ตอนที่ 11ลูกหมูลมเย็นๆโชยกระทบใบหน้าและหอบกลิ่นหอมอ่อนๆปะทะจมูก ความอบอุ่นของฝ่ามือที่ลูบหัวให้อย่างอ่อนโยน ทำให้ผมที่กำลังหลับตาพริ้มซึมซับความสุขนั้น ระบายยิ้มกว้างตลอดเวลา พร้อมหัวใจที่อุ่นซ่านไปทั้งอก ยิ่งยามที่เสียงนุ่มๆเจือแววหวานร้องคลอไปกับเสียงนกเสียงแมลงรอบตัว ผมยิ่งไม่อยากลืมตาตื่น ด้วยกลัวว่าสิ่งที่กำลังดำรงอยู่ให้ผมสัมผัสได้นั้น จะเป็นเพียงภาพฝันที่ผมจินตนาการขึ้นมา
“เมอร์คิวรี่...เมอร์คิวรี่ลูกรักแห่งข้า” แม้ไม่คุ้นหูกับชื่อที่ได้ยินนัก แต่ผมก็แน่ใจว่าเมอร์คิวรี่นั้นเป็นชื่อผม โดยเฉพาะเสียงที่ได้ยินมาจากเจ้าของตักที่ผมหนุนนอนด้วยแล้ว ผมจึงใช้เวลาตัดสินใจไม่นานนักเพื่อลืมตาขึ้น
แม้เศษเสี้ยวเล็กๆในใจยังคงเสียดายความรู้สึกสงบและเบาสบายที่ได้รับก็ตาม หากว่าเปิดเปลือกตาขึ้นมาแล้วสัมผัสดังกล่าวปลิวหายไปในพริบตา แต่น้ำเสียงทอดอ่อนที่แสนอาทรนั้น ก็ดึงดูดเกินกว่าที่ผมจะทนนิ่งเฉยอยู่ได้ ด้วยอยากเห็นใบหน้าเจ้าของเสียงและเจ้าของตักที่แสนอบอุ่นนี้นัก สำคัญที่สรรพนามต่อท้ายที่ไม่เคยมีใครเรียกผมมาก่อนนี่ด้วย
ภาพใบหน้าสวยหวานที่ประดับรอยยิ้มอบอุ่นเป็นสิ่งแรกที่ผมเห็น แน่นอนว่าผมตกตะลึงกับความสวยงามหมดจดที่ได้เห็น แต่ที่ชวนตะลึงจริงๆคือใบหน้าแสนโดดเด่นนี้ ผมไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก
ผมรีบลุกขึ้นนั่ง เพื่อเผชิญหน้ากับเขาด้วยความตื่นเต้น
“คะ...คุณๆ” ผมไม่รู้จะพูดจะถามอะไร จะเรียกชื่อก็ไม่รู้จักไม่รู้ว่าจะเรียกอย่างไร
แต่แล้วอาการลุกลี้ลุกลนของผมกลับค่อยๆสงบลง เมื่อฝ่ามืออุ่นยื่นมากุมมือผมไว้ โดยเฉพาะรอยยิ้มอ่อนหวานที่มาพร้อมเสียงปลอบประโลมอย่างรู้ใจ
“อย่าตกใจไปเมอร์คิวรี่ลูกรักแห่งข้า...ข้ามีนามว่าเมอาเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดแก่เจ้า เรามีเวลาเพียงน้อยนิด ขอให้เจ้าตั้งใจฟังในสิ่งที่ข้าจะพูดต่อไป” ใจผมสงบลงอย่างประหลาดและจดจ่อกับคนที่อ้างว่าเป็นแม่ของผม
แม้จะไม่คุ้นหูกับสำนวนของท่านนัก แต่ผมกลับคุ้นเคยเหมือนว่าเป็นสำนวนที่เคยใช้มาก่อน
“ลูกรัก เจ้าเป็นดั่งเชื้อพันธุ์ที่แสนภาคภูมิใจของพวกเรา แม้ดวงจิตจะต้องเติบโตในกายหยาบของมนุษย์ แต่เพื่อรักษาดวงจิตบริสุทธิ์เชื้อสายแห่งเหล่าเทพไว้ มันจึงต้องลำบากเจ้าแล้วเมอร์คิวรี่ แต่ขอให้รู้ไว้ว่าทั้งบิดาและข้าผู้เป็นมารดาแห่งเจ้านั้น ระลึกถึงเมอร์คิวรี่น้อยของพวกเราเสมอ ไม่นาน...อีกไม่นานหรอกลูกรัก สายเลือดแห่งเราทุกนามจะได้กลับมาเจอกันอย่างแน่แท้ แต่ก่อนจะถึงเวลานั้น เจ้าจงทำหน้าที่แห่งเจ้าให้ดี ให้สมกับหน้าที่และตำแหน่งที่บิดาเจ้ามอบหมาย”
แท่งไม้สลักลวดลายวิจิตรถูกยื่นมาตรงหน้าผม ซึ่งความสวยงามของมันสะกดให้ผมยื่นมือไปรับ แต่เพียงแค่ผมแตะโดน กลับมีลำแสงสีทองสองสายพวยพุ่งออกจากด้าม และเลื้อยเกี่ยวดั่งเกลียวเชือกทองสองเส้นพันรอบแท่งไม้ในมือ แม้ผมจะแปลกใจแต่กลับไม่ตกใจในสิ่งที่เห็น และเมื่อสังเกตดีๆเชือกทองที่ว่ากลับคล้ายสิ่งมีชีวิต ที่มีเกล็ดสีทองอร่ามชวนตะลึง
“เมอร์คิวรี่...[พั่บๆ พั่บๆ]...มันใกล้ถึงเวลาแล้ว” ผมรู้สึกอุ่นวาบที่หน้าท้องทันที ยามที่สิ่งมีชีวิตที่มีปีกสีทองบินผ่านเข้ามาในตัวผม มันเร็วเสียจนผมไม่อาจแยะแยะว่าคือตัวอะไร รู้แต่เพียงว่าก่อนนี้สิ่งนั้นลอยขึ้นมาจากฝ่ามือของท่านเมอา
ผมยอมรับว่าตกใจ แต่เพราะเสียงนุ่มๆและรอยยิ้มอบอุ่นของคนตรงหน้า ทำให้ผมคลายใจ และรับรู้กลายๆว่าผมจะไม่เป็นอันตรายใดๆ หากอยู่ใกล้บุคคลที่อ้างว่าเป็นมารดาของผม
“ดูแลรักษากายให้ดี เพื่อคนที่รักเจ้า และเพื่อคนที่เจ้าจะต้องดูแล อีกไม่นานลูกรักแห่งข้า เมอร์คิวรี่น้อยเจ้าเติบใหญ่เสียแล้ว” ทั้งรอยยิ้มอ่อนหวานและฝ่ามืออุ่นๆที่ลูบแก้มผมของท่านเมอาในครั้งนี้ ทำเอาผมใจหายและเคว้งคว้างอย่างประหลาด ด้วยรู้แก่ใจว่าการกระทำนี้ไม่ต่างจากการบอกลา
“ทะ...ท่านเมอา ท่านแม่ ท่านแม่!!” ผมตะโกนลั่น และพยายามไขว่คว้าฝ่ามืออุ่นที่อยู่ๆก็ละออกจากข้างแก้ม ด้วยร่างของท่านแม่ค่อยๆลอยห่างไปอย่างช้าๆ
แต่ภาพที่เห็นกลับไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะไม่ว่าผมจะพยายามวิ่งตามให้เร็วเท่าไหร่ ผมก็ไม่สามารถไล่ตามร่างโปร่งแสงได้ทัน
“ท่านแม่ได้โปรดกลับมาหาข้า อย่าทิ้งข้าไป ท่านแม่! ม่ายยย!!” แม้ผมจะอ้อนวอนหรือโวยวายพร้อมหลั่งน้ำตาอย่างไร แต่ร่างนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใจและลอยกลับมาหาผมสักนิด จนกระทั่งผมไม่เห็นอะไรอีกเลย
ท้องฟ้าที่เคยสดใสถูกเมฆฝนปกคลุมในทันที แสงสว่างถูกความมืดกลืนกิน ในอกสั่นไหวด้วยความกลัว น้ำตายังคงหลั่งรินไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้ง่ายๆ ผมเคว้งคว้างไม่รู้จะหันไปทางใด กระทั่งได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้น
“...น้อย หมูน้อยตื่นเถอะ ลูกหมูตื่นเร็วครับ พี่...รออยู่ หมู...” เสียงพี่ลีโอนั่นเอง จะเพราะเสียงของพี่หรือเพราะแสงสว่างจากปลายไม้สลักในมือผมก็ตาม ทำให้ท้องฟ้าที่เคยมืดมิดค่อยๆกระจ่างอย่างช้าๆ ก่อนสายลมหอบใหญ่จะปะทะเข้าร่างผม จนผมไม่อาจฝืนลืมตาได้อีก
“ลูกหมูตื่น! ตื่นสิ!...หมูน้อย! อย่าทำให้พี่เป็นห่วงแบบนี้อีกเชียวนะ!!” ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งสิ่งแรกที่เห็นคือ พี่ลีโอที่มีสีหน้าหวาดหวั่นกำลังตะโกนดุดันพร้อมเขย่าร่างผมไปด้วย
เมื่อเราได้สบตากันแววตาหวาดกลัวของพี่ ได้แปรเปลี่ยนเป็นแววตาแห่งความดีใจสุดขีด ก่อนผมที่นอนอยู่จะถูกโถมร่างเข้าใส่ พร้อมๆกับอ้อมกอดใหญ่โตของพี่ลีโอที่โอบล้อมไว้รอบตัวผม
หลังถ้อยคำต่อว่ากึ่งตัดพ้อของพี่ ไม่มีเสียงใดดังขึ้นในห้องอีกเลย ผมสัมผัสได้ถึงความห่วงใยผ่านอ้อมกอดที่โอบล้อมผมไว้ในขณะนี้ จนผมรู้สึกอบอุ่นใจ ลืมความรู้สึกโดดเดี่ยวและเคว้งคว้างไปเกือบหมด แต่แล้วร่างหนาที่กอดผมอยู่กลับสั่นน้อยๆทำเอาตกใจ แม้ผมเรียกชื่อพี่และพยายามผลักร่างหนาออก ด้วยอยากเห็นหน้าพี่ว่ากำลังรู้สึกอย่างไร แต่ร่างนั้นก็ไม่ยอมขยับสักนิด
ผมเริ่มกังวลและร้อนรนกลัวว่าพี่จะเป็นอะไรไป จึงใช้อ้อมกอดของตัวเองโอบรัดไปรอบร่างหนา ออกแรงรัดพี่ให้พอรู้สึกตัวว่าพี่ยังมีผมอยู่ จนรู้สึกได้ว่าร่างในอ้อมกอดเริ่มหยุดสั่น ผมตัดสินใจแตะปากเข้ากับข้างแก้มของพี่ พร้อมลูบแผ่นหลังกว้างอย่างเบามือ ด้วยต้องการปลอบประโลมเจ้าของร่างหนา ที่ผมไม่รู้ว่าพี่ลีโอที่ดูเหมือนว่ากำลังหวาดกลัวนั้น พี่หวาดกลัวด้วยเรื่องอะไร
“พี่ครับ” ยอมรับว่ารู้สึกใจหายที่เห็นแววตาอาดูรของพี่ แม้แววตานั้นจะอยู่ให้ผมเห็นเพียงชั่วแวบ ก่อนมันจะเลือนหายไป พร้อมๆกับที่พี่แสดงสีหน้าแววตาที่แสนจริงจังใส่ผม
“หมูน้อยเกิดอะไรขึ้น ฝันถึงอะไร ไหนเล่าให้พี่ฟังหน่อย” คำถามของพี่ทำให้ผมกลัวพี่น้อยลง ด้วยสังเกตดีๆแล้วที่พี่ลีโอแสดงออกมาแบบนั้นคงเพราะเป็นห่วงผม ประกอบกับปลายนิ้วอุ่นๆที่ยื่นมาลูบเข้าที่ข้างแก้ม ทำให้ผมเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองร้องไห้ไม่ใช่แค่ในฝัน และผมคงละเมอจนพี่ตกใจ
นาทีนี้ยามย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในฝัน ผมก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมมันช่างให้ความรู้สึกเสมือนจริง รวมถึงคนในฝันอย่างท่านเมอาที่แทนตัวว่าเป็นแม่ผมนั้น ผมไม่ได้เพิ่งฝันถึงเป็นครั้งแรก เมื่อคืนผมฝันถึงท่านเป็นรอบที่สองแล้วด้วยซ้ำ แถมเมื่อวานยังมาปรากฏตัวให้ผมเห็นอีก ผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ใช่วิญญาณ แต่ผมก็ตอบไม่ได้ว่าปรากฏการณ์ที่เกิดกับผมนั้นคืออะไร
ผมตัดสินใจเล่าความฝันของผมทั้งสองครั้งให้พี่ลีโอรู้ รวมถึงการปรากฏตัวของท่านเมอาตอนขากลับจากร้านก๋วยเตี๋ยว ก่อนท่านจะหายตัวไปกับตาอย่างไร้ร่องรอยด้วย เมื่อเล่าเรื่องทั้งหมดจบลง ผมยอมรับว่ากลัวพี่ลีโอจะหาว่าเหลวไหล เอาความฝันมาคิดมากจนเป็นตุเป็นตะเสียแล้ว แต่อาการนิ่งเฉยบวกสายตาที่ส่อแววครุ่นคิดตลอดเวลาของพี่ ทำให้ผมแปลกใจ กระทั่งฝ่ามืออุ่นๆวางลงบนหัวผม พร้อมรอยยิ้มอ่อนๆที่ปรากฏสู่สายตา
“รีบอาบน้ำเถอะหมูน้อย เราน่ะตื่นสาย จนพี่ต้องขึ้นมาตาม คุณพ่อคุณแม่รอทานข้าวเช้าอยู่นะครับ” แม้ผมจะยังคงแปลกใจในพฤติกรรมของพี่ ด้วยดูนิ่งผิดปกติหลังฟังสิ่งที่ผมเล่าแล้ว
ผมต้องยอมตัดใจเพื่อไขข้อข้องใจและขอความเห็นจากพี่ เมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองขี้เซาจนปล่อยให้ผู้ใหญ่ต้องรอ
“ลูกหมูนี่แย่จริงๆ...อ๊ะ! พี่~” ผมลุกลี้ลุกลนลงจากเตียง แต่ยามทิ้งน้ำหนักลงบนขาข้างที่เคยเจ็บก็เซจนเกือบล้ม ดีที่ได้พี่ลีโอเข้ามาช่วยประคองไว้ แต่พี่ไม่ได้ประคองอย่างเดียว กลับอุ้มผมขึ้นมาในวงแขน
ผมถึงกลับพูดไม่ออก เมื่อเจอรอยยิ้มอบอุ่นของพี่
“ให้พี่อุ้มเราดีกว่า ขืนให้เดินเอง คุณพ่อกับคุณแม่คงหิวท้องกิ่วเสียก่อน” ผมซุกหน้าเข้าที่ซอกคอหอมๆหนีแววตาคู่แพรวพราว ก่อนประท้วงเล็กๆด้วยการทุบเข้าที่ไหล่หนาเบาๆ และโอบรอบคอพี่ให้แน่นขึ้นนิดยามที่พี่ออกเดิน
พี่ลีโอปล่อยผมลงนั่งที่ฝาชักโครก ก่อนส่งแปรงสีฟันที่บีบยาสีฟันแล้วมาให้ ผมเอาแปรงเข้าปากอย่างเขินๆ ไม่กล้าสบตาหวานๆของพี่เท่าไหร่ ก่อนพี่จะวางมือลงบนหัวผมและลูบอย่างอ่อนโยน แน่นอนว่าต้องจบด้วยรอยอุ่นชื้นที่หน้าผาก จนความร้อนลามเลียไปทั้งใบหน้า แต่แล้วคนที่ดูแลผมอย่างดีแบบนี้ในทุกๆเช้า กลับไม่ได้เดินออกไปเหมือนทุกที
ด้วยพี่ลีโอย่อตัวนั่งลงต่อหน้าผม และยกข้อเท้าข้างที่เพิ่งถอดเฝือกออกขึ้นสำรวจ ปลายนิ้วอุ่นๆแตะไล้ท่อนขาที่ผิวหนังยังคงซีดเซียวกว่าส่วนอื่นๆ ลงไปยังข้อเท้าอย่างช้าๆ แม้ฟองจะเต็มปากแต่ผมยังอดยิ้มไม่ได้กลับกิริยาอ่อนโยนของพี่ ยิ่งพี่ถามว่าเจ็บมั้ยด้วยเสียงนุ่มๆจากความเป็นห่วง ผมยิ่งดีใจและภูมิใจที่ตัวเองนั้นโชคดี ได้เป็นคนรักของผู้ชายอบอุ่นแสนสมบูรณ์แบบคนนี้
“รอยนี่ยังไม่หายอีก หมูน้อยเจ็บมั้ย...ทำไมมันชัดขึ้นกว่าเมื่อวานอีกล่ะ” ผมมองรอยแดงๆที่ข้อเท้าด้านในตามสายตาพี่ และส่ายหน้าน้อยๆเมื่อพี่เงยขึ้นมาขอความเห็น ก่อนพี่จะอมยิ้มเมื่อเห็นฟองขาวๆเต็มปาก จึงช่วยประคองผมขึ้นบ้วนน้ำ
“พี่ลีโอไม่ต้องห่วงหรอกครับ เดี๋ยวก็คงหาย ลูกหมูว่าเท่ดีออก เหมือนรอยสักรูปปีกเลย นี่ถ้ามีสองข้างลูกหมูคงบินได้แล้วล่ะ คิกๆ...พี่ครับเป็นอะไร ลูกหมูพูดอะไรผิดรึเปล่า” ผมหยุดหัวเราะทันทีที่ได้เห็นสีหน้าตื่นๆของพี่ จึงร้อนรนถามเอาคำตอบ แต่พี่กลับชะงักและส่ายหัวให้
“ไม่เป็นอะไร รีบอาบน้ำเถอะเรา เดี๋ยวพี่รอ...ลูกหมูห้ามทิ้งพี่ไปไหน ต้องอยู่กับพี่นะครับ” แม้ผมจะสงสัยทั้งคำพูดและท่าทางตลอดเช้าของพี่ลีโอ แต่แววตาอ้อนวอนแฝงแววเศร้าสร้อยที่พี่ใช้กับผม ทำให้ผมไม่รีรอที่จะตอบรับ
“ลูกหมูจะไปไหนได้ ต้องอยู่กับพี่ลีโอกับคุณพ่อคุณแม่อยู่แล้วครับ ก็เราเป็นครอบครัวเดียวกันนี่เนอะ” ผมจงใจคลี่ยิ้มใส่ตาคู่คมของพี่ ซึ่งก็ได้ผลเมื่อพี่ระบายยิ้มเสียกว้าง เอามือประกบแก้มและแตะจูบหนักๆมาที่ริมฝีปากผม
“ถ้าไม่ติดว่าคุณพ่อกับคุณแม่รออยู่นะ พี่จะจับเราฟัดซะให้หายมันเขี้ยวเลย...เช้านี้ขอมัดจำไว้ก่อน” ค่ามัดจำของพี่คือการขโมยลมหายใจของผม
เล่นเอาผมเข่าอ่อนยืนไม่อยู่ สมองเบลอไปชั่วขณะ ก่อนจะมานั่งหมดแรงหอบตัวโยนอยู่คนเดียว ส่วนพี่ลีโอได้หมุนตัวออกจากห้องน้ำไปแล้ว แต่ก่อนไปยังหันมาขยิบตาทำสีหน้ากรุ้มกริ่มให้ผมอีก จนผมไม่รู้จะค้อนใส่หรือจะเขินสายตาคู่นั้นของพี่ดี
ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำไม่นานนัก ด้วยขาที่เคยเจ็บไม่เป็นอุปสรรคเหมือนที่ผ่านมา แม้จะมีอาการเสียวแปลบๆยามเผลอลงน้ำหนักมากไปอยู่บ้างก็ตามที ส่วนเรื่องรอยแดงรูปปีกที่ข้อเท้า เห็นคราแรกยอมรับว่าไม่ใส่ใจนัก เพราะมันไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้ผม แต่ยามที่พี่ลีโอทักและออกอาการประหลาดใจนี่แหละ ที่ทำให้ผมเริ่มไม่สบายใจขึ้นมา ด้วยสังเกตดีๆแล้วรอยแดงมันชัดมากขึ้นกว่าเมื่อวานนี้ ที่เพิ่งถอดเฝือกออกใหม่ๆเสียอีก
อยู่ๆผมก็นึกถึงความฝันและท่านเมอาขึ้นมา แถมในฝันท่านเมอายังเรียกผมว่าเมอร์คิวรี่ และยังบอกผมอีกว่าผมเป็นลูกชายท่าน ทำให้นึกขึ้นได้ว่าท่านมอบไม้แกะสลักที่มีงูสีทองพันรอบแท่งไม้ให้นี่หน่า ไม้ที่มีงูพันจะเป็นตัวแทนของอะไร หรือเป็นฝันของลางบอกเหตุกันแน่ แต่จะดีหรือร้ายคงต้องรอดู นาทีนี้ผมเองก็ชักหวั่นใจ แต่ผมแน่ใจอยู่อย่างหนึ่งว่าได้เจอเรื่องมหัศจรรย์เข้ากับตัวเสียแล้ว
ชั่วแวบผมถึงกลับคิดไปได้ว่าตัวเองเป็นเทวดาตกสวรรค์ และได้จุติมาเป็นมนุษย์เสียแล้ว ความคิดนี้ทำเอาผมนึกขำตัวเอง จนพี่ลีโอยังแปลกใจที่เห็นผมหลุดหัวเราะออกมา ขณะที่เราเดินเข้าห้องอาหารด้วยกัน
“อยู่ๆก็หัวเราะ นึกอะไรอยู่ล่ะเรา หืม ฮึๆ” แก้มผมคงย้วยเข้าสักวัน ไม่ได้ไม่ดีพี่ลีโอดึงแก้มผมเล่นประจำ ครั้งนี้ก็ด้วยแถมยังหัวเราะถูกใจขึ้นอีกที่เห็นผมร้องท้วงเบาๆ
“โอ๋ๆ พี่ล้อเล่นนะหมูน้อย ฮึๆ แก้มแดงแล้วน่ารักเชียว” จากที่งอนๆผมนี่ทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
ยิ่งพี่จิ้มนิ้วมาที่แก้มยุ้ยๆของผมเหมือนต้องการยืนยันในคำพูด ผมยิ่งวางตัวไม่ถูกกับสายตาชื่นชมของพี่ ส่วนพวงแก้มทั้งสองข้างก็ร้อนฉ่าจนแทบระเบิดเลยทีเดียว
หลังจากนั้นเราต่างลืมหัวข้อที่พูดถึงไปเลย ประกอบกับเมื่อมาถึงโต๊ะอาหารก็พบว่าคุณพ่อและคุณแม่นั่งรออยู่แล้ว เรื่องไม่เป็นเรื่องของผมจึงถูกลืมเลือนไปจนหมด
ส่วนอาหารเช้าเป็นไปแบบเรียบง่ายไม่ต่างจากทุกวันที่ผ่านมา บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เช่นกัน อบอุ่นและปกคลุมไปด้วยความสุขเหมือนทุกมื้อ ด้วยเป็นการคุยกันเบาๆในเรื่องทั่วๆไป ตั้งแต่แหวนเพชรน้ำงามวงใหม่ของคุณแม่ที่เพิ่งได้มา ผลแข่งกอล์ฟเมื่อวันก่อนของคุณพ่อกับก๊วนเพื่อนสมัยมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่ข่าวเปิดตัวนักร้องหน้าใหม่ค่ายเดียวกับพี่ลีโอ กระทั่งมาถึงเรื่องการได้นั่งเรือพายครั้งแรกของผม
“ลูกหมูชอบมากเลยครับ น้ำใสๆกับลมเย็นๆ สองข้างทางก็มีแต่ต้นไม้ร่มรื่นสบายตา พี่ลีโอครับ วันหลังเราพาคุณพ่อคุณแม่ไปทานกันนะครับ ขากลับเราก็ขอร้องให้คุณยายเจ้าของร้าน ให้เข่งพายเรือมาส่งอีกก็น่าจะได้” ผมหันไปขอความเห็นจากพี่ลีโอ ซึ่งพี่เองก็อมยิ้มและพยักหน้าเป็นการตอบรับ
คุณแม่เองก็สนใจ กระตือรือร้นถามถึงตำแหน่งที่ตั้งของร้านก๋วยเตี๋ยวที่เราไปกินกันมา บวกกับที่ผมคุยโวเรื่องรสชาติว่าอร่อยเด็ดไม่เป็นสองรองใคร ท่านยิ่งสนใจอยากไปชิมยิ่งขึ้นอีก คุยไปคุยมาคุณแม่ก็นึกขึ้นได้ว่ามีเพื่อนเก่าอาศัยอยู่ในละแวกนั้น ท่านจึงสั่งกึ่งบังคับกับพี่ลีโอว่า จะให้พี่พาไปทานก๋วยเตี๋ยวและถือโอกาสเยี่ยมเพื่อนแถวนั้นด้วย
“ได้ฟังลูกหมูเล่าแบบนี้ แม่ชักอยากจะไปเสียวันนี้เลย แล้วลูกหมูเจออะไรที่น่าตื่นเต้นอีกมั้ยจ๊ะ” คุณแม่สุมนากลายเป็นสาวน้อยที่แสนกระตือรือร้นไปเสียแล้วครับ
ผมจึงรู้สึกสนุกที่จะเล่าถึงสิ่งที่พบเห็นให้ท่านฟัง รวมถึงเรื่องราวมหัศจรรย์อย่างเรื่องท่านเมอาด้วย
“...ลูกหมูกระพริบตาครั้งเดียว ท่านเมอาก็หายไปเลยครับ ตอนนั้นก็แอบตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ลูกหมูก็ไม่ได้บอกพี่ลีโอหรอกครับ เมื่อเช้าลูกหมูเพิ่งมาเล่าให้พี่ลีโอฟัง พร้อมความฝันแปลกๆนี่เองครับ” ผมระบายยิ้มให้คุณแม่ที่นั่งนิ่งและจ้องมาที่ผมไม่กระพริบเป็นการปิดท้าย
แรกทีเดียวผมยังไม่แปลกใจกับความเงียบรอบตัว จนกระทั่งได้เห็นว่าคุณแม่กับคุณพ่อหันไปสบตากันพักหนึ่ง ก่อนท่านทั้งคู่จะหันมามองพี่ลีโอด้วยสายตาเป็นคำถาม พี่เองก็ตีหน้าขรึมก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาอ่อนโยน พร้อมดึงมือผมไปกุมไว้
ปฏิกิริยาของทุกคนผิดปกติเสียจนผมคิดว่า ต้องมีเรื่องที่มากกว่าสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับผม หรืออาจจะมีอะไรบางอย่างที่ทุกคนปิดบังผมไว้ และสิ่งนั้นน่าจะเชื่อมโยงไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมอย่างแน่นอน สำคัญที่พี่ลีโอน่าจะปะติดปะต่อเรื่องราวทั้งหมดได้ดีกว่าใคร ขึ้นอยู่กับว่าพี่จะบอกผมให้คลายความสงสัยนี้หรือไม่เท่านั้น
“อย่าทำหน้าแบบนั้น มันไม่เหมาะกับหมูน้อยเลย อีกอย่างมันทำให้พี่ใจไม่ดี พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาของเรา”
นี่สินะที่พี่ลีโอมักจะบอกผมเสมอ ว่าผมคิดอะไรมักจะแสดงออกทางสีหน้าจนหมด ผมก็แค่อึดอัดใจและอยากรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่
‘ความฝัน การปรากฏตัวของท่านเมอา ชื่อเรียกประหลาดๆอย่างเมอร์คิวรี่ รอยแดงรูปปีกที่ข้อเท้า’ สิ่งเหล่านี้มีความสัมพันธ์อะไรกันอยู่ และจะส่งผลอะไรต่อชีวิตของผมหลังจากนี้หรือไม่ หรือยังมีอะไรที่ผมต้องรู้อีกรึเปล่า ซึ่งผมก็ได้แต่หวังว่าจะไม่ถูกแยกจากบุคคลอันเป็นที่รักของผม อย่างคนในครอบครัวอัครภูมิเมธี โดยเฉพาะกับพี่ลีโอ เพราะผมจะไม่ยอมให้อะไรหรือใครมาแยกเราออกจากกัน ด้วยผมคงอยู่ไม่ได้หากขาดพี่
“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมมีเรื่องคุยด้วยครับ...หมูน้อย พี่สัญญาว่าเราจะคุยกัน ขอพี่คุยกับคุณพ่อคุณแม่ก่อนนะ และที่พวกเราทำไปทั้งหมดก็เพราะพวกเรารักลูกหมู” แววตาอ่อนโยนของพี่ทำให้ผมที่กำลังว้าวุ่นใจค่อยๆสงบลง เพราะผมเชื่อมั่นในคำพูดจริงใจของพี่
“ครับ ลูกหมูเชื่อพี่ลีโอ” นาทีนี้หากพี่ลีโอสั่งให้ผมเลิกสงสัยในที่มาที่ไปของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ผมก็จะเชื่อพี่และยอมทำตามคำสั่งนั้น เพราะเชื่อใจว่าพี่รักและต้องทำทุกอย่าง เพื่อให้ผมมีความสุขที่สุด
‘พี่ครับ ลูกหมูเชื่อในหัวใจรักของพี่นะครับ พี่ต้องเลือกหนทางที่ดีที่สุดสำหรับลูกหมูอยู่แล้ว’ ผมคิดพร้อมยกมุมปากขึ้นอย่างช้าๆ จนรอยยิ้มค่อยๆขยายกว้าง ส่งให้แก่คนที่ผมรักและรักจนหมดใจ
หากมีพี่ลีโออยู่เคียงข้าง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมพร้อมเผชิญกับสิ่งนั้น ไม่ว่าสิ่งนั้นจะดีหรือร้ายอย่างที่สุดก็ตาม
..................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป^^ตอนนี้คงทำให้หลายท่านแปลกใจกับเนื้อเรื่องว่า “เอ๊! จะเป็นแนวไหนกันแน่!?”
แต่ก็อยากให้ลองติดตามกันดูค่ะ เพราะอยากลองเขียนแนวนี้ดูบ้าง
ขอให้อ่านเพื่อความบันเทิงน้า

ส่วนเรื่องนามสกุลของครอบครัวขอเปลี่ยนเป็น “อัครภูมิเมธี” นะคะ
และในตอนที่ 2 จะขอเปลี่ยนชื่อตอนด้วยค่ะ พร้อมทยอยแก้ไขนามสกุลทั้งหมด
หากว่านามสกุลของตัวละครไปพร้องหรือซ้ำกับท่านใดขอให้แจ้งนะคะ
เรายินดีเปลี่ยนอีก(หลายๆครั้ง)เพื่อความเหมาะสมค่ะ เพราะไม่มีเจตนาลอกเลียน
หรือล้อเลียนใดๆทั้งสิ้นจริงๆ
ตอนหน้ามาอีกทีวันศุกร์นะคะ และลีโอจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับที่มา
ของเมอร์คิวรี่จ้า+1และเป็ดสำหรับทุกเม้นท์ ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
