ตอนที่ 32
“สวัสดีครับคุณหมอดู ผมได้อ่านกระทู้คุณหมอว่าจะดูดวงให้ฟรีคนละ 1 คำถาม แต่ไม่ทราบว่าผมจะดูดวงผ่านทางนี้ได้หรือไม่ ผมไม่มี skype”
เราคุยผ่านทางไลน์นี่สะดวกสุดแล้ว
“(วันเดือนปีเกิด) เวลาเกิดสองทุ่มกว่าๆ ถามเรื่องความรัก กับคนที่ผมคุยๆอยู่ด้วย”
“ขอบคุณครับ”
“ครับ”
คุณหมอดูตอบกลับไลน์มาแล้ว
“คนที่รู้จักหรือคุยอยู่เป็นคนต่างประเทศหรือเปล่า”
“เปล่าครับ”
“อยู่ในไทยหรือต่างประเทศครับ”
“ไทยครับ”
“คบกันรึยังครับ”
“ยังครับ”
“ปีนี้มีโอกาสสานสัมพันธ์จนเป็นแฟนกันได้นะครับ”
เหรอๆ เหลือเวลาอีกกี่เดือนวะเนี่ย นับนิ้วก่อน
“คือคนนี้แค่คุยเฉยๆใช่มั้ยครับ”
“ครับ คงจะงั้น”
“แต่เขารู้ว่าผมชอบเขาล่ะ”
“ผมมองว่าปีนี้คุณจะเจอแฟนหรือเนื้อคู่ที่มั่นคง”
“แต่ไม่รู้ว่าคนนี้หรือเปล่าน่ะสิ”
ฟังแล้วเหมือนจะดีใจตอนแรก แต่ฟังประโยคที่สองแล้วใจแป้วเลย
“เพราะอายุของคุณมันตกตำแหน่งเรื่องของเนื้อคู่ หรือหุ้นส่วนพอดี”
“อ่อครับ”
“คนนี้นิ่งๆขรึมรึเปล่า”
“คงจะยังงั้นนะครับ”
แรกๆคุยในแชทก็เหมือนจะขรึม หลังๆชักจะกวน ดีไม่ดีมีหื่นผสมอีก
“นิ่งๆขรึมจากภายนอก”
“พูดน้อยมั้ย”
“เหมือนเขาคุยไม่เก่งนะครับ”
อันนี้มโนจากการคุยในแชท
“ก็ไม่แน่นะ”
“เพราะลักษณะเนื้อคู่ของคุณเป็นลักษณะนี้”
“อ่อๆ”
“นิ่งๆขรึมๆ”
“แล้วเขาต้องอายุเท่าไรครับ”
“ถึงจะเหมาะกับผม”
“อันนี้แล้วแต่เลยครับ”
“ไม่ได้ลอกตามดวง”
“ไม่จำเป็นต้องแก่หรือเด็กกว่า”
“ฐานะดีมั้ยคนนี้”
“ดีอยู่ครับ”
“น่าจะนะ”
“อืม”
“ลักษณะเนื้อคู่คุณคือประมาณนี้แต่ใช่คนนี้รึเปล่า ต้องดูไพ่ยิปซีครับ”
“คุณดูได้มั้ยครับ”
“ได้ครับ”
------------------------------------------------------------------------
“วันนี้ผมไปห้างมาล่ะ ซื้อองุ่นแดงมันหวานมากๆ เหมือนใส่ขัณฑสกรเลยนะ”
“ทีนี้ตอนเกือบสามทุ่มเขาก็ลดราคาอาหารกับข้าวแพ็คกล่องใช่มะครับ ผมเดินตาม จนท. แปะราคาเลย 555”
“คุณเคยมาเดินซื้อของชั้นซุปเปอร์มั่งป่ะ”
“เคย”
“ดึกๆเค้าจะแป๊ะลดราคาไปเรื่อยๆ”
“ผมเคยไปซื้อกางเกงทำงานที่ห้าง(…) เห็นมันถูกเลยซื้อ ปรากฏว่าซิปแตก กระเป๋าข้างขาด”
“คุณไปดูที่พารากอนสิ”
“ของดีๆอาหารญี่ปุ่น”
“ข้าวหน้าปลาแพงๆ แบบปลาหิมะ”
“ในซุปเปอร์นะ”
“พอดึกก็จะแป๊ะลดราคา”
“ดึกแค่ไหนล่ะ”
“แต่เค้าจะไม่แป๊ะง่ายๆนะ”
“เพราะจะมีพนักงาน เจ้าหน้าที่ในซุปเปอร์มาเอาอาหารไปก่อน”
“แต่เค้าก็มาไล่ติดแปะราคาแล้วนี่”
“สมมติว่าเลิก 3 ทุ่ม”
“อาหารราคา 350”
“ 1 ทุ่มเค้าจะลดราคากันเหลือ 300”
“อันนี้ราคาข้าวหน้าปลาแซลมอน ข้าวหน้าปลาหิมะ”
“ราคาที่พารากอนเนาะ”
“แต่ถ้าร้านแพงๆ บางทีก็ไม่ลด”
“ผมไม่มีตังค์ซื้อแน่ๆ”
“ร้านอื่นจะลดไปเรื่อยๆ”
“ 2 ทุ่มครึ่งก็ยังไม่ลด”
“แต่พอ 3 ทุ่ม ห้างปิด”
“แป๊ะทิ้งเลย”
“แล้วส่งให้เจ้าหน้าที่ในห้างหรือเพื่อนร้านอื่น 555”
"แบบบางทีลูกค้าจะซื้อแล้ว ถ้าเหลือราคา 199 ตอนสองทุ่มครึ่ง”
“แต่เข้าใจมั้ย ลูกจ้างเป็นคนขาย”
“เค้าแอบลดราคาตอนห้างจะปิดให้กับเพื่อนกันไง”
“แปลว่าไง ลดกันเฉพาะเพื่อน”
“ไปอ่านใหม่เลย 55”
“ที่พารากอน อาจจะเป็นร้านค้าของใครของมัน เค้าจะแป๊ะราคาเอง”
“แป๊ะปุ๊บ ส่งให้คนอีกร้าน หรือเจ้าหน้าที่”
“คนที่ดิวๆกัน ก็ได้กินของดีราคาถูก”
“มันก็เหมือนซื้อเช้าแล้วใส่ตู้เย็นไว้”
“ในซุปเปอร์ จะมีร้านดังๆมาเช่าขายแล้วมีพื้นที่ให้นั่งกินด้วย”
“ถ้าเคเอฟซี ราคาจะเท่าห้างอื่นมั้ย”
“อาจจะแพงกว่านะ ผมว่า”
“แพงนะร้านดัง”
“แต่คุณเข้าใจมั้ยว่า ถ้าจะลดราคาต้องลดไปเรื่อยๆ จนห้างปิด”
“เจ้าของก็จะขายได้ในราคาลดลง”
“บางทีลดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ขายหมด”
“แล้วกำไรได้พอเหรอ”
“แต่ถ้าแอบเอาไว้ แล้วมาแป๊ะลด 80 เปอร์เซ็นต์ เจ้าของก็พลาดโอกาส”
“ลดอยู่นั่นแหละ”
“ห้างจะปิด ต้องทิ้งไง”
“งั้นเค้ามาขายเพื่อนด้วยกันทำไมล่ะ”
“ลูกจ้างไง”
“คุณงงตลอด 55”
“ผมไม่เข้าใจอ่ะ”
“สมมติแบบวันนี้ เจ้าหน้าที่แป๊ะราคาลด”
“คุณเดินตาม”
“แล้ว”
“จะมีของดีๆ ที่ไม่ยอมแป๊ะ”
“ก็ขายลูกค้าไปสิ”
“ของดีๆอันนั้น เพราะเพื่อนบอกว่าจะมาเอา”
“ขายได้ก็ขายไป”
“แล้วขายเพื่อนได้กำไรดีกว่าเหรอ”
“ข้าวปลาหิมะ 350 บาท”
“เจ้าของคือ (…)”
“งงไรเนี่ย”
“อ๋อๆ ลูกจ้างก็ไม่แคร์ ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์สิน”
“พอห้างจะปิดก็แป๊ะเหลือ 50 บาท แล้วก็ส่งให้เพื่อนเลย”
“เพราะไงเดี๋ยวก็ทิ้งเนาะ”
“ลูกค้าก็หมดแล้ว”
“ขนาดอีก 5 นาที ห้างปิดก็ไม่ยอมลด”
“แต่ถ้าแป๊ะราคาตามเกณฑ์ ก็อาจมีลูกค้าซื้อไปแล้ว”
“แต่เพื่อน พนักงานห้าง ก็ซื้อไม่ไหว”
“แล้วตังค์เข้ากระเป๋าตังค์ใคร”
“เข้าเจ้าของ แต่ได้น้อยกว่าที่ควรจะได้”
“ผมสมองช้า คิดตามคุณไม่ทันจริงๆ”
“ช้าจริง 555”
“แล้วลูกจ้างทำตามเพื่อนทำไมล่ะ ได้ผลประโยชน์อะไร”
“เพื่อนกัน แฟนกัน เจ้าหน้าที่คนคุมมาบอก”
“หรือแลกกับของอีกร้าน”
“ถือว่ายักยอกของได้มั้ย กรณีแบบนี้”
“ก็ถือว่าต่างตอบแทน”
“ทำไมคุณรู้เรื่องนี้ดีล่ะ”
“ผมสังเกตเวลาไปกินไง”
“อาหารแพงๆไม่แป๊ะลด”
“ลดแต่ของไม่มีใครเอา”
“แล้วเราไปจ่ายเงิน มองไปก็เห็นเค้าทำกัน”
“อืมๆ คุณก็ช่างสังเกตเนาะ”
“คุณจะเดินตาม เดินวน เค้าก็ไม่แป๊ะ 55”
“หราๆๆ ห้างผมน่ะ เขาแปะราคาเรื่อย ไม่เกี่ยวๆ”
“ก็ผมสงสัยว่า ห้างจะปิดแล้วทำไมไม่ลด”
“แล้วอย่างนี้ ผู้บริหารห้างเขาก็ต้องรู้ปัญหาสิ”
“เขาไม่แก้ปัญหาเหรอ”
“คนขายหายาก ไม่ขาดทุนก็โอเค”
“ได้คนมาใหม่ ก็เหมือนกันแหละ 55”
“ถ้าคุณเป็นผู้จัดการสาขา คุณจะแก้ไขยังไง คิดซิ”
“ fix ยอดได้มั้ย”
“ยอดไม่ได้หายนิคุณ”
“อ้าว ก็คุณบอกว่าห้างจะได้เงินน้อยลงนี่”
“เอาจนพนักงานเบื่อ เค้าก็ไม่เอาเองแหละ”
“ห้างยังไม่เดือดร้อนเลย”
“เรื่องเงิน ทำไมเค้าจะไม่เอา”
“แต่เจ้าของร้านที่มาเช่า ลำบาก”
“ผมลองคิดนะ ห้าง fix รายได้จากซุปเปอร์สมมติสี่แสนบาท”
“ได้จริงคือสามแสนเก้า”
“ก็ไล่บี้เอา ยอดที่หายไป”
“แบบนี้ได้มั้ย”
“ของไม่มีคนซื้อ บังคับได้ไง ของเหลือเยอะ”
“งั้นก็คิดไม่ออกแระ”
“555”
“คุณหัวดีกว่าผม คิดๆๆๆ”
“เก็บมาขายอีกวันก็ไม่ได้”
“เจ้าของไปเอามาทุกวันก็ไม่ไหว”
“งั้นกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่ต้องได้”
“อาทิ เก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
“ทำไม่ได้ตามนี้ ลดเงินเดือนลูกจ้าง ได้ป่ะ”
“อีกวิธีก็ให้มีผู้สังเกตการณ์ในชั้นซุปเปอร์”
“พวกนั้นแหละมาเอา 55”
“ที่ถือวอแดงๆนั่นแหละ ตัวเอา”
“มีระบบห้ามเป็นแฟนกันในที่ทำงาน”
“เค้าคงยอมเสียตังค์”
“ไม่เอาแล้ว ปวดสมอง”
“ขนมโดนัท พอดึกๆถ้าเหลือ คงแจกพนักงานห้างมั้ง”
“หรือบางทีทำน้อยๆโดยเฉพาะแบรนด์แพงๆ”
“บางแบบหมดก็ไม่ทำเพิ่มแล้ว”
“คุณนี่ ตอบซะดูดีเลย 55”
“ถ้ามีคอนโดใกล้ๆห้าง ไปซื้อตอนจะปิดน่าจะคุ้มนะ 55”
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกเม้นต์มากเลยนะครับ
ปล. ที่ลงให้อ่านเนื้อหาแบบนี้ เพราะมันต้องมีสาเหตุ 555
ปล. คุณ pumpkin มาช่วยลุ้น โจกับเด็กซ์หน่อยนะครับ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------