัดวางให้สวยงาม แทนการร้อยมาลัยซึ่งต้องใช้เวลาทำพอควร

แม่ของขามมีฝีมือในการทำขนมแต่ไร้ฝีมือในการประดิษฐ์ประดอย ทำได้แค่เอาใบตองมาม้วนเป็นกรวย เก็บดอกจำปีบ้าง จำปาบ้าง ดาวเรืองบ้าง มาใส่ก็ใช้ได้แล้ว ช่วงเช้าเพราะงานในครัวมีมากล้น แม่และขามจึงมักไหว้พระในตอนกลางคืน

วันนี้ขามพอมีเวลาอาบน้ำกินข้าวเสร็จแล้ว แม่มือยังไม่ว่าง จึงขอให้กิ่งช่วยทำกรวยใบตองให้สองกรวย เอาไปใส่ดอกจำปี กรวยหนึ่งที่เป็นของแม่เก็บไว้ในบ้าน อีกกรวยของตัวเองถือติดมือไปที่เรือนแยก

คืนนี้น่าจะได้นอนเฝ้าหน้าประตูห้องนาย ขามจึงเลือกกรวยดอกจำปี  เพราะมันมีกลิ่นไม่ฉุนแรงมาก  อันที่จริงก็มีดอกไม้อื่นที่ไม่มีกลิ่น  แต่ขามชอบดอกจำปี กลิ่นมันเหมือนกลิ่นตัวของแม่ ไหว้พระแล้ววางไว้เหนือหัว หลับสบายใจ

เดินขึ้นเรือนมาไม่ทันไร ได้ยินเสียงแปลกๆ  ดังอยู่ในสวนระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนแยก ขามวางกรวยดอกจำปีไว้บนโต๊ะซึ่งตั้งอยู่ในศาลาเล็กกลางเรือน ก่อนรีบลงไปจากเรือน

เสียงนั้นฟังดูชวนให้ไม่สบายใจ คล้ายกับเสียงคนกำลังทะเลาะกัน




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-03-2015 20:22:43 โดย BaoBao »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: [ที่รัก] วรรค ๙ / ๒๔ มีนาคม
« ตอบ #39 เมื่อ: 24-03-2015 17:42:21 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
Re: [ที่รัก] วรรค ๙ / ๒๔ มีนาคม
«ตอบ #40 เมื่อ24-03-2015 18:01:23 »

คำอวยพรของหลวงพ่อทำเอาใจหายเลยเชียวค่ะ :hao4: ขอให้นายแคล้วคลาดปลอดภัยด้วยนะค้าา~

ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
Re: [ที่รัก] วรรค ๙ / ๒๔ มีนาคม
«ตอบ #41 เมื่อ24-03-2015 19:39:26 »

คุณตรีเพชรต้องไปต่างเมืองอีกแน่ๆ มะขามเอ้ยแย่แน่ๆ..

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
Re: [ที่รัก] วรรค ๙ / ๒๔ มีนาคม
«ตอบ #42 เมื่อ24-03-2015 21:43:48 »

ใครทะเลาะกันหว่า

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
Re: [ที่รัก] วรรค ๙ / ๒๔ มีนาคม
«ตอบ #43 เมื่อ25-03-2015 08:11:53 »

ขอให้พรของหลวงปู่ คุ้มครองนายและมะขามให้รอดปลอดภัยเถิดนะ
แล้วใครทะเลาะกันอยู่น่ะ แถวเรือนนาย ยังมีใครกล้ามาส่งเสียงดังอีกเหรอ
กลัวดราม่าจัง ฮือออ  :hao5:

ออฟไลน์ BaoBao

  • Moderator
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +485/-2
๑๐.

เพราะไม่มีแสงจันทร์ จึงมองหน้าเหล่าคนที่พูดเสียงแหลมกรรโชกในสวนนั้นไม่ถนัดตา รู้เพียงว่าเป็นผู้หญิง

ทีแรกขามตั้งใจว่าจะเดินกลับ ไม่ยุ่งเกี่ยว ด้วยคิดว่าเป็นเรื่องผู้หญิงทะเลาะกัน แต่พอเห็นคนหนึ่งในนั้นเริ่มทำร้ายร่างกายอีกคน  กลับข่มใจหันหลังไม่ได้เสียเอง

“มีเรื่องอะไรกัน! พูดคุยกันดีๆ มิได้รึ! หยุด! หยุด!

ขามวิ่งไปพลางตะโกนไปพลาง  เมื่อเข้าไปใกล้จึงได้รู้ว่าในกลุ่มนั้นมีด้วยกัน 5 คน เป็นบ่าวสาวทั้งสิ้น

สองคนที่กำลังตบตีกันไม่สนใจคำทัดทานของขาม ส่วนอีกสองในสามคนเดินตรงปรี่มาขวางทางขาม

“มิใช่เรื่องของเอ็ง ไปเสีย!” บ่าวหญิงคนหนึ่งบอกขามเสียงกร้าว

“พวกเอ็งจักทำสิ่งใดเกรงใจนายท่านบ้าง อยู่บ้านเดียวกัน ทำไมไม่พูดจากันดีๆ!” คำพูดคล้ายว่าประนีประนอม หากแต่น้ำเสียงของขามแข็งกร้าวไม่แพ้กัน

“พูดดีมันไม่ได้ความ ก็ต้องสั่งสอนกันหน่อย ไปซะไอ้ขาม! อย่ามายุ่งเรื่องของพวกข้า!” บ่าวผู้หญิงอีกคนที่มาขวาง บอกกับขามด้วยเสียงคล้ายรำคาญเล็กน้อย

“ไม่ยุ่งได้เยี่ยงไร นี่มันหน้าเรือนนายข้า! ประเดี๋ยวนายข้าจักกลับมาอยู่แล้ว ข้าไม่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณเรือนนายได้อย่างไร!” ขามพูดกับบ่าวสองคนตรงหน้า ก่อนหันไปตะโกนบอกสองคนที่กำลังตบตีกัน  “ไอ้ที่กัดกันอยู่นั่นน่ะ! หยุดได้แล้ว!”

ทันทีที่ขามพูดจบประโยค หนึ่งในสองที่กำลังยืนยื้อยุดฉุดกระชากกัน ส่งเสียงร้องออกมา

“พี่ขะ...พี่ขาม!...พี่.......”

เพราะคนร้องเรียกชื่อขามโดนอีกคนลากลงไปนอนกองกับพื้น จึงไม่สามารถพูดได้อย่างที่ใจคิด  พยายามปกป้องตัวเองสุดชีวิต หากแต่แค่นั้นขามก็รู้แล้วว่าฝ่ายที่โดนกระหน่ำฝ่ามืออยู่นั้นคือใคร

“มะลิ...” ขามอุทานเสียงเบา พยายามเค้นความคิด ทว่าสถานการณ์ฉุกละหุกเกินกว่าจะมัวมาคิด จำต้องปล่อยทุกอย่างไปตามสัญชาตญาณ

“เอ็ง!...โอ๊ย!”

บ่าวคนหนึ่งที่ยืนจังก้าขวางหน้า โดนขามผลักอย่างแรง ล้มก้นจ้ำเบ้ากับพื้น  บ่าวอีกคนที่ยืนห่างกว่า แม้เข้ามายื้อแขนขามไว้ได้ ทว่าแรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชาย ขามผลักนางล้มไปกองกับพื้นด้วยอีกคน

แม้นทำร้ายผู้หญิงอาจเสียชาติบุรุษ ทว่า สี่คนรุมหนึ่งเป็นข้อแก้ต่างที่สามารถยกขึ้นมาอ้างได้ทีหลัง ซ้ำบ่าวพวกนี้ขึ้นชื่อว่ามือตีนหนัก ขามเห็นมานักต่อนักแล้ว ไม่รีบทำอะไรเสียแต่ตอนนี้ เกรงว่ามะลิอาจช้ำในเจ็บหนักเป็นเดือนได้

ขามปรี่เข้าไปหามะลิแบบไม่รอช้า ยิ่งเข้าไปใกล้ยิ่งได้ยินเสียงกร่นด่าชัดถนัดหู เพราะลงไม้ลงมือไม่ได้มาก จึงแค่ผลักอีกสองคนแรงๆ แล้วรีบประคองมะลิขึ้นมาจากพื้น กอดไว้แน่น หันหลังรับความโกรธที่ยังไม่หายจากคู่กรณีของมะลิ

เสียงด่าทอแสลงหูมากมายดังอยู่ด้านหลัง เสียงร้องไห้กระซิกน่าสังเวชดังอยู่ด้านหน้า

คนที่ซึ่งน่าจะเป็นคนลงไม้ลงมือกับมะลิกำลังระบายอารมณ์กับแผ่นหลังของขาม ส่วนคนอื่นที่เหลือต่างพยายามดึงวงแขนของขาม แย่งตัวมะลิไป 

พักหนึ่งจากนั้น ขณะที่ขามรู้สึกเหมือนหูเริ่มอื้ออึง หลังแสบซิบๆ  เสียงตะโกนของรุ่งกับไสวพลันดังลอยมา

“ใครมาทำอะไรเอะอะแถวนี้!” เสียงตะโกนของรุ่ง

“นี่หน้าเรือนนายพวกมึงยังกล้าอีกรึ!” เสียงตะโกนของไสว

บ่าวซึ่งมีหน้าที่เดินยามน่ายำเกรงกว่าบ่าวรับใช้อย่างขามมากโข ตัวรุ่งกับไสวยังไม่ทันวิ่งมาถึง บ่าวผู้หญิงที่ราวกับแปลงร่างเป็นยักษีต่างรีบจรลีหลีกลี้ไป

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังลอยห่างไปจากตนเอง ขามถอนหายใจด้วยความโล่งอก 

พี่ไสวกับพี่รุ่งวิ่งมาใกล้ถึงแล้ว ส่วนมะลิยังคงร้องห่มร้องไห้

.

.

.

“เกิดเรื่องอะไรไอ้ขาม?!” ไสวเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

“ผู้หญิงมีเรื่องกันนิดหน่อยน่ะพี่” ขามบอกแบบสงวนท่าที

“รุมกันแบบนี้ไม่ใช่นิดหน่อยแล้ว...” รุ่งพูดจบยื่นหน้าไปดูหลังไอ้ขาม ก่อนพูดต่อ “หลังเอ็งน่าดูชมทีเดียว”

ขามเอี้ยวคอไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ แม้นมองไม่เห็น แต่ความแสบยิบๆ ที่หลังเป็นเครื่องยืนยันแทนได้

“แล้วตกลงมันเรื่องอะไร?” ไสวยังคงซักไซ้

“ข้าก็ไม่รู้ดอก เพียงแค่เห็นนังมะลิมันโดนรุมอยู่จึงมาช่วยมัน พวกนั้นมือตีนหนักกันทั้งนั้น...” ขามยังคงตอบแบบสงวนท่าที

ความจริงนั้น ตัวขามพอจะประติดประต่อเรื่องราวได้จากคำสบถด่าที่ได้ยินเมื่อครู่ หากแต่ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด ฟังความข้างเดียวมิได้ ซ้ำเรื่องนี้ตัวเองไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย จึงไม่สมควรพูดอะไรออกไป

มะลิยังคงเสียขวัญร้องไห้ไม่หยุด แต่เสียงสะอึกสะอื้นแรงเริ่มค่อยๆ ผ่อนลง

“มันเรื่องหนักหนาอะไรถึงขั้นต้องมารุมทำร้ายกัน หือ! นังมะลิ?!” ไสวยังคงข้องใจ

รุ่งซึ่งมองท่าทีของขามออก ยกมือข้างหนึ่งขึ้นตบไหล่เกลอ “เรื่องของผู้หญิง มึงเป็นผู้ชายจะไปเข้าใจอะไร”

“ข้าไม่ได้อยากเสือก! ข้าอยากช่วย ทำแบบนี้กับคนที่กินข้าวหม้อเดียวกันได้เยี่ยงไร!” ไสวโวยวาย

โดนซักถึงขนาดนี้ มะลิกลับยังไม่ยอมเงยหน้ามาพูดกับใครสักที  แต่ขามเข้าใจ เรื่องนี้คงหนักหนาสำหรับเจ้าตัว จึงยกมือขึ้นลูบหัวปลอบใจมะลิ ก่อนออกตัวแทนให้

“ข้าขอบใจแทนมะลิมันด้วยนะ พี่ไสว แต่มันกำลังเสียขวัญ ข้าว่าให้มันได้นั่งพักก่อน จิตใจสบายแล้วค่อยคุยกันดีกว่า มะลิมันก็เหมือนน้องนุ่งข้า หนักเบาอย่างไรข้าก็ต้องช่วยมัน พี่ก็เหมือนพี่ชายข้ากับมัน หากเจอปัญหาขบไม่แตก ย่อมต้องมาให้พี่ช่วยอยู่แล้ว...”

รุ่งตบบ่าเกลอหนักๆ สองสามที ก่อนกล่าวเสริมคำที่ขามพูด “ใช่ มึงต้องให้เวลาผู้หญิงเขาหน่อย ใจเย็นๆ น่า ไป! เรากลับเรือนนายตรีเพชรเถิด คลาดสายตามานานแล้ว มันไม่ดี!”

เมื่อเอ่ยถึงหน้าที่ขึ้นมาไสวจึงใจเย็นลงได้ “เอ้อ! งั้นไป! นังมะลิ เอ็งไปนั่งพักที่เรือนนายก่อน”

พูดจบไสวหมุนตัวกลับหลัง เดินนำเกลอกลับไปที่เรือนนายตรีเพชรแบบไม่รอช้า

.

.

.

“เดินไหวรึไม่?” ขามก้มหน้าลงถามมะลิ

มะลิยอมเงยหน้าที่ชุ่มด้วยน้ำตาขึ้นมาในที่สุด พนมมือไหว้แทบอกพี่ขาม “...ขอบคุณจ๊ะ พี่ขาม ฉันขอบคุณจริงๆ...”

เสียงพูดแหบแห้งสั่นเครือในทุกคำยิ่งชวนให้สงสาร

“เฮ้อ...มะลิเอ๊ย เอ็งจะทนไปเพื่ออะไร...”

คำพูดของขามไม่เหมือนเป็นคำถาม ฟังดูคล้ายคำรำพึงรำพันมากกว่า

มะลิน้ำตาร่วงอีกสองสามหยด ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงแบบเดิม “...ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลยจ๊ะพี่ ไม่มี...พี่ขุน... ไม่มีใครบอกฉันเลย... ฉันรักพี่ขุน แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรเยี่ยงที่กุหลาบมันทำ! ฉัน... ฉัน...”

ยิ่งพูดมากเท่าไหร่น้ำตายิ่งไหลลงมามากเท่านั้น ขามระบายลมหายใจยาว ก่อนลูบหัวปลอบมะลิอีกครั้ง “พี่เข้าใจ พี่รู้ว่าเอ็งเป็นคนอย่างไร แต่หากเอ็งรักกับไอ้ขุน เอ็งคงเลี่ยงนังกุหลาบไม่ได้ ผัวหนึ่งเมียสอง เอ็งทนได้จริงรึ?”

มะลิไม่อาจตอบคำถามนี้ได้ เอาแต่ก้มหน้าสะอึกสะอื้น

แม้นมะลิมีข้อเสียหลายอย่าง อยู่ด้วยแล้วไม่สบายใจเท่ากิ่ง แต่ความคิดหลายอย่างกลับตรงกัน หนึ่งในนั้นคือ...คนรักมีแค่หนึ่งเพียงพอแล้ว

การมีเมียหลายคนเป็นเรื่องปกติ มิผิดประเพณี ซ้ำยังเป็นเครื่องแสดงฐานะได้อีกทาง  แม้นคนไม่ได้กินอากาศเป็นอาหาร แต่หากมีเงินมีความสามารถเลี้ยงดู อยากมีเท่าไหร่ก็มีไป กระนั้นทุกคนก็ไม่อาจเถียงคำหนึ่งที่ผู้เฒ่าผู้แก่ว่าไว้ "ยิ่งมากคน ยิ่งมากความ"

“...พี่ไปส่งเอ็งกลับบ้านนะ เอาหน้าตาแบบนี้ไปรับใช้เจ้านายคงไม่เหมาะ ส่งเอ็งแล้ว พี่จะไปบอกป้าผกาให้”

“จ๊ะพี่...” มะลิยอมรับคำแนะนำจากพี่ขามอย่างง่ายดาย

เพราะมีคนเป็นห่วงอยู่อีกทาง ขามจึงพามะลิไปหาพี่ไสวกับพี่รุ่งก่อน บอกกล่าวขอบคุณเรียบร้อยแล้ว จึงพาตัวไปส่งบ้าน โดยทิ้งสาเหตุของการทะเลาะกันไว้ก่อน ค่อยพูดทีหลัง

มะลิพักอยู่บ้านเดียวกับน้าบัวผันซึ่งไม่ได้เป็นญาติหรือคนรู้จักกันมาก่อน เพราะไม่ใช่บ่าวที่เกิดในเรือน ถูกพ่อแม่พาตัวมาให้นายใหญ่ตอนประมาณ 4 ขวบ ด้วยความที่ยังเด็กจึงต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอบรมสั่งสอน น้าบัวผันคือคนที่ทำหน้าที่นั้น ความผูกพันนานปีส่งผลให้ปัจจุบันทั้งสองไม่ต่างจากแม่ลูกกันจริงๆ

เห็นหน้ามะลิแวบเดียว น้าบัวผันโวยวายใหญ่ ถามทั้งน้ำตารื้นว่าใครทำเอ็ง

เมื่อเห็นมะลิอยู่ในที่ปลอดภัย มีคนคอยดูแลแล้ว ขามจึงเดินออกมาเงียบๆ  ระหว่างเดินเผลอเงยหน้าขึ้นมองฟ้าตามวิสัย

ดาวพร่างพราวเต็มฟ้า แม้ให้แสงสว่างไม่มากเท่ากับดวงจันทร์ กระนั้นก็ยังสวย

ชีวิตของใครย่อมเป็นไปในแบบของคนคนนั้น หากชีวิตของทุกคนดำเนินไปเหมือนกัน เราจะมีชื่อต่างกันไปเพื่ออะไร

เดินคิดอะไรไปเรื่อย ไม่มีแก่นสาร ทีแรกตั้งใจเดินไปเรือนใหญ่ หาป้าผกาเพื่อบอกว่ามะลิไม่สบาย จึงไม่ได้อยู่รับใช้เจ้านายตอนกลับจากเรือนหลวงอรุณเดชา กลับเจอป้าผกาเดินนำบ่าวกลุ่มหนึ่งไปทางท่าน้ำ คาดว่าคงมารอรับเจ้านาย ขามจึงค่อยๆ เดินตามขบวนของป้าผกาไปแบบไม่เร่งรีบ รอจนป้าผกานั่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงเข้าไปแจ้งเรื่องมะลิ

อาจเพราะไม่มีธุระต้องใช้สอยบ่าวมากคน ป้าผกาจึงพยักหน้ารับรู้ กล่าวติติงเล็กน้อยตามธรรมเนียม จากนั้นก็ไม่ว่ากระไรอีก

เสร็จธุระของมะลิแล้ว ขามเดินไปนั่งที่ตอไม้หนึ่ง ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกลุ่มของป้าผกา อันที่จริงไม่ต้องรอรับนายตรีเพชรตรงนี้ก็ได้ ไปรอที่เรือนเลยก็ได้ แต่ใจมันไม่สงบพิลึก นั่งมองน้ำเล่นเงียบๆ อาจช่วยได้มากกว่าไปนั่งคิดมากที่เรือนของนาย

ป้าผกาสมกับเป็นบ่าวก้นกุฏิ นั่งรอกันไม่กี่เพลา หัวเรือสามเกล้าก็ล่องมาให้เห็นแต่ไกล

บ่าวทุกคนต่างกุลีกุจอลุกขึ้น ตระเตรียมตัวเองให้ดูเรียบร้อย ก่อนไปรวมกลุ่มกันที่ท่าน้ำ แต่ขามยืนห่างออกมาจากกลุ่มบ่าวคนอื่น เหมือนอย่างที่ไอ้ขันเคยพูด ‘ความวัวมึงยังไม่จางกล้าเอาหน้าขึ้นไปให้เจ้านายเห็นรึ!... วันดีๆ แบบนี้ มึงอย่าเอาหน้าขึ้นไปให้ท่านอารมณ์เสียเลย’

วันนี้เป็นวันดีวันหนึ่ง จึงไม่ควรเอาหน้าไปให้นายท่านเห็น แต่ครั้นเรือจอดเทียบท่าขามกลับไม่เห็นวี่แววของวันดี

นายใหญ่ลงจากเรือด้วยท่าทางปึงปัง เดินเท้ากระแทกกระดานไม้เสียงดังเอี๊ยดอ๊าด ก่อนตรงไปทางเรือนใหญ่ราวกับเป็นจ้าวพายุ นายหญิงกับบ่าวที่มารอรับเดินตามกันแทบไม่ทัน

ขามมัวแต่ยืนอึ้งมองตามขบวนของนายใหญ่ มิทันได้นับจำนวนเจ้านาย เดือดร้อนให้เจ้านายที่เหลืออีกหนึ่งต้องเดินมาทักด้วยตัวเอง

“เอ็งมายืนชมนกชมไม้รึ?”

หันไปเห็นหน้านายในระยะประชิด อารามตกใจ ขาอ่อนคุกเข่ากับพื้นทันที “กลับมาแล้วเหรอขอรับนาย?”

เป็นคำถามที่โง่มากจนแม้แต่ตัวเองยังต้องขำ ไม่ใช่แค่นายเท่านั้น

“หึหึหึ...เอ็งไปเอาของกับพวกไอ้ขัน ถือไปเรือนข้า” ตรีเพชรพูดจบเดินต่อไปโดยไม่รอบ่าวคนสนิท

เจ้านายไปแล้วขามจึงรีบเร่งลุกขึ้น เดินไปที่ท่า 

ลูกน้องคนหนึ่งของไอ้ขันถือห่อผ้าขนาดใหญ่พอประมาณ  คิดว่านั่นคงเป็นของที่นายบอกให้เอาไปที่เรือน จึงเดินไปขอกับคนที่ถือมันอยู่

“...นั่นของนายตรีเพชรใช่หรือไม่?  เมื่อกี้นายสั่งให้ข้าถือไปที่เรือน”

ลูกน้องไอ้ขันที่ถือห่อผ้านั่นอยู่พยักเพยิ่นหน้าทำท่าว่าให้มาเอาไป ระหว่างสองฝ่ายการไม่พูดแม้นดูมึนตึง แต่ดีกว่าพูดแล้วขุ่นเคืองใจ

“ถือให้ระวัง ของนั่นเสียหายไป ชีวิตเอ็งใช้คืนยังไม่พอ!” ขันพูดลอยๆ แบบไม่มองหน้าใคร

ขามที่เดินถือห่อผ้ามาถึงตัวไอ้ขันพอดี หยุดยืนพูดลอยๆ โดยไม่มองหน้าใครบ้าง “ของบางสิ่งใช้ไม่ระวัง เสียหายไป ชั่วชีวิตนี้ก็เรียกคืนมิได้  หาเวลาไปหานั่งมะลิซะในคืนนี้  มิฉะนั้นเอ็งอาจเสียใจไปชั่วชีวิต”

“นี่มึ---”

ขามไม่สนใจฟังว่าไอ้ขันจะพูดอะไร ตัวเองพูดจบแล้วก็เดินจ้ำๆ ตรงไปทางเรือนแยกแบบไม่คิดเหลียวหลังหรือหยุดฝีเท้า

เรื่องบางเรื่องแม้นไม่ใช่ธุระกงการของตนเอง แต่เรื่องบางเรื่องหากไม่มีใครบอก คนคนนั้นอาจไม่รู้ หรือรับรู้แบบผิดๆ ได้ เพราะคิดเช่นนั้น ขามจึงหาเหาใส่หัวให้ตัวเองสักตัวสองตัว  แต่เท่านี้พอละ มากกว่านี้คงไม่ไหว

หลังจากเร่งฝีเท้าห่างจากไอ้ขันมาได้พอควรแล้ว ขามจึงผ่อนฝีเท้าลง เดินต่อไปอย่างระมัดระวัง ของในห่อผ้ามีน้ำหนักพอควร ความใหญ่ของมันทำให้ขามต้องถือแบบกึ่งอุ้ม วางมันไว้บนท้องแขนทั้งสองข้าง ใช้ทั้งมือ แขน ลำตัวช่วยประคองถึงรู้สึกมั่นใจ

เดินมาถึงเรือนไม่เห็นตัวพี่รุ่ง เจอแต่พี่ไสว คงกำลังเดินยามรอบเรือนอยู่

พี่ไสวถามสั้นๆ ว่า: เรียบร้อยไหม

เข้าใจกันว่าถามเรื่องมะลิ จึงพยักหน้าพร้อมตอบให้แกสบายใจว่า: เรียบร้อยดี อยู่กับน้าบัวผัน

ได้ยินดังนั้นพี่ไสวก็ไม่ซักถามต่อ ยกมือข้างขวาขึ้นทำท่าว่าให้ไปเถอะ ขามจึงเดินต่อเข้าไปในชายคาเรือน วางของของนายไว้ที่ขั้นบันได ล้างเท้าให้สะอาดก่อนเดินขึ้นเรือน

ด้วยคิดว่าสิ่งที่ถือมาเป็นของสำคัญจึงตรงไปที่ห้องนอนของนายตรีเพชร เพราะประตูห้องปิดงับไว้ จึงร้องเรียกนายสองสามคำ ไม่กล้าเข้าไปในทันที

“นายขอรับนาย... นายขอรับ...”

นายตรีเพชรเป็นคนประสาทสัมผัสไวหากเรียกแบบนี้แล้วไม่ขาน ย่อมไม่อยู่ในห้อง

ขามจึงวางของในมือลงกับพื้น ก่อนลุกขึ้นมาปลดกลอนประตู ก้มตัวลงไปหยิบของแล้วเดินเข้าไปในห้อง เวลานี้เป็นกลางคืน ยุงเอย แมลงเอยค้างคาวเอย อาจเข้าไปในห้องนอนให้นายรำคาญใจได้ ขามจึงใช้อวัยวะอื่นที่พอใช้งานได้ อาธิ ไหล่กับหลัง เพื่อปิดประตูให้เรียบร้อย ก่อนนำของไปวางบนหลังตู้ใบหนึ่งที่อยู่ข้างหน้าต่าง

ยังไม่ทันหันหลังกลับออกไปจากห้องเสียงนายพลันดังขึ้นมาก่อน

“หลังเอ็งเป็นอะไร?”



ยังมีต่อ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
นายจัดการเลยค่ะ กล้ามากที่เอาความโกรธมาลงกับขาม นิสัยไม่ดี...~ ฮึ่ม!

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เฮ้อ มากคนมากความจริงๆ
เป็นกำลังใจให้คนเขียนจ๊ะ

ออฟไลน์ PURE LOVE

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
ขามคนดี  :กอด1: 
สงสารมะลินะ ไม่น่าไปรักคนเจ้าชู้อย่างนั้นเลย เฮ้อ
พวกบ่าวที่รุมก็ใจร้ายจริง ๆ แถมยังกล้ามาทำแถวเรือนนายอีก
ต้องให้นายตรีเพชรจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดเลย
ว่าแต่ นายใหญ่ โกรธอะไรมาหนอ เรื่องของนายตรีเพชรแน่เลย


ออฟไลน์ Noo_Patchy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1055
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-4
นายตรีเพชรต้องออกไปหาข่าว ทำศึกอีกแน่ๆเลย

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
รอต่อๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
:sad4: คึดถึงมะขามค่าา '..8 วันที่ฉันรอเธอ..~'
(ใส่ทำนองเอาเองนะค้าา) มาต่อนะคะนะ

ออฟไลน์ cinquain

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1125
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-0
เนื้อเรื่องสนุก ชอบมากค่ะ
ขอให้ความดีคุ้มครองทั้งนายตรีเพชรและบ่าวขามนะคะ
รอติดตามตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Mouse2U

  • บังเอิญ'โลกกลม'..
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3531
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-10
ดันจ้าา.. :call:

ออฟไลน์ mukmaoY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3956
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +145/-7

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
สนุกมากครับ ขามน่ารักมาก รอมาต่อนะครับ

ออฟไลน์ sep,16

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
สนุกมากเลยค่ะ อยากอ่านต่อจังเลย
ชอบมากๆ ชอบนาย ชอบขาม คุณbaobao เก่งมากๆ  o13

ออฟไลน์ posh

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 59
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ sum

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คุณBaoBao ( เปาเปา ? )
เขียนเรื่องนี้ได้ดี มากเลยยย รวมถึงเรื่องอื่นๆด้วย สนุกมาก
<3
ปล. รออ่านต่อนะครับ ;)

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
รอ............................  :a12: :a12:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด