วันที่ 35
ผมค่อยๆ ปรือตาขึ้นช้าๆ เพราะรู้สึกว่าร่างกายมันอ่อนล้าเหลือเกิน สมองน้อยๆ ของผมเริ่มประมวลผลว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง หน้าผมเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อเริ่มจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมแทบจะหลับตาลงอย่างเดิม ถ้าไม่มีเสียงเอ่ยทักขึ้น
“ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก”เจ้าของคำพูดดึงผมกระชับเข้าสู่อ้อมแขน ใช่แล้วละครับ หลังจากที่กลับมาจากตัดไหมเย็บเมื่อวาน ผมก็ไม่มีอะไรจะปฏิเสธไอ้คนที่อยู่ข้างๆ นี่ได้ ซึ่งตอนแรกผมก็คิดว่าคงจะไม่อะไรมากมาย แต่เล่นเอาผมหมดเรี่ยวหมดแรงไม่ได้นอนทั้งคืนกันเลยทีเดียว ไม่รู้มันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กว่าผมจะได้นอนก็จะเช้าอยู่แล้ว
“ยังไม่ตื่น”ผมปิดเปลือกตาลงอีกครั้งพร้อมกับกระชับผ้าห่มคลุมกาย เมื่อรู้สึกได้ว่าผมไม่ได้สวมอะไรไว้เลย ทั้งที่จริงๆ มันมีอีกหลายเรื่องที่เราต้องทำ ก็ปรากฏว่าไม่ได้อะไรเลยนอกจากเรื่องบนเตียง แต่ที่ผมยอมเพราะผมเองก็ไม่มั่นใจว่าหลังจากวันพรุ่งนี้ ระหว่างเราสองคนมมันจะเป็นยังไงนั่นเอง น้าหมอของไอ้เชษฐ์จะยังให้เราสองคนอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมหรือเปล่า
“ตื่นเถอะ...กูหิวแล้ว”ปากบอกว่าหิวแต่ไอ้มือปลาหมึกเนี่ยมันกำลังแกล้งผมอยู่แน่ๆ เลย
“หิวก็ไปหาไรกินเซ่ คนจะนอน เพลียจะตายอยู่แล้ว”ผมพยายามขยับตัวออกห่างแต่เหมือนจะไม่เป็นผลสักเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายดูจะรู้ทันและแรงผมก็สู้มันไม่ได้อยู่แล้ว
“ก็นี่ไงที่กูอยากกิน”นิ้วของคนพูดจิ้มๆ มาที่ตัวผมก่อนจะตามมาด้วยริมฝีปาก พรมจูบไปแทบจะทั่วตัวผม และมาจบที่ริมฝีปาก
“อืม...ไม่เหนื่อยบ้างหรือไง”ผมงัวเงียถามออกไปหลังจากที่ริมฝีปากเราผละออกจากกัน
“ไม่เหนื่อยเลยสักนิด อีกสิบรอบก็ยังไหว”เชิญไหวไปคนเดียวเหอะ ผมได้แต่เบ้ปากให้คนพูดอย่างเหนื่อยหน่าย
“แต่กูเหนื่อย เพลีย ง่วง จะนอน โอเคไหม”แล้วผมก็ดึงผ้าห่มคลุมโปงพร้อมกับหันหลังให้อีกฝ่ายอย่างไม่ใยดี แต่เหมือนมันจะยังไม่ละความพยายามเพราะตอนนี้ไอ้หื่นมันมุดเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่มกับผมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อะไรกันแค่นี้ก็ไม่ไหวแล้ว...นี่สงสัยกูต้องหาคนช่วยมึงแบ่งเบาภาระซะละมั้ง หาใครมาเป็นกิ๊กดีน้า”น้ำเสียงล้อๆ พร้อมกับสายตายียวนที่ส่งให้ผมใต้ผ้าห่มนั้นผมก็พอรู้หรอกว่ามันแค่พูดเล่น
“ตามสบาย อยากมีใครอีกสักกี่คนก็แล้วแต่เลย”ผมแกล้งพูดอย่างไม่ใยดี จนอีกฝ่ายต้องเอามือมาปิดปากผม
“ไม่หึงหน่อยเหรอ...หึงหน่อยนะ”แล้วแทนที่จะได้นอนพักผ่อนสุดท้ายก็มามัวเล่นกันอยู่แบบนี้ ผมเลยตัดสินใจพลิกตัวกลับพร้อมกับโอบกอดอีกฝ่ายไว้แน่น ซึ่งดูเหมือนไอ้เชษฐ์จะตกใจแกมแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่
“อยู่นิ่งๆ หลับตาลง กูจะนอน ถ้าไม่นิ่ง หลังจากวันนี้เราจะกลับไปแยกห้องกันนอนเหมือนเดิม”คนฟังทำตาโต ก็แน่สิเพราะไอ้ที่กอดกันอยู่ตอนนี้ผมกะจะแกล้งมันนั่นแหละ เอาให้มันคลั่งไปเลยดูสิว่ามันจะยอมทนตามคำพูดของผมหรือเปล่า
“แกล้งกันนี่นา...งั้นกูขอลุกไปทำกับข้าวรอมึงตื่นซะยังจะดีกว่าถ้าให้นอนอยู่ในสภาพแบบนี้ กูก็ทำตามที่มึงขอไม่ได้อยู่ดี”ว่าแล้วไหมล่ะ
“งั้นก็ลุกไปได้แล้ว”ผมทำเป็นไล่อีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้ แล้วผมก็ต้องรีบเอาผ้าห่มคลุมปิดทั้งหน้าอีกรอบเพราะไอ้เชษฐ์ เล่นลุกขึ้นทั้งๆ ที่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวแม้แต่ชิ้นเดียว
“ทำยังกะไม่เคยเห็นนะ”น้ำเสียงหัวเราะเบาๆ นั้นอดที่จะทำให้ผมหมั่นไส้ไม่ได้แต่ผมก็พยายามไม่สนใจ พยายามข่มตาหลับลงให้ได้ เพราะรู้สึกอยากจะพักผ่อนเสียเหลือเกินในตอนนี้ เพียงไม่นานผมก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีก
ไม่รู้ผมหลับไปนานแค่ไหน แต่ตอนนี้ที่ผมเริ่มรู้สึกตัวเพราะว่าผมเหมือนลอยตัวอยู่ยังไงไม่รู้ ผมค่อยๆ ลืมตาและพยายามปรับสภาพสายตาให้ชินกับแสง แล้วก็ต้องแปลกใจที่เหมือนผมกำลังลอยตัวอยู่
“ทำอะไรเนี่ย”ผมร้องออกมาแทบจะเป็นเสียงตะโกน พร้อมทั้งดิ้นให้หลุด เพราะตอนนี้ร่างเปลือยเปล่าของผมถูกไอ้เชษฐ์อุ้มช้อนตัวแล้วกำลังพาเดินไปไหนไม่รู้ คำพูดผมเหมือนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสนใจแม้แต่น้อย เพราะยังคงอุ้มผมเดินต่อไปและทำเพียงหันมาหัวเราะผมเบาๆ เท่านั้นเอง
“ปล่อยกูลงได้แล้ว”ตอนนี้ผมเริ่มรู้แล้วว่ามันอุ้มผมมาห้องน้ำนั่นเอง จะให้ผมอาบน้ำก็ปลุกกันดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องมาทำอะไรแบบนี้เลย
“กูพยายามปลุกมึงแล้วนะแต่มึงไม่ยอมตื่นเสียที กูกลัวว่าถ้าปล่อยไว้กูคงได้ลักหลับมึงแน่ๆ เลยตัดสินใจว่าจะเอาโยนลงอ่างน้ำเนี่ยแหละน่าจะตื่น แต่ไม่นึกว่าแค่อุ้มขึ้นมาก็จะตื่นแล้ว”ผมแทบจะอ้าปากค้างกับคำพูดของมันแต่ละคำ เพราะปกติผมไม่ใช่คนนอนขี้เซาขนาดว่าจะปลุกยากเย็น แล้วยังจะไอ้ที่มันจะเอาผมมาโยนลงอ่างบ้างล่ะ ลักหลับผมบ้างล่ะ อะไรของมันเนี่ย ผมอยู่กับโรคจิตที่ไหนป่ะเนี่ย
“ปล่อยๆ เดี๋ยวกูอาบน้ำเองก็ได้ ออกไป”ผมผลักให้ไอ้เชษฐ์ออกนอกห้องน้ำ แม้จะดูแล้วว่ามันอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย แต่จากที่มันพูดเรื่องลักหลับเมื่อสักครู่ ผมก็ไม่อยากจะไว้ใจให้มันมายืนดูผมเปลือยอยู่แบบนี้หรอกนะครับ
“เร็วๆ นะถ้าไม่อยากให้กูช่วยอาบ”ผมปิดประตูแทบจะทันทีที่ไอ้เชษฐ์ถอยออกไปพ้นประตู เพราะยิ่งปล่อยไว้นานมันจะพาลไม่ได้อาบกันพอดี ทว่าพอไอ้เชษฐ์ออกไปแล้วผมหันมองกระจก ผมก็แทบอยากจะบีบคอมันเสียให้รู้แล้วรู้รอด นี่มันทำอะไรของมัน ผมเปิดประตูออก และก็ต้องตกใจเพราะอีกคนยังยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“นี่อะไร”ผมชี้ร่องรอยตามตัวให้อีกฝ่ายดู
“ก็รอยจากการที่กูปลุกมึงไง”คำตอบของไอ้เชษฐ์ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย มันปลุกผมด้วยวิธีไหนของมันกัน
“ทำเป็นงงไปได้ ก็กูเรียกมึงก็ไม่ตื่น เขย่ามึงก็ไม่ตื่น กูก็เลยไล่จูบมึงไปทุกูขุมขนดูนะสิว่าจะตื่นไหม แต่ก็ยังไม่ตื่....”ไม่ต้องรอให้มันพูดจบผมก็ปิดประตูทันที เพราะแค่คิดภาพตามที่มันพูดผมก็รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งตัวแล้ว
ผมใช้เวลาชำระล้างร่างกายเพียงไม่นานก็เสร็จเรียบร้อย พอออกจากห้องน้ำก็มีคนบริการอย่างดีเยี่ยม ทั้งเช็ดตัวเช็ดผม ทาครีมบำรุงผิวให้ แถมจัดแจงเสื้อผ้าไว้ให้อีกต่างหาก รวมถึงบนโต๊ะอาหารที่เหมือนจะตั้งไว้ให้ผมแล้วเช่นกันอะไรจะบริการดีเยี่ยมขนาดนั้น
“นี่แล้วพรุ่งนี้จะไปหาน้าชาตอนไหนเหรอ”พรุ่งนี้แล้วสิที่จะเป็นวันเกิดของไอ้เชษฐ์และแน่นอน ตามที่มันคุยกับพี่มาศวันก่อนว่าวันเกิดมันจะบอกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันให้น้าชาได้รับรู้ พอพูดเรื่องนี้ผมสังเกตได้ว่าไอ้เชษฐ์เองก็ชะงักไปเหมือนกัน คาดว่ามันเองก็คงกัลวลในเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
“ไปด้วยกันไหม”ผมวางช้อนแทบจะทันทีที่มันพูดจบแทนที่มันจะตอบคำถามผม แต่มันดันมาถามผมกลับแบบนี้ ซึ่งถ้า เอาตรงๆ ก็คือผมไม่กล้าไปสู้หน้าน้าชาเค้าหรอกครับ ด้วยหลายๆ อย่างที่ลองทบทวนแล้ว มันไม่เหมาะที่จะไปสักเท่าไหร่ และประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับผมก็คงไม่พ้นเรื่องที่มันเคยเกิดกับผมมาแล้ว แม้ผมจะบอกกับไอ้เชษฐ์ไปแล้วว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมก็จะฝ่าฟันไปพร้อมกับมันนั้น ผมไม่มั่นใจเอาเสียเลย ว่าถ้าเกิดน้าช้าเค้าไม่ยอมรับในเรื่องนี้ และมาพูดกับผมอย่างที่พ่อของมันส์ เคยทำ ผมจะยังฝืนต่อไปได้หรือเปล่า
“ไม่ดีกว่า....เรื่องนี้กูว่ามึงคุยเฉพาะในครอบครัว จะดีกว่ากูคนนอกมันดูจะไม่เหมาะ”ผมตอบปฏิเสธออกไปอย่างที่รู้สึก ก็ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้มันจะผ่านไปได้ด้วยดี ผมไม่ได้หวังให้น้าชา เค้ายอมรับได้ขนาดที่บ้านผม แต่ก็หวังว่าน้าชาคงไม่ต่อต้านขนาดพ่อของมันส์ ขอแค่น้าชายอมเปิดใจ และค่อยๆ ให้โอกาสพวกเรา แค่นั้นผมก็พอใจแล้ว
“ตอนนี้ไม่ใช่คนในครอบครัว อีกหน่อยก็ใช่แล้ว”แหมพูดไปยังกะต่อไปจะแต่งงานกันเป็นครอบครัวงั้นแหละ พูดมาได้ แถมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก ยังมาทำเป็นปากดี ถ้าเกิดน้าชาไม่ยอมรับเรื่องนี้ขึ้นมาแล้วจะรู้สึก....ซึ่งคงไม่ใช่ไอ้เชษฐ์คนเดียวที่จะรู้สึก แต่ผมเองก็คงเช่นเดียวกัน
“พูดเล่นอยู่นั่นแหละ”ผมแกล้งทำน้ำเสียงดุเล็กน้อย ว่าให้มันดูจริงจังหน่อย ยิ่งเรื่องนี้ผมว่าในแต่ละครอบครัวก็คงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะซีเรียสอยู่พอสมควร กับการที่จะมีคนในครอบครัว มีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน แม้ทุกวันนี้สังคมจะเปิดกว้างกับเรื่องนี้มากขึ้น แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่เห็นด้วยหรือเห็นด้วยแต่ไม่อยากให้เกิดกับคนในครอบครัวตัวเอง บางทีแค่ความรักที่คนสองคนมีให้กัน มันก็ยังไม่พอหรอกสำหรับในโลกของความเป็นจริง ว่าแต่นี่ผมคิดมากไปหรือเปล่าหว่า ทั้งที่ว่าจะไม่คิดมากแล้วนะเนี่ย
“กลัวหรือเปล่า”อีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือผมไว้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ผมไม่ได้ตอบออกไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายหมดความเชื่อมั่นในตัวผมก็ในเมื่อคำตอบของผมก็คือแน่นอนว่าผมกลัว แล้วคาดว่าไอ้เชษฐ์ก็คงมีความกังวลว่าผมอาจจะเลือกทำอย่างเมื่อครั้งที่ผมเคยเลือกสมัยคบกับมันส์อยู่แล้ว
“จริงๆ กูน่าจะตัดสินใจบอกเรื่องนี้กับน้าชาไปตั้งนานแล้วเนอะ จะได้ไม่ต้องมากังวลอะไรอยู่แบบนี้”ยิ่งไอ้เชษฐ์พูดมันยิ่งเหมือนจะตอกย้ำว่าเรื่องนี้มันคงไม่ใช่อะไรที่จะง่ายๆ หรือเป็นไปตามที่พวกผมต้องการสักเท่าไหร่
“เอาน่า...มันอาจจะดีกว่าที่เราคิดไว้ก็ได้นี่นา”ผมพยายามพูดปลอบใจทั้งตัวเอง และก็ไอ้เชษฐ์ด้วย
เหลืออีก 10 วัน
แหละ 10 วันจากนี้คือส่วนที่คนแต่งรื้อหลายรอบมาก
คือแต่งไว้แล้วมาอ่านอีกทีก็ไม่ค่อยชอบเป็นอยู่หลายรอบมาก
และที่เลือกมาก็ไม่ใช่ว่าจะดีที่สุดน้า ออกตัวไว้ก่อนเลย
มันอาจจะขัดๆ ไปบ้างนะคร๊าบบบบ ยังไงกะรออ่านแล้วกันเนอะ