
ก่อนอื่นต้องอภัยที่หายไปนาน เเต่เพราะว่าหาเวลาว่างไม่ได้เลยงานเยอะมาก

เเต่ตอนนี้เริ่มเคลียร์ๆได้เเล้ว หวังว่าคงไม่ลืมกัน เเละเพื่อดอลฟี่คริสไปเสียก่อน
อยากจะตอบคอมเม้นทุกคนนะ เเต่กลัวตอบไปแล้วจะหลุดพล็อตของตัวเอง
ขอบคุณนักอ่านบางท่านที่รอคอยเเละติดตามอยู่ขอรับ

DOLLFIE
ตุ๊กตาต้องสาป
18
คุยกับพวกที่พูดไม่เรื่องนี่มันน่าหงุดหงิดครับ แต่คุยกับดอลฟี่ที่ไม่เข้าใจภาษามนุษย์นี่มันน่าหงุดหงิดยิ่งกว่า...
มันจะตามมาทามม้ายยยยยยยยยย!!!!
หลังจากที่เห็นคริสอยู่ในกระเป๋าผมก็รีบปิดซิบแล้วเผ่นออกมาจากซุ้มในทันที ดีที่ว่าไอ้ไก่กับไอ้ส้มมันไม่ได้ถามว่าทำไมผมถึงพาคริสมามหาลัยด้วย พอเห็นห้องน้ำโล่งๆปลอดคน ผมรีบตรงดิ่งเข้าไปห้องด้านในสุดแล้วเปิดซิบให้คริสออกมา
"นี่เล่นบ้าอะไร?" ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก ทำไมไอ้ตุ๊กตาบ้านี่มันถึงได้ชอบงอแงนัก
คริสไม่ตอบกลับในทันที เขากระโดดลงบนพื้นห้องน้ำ และขยายตัวเป็นชายร่างสูง จากห้องน้ำแคบๆตอนนี้แทบจะไม่มีอากาศหายใจเลยล่ะ!
เงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มออกมาบางๆ แล้วมันก็พูดน้ำเสียงไม่น่าเชื่อเท่าไร "ก็เป็นห่วง"
เหอะ! เป็นห่วงหรอ? นี่เชื่อมากเลยนะหน้ามันนี่ดูลั้นลามาก เมื่อวานยังเที่ยวไม่พอหรือไง! "นี่มาเรียนไม่ได้มาออกรบซักหน่อย พอเลยจะกลับห้องแล้วกลับไปเป็นตุ๊กตาเหมือนเดิมเดี๋ยวนี้!" ผมสั่ง
แต่ดูเหมือนว่าคริสจะเชื่อผมมาก "..." ใช่... เชื่อมาก เชื่อขนาดที่ว่ามันยังยืนอยู่เฉยๆแล้วยิ้มจนตาหยีเหมือนคนบ้าคนหนึ่ง นี่มันจงใจยั่วโมโหผมใช่ไหมเนี่ย!
"คริส!"
"ชู่วววว..."
พอผมตะคอกใส่ มันกลับเอามือปิดปากผมไว้แล้วยกนิ้วส่งสัญญาณให้เงียบเสียงลง ผมทำได้แค่ย่นคิ้วเข้าหากันมองร่างสูงรอดูว่ามันคิดจะทำอะไรกันแน่ ไม่นานนักกลับมีเสียงฝีเท้าของนักศึกษาที่เดินเข้ามาในห้องน้ำ แต่เสียงพวกเขาอยู่ไกลมากคาดว่าน่าจะอยู่อีกฝั่งของห้องน้ำ
"น่าเสียดายที่พี่เขากลับบ้านเร็วไม่อย่างนั้นคงชวนไปบ้านแล้ว" เฮ้ย! นี่มันเสียงไอ้ส้มหรือเปล่าวะ!
"ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกไม่นานเขาคงได้พบเราอีก"
"แต่ส้มอยากให้เลย์เป็นคนเร็วๆนี่ แล้วไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า แต่ถึงจะคิดแบบนั้นส้มก็กลัวว่าพี่เขาจะไม่ยอมช่วย..."
"ไม่เป็นไรนะเด็กดี... เลย์จะช่วยอีกแรงคาดว่าพ่อมดคงจะหาหนทางนี้ได้"
"แต่... ส้มกลัว"
"ความกลัวคือสิ่งที่น่ารังเกียจ... หากอยากช่วยเลย์ก็ต้องกำจัดความกลัวเหล่านั้นไปซะ..."
"ตะ แต่.."
"..."
เอิ่ม.... นี่ไอ้ส้มมันกำลังพูดถึงใครครับ?
บทสนทนาที่ได้ยินมันทำให้ผมใจเต้นอย่างแปลกประหลาดเหมือนได้ยินความลับอะไรบางอย่างของไอ้ส้มกับคนชื่อเลย์ ผมนี่นึกถึงใบหน้าหล่อๆของคนเมื่อวานเลยครับ และคาดว่าน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน เงยหน้ามองคริสแล้วต้องสะดุ้งโหยงเมื่อแววตาสีครามนั่นมันช่างดุดันแลน่ากลัว มือหนายึดไหล่ของผมเอาไว้แน่น แล้วโอบกอดราวกับหวงแหนผมก็ไม่ปาน
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน นี่ไอ้ส้มมันคิดจะทำอะไรอย่างนั้นหรอ? แล้วพี่ที่ว่านั่นมันใช่ผมหรือเปล่า ผมกำลังคิดในแง่ดีอยู่ว่ามันอาจจะหมายถึงเรื่องอื่น เราไม่ควรที่จะตีความไปก่อนหากไม่รู้ความจริงจากปากเจ้าตัว ตั้งท่าจะออกไปแสดงตัวคริสกลับจับมือของผมเอาไว้แน่น พอเงยหน้ามองมันกลับส่ายหน้าเนิบๆเพื่อห้าม
"เมื่อวานเลย์เห็นหน้าเขาแล้ว... ตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพาตัวไป รอโอกาสเหมาะๆเสียก่อน"
"แต่เลย์... ส้ม... ขอส้มคิดเรื่องนี้อีกทีจะได้ไหม?"
"ส้มไม่รักเลย์อย่างนั้นหรอ?"
ผมนี่อยากจะแสดงตัวเข้าไปขวางพวกเขาจริงๆให้ตาย เรื่องสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านนี่เป็นงานถนัดครับ แต่บทสนทนานี่มันกลับทำให้ผมรู้สึกผิดที่ดันมาได้ยินเข้า ตั้งท่าจะออกไปคริสมันกลับห้ามผมไว้อีกครั้ง...
เฮ้ย! อย่าห้ามสิไอ้ส้มมันกำลังโดนล่อลวงนะแล้วไอ้ที่ผมได้ยินนี่มันส่อไปในทางที่ไม่ดีชัดๆ! ผมมั่นใจว่าน้องของผมมันเป็นคนดีนะอย่างน้อยก็กีดกันมันออกมาจากคนชื่อเลย์นั่นก็ยังดี!
แต่มาคิดอีกที... ถ้าเกิดผมออกไปแล้วพวกมันไม่ได้ทำอะไรมากกว่าที่ผมคิดล่ะ หรือผมจะระแวงไปเอง...
ถ้าขืนเป็นแบบนั้นนี่คงหน้าแหกหมอไม่รับเย็บดีไม่ดีถูกรุ่นน้องมองไม่ดีด้วย นี่อาจจะเสียคนดีๆอย่างไอ้ส้มไปเลย แถมมันยังใช้งานง่ายด้วย...
แต่พอผมคิดได้เสียงของพวกเขาก็เงียบไปแล้วล่ะครับ มีเพียงแค่ผมกับคริสที่กำลังแลกอากาศหายใจกันอยู่ในห้องน้ำแคบๆ เงยหน้ามองคางเรียวตาปริบๆ เสมือนตัวเองอยู่ในหนังรักใคร่แล้วมีเพลงรักหวานซึ้งประกอบให้มันพรุ้งพริ้ง...
แต่... บรรยากาศไม่เป็นใจครับ กลิ่นไม่ค่อยจะอำนวยเท่าไรพวกผมจึงต้องพากันเคลื่อนย้ายออกมาจากห้องน้ำแคบๆนี่โดยด่วน!
กอบโกยอากาศเข้าเต็มปอดแล้วหันไปถามคริส "เมื่อกี้ไอ้ส้มมันหมายความว่าอะไรน่ะ เพื่อนมันชักชวนทำอะไรที่ไม่ดีเปล่าวะ?" แต่มันกลับยืนนิ่งเหมือนกำลังครุ่นคิด ผมนี่ทำได้แค่ถอนลมหายใจเฮือกๆ ห่วงน้องก็ห่วง สงสัยก็สงสัย แถมคริสมันยังทำตัวได้น่าหงุดหงิดอีก
"ถามไม่ตอบ นายนี่มันกวนประสาทจริงๆ" ส่ายหน้าแบบเอือมๆให้มันไปทีแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปจากห้องน้ำแต่คริสกลับยึดไหล่ของผมเอาไว้
"อะไรอีกล่ะ ปล่อยสิจะกลับห้องจะได้ไปคุยกันที่ห้องไง"
"ไม่ได้ กลับปกติไม่ได้แล้ว"
"ฮะ?" อะไรของมันดูร้อนรนชอบกล "เป็นอะไรของนายอีกเนี่ย"
"มีอะไรบางอย่างที่ชั่วร้าย และคริสคิดว่าพ่อมดชั่วนั่นอาจจะอยู่ใกล้ๆตัวเรา"
"ฮะ! อะไรนะ" อยู่ๆก็มาพูดแบบนี้นี่ผมงงไปหมดละนะ ถามมัน "ทำไมถึงคิดแบบนั้น มันจะมาโผล่ที่นี่ได้ยังไงทั้งๆที่นายก็ตามหามันมานานมากแล้ว แถมมันก็ตายไปแล้วนี่"
"นั่นมันก็แค่สิ่งที่คริสคิดเท่านั้น ส้ม... เมื่อครั้งที่เจอกันครั้งแรกไม่ได้มีกลิ่นอายของความชั่วร้ายอยู่เลย แต่ตอนนี้..." มันเงียบเสียงไป และทำสีหน้าตึงเครียด
"นี่จะบอกว่าไอ้ส้มเป็นพ่อมด? บ้าน่ะ! นั่นมันน้องกูไอ้ส้มมันนิสัยดีจะตายไป" ผมโวย
คริสส่ายหน้า "ครับไม่ใช่ส้มแต่เป็นคนอื่น"
"ฮะ? คนอื่น แล้วใครกันล่ะ" ถามกลับไปด้วยความสงสัย แต่ไม่ทันที่คริสจะพูดอะไรกลับเกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น แสงไฟในห้องน้ำที่เคยส่องสว่างกลับเกิดปัญหาติดๆดับๆ ผมเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัยพลางมองไปรอบๆบริเวณเมื่อบรรยากาศมันเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มันดูเงียบสงบราวกับว่าที่นี่ไม่มีใคร
"เดินทางกลับปกติไม่ได้แล้ว มาเถอะ"
"ฮะ อะไร?" ไม่ทันที่ผมจะถามว่ามันจะทำอะไร คริสกลับทำในสิ่งที่ไม่น่าเชื่อ ดวงตาของผมเบิกโพลงเป็นไข่ห่านจ้องมองภาพตรงหน้าแฟนตาซีทะลุจอ เมื่อคริสใช้เล็บของเขากรีดม่านอากาศเป็นทางยาวจนเกิดช่องมิติ เห็นทุ่งกว้างที่ส่องแสงออกมา รู้สึกว่าทิวทัศน์นี้ผมจะเคยเห็นมันมาผ่านๆตาตอนที่คริสพาผมกลับห้องตอนที่ป่วย ตอนนี้มันชัดแล้วว่าคริสพาผมกลับห้องทางไหน
"ไปกันเถอะ"
หมับ!
"เฮ้ย! อุ้มทำไมเนี่ย!"
"ไม่ได้เดี๋ยวไม่ทัน"
"ไม่ทันอะไรวะปล่อยจะเดินเอง" พอผมจะโวยมันก็วิ่งเข้าไปข้างในด้วยความเร็ว...
"บะ บะ เบา ห่อย กะ ด้าย กู สะเฮือน" นี่ตรูพูดภาษาอะไรวะเนี่ย! แล้วไอ้บ้านี่มันก็วิ่งไม่คิดชีวิตจริงๆ ตอนนี้สภาพเหมือนพวกเด็กช่างโดนวิ่งไล่กระทืบยังไงยังงั้น คริสมันก้มลงมองผมครู่หนึ่ง
"แปปเดียวนะ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว" มันบอกผมว่างั้นผมเลยพยักหน้าจนฟันมันกระทบกันหงึกๆ เพราะว่ามันวิ่งอย่างกับติดไอพ่นผมเลยขยับตัวโอบกอดมันเอาไว้แล้วเอาหน้าซุกไหล่แต่ทว่า...
เหี้ยแล้วไง! นั่นมันตัวอะไรวะ!?
"เฮ้ย! ตัวไรอ่ะ" พยายามมองเพ่งผ่านไปตามทางเหมือนเห็นตัวอะไรไม่รู้เหมือนลูกกลอกวิ่งตามมา แต่ตัวมันดำมากตาสีแดงจัด ผมนี่ขนลุกซู่เลยครับพี่น้อง นี่ผมเห็นภาพลวงตาหรือไอ้ที่ตามมานี่มันเป็นผีวะ!
เชรดดดด! ผีหลอกกลางวันแสกๆเรอะ? ไม่สินี่มันเย็นแล้วโว้ยยยยย! ผีหลอกกกกกกกกก!!!!!
คริสหันกลับไปมองครู่หนึ่ง สีหน้าเขาดูเครียดมากก่อนจะสั่งผม "หลับตา"
"ฮะ?"
"หลับตาเร็วเข้า!"
เออๆ หลับก็หลับ! ไม่สั่งก็หลับอยู่แล้วเว้ยตัวอะไรไม่รู้น่ากลัวชิบหาย!
ผมกอดคอคริสเอาไว้แน่นหลังจากที่ทำตามคำสั่ง รู้สึกเหมือนร่างสูงจะหมุนตัวกลับไปทางตัวประหลาดเหล่านั้น ได้ยินเสียงดังวาบเกิดแสงสว่างกระทบเปลือกตาก่อนที่มันจะดังปัง! ไปทั่ว ไม่อยากบอกว่านี่มันยิ่งกว่า3Dอีกครับ! ทั้งกลิ่นไหม้กลิ่นดิน และเสียงร้องที่ดูน่ากลัวเหมือนเจ็บปวด ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งหลังจากที่เสียงสงบลง
"ใกล้จะถึงแล้ว" มันบอกผมน้ำเสียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และมุ่งหน้าไปยังจุดหมายเหมือนหนทางมันจะไกลกว่าเดิม ผมจะถามมันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกตกใจจนใจตึกตักแต่ไม่ทันพูดมันออกมาหรอกครับ...
ครึก ครึก ครึก...
"เฮ้ย! นั่นมันไททันหรอ?" ชี้ไปทางข้างหลังด้วยอาการตกตะลึงงัน คริสเหมือนจะตกใจไม่ต่างจากผมแต่คราวนี้เขาเลือกที่จะหนีมันไปเสียมากกว่า มือของไอ้ยักษ์ที่เหมือนไททันยกขึ้นร่างกายมันเต็มไปด้วยเปลวไฟอะไรสักอย่าง มันฟาดมือที่เหมือนดาบมาทางพวกผมจนเกิดทางยาว
ปัง!!!
"เฮ้ย!!!"
"ถึงแล้ว!"
"ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!!"
โครมมมมมมมมม!!!!!!
นี่กลิ้งอยู่ในห้องเป็นลูกขนุนเลยให้ตายสิวะ!
พยายามหมุนตัวลุกขึ้นด้วยความมึนงงหลังจากที่พวกผมประสบพบเจอกันเหตุการณ์ระทึกขวัญมาหมาดๆ พอหันกลับไปทางที่พวกผมออกมาก็เห็นว่าประตูนั่นถูกปิดด้วยความเร็วจนปีศาจร้ายนั่นตามมาไม่ทัน นี่เรากำลังเล่นหนังกันอยู่หรือไงวะ!
"นี่มัน.. เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!" สบถด้วยความตกใจระคนตึงเครียด รีบคลานเข่าไปดูคริสที่นอนแน่นิ่งอยู่ เฮ้ย! เป็นอะไรมากป่าววะเนี่ย ตอนนี้ผมช็อคมากที่เห็นคริสบาดเจ็บ!
"เป็นอะไรหรือเปล่า" เขย่าร่างหนาที่นอนไม่ได้สติได้กลิ่นไหม้บนแผ่นหลังของเขา จับร่างกายให้ลุกขึ้นโอบกอดผมแล้วมองแผ่นหลังนั่น ปรากฏเห็นเป็นแผลไฟทางยาวพร้อมๆกับเปลวไฟสีแดงที่เหมือนมันกำลังจะมอดดับ
"ไฟหรอ!" ไม่ได้การต้องรีบดับ
หมับ!
"ยะ อย่า" ไม่ทันที่ผมจะหาอะไรมาห้ามไม่ให้ไฟมันลุกขึ้น คริสกลับคว้ามือของผมเอาไว้ และห้ามเสียดังลั่น ผมทำได้แค่นั่งเอ๋อมองไอ้ตุ๊กตาบ้านี่กำลังพยุงตัวเองลุกขึ้น ผมจึงค่อยๆพากันพยุงตัวลุกขึ้นยืนมองร่างสูงที่มีใบหน้าเหยเกย คริสเอี้ยวตัวไปข้างหลังแล้วใช้พลังทำให้เปลวไฟนั้นดับลง ผมนี่นึกถึงกลิ่นไก่ย่างเลยครับ...
"เจ็บไหม? เป็นอะไรมากหรือเปล่า? แล้วไอ้ตัวเมื่อกี้มันคืออะไร แล้วๆๆๆ" แล้วอะไรดีว่ะตื่นเต้นโว้ย!
"ไม่มีอะไรไม่ต้องห่วง"
ไม่ห่วงก็บ้าแล้วเว้ย! สีหน้าที่เคยซีดอยู่แล้วตอนนี้มันซีดเสียยิ่งกว่าไก่ต้มเสียอีก ผมนี่ใจหายวาบเลยให้ตายดึงแขนของคริสพาร่างสูงเดินไปนั่งบนที่นอนแล้วสั่งมัน "อย่าเพิ่งขยับตัวนะ" แล้วเดินไปทางตู้เสื้อผ้าเพื่อหยิบกล่องยาที่ซุกไว้ กลับไปหาคริสพร้อมถอดเสื้อผ้าของเขาออกไป คริสไม่ได้ห้ามผมที่กำลังจะแก้ผ้าเขามันกลับมองผมอยู่อย่างนั้น ส่วนผมนี่เครียดมากตอนที่ถอดเสื้อแต่พอเห็นบาดแผลแล้วต้องย่นคิ้วเข้าหากัน
"หายไปแล้ว?"
"ก็บอกแล้วว่าไม่มีอะไรไม่ต้องห่วง" มันยิ้ม
"ไม่ห่วงได้ไงก็โดนเล่นงานตั้งขนาดนั้น แล้วเมื่อกี้ตกใจมากเลยรู้ไหมทำไมเรื่องบ้าๆพวกนี้ถึงเกิดขึ้นกันฮะ" ค่อนข้างที่จะไม่พอใจ และโล่งใจในคราเดียวกันจนอยากจะร้องไห้ออกมาเลยให้ตายสิ
"ไม่ร้องนะ"
"ไม่ได้ร้องเว้ย! เมื่อกี้ฝุ่นดินมันเข้าตา" ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่กลัวมากจริงๆ ผมกลัวว่าจะสูญเสียคริสไปแล้ว
ร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงหน้าค่อยๆเอื้อมวงแขนโอบกอดผมอย่างช้าๆ ตอนนี้รู้สึกทำอะไรไม่ถูกจริงๆมันอยากจะร้องไห้ออกมาแบบนั้น ซบลงบนอกแกร่งแล้วใช้อกมันซุกหน้าเช็ดน้ำตาได้ยินเสียงหัวเราะครืนมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกโมโห นี่ไม่ตลกเลยนะ แต่ทำไมมันชอบเห็นเป็นเรื่องตลกอยู่เรื่อย แล้ววันนี้ก็มีอะไรไม่รู้แปลกๆเยอะแยะ แล้วคนที่ชื่อเลย์เป็นใครผมนี่อยากจะรู้มาก
เงยหน้ามองคริสสบนัยน์ตาสีครามที่ดูอ่อนล้า "บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น นายต้องรู้ใช่ไหม?"
คริสทำหน้าเหมือนหนักใจแล้วพยักหน้า "ใช่"
ผมดันไหล่มันออกไปเพื่อเผชิญหน้าก่อนที่มันจะแถไม่ยอมเล่าอะไรให้ผมฟังอีก "แล้วตกลงสิ่งที่เกิดมันคืออะไร?"
คริสสบตาผมนิ่งก่อนจะพูด "ดูเหมือนว่าเราคงไม่ต้องออกตามหาพ่อมดนั่นแล้ว... มันกำลังตามล่าเรา"
"ฮะ!?"
"ฟังไม่ผิดหรอก ดูเหมือนว่ามันยังไม่ตาย และอาศัยอยู่ในประเทศนี้"
"นี่นายจะบอกว่า เจ้าพ่อมดอะไรนั่นมันมีชีวิตยืนยาวมาเป็นร้อยๆปีแล้วมาโผล่มาอยู่ที่นี่งั้นสิ" คริสพยักหน้า
"จะเป็นไปได้เรอะ!?" คนนะไมใช่ไดโนเสาร์แม่งมีอายุเป็นร้อยๆปี
"เป็นไปได้ในเมื่อมันไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา" เออผมลืมไป
"ถ้าอย่างนั้น... ไอ้ตัวประหลาดนั่นเป็นฝีมือของ..."
"น่าจะใช่"
ผมนี่มึนกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าถึงจะเจอเรื่องแปลกๆมามากแต่มันก็ไม่ชินเสียที "มันต้องการทำร้ายเรา?"
คริสส่ายหน้า "ไม่แน่ใจว่ามันต้องการที่จะทำลายคริสคนเดียวหรือเปล่า" ผมนี่ใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม
"ทำลายหรอ บ้าไปแล้วก็ไหนนายเคยบอกว่ามันเป็นคนทำให้นายเป็น..."
"ก็ใช่ แต่ตอนนี้ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว และอีกอย่างคริสเองก็เป็นอันตรายต่อมันเพราะไม่มีใครกำจัดมันได้นอกจากคริส" ยิ่งฟังยิ่งสับสน ยิ่งมึนงงจนต้องนั่งก้มหน้ากุมขมับ ในใจกลัวมากจริงๆ ผมกลัวว่าจะสูบเสียดอลฟี่ของผม...
"ไม่ต้องกลัวนะ คริสจะปกป้องเต๋าเอง" มือหนาที่จับไหล่บีบคลึงเบาๆให้ผมคลายความกังวลออกไป แต่... ขอโทษนะไอ้คำพูดนี่มันต้องเป็นของผมสิวะ!
"นี่มันต้องเป็นคำพูดของฉัน ไอ้พ่อมดโรคจิตนั่นมันจะฆ่านาย ฉันสิต้องปกป้อง!" มันทำสีหน้าเหมือนตกใจก่อนจะหัวเราะครืน...
"..."
อะไร? ทำไม? นี่ไม่ตลกเลยนะดอลฟี่ของผมตั้งสามแสนนะ ถึงจะได้มาฟรีๆแต่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกชายของผมแล้ว ไอ้เต๋าไม่ยอมเฟร้ย! ข้ามศพข้าไปก่อน!
"ฮึฮึ เต๋านี่เป็นเจ้านายที่ตลกจัง"
"ถ้าขืนยังหัวเราะอยู่กูนี่แหละจะบีบคอมึงให้ตาย!" ฮึ่ม! ไอ้บ้านี่มันชอบทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปจริงๆ
"อ่า... รู้แล้วไม่หัวเราะก็ได้" มันยิ้มให้ผมจนตาหยี แต่นี่ไม่เคลิ้มหรอกนะ! กำลังอารมณ์ไม่ดี "แต่... ขอบคุณนะ" แล้วมันก็พูดกับผมเสียงอ่อนมาก...
น้ำเสียงดูเหนื่อยล้าอ่อนแรง ใจที่กำลังเคืองๆอยู่อ่อนยวบจนต้องถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมทำได้แค่พยักหน้าย่นคิ้วเข้าหากันในความเป็นห่วงดอลฟี่ของผม จับมือหนาเอาไว้ และกุมเอาไว้แน่น ถ้าผมสูญเสียเขาไปมันคงเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ...
ในเวลานี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูน่ากลัวไปเสียหมด จากชีวิตที่ธรรมดากลับกลายเป็นไม่ธรรมดาหลังจากวันที่ผ่านพ้นวันเกิดผมมา มันเป็นอะไรที่น่าปวดหัวที่สุด
ผมเช็ดเนื้อตัวให้กับคริสที่นอนพิงอยู่บนหมอนด้วยความอ่อนล้า แม้ว่ามันจะไม่จำเป็นต่อคริสเลยที่ผมทำอย่างนี้แต่ผมอยากจะทำ และดูแล สีหน้าที่ดูอิดโรยดูมันเหมือนไม่ใช่คริสของผมมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีนัก เขาสูญเสียพลังเพื่อต้องการปกป้องผมนี่แหละที่ทำให้ผมรู้สึกกังวล...
"หรือว่าไอ้ส้มจะเกี่ยวอะไรกับพ่อมดนั่น... หรือว่าจะเป็นไอ้ส้มที่ทำเรื่องนี้กันล่ะ? แล้ว คนชื่อเลย์นั่น... แล้ว... วันนี้พี่ชินก็พูดอะไรแปลกๆ"
"หืม?" คริสเลิกคิ้วเป็นเชิงถามเมื่อผมบ่นในสิ่งที่สงสัยออกไป
หลังจากที่ผมได้ยินในสิ่งที่พวกนั้นพูด เพียงแค่คล้อยหลังไปได้ไม่นานก็เกิดเรื่องแปลกๆ หรือมันจะเป็นอย่างที่ผมคิด ไม่สิ ผมกับไอ้ส้มรู้จักกันมาก็เกือบจะสองปีแล้วตั้งแต่มันอยู่ปีหนึ่งมันไม่มีทีท่าว่ามันจะเป็นพวกของพ่อมดเลย แถมมันยังนิสัยดีมากในความคิดของผม แต่กับไอ้พี่ชินผมไม่ค่อยได้สนิทกันอยู่แล้วแต่ก็ไม่เห็นเขาจะดูเหมือนคนเลวอะไรเลย ทุกคนล้วนมีภูมิลำเนาของตัวเองเพราะพวกผมก็มักจะไปเที่ยวบ้านเกิดของแต่ละคนในแต่ละปีบ่อยๆเวียนกันไป... ผมนี่คิดไม่ออกเลยจริงๆ
"ยังกังวลอยู่อีกหรอ?"
ผมเงยหน้ามองมัน "แน่สิ ยังข้องใจอยู่ ว่าแต่คนชื่อเลย์นั่น..."
"อืม... คนชื่อเลย์ไม่ใช่คน"
"ฮะ?" เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
"ไม่ได้ยินเสียงของหัวใจ... อาจจะเป็นเหมือนกับคริส"
"อะไรนะ!? นี่จะบอกว่ามีตุ๊กตาต้องสาปอีก?"
เขาส่ายหน้า "ไม่ใช่ เขาไม่เหมือนคริส..."
"ไม่เหมือนยังไง" ผมนี่อยากจะรู้จนหูผึ่ง
คนตรงหน้าถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หลับตาของเขาลงก่อนจะเปล่งเสียง "ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้าอยากจะรู้ต้องเจอกันซึ่งๆหน้าอีกครั้ง แต่มันคงไม่ดีหรอก"
"ทำไมล่ะ?" ผมคิดว่ามันอาจจะดีด้วยซ้ำบางทีมันอาจจะมีทางออกที่จะทำให้คริสกลับมาเป็นคนได้
คริสทำหน้าเหมือนหนักใจ เขาดูเครียดจนผมกลัว "จำได้ลางๆว่า พ่อมดนั่นมีตำราเล่มหนึ่งที่สามารถทำให้ตุ๊กตาสามารถมีชีวิตเหมือนคนได้ แต่ตุ๊กตานั่นจะถูกสิงด้วยดวงวิญญาณชั่วร้ายมันจะรับใช้คนที่ปลุกมัน... จะบอกยังไงดีล่ะ อืม... มันไม่มีความรู้สึกเหมือนกับคริส" ผมพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ
"แต่... ในตำรานั่นมันไม่ได้บอกว่าตุ๊กตาจะกลายเป็นคนได้..."
"แต่คนชื่อเลย์นั่นดูเหมือนคน" ผมเองก็กำลังหาข้อสรุปของเรื่องนี้ แต่ดูท่ามันจะมืดแปดด้านจริงๆ
"ใช่... คริสจึงไม่เข้าใจ"
"แล้วเจ้าส้มล่ะ? ตกลงใช่พ่อมดหรือเปล่าหรือมันเกี่ยวข้องกัน?"
เขาส่ายหน้า "ไม่ใช่"
รู้สึกโล่งใจอย่างแปลกประหลาดที่มันไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด หรือไอ้ส้มมันจะถูกชักใยข้างหลังอีกทอดหนึ่ง แต่คนที่น่าสงสัยอีกคนนี่คงเป็นพี่ชิน แต่คริสก็ไม่เห็นจะมีปฏิกิริยาอะไรเวลาที่เห็นพี่เขา ผมว่าไม่น่าจะใช่หรอกมั้ง ถึงเขาจะพูดจาแปลกๆแต่เขาก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด...
"งั้น....เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครคือพ่อมดตัวจริง"
มันส่ายหน้าอีกละ "ไม่รู้"
เฮ้อ! ผมนี่อยากจะเอาหัวโขกหมอนให้ตายให้รู้แล้วรู้รอด อะไรมันจะวุ่นวายน่าปวดหัวอย่างนี้ไม่อยากจะคิดว่าสิ่งที่ผมเคยดูในหนังหรือเคยอ่านเกี่ยวกับพวกนิยายแฟนตาซีมันจะเป็นเรื่องจริง แต่อย่างว่า... ถ้าไม่อิงจากเรื่องจริงมนุษย์เราคงไม่มีทางคิดมันออกแน่นอน อย่างน้อยผมก็เป็นคนหนึ่งบนโลกล่ะที่รู้ว่าสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติเหล่านี้มันเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง แต่เรื่องพ่อมดนั่นผมต้องเรียกแก๊งนักสืบสกู๊ปปี้ดูมาไขคดีให้ปะ? ไม่แน่นะโคนันอาจจะเคยมีตัวตนจริงๆ...
สติจงกลับมาเถอะเต๋า...
"ไม่ต้องคิดมากนะ พวกมันไม่มีทางทำร้ายเต๋าได้ถ้าคริสยังอยู่หากพันธะระหว่างเรายังไม่หมด..."
ผมมองใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มบางๆให้....
เฮ้อ...!
พยักหน้าให้มันหงึกหงัก "อืมรู้แล้ว"
"แต่ในระหว่างนี้... พยายามอย่าอยู่ห่างคริสหรือไก่นะ..."
"อ้าวไอ้ไก่เกี่ยวไรอ่ะ?"
"พวกมันคงไม่กล้าที่จะแสดงตัวให้มนุษย์เห็น... ถ้าอยู่กับไก่อาจจะปลอดภัย"
"ออ งั้นหรอ.... อืมๆรู้แล้วน่า ทุกวันนี้ก็อยู่กับมันตลอดจนจะกลายเป็นฝาแฝดตัวติดกันอยู่แล้ว" ตอบกลับไปไม่จริงจังนัก คริสยิ้มให้ผมอีกครั้งก่อนที่เขาจะหลับตาลง ดูเหมือนว่าเขาจะเหนื่อยมาก เหนื่อยจนน่าเป็นห่วง ผมควรจะมีประโยชน์กับคริสมากกว่านี้อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้สึกดีได้บ้าง ถาม "แล้วจะกลับมาเป็นปกติอีกเมื่อไร ไม่ชอบเลยที่เห็นนายดูอ่อนแอ"
ดวงตาสีครามค่อยๆลืมตาขึ้นมองผมอย่างช้าๆ กลีบปากอวบอิ่มยิ้มที่มุมปากบางๆ ยกมือหนาขึ้นจับใบหน้าของผมเบาๆจนผมรู้สึกใจเต้นแรง สบตาเขา ในเวลานี้เหมือนเวลามันหยุดหมุนอีกแล้ว...
"แค่รู้ว่าเจ้านายเป็นห่วงก็รู้สึกดีแล้วล่ะ" แล้วเขาก็ยิ้มให้ผมจนตาหยีอีกครั้ง...
อ๊ากกกกก ใจมันเต้นตึกตักเสียกว่าตอนที่หนีปีศาจพวกนั้นซะอีก!
"อย่ามาปากหวานน่า แล้วนี่มีอะไรที่พอจะช่วยได้หรือเปล่า" ถามกลับไปเหมือนมีความหวังว่าจะมีประโยชน์กับมันบ้าง
ใบหน้าหล่อเหลาที่ทอดมองมาค่อยๆแย้มยิ้มอย่างช้าๆ ผมว่ารอยยิ้มของมันเปลี่ยนไป มันดูเจ้าเล่ห์ตามสไตล์ของมันอย่างไงอย่างงั้น แล้วคำตอบที่ได้ผมนี่อยากจะเอาหมอนอุดปากมันจริง....
"ช่วยได้สิ... ถ้าเต๋ายอมให้คริสกินอีกหลายๆครั้ง..."
หึ!.... หึหึ
"อย่ามาเจ้าเล่ห์กับข้านะไอ้ตุ๊กตาบ้า!"

.....
ส่วนใครที่ถามหาตอนพิเศษช่วงปีใหม่มีเเน่นอนครับ
