แถมขี่มอ’ไซค์ฝ่าลมหนาวไปรับน้องมานั่งเป็นเพื่อนที่ร้านเหมือนทุกวัน ชะลอความเร็วเมื่อถึงเขตโรงเรียน กวาดสายตามองหาหน้าเรียว ตัวบาง ผิวละเอียด พอเห็นน้องยืนซื้อลูกชิ้นปิ้งก็เข้าไปจอดเทียบข้างหลัง ล้วงมือถืออกมาโทร น้องที่กำลังเปิดกระเป๋าหยิบเงินส่งแม่ค้าถึงกับรีบลน อมยิ้มมองด้านหลังที่ส่งเงินให้แม่ค้าแล้วนิ่งฟังเสียงที่รับโทรศัพท์ผม
“ครับ..พี่เต..พี่เตได้ยินธันไหม? เดี๋ยวธันหาที่ยืนใหม่นะครับ สัญญาณมันกวนกันแน่เลย” ยิ้มกว้างให้น้องที่กำลังรวบถุงลุกชิ้นกับกระเป๋าเงินไว้ด้วยกัน เอื้อมมือแตะแขนแล้วยิ้มกว้างให้หน้าเหรอหราของน้อง
“แกล้งธันเหรอ?!” ปากต่อว่าแต่หน้ายิ้มมีความสุข ยื่นมือรับกระเป๋าน้องมาสะพายแทน น้องคร่อมซ้อนแล้วกลับร้านพร้อมผม ทันทีที่ผมจอดน้องก็เอื้อมมือลอดแขนมาบิดกุญแจปิดเครื่อง เหลือบมือมือเรียวแล้วก้อด..ใจเต้นแรงไม่ได้ ผมไฟลุกทุกครั้งที่น้องเข้ามาใกล้ มัน..ห้ามยากด้วยสิ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ แล้วเดินตามน้องที่เข้าร้านไปหยิบจานมาใส่ลูกชิ้น ปลดเป้ที่ไหล่ออกแล้ววางไว้ที่โต๊ะกินข้าวหลังร้าน มองต้นคอที่โผล่พ้นคอเสื้อ ไล่สายตาลงมามองแขนเรียว สะโพกเล็ก น่องสวยไร้ไขมัน..
“ไปนั่งกินข้างนอกนะครับ..พี่เต” รีบเงยหน้ามองตากลมที่จ้องหน้าผมอยู่ พยักหน้าแล้วรีบเดินนำออกมาหน้าร้าน เดินเข้าไปนั่งในเคาน์เตอร์ จัดเก้าอี้น้องให้น้องเข้ามานั่งด้วย ไม่นานลูกค้าก็ทยอยเดินเข้ามาเช่าการ์ตูนกับนิยายในร้าน เพื่อนน้องหลายคนก็เป็นลูกค้าที่ร้านผม ยิ้มให้เพื่อนน้องที่แซวว่าสนิทกับผมตอนไหน? เจ้าตัวยักไหล่ไม่ตอบ ปากบางเคี้ยวลูกชิ้นตุ้ย ๆ ตากลมจับจ้องรายชื่อเพื่อน นิ้วเรียวแตะสันหนังสือไล่ตามรายการที่ยืมไป
“เรื่องนี้หายไปไหน? มึงเอามาคืนวันนี้เลย บ้านอยู่แค่นี้อย่ามาทำเนียนบ้านไกล ไปเอายาก แล้วจะไม่คืน ไอ้เหี้ย” กลั้นยิ้มกับการทวงหนังสือของน้องกับเพื่อน หน้าตาดีเลยทำให้คำหยาบโลนมันดูไม่รุนแรงเลยแม้แต่น้อย ผมให้น้องเป็นคนรับคืนและเขียนเช่าหนังสือเองทั้งหมด ผมมีหน้าที่เก็บและหยิบเงินทอนอย่างเดียว
หลายครั้งที่ถูกมองด้วยสายตาสงสัยจากคนอื่น ผมใช้ดวงตาที่มองกัน การสัมผัสนิดหน่อยแทนคำตอบว่าผมกับเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักคนนี้..เราเป็นอะไรกัน ไม่ยากที่จะเดาออกว่าผมกับน้องกำลังคบกันอยู่ และไม่ยาก..ที่จะทำให้ลูกค้าหลายคนเลิกหวังกับผม
ใกล้เวลาปิดร้านผมก็ลุกเอาหนังสือที่ลูกค้าคืนเก็บเข้าชั้น น้องดึงลิ้นชักเก็บเงินออกมาแล้วหยิบเงินซื้อข้าวเย็นมารอผม ละมือที่กำลังจัดหนังสือแล้วพาน้องซ้อนมอ’ไซค์ออกมาหาอะไรกินตอนเย็น โทรบอกแม่น้องว่าวันนี้ผมพาน้องกินข้าวเย็นก่อนแล้วจะพาไปส่งที่บ้าน นั่งกินข้าวมันไก่ ต่อด้วยเกาเหลาเย็นตาโฟพิเศษอีกคนละชามก็เดินซื้อขนมก่อนจะกลับร้าน
ถึงร้านน้องก็เดินตัวปลิววิ่งเข้าห้องน้ำ ผมวางขนมไว้ที่เคาน์เตอร์แล้วดึงประตูเหล็กลดลงมากกว่าครึ่ง ล็อคประตู ปิดไฟที่เคาน์เตอร์และหน้าร้าน เหลือไฟจากทางขึ้นชั้นบนไว้แค่ดวงเดียว เดินไปจัดหนังสือต่อ ไม่นานน้องก็เดินมาหา เงยหน้ามองน้องเช็ดมือที่กางเกง อดไม่ได้ที่จะมองเป้ากางเกง..ผมรู้ว่ามันดูลามก แต่ผมก็ห้ามสายตาตัวเองไม่ได้ เบือนหน้ากลับมามองหนังสือแล้วหยิบขึ้นใส่ชั้นจนเสร็จ หันมองมือสวยที่กำลังช่วยหยิบหนังสือเก็บที่ชั้น ยิ้มน้อย ๆ แล้วจับมือน้องไว้หลวม ๆ
“ไม่เป็นไรครับ พี่จัดเอง” น้องทำหน้ามุ่ยแล้วนั่งขัดสมาธิเท้าคางมองผมจัดหนังสือ หัวใจเต้นตึกตักกับดวงตากลมที่มองผมอยู่ตลอด จับหนังสือเล่มสุดท้ายเข้าชั้นหนังสือ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เลื่อนสายตาหันมองตากลมที่ยังคงมองหน้าด้านข้างผมไม่วางตา ทันทีที่ผมหันสบน้องก็หลบวูบ แก้มใสขึ้นสี มือที่เท้าคางลดมาวางราบกับพื้นข้างตัว ตากลมกะพริบปริบ ริมฝีปากเม้มช้า ๆ แล้วพยายามเบี่ยงตัวเอี้ยวหลบการมองของผม เอื้อมมือคว้าแขนไว้ ดึงเข้ามาแล้วกดปลายจมูกหอมที่แก้มใส ระริมฝีปากพรมจูบไปทั่ว ก้มควานหาริมฝีปากบาง แตะปลายลิ้นที่ริมฝีปากล้าง จูบเม้มเนื้อด้านในแล้วค่อย ๆ แทรกปลายลิ้นเข้าเกี่ยวกระหวัด แขนรวบน้องเข้ามากอด เบียดเข้าหาไออุ่น มือสอดลูบไล้ผิวลื่นมือ ละมือที่กอดน้องมาปลดกระดุมเสื้อนักเรียน เสียงครางอืออาจากน้องยิ่งทำให้สำนึกรู้ผิดชอบผมมันเลือนรางลง จากที่เคยจูบก่อนส่งกลับบ้าน วันนี้อารมณ์ผมมันเตลิดมากกว่านั้น..ละริมฝีปากจากปลายลิ้นอุ่น เลียไล้ ตวัดลิ้นดูดชิมผิวเนื้อนุ่มไปทั่ว มือถอดเสื้อน้องออก ขยับเข้าหาตุ่มสีอ่อนบนหน้าอก แตะแผ่วเชื่องช้า เสียงเต้นตึกตักดังก้องอยู่ในอกข้างซ้ายน้อง มือเล็กปล่อยแขนผมแล้วเลื่อนขึ้นสอดมือตามเส้นผม เสียงนุ่มเอ่ยเรียกชื่อผมแผ่วเบา..
“อึก..พี่เต..” ลมหายใจผมมันขาด ๆ หาย ๆ หัวใจเต้นดังคับอกก้องไปถึงในหัว สมองไม่รับรู้เรื่องอื่น..นอกจากสั่งให้ทำตามการสนองตอบของร่างกายเรา ปลดเข็มขัดและกระดุม รูดซิปกางเกงลงจนสุดก่อนจะซุกหน้าสูดกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกลิ่นตัวน้อง จูบความโป่งนูนผ่านกางเกงผ้าเนื้อดี เลียเน้นน้ำหนักปลายลิ้นตามความยาว ใจเต้นรัวกับส่วนหัวที่โผล่พ้นออกมาจากขอบเอวกางเกง สัมผัสช่องเล็ก ๆ ส่วนปลายที่โผล่พ้นช้า ๆ ด้วยปลายลิ้น น้องสำลักอากาศเสียงหวาน
“อ๊ะ!” สะโพกเล็กยกขึ้นตามหาปลายลิ้นที่แตะเลยไปที่ไรขนอ่อนแถวใต้สะดือ มือจับขอบกางเกงถอดออกจากตัวน้อง ก้มต่ำระจูบลากปลายลิ้นแตะลงตามผิวเนื้ออ่อน จูบผะแผ่วที่ช่องทางอุ่น เสียงครางต่ำของน้องดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามจังหวะการจูบของผม ดันขาขึ้นแล้วตวัดปลายลิ้นดูดต้นขาด้านใน น้องดันไหล่ผมออกแล้วปล่อยน้ำสีขาวข้นออกมาจนเลอะหน้าท้องไปหมด
ขยับตัวขึ้นถอดกางเกงตัวเองออก ประคองหน้าเรียวที่มีน้ำตารื้นขึ้นมาจูบ ‘พี่เต..ธันขอโทษ ทั้งที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็..อย่าเบื่อธันนะ..’ ส่ายหน้าตอบแล้วก้มจูบริมฝีปากบาง..
“ให้พี่เห็น..ทุกอย่างของธัน เป็นของพี่คนเดียวนะ..” ตากลมไหวระริกหลับตาลงช้า ๆ แล้วเผยอริมฝีปากรับจูบผม ปลายลิ้นเกาะเกี่ยว แลกสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือ ขยับสะโพกเอาความแข็งขืนของตัวเองแตะที่น้ำขาวข้นของน้องช้า ๆ ละมือกวาดน้ำรักมาป้ายจนทั่วโดยไม่ละริมฝีปากห่างจากปลายลิ้นอุ่น ประคองน้องขึ้นนั่งตักแล้วจับความต้องการตั้งตรง มือคอยจับท้ายทอยบังคับรับริมฝีปากและปลายลิ้น อีกข้างละมาจับสะโพกน้องให้นั่งลงช้า ๆ ความอุ่นและคับแน่นค่อย ๆ บีบรัดส่วนหัวทีละน้อย น้องกัดริมฝีปากผมเมื่อผมเด้งเอวขึ้นจนความยาวเข้าไปจนสุด ครางยาวใส่ริมฝีปากบาง มือลูบผิวลื่น หายใจหอบต่ำ ลืมตามองหน้าเรียวที่อยู่ตรงหน้า ใจเต้นถี่กับภาพน้องที่ผมไม่เคยเห็น ทั้งสีหน้าที่บ่งบอกความต้องการ น้ำตาที่รื้นอยู่ตลอด..แยกไม่ออกว่าเจ็บหรือรู้สึกอย่างอื่นมากกว่ากัน
แสงไฟที่ลอดเข้ามาทำให้เรามองตากันได้ชัด เห็นความต้องการจากความรู้สึกข้างในกำลังพุ่งพล่าน จับสะโพกน้องยกขึ้น รับความเสียวที่ช่องทางเล็กบีบรัดจนต้องครางปล่อยอารมณ์ น้องนิ่วหน้าแล้วซบหน้ากับหน้าผากผม ก้มควานหาริมฝีปากแล้วขยับบั้นเอวเข้าหาช่องทางที่กำลังตอดถี่ยิบ
เสียงนุ่มครางแข่งกับเสียงหอบต่ำของผม มือเล็กบีบหัวไหล่แน่น จับน้องพลิกหันหลังแทรกท่อนร้อนเบียดเข้าหาช่องทางคับแคบ กอดเอวไว้ข้างหนึ่ง อีกข้างวางทาบหลังมือที่จับตู้หนังสือพยุงตัวไว้แน่น ประคองหน้าหันกลับมารับจูบแล้วขยับสะโพกสวนกับการเกร็งสะโพกรับความยาวของผม แรงตอดและบีบรัดทุกทางเข้าถาโถมใส่เหมือนไซโคลน แรงขยับขย่มรับของเราส่งให้หนังสือบนชั้นร่วงกราวเหมือนฝนตก อารมณ์ดิบที่คุอยู่ทำให้ไม่รู้สึกถึงสันหนังสือที่หล่นกระแทกหัวไหล่ ความซ่านพุ่งเข้ามาในอก ความเสียวแล่นปราดไปทั้งตัว ผมจับสะโพกเล็กกดลงมาเต็มแรงและปลดปล่อยออกมาจนหมด น้องละมือที่จิกไหล่มารูดรั้งข้อมือเร็ว ผมดันน้องออกแล้วครอบริมฝีปากรับธารรักที่น้องปลดปล่อยออกมา
“ซืดดด..พี่เต” เสียงทุ้มครางต่ำ มือขยำเส้นผมแน่น ความแข็งขืนกระตุกเกร็งคับปาก ผมปล่อยให้น้ำรักของน้องไหลระมุมปากเพราะไม่สามารถกลืนลินลงไปได้หมด น้องถอนความต้องการออกแล้วรีบเอามือเช็ดช่วยทำความสะอาด
“พี่เตกลืนไปทำไม?..บ้วนปากเร็ว” ยิ้มแล้วพยักหน้ารับ ค่อย ๆ พยุงน้องเข้าห้องน้ำล้างตัว ผมล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็ดึงน้องมานั่งตัก น้องยืนยันจะกลับบ้านและไม่ต้องกังวลเรื่องร่างกายน้อง
“ไปส่งธันกลับบ้านนะครับ แม่ต้องสงสัยแน่ถ้าธันไม่กลับบ้านอ่ะ ไม่ต้องห่วงนะครับ ธันไม่เป็นไร..” ถอนหายใจยาวแล้วส่ายหน้าตอบ น้องหน้าเสียแล้วกอดผมแน่นขึ้น ลูบหลังปลอบเบา ๆ แล้วกดโทรบอกแม่น้องว่าน้องไม่สบาย ผมให้กินยาและอยากให้น้องนอนที่ร้านด้วยกัน แม่เงียบไปนาน ผมพร้อมจะบอกความจริงและยืดอกรับเพราะผมรักน้อง
“ฝากน้องด้วยเต รุ่งนี้พากลับบ้านด้วยนะ เช้าแม่ต้องไปขายของไม่มีใครอยู่บ้าน” ตอบรับแล้ววางหู อุ้มน้องที่ซบหน้ากับไหล่ขึ้นไปนอน หายาให้กินเสร็จก็ดึงเข้ามากอดกล่อม
“พี่รักธัน” กระซิบข้างหูตลอดเวลาให้น้องมั่นใจ มันอาจจะเร็วในสายตาคนอื่น แต่สำหรับผม..ระยะเวลาไม่จำเป็นสำหรับการรักใครสักคน..
รักของผม..ใช้หัวใจล้วน ๆ ครับ
END.
fan fic So sweet By jikiช่วงบ่ายๆก่อนเย็นของวันที่3มค. วันนี้เป็นวันหยุดเชยครับ พอดีว่าผมกับพี่เตกลับมาจากการเที่ยวบ้านญาติๆต่างจังหวัดก่อนคนอื่น แบบว่าไม่อยากเจอรถติดวันสุดท้ายน่ะ แล้วทีนี้พี่เค้าเห็นว่าอยู่ว่างๆก็เลยเปิดร้านแก้เหงา เผื่อใครจะมาเช่าหนังสือไปอ่าน แล้วก็ชวนผมมาเฝ้าร้านด้วย ผมก็กะว่าจะมาเจอพี่เขา(ไม่เจอหลายวันผมคิดถึงครับ) แล้วก็หาการ์ตูนอ่านไปในตัว(อันนี้ผลพลอยได้) แต่กลายเป็นว่า ตอนนี้เราแอบทำอะไรกันบางอย่าง ทั้งๆที่หน้าร้านก็แขวนป้ายเปิดอยู่เลย
"ไม่เป็นไรหรอก วันนี้คนเงียบจะตาย ไม่มีใครรู้หรอก"
"แต่ว่า..." ผมอิดออดได้สักพักก็ต้องยอมตามใจพี่เขา ทรุดลงหลังเคานเตอร์ ปล่อยพี่เขาจัดแจงท่าทางผมแล้วเอาอุปกรณ์มาเตรียมความพร้อมให้เรียบร้อย
'นี่มันวางแผนล่วงหน้ามาแล้วนี่!!!'บางสิ่งบางอย่างถูกสอดลึกเข้ามาในร่างกาย ทั้งๆที่รู้อยู่แล้ว แต่ก็อดสะดุ้งไม่ได้
"อะไรกัน สะดุ้งตัวกระตุกเชียว เสียวเหรอ" เสียงทุ้มของพี่เค้าถาม ถึงตำแหน่งของผมในตอนนี้จะทำให้หันไปมองหน้าพี่เค้าไม่ได้ แต่จากน้ำเสียง พี่เค้าคงจะยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่แน่ๆล่ะ!!!
"ปะ เปล่าครับ อึก" ได้ยินเสียงพี่เขากลั้วหัวเราะ พลางว่า เปล่า แต่เสียงสั่นเชียว ผมได้แต่ปล่อยให้พี่เขาทำตามความต้องการไปเรื่อยๆ โดยที่ผมไม่อาจต่อต้านได้
บางอย่างมันสอดลึกเข้ามา ลึกเข้ามา จนเมื่อใกล้จะสุดทาง ผมกำมือเข้าหากันแน่น กลัวเจ็บเมื่อมันชนเข้ากับปลายทาง แต่มันก็ไม่ได้กระแทกรุนแรงอย่างที่กลัว ทว่าการกดลงเข้าหาผนังที่ที่รายล้อม ซ้าย ขวา บน ล่าง มันก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่าง รู้สึกว่าลมหายใจของตัวเองมันสั่น เกรงที่จะหายใจเข้า กลัวที่จะผ่อนลมหายใจออก
"อย่าขยับสิธัน พี่มองไม่เห็น ให้พี่มองให้ชัดๆหน่อย...นะ" เสียงทุ้มเอ่ยขอร้อง ขัดกับการกระทำที่ฉุดรั้ง จับขยับ กดตรึงตัวผมให้เป็นไปในทิศทางที่ต้องการ การสกัดกั้นเสียงของตัวเองมันไม่ง่ายเลยครับ โดยเฉพาะเวลาที่เราหายใจไม่เป็นจังหวะอย่างนี้ เมื่อเรามองไม่เห็นว่า พี่เขากำลังทำอะไร ประสาทรับรู้ส่วนอื่นยิ่งตื่นตัว รับสัมผัสทดแทน แต่มันยิ่ง...ทำให้ผมปั่นป่วน บางสิ่งบางอย่างที่กดถูกอยู่ในช่องทางนั้นหลายครั้ง ค่อยๆเคลื่อนตัวออก แล้วก็สอดกลับมาอีกครั้ง ก่อนที่ผมจะรู้สึกว่าบางอย่างมันไม่เหมือนเดิม มันก็หมุนวน ปลุกปั่นจน..ผม
"อุ๊บ" คว้ามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน
"เป็นอะไรล่ะ อย่าตบปากตัวเองแรงอย่างงี้สิ" พี่เขาเอื้อมคว้ามือผมออก แล้วก็หมุนวนสิ่งที่ค้างคาอยู่ต่อไป เมื่อพี่เขายังรั้งมือผมไว้ การกักกั้นเสียงมันก็ไม่ดีเท่าที่ควร
"อือ อื้อ~"
"พรึบ!!!" " หวัดดีพี่ " เสียงลูกค้าคนหนึ่งเปิดเข้ามาในร้าน ผมมสะดุ้งสุดตัว หยุดเสียงร้องของตัวเองพร้อมกับที่พี่หยุดการกระทำไว้ชั่วครู่ กล่าวสวัสดีลูกค้าแล้วกลับมาสานต่อการกระทำนั้นใหม่!!!! ผมไม่รู้ว่า ใครเข้ามา จากตำแหน่งที่ผมอยู่ ผมเห็นเพียงกองหนังสือนิยายใต้โต๊ะเท่านั้น แต่คนที่มาที่นี่ส่วนมากก็เป็นคนในละแวกตลาด ซึ่งย่อมคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับผมและครอบครัว แม้คลองสายตาผมจะไม่รับรู้เงาของใครสักคน แต่ผมก็ไม่อาจมั่นใจได้ ผมภาวนาให้เขาไม่เห็นกิจกรรมข้างหลังเคานเตอร์นี่
"เขามองไปทางอื่นน่ะ ไม่เห็นหรอก แถมยังใส่หูฟังอยู่ด้วย" เสียงพี่เขาก้มมาบอกผม ผมพยายามมองไปตามเสียง แต่มุมนี้มันมองไม่เห็นอะไรเลยสักอย่างจริงๆ แล้วพี่เตก็ลงมือปฏิบัติการต่อไป พี่เขายึดมือผมไว้ ผมไม่กล้าสะบัดตัวหนี กลัวผลที่ตามมาครับ
มีลูกค้าอยู่ในร้าน แทนที่พี่เขาจะหยุด กลับยิ่งแกล้ง การสอดใส่และการปลุกปั่นยังไม่เลิกรา ผมพยายามกลั้นเสียงไว้ ขบเม้มริมฝีปากจนเจ็บ แต่เสียงลมหายใจนี่ ผมกลั้นไม่ได้จริง จนในที่สุด...
"อ๊ะ อืม~อื้ออออ" ผมกลั้นเสียงไม่ไหวแล้ว ถึงพี่เขาจะบอกว่า ลูกค้าใส่หูฟังมา แต่เสียงมันน่าอายนี่นา พี่เขาได้ยินเสียงผมก็ยิ่งลงมือหนักขึ้นๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกดี จนไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะส่งเสียงยังไงออกไปบ้าง
"ตุ้บ" ผมสะดุ้งอีกครั้ง พี่เขาลูบหัวบอกเสียงเบาว่า ลูกค้าเอาหนังสือมาวาง รอแป๊บนึง อย่าขยับล่ะ ผมไม่กล้าขยับหรอกครับ กลัวเค้าเห็นว่าพวกผมทำอะไรกัน จนสแกนหนังสือ จัดลงถุง ส่งให้ลูกค้าเสร็จ พี่ก็บอกขอบคุณเบาๆ แต่ว่าลูกค้าคนนี้ก็ยังไม่ออกไป
"พี่เต" เสียงลูกค้าคงนี้คุ้นจัง เหมือน
"หืม อะไรเหรอ ตรี" พี่ตรี พี่ไอ้น้องโฟร์!!!!!!!!!!!!!!!
"ถึงผมจะใส่หูฟัง แต่ผมไม่ได้เปิดเพลงนะ"(OoO)
"ได้ยินเสียงน้องเค้าชัดแจ๋วเลย" (O{}O)
"แต่ผมว่าพี่เก็บไว้ฟังคนเดียวดีกว่านะ แบบ เสียงน้องเค้ามัน...สุดๆอ่ะ ผมว่าผมไปหาแฟนก่อนดีกว่า ไปล่ะพี่" (O[ ]O)
"กึง"
"ชิ!!! ปล่อยให้ไอ้ตรีได้ยินซะได้" โห พี่เตทำมาชิ มาเชอะ
"พี่เต!!!" ผมทนไม่ไหวแล้ว ยังตัวออกมาทุบต้นขาแน่นๆตรงหน้า ทุบๆ
"อ้าว ธัน ลุกมาทำไม ดีนะ มะกี้เอาไม้ออกแล้วอ่ะ" พี่เขาเอื้อมมือมาจะกดหัวผมลงที่เดิม
"ไม่เอา ไม่ทำแล้ว" โมโห มะกี้ทำไมไมยอมหยุด ผมอายนะ
"ทำไมล่ะ ไม่ให้พี่แคะหูต่อแล้วเหรอ ยังเหลืออีกข้างนึงนะ"
"ไม่เอาอ่ะ ก็บอกแล้วว่าอาย ยังให้คนอื่นมารู้ มาเห็นอีก" ก็มันน่าอายนี่ โตแล้วยังมานั่งหนุนตักให้คนอื่นแคะหูให้อย่างงี้ แล้วพอมันเคลิ้ม ผมมักทำตัวแปลกๆอีก ไม่ชอบเลย มันเหมือนแมวหง่าว!!!
"พี่ว่า ตรีเค้าไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร เค้าไม่เห็นหน้าธันหรอก เคานเตอร์ออกจะสูง" ทำมาพูดๆ "แล้วพี่ก็ไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าแบบนี้ของธันด้วย"
"หน้าแบบไหนล่ะ"
"หน้าเคลิ้ม~ " เหมือนผมได้ยินเสียงหน้าตัวเองระเบิดบึ้ม!
"พี่!!!!"
"555 เอาล่ะๆ เดี๋ยวพี่แขวนป้ายปิดร้าน แล้ว ค่อยแคะหูต่อละกัน จะได้ไม่มีใครเข้ามา ...." แล้วพี่เตก็ได้ง้อผมต่อยาวเลยครับ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งวันดีๆที่ผมพอแบ่งปันให้ได้ แต่นอกเหนือจากนี้ ผมขออุบไว้ละกันนะ ผมอายครับ (-/////-)
จบ.
แถมๆ
ระหว่างทางขี่มอ'ไซค์กลับบ้าน นึกหวนไปถึงเหตุการณ์ในร้านหนังสือ เสียงทุ้มก็บ่นลอยไปกับสายลม
"แฟนพี่เต เสียงแม่ง...น่าฟัดฉิบหาย" ความรู้สึกบางอย่างมันตีรวนขึ้นมาเล็ก แต่ก็พอใช้เป็นข้ออ้างให้กับตัวเองได้ "ไปหาเฮียปิงดีกว่า" ยกยิ้มอารมณ์ดีCBR 1000 สีดำลดความเร็ว หักเลี้ยว ก่อนเร่งความเร็วหายไปในซอยใกล้ๆตลาด
.........................................................
กอดดดดค่าาาาาาาา
เรื่องนี้จิได้ใบสั่งมาค่ะ เลยได้พล็อตประมาณนี้ เคลมเร็วอะไรแบบนี้ค่ะ >////< ขอบคุณ jiki สำหรับแฟนฟิคน่ารัก ๆ ด้วยค่ะ
คุณ BlueCherries นอกจากจะได้ใจแม่ยายและขาไพ่แล้ว ยังเป็นขวัญใจจิด้วยค่ะ จิเคยเขียนตอนพิเศษวันเด็กคู่นี้ด้วยค่ะ อันนั้นพี่อ้นแกล้งน้อง น้องร้องไห้ยกใหญ่ โวยวาย น่าสงสารมาก จิชอบบบบ55555 แต่หาไม่เจอค่ะ ไม่ม่ใครเก็บให้ด้วยค่ะ อดอ่านโดยจำยอม TT
คุณ Noo_Patchy ตอบโต้ด้วยอีโมกอดหลาย ๆ ตัวค่ะ ^^
คุณ Mouse2U อ่านคอมเม้นท์ของคุณแล้วจิยิ้มเลย ถ้าเตงได้อ่านตอนพิเศษที่จิเขียนไว้เตงจะต้องชังพี่อ้นยิ่งกว่านี้ มันแกล้งน้องค่ะ น้องร้องไห้ ตีอกชกตัว น่าสงสารที่สุด(แต่จิโคตรชอบอ่ะ) ไม่ใีใครเก็บไว้ให้เลยค่ะแม้แต่จิเอง อดอ่านเลยค่ะ สวนตอนต่อไปของมนต์รักเงือกหนุ่ม(เปลี่ยนชื่อตอนไหน?!)จิยังไม่มีโครงการจะต่อเลยค่ะ เขียนทิ้งไว้ 3 บรรทัดต่อจากตอนนั้น มันสื่อไปทางไหนไม่ได้เลยค่ะ รอก่อนเนอะ ^^
คุณ nekko คู่นี้ต้องใช้ภาษากายค่ะ น้องถนัดมากกว่า ^^
คุณ KKKwanGGG จงรักภักดีเขาจมน้ำตามาก่อนค่ะ ควรแล้วที่เขาจะได้รักกันให้เราอิจฉาสักที คู่หลังนี่มีแววว่าจะติดไพ่ล่ะค่ะพี่อ้นของเรา เพราะไปส่งไปรับทีไรต้องเจอขาไพ่ตลอดดดดดด
คุณ PURE LOVE ชอบเม้นท์คุณจังค่ะ ยาว ละเอียด ใส่ใจทุกรายละเอียดของตัวละคร ถ้าเตงได้อ่านตอนพิเศษที่จิเคยเขียนให้คู่นี้ เตงต้องชังพี่อ้นแน่ ๆ ค่ะ มันใจร้าย มันแกล้งน้องให้ร้องไห้ด้วย แต่ไม่มีให้อ่านนะคะ หาไม่เจอค่ะ ^^
บวกขอบคุณที่ติดตามนะคะ