ฉาวครั้งที่๑๘ผมได้ยินข่าวเรื่องโปรเจคสุดท้ายของภาคินกับค่ายXYแว่วๆจากโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นในระหว่างที่ผมกำลังล้างจานอยู่ในครัว น้ำเสียงที่ฟังดูเหมือนกระตือรือร้นดังแว่วมาเข้าหู
'ผมจะทำให้เต็มที่ครับเพราะถือว่าเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายอำลากับทางค่าย เรื่องสัญญาเราก็คุยกันด้วยดี ไม่ได้ทะเลาะเหมือนที่มีข่าว ผมขอย้ำอีกครั้งว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่น ...ผมก็อาจจะพักๆ ห่างๆไปก่อน เพราะว่าผมก็อยากจะพักให้เต็มที่'
และก็ตัดกลับไปที่พิธีกรเสียงแหลมอีกครั้ง ผมไม่ได้ห่วงมากเท่าไหร่เพราะถ้าหากมีการตุกติกสัญญาภาคินก็คงไม่ตัดสินใจร่วมโปรเจคด้วยแน่ ผมไม่อยากจะถามมันเรื่องนี้สักเท่าไหร่ยกเว้นเจ้าตัวจะหยิบยกเรื่องนี้มาพูดเอง เพราะช่วงนี้ไอ้ภาคินมันกลายเป็นคนขี้เหวี่ยง อารมณ์ร้ายเหมือนเมื่อสมัยยังมีข่าวฉาวยังไงอย่างนั้นเลย
"เมฆ เจนโทรมาแหน่ะ"เสียงแม่ตะโกนดังมาจากห้องนั่งเล่น ผมตะโกนรับก่อนจะเช็ดมือที่เปียกลงกับกางเกง
"มีไรวะ"ผมแนบหูกับโทรศัพท์ก่อนจะออกไปคุยด้านนอก
[เฮ้ย ตอนนี้มึงได้ดูข่าวช่องGTV อยู่รึเปล่า] มันถามเสียงเครียด
"เปล่าว่ะ ทำไมอ่ะ"
[มึงรีบเปิดเลย] เสียงร้อนรนของมันทำให้ผมเดินกลับเข้าไปในบ้านก่อนจะเดินไปกดเปลี่ยนช่องไปยังช่องดังกล่าว ผมเบิกตามองรูปข่าวตรงหน้า ที่ดูเหมือนเป็นรูปผมส่วนรูปข้างๆกันในอิริยาบถล่อแหลมนั้นดูคล้ายกับผมแต่ไม่ใช่ผมแน่ๆ
'เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คว่านายเอกหนัง GVคนดังกล่าวนี้ใช่คนเดียวกันกับแฟนหนุ่มของภาคินรึเปล่า'
เดี๋ยวนะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ ผมจ้องมองจอทีวีเหมือนคนไม่เข้าใจเรื่องราว
[เห็นรึยัง]
"เออ ไม่ใช่กูนะเว้ย แค่คนหน้าเหมือน"
[เหอะ กูรู้ กูจำหน้ามึงได้น่า...]
"แล้วไอ้คนนั้นมันเป็นใครวะ ถ้ามันเล่นหนัง GV จริง มันก็น่าจะมีประวัติข้อมูลของมันไม่ใช่เหรอ"ผมพึมพำเปลี่ยนช่องเมื่อแม่เดินออกมาจากครัว
[ก็เออดิ กูก็ลองไปค้นหาดูแล้วนะ แต่ก็ไม่มีว่ะเหมือนมันเพิ่งเล่นเป็นเรื่องแรก ก็คงแค่หวังเกาะกระแสล่ะมั้ง]
"ช่างเถอะ ก็แค่ข่าวไร้สาระอีกข่าว"ผมย่นคิ้วถอนหายใจก่อนจะวางสายจากเพื่อน ก็ไม่เชิงว่าเป็นข่าวไร้สาระหรอก มันคงจะตลกร้ายน่าดูหากมีคนมาทักผมว่าเป็นนายเอก GV เร้าร้อนคนนั้น
ด้วยความสงสัยผมจึงเสิร์ชหากูเกิ้ล ผมเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์เมื่อไม่รู้จะพิมพ์ค้นหาว่าอะไร ผมใส่ชื่อผมลงไป ...พระเจ้า...มีคำต่อท้ายว่า GV
ผมกลายเป็นเมฆ GVไปแล้ว จะบ้าตาย ผมเข้าโซเชี่ยลทั้งหลายที่ตัวเองมี ในไอจีมคนมาถามในภาพที่ผมอัพเดทล่าสุด เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด ผมจึงโพสต์ข้อความอธิบายว่านั่นไม่ใช่ผมแค่คนหน้าเหมือนเท่านั้น ผมจ้องคอมเม้นที่ตอบกลับมาด้วยอารมณ์หลากหลาย จะมีคนเชื่อหรือเปล่าว่าผมพูดเรื่องจริง ไม่มีอะไรมาพิสูจน์หาก นายเอกGVตัวจริงไม่โผล่หัวออกมา ผมเอนพิงเก้าอี้ ป่านนี้มันจะรู้ข่าวตลกนี่หรือยัง ไอจีของพี่แต้วมีความเคลื่อนไหวโพสท์ว่า
'อะไรคือเมฆ GV ??'
ผมอมยิ้ม ก่อนจะโพสต์ข้อความพร้อมกับรูปน้องแมวทำหน้าตกใจเสมือนตอบกลับเพราะรู้ว่าเป็นภาคินที่เล่นไอจีพี่แต้วแน่ๆ
'ตลกดี'
สักพักก็มีความเคลื่อนไหว
'ไม่ตลกเลยนะ เมฆGVมีที่ไหน ถ้าเมฆPKสิของจริง ฝากทุกคนไปคิดด้วยนะ มีงานต่อ...'
PKคือชื่อย่อของภาคิน มันก็ช่างคิดนะผมก็แค่คนธรรมดาที่บังเอิญไปเป็นข่าวฉาวกับซุปเปอร์สตาร์เข้าแล้วก็บังเอิญได้คบกันอีก ผมก็พยายามอย่างเต็มที่อยู่ในมุมของผมแต่พวกเขาก็ลากผมออกมาจากมุมเงียบๆของตัวเองทุกที ผมมีลางสังหรณ์แปลกๆว่าข่าวนี้คงเล่นได้อีกหลายสัปดาห์และยังโยงไปยังประเด็นเก่าๆที่เคยพูดกันคือผมเป็นเด็กขายน้ำ
เจ้าพวกสหายทั้งหลายก็ตามกระแสขุดเพจผมที่พวกมันตั้งขึ้นมาต่อต้านกระแสเมฆ GV แต่ช่วยดันกระแสเมฆ PKให้ผมด้วย งานนี้ได้แต่ถอนหายใจเฮ้ออย่างเดียวเมื่อผมเป็นข่าวฉาวเพราะคนหน้าเหมือนเนี่ย ผมรู้สึกเหมือนได้กลับไปยังช่วงที่เป็นข่าวฉาวกับภาคินใหม่ๆเพราะผมต้องคอยหลบหลีกนักข่าว แมวมองค่ายGVและระมัดระวังตัวเองทุกฝีเก้าผมยังไม่มีโอกาสได้คุยกับภาคินจริงๆจรังๆสักทีแต่เวลาออกงานภาคินมักจะถูกถามถึงเรื่องเมฆGVและเขาก็ช่วยปฏิเสธให้ผมด้วยน้ำเสียงขบขัน วันนี้ก็เช่นกัน
'ผมว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดมากกว่าใครสักคนคงเล่นตลกแน่ๆ '
'แล้วได้คุยกับน้องเมฆเรื่องนี้หรือยังคะ'นักข่าวยื่นไมค์เข้ามาถามอีก
'ก็คุยกันแล้วครับ เขาก็ว่าขำๆดี แล้วผมก็อยากให้เลิกเขียนข่าวที่ไม่เป็นความจริงเสียทีเพราะมันทำให้เขาเสียหาย...อะไรนะ ไม่ใช่แน่นอน ผมยืนยันว่าแค่คนหน้าเหมือน ผมอยากให้คุณGVตัวจริงออกมาแสดงตัวด้วย ขอบคุณครับ'
ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อดูข่าวเสร็จรู้สึกแย่นิดหน่อยที่ภาคินโดนโจมตีไปด้วย ผมปิดข่าวก่อนจะออกไปรอไอ้บอร์ทมารับไปเรียน แต่รถที่เคลื่อนตัวมาจอดกับเป็นรถคันเก่าที่ผมจำได้ว่าเป็นรถของภาคิน ผมเบิกตากว้างอย่างยินดีรู้สึกคิดถึงมันมากกว่าทุกที ผมเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะรีบแทรกตัวเข้าไปนั่งเพราะรู้สึกเหมือนถูกจับตามองแปลกๆ ภาคินสวมเสื้อแขนยาวสีเข้มเอาฮู้ดคลุมปกปิดหน้าตาให้ความรู้สึกเหมือนวันแรกๆที่เจอกัน ภาคินยื่นแว่นตาให้ผม
"ใส่กันไว้"เสียงมันแหบเล็กน้อย ไม่ได้ฟังดูมีเสน่ห์แต่ดูเหมือนมันจะป่วยมากกว่า ผมเอามือแตะหน้าผากมันในขณะที่รถเคลื่อนออกไป
"ไม่สบายเหรอ"
"นิดหน่อยน่ะ กินยาเดี๋ยวก็หาย ...ว่าแต่เป็นไงบ้าง คงไม่ได้โดนโจมตีอะไรใช่ไหม"ภาคินหันมามองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันไปมองการจลาจรเบื้องหน้าต่อ
"ก็ไม่เท่านายหรอก โทษที ทั้งๆที่กำลังไปได้สวยแท้ๆ"อีกฝ่ายหัวเราะ ก่อนจะเคาะนิ้วลงกับพวงมาลัยเมื่อติดไฟแดง
"ไม่เกี่ยวหรอก นายคงยังไม่เห็นข่าวใหม่ของฉันล่ะสิ เรื่องที่ฉันดูซูบๆไปเพราะว่าติดยา"ภาคินกลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ
"นายผอมจริงๆด้วย พวกนั้นใช้งานหนักรึไง"ผมจับข้อมือที่เคยหนากว่านี้ของมันดู
"แหงล่ะ เพราะสัญญาใกล้หมดพวกเขาเลยต้องรีบตักตวง แต่อีกเดี๋ยวทางค่ายคงโดนโจมตีหนักแน่ๆ ..."มันเงียบไปเหมือนวางแผนอะไรอยู่
"ตอนนี้ก็เร่งโปรโมทรายการกันยกใหญ่ ฉันยอมอ่อนข้อ ทำสัญญาตกลงร่วมมือกับค่ายครั้งนี้แน่นอนว่าสัญญายืดออกไปอีกจนกว่าจะอัดรายการเสร็จ ...แต่ก็ไม่รู้จะอัดเสร็จรึเปล่า..."คนข้างๆพึมพำ ผมเลิกคิ้วมองอย่างสงสัย
"มีอะไรเหรอ"
"ตอนนี้ค่ายกำลังแย่ หนี้ก็มากขึ้น ฉันได้ยินข่าวจากวงในมาว่ามีค่ายยักษ์ใหญ่จับตามองรอเทคโอเวอร์อยู่น่ะสิ...ถ้าเป็นไปตามที่ฉันคาดล่ะก็ทางเฮียเปรมต้องล้มก่อนแน่"ผมแอบกังวลเล็กน้อย แต่ภาคินหันมาเคาะหน้าผากของผมเต็มแรง
"อย่าคิดมากน่า เรื่องนี้ฉันลอยตัวอยู่แล้ว ห่วงตัวเองเถอะ กลายเป็นเมฆ GV ไม่รู้ตัว"ผมหัวเราะแห้งๆ ในขณะที่ชายหนุ่มข้างๆออกรถต่อ ว่าแต่...มันจะพาผมไปไหน
"จะไปส่งฉันในคณะใช่ไหม"
"ไปกินข้าวเช้า"มันส่งยิ้มกลับมา ผมมองนาฬิกา ถ้าไปล่ะก็พลาดคาบแรกแน่ๆ
"คิวงานว่างสินะ"ผมกำลังกดส่งข้อความไปให้เพื่อนๆสุดที่รักให้ทำการเซ็นชื่อให้
"อือ แค่ช่วงเช้า แต่ถ้านายติดเรียนก็ไม่เป็นไร ฉันไม่อยากให้การเรียนนายแย่เพราะมาคลุกอยู่กับฉัน"
ผมชั่งใจเล็กน้อย ผมกลายเป็นเด็กดื้อเพราะมันซะแล้วโดดเรียนเพื่อหาเวลาอยู่กับมันนี่...คุ้มรึเปล่านะ แต่ชีวิตมันก็ต้องมีแหกกฎกันบ้าง ไอ้บอร์ทส่งกลับมาว่า
'คนติดแฟน'
"เข้าสายหน่อยก็ได้ อ.ไม่ดุ"ความจริงแล้วดุฉิบเลย เข้าสายก็จัดการล็อคห้องแล้ว ไอ้เพื่อนที่เหลืออาจจะคิดว่าผมติดผู้ชายแต่ไอ้ผู้ชายคนนี้มันไม่ใช่คนธรรมดาเสียด้วยสิ ยังไงผมจะยอมทำครั้งนี้ครั้งเดียวก็แล้วกัน
ภาคินยกยิ้มก่อนจะเลี้ยวรถเข้าไปในมหา'ลัย ผมหันไปมองงงๆ ไหนว่าจะไปกินข้าวล่ะ แต่ผมก็เริ่มถึงบางอ้อเมื่อมันขับเข้ามาใกล้คณะผมเรื่อยๆ
"จะกินที่คณะกับฉันเหรอ"
"อืม สยบข่าวลือที่ว่านายเป็นแค่กิ๊กฉัน แล้วก็ข่าวที่บอกว่าฉันกับนายเลิกกันแล้ว"มันตอบเสียงระรื่น มองมันด้วยสายตาคาดไม่ถึง มันเอาจริงเหรอ ช่วงที่ผ่านมาผมกับมันไม่ค่อยได้ไปไหนมาด้วยกันเพราะเรื่องงานและเวลาไม่ตรงกัน
คำตอบอยู่ตรงหน้าแล้วเมื่อคนขับหน้าลูกครึ่งหยุดรถที่ลานจอด ผมเอาแว่นออกเพราะไม่คิดจะไปในสภาพนี้ ภาคินดึงฮู้ดลง มันจัดผมให้เข้าทรงก่อนจะลงรถ ผมก้าวตามไปติดๆ รู้สึกถึงสายตาที่พุ่งมาหาทันที มองผมเพราะไอ้ข่าว GVนั่นแน่นอน และมองไอ้คนตัวสูงที่ยืนเลือกกับข้าวอยู่ข้างๆเพราะเป็นคนดัง แต่ป้าเจ้าของร้านอาจจะไม่รู้จักเพราะมองผ่านไอ้ภาคินอย่างเฉยเมยก่อนจะหันมาถามผม
"เอาอะไรหนู"ผมกำลังชี้ต้มจืด แต่ภาคินมันขัดขึ้นมาก่อน
"ผมมาก่อนนะครับ"มันยิ้มหล่อคงคิดว่าจะช่วยให้ได้ข้าวเช้าเร็วขึ้น ป้าเจ้าของร้านยิ้มตอบ
"แต่หนูไม่ได้เข้าแถว"ป้าตอบชัดเจน ไอ้ภาคินใบ้กินไปเล็กน้อยมันมองหน้าผมก่อนจะย้ายตัวเองไปต่อแถวสาวๆที่เหลียวมองคอแทบหัก ผมไปรอมันที่โต๊ะว่างๆ ชำเลืองมองนาฬิกาอีกห้านาทีอ.จะล็อคห้อง ผมยังคงพะวงเรื่องเรียนอยู่ ระหว่างที่รอมีผู้ชายคนหนึ่งถือโทรศัพท์เข้ามาหาผม ตอนแรกก็คิดว่าจะถ่ายรูปที่ไหนได้กลับยื่นคลิปที่มีคนหน้าเหมือนผมกำลังเล่นบทถึงลูกถึงคนอยู่
"ใช่นายหรือเปล่า หน้าเหมือนเลย"ผมรู้สึกพะอืดพะอมชอบกลความอยากอาหารลดลงไปเสียเฉยๆ ผมสั่นศีรษะไปมา
"ไม่ใช่ คนหน้าเหมือน"ผมพึมพำบอก
"อ้อ..."แต่รอยยิ้มที่มอบให้กลับบอกให้รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อ
ภาคินกลับมาพร้อมกับสะกิดให้นายคนที่ยืนอยู่หลบไปให้พ้นทาง
"นี่เมฆ PK ของฉัน"มันชี้มาที่ตัวเองก่อนจะวางจานข้าวลง ไอ้คนนั้นจากไปด้วยสีหน้างงงวย
"อึดอัดแย่เลย ฉันกำลังให้คนวงในสืบว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปGV นั่น อีกไม่นานตัวจริงก็โผล่นั่นแหละ ฉันว่ามันคงคิดอิงกระแสจากนายแล้วก็ฉันให้คนสนใจ"ภาคินเขี่ยผัดฟักทองเละๆไปที่มุมจาน ก่อนจะตักแกงส้มมาราดข้าว ผมมองอย่างแปลกใจ
"มองแบบนั้นทำไม"มันเงยหน้ามาถาม
"แค่แปลกใจเฉยๆที่เห็นนายมานั่งกินข้าวแบบนี้ เผอิญพักนี้ฉันติดภาพนายเป็นซุปตาร์ไปหน่อย"อีกฝ่ายสำลักทันทีเมื่อได้ยินผมพูด
"ตอนนี้ฉันไม่ใช่ซุปตาร์เสียหน่อย เป็นอดีตไปแล้วต่างหาก แต่ฉันก็เคยพานายไปกินข้าวมั่นไก่นี่หรือว่าลืมไปแล้ว"ภาคินหรี่ตามอง
"ก็อย่างที่บอกแหละ พักนี้ฉันไม่ค่อยเห็นนายติดดิน"ผมกลับมาสนใจจานข้าวตัวเองต่อ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นผมก็เห็นอ.ที่สอนคลาสผมเพิ่งเดินขึ้นตึกไป หมายความว่าอ.มาสาย และผมยังมีเวลาอีกห้านาที ผมเหลือบมองนาฬิกา น่าจะทันอยู่เพราะภาคินมันกินใกล้จะหมดแล้ว สงสัยผมคงทำเรื่องแย่ๆไม่ขึ้นแหงๆ บอกแล้วผมเป็นเด็กดี
"มาถ่ายรูปอวดคนอื่นก่อน ค่อยไป"แล้วภาคินก็จัดการถ่ายรูปไปสองสามแชะ ก่อนจะอัพไอจีของตัวเอง
"จะไม่โดนว่าเหรอ"เพราะผมได้ยินมาว่าทางต้นสังกัดไม่อยากให้ภาคินถ่ายรูปคู่หรืออัพเดทเกี่ยวกับผมสักเท่าไหร่
"ไม่หรอก"ตอบน้ำเสียงคล้ายๆ ใครสน ผมยิ้มก่อนจะบอกลารีบเข้าเรียนผมหมุนลูกบิดช้าๆ ลุ้นว่าจะล็อคหรือไม่ ปรากฏว่าไม่ ผมเลยเดินตัวลีบเข้าไปนั่งที่ไอ้เชษจองไว้ให้
"นึกว่าหนีเที่ยวกับแฟน"ไอ้บอร์ทถาม
"กูเป็นเด็กดีเว้ย"ผมยักคิ้วให้พวกมัน
"ถุย อ.เขามาสายน่ะสิ เห็นพวกสาวๆคุยฟุ้งเชียวว่าเจอภาคิน มาด้วยกันเหรอ"ไอ้เชษเอนตัวมาถาม
"อืม"ไอ้เชษยิ้มชั่ว
"ตอนนี้ใครๆเขาก็เรียกมึงว่าเมฆGVแล้วว่ะ"ไอ้บอร์ทพูดเสียงกลุ้มๆ ผมสังเกตุว่าเพื่อนบางคนในห้องหันมามองผมบ่อยๆ จนผมขนลุก
"กูฟาดเคราะห์ครั้งใหญ่ก็คราวนี้ล่ะ"ผมพึมพำตอบมันก่อนจะพยายามไม่สนใจอะไรอีก
ข่าวฉาวของดารา นักร้องคนดัง คงเป็นของชอบของใครหลายคน ดูเหมือนคำพูดที่ภาคินมันเคยพูดไว้ในรายการพี่โหน่งจะเป็นหมันไปอีกปีเพราะหนังสือพิมพ์หลายฉบับพากันพาดหัวข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์เกินเลยระหว่างนักร้องอักษรย่อ PKและผู้จัดการ ผมเคยคาดการไว้แล้วว่าต้องเกิดเรื่องทำนองนี้ ก็เลยไม่แปลกใจเท่าไหร่ โปรเจคที่เพิ่งเริ่มโปรโมทก็ดูเหมือนจะแป้กและภาคินเองก็ดูไม่สะทกสะเทือนเท่าไหร่ คนที่วิ่งวุ่นแก้ข่าวตัวเป็นเกลียวคือพี่มิว ภาคินไม่ได้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้มันตอบเพียงแต่ว่า
'ผมจะไม่ตอบคำถามในเรื่องที่ไม่เป็นความจริงเพราะฉะนั้นพวกพี่อย่ามาถามผมอีกนะครับ ผจก.กับผมเป็นเพียงพี่น้องร่วมงานที่สนิทสนมกันเท่านั้น'
ถึงจะเป็นการพูดโกหกแต่ก็ยอมรับว่าภาคินมันวางตัวได้ดีและนิ่งกับคำถามที่ถูกกรอกหูซ้ำๆ
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าภาคินมันจะเก็บกดมาเหวี่ยงเอากับพี่แต้ว พี่เขาโทรมาเล่าอาการมันให้ผมฟังว่าไอ้คินมันเครียด เหนื่อย นอนน้อย ป่วยออดๆแอดๆทำให้มันขี้หงุดหงิด เหวี่ยง วีน อารมณ์ร้าย ครบสูตร สมกับฉายานักร้องปากกรรไกรเจ้าเก่า ผมก็เลยพอจะเข้าใจ เจ้าของชื่อที่ถูกผมนินทาในใจวางแก้วน้ำเสียงดังกึก ผมเหลียวไปมองร่างสูงที่เท้าแขนลงบนโต๊ะอาหาร
"วันๆยัยพวกนี้ก็เอาแต่ขุดคุ้ยไม่รู้จะหาข่าวไหนมาเล่นงานกันอีก เหอะ คิดว่าฉันเป็นพ่อพระหรือไง"ภาคินพ่นลมหายใจออกมาจนผมได้ยิน
"เอาน่า จะสนไปทำไม หงุดหงิดไปก็เท่านั้น สิ่งที่พวกเขาต้องการคืออยากให้นายระเบิดลงตอนสัมภาษณ์แล้วเอาไปเขียนข่าวขายได้อีกข่าว"ผมพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้หงุดหงิดตามไปด้วย ถึงแม้ว่าผมอยากจะปาข้าวของใส่หน้าบูดบึ้งไม่ชวนมองนั้นก็ตาม ร่างสูงเพียงแค่ถอนหายใจเขี่ยข้าวในจานไปมา นี่ก็เหลือเวลาพักอีกครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ภาคินต้องไปถ่ายโปสเตอร์โปรโมตรายการประกวดร้องเพลงต่อ เพราะข่าวแย่ๆ โปรเจคเลยไม่บูมนักถึงแม้จะมีลูกน้ำกับเพชรมาช่วยดึงเรตติ้งก็เถอะ
"ฉันอยากพักจะแย่ รอให้ถึงเวลาก่อนเถอะ..."เสียงทุ้มพึมพำเบาๆก่อนจะเสยผมด้วยท่าทางหงุดหงิดงุ่นง่าน ผมลอบมองสีหน้าอ่อนเพลียของอีกฝ่าย ใบหน้าที่เคยดูดีดูโทรมไปถนัดตาเมื่อปราศจากเมคอัพ
"ก็บอกแล้วว่าให้พักผ่อนจนหายเหนื่อยก่อนก็ได้ แล้วค่อยมา"ผมพูดเบาๆมองอีกฝ่ายอย่างนึกห่วง
"แบบนั้นก็ไม่ได้มาพอดีน่ะสิ ฉันคงหลับยาวแน่"
"เจอหน้านายบ่อยๆ เดี๋ยวก็เบื่อพอดี"ผมพูดทีเล่นทีจริง อยากให้มันขำ แต่ร่างสูงตรงหน้ากลับมองผมด้วยสายตาขวางโลกทันที ผมเม้มปากเมื่อนึกได้ว่าเผลอพูดจาไม่เข้าหูไอ้ภาคินมันเข้าแล้ว
"ไม่อยากเจอกันสินะ"มันถามเสียงแข็ง
"เปล่า ไม่ใช่แบบนั้น"ผมถอนหายใจ พยายามอดกลั้นไม่พูดในสิ่งที่คิดออกมา ภาคินเลิกคิ้วก่อนจะเคาะโต๊ะ
"มีอะไร ...ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น"ผมยิ้มก่อนจะเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อน หันไปมองร่างสูงที่ดูหงุดหงิด
"ก็ได้ ฉันจะพูด นายเลิกทำหน้าเหมือนตูดสักทีได้ไหม ฉันเห็นแล้วอยากหาอะไรเขวี้ยงใส่ ฉันรู้ว่านายเหนื่อย หงุดหงิด แต่ขอร้องอย่ามาเหวี่ยงใส่กัน ไปเหวี่ยงใส่คนที่รับงานมาให้นายเยอะแยะนู่น"เมื่อพูดจบผมก็ควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ ภาคินแค่มองหน้าผมนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก ผมเริ่มจะเดือดขึ้นมาเล็กๆ ก็เลยไม่อยากเห็นหน้ามันเท่าไหร่ เลยเลี่ยงเดินออกไปด้านนอกแทน ได้ยินเสียงเก้าอี้เลื่อนและฝีเท้าหนักๆของร่างสูงที่เดินตามมา
"โกรธเหรอ"มันแตะไหล่ผมเบาๆ
"ไม่ได้โกรธแค่มาสงบอารมณ์"ผมเองก็ไม่อยากทะเลาะกับมัน ผมเดินไปทิ้งตัวที่โซฟากดรีโมทเปลี่ยนช่องไปมาเมื่อหลายวันก่อนมดแทบจะขึ้นปากแท้ๆ วันนี้กลับเลี้ยงน้องหมาไว้ซะอย่างนั้น
"...โอเค ฉันยอมรับว่าเป็นคนผิด ขอโทษที่เหวี่ยงใส่"ภาคินพูดเสียงอ่อนลง
"ไปนอนสักงีบไป"ผมดันหน้าผากที่ซบอยู่กับบ่าเบาๆมันแค่เอียงหน้ากดจมูกลงบนแก้มของผม
"ไม่ล่ะ เดี๋ยวก็ต้องไปแล้ว"มันยกนาฬิกาข้อมือมาดู
"ต้องเผื่อเวลารถติดอีก"ภาคินคว้าหมวกแก๊บกับแว่นตาที่วางอยู่บนโต๊ะไปสวม
"เปิดช่อง MTVนะ ฉันขึ้นร้องสด"
"โอเค สู้ล่ะ"ผมแค่ยกนิ้วให้มัน ก่อนจะหันกลับมาสนใจทีวีต่อ ได้ยินเสียงรถที่เคลื่อนตัวออกไปจากบ้าน ผมเปิดวนไปวนมาอย่างเบื่อๆมีแต่ข่าวเมาท์เรื่องเมฆGVดูจะซาไปเพราะข่าวของภาคินมากลบซะมิด ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้าย ผมเปิดไปยังช่องที่ภาคินบอก ออกไปซื้อขนมหน้าปากซอยคั่นเวลา
กลับมาถึงบ้านภาคินเพิ่งขึ้นเวที ถึงมันจะแต่งหน้าบางๆแล้วแต่ร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้าก็ปรากฏชัดเจน เสียงของมันแหบและเริ่มจะแผ่วๆ มือกีต้าร์ที่ร้องคลออยู่เริ่มหันมามอง ผมสังเกตว่ามันอาการไม่ค่อยดีเลย ผมกลั้นหายใจทนดูภาคินฝืนร้อง เมื่อใกล้จะจบเพลงผมเอาแต่ลุ้นเหมือนเชียร์มวยให้มันร้องให้จบแต่ดูเหมือนมันจะไม่ไหว มันไอออกมาในขณะที่ผมผุดลุกขึ้นขนมร่วงลงจากตัก ไอ้ภาคินก็ล้มหมดสติลงไปในทันที
☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉☉
ผมได้รับอนุญาตให้เฝ้าภาคินได้ หลังจากที่เหตุการณ์วุ่นวายสงบลงมีแฟนคลับกลุ่มหนึ่งพยายามฝ่าวงล้อมของการ์ดเข้ามาเยี่ยมไอ้ภาคินมัน อย่างน้อยก็มีคนห่วงมันตั้งเยอะ แล้วทำไมมันถึงไม่ห่วงตัวเอง ผมนั่งมองคนที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงสีหน้าเหนื่อยล้าที่เคยปรากฏเริ่มจางหายไป หมอบอกว่ามันทำงานหนักและอดนอนหลายวันเข้าจนสะสมร่างกายรับไม่ไหวจึงน็อคแบบนี้ ภาพเหตุการณ์นั้นเหมือนฝังอยู่ในหัวของผมและของใครอีกหลายๆคนที่ได้ดูไลฟ์โชว์ครั้งนั้น
“เมฆ…”ภาคินพึมพำเบาๆ ทำให้ผมหันไปมอง มันฟื้นแล้ว ผมขยับเข้าไปใกล้ก่อนจะบีบนวดมือที่ชื้นเหงื่อของอีกฝ่าย พี่มิวยังไม่โผล่หน้ามาเลย คงกำลังจัดการกับฝูงนักข่าวและคำถามมากมายที่ถามว่า ทำไมภาคินถึงเป็นลม
“หิวน้ำไหม”ภาคินส่ายหน้า มันขยับตัวช้าๆ
“ต้องการอะไร”
“เปิดทีวีให้หน่อย”
“จะดูอะไร นายเพิ่งฟื้นนะ ทำหัวให้โล่งเข้าไว้สิ”ผมทำเสียงดุ ภาคินแค่นิ่วหน้า ผมช่วยปรับเตียงนอนให้มันอยู่ในระดับที่พอดี
“ฉันอยากดูข่าว”รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอิดโรยนั้น เป็นรอยยิ้มสะใจ ผมย่นคิ้วมอง
“น่า…เปิดให้หน่อย”เสียงแหบแห้งทำให้ผมจำต้องลุกไปเปิดให้ ผมส่งรีโมทให้คนป่วยเลือกว่าจะดูช่องไหน มันเปิดไปช่อง MTV ช่องหลังของรายการบันเทิงมีข่าวเรื่องที่มันเป็นลม และข่าวกลุ่มแฟนคลับที่ไม่พอใจและเริ่มโจมตีค่ายXYถึงเรื่องที่ให้นักร้องในค่ายโหมงานหนักจนเกินไป กดค่าตัวอย่างไม่ยุติธรรม ไม่ใช่แค่แฟนคลับของภาคินเท่านั้นแต่แฟนคลับของเจเจ และนักร้องในสังกัดอื่นๆอีกหลายคน ผมหันไปมองคนป่วยที่มีรอยยิ้มพอใจอยู่บนหน้า
“เป็นอะไร”มันป่วยจนเพี้ยนหรือเปล่าเนี่ย
“เปล่าแค่พอใจ ที่มันได้ผล”ได้ผล?ผมยังคงมองมันอย่างเข้าใจ ภาคินกวาดสายตาไปรอบๆเหมือนดูว่าทางสะดวกจะพูดรึเปล่า
“หมายความว่าไง”
“ฉันตั้งใจให้ตัวเองแย่…ฉันรู้ว่าพี่มิวจัดตารางงานให้ฉันจนแน่น แต่ฉันก็ไม่ได้ค้านเพราะฉันรู้ว่าวันไหนวันหนึ่งฉันต้องน็อคแน่ๆ แต่ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้ เฮียเปรมแย่แน่ๆ เขาทนแรงกดดันจากหลายๆฝ่ายไม่ไหวหรอก”ภาคินไอสองสามครั้งก่อนจะเบ้หน้า ส่งสายตาขอน้ำ ผมลุกขึ้นมองภาคินด้วยสายตาที่ไม่เห็นด้วยนัก
“นายทำร้ายตัวเองเพราะเหตุผลนี้เหรอ”ภาคินหันมามองผมอีกครั้ง มือยังคงลูบลำคอตัวเอง ในขณะที่ผมเป็นห่วงมัน มันกลับไม่ห่วงตัวเองเลยด้วยซ้ำ ผมรู้ว่ามันมีเรื่องขุ่นเคืองใจกับทางนั้น แต่ผมคิดว่าเรื่องราวทุกอย่างคงจบแล้วหลังจากที่ตกลงเรื่องสัญญานั่น แต่ไม่คิดว่าภาคินมันจะถึงขั้นลงทุนทำร้ายตัวเองแบบนี้
“นายก็รู้ว่าฉันมีเหตุผล…ฉันไม่หวังให้นายเข้าใจหรอกนะแต่--”
“ใช่ฉันไม่เข้าใจ แล้วก็ไม่อยากเข้าใจด้วย นายอาจจะว่าฉันโลกสวยก็ได้แต่แฟนคลับนายเขาห่วงนายจริงๆ ในขณะที่นายพอใจกับการเอาคืน”ผมถอนหายใจ ผมไม่ได้โกรธมัน เพราะมันเองก็มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้ แต่ผมแค่เสียใจ แล้วก็ผิดหวังที่มันไม่รักตัวเอง สร้างชื่อเสียให้ตัวเองผมก็ว่ามันบ้าแล้วนะ ยังมาเรื่องนี้อีก ภาคินไม่ได้มองหน้าผม ในขณะที่ความเงียบแทรกซึมเข้ามาเสียงข่าวเรื่องต้นสังกัดของมันก็ดังแว่วเข้ามา คิดดูเถอะ ขนาดฟื้นขึ้นมายังอยากฟังข่าวเป็นอย่างแรก มันน่าตบกะบาลนัก
“เมฆ”
ผมถอนหายใจก่อนจะหันกลับไปมองภาคินอีกครั้ง
“พี่ขอโทษ มันจะไม่มีอีกแล้วจริงๆ ทุกอย่างมันจบแล้ว สัญญา”ภาคินส่งยิ้มมาให้ผม สีหน้าของคนป่วยดูเหนื่อยแต่ก็ฝืนยิ้มให้ ผมยิ้มบางก่อนจะจับมือมันมากุมอีกครั้ง
“นายผ่านอะไรมาเยอะแล้ว ถ้าเหนื่อยนายก็พัก ถ้าหนักนายก็ต้องวาง ฝืนแบกไปก็เจ็บไหล่เปล่าๆ”ภาคินมองหน้าผมด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ตอนแรกผมก็คิดว่ามันโกรธที่ทำเป็นอวดดีสั่งสอนมัน แต่ผมก็เบาโหวงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะแหบๆของมัน
“นายทำให้ฉันแปลกใจได้เสมอเลยนะ”ผมเลิกคิ้วมองคนป่วยที่สีหน้าเริ่มดีขึ้นมาบ้างแล้ว
“ฉันแปลกขนาดนั้นเลยหรือ”ผมกลายเป็นของแปลกไปซะแล้ว
“แน่นอน เพราะนายคือเมฆ PK ของฉัน”พูดถึงเรื่องนี้ผมก็นึกถึงเรื่องเมฆ GVขึ้นมาทันที เวลามันประจวบเหมาะมากไปรึเปล่าที่ข่าวของภาคินกับพี่มิวเข้ามากลบ
“คิน นายเป็นคนปล่อยข่าวเรื่องที่เคยคบกับพี่มิวรึเปล่า”ผมหรี่ตามองอย่างจับผิด ภาคินเลียริมฝีปาก นัยน์ตาที่เคยแพรวพราวด้วยความเจ้าเล่ห์เปลี่ยนมาเป็นเซื่องซึม
“อย่าโกรธพี่เลยนะ”
“…”
ผมควรจะดีใจหรือเสียใจดีนะที่คนดังอย่างภาคินเสียสละทำให้ตัวเองเป็นข่าวฉาวเพื่อผมได้ขนาดนี้
THE ENDล้อเล่น
TBC.
มาต้อแว้วววว
บอกแล้วว่าไม่มีมาม่าเยอะ เพราะเราไม่ชอบกิน