วันที่ 40 Chet’s Part
“เสียดายที่ไม่ได้ฉลองวันเกิดด้วยกันเนอะอุส่าเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้”เสียงของไอ้ตี๊ฟเป็นคนเอ่ยทำลายความเงียบ แม้จะเตรียมตัวมาแล้ว แต่มันก็ยากมากๆ สำหรับผมที่ต้องบอกความจริงทั้งหมดกับมัน
“นั่นสิ”ผมยังคงก้มหน้ามองพื้นเพื่อรวบรวมความกล้า
“ดูท่าแล้ว คำตอบจากน้าชาคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ใช่ไหม”จริงๆ ตี๊ฟเองมันก็คงกังวลไปไม่น้อยกว่าผม เพราะผมเล่นไม่มาเจอมันหลายวัน แถมไปเรียนผมก็ไม่ได้ไปเลย แต่สิ่งที่มันกำลังกังวลกับสิ่งที่ผมกังวัลอาจจะต่างกันออกไป ใช่สินะทำไมผมลืมไปได้ว่ามันเองก็ต้องแบกรับความกดดันไว้เหมือนกัน
“มานี่สิ”ผมเรียกให้มันมานั่งข้างๆผม พร้อมกับสวมกอดมันไว้แน่น
“เรายังคบกันต่อได้ใช่ไหม”เสียงมันสั่นๆ นี่ผมทำอะไรลงไป ผมมัวแต่กังวลในมุมของผม มัวแต่คิดถึงวิธีการอะไรบ้าๆ บอๆ พวกนั้นก่อน แทนที่จะคิดถึงคนในอ้อมกอดนี่เป็นคนแรก คนที่คงรอให้ผมมาฉลองวันเกิดด้วยกัน ตามที่เคยบอกไว้ คนที่ว่าจะมาร่วมฝ่าฟันอุปสรรคไม่ว่าน้าผมจะว่ายังไง คนที่คงจะคิดอะไรไปไกลมากแล้วตอนนี้
“มึงรักกูไหม”ผมจูบเบาๆ ที่หน้าผากของมันพร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ก็เคยบอกแล้วไง”มันก้มหน้ามุดลงกับแผงอกของผม จะทำตัวน่ารักเกินไปแล้ว ยิ่งเห็นแบบนี้ผมยิ่งรู้สึกแย่
“อยากให้ช่วยยืนยัน”
“ก็รักไง”
“เอาดีๆ ดิ”นี่ขนาดจะมาสารภาพผิดนะครับ แต่ก็อยากมั่นใจนี่นาว่ามันเองก็รักผมจริงๆ
“เออกูรักมึง พอใจยัง”มันเงยหน้าแดงๆ ของมันขึ้นมาพร้อมค้อนให้ผมหนึ่งที
“เชษฐ์ก็รักตี๊ฟนะ”แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่เรียกชื่อแทนสรรพนามอย่างที่เคย แต่ผมอยากให้มันดูพิเศษกว่าทุกครั้ง
“มาแปลกนะเนี่ย สรุปน้าชาว่าไงบ้าง”ไอ้ตี๊ฟถอยห่างออกจากผม และตอนนี้เรากำลังนั่งเผชิญหน้ากันอยู่
“น้าชาให้เราคบกันต่อ”ผมว่าไอ้สารภาพเรื่องเกมว่าเป็นแผนของพวกเพื่อนๆ กับผมนี่ควรยกไปไว้หลังสุด จากที่ตอนแรกกะว่าจะให้เป็นเรื่องแรก
“อ้าวแล้วที่มึงปล่อยให้กูคิดมากอยู่คนเดียวตั้งหลายวันนี่ คืออะไร ไอ้กูก็นึกว่าน้ามึงสั่งห้ามเจอกันแล้วซะอีก”
“เราคบกันต่อได้แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรบ้างว่ามา”
ผมเล่าให้ตี๊ฟฟังในกฎใหม่ของน้าชา ทั้งเรื่องที่เราต้องเล่นเกมไปจนครบ 100 วัน ให้เราต่างกลับไปอยู่บ้านใครบ้านมัน และเรื่องที่เราจะไม่มีอะไรกันจนจบเกม แต่สิ่งหนึ่งที่ผมยังไม่ได้บอกคือเรื่องเกมที่เล่นมันเป็นแผนของผมและเพื่อนๆ
“ก็โอเค นึกว่ามันจะยุ่งยากกว่านี้อีก”ตี๊ฟดูผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมมาก
“อ้าวแล้วไม่ทักท้วงเรื่องที่เราจะไม่มีอะไรกันหน่อยเหรอ”แกล้งยั่วมันหน่อยครับ จริงๆ ผมว่าไม่ใช่แค่ผมเองหรอกที่หื่น ตี๊ฟเองมันก็หื่นพอๆ กับผมแหละไม่งั้นจะเข้ากันได้ดีขนาดนั้นเหรอเวลาอยู่บนเตียง เพียงแต่มันยังฟอร์มแค่นั้นแหละ
“กูว่ามีข้อนี้ก็ดี จะได้รู้กันไปเลยว่าเรารักกันจริงๆ หรือเราแค่ต้องการเซ็กซ์จากอีกคนแค่นั้น”โหจี้ใจดำสุดๆ เลยครับ แต่มันก็พูดได้คล้ายๆ กับที่น้าชาบอกผม แกว่าถ้ารักกันจริงมันต้องทำได้ แต่ถ้าทำไม่ได้แสดงว่าเราไม่ได้รักกันจริงๆ ว่าแล้วข้อนี้ก็ง่ายขึ้นหน่อยตรงที่เราต้องแยกกันอยู่นี่แหละครับ เพราะถ้าอยู่ด้วยกัน ผมทำไม่ได้แน่ๆ
“สรุปว่าเราจะร่วมมือกันพิสูจน์ให้น้าชาเห็นว่าเราสองคนรักกันจริงๆ ใช่ไหม”ผมถามย้ำเพื่อที่จะได้เป็นหลักประกันว่าถ้าหาก ผมสารภาพความจริงต่อจากนี้ มันจะยังร่วมเล่นเกมนี้ต่อ
“กะบอกแล้วว่าโอเค แต่เรื่องย้ายของกลับไปอยู่บ้านคงอีกหลายวันนะ อาจจะกลับไปอยู่บ้านก่อนแล้วค่อยมาเอาของ คงไม่ถือว่าผิดกฎของน้ามึงนะ”
“สัญญาสิว่าต่อให้เกิดอะไรขึ้นเราจะยังรักกันเหมือนเดิม”
“กลัวอะไรเนี่ย กลัวกูยอมแพ้เหรอ”
“สัญญาสิ”
“เชษฐ์มึงคิดว่ากูเป็นคนยังไง กูเคยบอกแล้วไงก่อนที่มึงจะไปคุยกับน้าชา ไม่ว่าผลจะออกมายังไง กูพร้อมจะอยู่ข้างมึง อย่ามาเซ้าซี้เหมือนไม่มั่นใจในตัวกูแบบนี้”ผมรู้ครับว่ามันพร้อมจะเดินไปพร้อมผม แต่ผมก็ยังกลัวว่าถ้ามันรู้ความจริงเรื่องที่ผมกับเพื่อนๆ หลอกมัน มันจะยังตอบแบบนี้อีกไหม
“ถ้ากูเคยโกหก หรือหลอกอะไรมึง มึงจะโกรธกูไหม”ผมตัดสินใจถามออกไปในที่สุด ตี๊ฟมีสีหน้าแปลกใจอยู่ไม่น้อย
“คนเรารักกันจริงๆ มันก็ไม่ควรโกหกกันหรอกนะ แต่ถ้าถามว่ากูจะโกรธไหม มันก็ตอบยาก ขึ้นอยู่กับเรื่องว่ะ ว่าสิ่งที่มึงโกหกกูมันร้ายแรงแค่ไหน แล้วตกลงมีเรื่องไร”ฟังๆ แล้วผมก็หวั่นๆ เหมือนกันนะครับแต่ดูตี๊ฟมัน ไม่ได้ซีเรียสมาก สำหรับในมุมผมคิดว่าถ้าเกิดเป็นมันมาหลอกให้ผมเล่นเกมแบบนี้ แล้วสุดท้ายผมรักมัน ในเมื่อผมรักมันแล้วผมคงไม่โกรธมัน แต่อาจขอรางวัลปลอบใจ ทบต้นทบดอกนิดหน่อย หึหึ
“สัญญาได้ไหมว่ามึงต้องตัดสินด้วยเหตุผล กูจะไม่ห้ามว่าไม่ให้มึงโกรธ แต่ให้มึงตั้งสติดีๆ ค่อยๆ คิด และอยากให้มึงจำไว้ว่ากูรักมึง รักมึงจริงๆ นะ”
“ทำไมดูซีเรียสจัง”
“สัญญาได้ไหม”
“ได้สัญญาว่าจะใช้เหตุผล แต่กูโกรธมึงได้ใช่ไหม”
“อืม”
“สรุปว่าเรื่องอะไรว่ามา”ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตอนเป็นเด็กที่ทำความผิด แล้วต้องมาสารภาพกับผู้ใหญ่และรอรับโทษ หวังว่าโทษของผมจะไม่หนักจนเกินไปนะครับ
“เรื่องเกมพนัน 45 วันตอนแรก เป็นแผนของกูกับพวกไอ้การ์ด”
“ยังไงนะ”ตี๊ฟดูเหวอๆ แบบยังไม่ค่อยเข้าใจ
“คือมันไม่ใช่เกมที่ไอ้การ์ดคิดขึ้นได้ตอนที่ดื่มเบียร์ แต่มันถูกวางแผนไว้ก่อนอยู่แล้ว”ผมสูดหายใจลึกๆ พร้อมดูปฏิกิริยาของอีกคนว่าเป็นยังไง แต่ตอนนี้มันนิ่ง นิ่งจนน่าตกใจ จากตอนแรกผมคิดว่ามันอาจจะโวยวาย ถ้ามันโกรธ หรือจะตีต่อยอะไรผม นี่คือในแบบเลวร้ายนะครับ แต่ที่เห็นคือผมเดาไม่ถูกเลยว่ามันกำลังคิดยังไงกับเรื่องนี้
“พวกมึงรวมหัวกันหลอกกู”ใจผมกระตุกวูบ เพราะน้ำเสียงเศร้าๆ ที่แฝงไปด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดและน้ำตาของมันที่หยดลงพื้น
“กูทำไปเพราะกูรักมึงนะ”ผมรีบสวมกอดและเช็ดน้ำตาจากดวงตาคู่สวยนั้น
“อย่ามาแตะตัวกู”ร่างผมถูกผลักออกอย่างแรงจนเซ
“มึงจะโกรธกูก็ได้ แต่อยากให้มึงลองคิดดูว่ากูทำไปเพราะอะไร” ผมเอื้อมมือไปจับมือของมันเพื่อหวังให้มันได้รับรู้ถึงสิ่งที่ผมรู้สึกให้ส่งผ่านไปถึงมันด้วย
“ความจริงบางอย่าง มันก็ทำให้คิดได้ว่าความจริงอื่นๆ มันเป็นแค่คำโกหกนะว่าไหม”ตี๊ฟแกะมือผมออก พร้อมกับหันหลังเดินตรงไปที่ประตู
“เรายังรักกันอยู่ไหม”ผมสวมกอดมันจากข้างหลัง
“พอเถอะ กูจะกลับบ้าน”
ต้องให้เวลาตี๊ฟเค้านิดนึงเนอะ